คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : การพบเจอที่แสนวุ่นวาย
บทที่ 2
การพบเจอที่แสนวุ่นวาย
“Hello,we are princess.”ฉันกับไอ้เปรี้ยวทักทายและแนะนำตัวตามแบบที่พวกเราทำมาโดย
ตลอดและทำเป็นท่าประจำไปแล้วด้วยมันก็คล้ายที่บีเอพีต้องทำประจำน่ะแหละน่า
“My name is Zola”
“My name is Bang Yongson”
“1 2 3 we are princess!!! อันยองฮาเซโย”ฉันรู้สึกว่าชักจะบ้าที่ตัวเองแนะนำตัวสองรอบ แต่มัน
ก็ต้องทำแบบนี้แหละเพราะนี่เป็นการแนะนำตัวครั้งแรกแต่แนะนำตัวจริงๆครั้งถัดไปพวกฉันใช้อันที่พูดล่าสุด
นี่ต่างหากเล่า
“We come from Thailand”
“Fighting!!!”
“We like Korea”
“Fighting!!!”
ฉันแกล้งแหย่ไอ้เปรี้ยวจนมันเริ่มทนไม่ไหวแล้วไงคะรอดูนะคะตอนนี้มันขันติอยู่
“And we like your”
“Fighting!!!”
“โว้ย!!ไฟต์ตงไฟต์ติ้งอะไรนักหนาวะ!!?!!”นั่นไงเห็นมั้ยฉันบอกแล้วว่ามันต้องขันติไม่อยู่ มันกำลังจะ
เดินเข้ามาเล่นงานฉัน แต่ไม่รู้เพราะอะไรทำให้มันเสียหลักเกือบล้มแต่...ต๊าย!!!พ่อยงกุกรูปหล่อรั้งเอวเพื่อน
ของฉันไว้ได้ ไอ้เปรี้ยวหันมามองหน้าฉันซึ่งฉันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขอกระซิบนะว่าฉันมีพลังจิตแหละที่เพื่อน
เลิฟของฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะฉันเองแหละ ฮี่ๆๆๆ
“คัมซานะคะยงกุกโอปป้าที่ช่วยเพื่อนฉัน”ฉันเสแสร้งแกล้งพูดด้วยเสียงอันดัดจริตเอามากๆเลย
ทีเดียว
“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจช่วย”ยงกุกตอบกลับมาด้วยภาษาไทยที่โคตรจะชัด
“โอ๊ะ!!โอปป้าพูดไทยชัดมากเลยนะคะเนี่ย”ฉันแกล้งทำเสียงทึ่งทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
“พวกเราทุกคนพูดภาษาไทยกันได้หมดแล้วล่ะครับและพวกเราเคยไปประเทศไทยกันมาแล้วนะ
ครับแต่น่าเสียดายที่เราไปไม่ถูกเวลา แล้วคุณได้ไปดูพวกเรามั้ย?”
“อย่าว่าแต่ดูเลยค่ะแม้แต่เอ็มวีแต่ละตัวของพวกคุณ กว่ายัยแสบนี่จะได้ดูก็ปาไปหลายเดือนเลย
ทีเดียวและที่สำคัญเพื่อนฉันไม่มีปัญญาซื้อตั๋วหรอก แต่อย่าหาว่าใส่ร้ายนะคะยัยเพื่อนตัวดีของฉันเนี่ยไม่มี
ปัญญาหาวีดิโอเฉพาะของพวกคุณเท่านั้นแหละค่ะพอถึงคราวพี่สาวซีเคร็ตคัมแบ็คทีไรยัยนี่เป็นหาดูก่อนทุก
ทีไม่ว่าจะทีเซอร์หรือวอลเปเปอร์”ไอ้เปรี้ยวตอบแทรกขึ้นมาทำให้ฉันซึ่งกำลังจะตอบได้แต่อ้าปากพะงาบๆ
เหมือนปลาขาดน้ำอยู่อย่างเคืองๆยัยเพื่อนที่คอยแต่จะหาจังหวะเอาคืนฉันอยู่ตลอดๆ ฉันกำลังจะเดินไปหา
พ่อกับแม่แต่จู่ๆส้นรองเท้าฉันก็หัก ฉันที่กำลังก้าวเท้าเลยล้มลงกับพื้นอย่างแรงเลยทีเดียว ฉันจึงหันไปมอง
ไอ้เจ้าตัวแสบก่อนจะตะโกนเสียงดังเลยว่า
“ไอ้ทัต!!!!แกแกล้งฉันงั้นเหรอ”เพราะฉันเริ่มโกรธ ไอ้เจ้าตัวต้นเหตุเลยวิ่งไปหลบข้างหลังแม่ ฉันกำ
ลังจะลุกขึ้นแต่ฉันก็รู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่ข้อเท้าเลยปรี๊ดหนักเข้าไปอีกแต่ฉันต้องขันติ น้องชายฉันนิสัยมันก็ได้มา
จากฉันแล้วนะนี่ยังความสามารถพิเศษของฉันอีกแล้วทำไมมันไม่เอาความห้าวหาญดุจชายชาตรีของฉันไปด้วย
นะเอาไปทำไมตุ๊ดแตกแบบนั้นน่ะไอ้น้องพิลึก ฉันพยุงตัวลุกขึ้นได้ก็เดินกะเผลกๆไปหาคนที่นำเข้ามาก่อนจะ
ถามเขาว่า
“พี่คะ...พาไปที่พักได้รึยังคะคือว่าเวลาตอนนี้มันเริ่มจะ...สายแล้วน่ะค่ะและพวกเราก็เหนื่อยกันมากๆ
ด้วยนะคะพาไปได้รึเปล่าคะ?”ฉันแถยาวเลยเพียงเพื่อที่จะได้ไปนอนไวไวเพราะวันนี้ต้องตื่นโดยที่เพิ่งนอนไป
ได้แค่สิบนาทีเท่านั้นเอง
“รอเดี๋ยวนะครับผมขอไปถามพวกทีมงานก่อน”เขาบอกก่อนจะเดินไปที่กลุ่มทีมงานที่กำลังง่วน
อยู่กับงานของพวกเขาอยู่ เขาคุยกันด้วยภาษาเกาหลีไอ้เราก็ฟังออกแค่ไม่กี่คำอะนะ เขาพูดอะไรกันก็เลย
ไม่ได้สนใจ ไม่นานพี่เขาก็เดินกลับมาและบอกว่าจะมีคนขึ้นมารับให้รออีกแป๊ปเดียว ไอ้ให้รอฉันก็รอได้แต่
ทำไมนะ...ฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายใจได้ขนาดนี้โรคจิตรึเปล่านะ แต่ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะมีต้นสายปลาย
เหตุมาจากบีเอพีน่ะแหละเพราะเขาอยู่บ้านเดียวกับพวกเรา ถ้าเป็นแบบนี้ฉันจะนอนหลับป่ะ
“พี่คะ..ห้องพวกหนูอยู่ชั้นไหนเหรอคะ?”ฉันถามคนที่พาเข้ามาทันทีและที่ถามว่าชั้นไหนเพราะที่นี่
ชั้นมันเยอะเหลือเกินน่ะสิย่ะมีตั้งห้าชั้นแล้วการตกแต่งก็สวยหรูเลยทีเดียว ห้องก็เยอะไม่ใช่ย่อยแล้วงบในการ
สร้างน่ะฉันคิดว่ามากกว่าสิบล้านอีกนะ
“อ้อ...อยู่ชั้นสามครับตามผมมาเลยครับ”พอเขาพูดจบก็เดินนำขึ้นไปเลยส่วนฉันก็เดินกะเผลกๆ
ตั้งแต่อยู่ที่ตึกทีเอสแล้ว พอมาที่นี่แล้วก็ยังเหมือนเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือฉันต้องลากทั้งสังขารและกระเป๋าเดิน
ทางของตัวเองและของน้องชายด้วยน่ะสิแต่ระหว่างที่ฉันกำลังพยายามลากตัวเองขึ้นบันไดอยู่นั้นก็มีมือ
ปริศนายื่นมาคว้าหูกระเป๋าไปจากมือฉันและมันทำให้ฉันตกใจ ฉันจึงหันไปมองแต่พอได้เห็นก็ต้องรีบหัน
หน้ากลับแทบจะทันที เพราะเจ้าของมือคือยงกุกหรือเฮียเหงือกของใครหลายคนที่รู้จักเขาอะนะ ตกใจมาก
อะ ฮะ เฮ้ย!!?!!ทำไมขาฉันไม่ติดพื้นตัวฉันลอยได้อะแล้วแขนฉันกอดตัวอะไรอยู่อะ ฉันหลับตาเพราะกลัวจะ
ตกลงไปเลยไม่ได้มองอะไรและที่สำคัญฉันไม่รู้ด้วยว่าใครกล้ามาทำให้ฉันตกใจจนแทบหัวใจวายแบบนี้ด้วย
“คุณยังเจ็บอยู่มั้ยครับ?”เสียงหนึ่งถามขึ้นแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเสียงใครอยู่ดีแต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะ
เคยได้ยินและก็จริงอย่างที่คิดเมื่อฉันลืมตาขึ้นเพื่อมองคนพูดฉันแทบจะไม่รู้เลยนะว่าเป็นเสียงของจงออบ
“โอปป้ารู้ได้อย่างไงคะว่าฉันเจ็บ?”ฉันถามทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้บอกใคร
“ก็คุณเดินกะเผลกแบบนี้เป็นใครก็รู้ครับ”จงออบตอบกลับมาทำให้ฉันชักสีหน้าอย่างไม่พอใจที่
บังอาจมาอุ้มฉันโดยที่ฉันไม่ได้ขอร้อง ฉันจึงเริ่มดิ้นเพื่อที่จะลงให้ได้
“คุณหยุดดิ้นได้มั้ยครับ?”
“ไม่ ฉันจะลงกรุณาปล่อยฉันด้วยค่ะโอปป้า”ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง
“คุณเจ็บอยู่จะให้ผมทำยังไงล่ะ?”จงออบตอบกลับมาด้วยเสียงที่อ่อนลงแต่ฉันก็ยังดื้อที่จะปฏิเสธ
เขาเหมือนเดิมและกระซิบตอบเขาไปว่า
“แม่ฉันจะมองไม่ดี...คนไทยเขาถือ”
“ผมเข้าใจครับและไม่ต้องหาเรื่องปฏิเสธผมด้วยนะครับ”
“ฉันไม่ได้หาเรื่องปฏิเสธโอปป้านะแต่...”ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยคดีก็ต้องปิดปากเงียบไปเพราะ
แม่ฉันเดินขึ้นมาแล้วพูดว่า
“อุ้มน้องไหวมั้ยจ๊ะเนี้ย?...แล้วเมื่อกี้นี้เป็นอะไรล่ะไอ้ตัวเนี้ย?”ท้ายประโยคแม่หันมาถามฉัน ฉันจึง
ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่มีอะไรแต่แม่ฉันไปสนิทกับจงออบตั้งเมื่อไหร่พอฉันปฏิเสธแม่ว่ามีเรื่องแม่ก็ไม่สนแล้ว
แม่จึงเดินกลับไปหาไอ้ทัตน้องชายตัวแสบของฉัน ฉันอยู่นิ่งๆยอมให้จงออบอุ้มต่อไปเพราะรู้แล้วว่าแม่มีส่วน
รู้เห็นด้วยแต่จะว่าไปฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลยนี่เนาะไม่ต้องเดินเลยด้วยซ้ำ ฉันกวาดตามองคนที่เดินตาม
มาและสายตาของฉันก็ไปปะทะเข้ากับสายตาของเซโล่เข้า โอ๊ย!!!ใจฉันเต้นแรงมากๆเลยตอนนี้ฉันรีบเบือน
หน้าหนีทันทีไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่เพราะกลัวว่าตัวเองจะหัวใจวายตายน่ะสิฉันหันกลับไปมองอีกทีเซโล่ก็
กำลังเดินคุยกับยองแจผู้น่ารักอยู่ ฉันก็เลยกล้ามองจนต้องมีเรื่องอีกรอบ คือไอ้เปรี้ยวมันไปสะกิดแขนเซโล่
ให้หันมามอง ฉันเลยต้องรีบหันหน้าหนีอีกรอบ ความจริงเซโล่เขามีแฟนแล้วน่ะแต่ฉันยังไม่ได้บอกไอ้เปรี้ยว
เลยน่ะสิฉันเจ็บนะยะที่เซโล่เขาไม่รอฉันน่ะ ฉันลองตัดใจจากเขาแล้วแต่ทำอย่างไงก็ไม่เคยจะสำเร็จเหลวไม่
มีชิ้นดีเลยทีเดียว ดูท่าแฟนของเซโล่เนี่ยจะขี้หึงด้วยนะแต่ฉันจะไปกลัวทำไมฉันก็แค่แอบรักแฟนเขาเฉยๆนี่
นาไม่ได้คิดจะแย่งซะหน่อยมีคนอีกเยอะที่รักฉันเหมือนกันนี่
“โอปป้าคะ...เดินเร็วๆได้มั้ยคะฉันง่วงแล้วน่ะค่ะ”
“คุณตื่นเมื่อไหร่ครับเนี่ยง่วงเร็วจัง”
“ฉันง่วงบ่อยแบบนี้แหละค่ะไม่เกี่ยวว่าจะตื่นเมื่อไหร่หรอกค่ะ”ฉันตอบตามความเป็นจริงก่อนจะ
รู้สึกเขินขึ้นมากะทันหันเลยยิ้มออกมาแห้งๆอะนะก็คนมันเขินอะ
“โอปป้าไม่หนักเหรอที่อุ้มฉันขึ้นบันไดสูงๆแบบนี้น่ะ”
“ไม่หนักหรอกครับตัวคุณเบามากๆเลย”
“โคตรจะเบาเลยขอบอก”ฉันแอบพูดประชดอยู่ในใจก่อนจะเงียบไปอีก ฉันคิดว่าคงจะอีกนานกว่า
จะได้เปิดปากพูดอีกทีเพราะฉันคิดว่าจะต้องพูดให้น้อยที่สุดเพื่อที่จะได้สนิทกับคนพวกนี้ช้าที่สุดแต่คงจะทำ
ไม่ได้หรอก ฉันจะบอกอะไรให้นะฉันเป็นคนที่ไม่เคยทำอะไรอย่างที่พูดได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
“ง่วงมากมั้ยครับ...ยังไหวอยู่มั้ย?”
“ยังไหวค่ะไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่...แต่ถ้าหัวถึงหมอนเชื่อเลยว่าสลบคาที่แน่”
ฉันตอบก่อนจะยิ้มให้และหลับตาลงเบาๆก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อที่จะมองคนที่อุ้มฉันในตอนนี้ ที่
จริงฉันก็ไม่ได้เกลียดจงออบนะฉันชอบเขาเป็นอันดับสองรองจากเซโล่เลยด้วยซ้ำไปแต่ที่ทำมึนตึงใส่ก็เพราะ
เล่นตัวซะมากกว่านะเท่าที่รู้ตัวพูดตรงๆนะฉันเพิ่งนึกอะไรได้อย่างนึงวันพรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงเรียน ฉันดันลืม
เรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยทีเดียวและไอ้ที่เพิ่งนึกได้อีอย่างก็คือตอนนี้ฉันถูกคนเกาหลีอุ้มอยู่ซึ่งบอกตรงๆว่าฉัน
ลืมเรื่องที่เคยเกลียดคนเกาหลีไปเสียสนิทซะอีกเรื่อง
“คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”คำถามที่แว่วเข้ามาในโสตประสาททำให้ฉันได้สติอีครั้งก่อนจะตอบว่า
“ก็...กำลังคิดถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้น่ะแหละค่ะ ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดีนะคะโอปป้าแต่วันพรุ่งนี้
ที่ประเทศไทยฉันต้องไปโรงเรียนและฉันไม่เคยทิ้งการเรียนมาก่อนด้วยนอกจากจะไปไม่ไหวจริงๆ”
ฉันตอบเสียยาวยืดแต่คนที่ฟังก็รับฟังด้วยความตั้งใจโดยที่ฉันก็ไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำไปว่าคนที่ฉันไม่เคย
มองด้วยความรักกลับตั้งใจในทุกสิ่งที่ฉันเป็นคนถ่ายทอดมันออกมามากแค่ไหนหรือสิ่งที่ฉันไม่ต้องการถ้าเขา
เห็นว่าน่ารักหรือดีสำหรับฉันก็จะหาให้โดยไม่เดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย
“โอปป้ารู้มั้ยว่าเมื่อก่อนฉันเกลียดพวกคนเกาหลีมากขนาดไหน?”จู่ๆฉันก็พูดขึ้นแต่จงออบก็ไม่ได้
ตอบอะไรกลับมาฉันจึงเล่าต่อไปว่า
“ที่ฉันเกลียดพวกคนเกาหลีเพราะพวกเขาพูดไม่รู้เรื่องและยังเข้าใจยากอีกต่างหากฉันคิดแบบนั้น
ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กและได้ยินที่ลุงฉันพูดตอนนั้นลุงฉันให้เงินฉันเป็นแบงค์หนึ่งหมื่นวอนตอนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่า
มันเป็นเงินไทยกี่บาทแต่ฉันเห็นว่ามันไม่ใช่เงินไทยเท่านั้นแหละ โอปป้ารู้มั้ยว่าฉันทำยังไงกับมัน...ฉันฉีกมันเป็น
ชิ้นเล็กๆต่อหน้าลุงของฉันและพอฉันโตขึ้นอีกหน่อยฉันเห็นเพื่อนๆเปิดดูเพลงเกาหลีในยูทูปฉันยิ่งเกลียดมากขึ้น
กว่าเดิมอีกเพราะเพื่อนๆสนใจเพลงมากกว่าฉัน เพราะฉันขี้เหงาเลยอยากมีเพื่อนเยอะๆแต่เพราะสื่อที่มีแต่เกาหลี
แย่งเพื่อนฉันไปฉันจึงเกลียดคนเกาหลีเอามากๆเลยทีเดียว”ฉันพูดอยู่นานกว่าจะจบแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ
“แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ชอบคนเกาหลีขึ้นมาได้ล่ะ?”ฉันมองไปทางต้นเสียงก่อนจะตอบกลับไปว่า
ความคิดเห็น