ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hey Boy - วุ่นนัก รักซะเลย (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #8 : Hey Boy 06 - ตอนที่ 06 ความสับสนที่เกิดขึ้น (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 56


    ตอนที่ 06 ความสับสนที่เกิดขึ้น

     

     

     

                หลายวันมานี้ผมไม่ได้กลับห้อง ผมมาขออยู่อาศัยที่ห้องของไอ้เค จะเรียกว่าห้องก็คงไม่ได้สิ จะพูดให้ถูกคงต้องเรียกว่าคอนโดล่ะมั้ง ในห้องมีสามห้องนอน ห้องรับแขก ห้องน้ำนอก และ หนึ่งห้องคัว ส่วนห้องนอนทุกห้องมีห้องน้ำในตัว ปกติไอ้เคอยู่กับไอ้ออกัส ถึงมันสองคนไม่บอกผมก็พอจะดูออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นเป็นยังไง ผมก็ไม่ใช่พวกหัวโบราณอะไร ผมไม่ถือเรื่องเพศกันหรอก ก็ความรักมันเป็นเรื่องของหัวใจ ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ทุกคนล้วนแต่ต้องการความรักกันทั้งนั้น บางที่ผมก็แอบอิจฉาไอ้เคกับไอ้ออกัสมันน่ะที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรพวกมันก็ยังมีความรักให้กันไม่มีหมด.

     

     

                ก๋อกๆๆๆ

     

                “ไอ้เนมตื่นอยู่ใช่ป่ะ พวกกูเข้าไปน่ะ” นี่คงเป็นเสียงไอ้วิศ วันนี้ทั้งวันผมยังไม่ออกไปไหนเลย แม้แต่จะก้าวขาออกจากเตียงผมก็ไม่ทำ.

               

                “อืมมมม” ผมตอบเสียงอ่อย ก็แหงล่ะ คนมันเหนื่อยนิ.

     

                “อ้าวเฮ้ย สัสเนม นี้อย่าบอกน่ะมึงนอนอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เมื่อคืนน่ะ” พอเห็นผมที่ยังนอนบนเตียง ไอ้ก้องก็วิ่งมาดึงตัวผมลุกขึ้นนั่งทันที หรือจะเรียกว่ากะชากมากกว่าน่ะ เพราะตอนมันดึงนี้ ไหล่ผมแทบหลุดไปกับมืมันเลย.

     

                “ไอ้ก้อง มึงจะทำอะไร มึงก็ควรปรึกษาสังขารไอ้เนมส่ะบ้างน่ะ ดูแมร่งสิ โทรมซะไม่มี” ไอ้เพื่อนกระล่อนพูดพร้องตบไปที่กระบานไอ้ก้องไปทีหนึ่ง.

     

                “สัสอาร์ต ตีหัวกูไม ปกติมึงไม่ใช่หรอที่แกล้งไอ้เนมอยู่ทุกวัน ไหงวันนี้เสึอกอยากเป็นคนดีล่ะ” ไอ้ก้องบ่น ชี้หน้าคนที่พึ่งประทาฝ่ามือให้มันอย่างหงุดหงิด.

     

                “ก็นั้นสิน่ะ ทำไมกันน่ะ” อ้าวไอ้อาร์ต ดูมันตอบ นี้ตกลงมึงจะมาช่วยมันแกล้งกูใช่ป่ะ.

     

                “เอาล่ะ กูว่าสนุกกันแค่นี้พอแล้วล่ะ” ไอ้เคพูดแทรกขึ้นระหว่างที่ไอ้เพื่อนตัวดีทั้งสองกำลังจะทำอะไรบางอย่างกับผม และหลังจากนั้นมันก็หันมาทางผม “ส่วนมึงไอ้เนม มึงรีบเสด็จสังขารอันเน่าๆของมึงไปอาบน้ำ แล้วตามพวกกูมา พวกกูมีอะไรจะสอบปากคํามึง” พูดจบไอ้เคก็เดินออกไป พร้อมกับไอ้เพื่อนๆตัวดีของผมทั้งหลาย.

     

    นี่ผมสนิทกับพวกมันจนถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ พอรู้ตัวอีกที เราก็เป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว นี้ก็ต้องขอบคุณไอ้นิคด้วยที่ทำให้ผมมีเพื่อนดีๆอย่างไอ้พวกนี้ แต่พอนึกถึงชื่อไอ้นิคขึ้นมา เรื่องต่างๆมันก็ผุดขึ้นมาในสมอง ตอนนี้ผมสับสนไปหมด ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะพูดยังไง ผมไม่กล้าแม้จะสบตาไอ้นิคด้วยช้ำ ก่อนหน้านี้ผมกับมันไม่พูดไม่จาอะไรกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันแต่ผมกับทำเหมือนไม่เห็นไอ้นิคในสายตา ตอนไปโรงเรียนผมก็พยายามตื่นให้เช้าแล้วออกไปก่อนที่ไอ้นิคจะตื่น และทำกิจกรรมให้ใช้แรงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอเลิกเรียนจะผมก็ไม่กลับห้องทันที บางวันผมก็ไปนั่งเล่นที่ห้องพี่ภพ บางวันก็เดินหาอะไรกินเรื่อยเปื่อยจนกว่าจะคำ และพอกลับผมก็อาบน้ำเข้านอนทันทีก่อนไอ้นิคจะอาบน้ำเสร็จ และเพราะความเหนื่อยล้าจากการใช้แรงมากก็ได้ผลมากเลย พอหัวตกหมอนปุบผมก็หลับปับเลย แต่ถึงอย่างนั้น อ้อมแขนของไอ้นิคก็ยังโอบกอดผมไว้ราวกับเป็นของมีค่าที่จะไม่ยอมเสียไปไหนทุกวันเลย ยิ่งคิดอย่างนั้นแล้ว ความสับสนก็เข้ามาวนเวียนในหัวผม จนไม่เป็นอันจะทำอะไรเลย.

     

     

    “กว่าจะออกมาได้น่ะมึง” เพียงแค่เห็นเงาของผมโผ่ออกมาเท่านั้นพวกเพื่อนๆของผมก็บ่นใส่ทันที จะเรื่องอะไรซะอีก ก็ไอ้ที่ผมให้พวกมันนั่งรอผมอาบน้ำ แต่งตัวเป็นชั่วโมงนั้นแหละ.

     

    “โทษทีพวกมึง พอดีกูเพลินไปหน่อย ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะใส่หน้าไอ้พวกเพื่อนๆของผม โดยที่ไม่สํานึกในความผิดเลย.

     

    “อารมณ์ดีจังน่ะมึง” ไอ้อาร์ตพูดเหมือนปกติ แต่ทำไมดวงตาห้าคู่ที่จ้องมาที่ผมมันไม่ปกติด้วยเลย.

     

    “กูก็อารมณ์ดีอยู่ทุกวัน แล้วพวกมึงเป็นเชี้ยไร จ้องกูอย่างกับจะมารุมโทรมกู... เอ๊ะ หรือว่าพวกมึงจะ....  จริงๆ ไม่ไหวน่ะ ขอทีละคนล่ะกัน ฮ่าๆๆๆ” ผมก็ไม่รู้ว่าพวกมันคิดจะทำอะไร แต่ขอแถเอาตัวรอดก่อน แต่ถ้าให้ผมเดาก็คงไม่เว้นเรื่องไอ้รูมเมทผม ฟันธง...

     

    “หึ ก็ดี... ยังไงก็ขอให้มึงอารมณ์ดีให้มันได้อย่างนี้ตอนตอบคำถามพวกกูด้วยล่ะ” คำพูดนี้ของไอ้เคทำเอาผมแอบหวั่นใจเลยครับ ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นนับจากนี้บ้าง.

     

    “งั้นกูเริ่มก่อนเลยล่ะกัน” หลังจากที่พวกเพื่อนทั้งห้าจับผมไปนั่งที่โชฟายาว โดยรอบข้างมีโชฟาที่พวกเพื่อนๆของผมนั่งจ้องผมอย่างกับกำลังสอบสวนผู้ร้าย ไอ้ออกัสก็เสนอจะถามเป็นคนแรก “ไม่ต้องเรื่องมากอะไร เขาเรื่องเลย มึงกับไอ้นิคเป็นอะไรกัน”.

     

    “เพื่อนร่วมชั้น รูมเมท” และสิ่งที่ผมได้รับกับมาจากคำตอบนั้นก็คือ... ตุบ... หนอนใบใหญ่จากมือของคนถามนั้นเอง.

     

    “ไอ้เนม ตอบจริงๆจังๆหน่อย พวกกูซีเรียส” อันนี้ไอ้ก้องพูดครับ ทำไมเพื่อนๆที่แสนดีของผมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้.

     

    “วันนี้ไอ้นิคมันมาถามหามึง แต่พวกกูไม่ได้บอกว่ามึงอยู่ที่นี้ แล้วที่มึงบอกว่าอยากเซอร์ไพรส์ไอ้นิควันพรุ่งนี้น่ะพวกกูดูออกน่ะว่ามึงโกหก ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกมึงสองคนกันแน่ไอ้เนม” เจอไอ้เคพูดอย่างผมไปไม่เป็นเลย ก็ตอนที่ผมขอมาห้องไอ้เค ผมบอกมันว่าอยากเซอร์ไพรส์ไอ้นิคเล่นๆตอนที่มันเห็นผม.

     

    “กูไม่รู้หรอกน่ะ ว่าที่พวกมึงถามมานั้นอยากจะให้กูตอบแบบไหน แต่กูคงตอบพวกมึงตอนนี้ไม่ได้” พูดจบผมก็ก้มหน้าลงมองที่ตักตัวเอง ไม่กล้าที่จะเงยหน้าไปมองหน้าเพื่อนด้วยช้ำ.

     

    “ไอ้เนม นี้พวกกูไม่ใช่เพื่อนมึงหรือไง มึงไม่เชื่อใจพวกกูเลยงั้นหรอ” ไอ้ก้องที่นั่งเงียบตั้งนานเดินเข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างของผม ผมก็เงยหน้ามองมัน ในตามันสื่อถึงความเป็นหว่งได้ชัดมาก.

     

    “ไอ้เนม มึงฟังกูน่ะ เมื่อเทียบกับไอ้วิศที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กแล้ว พวกกูอาจจะยังไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทมึงโดยสมบูรณ์ แต่ยังไงก็เชื่อใจพวกกูเถอะ” นี้ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคำพูดพวกนี้จะออกมาจากปากไอ้อาร์ต.

     

    “ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างมึงก็พูดอะไรทำนองนี้ได้ว่ะ เชี้ยอาร์ต” ไอ้วิศเพื่อนรัก มึงพูดอย่างกับมึงอ่านความคิดกูได้เลย และนั้ก็ทำให้ไอ้อาร์ตอายหน้าแดงไปเลย “แล้วมึงไอ้เนม ช่วงนี้มึงเป็นอะไร แปลกๆไปว่ะ หลังๆมานี้กูเห็นมึงกับไอ้นิคเหมือนมีอะไรกันอยู่น่ะ ไปเรียนก็เห็นไอ้นิคมันไปคนเดียว พักกลางวันมึงก็ไม่มาหาพวกกู แล้ววันนี้ไอ้นิคมันมาถามหามึง มันบอกว่ามึงหลบหน้ามัน และตั้งแต่ที่มึงผิดนัดกับพวกกูวันนั้น มันบอกว่ามึงไม่พูดอะไรกับมันเลย แล้วนี้มันก็จะสองอาทิดย์แล้วน่ะ และเรื่องที่มึงไม่กลับห้องก็ด้วยมันเป็นหว่งมึงมากเลยน่ะ” ในระหว่างที่ไอ้วิศพูดเหล่าเพื่อนๆของผมก็พร้อมใจกันพยักหน้าเป็นช่วงๆ.

     

    “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น พวกกูช่วยมึงได้น่ะเว้ย ทำไมมึงเก็บทุกอย่างไว้ด้วย บางทีคนเราก็ต้องแบ่งปันความทุกใจให้เพื่อนบ้างน่ะ จะได้ช่วยกันแก้ไข ยังไงก็เชื่อใจพวกกูเถอะ” ไอ้เคลุกมานั่งข้างโอบไหล่ผม ส่วนอีกข้างก็ไอ้ก้องมันนั่งตั้งแต่ตอนมันพูดจบแล้ว.

     

    “ที่กูบอกว่าตอบพวกมึงไม่ได้น่ะ ไม่ใช่ว่ากูไม่เชื่อใจพวกมึงน่ะ... เพียงแต่.....” ผมหยุดไปชั่วขณะแต่ยังไม่ทันได้พูดต่อ.

     

    “เพียงแต่อะไร” พวกนี้ก็ใจร้อนจริง ยังไม่ทันไรก็ถามล่ะ.

     

    “ก็ขนาดกูยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เลย แล้วกูจะตอบพวกมึงยังไงล่ะ” ก็จริง ผมไม่รู้เลยว่าความรู้สึกตอนนี้มันหมายความว่ายังไง.

     

    “ถ้าหากว่าสิ่งที่มึงหาคำตอบอยู่นั้นเกี่ยวกับไอ้นิคล่ะก็ มึงเชื่อใจมันเถอะ มันหวังดีกับมึงจริงๆน่ะ” พูดจบไอ้วิศและพวกเพื่อนที่ไม่ใช่ไอ้เคกับไอ้ออกัสก็ลุกจากโชฟา.

     

    “ไอ้เค วันนี้มึงมีแขก จะทำอะไรก็เบาๆหน่อยน่ะ เดี๋ยวไอ้เนมจะอยู่ไม่เป็นสุขเอา คริกๆ” อันนี้ของไอ้อาร์ตชัวร์ป๊าบ ฮ่าๆๆ ถึงมันไม่บอกตรงผมก็รู้อยู่หรอกว่ามันอยากจะบอกอะไร.

     

    “เออน่า กูไม่ได้กระหายอย่างมึงนิ ที่จะทำทุกเมื่อที่ทำได้ หึๆๆ” ไอ้อาร์ตเจอไอ้เคบ้าง เงิบเลย.

     

    “พวกกูกับล่ะ ไอ้เนม ไอ้เค ไอ้สัจ” ไอ้วิศครับอันนี้ ตอนที่พูดถึงไอ้ออกัส มันยังมีหน้ายิ้มให้เจ้าของชื่อด้วย.

     

    “มึงสิสัส ถ้าคราวหลังเรียกกูแบบนี้ กูเลิกคบ จบ” ไอ้ออกัสพูดจบก็หันหลังใส่พวกไอ้วิศ.

     

    “ออกัสเพื่อนรัก กูว่ามึงเลีกคบพวกกูไม่ได้หรอก เชื่อกูสิ อิๆๆๆ” ไอ้อาร์ตที่เมื่อกี้ยังหน้าเสียอยู่เลย ไหงตอนนี้มันกลับมาทำหน้าระรื่นได้แล้วล่ะ.

     

    “ตกลงพวกมึงจะกลับไหม กูจะได้กลับก่อน” ไอ้ก้อง ถ้ามึงไม่พูดขึ้นมากูก็คงไม่รู้ว่ามึงก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยน่ะ.

     

    “เออ กลับ/เออ กลับ” ไอ้วิศ ไอ้อาร์ต ตอบเป็นเสียงเดียว.

     

    “แล้วเรื่องพรุ่งนี้ว่าไง ตกลงยังจะแดกอยู่ไหม เหล้าน่ะ” ไอ้ก้องหันกลับมาถามไอ้เคคนที่เป็นเจ้าของสถานที่.

     

    “มึงถามกูไม โน้น... เจ้าของงานก็นั่งหัวโด่อยู่นั้นไง” แล้วมันก็ถูกโยนมาที่ผม.

     

    “อึม ตามที่นัดไว่ล่ะกัน” ยังไงพวกมันก็ตั้งใจทำเพื่อผมนี่น่า.

     

     

    พรุ่งนี้แล้วสิน่ะ เวลาเจอกันจะทำยังไงดี จะพูดกับมันยังไง ไม่รู้ว่าไอ้นิคจะคิดยังไงที่ผมหนีหน้ามันอย่างนี้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะรู้ว่าสิ่งที่ผมเป็นอยู่นี้มันคืออะไร นี้ผมคิดยังไงกับไอ้นิคกันแน่ แล้วก็กับอินอีก ความรู้สึกพวกนี้มันอะไรกัน.

     




     

    NIK PART

     

    นี้ตกลงว่าไอ้รูมเมทผมมันไม่คิดจะกับห้องเลยหรือยังไงกันน่ะ หลบหน้าไม่พอ มันยังหายหน้าหายตาไปอีก ไม่รู้จะติดต่อยังไงด้วยสิ เบอมือถือยังไม่ได้แลกกันเลย ถึงจะเห็นมึอถือมันตกที่เตียงออกบ่อย แต่เพราะผมรู้ว่ามันเป็นคนที่มีความเป็นส่วนตัวสูงเลยไม่ค่อยจะหยุ้งอะไรของมันนัก แต่ถ้าผมเห็นมันคราวนี้ผมจะไม่สนแล้ว ต่อให้มันไม่ยอมให้เบอผมก็จะเอามาให้ได้ และก็ไม่ยากด้วย ก็ไอ้เนมน่ะ ขี้เชาจะตาย ถ้ามันได้นอนจริงๆแล้ว มันจะตื่นยากมาก...

               

     

                กริ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงง...

     

     

                ในระหว่างที่ผมยังนั่งยิ้มกับตัวเอง ตอนที่ผมมองไปยังที่นอนของใครอีกคน และนึกถึงใบหน้าไอ้เนมตอนมันหลับ เสียงโทรศัพท์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของสุดโปรดดังขึ้น ถ้ามันไม่ดังนี้ผมว่าผมลืมมันไปแล้วน่ะ ก็จะอะไรซะอีก นับตั้งแต่ที่ไอ้เนมเดินเข้ามาในสายตาของผม ผมก็ไม่สนใจที่จะมองคนอื่นอีกเลย ไม่ว่าจะน่ารัก เช็กชี่แค่ไหน มันเหมือนในตัวไอ้เนมมีอะไรบางอย่างช่อนอยู่ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเก่าๆตอนที่ผมเคยมีความสุขกับใครคนหนึ่ง พอนึกว่าบางทีไอ้เนมอาจจะโทรมาก็ได้ ผมริบลุกจากที่นอนวิ่งไปหยิบโทรศัพท์มาดูทันที...

     

                “กิ่ง... เฮ้อ ไอ้เนมไม่รู้เบอมึงซะหน่อย จะโทรมาได้ไง ... มึงนี้บ้าจริง ไอ้นิคเอ้ย” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆก่อนจะกดรับสายไป.

     

                “มีอะไรกิ่ง” ผมตอบรับสายด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกให้คนปลายสายรู้ว่าผมรำคาญ.

     

                “ทำไมทำเสียงอย่างนั้นล่ะ นี้ไม่อยากคุยกับกิ่งที่เป็นแฟนนิคถึงขนาดนั้นเลยหรอ” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับท่าทีรำคาญสุดๆของผมเลย.

     

                “เคยเป็น ที่หลังพูดให้ครบด้วย” ใช่ครับ เธอคนนี้เป็นแฟนคนล่าสุดที่ผมเลิกไปเมื่อสองเดือนจะสามเดือนที่ผ่านมา ว่าไปแล้วเรียกแฟนก็ไม่ถูก ชู้ซะมากกว่า เพราะตอนที่เราคบกันนั้น กิ่งมีแฟนอยู่แล้ว ปกติแล้วเธอจะโทรมาก็ต่อเมื่อ เวลาที่เหงา แฟนไม่อยู่ หรือต้องการเรื่องอย่างว่าก็แค่นั้น แต่เราก็เลิกลากันไปแล้วนิ เธอยังจะโทรมาทำไมอีกน่ะ.

     

                “เย็นชาเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยน่ะ วันนี้ว่างไหม กิ่งอยากเจอนิคน่ะ”

     

                “นิคว่านิคพูดไปชัดเจนล่ะน่ะ ว่าเรื่องของเรามันจบไปแล้ว”

     

                “นิคแน่ใจเหรอว่าไม่ต้องการ เอาเป็นว่ากิ่งจะรอที่เดิมของเราน่ะ หวังว่านิคจะมาน่ะ” หลังจากพูดจบกิ่งก็ตัดสายไป โดยที่ไม่รอให้ผมได้พูดอะไรเลย. หรือว่าผมควรจะไปหากิ่งดี เพราะถึงยังไงคนที่ผมรอก็คงจะไม่กลับหรอก บางทีความรู้สึกที่มีกับไอ้เนม อาจเป็นอารมณ์ชั่ววูบก็ได้ บางทีถ้าผมได้เจอคนไหม่ความรู้สึกนี้ก็อาจจะหายไปก็ได้.

     

               

                ตัดสินใจได้อย่างนั้นผมก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปในหน้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำแต่งตัวออกไปเพื่อเจอกับคนที่นัดผมไว้เมื่อกี้นี้ กว่าจะออกมาจากห้องหาอะไรกินลองท้องได้กินเวลาไปนานพอสมควร ในที่สุดผมก็มาถึงหน้าผับแห่งหนึ่ง ที่นี้เป็นผับของพี่ชายไอ้เคมัน  ผมเลยเข้าออกได้โดยที่ไม่ต้องตรวดบัดอะไรให้มันหยุ้งยาก และที่นี้ก็ยังเป็นที่สิงสถิตของกลุ่มพวกผมด้วย แต่วันนี้คงไม่เจอพวกนั้นหรอกครับ เพราะหลังจากที่คาบเรียนสุกท้ายจบพวกมันยกโขยงกันไปไหนก็ไม่รู้ ผมจะตามไปด้วยก็ไม่ยอม แถมมีหน้ามาบอกอีกว่าเป็นเรื่องสำคัญ และผมมีส่วนเกี่ยวข้อง พูดออกมาได้ ถ้าผมเกี่ยวจริงไมไม่ให้ไปด้วยล่ะ พอผมทำเป็นงอนพวกมันก็เดินผ่านผมไปโดยไม่สนใจเลยว่าผมยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น.      หลังจากที่ผมหาที่จอดน้องปอร์เช่ได้ ผมก็เดินเข้าไปในผับนั้นทันที .

     

                “วันนี้ส่ายเดี่ยวหรอเรา แล้วพวกไอ้เคไปไหนล่ะ” พี่คิงเดินมาหาผมทันทีที่ผมเข้ามาด้านใน พี่คิงนี้เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของผับที่ขยันมาก ไม่มีวันไหนเลยที่พี่เค้าจะไม่เข้ามาร้าน แต่จะเสียตรงที่ไข่ไม่เลือกนี้สิ มีหางไม่มีหางพี่แกกินเรียบ.

     

                “ผมก็ไม่รู้หรอก พวกมันหายหัวตั้งแต่เรียนเสร็จแล้ว ไม่รู้จะไปไหน ขอไปด้วยก็ไม่ให้ไป ไม่รู้จะปิดอะไรนักหนา” ผมบ่นออกไปอน่างหงุดหงิด ก็จริงนิ เป็นใครจะไม่หงุดหงิดล่ะ.

     

                “อย่าบอกน่ะ ว่าที่มาเที่ยวคนเดียวนี้งอนพวกไอ้เคมัน ฮ่าๆๆๆ”

     

                “ผมมีนัดเหอะพี่ แล้ววันนี้ยังหาเหยื่อไม่ได้หรอถึงยังอยู่ร้านได้น่ะ พี่คองงงงง” ผมลากเสียงให้พี่มัน ก็ดูแล้วน่ามั่นไส้อย่างที่ไอ้บอกจริงๆนิ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่เปลี่ยนชื่อพี่คิง ให้เป็นคิงคองหรอก แล้วคองนี้ก็ย่อมาจาก คิงคองนั้นแหละ.

     

                “กูชื่อคิงโว้ย ไอ้พวกเด็กเวรนี้ มาที่ไรเปลี่ยนชื่อกูทุกที” พี่คิงตบกระบาลผมไปทีหนึ่ง แต่ก็ยังไม่วายขยี่หัวตัวเองไปด้วย ก็พี่คิงไม่ชอบชื่อนี้มากๆ ทำไมน่ะเหรอ ก็...

     

                “ผมว่าชื่อมันเหมาะกับพี่ดีออก” ผมบอกไป.

     

                “ไอ้นิค ไอ้เด็กเวร นี้มึงว่ากูเหมือนลิงหรอ” แล้วฝามือที่สองก็ลงมาประทับที่หัวผมอีกที ก็นี้ล่ะครับ พี่คิงไม่ชอบก็เพราะอย่างนี้แหละ ก็จริงน่ะพี่เค้าออกจะหล่อโดนหาว่าเหมือนลิงเป็นใครก็คงไม่ยอม แต่จะทำยังไงล่ะ มันน่ามั่นไส้จริงๆ วันไหนที่พวกผมมาที่นี้แล้วพี่คิงมานั่งด้วย ทั้งกลุ่มพวกผมนี้หม่นไปเลย ขนาดไอ้เคที่ขึ้นชื่อว่าหล่อที่สุดในกลุ่ม ยังต้องหลบให้เลย ฮ่าๆๆ.

     

                “ผมเปล่าว่าน่ะ มีแต่พี่นั้นแหละ ร้อนตัวไปเอง หึๆๆๆ” ผมก็ยังคงคุยกับพี่คิงไปเลี่อย ผมไม่อยากเข้าไปข้างในเลย ไม่อยากเจอคนที่นัดผมมาสักเท่าไหร่.

     

                “เป็นเพราะไอ้น้องเวรนั้นตัวเดียว โว้ยๆๆ พูดถึงแล้วโมโห” พี่คิงทำหน้าโมโหนิดๆ แต่ที่จริงพี่มันไม่คิดอะไรหรอก ก็พวกผมมาที่ไรก็กวนพี่เค้าทุกที่ และพี่คิงก็มีประติกิริยาแบบนี้ทุกที “เออ ไหนว่ามีนัด ไม่รีบไปล่ะ” โห่วววว พี่เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วมาก นับถือเลยอ่ะ.

     

                “ไม่เป็นไรหรอกพี่ ที่จริงผมก็ไม่อยากมาเท่าไหร่ แค่อยากแน่ใจอะไรบางอย่างน่ะ” ผมบอกปัดๆไป แต่ก่อนที่พี่คิงจะได้พูดอะไรต่อ เสียงคุ้นหูก็ดังมาจากด้านหลังจนพี่คิงหันไปมองแทบไม่ทัน.

     

                “นิค ... อ้าวพี่คิง หวัดดีค่ะ อยู่ด้วยกันหรอกเหรอเนี้ย.... นิคมาแล้วไมไม่เข้าไปล่ะ ปล่อยกิ่งรอตั้งนาน” กิ่งเดินเข้ามาหาพวกผม พร้อมยกมือไหว้พี่คิง ก่อนหันมาต่อว่าผม.

     

                “ที่ว่าทีนัดนี้ กับกิ่งเองเหรอ งั้นพี่ไม่กวนล่ะ ตามสบายเลยน่ะ” พี่คิงก็รู้ว่าดีว่าผมกับกิ่งเป็นอะไรกัน พี่มันเองจะเตือนผมอยู่ตลอด ว่าไปหยุ้งกับของๆคนอื่นมันจะทำให้เดือดร้อนเข้าสักวัน แต่ที่จริงผมไม่ได้หยุ้งสักหน่อย ของๆคนอื่นต่างหากที่มาหยุ้งกับผมเอง.

     

                “นัดนิคออกมามีอะไรหรือเปล่า” ผมถามคนที่เกาะแขนผมไม่ปล่อยตั้งแต่เข้ามาโต๊ะ.

     

                “ก็อยากเจอน่ะ คิดถึง แล้ววันนี้ไปค้างที่ห้องกิ่งเปล่า” กิ่งมีคอนโดสองที่น่ะ และที่ๆชวนผมไปค้างนี้ แฟนกิ่งไม่รู้ และเราก็ใช้ห้องนั้นเป็นที่พบกัน.

     

                “แล้วแฟนล่ะ ไปไหน” ผมถามกิ่งไป ตาก็ยังจ้องมองไปตรงหน้า มือก็จับเหล้าขึ้นมาจิบ.

     

                “ไม่ต้องไปสนใจหรอก สนเรื่องของเราดีกว่าน่ะ” กิ่งไม่พูดเปล่า มือก็ลูบไล้ไปตามแผงอกผม บางทีก็สอดนิ้วเข้าไปตามชอกกระดุมเสื้อเชิ้ดผม แต่มันไม่ทำให้ผมเคลิ้มตามไปด้วยเลย เพราะในระหว่างที่ผมจ้องมองไปรอบผมไปสะดุดตากับผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน ผมไม่รู้ว่าผมคิดถึงมันจนตาลายหรือเปล่าน่ะ ผมมองไปยังผู้ชายคนที่เด่นสุดในกลุ่มนั้น จะไม่ให้มันเด่นได้ยังไง กลุ่มผู้ชายหกคน ในนั้นมีมันคนเดียวใส่เสื้อเชิ้ดสีขาว สว่นห้าคนที่เหลือต่างก็ใส่เสื้อโทนมืดๆกันทั้งนั้น และใจผมก็เริ่มเต้นแรง มุมปากผมถูกยกขึ้นเมื่อผู้ชายกลุ่มนั้นเดินเข้ามาใกล้พอที่ผมจะมองได้ชัดว่าสองคนที่เดินนำหน้าเป็นไอ้เคกับไอ้ออกัส ตามด้วยไอ้อาร์ต ไอ้วิศ ไอ้ก้อง งั้นก็แสดงว่าคนที่เหลือในกลุ่ม และเด่นสุดนั้นก็คือ ไอ้เนมมมม... ในที่สุดกูก็เจอมึง ผมนึกในใจแต่ปากก็ยังไม่ยอมหุบยิ้ม.

     

                “นิค นิค... ได้ยินกิ่งไหม” ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อโดนกิ่งจับหน้าผมหันเข้าหาตน แล้วตะโกนใส่ผม.

     

                “อึม มีอะไร” ผมตอบห้วนๆ แล้วรีบหันกลับไป แต่พวกไอ้เคตอนนี้หายไปแล้ว คนก็เริ่มจะเต็มแล้ว แถมผับนี้ก็ใหญ่มากด้วย.

     

                “นี้ไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม  กิ่งถามว่าวันนี้ไปค้างห้องกิ่งน่ะ” กิ่งถามผมช้ำอีกครั้ง แต่ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่า ความรู้สึกที่ผมมีให้ไอ้เนมนั้น มันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ มันเป็นความรักจริงๆ และผมก็ตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะไม่มีวันปล่อยมันไป และจะไม่ไปจากไอ้เนมเด็ดขาด.

     

                “กิ่ง ฟังน่ะ.. คือว่านิคมีคนที่นิครักแล้ว และนิคก็รักเค้ามาก นิครู้แล้วว่านิครักเค้ามากจริงๆ นิคไม่อยากอยู่โดยที่ไม่มีเค้า และนิคขอให้ความสัมพันธ์ของเรา มันจบแค่นี้เถอะน่ะ กิ่งก็กลับไปหาแฟนได้แล้ว นิคไปล่ะ ขอบใจน่ะที่ทำให้นิคเข้าใจความรู้สึคตัวเองมากขึ้น” พูดจบผมก็หยิบแบ้งพันมาวางที่โต๊ะ แล้วรีบวิ่งไปทางที่คาดว่าจะได้พบคนที่เอาหัวใจผมไป โดยที่มีเสียงกิ่งเรียกผมตามมา แต่ผมไม่สนหรอก ที่ผมสนในตอนนี้คือคนที่ผมตามหาต่างหาก. ผมเดินหาจนทั่วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นพวกไอ้เคเลย ผมกำลังจะเดินออกไปข้างนอกหาสักหน่อย และเป็นจังหวะที่พี่คิงเดินมาพอดี ก็ผมบอกแล้วไงว่าพี่มันขยัน พนักงานตั้งเยอะพี่มันก็ยังเดินตรวจความเรียบร้อยในผับไม่หยุด.

     

                “พี่คอง... เอ้ย พี่คิง พี่อย่าพึ่งพูดอะไร ฟังและตอบผมมาก่อน พวกไอ้เคมาใช่ป่ะ พี่รู้ไหมว่าพวกมันตอนนี้อยู่ที่ไหน” พี่คิงเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ชะงักเมื่อผมบอกว่าอย่าพึ่งพูดอะไร.

     

                “กูก็จะบอกมึงอยู่นี้ไง ใจร้อนจริงเลยไอ้นี้ กูไม่บอกดีไหมน่ะ หึๆๆ” พี่คิงพูดน้ำเสิยงเจ้าเล่ห์ใส่ผม แถมหัวเราะทิ้งท้ายอีก มันน่าต่อยจริงๆเลย พี่คนนี้.

     

                “ไม่ดีเลยพี่ บอกผมเหอะ ผมมีเรื่องสำคัญมากจะคุยกับใครบางคนในกลุ่มพวกมัน ถ้าวันนี้ผมไม่เจอมันผมก็ไม่รู้ว่ามันจะกลับไปหรือเปล่า” ผมบอกออกไปโดยที่ไม่หยุดหายใจ และดูพี่คิงอึ้งกับท่าทางจริงจังนี้ของผมมาก แต่ก็ยัง...

     

                “กลับไปไหน” ไม่ตอบไม่พอ ยังมีหน้ามายิ้มหน้าบานใส่ผมอีก.

     

                “ห้องผมน่ะ ขอร้องล่ะพี่... นี้ผมนับถือน่ะเนี้ยถึงได้มาถามพี่ ไม่งั้นผมขึ้นไปบอกดีเจปิดเพลงปิดผับหาเอาแล้วน่ะ” ทีผมบ้าง ไม่คิดทำจริงหรอก แต่เรื่องปิดเพลงปิดผับเนี้ยพี่คิงจริงจังมาก เพราะมันส่งผลให้ผลกำไรของพี่มันน่ะ และดีเจที่นี้ก็รู้ว่าพวกผมสนิทกับพี่คิง ถ้าผมเดินขึ้นไปบอกว่าพี่คิงสั่งปิด ก็คงทำตาม ฮ่าๆๆๆ มีเพื่อนเป็นน้องเจ้าของผับมันดีอย่างนี้เนี้ยเอง หุๆๆๆ.

     

                “พอเลยๆ ไอ้ความคิดที่จะทำให้กูขาดทุนนั้น พวกไอ้เคมันอยู่ข้างบนน่ะ มันบอกว่าจะทำธุระแปบแล้วจะตามลงมา แล้วให้กูมาจองโต๊ะไว้ให้ นี้กูเป็นพี่หรือเป็นทาสกันแน่” พี่คิงบอกผม พร้อมบ่นน้องชายตัวเองให้ผมฟังด้วย ถึงจะบ่นแต่พี่มันก็รักไอ้เคมาก ไอ้เคอยากได้อะไรพี่คิงทำให้มันหมดล่ะ และก่อนที่ผมจะวิ่งไปยังชั้นบนของผับอย่างที่พี่คิงบอก แขนผมก็ถูกดึงไว้ด้วยมือของเจ้าของผับนี้แหละ “มึงไม่ต้องขึ้นไปหรอก เดี๋ยวพวกมันก็ลงมาแล้ว มึงมานั่งเฝ้าโต๊ะเลย” พูดจบพี่คิงก็หันกลับไปสั่งพนักงานที่เดินตามมาให้ไปทำงานต่อ.

     

                “ที่จริงพี่ให้พนักงานเฝ้าให้ก็ได้นิ ยังไงก็เรียกมาแล้วนิ ชิ” ผมบ่นใส่พี่คิงเบ่าๆ แต่ก็ยังเดินตามต้อยๆ ฮ่าๆๆ ก็ไม่มีทางเลือกนิ ขืนผมหนีไป คงพี่มันด่าหูชาแน่ สองพี่น้องคู่นี้ยิ่งเหมือนๆกันอยู่ด้วย ความเป็นผู้ใหญ่ถือว่าเกินอายุจริงๆ.

     

                “นั่งรอที่นี้ เดี๋ยวจะไปบอกให้คนเอาเครื่องดื่มมาให้ ถ้าไม่อยู่มีคนมาเอาไปมึงได้ชื้อกินเองแน่” แล้วเจ้าของเสียงก็หายเข้าไปกับฝูงชน ก่อนที่จ๋อนนี่บลู โชดา แปปชี้ และน้ำแขงมาวางที่โต๊ะ มากับไอ้เคหายห่วงเรื่องเหล้า เพราะว่าทั้งได้กินของแพงและฟรี ฮ่าๆๆๆ.     ผมนั่งอยู่ไม่นานไอ้พวกเพื่อนผมก็เดินมา ดูพวกมันตกใจมากที่เห็นผมยังยิ้มแป้นให้อยู่ที่โต๊ะ แต่ทำไมถึงไม่เห็นคนเสื้อขาวน่ะ ไปไหนแล้วล่ะ.

     

               

    “มึงมาได้ไงน่ะ” อันนี้ไอ้วิศพูด.

     

                “มึงมาไมเนี้ย” อันนี้ไอ้ก้อง.

     

                “ไม่บอกยังอุตสารู้อีกน่ะ” อันนี้ไอ้ออกัส กูว่ามึงด่ากูเสึอกยังไม่เจ็บเท่าเลยน่ะ นี้คิดจะไม่บอกกูเลยว่างั้น.

     

                “พวกมึงแมร่งใจร้ายว่ะ กะทิ้งกูอยู่ห้องคนเดียวว่างั้น” ผมบ่นใส่หน้าพวกเพื่อนๆ.

     

                “ไมไม่อยู่กับไอ้เนมล่ะ” ไอ้อาร์ต มึงจี้ได้โดนมาก.

     

                “พวกมึงก็รู้ว่ามันไม่อยู่ และที่สำคัญตอนเข้ามาก็เห็นไอ้เนมอยู่ด้วยนิ มันไปไหนแล้วล่ะ” ให้ผมเดา ที่ไอ้เนมหายไปนี้ มันต้องไปอยู่กับใครสักคนในนี้แน่ ไอ้วิศ ไอ้ก้องตัดออก เพระอยู่หอชั้นเดียวกับผม ไอ้ออกัสอยู่กับไอ้เคที่คอนโด ไอ้อาร์ตเหมือนกัน แล้วทำไมพวกมันถึงทำเป็นไม่รู้ล่ะ ปล่อยผมหงอยอยู่ตั้งนาน.

     

                “มันบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวก็คงมา... เฮ้ย ไอ้นิค มึงจะไปไหนว่ะ” ไอ้ออกัสบอก พอรู้ว่าคนที่ตามหาอยู่ไหน ผมก็ก้าวขาเดินไปห้องน้ำทันที.

                “กูไปห้องน้ำแปบน่ะ” จะได้เจอกันแล้วน่ะ ไอ้เนมมม.

     

                    END NIK PART

     

     


     

              ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับว่าทำไมตอนนี้ผมถึงได้มาโผ่หน้าอยู่ที่ผับสุดหรูแห่งนี้ได้ พอพวกไอ้วิศกกลับไป ในระหว่างที่ไอ้เคหาอะไรให้ผมกับไอ้ออกัสกิน ไอ้คนที่นั่งรอตรงหน้าผมมันก็พูดว่าดูผมเศร้าๆไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้ปลดปล่อยหรือเปล่า และมันก็ไปบอกกับไอ้เคว่าถ้าผมได้ไปเที่ยวผมอาจดีขึ้นก็ได้ แต่ที่จริงผมว่าไอ้ออกัสมันอยากไปเองมากกว่าน่ะ ก็ดูสิ พอไอ้เคตอบตกลงปุบ มันก็จัดการโทรนัดทุกคน แล้วยังไปเตรียมเสื้อผ้าให้ผมกับไอ้เคอีก แต่ว่าไอ้เสื้อเชิ้ดสีขาวที่ทั้งกลุ่มมีผมใส่อยู่คนเดียวนี้มันอะไรกัน พวกมันเล่นใส่โทนมืดมาทั้งแก้งเลย นี้กะจะให้กูเด่นอยู่คนเดียวหรือไงกัน และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะตั้งพวกเราเดินเข้ามาในผับ สายตาหลายคู่จ้องมาที่กลุ่มเรา และผมว่าผมไม่ได้หลงตัวเองน่ะ เหมือนทุกคนจะจ้องมาที่ผมมากกว่า ก็ตั้งแต่เดินเข้ามา ทั้งผับมีผมคนเดียวมั้งที่ใส่เสื้อสีขาวน่ะ เวลาโดนไฟมันก็ยิ่งสว่างมากขึ้นไปอีก.

     

                “นี้มึงจงใจใช่ไหมที่เลือกเสื้อผ้าให้กูแบบนี้” ผมหันไปกระชิบข้างหูไอ้ออกัส และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมื่อมันหันมายิ้มเจ้าเลห์ให้ผมพร้อมคำตอบ.

     

                “รู้ตอนนี้มันไม่ทันแล้วล่ะ หึๆๆๆ” น่าจะจับมันทิ่มลงพื้นจริงๆ.

     

                “มึงทำได้แสบมากเพื่อน” ผมพูดออกไปด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าแค้นสุดๆ แต่เหมือนว่ามันไม่สนใจ แถมยังมีหน้าเชิดไม่พูดกับผมอีก.

     

                และพวกเราก็เดินไปที่ชั้นบนของผับ ที่แรกผมก็งงน่ะ พามาผับแล้วจะขึ้นไปข้างบนทำเชี้ยไร หรือพวกมึงจะให้ไปแดนซ์กันเงียบๆงั้นหรอ ถ้าแบบนั้นกูว่ากลับไปแดกที่ห้องก็ได้มั้ง แต่ดูเหมือนว่าความคิดผมจะดังไปหน่อย ไอ้อาร์ตที่เห็นผมทำหน้างงถึงได้เดินมาคลายความสงสัยให้ผม.

     

                “ที่นี้เป็นผับพี่คิง พี่ชายไอ้เคน่ะ ที่ขึ้นมานี้ก็เพราะน้องชายเจ้าของผับขี้เกรียจรอระหว่างที่พนักงานหาโต๊ะและจัดเคื่องดื่มน่ะ พอลงไปจะได้มีโต๊ะมีเหล้าพร้อมแดกทันทีไง” พูดจบมันตบไหล่ผมเบาๆก่อนเดินนำหน้าไปยังห้องที่พวกผมจะเข้าไปนั่งรอ ดูไอ้พวกนี้ชำนานสถานที่เหลือเกิน ไอ้ที่ว่าเป็นน้องเจ้าของผับแล้วเข้าออกสบายนี้ผมก็เข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คงเป็นเรื่องที่ต้องขึ้นมานั่งรอให้คนจัดทุกอย่างไห้นี้สิ มันจะทำตัวเป็นคุณชายมากไปแล้วมั้ง.

     

                พวกผมนั่งอยู่ในห้องรับรองแขกไม่ถึงสิบนาที พวกเพื่อนๆคุณชายทั้งหลายของผมก็ลุกจากโชฟาลงไปข้างล่าง แค่นี้ก็ยังจะขึ้นมาน่ะ เสียเวลาซะไม่มี พอลงไปถึงผมรู้สึกว่าควรเข้าห้องน้ำนิดหน่อยก็ดี เวลากินเหล้าเข้าไปจะได้ไม่ต้องลุกไปเข้า ไอ้เคก็เรียกพนักงานมาบอกให้พาผมไปและรอรับผมไปที่โต๊ะด้วย ที่แรกผมก็ไม่ค่อยอยากทำอย่างนั้นหรอก แค่เสื้อสว่างอย่างเดียวก็เป็นจุดเด่นพอล่ะ นี้ต้องมีคนคอยรับใช้อย่างนี้ไม่เอาด้วยหรอก แต่ไอ้ออกัสมันบอกว่า ผมไม่รู้ว่าโต๊ะที่พวกมันนั่งอยู่ตรงไหน ให้พนักงานไปด้วยนั้นแหละดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาให้เหนื่อย ผมก็เลยต้องจำใจทำตาม.

     

                ห้องน้ำมันมักจะเป็นสถานที่ที่คนเข้าไม่ขาดสายของผับเลยไม่ใช่หรอปกติน่ะ แต่ไอ้ห้องน้ำเงียบสนิดอย่างกับทิ้งร้างไว้นี้มันอะไรกัน ไม่มีแม้แต่เงาของใครเลย นี้ไม่มีใครคิดจะมาปลดทุกกันบ้างเลยหรือไงกันน่ะ ผมเลือกเดินเข้าไปห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุด เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นเราจะได้เป็นคนสุดท้าย (คิดได้ไร้สาระมากไอ้เนม) และในระหว่างที่ผมทำธุระอยู่ก็ได้ยินเสียงเท้าของใครบางคนเดินเข้ามา เสียงเท้าใกล้เข้ามาที่ละนิดจนในที่สุดมันก็เงียบลง แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่ามันมีใครบางคนยืนอยู่หน้าห้องที่ผมเข้ากันน่ะ.

     

                ผมไม่มีเวลาให้คิดมากด้วยสิ ตอนนี้ไอ้พวกเพื่อนผมทั้งหลายกำลังรออยู่ ขื่นชักช้าได้โดนพวกมันสวดแน่ ผมหันไปเปิดล๋อก แต่ยังไม่ทันที่ผมจะปล่อยมือจากล๋อก ประตูก็ถูกดันเข้ามาจากข้างนอกด้วยมือของใครบางคน แล้วคนๆนั้นก็ดันตัวเข้ามา พอผมตั้งตัวได้เงิยหน้ามองคนที่ไร้มารยาด แต่ไม่ทันที่ได้พูดอะไร คนๆนั้นก็โอบผมเข้าสู้อ้อมกอด อ้อมแขนของคนๆนั้นเพิ่มแรงรัดขึ้นเลื้อยๆจนผมเริ่มจะเจ็บแล้ว แต่แปลกที่ผมไม่คิดจะโวยวายเลย ผมยังคงยืนนิ่งชกหน้าลงที่อกแกล่งของคนที่ตอนนี้กอดผมไว้ ราวกับเป็นของรักที่ไม่อยากจะให้มันหายไปไหนอีก อ้อมกอดที่ผมคุ้นเคย ความอบอุ่นนี้ที่ผมได้รับเป็นสิ่งแรกในทุกๆเช้าที่ผมลืมตาตื่น....

     

                “ใช่จริงๆด้วย ใช่มึงจริงๆด้วย เนม” นั้นคือเสียงแรกที่คนที่ตอนนี้ก็ยังกอดผมไว้แน่น น้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นดีใจ และในความดีใจนั้นมีน้ำเสียงสั่นเครืออยู่ด้วย...

     

     

     

     

    ||||||||||||||||||||||

     

    ในที่สุดก็ครบตอนจนได้ ปล่อยให้รอตั้งนาน อย่าโกรธกันน่ะทุกคน พอเริ่มเรียนแล้ว เวลามันก็หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ทั้งๆที่คลาสปีนี้ก็ไม่มาก(หากทว่า แต่ละคลาสนี้หนักฟุดๆ บวกกับวิชาเอกที่หนักอยู่แล้ว ยังจะต้องซ้อมทุกวัน และก็มีงานนอกที่ต้องทำอีกสองสามแห่ง จะไม่ให้เงลาหายหมดได้ไง ฮ่าๆๆๆๆ) แต่ก็จะพยายามมาอัพเป็นประจำน่ะ “ถ้าขื่นไม่โผ่หน้ามานานๆมีหวัง นิคเนม และอีกหลายๆคนโดนลืมแน่ ฮ่าๆๆๆ” ล้อเล่นน่ะ ...

    ยังไงก็ขอบคุณที่คอยติดตาม และให้กำลังใจน่ะ ..
    ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×