คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Hey Boy 07 - ตอนที่ 07 ความสุขหวนกลับมา (100%)
ตอนที่ 07 ความสุขหวนกลับมา
“ใช่จริงๆด้วย ใช่มึงจริงๆด้วย เนม” น้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นดีใจที่สั่นเคลือนิดๆ คือเสียงที่ผมได้ยินจากคนที่กอดผมแน่นตอนนี้ กิ่นหอมที่ออกมาจากร่างกายผู้ชายคนนี้ผมคุ้นเคยดีครับ เพราะผมได้กิ่นอยู่ทุกวัน....
“ไอ้นิค...” ผมได้แต่เรียกชื่อของเจ้าของอ้อมแขนที่โอบกอดผมไว้ ผมไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้ยังไง เพราะสิ่งที่ผมกลุ้มใจอยู่หลายวันที่ผ่านมา มันหายไปหมด ทั้งที่หบายวันมานี่ผมเฝ้าแต่กังวนว่าจะทำตัวยังไงเมื่อเจอหน้าไอ้นิค มันจะรู้เรื่องที่อินมาพูดกับผมแล้วหรือยัง มันจะตำหนิผมไหมที่ไปแย่งคนที่เพื่อนตัวเองชอบ...
“หลายวันมานี้หายไปไหนมา... รู้ไหมว่ากูเป็นหว่ง... กูกังวนมากเลย... มึงรู้บ้างไหมว่าตั้งแต่ที่มึงหายไปกูไม่เป็นอันทำอะไรเลย อยากติดต่อมึงแทบขาดใจแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง...” ไอ้นิคชุกหน้าลงที่ไหล่ผม มันพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเคลือ และแผ่วเบายิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าไหล่ผมมันชุ่มไปด้วยยดน้ำร้อนที่หน้าจะเป็นน้ำตาของคนตรงหน้า....
“....” ผมไม่พูดอะไร หรือถ้าจะให้ถูกต้องพูดว่า ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลย ไม่นึกว่าคนที่กวนๆ เจ้าชู้และค่อนข้างหยิ่งอย่างไอ้นิค มันจะมาร้องไห้เพราะผม ความรู้สึกสับสน และแฝงไปด้วยความอบอุ่นมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวจนสมองผมประเมินผลและสั่งการไม่ทันแล้ว..
“กลับมาเถอะนะ มาอยู่กลับกูเถอะน่ะ ... ขอร้องงงง ... กูขอร้องล่ะ ... ได้โปรดกลับมาหากูเถอะน่ะ ... ขอร้องงง ... ขอร้องงง ... กูขอร้องล่ะ” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร ไอ้นิคก็ทรุดลงไปคุกเข่าทั้งที่อ้อมแขนยังกอดผมไว้แน่น ยิ่งคำว่าขอร้องออกมาจากปากไอ้นิคมากเท่าไหร่ผมยิ่งรู้สึกผิด ที่ทำกับมัน และยิ่งได้เห็นท่าทางที่ทรมารของคนตรงหน้ายิ่งทำให้ผมโกรธในความอ่อนแอของตัวเองที่เอาแต่หลบหน้า ไม่ยอมเปิดใจคุยกัน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นไอ้นิคก็คงไม่ต้องมาทรมารอย่างวันนี้ก็ได้.
ผมก้มลงจับไอ้นิคให้ลุกขึ้น มือสองข้างจับแก้มคนตรงหน้าให้มันมาสบตาตัวเอง แล้วใช้นิ้วเช็ดน้ำตาจากแก้มสองข้าง “กูว่ามึงไม่เหมาะกับน้ำตาเลยว่ะ หน้าตอนที่มึงยิ้มเจ้าเลห์มันหล่อกว่าตั้งเยอะ” ผมยิ้มให้ไอ้นิค ตาไอ้นิคตอนนี้ทั้งบวมทั้งแดงก่ำไปหมด “กูขอโทษน่ะ ขอโทษจริงๆ” ทันทีที่คำขอโทษผมสิ้นสุด ไอ้นิคดึงผมเข้าไปกอดโดยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย.
“ตกลงว่าจะกับมาใช่ไหม” ไอ้นิคกระชิบข้างหูผมเบาๆ.
“ห้องมึงมันก็ห้องกูเหมือนกัน จะให้กูไปไหนล่ะ” ผมตอบกลับไปเบาๆ ตอนที่พูดออกไปผมเขินตัวเองมากเลย มันให้ความรู้สึกไม่เหมือนเพื่อนยังไงไม่รู้.
“ขอบใจน่ะ” ไอ้นิคทาบมือกับแก้มสองข้างของผม และหลังจากที่พูดจบ ไอ้นิคขยับเข้ามาใกล้จนตอนนี้จมูกของเราชนกัน ก่อนที่มันจะเอียงหน้าแล้วกดจูบลงที่ริมฝีปากผมเบาๆ นี้เป็นครั้งที่สองที่เราจูบกัน แต่แตกต่างกันตรงที่ครั้งนี้สติผมยังอยู่ครบไม่ได้เมาขี้ตาเหมือนครั้งที่แล้ว ในระหว่างที่ผมยังอึ้งอยู่นั้น ลิ้นอุ่นของไอ้นิคก็ฉวยโอกาสรุกล้ำเข้ามายังโพรงปากของผม ลิ้นไอ้นิคไล่กวาดไปทั่วทั้งปาก แรกๆผมก็พยายามที่จะไม่ตอบกลับ แต่มันคงเป็นเพราะความเคยชินล่ะมั้ง ผมก็เริ่มที่จะจูบตอบไปบ้าง และกัดลงที่ลิ้นไอ้นิคเบาๆ รสชาติหอมหวานประสมกิ่นเหล้านิดๆ แต่พอผมตั้งสติได้และรู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ผมถอนจูบจากไอ้นิคแล้วผลักมันออกเบาๆ ไม่ได้ไล่หรอกครับแต่ผมแค่นึกได้นี้ไม่ใช่ที่เพื่อนเค้าทำกันก็เท่านั้น.
“ตาบวมอย่างนี้ จะออกไปข้างนอกได้ไงเนี้ย” ผมพูดไปมือทั้งสองก็ลูบเปือกตาไอ้นิคเบาๆ ก็แน่ล่ะ ถ้ามันออกไปสภาพนี้มีหวังได้โดนล้อทุกวันแน่ เพื่อนผมแต่ล่ะคนใช้ย่อยที่ไหน.
“ออกไปไม่ได้ก็นั่งอยู่ในนี้ก็ได้นิ” ไอ้นิคตอบออกมาพร้อมส่งยิ้มเจ้าเลห์ใส่ผม นี้สิจึ่งจะสมกับเป็นไอ้นิค.
“บ้าเปล่ามึงน่ะ ให้อยู่ในห้องน้ำนี้น่ะ ตายเหอะ” ก็จริงนิ ในนี้กิ่นก็ไม่ค่อยจะดี แคบก็แคบ อึดอัดจะตาย.
“แต่นิคชอบน่ะ จะได้อยู่กับเนมได้ในระยะประชิดที่สุดไง” พออารมณ์ดีขึ้นมาก็กวนเลยน่ะมึง.
“แล้วอย่าบอกว่าเบื่อที่หลังล่ะ” ผมพูดด้วยท่าทางกวนสุดๆ พร้อมจับคางไอ้นิคส่ายไปมาเบาๆ.
“สำหลับเนม นิคไม่มีคำว่าเบื่อหรอก” แหมะ มีเล่นกลับด้วย แสดงว่ากลับมาเป็นปกติแล้วสิ.
“เลิกเล่นเหอะ เลี่ยนว่ะ ฮ่าๆๆๆ” ก็อยากจะเล่นต่ออยู่น่ะ แต่ทำไมมันดูเลี่ยนๆยังไงไม่รู้.
“นี้นิคไม่ได้เล่นน่ะ นิค...”
“ตาไม่บวมแล้ว ออกไปกันเถอะ หายมานานๆเดี๋ยวไอ้พวกนั้นมันด่าเอา” ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้นิคจะพูดอะไรต่อ แต่ทางที่ดีผมตัดบทมันซะจะเป็นประโยชน์กับผมมาก ช่วงนี้ทำไมถึงได้เป็นคนเซนซิทีฟอย่างนี้ก็ไม่รู้ และก็ที่หัวใจจะทำงานหนักชิ่งออกไปก่อนนี้แหละดีแล้ว พูดจบผมก็เอื้อมมือไปปลดล๋อก แล้วจับมือนิคลากออกมา ดีน่ะที่ห้องน้ำแห่งนี้มันยังคงร้างเหมือนเดิ่ม ไม่งั้นทุกคนได้หันมามองกันใหญ่แน่ ผู้ชายตัวถึกๆสองคน เอ๊ะหรือว่าไอ้นิคถึกคนเดียวน่ะ.
“เดี๋ยว...” แต่ผมก็ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกจากห้องน้ำด้วยช้ำ ไอ้นิคก็เรียกผมไว้แล้วดึงกลับเข้าไปแล้วลงกอนอีกครั้ง ทำเอาเกือบล้มหัวฟาดพื้นเลยทีเดียว.
“มึงจะทำอะไรน่ะ”
“อยู่นิ่งๆน่ะคนดี”
“ก็บอกก่อนดิว่าจะทำอะไร จะได้รู้ว่าควนนิ่งหรือไม่”
“หึๆๆๆ ไม่บอกหรอก”
“เฮ้ยไอ้นิค มึงจะทำอะไร มึงจะปลดกระดุมเสื้อกูหาพระแสงอะไร” จะไม่ให้ผมโวยวายได้ไง อยู่ดีๆก็ดึงมือผมเข้ามา แล้วปลดกระดุมเสื้อผมออก จนตอนนี้ทอ่นบนผมไร้เสื้อแล้ว และมันก็เริ่มปลดกระดุมของมันบ้าง.
“หึๆๆ มึงนี้ก็หุ้นดีน่ะเหมือกกันน่ะ เท่าๆกูเลย” ไอ้นิคยังคงไม่ตอบว่าจะทำอะไร ยังเอาแต่จ้องมองมาที่ร่างกายของผมแทบไม่กระพิบตาเลย และมันก็ถอดเสื้อมันออกบ้าง แต่ด้วยความที่ห้องน้ำมันแสนจะกว้างขวางเลยทำให้ผมกับไอ้นิคตอนนี้เนื้อแนบเนื้อกันได้แล้วมั้ง คิดจะทำอะไรของมันกันแน่.
“ใส่นี้ชะ” ยังไม่ทันที่ผมจะถามอะไรมันออกไป เสื้อเชิ้ดสีดำที่คนตรงหน้าพึ่งถอกออกก็ถูกสวมใส่ให้ผมด้วยเจ้าของเสื้อ มันติดกระดุมทีล่ะเม็ดให้ผม และตอนที่จับกระดุมไอ้นิคจะฉวยโอกาสลูบลำตัวผมทุกครั้งเลย แต่บังเอิญว่าผมเป็นผู้ชายไง เรื่องโวยวายหวงตัวนั้นเลิกคิดไปเลย แค่ไม่เข้าใจกับการกระทำของไอ้นิคก็เท่านั้นแหละ.
“ทำไมต้องเปลี่ยนด้วยว่ะ” ผมบ่นไปอย่างรำคาญ แต่ก็ยอมใส่โดยไม่ขัดขืน ฮ่าๆๆๆ.
“ใส่ไปเหอะน่า จะได้ไม่เป็นจุดเด่น และจะมีใครมามองมาก” ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ช่างมันเหอะ ทั้งๆที่ผมว่าไอ้นิคถึงคนเดียวน่ะ แต่ทำไมผมถึงใส่เสื้อมันได้พอดีเป๊ะอย่างนี้ล่ะ ฮ่าๆๆ.
“มึงนี้เรื่องมากจังเว้ย แล้วจะไปกันได้ยัง หรือจะต้องถอดกางเกงเปลี่ยนด้วยล่ะ” ผมบ่นใส่หน้ามันไปนิดหน่อยในตอนต้น และเปลี่ยนมาเป็นกวนในประโยดท้าย.
“เปลี่ยนได้ก็ดี” มันเอาจริงหรือนี้ ไอ้บ้านี้มันคิดอะไรของมันอยู่เนี้ย.
“ดีพร่องงงง” ผมตบกระบาลมันไปทีหนึ่งก่อนจะเปิดประตู คราวนี้ไม่ดึงมันไปแล้ว เดี๋ยวมันคิดเอาจริงขึ้นมา วันนี้ไม่ต้องแดกมันแล้วเหล้าน่ะ.
ผมกับไอ้นิคหลังจากที่เราได้เสียน้ำตากัน ไปจนถึง... เอ่อ... อันนั้นอย่าไปพูดถึงดีก่วา ในที่สุดเราทั้งสองก็มานั่งกับพวกไอ้เค ไอ้ออกัส ไอ้วิศ ไอ้อาร์ต ไอ้ก้องจนได้ แต่ว่าตอนที่จะออกมาจากห้องน้ำไอ้นิคยังไม่ว่าฉวยโอกาสกับผมอีกจนได้ มันบอกให้ผมออกก่อน แต่พอผมจะเดินออกมามันก็เบียดตัวเองออกมาแทน แล้วหอมแก้มผมไปอีกครั้ง, พออยู่กับไอ้นิคแล้วรู้สึกเหมือนว่านับวันผมยิ่งเปลืองตัวยังไงไม่รู้ ถ้าเป็นผู้หญิงป่านนี้ค่าสินสอดผมคงเหลืออยู่ไม่กี่บาทล่ะมั้ง. แต่บังเอิญว่าผมไม่ใช่คนพวกที่หวงเนื้อหวงตัวด้วยสิ ค่าสินสอดเลยไม่มี ฮ่าๆๆๆ, จะว่าไปผมก็ไม่รู้ว่าจะหวงไปทำไม ในเมื่อผมในตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วนิ... เอ๊ะ... หรือว่ามีน่ะ...
“ไอ้เนม มึงกับไอ้นิคเคลียร์กันแล้วใช่ป่ะ” ไอ้อาร์ตยิงคำถามใส่ผมโดยที่ผมยังไม่ทันที่จะกระดกเหล้าเข้าปากเลย
“เคลียร์อะไร/อึม” อ้าววเฮ้ยไอ้นิค กูจะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลย ถ้ามึงจะใจตรงกับกูบ้างสักครั้งน่ะ.
“ยังไงล่ะเนี้ย ตกลงว่าเคลียร์หรือยัง พวกกูจะได้รู้” ไอ้วิศเป็นคนพูดบ้าง.
“สำหรับกู... แล้ว แต่สำหรับไอ้เนม มึงถามมันเองล่ะกัน” ไอ้นิคคอตกตอบคำถาม.
“ว่าไงไอ้เนม” ไอ้วิศหันมายิงคำถามใส่ผมต่อ แล้วทำไมพวกแมร่งนี้มันต้องจ้องผมอย่างกับสอบปากคำอย่างนี้ล่ะเนี้ย..
“ก็ไม่ว่าไงหรอก ก็กูไม่มีอะไรต้องเคลียร์กันนิ...”
“แล้วไอ้ที่ไปอยู่เป็นก้างไอ้เคกับไอ้ออกัสเป็นสี่ห้าวันนี้ มึงยังบอกว่าไม่มีอะไรต้องเคลียร์กันอีกหรือไง”
“มึงฟังกูพูดให้จบก่อนมึงจะตายไหมเพื่อนอาร์ต” ก็จริงนิ ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคเลยมันก็พูดแทรกซะแล้ว... “ที่กูบอกว่าไม่มีอะไรต้องเคลียร์ก็เพราะว่า ไม่มีจริงๆ พวกกูเข้าใจกันและกันดี...จบป่ะ” ก็ใช่ว่าจริง พวกเราไม่เข้าใจกันเลยด้วยช้ำ แต่ดูจากตอนนี้ผมบอกว่าพวกเราเข้าใจกันดี ไอ้นิคนี้มันยิ้มแป้นออกมาอย่างกับถูกหวย แต่ไอ้ที่ยิ่งไปกว่านั้น คือมือเรียวของใครบางคนที่กำลังสอดเข้าประสานกับมือของผม บีบมือผมเบาๆเหมือนอยากที่จะสื่ออะไรสักอย่างกับผม แต่ก็อย่างที่บอกไปแหละครับ ว่าเราสองคนไม่เข้าใจอะไรกันเลย แต่ผมก็ยังบีบมือตอบอีกคนกลับไป ผมมองหน้าเจ้าของฝามือที่ผมกลุ่มอยู่นั้น แล้วพบว่าใบหน้าของไอ้นิคมันก็ยังยิ้มให้ผมอยู่อย่างนั้น แต่จะให้ผมบอกกับไอ้นิคได้ยังไงล่ะว่า กูไม่เข้าใจในสิ่งที่มึงอยากจะสื่อหรอกน่ะ.
“งั้นก็ดี แล้ววันนี้มึงจะกลับห้องเลยใช่ป่ะ” โห่วไอ้ออกัสได้ที่ก็ไล่กูเลยน่ะ...
“เออ กลับก็กลับ, กูรู้หรอกน่าว่าพวกมึงอยากอยู่กันสองต่อสองใจจะขาด ชิ” ผมทำหน้างอนใส่ แต่เหมือนมีอีกคนที่ดูเหมือนว่าเริ่มจะไม่สนุกแล้วสิ จะใครซะอีกล่ะ ก็ไอ้นิคนั้นแหละ ไอ้นี้อารมณ์แปลปลวนจริง ถ้าเป็นผู้หญิงนี้ผมฟันทรงได้เลยว่า อี่นี้แมร่งงง เมนมา ฮ่าๆๆๆ.
“ไหนพวกมึงบอกไมรู้ว่าไอ้เนมอยู่ไหนไง” ออ.. พวกไอ้วิศก็เคยบอกว่าไอ้นิคไปถามหาผม แต่พวกมันไม่บอก ไอ้นิค... มึงนี้คิดเล็กคิดน้อยอย่างกับผู้หญิงเลยว่ะ.
“หน้าขำมากป่ะ” สงสัยว่าผมแสดงอาการเกินไป ไอ้หน้าบึ้งข้างๆถึงได้โน้มตัวลงมากระชิบผม ด้วยน้ำเสียงจิกกัดอย่างนี้.
“เรื่องนี้กูว่าพวกมึงสองคนต้องคุยกันเอาเองแล้วล่ะ” ไอ้วิศ... มึงจะให้กูคุยอะไร แค่เรื่องอินกูก็ว่ากูกับไอ้นิคมีเรื่องต้องคุยกันเยอะแล้วน่ะ...
“กูว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยล่ะ” ไอ้นิคมันก็ยังกระชิบอยู่อย่างนั้น.
“เออ... มึงนี้จุกจิกอย่างกับผู้หญิงเลยว่ะ” ผมกระชิบตอบมันไป แต่ก็ไม่วายกัดมันไปด้วย...
“ถามจริง พวกมึงทำไรกันในห้องน้ำป่ะ” สาบานได้เลยว่าพวกนี้คงต้องคิดอะไรแปลกๆอยู่แน่ ส่วนคนถามนี้ไม่ต้องเดาให้ยาก ก็ยังคงเป็นไอ้อาร์ตเช่นเคย ดูเหมือนว่าไอ้นี้มันจะถนัดในการเปีดประเด็นน่ะ..
“แล้วพวกมึงคิดว่าพวกกูทำอะไรกันล่ะ อิๆๆๆ” ผมตอบไปพร้อมจ้องมองที่ละคนด้วยแววตากวนๆ..
“ได้กัน/ ชั่มกัน” นี้คืคำตอบที่ได้มาจากปากของเพื่อนๆทั้งของผม.
“ชั่มสัสสสส” แต่พอพวกมันตอบผมหันไปหาไอ้นิค แมร่งงงง สัสนิคนอกจากมึงจะไม่โต้ตอบอะไรแล้ว มึงยังมีหน้าไปพยักหน้ากลับอีกน่ะ มึงช่วยให้พวกมันเข้าใจ (ผิด) ได้ดีมากเลย แล้วมือมึงนี้ไม่คิดจะเอาออกไปหรือไง จับอยู่นั้นแหละ จริงอยู่ที่กูไม่ใช่พวกจะเล่นตัว แต่นี้มักก็เกินไป ผู้ชายที่ไหนมานั่งกลุมมือกันกลางผับบ้างล่ะ... ก็อยากจะเล่นด้วยอยู่น่ะ แต่พอผมได้นึกภาพตามที่ไอ้พวกเพื่อนผมพูดเท่านั้นมันก็ทำให้ผมใจเต็นแรง หน้าร้อนขึ้นมาทันที ตอนนี้ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตากับแก้วเหล้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเลย ถึงในนี้จะมืดแต่ก็สว่างพอที่จะทำให้เพื่อนในโต๊ะดูออกว่าใบหน้าผมตอนนี้มันคงขึ้นสีแดงมากเลยล่ะมั้ง ไม่รู้ว่าที่มันร้อนเพราะเหล้าหรือเพราะอย่างอื่นกันน่ะ...
“ไอ้เนม หน้ามึงแดงๆ เขินเหรอออออ” ไอ้ออกัสมันแชว แต่มึงไม่ได้แอ้มก็หรอก...
“เขินเชี้ยไร กูเลือดกรุ๊ปโอเหอะ แดกเหล้ามันเลยแดง” นี้ล่ะครับข้อดีของเลือดกรุ๊ปผม เวลาที่มีแอลกอฮอล์เข้าไปมากๆมันก็แดงขึ้นทั้งหน้าและลำตัวเลย.
“เหรอออออออ” นี้พวกมึงเตรียมกันมากันมาหรือเปล่าว่ะ ทำไมความคิดตรงกันจริงๆ.
“หรือพวกมึงไม่เชื่อ กูถอดเสื้อให้ดูเอาป่ะ” ไม่พูดเปล่า ผมปล่อยมือจากไอ้นิคแล้วก็ขยับขึ้นไปจะปลดกระดุมออก ผมไม่ได้พูดเล่นน่ะ ผมเอาจริงสุดๆเลยล่ะ ถ้าพวกมันจะเอาจริง ผมก็ถอดจริง....
“จะทำอะไรน่ะ” นี้เป็นเสียงคนที่นั่งข้างๆผมที่โน้มตัวมากระชิบข้างหูผม มือมันก็จับมือที่กำลังปลดกระดุมของผมไว้แน่น... แต่มึงรู้ตัวบ้างไหม ว่าที่มึงทำอยู่เนี้ยมันออกนอกหน้านอกตาเกินน่ะ และพวกที่รอผมถอดเสื้อที่ตาอยู่ลุกพาวอยู่แล้วยิ่งทำตาลุกใส่พวกผมกว่าเดิมตอนนี้ไอ้นิคจับมือผม...
“ก็ถอดเสื้อให้พวกแมร่งดูไง” มึงจะกระชิบก็กระชิบไปคนเดียวล่ะกัน กูไมม่กระชิบแล้ว แมร่งจะตอบให้รู้กันทั่วหน้าอย่างนี้แหละ...
“จะบ้าเหรอ มึงจะถอดเสื้อกลางผับหรือไง” ถือได้ว่าไอ้นิคมันมุ่งมั้นมาก ถึงผมจะตอบไปอย่างนั้น มันก็ยังคงกระชิบที่หูผมอย่างนั้น แต่มึงหารู้ไม่ว่าตอนที่มึงพูดออกมานั้น ลมที่ปากมึงเป่าหูกู...
“มึงนี้ก็จู้จี้จุกจิกกูจริง แล้วมึงจะเลีกกระชิบกูได้ยัง สยิวสัส” ผมด่าไอ้นิค แล้วว่าจะหันไปไฟท์กับไอ้นิคอีกรอบ แต่ด้วยไอ้นิคที่มันไม่ยอมขยับหน้ามันไปไหน เลยทำให้ตอนที่ผมหันมานั้น ปากเราทั้งคู่จุ๊บกัน แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนในห้องน้ำไง ตอนนั้นอยู่กันแค่สองคน แต่ตอนนี้... แมร่งงงง ... อยู่กันทั้งกลุ่ม ผมจึงรีบดึงหน้าออก แล้วตบกระบานไอ้นิคไปที่หนึ่ง ไม่ได้โกรธอะไรมันหรอก แค่ทำกลบเกลื่อนอาการเขินก็เท่านั้นเอง จะหาว่าผมแถชึ่งๆหน้าก็ได้น่ะ ฮ่าๆๆ.. แต่ดูเหมือนเหตุการเมื่อกี้มันคงทำเอาเพื่อนๆผมช็อคน่าดู เพราะตอนนี้โต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ถูกความเงียบครอบงำเข้าไปแล้ว แม้แต่ไอ้ออกัส กับไอ้อาร์ตที่ปากมากก็ยังเงียบเลย...
“นี้ตกลง ในห้องน้ำเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่” ไอ้ก้องมันถามผม.
“พวกมึงคบกันอยู่หรอ” อันนี้ไอ้เค นี้ถ้ามึงไม่พูดกูก็เกือบลืมไปเลยน่ะมาพวกมึงสองคนก็มา โดยเฉพาะมึงไอ้เคจะไม่พูดเลยก็ได้น่ะ... ก็ดูที่มันพูดและปฏิกิริยาของพวกเพื่อนผมสิ ตอนนี้ทั้งโต๊ะจ้องผมกับไอ้นิคตาเป็นวาวเลย.
“จะบ้าเหรอ... กูไม่ก็ว่ากูสติดีอยู่น่ะ คงไม่เอาไปนนิคมาทำเมียหรอก” ผมตะโกนใส่หน้าพวกเพื่อน แต่เหมือนจะไม่ได้ผล..
“แล้วถ้าทำผัวล่ะ” ไอ้วิศ ถ้ามึงจะเงียบๆบ้างก็ดีน่ะ.
“กูผู้ชาย สัส” แล้วใบหน้าของใครบางคนก็หงอยเป็นหมาอีกครั้งตอนที่ตอบออกไป ผมอยากจะรู้จริงว่าในตัวไอ้นิคมันมีสวิทช์ปรับเปลี่ยนอารมณ์หรือไงกัน.
“งั้นกูขออีกคำถาม เป็นคำถามสุดท้ายของวันนี้ล่ะกัน” ไอ้อาร์ต กูว่ามึงพอเหอะ ดูหน้าไอ้ตัวข้างๆกูบ้าง ทุกประเด็นที่มึงเปิดออกมา ไอ้นิคมีทุกอารมณ์ในแต่ล่ะประเด่นเลย แล้วก็มาจบอยู่ที่อาการหงอยๆอย่างที่เป็นอยู่นี้ไง.
“คำถามมึงเยอะเนอะ” ผมบ่นใส่หน้าไอ้อาร์ตไป แต่เหมือนมันจะไม่ใส่ใจกับเสียงผมเลย.
“นี้พวกมึงสังเกตกันบ้างไหมว่าไอ้เนมกับไอ้นิคมันมีอะไรแปลกๆไปจากตอนที่เรามากันน่ะ” แล้วด้วยคำถามที่ไม่น่าเป็นของผม มันก็ทำให้พวกที่นั่งรอบโต๊ะจ้องมองมาที่ผมกับไอ้นิคทันที.
“ก็ไม่นิ” ไอ้วิศ
“อะไรแปลกไป” ไอ้ออกัส.
“กูก็ว่าปกติดีนิ” ไอ้ก้อง.
“ก็เหมือนเดิม” ไอ้เค.
“พวกมึงนี้แมร่งงงง ตาต่ำว่ะ” ไอ้อาร์ตบ่นใส่พวกเพื่อนๆก่อนที่จะหันหน้ามาที่เจ้าของประเด็นอย่างผมกับไอ้นิคต่อ “ไอ้ออก้ส มึงเลือกเสื้อผ้าให้เนมใส่ใช่ป่ะ” แล้วก็หันไปถามคนที่เลือกเสื้อผ้าให้ผมตอนจะออกมา.
“อึม... ทำไม”
“ตอนมึงเลือก มึงให้มันใส่สีอะไร”
“ก็ขาวไง”
“งั้นไอ้เค ตอนมามึงเห็นไอ้นิคใส่เสื้อสีอะไร” แล้วไอ้อาร์ตก็เปลี่ยนไปถามไอ้เคต่อ แต่ผมนี้สิ รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องบรรลัยสักอย่างขึ้นเลย.
“สีดำ... แล้วมึงมาเซ้าซี้เรื่องสีเสื้อพวกสองคนทำไมกันห่ะ” ไอ้เคตอบอย่างไม่ค่อยพอใจกับคำถามไอ้อาร์ตสักเท่าไหร่.
“โอเค ทุกคนได้ยินกันชัดแล้วน่ะ... แล้วทีนี้ก็เข้าประเด็นกัน” อะไรกันนี้มึงพึ่งเข้าประเด่นหรอว่ะ มึงจะเกริ่นเรื่องนานไปไหมห่ะ แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่อไอ้อาร์ตพูดประเด็นของมันออกมา “พวกมึงดูเสื้อที่พวกมันสองคนใส่ดิ มีอะไรแปลกหรือยัง”
“เออ/เออ/เออ/เออ” ไอ้เค ไอ้วิศ ไอ้ออกัส ไอ้ก้องตอบเป็นเสียงเดียว...
“นี้พวกมึงไปทำอะไรมากัน ถึงได้ถอดเสื้อเปลี่ยนกันน่ะ” ไอ้ออกัสยิงคำถามรัวใส่ผมกับไอ้นิคทันทีที่มันเข้าใจประเด็นได้.
“หรือว่าพวกมึงรีบจนหยิบสลับกันน่ะ” ไอ้วิศ ไม่ได้หยิบสลับโว้ย ไอ้นิคมันถอดเปลี่ยนให้เลยล่ะ...
“ก็ไอ้นิคนี้ไง มันบอกว่ากูเด่นเกินไป คนมองเยอะมันก็เลยถอดเสื้อกูไปใส่ แล้วเอาของมันมาใส่ให้กูแทน” ผมบอกออกไปอย่างหงุดหงิด เป็นจุดเด่นหรอ ดีซะอีกที่มีคนมองเยอะๆ...
“มึงออกตัวแรงว่ะไอ้นิค” ไอ้อาร์ตเดินไปตบบ่าไอ้นิคอย่างเข้าใจ แล้วพวกเพื่อนผมก็ด้วย และก็มีผมที่ตอนนี้ยืนหน้าโง่อยู่คนเดียว ไม่เข้าใจอะไรกับเค้าเลย แต่ที่หน้ามั่นไส้ไปกว่านั้นก็คือใบหน้าที่มีความสุขนั้นของไอ้นิค ถ้าจำไม่ผิดเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วมึงยังหงอยเป็นหมาอยู่เลยไม่ใช่หรอ... อารมณ์มึงเปลี่ยนเร็วยิ่งกว่ากิ่งก่าเปลี่ยนสีอีกน่ะ...
หลังจากพวกผมถูกสอบสวนไป ลงโทษโดยการเล่นเกม สุดท้ายแล้วเป็นไงล่ะ ก็เมาน่ะสิครับ ตอนนี้ทั้งกลุ่มพวกผมจากที่ตอนเข้ามาได้ยินเสียงชุบชิบแว๋วๆมาว่าเหมือนกลุ่มเทพบุษ ตอนนี้คงไม่ต่างอะไรกับกุ๋ยข้างทางดีๆนี้ล่ะมั้ง สาภาพแต่ล่ะคนนี้ดูไม่ได้เลย มากันเจ็ดคนหมดโกลสองขวด บลูสองขวด เล่นเอาพี่คิงเกือบขาดทุนไปเลยทีเดียว เพราะพวกผมน่ะ แดกฟรี ฮ่าๆๆๆ..
“สรุปว่า.... พรู้งงงง... นี้... งดดดน่ะ ม่ายง้านนกูตายยยย” แหมพูดลากเสียงเลยน่ะมึง ไอ้อาร์ต ผมก็พึ่งจะรู้วันนี้ว่าไอ้อาร์ตคออ่อนสุดในกลุ่ม ฮ่าๆๆๆ จะว่ามันคออ่อนคงไม่ใช่ ต้องว่าพวกผมคอทองแดงมากกว่ามั้ง.
“เออ พวกกูก็ไม่ไหว” ไอ้เค ที่มึ่งไม่ไหวเนี้ยไม่ไหวอะไรกันแน่....
“ไอ้เค ขยับออกไปหน่อยมึงจะตายหรืไง มึงกอดซะจนกูกับมึงจะรวมร่างแล้วเนี้ย” ใช่ครับ ตอนนี้ไอ้เคกอดไอ้ออกัสแน่นเลย แล้วมันไม่กอดเปล่าน่ะ หัวมันก็ยังชุกลงไหล่ไอ้ออกัสด้วย ไอ้ออกัสก็พยายามขัดขื่นแต่มันก็ยังสู้แรงไอ้เคไม่ได้.
“จ๊วปปป”
“ไอ้เคบ้า... มึงมาดูดคอกูทำไมตรงนี้ กูอายน่ะเฟ้ย” คงมีผมคนเดียวล่ะมั้งที่ช็อคกับภาพตรงหน้าที่เห็น เพราะดูพวกเพื่อนๆผมมันชิวกันมากเลย... ผมก็พอจะเดาความสําพันธ์ระหว่างไอ้ออกัส กับไอ้เคออกอยู่หรอก แต่ผมไม่นึกเลยว่า พวกมันจะโจ่งแจ้งกันได้ปานนี้.
“โถ่วววว... ก็รักนิ” ไม่เมาไม่มีทางได้เห็นแน่ๆ ภาพไอ้เคตอนนี้ มันอ้อนอย่างกันเด็กเลย ทั้งๆที่ปกติมันจะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าใครเพื่อนแท้ๆ.
“อว๊กกกก” พวกผมหันขวับไปยังจุดกำเนิดเสิยงนั้นทันที บันไลแล้วไอ้อาร์ต ทีแรกก็นึกว่ามันเลี่ยน แต่ที่ไหนได้... มันอ๊วกจริงๆ แต่ดีน่ะที่รถที่พวกผมเอามาทั้งหมดจอดแยกไว้ตรงวีไอพี ไอ้มีคนมาจอดเยอะ ไม่งั้น งามหน้าแน่มึง.
“กูว่ากลับเถอะ ก่อนที่ไอ้อาร์ตมันจะขายข้าวต้มมากกว่านี้” ไอ้วิศออกคำเห็นชึ่งพวกผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่มีคนๆหนึ่งที่ดูเหมือนจะรอคำนี้มานาน เพราะพอพวกผมพยักหน้ากันครบทุกคน ไอ้เคก็ลากไปไอ้ออกัสไปที่รถทันที.
“ไอ้ออกัส... ป้องกันด้วยล่ะ เดี๋ยว.... ท้องน่ะ” ผมจะยืนเงียบทำไม ปกติผมกวนตีน แต่ตอนเมาผม.... ก็ยังกวนตีนอยู่ ฮ่าๆๆๆๆ..
“ท้องพร่องงงงง” ไม่วายชูวนิ้วกลางใส่พวกผมด้วย ฮ่าๆๆๆ ดูๆไปสองคนนั้นก็เหมาะสมกันดีจริง คนที่นิสัยกวนๆ เด็กๆอย่างไอ้ออกัส กับคนที่นิสัยเป็นผู้ใหญ่อย่างไอ้เค (ตอนไม่เมา)...
“เออไอ้วิศ ไอ้ก้อง มึงสองคนเห็นไอ้นิคไหมว่ะ ไม่เห็นมันเลย” ผมหันไปหาเพื่อนสองคนที่ตอนนี้ประคับประคองไอ้อาร์ตอย่างทุลักทุเล.
“นั้นไง นั่งหลับอยู่กระโปงรถนั้นไง” ไอ้ก้องบอกพร้องชี้นิ้วไปที่ๆบอกว่าคนอีกคนอยู่ ผมมองตามมือไอ้ก้องไป เห็นไอ้นิค.. แมร่งหลับจริงอะไรจริง แต่ขนาดมันหลับมันยังเก็กเลย มึงนั่งหลับได้หล่อมาก หล่อซะจนหน้าอิจฉา และที่สำคัน เหมือนมันมีกลิ่นตุๆออกมาเลย.
“กูคงต้องขับรถไอ้นิคกลับ แล้วรถไอ้อาร์ตล่ะจะทำไง” ผมหันไปขอคำเห็นจากเพื่อนทั้งสอง ผมยังไม่บอกใช่ไหมว่าพวกผมไม่ได้นั่งคนมาด้วยกัน ผมมากับไอ้เคและไอ้ออกัสด้วยรถไอ้เค ไอ้วิศมากับไอ้ก้องส่วนรถหน้าจะเป็นของไอ้ก้องเพราะมันขับ ฮ่าๆๆ และไอ้อาร์ตมันขับรถมันมาเอง ที่แรกก็เมาๆอยู่แต่ตอนนี้ทุกคนก็เริ่มส่างกันหมดล่ะ คงจะมีไอ้อาร์ตกับไอ้นิค(มั้ง) ที่ยังเมาเป็นหมาอยู่เนี้ย.
“พวกกูไปส่งเอง เอาไอ้อาร์ตใส่รถกู ส่วนรถมันให้ไอ้วิศขับไปส่งมันล่ะกัน” ไอ้ก้องเสนอไอเดียชึ่งผมเห็นด้วยอย่างมาก เพราะตอนนี้อยากกลับไปอาบน้ำนอนมาก แล้วพรุ่งนี้ผมจะโดดเรียน...
“อึม ยังไงก็ได้ กูกลับล่ะ เจอกันพรุ่งนี้ล่ะกัน... ถ้ากูไปเรียนน่ะ ฮ่าๆๆๆ” ผมบอกพรางโบกมือให้พวกมันสองคนกับอีกหนึ่งศพ แล้วเดินไปหาคนที่ตอนนี้ยังคงเก็กหลับอยู่...
ผมเดินมาหยุดตรงหน้าคนที่ตอนนี้คาดว่ากำลังแกล้งหลับอยู่แน่ๆ ที่แรกผมก็ไม่ค่อยจะมั่นใจนัก แต่พอมายืนอยู่ใกล้ๆผมมั่นใจชัวร์ป้าบชัวร์ป้าบเลย เพราะอะไรน่ะหรอ ก็ไอ้ท่าทีที่นั่งหลับนิ่งๆไม่ขยับนี้ไง คนบ้านไหนเค้านั่งหลับได้นิ่งอย่างนี้กัน แถมเมาอีกไม่มีทาง ฮ่าๆๆๆ. พอมองใกล้ๆแล้วไอ้นิคมันหล่อจริงๆ ไม่รู้ทำไม ผมไม่เคยใจเต้นแรงเท่านี้กับใครเลย ตั้งแต่ที่แคททิ้งผมไป ผมจ้องมองริมฝีปากที่จูบผมไปตอนอยู่ในห้องน้ำ ผมไม่รู้ว่าไอ้คนตรงหน้านี้มันคิดอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้ผม....
ป๊าดดดด. หน้ามั่นไส้จริงๆไอ้นี้ กูมายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ตั้งนานมึงก็ยังทำเนียนอยู่ได้ ผมเลยจัดให้ไอ้นิคไปทีหนึ่ง ด้วยฝามือไม่หนักของผม ลงไปประทับที่กระบาลมัน ฮ่าๆๆๆ.
“ทำอะไรน่ะเนม เจ็บน่ะ” ไอ้นิคทำหน้างอใส่ผม หน้ารักตายล่ะมึง.
“อ๋อ เปล่า... ไม่ได้ทำไรนิ ฝันไปเปล่า หึๆๆๆ” ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เอามือตบบ่าไอ้นิคเบาๆ.
“งั้นนิคคงฝันว่าเมื่อกี้เนมมาขโมยจูบนิค ตอนหลับน่ะชิ ริมฝีปากถึงได้ยังชุ่มอยู่เลย” ไอ้นิคทำหน้าดีใจ พร้อมเอามือมาแตะที่ริมฝีปากตัวเองไปด้วย.
“งั้นเหรอ เอาอีกทีไหมล่ะ จูบบบบ น่ะ” ผมถามกับไอ้นิค โดยเน้นคำว่าจูบให้มันดูสมจริง แต่ไม่คิดเลยว่าไอ้นิคจะต้องการมากขนาดนั้น พอยินผมพูดอย่างนั้น ไอ้นิคมันก็พยักหน้า แล้วยื่นหน้ามาทำปากจู๋ใส่ผม เข้าแผ่นผมเลยสิครับคราวนี้...
ป๊าดดดดด..
“เนมง่ะ ไหนว่าจะจูบไง แล้วนี้มันอะไร ตบหัวนิคอย่างนี้ความจำเสื่อมขึ้นมาจะทำไงเนี้ย มือก็หนั๊กหนัก” บ่นมากจริงเลย เพื่อนใครว่าเนี้ย..
“เสื่อมได้ก็ดีสิ มึงจะได้เลิกพูดจาเลี่ยนๆอย่างนี้ไง แล้วไอ้ที่เรียกแค่ชื่อน่ะ ขอได้ไหม อย่างแทนตัวกูด้วยชื่ออีก” ประโยคท้ายผมเสียงเศร้าไปเลยทีเดียว ก็ไม่อะไรหรอก เคยมีคนเคยเรียกอย่างนี้มาก่อน คนๆนั้นเป็นคนที่ผมรักมาก และ ก็เป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักคำว่าเจ็บได้มากที่สุด.
“ทำไมล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
“กูไม่รู้ว่าทำไม แต่กูจะรอ รอวันที่มึงจะบอกกูได้น่ะ” ไอ้นิคเอามือทั้งสองข้างมาลูบที่แก้มผมเบาๆ แล้วมันก็ดึงผมเข้าไปกอดให้หน้าผมชบลงที่ไหล่ของมัน และตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมไอ้นิคถึงทำอย่างนี้... ที่ไอ้นิคลูบหน้าเมื่อกี้นั้นก็เพื่อเช็ดน้ำตาให้ผมเองเหรอ นี้ผมร้องไห้หรอ ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่เสียน้ำตากับเรื่องนี้แท้ๆ นี้ผมมันช่างอ่อนแอจริง...
“กูจะรอน่ะ จะรอ ไม่ว่านานเท่าไหล่ก็จะรอ” ไอ้นิคก็ยังคงพูดกับผมในคำเดิมๆช้ำไปช้ำมา มือก็คงยังลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น จนผมรู้สึกดีขึ้น ไอ้นิคมมันไม่ขยับไปไหนเลย.
“ป่ะ.. กลับห้องกัน” ผมเหงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาหยดสุดท้ายออกจากแก้มแล้ว แบรมือให้คนที่อยู่ตรงหน้า แล้วที่ได้รับมาคือ ใบหน้าเอ๋อๆของคนตรงหน้าเท่านั้น.
“อะไร”
“กุญแจรถไง อยากให้ขับให้ไม่ใช่หรอ ลงทุนแกล้งหลับขนาดนั้น”
“รู้ใจด้วยอ่ะ คริกๆๆๆ” เมื่อกี้ยังเอ๋ออยู่เลย ไหงตอนนี้มึงยิ้มหน้าระรื่นอย่างนั้นล่ะ.
“คริกพร่องงงง ตกลงจะให้กูขับหรือจะขับเอง ว่ามา” ผมถามย้ำไปอีกครั้งจนไอ้นิคเอากุญแจรถให้ผมแทบไม่ทันเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ.
“ให้แล้ว โอกาสดๆไม่ได้มีง่ายๆนิ” พูดจบมันก็ขึ้นไปนั่งอย่างว่าง่าย บางทีเวลาที่ผมอยู่กับไอ้นิคสองคน บางทีก็มีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกว่าไอ้นิคมันไม่เหมือนเพื่อนทำมะดาทั่วไป คำว่า จะรอน่ะ ที่ไอ้นิคพูดมันก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัวผม.
“รอกูน่ะ” ผมบ่นพึมพำคนเดียวก่อนจะตามไปนิคไปขึ้นรถกลับห้องกัน.
|||||||||||
ไม่รู้จะถูกใจกันหรือเปล่า ตอนนี้กินเวลาไปเยอะพอควรเลย ไม่นึกว่าเทอมนี้จะต้องเรียน และ ทำงาน (ที่ปฏิเสธไม่ได้) หนักขนาดนี้.
ต้องขอขอบคุณอย่างมากสำหรับทุกกำลังใจน่ะครับบบบบ...
ความคิดเห็น