ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิทยาลัยแพทย์ทางเลือกสาขาแพทย์แผนจีน

    ลำดับตอนที่ #6 : ชีวิตในการเรียนที่นี้

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 51


    หลายๆคนที่จะมาเรียนคงคิดเหมือนผมนะตอนแรกที่ว่ามหาวิทยาลัยของเราเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ นั้นผมว่าถ้าเรามองว่าเราจบมาจะเป็นแพทย์ที่ดี เรียนที่ไหนก้อคงเหมือนกัน วิทยาลัยแพทย์ทางเลือกแห่งนี้จะทำให้น้องๆประสบความสำเร็จ มีความก้าวหน้าในอาชีพแพทย์จีนแน่นอน   
            ตั้งแต่พี่มาอยู่ที่นี้ดูเหมือนมันไม่ค่อยมีอะไรมากมายเหมือนที่มหาลัยอื่น อ่านจะเป็นเพราะว่าคณะเราไม่ค่อยเข้ารว่มกิจกรมมกับทางมหาลัยวิทยาลัย เนื่องด้วยคณะเราเรียนหนัก แต่ก็เมื่อจะอยู่แยกตัวแต่คณะไม่ค่อยสนใจใคร และไม่ค่อยมีใครชอบคณะเราด้วย อาจจะเป็นเพราะว่าคณะเราค่าเทอมแพง แต่เป็นหลักสูตรที่ฉักแนว คนเลยหมั่นไส้ก้อเป็นได้ ทำให้กิจกรรมของคณะเรามีเพียงการประกวด ดาว-เดือน และการรับน้องคณะเท่านั้น เพราะรับน้องมหาลัยเราก็ไม่ไป ส่วนดาว-เดือนนั้น ตลอดสามปีที่ผ่านเรา เราไม่เคยได้เลย55++ แต่จะได้ตำแหน่งมิสป๊อบปูล่าโหวตทุกปี ที่คณะเราอยู่กันเหมือนพี่น้อง มีอะไรก้อช่วยเหลือแบ่งปันกัน เพราะทั้งสามรุ่นมีแค่ร้อยกว่าคนเอง
           การเรียน วิทยาลัยของเราจะเปิดรับตรงเท่านั้น ยกเว้นปี50มีรอบแอดมินชั่นด้วย (เราเปิดมาตั้งแต่ปี 49)  ทำให้เราเปิดเรียนก่อนสองเดือน คือตั้งแต่ เดือน เมษายน - เดือนพฤษภาคม  โดยทั้งสองเดือนนี้จะเรียนภษาจีนวาเดียว 2 เดือน จันถึงศุกร์ 8.30 - 4 โมงเย็น มันก้อน่าเบื่ออยู่นะ แต่ทำไงได้ เราไม่เคยมีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อนเลยต้องมานะเรียน เพราะอาจารย์จะสอนให่มหมดตั้งแต่แรกเลย หลังจากสองเดือนแล้ว ต้นเดืิอนมิถุนา จะไปเข้าค่ายธรรมะกันที่ วัดป่าสุนันทวราราม 2 คืน 3 วัน ไปก้อนั่งสวดมนต์ นั่งสมาธิทั้งวัน อาจารยืก้อจะคอยว่าพวกเรา เพราะพวกเราจะเสียงดังกัน ตอนกลางคืนก้อต้องคอยมาแอบกินข้าวกัน อิอิ ก้อคนมันหิวอ่า อีกอย่าง เพื่อนที่เราไม่เคยคุยด้วยก้อได้คุย ถึงว่าได้เพื่อนไปในตัว  หลังจากนั้น เราก้อจะปิดประมาณอาทอตย์นึง แล้วก้อเปิดเรียนเต็มรูปแบบ ในเทอม 1 นี้ ใครที่คิดว่าจะไม่ต้องเฉยภาษาจีนแล้วนั้น ก็คิดผิด เพราะว่าเทอม 1 นั้นเราต้องเรียนภาษาจีน 3 ตัว 9 หน่วยกิต แต่อาจารยืเค้าก้อจะสอนต่อจากตอนปิดเทอมที่เราเรียนไว้จึงไม่ลำบากมาก(ถ้าคนมาเรียนนะ) แต่การสอบเนี่ยอ่ะดิ มราทอนมาก เพราะเราเรียนภาาาจีนสามตัว จึงจะตองไล่สอบตั้งแต่ภาษาจีน 1 ไปจนถึงภาษาจีน3 ซึ่งภาษาจีนแต่ล่ะขั้น ก้อสอบ3-4 ครั้ง ทำให้เฉลี่ยนเราจะต้องสอบภาษาจีนทุกๆ 2 อาทิตย์ เพื่อที่ภาษาจีน 3 ครั้งสุดท้ายจะได้ทันสอบปลายภาค  แต่ไม่ต้องห่วง อาจารย์ใจดี มาจากประเทศจีน พูดไทยได้นิดหน่อย มาถึงวิชาเกี่ยวกับแพทย์แผนปัจจุบัน เราจะเรียนกับอาจารย์จากมหิดลทั้งอาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์  อาจารย์คณะแพทยศาสาตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และอาจารย์จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  อาจารย์ที่สอนล้วนแต่เป็นอาจารย์ที่สอน นศพที่มหิดลทั้งสิ้น โดย เราได้รับความเมตตาจากท่าน ศ.ดร.นพ. อนุวัตร ลิ้มสุวรรณ อาจารยืแพทย์จากคณะแพทยศาสรต์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และ ศ.นพ. ยงยุทธ วัชรดุล อาจารย์แพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล และคณาจารย์จากคณะวิทยาศสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มาเป็นผู้สอนนักศึกษาของเราอย่างต่อเนื่อง โดยศ.ดร.นพ. อนุวัตร กล่าวว่า การที่ผมเข้ามาช่วยจัดหาอาจารย์จากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีและโรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งคณะวิทยาศาตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มาสอนนักศึกษาที่นี้ ก้อเพื่อว่าในอนาคตนักศึกษา พจ.บ ก็จะมีครู-อาจารย์ เดียวกันกับนักศึกษาแพทย์แผนปัจจุบัน การดูถูกดูแคลนความรู้ความสามารถกันก็จะลดน้อยลง ศิกษ์ร่วมอาจารยืเดียวกันน่าจะร่วมทำงานในการให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนคู่ขนานกันไปได้ในอนาคต    โดยวิชาแรกที่เราเรียนเกี่ยวแพทย์แผนคือ วิชา กายวิภาคศาสตร์ หรือ Antomy นั้นเอง โดยแรกๆคนที่เรียนสายศิลป์มาก็อาจจะน่าอึ๋งนิดหน่อยว่าอาจารยืสอนอะไร แต่สายวิดคง ปรับตัวได้ บ้าง แต่พอเรียนไปเรียนไป ก็จะปรับตัวได้เท่าๆกันทั้งสายศิลป์และสายวิด ดูจะผลสอบ คะแนนสายศิป์และสายวิดก็พอๆกัน (มีรุ่นพี่ที่เค้าจบปริญญาตรีแล้วมาเรียนด้วย ขอบอกว่าขยันมากๆ)  แต่เนื่องด้วยเราเรียน Antomy แค่เทอมเดียวทำให้อาจารย์ต้องสอนแบบติดไฮสปีด เพราะต้องเรียนอาทิตย์ล่ะหนึ่งระบบ ทำให้เราต้องกลับมาทบทวน อ่านเองด้วย ส่วนแล็ป เราก้อจะได้ไปเรียนกับอาจารย์ใหญ่ที่ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายาในวันเสาร์ โดนมีรถของมหาลัยรับส่ง แต่็ต้องตื่นเช้า เพราะรถจะอกประมาณ7.30 กับมาถึงมหาลัยก้อประมาณ 4-5 โมงเย็น โดนการเรียนกับอาจารย์ใหญ่นั้นเราจะไม่ได้ผ่าอาจารยืใหญ่นะ เพราะคนที่ผ่านั้นต้องเป็น นศพและกายภาพบำบัด เท่านั้น เราจะเรียนกับอาจารยืใหญ่ที่ผ่้าไว้เรียบร้อยแล้ว แรกๆก็น่ากลัวอยู่ แต่พอเรียนไปเรียนไปก็ชิน ชินทั้งกลิ่นฟอร์มารรีน ชินทั้งตับ ไต ไส้พุง อาจารย์ใหญ่ แต่ก็ดีนะคับ ได้ไปเรียนของจริง กับให้เราเข้าใจมาขึ้น อาจารย์ที่สอนท่านก็ใจดี   มาดูอีกวิชาที่ยากไม่แพงกัน ก็คือ วิชา เอ็มบริโอและเนื้อเยื่อวิทยา  เราก็จะเรียน ตั้งแต่การปฎิสนธิ การเจริญเติมโตตั้งแต่อยู่ในครรค์ วันที่ 1 จนถึง 9 เดือน ส่วนเนื้อเยื่อ ก็จะเป็นการส่องกล้อง ดูไสลลด์เป็นต้น  ส่วนเอกสารประกอบการเรียนนั้นโดยส่วนใหญ่จะเป็นภาษาอังกิต ไอ้เราก้อโง่อังกิตก็ต้องจดคำพูดอาจารย์เวลาบรรยายเพื่อที่ได้จะไม่ต้องมานั่งแปลอีก จดกันเหนื่อยแต่ก็คุ้มสำหรับเวลาสอบ  มาดูอีกวิชาที่เรียนไม่ยาก แต่ได้เกรเดยาก ก้อคืิอ ธรรมชาติของชีวิต เรียนคล้ายๆพระพุทธอ่า อาจารย์จะใจดีเป็นเวลา บางเวลา ก้อโคด  อีกวิชาเป็นไทเก็ก ก็จะเรียนทฤษฎีคล้ายๆพลศึกษาแต่จะลึกหน่อย ส่วนปฎิบัติก็รำไทเก็ก อาจารยืทาานนี้ใจดี ไม่เคยว่าเลย วิชานี้ใส่ชุดอยู่บ้านไปได้ แต่ต้องเรีบยร้อย(อันที่จิงอาจารย์เค้าต้องการให้ใส่ชุดพละมามากกว่าแต่พวกพี่ก็แต่ชุดอยู่บ้านมา55++ แต่ต้องเป็นชุดที่รำไทเก็กได้นะ)  ในเทอมหนึ่งนั้นเราเรียนยังถือว่าง่าย เพราะรุ่นพี่ปี2 และปี 3 เรียนหนักกว่าเรามาก อาจเนื่องด้วยต้องเจอภาษาจีนในวิชาที่เกี่ยวกัยการแพทย์แผนจีน เพราะอาจารยืที่สอนเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนนั้นเป็นอาจารยืที่มาจากหมาวิทยาลัยเซียะเหมิน พูดไทยไม่ได้ พูดอังกิตไม่ได้ ข้อสอบเป็นภาษาจีน ต้องตอบเป็นภาษาจีน เรียนเป็นภาษาจีน หนังสือเป็นภาษาจีน แต่เราก้อจะมีล่ามไว้แปลให้ในชั้นเรียน แต่ถ้าใครฟังรู้เรื่องได้เก่งก็น่าจะดีกว่า เพราะฉะนั้นปี 1 เราจะต้องขยันวิชาภาษาจีนให้มาก เพื่อนที่ว่าปี 2 ขึ้นไปเราจะได้เรียนวิชาที่เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนได้ไม่ลำบากมาก   ปี 1 นั้น ของเราจะตัดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์พิ้นฐานของไป เพราะเราคิดว่ามันไม่จำเป็นมากในการเรียน เช่น ฟิสิกส์ หรือ เคมีทั้วไป แต่ ชีวเคมีทางการแพทย์ยังอยู่นะคับ ไม่ได้ตัดออก โคตรยาก แต่อย่าพึ่งเค้าใจว่าเราเป็นราชภัฏแล้วจะมาร่างหลักสูตรได้มั่วๆ ผ่านหนักสูตรได้ง่ายๆ ถึงเราจะเป็นราชภัฏ แต่ก็ยังอยู่ในรัฐบาล ทุกอย่างที่เราเเปิด ที่เราทำ ต้องผ่านการอมุมัความเห็นชอบติจากคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย สภาวิชาการ สภามหาวิทยาลัย และ  สกอ  ทั้งสิ้น ร่วมไปถึงหลักสูตรด้วย ซึ่งหลักสูตรกว่าจะผ่านนั้นก็ไม่ได้มาง่ายๆ คนที่ร่างหลักสูตร ก็มีบุคคลสำคัญทั้งนั้น เช่น นายแพทย์ ชวลิต สันติกิจรุ่งเรือง อดีตผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์ไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้    นายแพทย์วิชัน โชควิวัฒน   ประธานกรรมการบริหารสำนักงานสุขภาพแห่งชาติ   ผู้ทนงคุณวุฒิด้านส่งเสริมสุขภาพ สถาบันพัฒนาการคุ้มครองการวิจัยในมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข   อดีตอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก   แพทย์จีนมานพ เลิศสุทธิรักษ์ นายกสมาคมแพทย์แผนจีนแห่งประเทศไทย ซึ่งทั้งสามท่านนี้ยังเป็นที่ปรึกษาวิทยาลัยแพทย์ทางเลือกของเราอีกด้วย และยังมีคณาจารย์อีกมากมายในการช่วยร่างหลักสูตร พจ.บ และผลักดันกฎหมายแพทย์จีนของเราให้มีสิทธิ์สอบใบประกอบโรคศิลปะที่แรก และที่เดียวในประเทศไทย โดยร่างพระราชกฤษฎีกาผ่านมัติคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม กำลังรอลงปรมฏิไทยในพระราชกิจนุเบกขา ซึ่งคาดว่าน่าจะเสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้ ทำให้เรามีสิทธิ์สอบในประกอบโรคศิลปะ เพื่อประกอบอาชีพแพทย์จีน หรือเปิดคลินิค ได้ถูกต้องตามกฎหมาย   ซึ่งจากข้างต้นบุคคลสำคัญเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนมาช่วยร่างหลักสูตร ผลักดันกฎหมายให้เรา  ดังนั้นน้องๆมั้นใจได้ครับว่า วิทยาลัยเราไม่ได้ตั้งงมาง่ายๆ ต้องผ่านอะไรมาเยอะ วิทยาลัยแห่งนี้จะมำให้น้องสบายในหน้าที่การงานในอนาคตแน่นอน  อีกอย่าง ที่หลายๆคนผู้กันว่าวิทยาลัยของเรานั้นไม่มีโรงพยาบาลนั้น ตอนนี้เป็นจริงครับ แต่ในปีนี้เราจะตัดตั้ง อาคารวิทยาลัยแพทย์ทางเลือกเฉลิมพระเกียรติ ด้วยงบประมาณ 600 ล้าน โดยยังเปิดเป็นอาคารเรียนสำหรับนักศึกษา แต่เป็นโรงพยาบาลแพทย์จีน รองรับเตียงผู้ป่วยได้กว่า 200 เตียง แต่ถ้ายังกังวลเนี่ย พี่จะบอกว่า วิทยาลัยเรานั้นได้รับความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นอย่างมาก โดยมีการทำความร่วมมือกับ โรงพยาบาลหลายแห่ง ที่จะให้เราฝึกงานในปี 5 เทอม 2 แต่รองรับการทำงานของเรา เช่น โรงพยาบาลพระมงกุฏ โรงพยาบาลมหาราชทั้วประเทศ  โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริารช   โรงพยาบาลไทนครินทร์ โรงพยาบาลเซนต์หลุตส์ โรงพยาบาลเกษมราชฎร์ โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลบำรุงราฎร์  (ได้ข่าวมาว่าโรงพยาบาลบำรุงราฎร์มาดูนักศึกษาของเราเพื่อนจะเอาไปทำงานด้วยหลังจบการศึกษาโดยให้เงินเดือนเดือนละ 100000 บาท แต่พี่ว่าอย่าคาดหวังตรงนี้ดีกว่า เพราะทางโรงพยาบาลจะเป็นคนคัดเลือกบุคคลที่จะไปทำงานเอง ดังนั้น เค้าก้อคงจะคัดอะไรหมายๆอย่างเพื่อให้สมกับเงินเดือนที่เค้าให้ สำหรับเราพี่คิดว่าพอมีพอกินไม่ขัดสนก็พอแล้วนะ เอาส่วนบุญที่รักษาคนไข้จะดีกว่า)บริษัทเป่ยจิน ถงเยิ๋นถัง (ประเทศไทย) จำกัด โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ  และอีกมากมายเพราะพี่ไม่ค่อยได้อัพเดตของมูลว่าตอนนี้มีโรงพยาบาลได้เพิ่ม บ้าง  ส่วนในจีนนั้นเราทำความร่วมมือ กับ คณะแพทยศาตร์ มหาวิทยาลัยเซียะเหมิน(อ่านได้ในเรื่องเกี่ยวกับหัวข้อปริญญา)และความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเหนียวหลิง   ส่วนประสบการณ์ปีอื่นๆ เอาไว้พี่จะไปถามพี่ปี 2-3 มาให้ละกานเพราะตอนนี้พี่ึ่งปี 1 เอง ยังไงก็ลองศึกษาข้อมูลของมหาลัยร่วมด้วยก็ได้นะที่เวป   http://amc.chandra.ac.th/main.php
     ส่วนตอนนี้ก็เริ่มเปิดสมัครสอบตรงแล้ว ยังไงลองใครที่สนใจลองโทรไปที่เบอร์ 025137839  029426900-99ต่อ 5155และ5184

         เอาไว้พี่ว่างๆจะมาเขียนบทความของท่านผอ.พรพจงให้ล่ะกาน เกี่ยวกับหัวข้อ"การแพทย์แผนจีนบัณฑิต หลักสูตรแรกของประเทศไทย ทำไมต้องเป็นจันทรเกษม" ในนั้นมีบทความดีๆมากมายเกี่ยวกับ การจัดตั้ง วิทยาลัย การร่างหลักสูตร กฎหมายที่เราผลักดันมาจนสำเร็จ และบุคคลที่ช่วยเรามาตลอด ร่วมถึง จุดเด่นของเราว่าทำไมต้องเรียนที่นี้ ไว้ว่างๆจะมาลงให้นะ  ใครสงสัยอะไรก็ถามไว้ในบอร์ละกันนะคับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×