ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My mafia girl มาเฟียคนดีรักพี่นะคะ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : การพบเจอที่แสนวุ่นวาย

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 57


    บทที่ 2

    การพบเจอที่แสนวุ่นวาย

     

                “Hello,we are princess.”ฉันกับไอ้เปรี้ยวทักทายและแนะนำตัวตามแบบที่พวกเราทำมาโดย

    ตลอดและทำเป็นท่าประจำไปแล้วด้วยมันก็คล้ายที่บีเอพีต้องทำประจำน่ะแหละน่า

                “My name is Zola

                “My name is Bang Yongson

                “1 2 3 we are princess!!! อันยองฮาเซโย”ฉันรู้สึกว่าชักจะบ้าที่ตัวเองแนะนำตัวสองรอบ แต่มัน

    ก็ต้องทำแบบนี้แหละเพราะนี่เป็นการแนะนำตัวครั้งแรกแต่แนะนำตัวจริงๆครั้งถัดไปพวกฉันใช้อันที่พูดล่าสุด

    นี่ต่างหากเล่า

                “We come from Thailand

                “Fighting!!!

                “We like Korea

                “Fighting!!!

        ฉันแกล้งแหย่ไอ้เปรี้ยวจนมันเริ่มทนไม่ไหวแล้วไงคะรอดูนะคะตอนนี้มันขันติอยู่

                “And we like your

                “Fighting!!!

                “โว้ย!!ไฟต์ตงไฟต์ติ้งอะไรนักหนาวะ!!?!!”นั่นไงเห็นมั้ยฉันบอกแล้วว่ามันต้องขันติไม่อยู่ มันกำลังจะ

    เดินเข้ามาเล่นงานฉัน แต่ไม่รู้เพราะอะไรทำให้มันเสียหลักเกือบล้มแต่...ต๊าย!!!พ่อยงกุกรูปหล่อรั้งเอวเพื่อน

    ของฉันไว้ได้ ไอ้เปรี้ยวหันมามองหน้าฉันซึ่งฉันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขอกระซิบนะว่าฉันมีพลังจิตแหละที่เพื่อน

    เลิฟของฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะฉันเองแหละ ฮี่ๆๆๆ

                “คัมซานะคะยงกุกโอปป้าที่ช่วยเพื่อนฉัน”ฉันเสแสร้งแกล้งพูดด้วยเสียงอันดัดจริตเอามากๆเลย

    ทีเดียว

                “ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจช่วย”ยงกุกตอบกลับมาด้วยภาษาไทยที่โคตรจะชัด

                “โอ๊ะ!!โอปป้าพูดไทยชัดมากเลยนะคะเนี่ย”ฉันแกล้งทำเสียงทึ่งทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

                “พวกเราทุกคนพูดภาษาไทยกันได้หมดแล้วล่ะครับและพวกเราเคยไปประเทศไทยกันมาแล้วนะ

    ครับแต่น่าเสียดายที่เราไปไม่ถูกเวลา แล้วคุณได้ไปดูพวกเรามั้ย?”

                “อย่าว่าแต่ดูเลยค่ะแม้แต่เอ็มวีแต่ละตัวของพวกคุณ กว่ายัยแสบนี่จะได้ดูก็ปาไปหลายเดือนเลย

    ทีเดียวและที่สำคัญเพื่อนฉันไม่มีปัญญาซื้อตั๋วหรอก แต่อย่าหาว่าใส่ร้ายนะคะยัยเพื่อนตัวดีของฉันเนี่ยไม่มี

    ปัญญาหาวีดิโอเฉพาะของพวกคุณเท่านั้นแหละค่ะพอถึงคราวพี่สาวซีเคร็ตคัมแบ็คทีไรยัยนี่เป็นหาดูก่อนทุก

    ทีไม่ว่าจะทีเซอร์หรือวอลเปเปอร์”ไอ้เปรี้ยวตอบแทรกขึ้นมาทำให้ฉันซึ่งกำลังจะตอบได้แต่อ้าปากพะงาบๆ

    เหมือนปลาขาดน้ำอยู่อย่างเคืองๆยัยเพื่อนที่คอยแต่จะหาจังหวะเอาคืนฉันอยู่ตลอดๆ ฉันกำลังจะเดินไปหา

    พ่อกับแม่แต่จู่ๆส้นรองเท้าฉันก็หัก ฉันที่กำลังก้าวเท้าเลยล้มลงกับพื้นอย่างแรงเลยทีเดียว ฉันจึงหันไปมอง

    ไอ้เจ้าตัวแสบก่อนจะตะโกนเสียงดังเลยว่า

                “ไอ้ทัต!!!!แกแกล้งฉันงั้นเหรอ”เพราะฉันเริ่มโกรธ ไอ้เจ้าตัวต้นเหตุเลยวิ่งไปหลบข้างหลังแม่ ฉันกำ

    ลังจะลุกขึ้นแต่ฉันก็รู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่ข้อเท้าเลยปรี๊ดหนักเข้าไปอีกแต่ฉันต้องขันติ น้องชายฉันนิสัยมันก็ได้มา

    จากฉันแล้วนะนี่ยังความสามารถพิเศษของฉันอีกแล้วทำไมมันไม่เอาความห้าวหาญดุจชายชาตรีของฉันไปด้วย

    นะเอาไปทำไมตุ๊ดแตกแบบนั้นน่ะไอ้น้องพิลึก ฉันพยุงตัวลุกขึ้นได้ก็เดินกะเผลกๆไปหาคนที่นำเข้ามาก่อนจะ

    ถามเขาว่า

                “พี่คะ...พาไปที่พักได้รึยังคะคือว่าเวลาตอนนี้มันเริ่มจะ...สายแล้วน่ะค่ะและพวกเราก็เหนื่อยกันมากๆ

    ด้วยนะคะพาไปได้รึเปล่าคะ?”ฉันแถยาวเลยเพียงเพื่อที่จะได้ไปนอนไวไวเพราะวันนี้ต้องตื่นโดยที่เพิ่งนอนไป

    ได้แค่สิบนาทีเท่านั้นเอง

                “รอเดี๋ยวนะครับผมขอไปถามพวกทีมงานก่อน”เขาบอกก่อนจะเดินไปที่กลุ่มทีมงานที่กำลังง่วน

    อยู่กับงานของพวกเขาอยู่ เขาคุยกันด้วยภาษาเกาหลีไอ้เราก็ฟังออกแค่ไม่กี่คำอะนะ เขาพูดอะไรกันก็เลย

    ไม่ได้สนใจ ไม่นานพี่เขาก็เดินกลับมาและบอกว่าจะมีคนขึ้นมารับให้รออีกแป๊ปเดียว ไอ้ให้รอฉันก็รอได้แต่

    ทำไมนะ...ฉันถึงรู้สึกกระวนกระวายใจได้ขนาดนี้โรคจิตรึเปล่านะ แต่ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะมีต้นสายปลาย

    เหตุมาจากบีเอพีน่ะแหละเพราะเขาอยู่บ้านเดียวกับพวกเรา ถ้าเป็นแบบนี้ฉันจะนอนหลับป่ะ

                “พี่คะ..ห้องพวกหนูอยู่ชั้นไหนเหรอคะ?”ฉันถามคนที่พาเข้ามาทันทีและที่ถามว่าชั้นไหนเพราะที่นี่

    ชั้นมันเยอะเหลือเกินน่ะสิย่ะมีตั้งห้าชั้นแล้วการตกแต่งก็สวยหรูเลยทีเดียว ห้องก็เยอะไม่ใช่ย่อยแล้วงบในการ

    สร้างน่ะฉันคิดว่ามากกว่าสิบล้านอีกนะ

                “อ้อ...อยู่ชั้นสามครับตามผมมาเลยครับ”พอเขาพูดจบก็เดินนำขึ้นไปเลยส่วนฉันก็เดินกะเผลกๆ

    ตั้งแต่อยู่ที่ตึกทีเอสแล้ว พอมาที่นี่แล้วก็ยังเหมือนเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือฉันต้องลากทั้งสังขารและกระเป๋าเดิน

    ทางของตัวเองและของน้องชายด้วยน่ะสิแต่ระหว่างที่ฉันกำลังพยายามลากตัวเองขึ้นบันไดอยู่นั้นก็มีมือ

    ปริศนายื่นมาคว้าหูกระเป๋าไปจากมือฉันและมันทำให้ฉันตกใจ ฉันจึงหันไปมองแต่พอได้เห็นก็ต้องรีบหัน

    หน้ากลับแทบจะทันที เพราะเจ้าของมือคือยงกุกหรือเฮียเหงือกของใครหลายคนที่รู้จักเขาอะนะ ตกใจมาก

    อะ ฮะ เฮ้ย!!?!!ทำไมขาฉันไม่ติดพื้นตัวฉันลอยได้อะแล้วแขนฉันกอดตัวอะไรอยู่อะ ฉันหลับตาเพราะกลัวจะ

    ตกลงไปเลยไม่ได้มองอะไรและที่สำคัญฉันไม่รู้ด้วยว่าใครกล้ามาทำให้ฉันตกใจจนแทบหัวใจวายแบบนี้ด้วย

                “คุณยังเจ็บอยู่มั้ยครับ?”เสียงหนึ่งถามขึ้นแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเสียงใครอยู่ดีแต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะ

    เคยได้ยินและก็จริงอย่างที่คิดเมื่อฉันลืมตาขึ้นเพื่อมองคนพูดฉันแทบจะไม่รู้เลยนะว่าเป็นเสียงของจงออบ

                “โอปป้ารู้ได้อย่างไงคะว่าฉันเจ็บ?”ฉันถามทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้บอกใคร

                “ก็คุณเดินกะเผลกแบบนี้เป็นใครก็รู้ครับ”จงออบตอบกลับมาทำให้ฉันชักสีหน้าอย่างไม่พอใจที่

    บังอาจมาอุ้มฉันโดยที่ฉันไม่ได้ขอร้อง ฉันจึงเริ่มดิ้นเพื่อที่จะลงให้ได้

                “คุณหยุดดิ้นได้มั้ยครับ?”

                “ไม่ ฉันจะลงกรุณาปล่อยฉันด้วยค่ะโอปป้า”ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง

                “คุณเจ็บอยู่จะให้ผมทำยังไงล่ะ?”จงออบตอบกลับมาด้วยเสียงที่อ่อนลงแต่ฉันก็ยังดื้อที่จะปฏิเสธ

    เขาเหมือนเดิมและกระซิบตอบเขาไปว่า

                “แม่ฉันจะมองไม่ดี...คนไทยเขาถือ”

                “ผมเข้าใจครับและไม่ต้องหาเรื่องปฏิเสธผมด้วยนะครับ”

                “ฉันไม่ได้หาเรื่องปฏิเสธโอปป้านะแต่...”ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยคดีก็ต้องปิดปากเงียบไปเพราะ

    แม่ฉันเดินขึ้นมาแล้วพูดว่า

                “อุ้มน้องไหวมั้ยจ๊ะเนี้ย?...แล้วเมื่อกี้นี้เป็นอะไรล่ะไอ้ตัวเนี้ย?”ท้ายประโยคแม่หันมาถามฉัน ฉันจึง

    ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่มีอะไรแต่แม่ฉันไปสนิทกับจงออบตั้งเมื่อไหร่พอฉันปฏิเสธแม่ว่ามีเรื่องแม่ก็ไม่สนแล้ว

    แม่จึงเดินกลับไปหาไอ้ทัตน้องชายตัวแสบของฉัน ฉันอยู่นิ่งๆยอมให้จงออบอุ้มต่อไปเพราะรู้แล้วว่าแม่มีส่วน

    รู้เห็นด้วยแต่จะว่าไปฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลยนี่เนาะไม่ต้องเดินเลยด้วยซ้ำ ฉันกวาดตามองคนที่เดินตาม

    มาและสายตาของฉันก็ไปปะทะเข้ากับสายตาของเซโล่เข้า โอ๊ย!!!ใจฉันเต้นแรงมากๆเลยตอนนี้ฉันรีบเบือน

    หน้าหนีทันทีไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่เพราะกลัวว่าตัวเองจะหัวใจวายตายน่ะสิฉันหันกลับไปมองอีกทีเซโล่ก็

    กำลังเดินคุยกับยองแจผู้น่ารักอยู่ ฉันก็เลยกล้ามองจนต้องมีเรื่องอีกรอบ คือไอ้เปรี้ยวมันไปสะกิดแขนเซโล่

    ให้หันมามอง ฉันเลยต้องรีบหันหน้าหนีอีกรอบ ความจริงเซโล่เขามีแฟนแล้วน่ะแต่ฉันยังไม่ได้บอกไอ้เปรี้ยว

    เลยน่ะสิฉันเจ็บนะยะที่เซโล่เขาไม่รอฉันน่ะ ฉันลองตัดใจจากเขาแล้วแต่ทำอย่างไงก็ไม่เคยจะสำเร็จเหลวไม่

    มีชิ้นดีเลยทีเดียว ดูท่าแฟนของเซโล่เนี่ยจะขี้หึงด้วยนะแต่ฉันจะไปกลัวทำไมฉันก็แค่แอบรักแฟนเขาเฉยๆนี่

    นาไม่ได้คิดจะแย่งซะหน่อยมีคนอีกเยอะที่รักฉันเหมือนกันนี่

                “โอปป้าคะ...เดินเร็วๆได้มั้ยคะฉันง่วงแล้วน่ะค่ะ”

                “คุณตื่นเมื่อไหร่ครับเนี่ยง่วงเร็วจัง”

                “ฉันง่วงบ่อยแบบนี้แหละค่ะไม่เกี่ยวว่าจะตื่นเมื่อไหร่หรอกค่ะ”ฉันตอบตามความเป็นจริงก่อนจะ

    รู้สึกเขินขึ้นมากะทันหันเลยยิ้มออกมาแห้งๆอะนะก็คนมันเขินอะ

                “โอปป้าไม่หนักเหรอที่อุ้มฉันขึ้นบันไดสูงๆแบบนี้น่ะ”

                “ไม่หนักหรอกครับตัวคุณเบามากๆเลย”

                “โคตรจะเบาเลยขอบอก”ฉันแอบพูดประชดอยู่ในใจก่อนจะเงียบไปอีก ฉันคิดว่าคงจะอีกนานกว่า

    จะได้เปิดปากพูดอีกทีเพราะฉันคิดว่าจะต้องพูดให้น้อยที่สุดเพื่อที่จะได้สนิทกับคนพวกนี้ช้าที่สุดแต่คงจะทำ

    ไม่ได้หรอก ฉันจะบอกอะไรให้นะฉันเป็นคนที่ไม่เคยทำอะไรอย่างที่พูดได้เลยแม้แต่อย่างเดียว

                “ง่วงมากมั้ยครับ...ยังไหวอยู่มั้ย?”

                “ยังไหวค่ะไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่...แต่ถ้าหัวถึงหมอนเชื่อเลยว่าสลบคาที่แน่”

        ฉันตอบก่อนจะยิ้มให้และหลับตาลงเบาๆก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อที่จะมองคนที่อุ้มฉันในตอนนี้ ที่

    จริงฉันก็ไม่ได้เกลียดจงออบนะฉันชอบเขาเป็นอันดับสองรองจากเซโล่เลยด้วยซ้ำไปแต่ที่ทำมึนตึงใส่ก็เพราะ

    เล่นตัวซะมากกว่านะเท่าที่รู้ตัวพูดตรงๆนะฉันเพิ่งนึกอะไรได้อย่างนึงวันพรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงเรียน ฉันดันลืม

    เรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยทีเดียวและไอ้ที่เพิ่งนึกได้อีอย่างก็คือตอนนี้ฉันถูกคนเกาหลีอุ้มอยู่ซึ่งบอกตรงๆว่าฉัน

    ลืมเรื่องที่เคยเกลียดคนเกาหลีไปเสียสนิทซะอีกเรื่อง

                “คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”คำถามที่แว่วเข้ามาในโสตประสาททำให้ฉันได้สติอีครั้งก่อนจะตอบว่า

                “ก็...กำลังคิดถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้น่ะแหละค่ะ ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดีนะคะโอปป้าแต่วันพรุ่งนี้

    ที่ประเทศไทยฉันต้องไปโรงเรียนและฉันไม่เคยทิ้งการเรียนมาก่อนด้วยนอกจากจะไปไม่ไหวจริงๆ”

        ฉันตอบเสียยาวยืดแต่คนที่ฟังก็รับฟังด้วยความตั้งใจโดยที่ฉันก็ไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำไปว่าคนที่ฉันไม่เคย

    มองด้วยความรักกลับตั้งใจในทุกสิ่งที่ฉันเป็นคนถ่ายทอดมันออกมามากแค่ไหนหรือสิ่งที่ฉันไม่ต้องการถ้าเขา

    เห็นว่าน่ารักหรือดีสำหรับฉันก็จะหาให้โดยไม่เดือดร้อนเลยแม้แต่น้อย

                “โอปป้ารู้มั้ยว่าเมื่อก่อนฉันเกลียดพวกคนเกาหลีมากขนาดไหน?”จู่ๆฉันก็พูดขึ้นแต่จงออบก็ไม่ได้

    ตอบอะไรกลับมาฉันจึงเล่าต่อไปว่า

                “ที่ฉันเกลียดพวกคนเกาหลีเพราะพวกเขาพูดไม่รู้เรื่องและยังเข้าใจยากอีกต่างหากฉันคิดแบบนั้น

    ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กและได้ยินที่ลุงฉันพูดตอนนั้นลุงฉันให้เงินฉันเป็นแบงค์หนึ่งหมื่นวอนตอนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่า

    มันเป็นเงินไทยกี่บาทแต่ฉันเห็นว่ามันไม่ใช่เงินไทยเท่านั้นแหละ โอปป้ารู้มั้ยว่าฉันทำยังไงกับมัน...ฉันฉีกมันเป็น

    ชิ้นเล็กๆต่อหน้าลุงของฉันและพอฉันโตขึ้นอีกหน่อยฉันเห็นเพื่อนๆเปิดดูเพลงเกาหลีในยูทูปฉันยิ่งเกลียดมากขึ้น

    กว่าเดิมอีกเพราะเพื่อนๆสนใจเพลงมากกว่าฉัน เพราะฉันขี้เหงาเลยอยากมีเพื่อนเยอะๆแต่เพราะสื่อที่มีแต่เกาหลี

    แย่งเพื่อนฉันไปฉันจึงเกลียดคนเกาหลีเอามากๆเลยทีเดียว”ฉันพูดอยู่นานกว่าจะจบแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ

                “แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ชอบคนเกาหลีขึ้นมาได้ล่ะ?”ฉันมองไปทางต้นเสียงก่อนจะตอบกลับไปว่า
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×