ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaotic Love....รักอลหม่าน สูตรเปรี้ยวคูณหวาน หารด้วยขม Y

    ลำดับตอนที่ #2 : บุหรี่รุกฆาต

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 53


    ตอนที่ 2

     

    - ปฐวี -

    ไอบ้าเอ๊ย  ชกมาได้หน้าจะพังหมดไหมนั้น  แล้วนี้กรีไปถึงไหน  โอ๊ยยยยย  หงุดหงิดโว้ย ผมบ่นกับตัวเองอย่างหัวเสีย

    ว่าไงแก  เป็นอะไรผีบ้าเข้าหรอ เสียงผู้หญิงดังขึ้นทางด้านกลังผมก่อนจะเดินมานั่งข้างผม

    มาแล้วหรอผมหันไปมองว่าเป็นใคร  เอมเพื่อนสนิทผมอีกคนนั้นเอง

    หน้าแกไปโดนอะไรมาอีก  แต่ไม่ต้องบอกฉันก็พอจะเดาได้  เมื่อไรแกจะเลิกสักทีวะ  คนที่ตามจีบแกก็มีตั้งเยอะแยะทำไมแกไม่สนใจบ้าง  ฉันเห็นแกเอาแต่วิ่งไล่ผู้ชายต้อยๆๆ  สุดท้ายเป็นไง  เฮ้อ  ชะเอมครับ  ตกลงแกเป็นเพื่อนฉันหรือแม่ฉันกันแน่  มาถึงก็บ่นเอาๆ  เฮ้อ อยากจะสลบตายคาโต๊ะให้มันรู้แล้วรู้รอด  ว่าแล้วก็ทำตามสมองคิด  ผมฟุบลงนอนกับกองหนังสือบนโต๊ะ

    มาแล้วๆ  อ้าวเอม  มาถึงนานแล้วหรอ  เสียงกรีดังขึ้นผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง  กรีเดินมาพร้อมกับถุงยา

    จ๊ะ  หิวข้าวอ่ะกรี  ไปกินข้าวกันดีกว่า  ปล่อยวีมันไว้นี้แหละ   คุณน้องนางชะนีเอมมันเดินไปเกาะแขนกรีเหมือนชะนีเกาะกิ่งไม้คอยร้องเรียกสามี  จริงแล้ว กรีกับเอมก็ดูเหมาะสมกันนะครับ  ผมเองยังเคยเชียร์ให้สองคนนี้เป็นแฟนกัน  แต่สุดท้ายทั้งสองคนก็ไม่เอากันเอง 555  เพราะต่างก็บอกว่าไม่ใช่สเป็ก

    ไหงเป็นงั้นอ่ะ  คุณเอมครับ  ผมก็หิวเป็นนะ  ผมบ่นออกไป

    อ้าวหรอ  ฉันก็นึกว่าแกมองผู้ชายจนอิ่มแล้วซะอีก  อร๊ายยยยย  อีบ้า  รู้ทัน 555  ผมก็เลยทำหน้าโกรธเพื่อบอกให้เอมรู้ว่าผมไม่พอใจแล้วนะ  แต่

    55555  แกเลิกทำหน้าแบบนั้นได้ไหม  ฉันเห็นแล้วอยากหัวเราะเป็นภาษามนุษย์ต่างดาว  เอมมันยังแกล้งผมไม่หยุด  ผมเลยลุกขึ้นยืนแล้วมุ่งหน้าเดินไปยังโรงอาหารโดยไม่บอกกล่าวกับใคร

    หึหึ  ไม่เอานะครับวี  เอมเขาล้อเล่น  ผมหันไปมองตามเสียงหัวเราะ  ก็เป็นกรีนั้นแหละครับที่เดินตีคู่มากับผม  สักพักยายชะนีนางน้อยหญิงเอมก็เดินเข้ามาเบียดกลางระหว่างผมกับกรี  ไม่เอาน๊า...เขาอยากเดินกับหนุ่มหล่อดีกรีนักบาสมหาวิทยาลัยฯ

    อย่ามายุ่งกับฉัน ยายชะนีเห็บหมา ไปไกลๆเลยไป เดี๋ยวเห็บแกจะกระเด็นมาถึงฉัน   ผมหันไปต่อว่าเอมแบบเล่นๆไม่ได้จริงจังอะไร  เพราะเราหยอกล้อกันแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว

    โหย  แรงอ่า  หายงอนนะ  เดี่ยวเลิกเรียนพาไปเลี้ยงข้าว  เมื่อได้ยินเอมพูดดังนั้น  ต่อมรับรู้ความงกก็เริ่มทำงาน  หูผึ่ง หางกระดิก  น้ำลายย้อย  เย้ยยย  ไม่ใช่กระต่าย  แต่ถึงยังไงก็ต้องเก็บอาการอยากกินของฟรีไว้ก่อน  เดี่ยวใครเขาจะหาว่าเราเห็นแก่กิน

    โอเค  อาหารญี่ปุ่นนะ  ต่อด้วยไอศกรีมและปิดท้ายด้วยหนังหนึ่งเรื่อง  จะต่อด้วยร้องคาราโอเกะก็ได้  เคลียร์คิวโชว์ตัวเรียบร้อย  ผมไม่ได้อยากกินของฟรีหรอกนะครับ  แค่ทำตามหัวใจและปากท้องก็เท่านั้นเอง

    โห  น้อยๆหน่อยแก  เลี้ยงข้าวอย่างเดียวที่เหลือหารกัน  เอมมันเริ่มงอแง  แต่มีหรอที่คนอย่างผมจะยอม

    ก็ได้ๆ  กรีไปด้วยกันนะ  เคยได้ยินไหมครับกำขี้ดีกว่ากำตด  เมื่อตกลงได้ผมจึนหันไปชวนกรี

    เออ...คือ  กรีทำท่ากระอึกกระอัก

    ทำไม  ไปกับวีไม่ได้หรอ  จะไปกับน้องชะนีหน้าขนที่ไหนอีก  ต้องทำเสียงงอนเข้าไว้และก็ต้องแกล้งทำตาแดงๆเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร  แต่เห้ยน้ำตาดันไหลออกมาจริงได้สินี้  รางวัลตุ๊กตาทองดารานำหญิงคงได้ผมแน่เลย

    ครับๆๆๆ  กรีไปก็ได้ครับ  วีอย่าร้องนะ  อ่ะนี้ผ้าเช็ดหน้า  อย่าร้องนะครับ  กรีตกลงไปด้วยก็ได้  กรีพูดพร้อมกับส่งผ้าเช็ดหน้าให้กับผม  ผมก็เอามาเช็ดน้ำตาพร้อมกับเบ่งน้ำมูกออกมาด้วย ก่อนจะส่งคืนให้กรี

    อี๋  เหลืองอ่อยเลยอ่ะวี  กรีพูดพร้อมกับคลี่ผ้าเดหน้าให้ผมกับเอมดูน้ำมูกของผมเอง  เห็นแล้วสะอิดสะเอียน

    แหวะ  สกปรกอะแก  เอาไปทิ้งเหอะ  กรีก็ทำท่าทางลุกขึ้นยืน  ผมก็เลยกะจะแกล้งกรีต่ออีกสักยก

    ฮึก ฮึก ทำไมกรีรังเกียจวีหรอ  ฮือๆๆๆ  ทีนี้ผมทุ่มเทสุดชีวิตกับการเล่นละครบทนี้หวังจะเอาตุ๊กตาทองอีกสาขาหนึ่ง

    เปล่านะครับ วี  กรีไม่เคยรังเกียจวีนะครับ  เอานี้ครับเช็ดน้ำตาก่อน  ผมก็รับผ้าเช็ดหน้าจากกรีมา  แต่มันคือผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมูกผมนั้นแหละครับ  ผมก้มมองผ้าเช็ดหน้า  ก่อนจะหันไปมองหน้าวี  ทำแบบนั้นอยู่สองสามรอบ

    วีขอผืนใหม่ได้ไหม  ผมบอกออกไป  ไม่ได้รังเกียจน้ำมูกตัวเองหรอกนะครับ  แต่แค่เกรงว่าใบหน้าสวยๆของผมจะเต็มไปด้วยคราบน้ำมูกนั้นอ่ะครับ

    แกๆ  โน่นๆ  เอมมันสะกิดให้ผมมอง  ผมกับกรีก็หันไปมองตามนิ้วที่เอมชี้ออกไป  น้องแอมป์แปร์นั่นเองครับ  น้องเขาตามจีบผมมาได้สักพักแล้วละครับ  ก็อย่างว่าละคนหน้าตาดี  ใครก็อยากครอบครอง  แต่ขอโทษคนมันหล่อเลือกได้  ก็เลยเล่นตัวไปก่อน 

    สวัสดีครับพี่ๆ  มาเช้ากันจังเลยนะครับ  แอมป์แปร์มาถึงก็ทักทายแล้วก็นั่งลงฝั่งตกกันข้ามกับบผม

    จ๊ะ  แล้วน้องแอมป์มีเรียนเช้าเหมือนกันหรอค่ะ  ยายชะนีตีสองหน้ามันชวนน้องเขาคุย  แต่เอมมันคงรู้ละครับว่าผมไม่อยากคุยด้วย  ก็คนมันไม่ชอบนิครับจะให้ฝืนคุยด้วยก็ไม่ไหว

    ครับ  แล้วหลังเลิกเรียนพี่ไปไหนหรือเปล่าครับ   แอมป์มันพูดกับไอเอม  แต่ตามันก็ยังจ้องมาที่ผม  ผมจึงต้องหันหน้ามองไปทางอื่นทำเป็นไม่สนใจ

    อ๋อ  ก็กะว่าจะไป...โอ๊ยยยยย  เอมมันร้องออกมาเสียงดัง  เพราโดนเท้าผมกระทืบลงไปบนเท้าของมัน  มันก็หันมามองผมว่าอะไร  ผมก็ส่งกระแสจิตไปว่า  อย่าบอกมันนะ  เอมมันก็ทำหน้าเข้าใจสุดๆ  แล้วฉีกยิ้มให้ผม

    ไปเดินเล่นห้างกันนะครับ  น้องแอมป์สนใจไปด้วยกันหรือเปล่า  อร๊ายยย  อยากจะผูกคอตาย  ไอ้เราก็อุตส่าห์หุบปากชะนีได้แล้ว  แต่ควายถึกอย่างไอบ้ากรีดันไม่เก็ทความต้องการของผม  ผมจึงจัดการเอาหนังสือตบไปที่กบาลเป็นรางวัลให้มันมันหนึ่งทีงามๆ

    โอ๊ยยยยย  อะไรอะวี  กรีมันหันมาค้อนผม 1 ทีก่อนที่จะลูบหัวตัวเอง

    พูดมาก  ไปซื้อข้าวเลยไป  หิวแล้ว  ผมพูดพร้อมกับโยนหนังสือไปทางกรี

    “โอ๊ยยย  ไรอะวี  แค่นี้ก็ต้องใช้กำลังกันด้วย  โอเคๆไปแล้วๆ”  กรีพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปแต่มิวายยังเดินบ่นไปซึ่งผมเองก็ดันหูทิพย์ได้ยินอีกด้วย

    “บ่นไรอะกรี”  ผมตะโกนออกไป

    “เปล่าครับคุณชาย......ตกลงเพื่อนหรือพ่อกันแน่ว่ะ”  กรีมันยังไม่เลิกบ่น  แต่ผมเองก็เบื่อที่จะต่อล้อต่อเถียงจึงทำเป็นไม่ได้ยินไป

    “เอ่อ...พี่วีไม่อยากให้ผมไปหรอครับ”  ไอน้องแอป์แปร์มันตีหน้าเศร้า  แต่ผมหรอจะเห็นใจ  หล่อเลือกได้โว้ยยย

    “อือ  เมื่อไหร่จะเลิกตื๊อพี่สักที  พี่ก็บอกไปแล้วว่าพี่ไม่ชอบเด็ก”  ผมบอกออกไปตามความจริง  เพราะผมชอบคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่

    “แต่สักวันผมก็ต้องโตขึ้นและเป็นผู้ใหญ่ได้  อีกอย่างผมกับพี่ก็ห่างกันแค่ปีเดียวเอง  แต่ได้ข่าวว่าเรารุ่นเดียวกันนิ”  ไอเด็กแอมป์แปร์มันยังเถียงไม่หยุด  ก็ถูกของมันเหมือนกันครับ  ผมกับมันจริงๆเรารุ่นเดียวกันนั้นแหละครับ  เพียงแต่ว่าผมเรียนก่อนเกณฑ์อายุก็เท่านั้นเอง

    “ก็นั่นแหละ  ยังไงก็ไม่ได้แก่ไปกว่าพี่หรือว่าจะเถียง”  ผมยังยกหาข้ออ้างมาได้

    “แต่ฉันว่าน้องเขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าแกอีกนะ”  นังชะเอมเพื่อนชะนีสาวของผมมันยังไม่เลิกเข้าข้างน้องแอมแปร์สุดน่ารักน่าหลงของมันไม่เลิก

    “ตกลงแกเพื่อนฉันหรือเปล่าเนี๊ย  ไม่คุยด้วยแหละ” 

                    พูดจบผมก็ฟุบลงกับโต๊ะไม่อยากพูดไม่อยากสนใจอะไรมันทั้งสิ้นแล้วครับ  อยากจะพูดอยากจะทำอะไรกันก็เชิญ  ไม่สนใจแล้วโว้ยยยยยยยยย

     

     

     

    - ธนกฤษ –

                    ผมกำลังขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยของวี  ทุกวันผมจะขับรถมาส่งวีเป็นประจำถ้าหากว่าเราต้องเดินทางไปเรียนช่วงเวลาเดียวกันนะครับ  เพราะมหาวิทยาลัยผมไปทางเดียวกันกับวีอยู่แล้ว  ผมเคยถามวีว่าทำไมไม่ขับรถมาเอง  วีบอกว่าขี้เกียจและอ้อนผมใหญ่เลย  จนสุดท้ายผมทนลูกตื้อไม่ไหวจนต้องตบปากรับคำไป

                    ผมกับวีเรารู้จักกันตอนที่วีย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดฯที่ผมพักอยู่ก่อนแล้วนะครับ  วันนั้นเป็นวันที่วีลืมกุญแจห้องไว้ในห้องและเข้าห้องไม่ได้  จะไปขอกุญแจใหม่ผู้จัดการคอนโดฯก็ไม่อยู่  บวกกับดึกมากแล้วร้านซ่อมกุญแจก็พากันปิดหมดแล้ว  ผมจึงชวนวีเข้ามานอนในห้องผมก่อน

                    ครั้งแรกที่คนเพิ่งพบเจอกันน่าจะทักทายหรือพูดคุยเพื่อทำความรู้จักกันก่อนใช่ไหมครับ  แต่สำหรับวีนั้นไม่ใช่  เพราะคำแรกที่วีพูดกับผมนั้นก็คือ 

    “นาย  เราชอบนาย  เป็นแฟนกับเราไหม” 

                    ผมนึกกลับไปถึงเรื่องนั้นเมื่อไหร่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้  คนอะไรจะซื่อตรงและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองอะไรขนาดนั้น

                    ผมเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยก็เดินไปหาเพื่อนๆผม  ซึ่งวันนี้เรานัดกันมาส่งงานหลังจากนั้นกะว่าจะไปที่คอนโดของไอก้องมัน  เพราะมันบอกว่ามันจะจัดปาร์ตี้และมีหรือครับที่คนสังคมจัดอย่างผมจะพลาด  คืนนี้คงได้บริหารเอวอีกแล้ว 555

    “ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด”  ผมมองไปที่หน้าจอ  แบมโทรเข้ามา  ผมได้แต่ถอนหายใจก่อนจะรับสาย

    “ว่าไงครับแบม”

    “กฤษอยู่ไหน  เดียวแบมไปหานะ”  แบมพูดกลับมาอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่ผมว่าเมื่อคืนผมพูดชัดแล้วนะที่บอกเธอไปว่าเราเลิกกัน

    “แบม  ผมว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะครับ  อย่าให้ผมถึงขั้นเปลี่ยนเบอร์หนีเลย  อย่าโทรมาหาผมอีก  แค่นี้นะ”  ผมยอมรับนะครับว่าผมเห็นแก่ตัว  แต่ใครจะทำไม  ในเมื่อผมเองเป็นคนแบบนี้

    “ทำไมคะ  เพราะอีนังร่านนั้นใช่ไหม  กฤษถึงกล้าเลิกกับแบม  ไม่เคยมีใครกล้ามาปฏิเสธแบม  แล้วเราได้เห็นดีกัน”  แบมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่ากำลังโมโหที่สุด

    “แบมคิดจะทำอะไร” 

    “แบมไม่ยอมเจ็บฝ่ายเดียวหรอก”  พูดจบแบมก็วางสายไปทันที  และคนแรกที่ผมคิดถึงนั้นก็คือวี  แบมคิดจะทำอะไรของแบมนะ  ผมจึงโทรไปเตือมวีว่าระวังแบมจะไปหาเรื่องที่มหาวิทยาลัย  และผมกำลังจะตามไป  แต่ก็โดนปฏิเสธ  เพราะตอนนี้วีก็ไม่ได้อยู่คนเดียวผมจึงเบาใจได้หน่อย  ผมจึงเข้าเรียนกับเพื่อนๆตามปรกติ

     

     

     

    - กรีฑา –

                    ผมเดินออกมาซื้อข้าวพร้อมกับข้าวตามที่คุณชายสั่ง  คนบ้าอะไรไม่รู้นะครับขนาดโกรธยังทำหน้าตาน่ารัก  นี้ถ้าผมเป็นเกย์ผมก็คงหลงรักวีไปแล้ว  แต่เสียดายที่ผมไม่ชอบผู้ชาย  ผมยังชอบสาวน้อยน่ารักๆอยู่  แต่เอ๊ะ...ทำไมต้อเงสียดายด้วย  ไม่เอาๆๆๆ  ไม่คิดแล้วสั่งอาหารดีกว่า

                    เมื่อได้อาหารตามที่สั่งผมก็เดินกลับมาที่โต๊ะ  แต่ระหว่างทางผมก็เจอเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ผมรู้รู้จักสมัยเรียนมัธยม  ผมกับชายคนนั้นเรายืนจ้องหน้ากัน  ผมบอกไม่ภูกว่าสายตาที่เขามองมาที่ผมนั้นมันหมายความว่ายังไง  ตัดพ้อ  โกรธ  หรือรังเกียจผมก็ยากที่จะคาดเดาได้  แต่เขาก็เดินเข้ามาคุยกับผม

    “ว่าไงมึง  ไม่คิดจะทักทายรุ่นพี่หน่อยหรือไง”  อือ...ใช่  นี้ถ้าไม่ติดว่าเขาคือรุ่นพี่ผม  ผมเองคงไม่อยากเสวนาด้วย  แต่เพื่อไม่ให้มันเสียระบบที่รุ่นพี่ได้ตั้งกันไว้  ผมจึงต้องแสร้งทำเป็นเคารพมันไป

    “สวัสดีครับ  พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ  คือผมรีบนะครับเดี่ยวต้องขึ้นเรียนแล้ว”  ผมทักทายพี่คนนั้นไป  คนที่ผมอยากจะลืมว่าอยู่ร่วมโลกเดียวกับมัน

     “เปล่าหรอก  แค่อยากคุยด้วยก็เท่านั้น  มึงเปลี่ยนไปมากจริงๆ”  ไอบุหรี่มันพูดพร้อมกับจับคอปกเสื้อผมพลิกไปพลิกมา  มันจะทำไปเพื่ออะไรว่ะ

    “อ๋อ...ครับ  ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ”  ผมพูดพร้อมกับเดินถือถาดอาหารออกมาจากตรงนั้น

    “ทำไม  จะรีบกลับไปประคบประหงมอีร่านนั่นหรอ”  ผมหันกลับไปมองหน้ามันทันทีที่ได้ยินคำพูดของมัน  ที่มากล่าวหาเพื่อนผมว่าเป็นพวกร่าน  ผมทิ้งถาดอาหารลงพร้อมกับเดินเข้าไปหามัน

    “ต้องการอะไร”  ผมถามมันอย่างใจเย็นที่สุด

    “ไปกินข้าวกับกู”  มันพูดออกมาอย่างมั่นใจ

    “ไม่ไป  ไม่มีความจำเป็นต้องไป  แค่นี้ใช่ไหมที่ต้องการ”  ผมพูดพร้อมกับเดินไปสั่งอาหารใหม่อีกครั้ง  แต่ก็โดนกระชากมือไว้จนต้องหันไปจ้องหน้ากับมันอีกครั้ง

    “มึงอยากให้พี่สาวกับหลานมึงลำบากใช่ไหม  หรือต้องการ...กูจะโทรไปบอกแม่กูเดี๋ยวนี้ว่าพี่สาวมึงกับพ่อกูเป็น...”  ใช่แล้วครับ  พี่สาวผมเป็นเมียเก็บของพ่อมัน  และนั่นเองที่มันยกมาใช้บังคับผมหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม

    “ไอ้เลว”  ผมด่ามันอย่างอดกลั้น  ผมไม่เคยเกลียดใครเท่ามันมาก่อน  ผมรู้ว่ามันต้องการอะไร  แต่ผมก็ไม่ได้เป็นอย่างมัน  ถึงเป็นเหมือนกับมันผมก็ไม่ยอมให้ในสิ่งที่มันต้องการ

    “หึหึ  กูจะไปรับมึงที่คอนโดตอนเย็น  แล้วอย่าคิดเบี้ยวกูนะ  ไม่อย่างนั้น....”  มันพูดพร้อมกับชูโทรศัพท์ให้ผมดู  แล้วเดินออกไปจากจุดที่ผมยืนอยู่

                    ผมเดินไปซื้ออาหารใหม่อีกครั้งแล้วจึงกลับไปที่โต๊ะและบอกกับเพื่อนๆไปว่าวันนี้ผมคงไม่ว่างไปด้วยแล้วเพราะมีซ้อมบาส  เพื่อนผมสองคนนั้นก็นั่งบ่นผมใหญ่ครับว่าทำไมไม่บอกก่อนหลวงหน้า  จะให้ผมบอกได้ไงในเมื่อผมเพิ่งปรับแผนให้ตัวเองเมื่อสักครู่นี้เอง  แล้วจากนั้นผมจึงโทรไปบอกแฟนสาวผมว่าวันนี้ผมคงไปรับเธอไม่ได้เพราะติดธุระด่วน  ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรผม

    “ขอโทษจริงๆนะครับ  กิ่ง  ผมอยากไปรับคุณนะครับ  แต่มันติดธุระจริงๆ”  ผมกับกิ่งเราอยู่กันคนละมหาวิทยาลัยครับ  ผมเจอเธอได้เพราะเพื่อนผมหนึ่งแหละครับที่แนะนำให้รู้จัก

    “ไม่เป็นไรหรอก  กิ่งกลับเองได้  กรีไปทำธุระของกรีเถอะ  เสร็จแล้วโทรหากิ่งด้วยนะ”  กิ่งตอบกลับมาด้วยเสียงที่สดใสตามแบบฉบับของเธอ  ผมชอบเธอตรงนี้แหละครับ  เธอพร้อมที่จะเข้าใจผมทุกเมื่อทุกเวลา 

    “ครับผม  สัญญานะครับว่าจะโทรไป  แล้ววันหลังกรีจะพากิ่งไปดูหนังเป็นการไถ่โทษนะครับ”

    “แล้วแต่กรี  กิ่งยังไงก็ได้”

    “ครับผม  กิ่ง...กรีต้องขึ้นเรียนแล้ว  เอาไว้กรีโทรหานะครับ”

    “ค่ะ  ไปเรียนเถอะ”

                    หลังจากนั้นผมกับเพื่อนๆก็พากันขึ้นเรียนกันตามปกติ  แต่จะไม่ปกติตรงที่ผมไม่สามารถมีสมาธิกับการเรียนได้เลย  ผมเอาแต่คิดถึงสาเหตุและหาเหตุผลมาหักล้างกับการกระทำของบุหรี่  จนแล้วจนรอดผมก็ไม่สามารถตอบคำถามที่ตัวเองตั้งขึ้นมาได้  แล้วเย็นนี้ผมจะทำอย่างไรดีเนี๊ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×