ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hey Boy - วุ่นนัก รักซะเลย (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #7 : Hey Boy 05 - ตอนที่ 05 เพื่อนร่วมกลุ่ม และ ความเข้าใจผิด (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 56


      MA Y



     

    ตอนที่ 05 เพื่อนร่วมกลุ่ม และ ความเข้าใจผิด

     

     

     

                ไอ้นิคน่ะ ไอ้นิค ไอ้คนบ้าเอ้ย ทำอะไรของมันก็ไม่รู้ หลังจากที่มันมาทำให้ผมเขินจากเมือคืนแล้วยังมีหน้ามาทำให้ผมหน้าร้อนตัวร้อนได้อีกจนได้ ก็จะอะไรซะอีกล่ะ เป็นอย่างที่ไหนกัน ก่อนตื่นผมจำได้ว่าผมกำลังฝัน ในฝันนั้นผมอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แต่ที่ผมรู้ก็คือ ในความฝันนั้นผมอยู่กับไอ้นิคสองคน เราอยู่กันที่ทุ่งหย้าผมนอนอยู่บนตักของไอ้นิคสว่นมือของมันก็ลูบลงที่หัวผมเบาๆ ทุกสำผัสของไอ้นิคมันช่างอ่อนโยนและเหมือนจริงมาก แต่อยู่ไอ้นิคก็ก้มลงมาแล้วกระชิบที่ข้างหูผมว่า - นี้มึงรู้ไหม ว่ากูรักมึงมากน่ะ เมื่อไหร่มึงจะรักกูบ้างน่ะ- แต่ทำไมกันน่ะ ทำไมตอนที่ได้ยินคำพูดนั้นผมถึงไม่มีความรู้สึกว่ามันเป็นแค่ความฝันนะ มันเหมือนจริงมากเลย...

     

                จากนั้นไม่นานพอผมลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ผมเจอก็คือ อกแกร่งของใครบางคนที่ผมนอนชบอยู่ และอ้อมแขนของคนๆนั้นกอดผมเอาไว้ เหมือนกับว่าเป็นของมีค่าที่จะไม่มีวันปล่อยผมจากไปไกล พอเห็นผมขยับอ้อมแขนแกร่งนั้นก็คลายออกจากผม พร้อมกับ...

     

                “ตื่นแล้วหรอ อรุณสวัสน่ะ ไอ้เนม” และคำสุดท้ายนี้ ไอ้นิคขยับเข้ามากระชิบที่ข้างหูผมเบาๆ เล่นเอาผมหน้าร้อนไปอีกรอบเลย.

     

                “อึม อรุณสวัส” ผมรีบบอกปัด แล้ววิ่งไปยิบผ้าเช็ดตัวหายเข้าไปในห้องน้ำทันที ขืนผมอยู่กับไอ้นิคต่อ มีหวังไขมันบนหน้าผมได้มีการเผาผลาญไปหมดแน่ มีอย่างที่ไหน ทำให้ผมหน้าร้อนวูบวาบได้ทั้งวันเลย.

     

     

                หลังจากที่เราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยกันแล้ว ผมกับไอ้นิคก็พากันออกมากินข้าวเช้าก่อนจะไปเรียนกัน แต่แบบว่าวันนี้ไปเรียนเช้าไง เลยมีเวลามานั่งอ้อยอิ่งกันที่ม้านั่งข้างล่างตึกเรียนกัน.

               

                “โอ้โห... วันนี้ไอ้นิคมีเวลามานั่งกับเพื่อนด้วยเว้ยเฮ้ย” เพียงแค่เห็นเงาของผมกับไอ้นิคมาแต่ไกล ไอ้วิศก็ทักขึ้นดังจนคนรอบข้างหันมามองผมเป็นตาเดียวเลย.

               

                “นี้พวกมึงยังไม่เทอาหารเม็ดให้ไอ้วิศกินใช่ไหนเนี้ย กัดกูแต่เช้าจัง” ไอ้นิคก็ใช้เล่น ทักซะจนไอ้คนที่ทักก่อนหน้าเสียไปเลย.

     

                “ไอ้นิค... มึงก็ว่าไอ้วิศมัน กูว่าอย่างไอ้นี้ โยกกระดูกให้มันแทะเล่น ก็หรูล่ะน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” คำพูดของคนร่างเล็กที่สุดสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆในกลุ่มได้เป็นอย่างดี ทำเอาไอ้วิศงอนหน้าบูดเป็นตูดเป็ดไปเลย.

     

                “กูไม่พูดกับพวกมึงแล้ว ชิๆๆ” ดูหน้าไอ้วิศงอนแต๋วแตกอย่างนี้แล้วก็อดขำไม่ได้. “มึงก็ด้วยไอ้เนม เพื่อนประสาอะไร ปล่อยให้กูโดนรังแกคนเดียวไม่พอ ยังเสึอกมาหัวเราะเยาะอีกน่ะ รู้งี้ตอนเด็กปล่อยแมร่งร้องไห้ขี้มูกโป่งดีกว่า...” แหมไอ้คุณเพื่อนรัก พาลน่ะเนี้ย..

     

                “ไม่ต้องพาดพิงมาถึงกูก็ได้มั้ง ว่าไป มึงงอนแต๋วแตกอย่างนี้ก็ดูน่ารักดีน่ะ ฮ่าๆๆๆ” เห็นผมไม่เข้าข้าง ไอ้วิศยิ่งงอนหนักเข้าไปอีก พึ่งรู้น่ะเนี้ย ว่าคนที่คอยปกป้องผมตอนประถม จะมีมุมแบบนี้กับเค้าด้วย น่ารักดีแฮะ.

     

                “น่ารักพร่องงงงงงงง” ไอ้วิศแยกเขี้ยว พร้อมชู้นิ้วกลางใส่ผม แต่มีหรือว่าผมจะแคร์.

     

                “ว่าแต่คนข้างๆมึงน่ะ ใครว่ะไอ้นิค ไม่เห็นจะเคยเห็นเลย หรือว่ากิ๊กใหม่มึงน่ะ” หลังคำพูดนี้สิ้นสุด ดวงตาทั้งห้าคู่ก็จับจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียวเลย ว่าแต่ไอ้ก้อง ไอ้วิศมึงสองคนจะทำตาแวววาวกับเค้าทำไมกันว่ะ.

     

                “ก็ปะมาณนั้น” อ้าวไอ้นิค ไอ้เพื่อนเลว นอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังมาหาเรื่องเพิ่มอีกน่ะมึง ผมเลยสงเคราะห์มันไปด้วยการตบกระบาลมันไปทีหนึ่ง.

     

                “คนนี้พี่นิคเรายอมเว้ย” เพื่อนอีกคนแทรกพูดขึ้นก่อนจะไม่มีบท.

     

                “ไอ้เนมมึงมานี้ เดี๋ยวกูแนะนำเพื่อนให้” ไอ้วิศกวักมือเรียกผมให้ไปนั่งข้างๆมัน แล้วมันก็เริ่มแนะนำตัวไปทีล่ะคน ไอ้คนตัวเล็กสุดชื่อ ออกัส แต่พวกมันมักเรียกกันว่า สัจ เพราะชื่อจริงมัน สัจจพร ทำเอาเจ้าตัวไม่พอใจเป็นอย่างมาก สวนคนที่นั่งข้างๆ ออกัส ชื่อ เค และอีกคนที่นั่งโดดเดี่ยวอยู่นั้นชื่อ อาร์ต พวกมันทุกคนเป็นกันเองมาก มากซะจนเพียงเวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ทำให้เราสนิทกันเหมือนรู้จักกันมาเป็นปีอย่างนั้นแหละ.

     

                “เออไอ้เนม เห็นไอ้วิศบอกว่า มึงพึงย้ายมากลางเทอมหรอ ทำไมมึงถึงย้ายโรงเรียนว่ะ” ไอ้อาร์ตถามผมอย่างสงสัย และผมเชื่อว่าทั้งกลุ่มต่างสงสัยกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ไอ้นิค แล้วก็ไอ้วิศก็ด้วย.

     

                “คือกูมีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน เลยโดนไล่ออกน่ะ” ผมพูดอ้อมๆ แต่ก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง.

     

                “ไอ้เนม มึงเปลี่ยนไปมากน่ะเนี้ย” ไอ้วิศพูดขึ้นอย่างอึ้งๆ ก็จริงเมื่อก่อนผมแทบไม่เคยต่อยใครเลย โดนผลักนิดเดียวก็วิ่งไปหาไอ้วิศแล้ว.

     

    “แต่ก็แค่ชกต่อย ถึงกับไล่ออกเลยเหรอว่ะ” ไอ้ออกัสถาม ก็จริงอยู่ครับว่าแค่เรื่องชกต่อยนิดเดียวเอง.

     

    “ก็คนที่กูชกน่ะ อาจารประจำชั้นกูไง ส่วนเหตุผลไม่ขอตอบ จบป่ะ” ผมพูดพร้อมมองเรียงหน้าเพื่อนๆของผมทั้งโต๊ะและมาหยุดที่ไอ้นิคที่นั่งข้างๆผม.

     

    “จบ/จบ/จบ/จบ/จบ/จบ” เพื่อนๆทั้งหกคนตอบเป็นเสียงเดียว.

     

    “ไอ้เนม ยินว่ามึงอยู่ห้องเดียวกับไอ้นิคเหรอว่ะ น่าแปลกใจน่ะเนี้ยที่คนอย่างไอ้นิคจะคิดมีรูมเมทกับเค้าด้วย” รู้สึกว่าพวกมันถามผมไม่ใช่หรอ แต่ทำไมพวกมันถึงมองหน้าไอนิคกันล่ะ.

     

    “หรือว่ามึง.....เหรอว่ะ ” ไอ้เคถาม แต่ไอ้นิคก็พยักหน้า และทุกคนทำตาวาวเลย แต่ผมคนหนึ่งนี้สิ ไม่เข้าใจเลยว่าพวกมันสื่ออะไรกันอยู่.

     

    “นี่พวกมึงคุยเรื่องไรกันเนี้ย กูไปล่ะ อยู่กับพวกมึงแล้วแมร่ง ปวดสมองว่ะ” พูดจบผมก็ลุกเดินสบัดหน้าใส่พวกมัน และไม่หันกับมาเลย.

     

    “ไอ้นิค ไปดิ มันงอนแล้วน่ะ อนาคตของมึงน่ะนั้น” ผมไปยังไม่ทันเท่าไหร่ ก็ยินเสียงไอ้อาร์ตพูดตามหลังผม แล้วก็ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนวิ่งตามผมมา และผมมั่นใจว่าต้องเป็นไอ้นิคแน่ๆ และมันก็จริง.

     

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่า ดูมึงหงุดหงิด” หลังจากที่ตัวมันเดินขึ้นมาข้างผม เสียงมันก็ตามมา.

     

    “เปล่า กูก็แค่รู้สึกว่า ไม่ค่อยรู้เรื่องที่พวกมึงคุยกันก็เลยไม่อยากอยู่ต่อก็เท่านั้น” นี้ผมกับไอ้นิค เราสองคนพึ่งรู้จักกันจริงๆหรอ ทำไมมันถึงได้มองอารมณ์ผมออกด้วย ถึงจะไม่ถูกไปทั้งหมดก็เหอะ แต่มันก็ดูออกว่าผมไม่ปกติ หรือว่ามันเฝ้ามองผมอยู่ตลอดอย่างนั้นหรอ คิดแล้วก็รู้สึกดีใจขึ้นมายังไงไม่รู้ ที่มีคนคอยเฝ้ามองเราอยู่.

     

    “อ้อ ไอ้เนม วันศุกร์นี้ไอ้เคชวนไปกินเหล้าห้องมันน่ะ พวกนั้นบอกว่าอยากเลี้ยงต้อนรับมึงน่ะ มึงจะไปไหม” ไอ้นิคไม่พูดอะไรกับเรื่องก่อนหน้านั้น มันคงรู้ว่าผมไม่ได้หงุดหงิดจริงๆ คนที่เข้าใจผมได้ขนาดนี้หายากน่ะเนี้ย ขนาดแคทที่คบกับผมมากว่าปีก็ยังไม่เข้าใจผมเท่าไอ้นิคที่พึ่งรู้จักได้ไม่ถถึงอาทิดย์ด้วยช้ำ...

     

                “ไอ้เนม... เฮ้ย ไอ้เนมมมมม...” และแล้วเสียงของคนที่เดินข้างๆก็เรียกผมให้หลุดออกจากภวัง.

     

                “ห่ะ... เมื่อกี่คุยกันเรื่องอะไรน่ะ กูได้ยินไม่ค่อยชัดน่ะ” แล้วทำไมผมถึงต้องมาเดินเหม่อเพราะเรื่องไอ้นิคด้วยล่ะ.

     

                “เฮ้อๆๆ... มึงนิ กูถามมึงว่า วันศุกร์นี้ไอ้เคชวนไปกินเหล้าห้องมันน่ะ พวกนั้นบอกว่าอยากเลี้ยงต้อนรับมึงน่ะ มึงจะไปไหม”  คราวนี้ไอ้นิคเน้นทุกถ้อยทุกคำอย่างแจ่มแจ้งโดยที่ผม และคนรอบข้างในรัศมีห้าเมตรได้ยินกันแจ่มแจ้งเหมือนผมกันทุกคน.

     

    “อึม ไปก็ไป... แล้วมึงจะพูดเสียงดังทำชากไรห่ะ กูไม่ได้หูหนวกน่ะเฟ้ย” ก็แน่ล่ะ พวกผมน่ะพึ่งเรียน มอสี่เอง จะให้พูดเรื่องของมึนเมาโจ่งแจ้งได้ไง เสียเครดิตผมหมด.

     

    “เอ้าไอ้นี้... เอาใจยากน่ะมึง” คำสุดท้ายมันพูดในลำคอ แต่วันนี้หูผมเสึอกดีขึ้นมาไง เลยได้ยิน.

     

    “ถ้าเอาใจยาก ก็ไม่ต้องมาเอาใจก็ได้นิ ไม่ได้ขอ” มั่นไส้นัก ขอแกล้งสักหน่อยล่ะกัน.

     

    เอาใจยากก็จริง แต่กูก็เต็มใจน่ะ กูตามใจมึงได้ทุกอย่างนั้นแหละ” ไอ้นิคกะวนกะวายแก้ตัวแทบไม่ทัน เห็นอย่างนี้ผมเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแล้ว ดีน่ะที่ยังกั้นไว้ทัน.

     

    “แน่ใจน่ะว่าทำได้ ไม่ใช่แค่พูดลมปากน่ะ พูดจบมันก็ปลิวหายไปน่ะ” ดูสิว่าเจอดอกนี้เข้าไป ไอ้นิคจะเป็นยังไง หุๆๆๆ...

     

    “แน่ใจสิ ถ้าเพื่อเนมแล้ว นิคทำได้ทุกอย่างนั้นแหละ..... ฟอ๊ดๆๆๆ” ไอ้นิคก้มลงมากระชิบที่หูของผม แล้วมันฉวยโอกาสนั้น หอมแก้มผมไปฟอ๊ดใหญ่ แต่มันคงลืมไปว่าที่นี้มัน.....

     

    “ไอ้นิค ทำไรของมึง นี้มันกลางโรงเรียนน่ะเฟ้ย” ใช่สิครับ กลางโรงเรียน แถมมีคนเดินสวนกันไปมาตั้งเยอะ และตอนที่มันหอมผมนั้น ผมเผอไปได้ยินเสียงของคนกลุ่มหนึ่งคุยกันอยู่ด้วย.

     

     

    “เห็นไหมแก ฉันบอกแล้ว ว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน” นี้คือเสียงแรกที่ผมได้ยิน.

     

    “นั้นใช่คนชื่อนิคป่ะ หล่อสมคำล้ำลือจริง แต่ไม่คิดเลยว่าเค้าจะหันมาชอบผู้ชายด้วยกันแล้ว เสียดายว่ะ” นี้เป็นเสียงที่สอง ชึ่งผมกับไอ้นิคตอนนี้กำลังหาต้นตอของเสียงนั้นอยู่.

     

    “ถ้าฉันจำไม่ผิด นั้นใช่คนที่พึ่งย้ายมาใหม่ใช่ไหม พึ่งมาไม่กี่วันก็แรดออกลายซะแล้ว กูว่าไม่เบาเลยน่ะคนนี้ หน้าตาก็ดี หล่อมากด้วยช้ำ แต่นิสัยอย่างนี้ไม่ไหวว่ะ” คิ้วผมกะตุกเลยครับคำนี้ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น และดูเหมือนไอ้นิคจะรู้ว่าผมโมโห มันพยามจับที่ต้นแขนผมแล้วส่ายหน้าให้ผมเบาๆ มันคงไม่อยากให้ผมเดือดตอนนี้ล่ะมั้ง.

     

    “กูว่าอีกไม่นานก็คงถูกทิ้งอยากที่ผ่านๆมาน่ะแหละ ขนาดผู้หญิงสวยๆยังโดนทิ้งมาแล้ว ประสาอะไรผู้ชายอย่างนี้ล่ะ” เหมือนว่าผมจะรู้แล้วน่ะว่าเสียงนี้มาจากไหน แต่ผมว่าคงไม่ทันคนข้างๆผมล่ะมั้ง ไอ้นิคตอนนี้เดินไปหากลุ่มสาวๆที่ตั้งหน้าเม้าเรื่องผมกับไอ้นิคแล้ว นี้มันไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมผมไม่รู้ตัวเลย.

     

    “ผมต้องขอโทษด้วยน่ะที่เข้ามาขัดจังหวะระหว่างการนินทาเรื่องคนอื่น ผมแค่อยากบอกอะไรสักอย่างน่ะ ผมไม่สนหรอกน่ะว่าทุกคนจะมองผมยังไง เพราะผมไม่แคร์เสียงหมูเสียงหมาอยู่แล้ว ที่ผมเข้ามาก็เพราะผมทนไม่ได้ที่พวกคุณมาพูดร้ายๆกับเพื่อนของผม ส่วนเรื่องที่พวกผมเป็นแฟนกันหรือไม่นั้นผมว่าไม่ใช่ธุระอะไรของพวกคุณน่ะ หัดรู้จักคำว่าเกลงใจด้วยน่ะ เพราะมันเป็นเรื่องสว่นตัวของพวกผม ที่หลังถ้าจะนินทาใครล่ะก็ กรุณาอย่ามานินทาต่อหน้าเค้า ขอบใจน่ะครับที่ทนฟังจนจบ ผมไปล่ะ” พูดจบไอ้นิคก็เดินออกมาจากการเกาะกลุ่มทันที ปล่อยสาวๆที่ยืนหน้าเสียอยู่ท่ามกลางผู้คนเกือบครึ่งโรงเรียน.

     

     

    “มึงไปพูดอย่างนั้นกับเค้าได้ยังไง ดูดีแมร่ง ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะมั้ง” ทันทีที่ไอ้นิคเดินมาถึง ผมก็จัดการตำหนิมันเลย.

     

    “ทำเป็นพูดดี ทีมึงล่ะ เห็นกำหมัดแน่นเชียว ถ้ากูไม่ห้ามมึงได้กระโดดเข้าไปต่อยพวกแมร่งหน้าแหกหมดแน่ มึงยิ่งเวลาโมโหแล้วพระอินทร์ พระพรหมหน้าไหนมึงก็ไม่สน” คำพูดไอ้นิคเหมือนเข็มแทงลงกลางใจดำเลยครับ มันก็จริงน่ะ เวลาโมโหมานี้ ผมไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น.

     

    “เป็นหว่งกูว่างั้น” ผมถามมันไปกวนๆ.

     

    “ก็เออดิ มึงก็ดูพวกแมร่งพูดสิ พูดว่ามึงแรดบาง นิสัยแย่บ้าง ง่ายบ้าง จะถูกทิ้งบ้าง มันใช่ได้ที่ไหนกัน” ไอ้นิคพูดอย่างหงุดหงิดขณะเดินขึ้นบันไดเพื่อเข้าห้องเรียน.

     

    “ยังไงก็ขอบใจน่ะที่ทำเพื่อกูถึงขนาดนี้” อันนี้ผมพูดจากใจจริง ผมรู้สึกขอบใจมันจริงๆๆ.

     

    “เรื่องของมึงก็เหมือนเรื่องของกู กูจะไม่มีวันให้ใครมาทำอะไรกับมึงเด็ดขาด” ไอ้นิคพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก ทำเอาผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่เลยที่เดียว.

    “แต่เรื่องที่มึงไปพูดกับพวกนั้นน่ะ กลับห้องมีเคลียร์กันแน่” ก็จริงน่ะ ถ้าใครได้ยินก็ต้องเข้าใจว่าผมกับไอ้นิคกำลังคบกันอยู่แน่ๆ แล้วทีนี้ผมจะหาแฟนได้ไหมเนี้ย ไอ้นิคน่ะไอ้นิค พูดอะไรออกไป คิดไหมเนี้ย.

     

    “เอ่อออ... กลับห้องค่อยว่ากันล่ะกันน่ะ” ไอ้นิคทำหน้าเออไปพักนึ่งก่อนจะยิ้มแป้นออกมา.

     

    และแล้วเหตุการทุกอย่างก็สงบลงไป การเรียนของเราก็ดำเนินไปปกติ แต่ทว่ามันจะดีกว่านี้ถ้าไม่มี อิน หญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าห้องมาวนวายกับผมทั้งคาบเรียน แม้แต่พักกลางวันคุณเธอก็พยามที่จะเอาผมไปกินข้าวด้วยให้ได้ แต่ดูเหมือนว่าคนที่หงุดหงิดสุดก็คงเป็นไอ้นิคน่ะ มันหน้าบึ้งใส่อินตลอดทั้งคาบเลย ก็รู้อยู่ว่าเมื่อเช้าเจออะไรมา แต่หลังจากนั้นก็เห็นดีๆอยู่ ไม่รู้รังแตนที่ไหนตกใส่มันอีก.

     

     

    “ไอ้เนม กูไม่ชอบยัยอินเลยว่ะ” ไอ้นิคพูดออกมาอย่างหงุดหงิด ในระหว่างที่เดินไปโรงอาหาร เพื่อไปกินข้าวกับพวกไอ้วิศมัน.

     

    “ทำไมล่ะ อินก็ดูเป็นคนดีน่ะ เสียแต่วุ้นวายมากไปหน่อย” ผมพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจอะไร.

     

    “กูไม่รู้ และกูก็ไม่ชอบใจที่อินเข้ามาตีสนิทกับมึงด้วย มันไม่บริสุทธิ์ใจว่ะ”

     

    “มึงอคติกับอินมากไปหรือเปล่า กูก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่ไม่บริสุทธิ์เลยนิ แถมน่ารักอีกต่างหาก ตรงสเปคกูเลย คริกๆๆ” ผมหัวเราะเบาๆเพื่อเรียนบรรยากาศ แต่ดูเหมือนมันจะนิ่งทำลายบรรยากาศมากกว่า.

     

    “ไอ้เนม มึงอย่าบอกน่ะว่ามึงชอบอินน่ะ” ไอ้นิคมันบิบไหล่ผมจนผมต้องหดตัวเพื่อลดความเจ็บ ถึงผมจะแรงยังไงก็สู้แรงไอ้นิคที่ทั้งใหญ่และแข็งแรงกว่าผมไม่ได้ มันมองผมด้วยสายตาดุมาก ผมนี้เสียวสันหลังเลย.

     

    “อะไรของมึงเนี้ย กูเจ็บน่ะ” ผมโวยวายใส่ไอ้นิค แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยผมเลย.

     

    “มึงก็บอกกูมาสิว่ามึงชอบอินหรือเปล่า” คราวนี้สายตาไอ้นิคอ้อนวอนมาก เหมือนมันอยากให้ผมตอบว่าไม่น่ะ หรือว่าไอ้นิคจะแอบชอบอินอยู่.

     

    “กูตอบมึงตอนนี้ไม่ได้หรอก” ที่ผมไม่ตอบไม่ใช่ว่าผมชอบอินมากหรอกน่ะ แต่ผมแค่ไม่อยากให้ไอ้นิคแค่เล่นๆกับอิน เพราะอินดูเป็นคนดีมาก ที่จริงผมก็ชอบอินอยู่น่ะ แต่ถ้าเพื่อนผมรัก ผมก็พร้อมเปิดทางให้.

     

    “กูขอโทษน่ะที่ถามอะไรไม่เข้าท่า” พูดจบไอ้นิคก็หันหลังให้ผม แล้วเดินนำหน้าไปที่โรงอาหารโดยที่ไม่หันกลับมาหาผมเลย.

     

    “ไอ้นิค วันนี้กูจะไปกินข้าวที่อื่นน่ะ ฝากขอโทษพวกไอ้เค ไอ้วิศด้วย” ไอ้นิคได้แต่พยักหน้า แต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้าหาผม ผมว่ามันแปลกๆไปน่ะ ผมจะรอให้ทั้งมันทั้งผมเย็นลงแล้วค่อยคุยกันดีกว่า แล้วผมก็เดินกลับไป ว่าจะไปหาอะไรกินข้างนอกซะหน่อย แต่....

     

    “อ้าวเนม ไหนว่าไปกินข้าวกับเพื่อนไง แล้วทำไมอยู่นี้คนเดียวล่ะ” เจออินครับ ไม่รู้ว่าควรคุยกับเธอดีไหม ดูเหมือนว่าไอ้นิคจะชอบมาก.

     

    “ก็ตอนนี้ไม่ไปแล้วไง มีไรไหม” ใช่ครับ ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะหลีกทางให้เพื่อนของผม.

     

    “งั้นไปหาอะไรที่โรงอาหารกินกันไหม ฉันกำลังจะไปพอดี” อินชวนผมไปโรงอาหาร แล้วจะให้ผมไปได้ยังไง ขืนผมไป ไอ้นิคได้มองว่าผมควงไปเย้ยมันแน่.

     

    “เธอไปเหอะ วันนี้ฉันไม่ค่อยหิว ไปล่ะ” พูดจบผมก็เดินออกจากการเกาะกุมโดยไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างงงกับการกระทำของผม ทั้งๆที่เมื่อเช้าเรายังคุยกันดีอยู่เลย.

     

    “นี้นาย เป็นอะไรเปล่าเนี้ย เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย เม็นมาหรือไง อารมณ์แปลปลวนจัง” อินเดินตามหลังผมมาติดๆ โดยที่ไม่สนว่าผมจะรำคาญหรือไม่ก็ตาม.

     

    “เปล่านิ แล้วก็ไม่ต้องมาตามฉันต้อยๆๆๆอย่างนี้ก็ได้ เดี๋ยวคนที่ชอบเธอเค้าจะเสียใจเอา” ผมบอกปัด แต่ที่จริงผมหมายถึงไอ้นิคนั้นแหละ.

     

    “แล้วทำไมฉันตองทำอย่างนั้นด้วย ก็ในเมื่อคนที่ฉันชอบไม่ใช่พวกเค้า”

     

    “แต่เค้าคนนั้นดูท่าว่าจะชอบเธอมากน่ะ” ผมหยุดเดิน แล้วหันหน้ามาคุยกับอินด้วยน้ำเสียงที่ออ่นลง.

     

    “แล้วไง จะให้ฉันตัดใจจากคนที่ชอบแล้วหันไปชอบคนๆนั้นหรอ แล้วถ้าฉันจะคิดแบบนั้นบ้างล่ะ ทำไมเค้าไม่ตัดใจแล้วให้ฉันได้อยู่กับคนที่ชอบล่ะ นายรู้ตัวไหม ว่านายใจร้ายมากเลย ฮึกๆๆ” พูดจบ น้ำตาสายเล็กก็รินออกมาจากหางตาลงสู่แก้มแดงๆของอิน ไม่รู้ว่าเพระความโกรธหรือเปล่าที่ทำให้แก้มสองข้างขึ้นสีได้ขนาดนี้.

     

    “ฉันขอโทษ” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่พูดขอโทษออกไปเบาๆเท่านั้น.

     

    “นายใจร้ายมากเลยน่ะ.... ใจร้ายมากก ฮึกๆๆๆ... ทั้งๆนายไม่รู้อะไรเลยแท้ๆ...” อินยังคงร้องไห้และต่อว่าผม “แล้วนายรู้ไหมว่ามันเจ็บแค่ไหน ที่ต้องได้ยินคนที่ตนชอบบอกให้ไปรักกับคนอื่น.... มันเจ็บน่ะ... นายรู้บ้างไหม... ฮึกๆๆๆ” นี้มันหมายความว่ายังไงกัน ไม่ใช่น่ะ ไม่ได้น่ะ.

     

    “มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดใช่ไหม” ผมถามออกไป ทั้งที่เสียงผมยังสั่นอยู่ ไม่อยากได้ยินคำตอบเลย แต่ก็ยังอยากจะรู้...

     

    “ใช่... ฉันชอบนาย” คำตอบของอินเหมือนหอกแหลมทิ่มแทงลงหลางใจของผม.

     

    “ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมกัน...” ผมไม่รู้แล้วว่าตอนนี้เสียงผมสั่นมากแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ผมสับสนมาก ทุกอย่างมันวุ้นวายไปหมด.

     

    “วันที่นายตะคอกใส่ฉันไง ฉันชอบนายที่เป็นคนอย่างนั้น ไม่ชอบให้ใครหยุ้งเรื่องสว่นตัว ฉันรู้ว่ามันยากที่จะรับได้ แต่ฉันก็ตัดใจจากนายไม่ได้จริง...” อินยังคงร้องไห้ไม่หยุด แต่ผมนี้สิ ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปแล้ว.

     

    “ขอโทษน่ะ ฉันรับความรักจากเธอไม่ได้หรอก ฉันมันไม่ดีพอ ฉันไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เธอคิดหรอกน่ะ ฉันขอโทษน่ะ ขอโทษจริงๆ” พูดเสร็จผมก็ก้าวถอยหลังแล้ววิ่งออกจากที่ตรงนั้นทันที ผมไปที่ห้องเรียนเพื่อเก็บของกลับห้อง ผมคงไม่เข้าเรียนคาบบ่ายหรอก ผมไม่รู้จะสู้หน้าทั้งอิน ทั้งไอ้นิคยังไง.

     

     

     

    NIK PART

     

    ในที่สุดผมก็ทะเราะกับไอ้เนมจนได้ ผมดูออกว่าอินมีใจให้ไอ้เนมอยู่ ทุกครั้งที่เธอเข้ามาพูดคุยกับไอ้เนมผมก็จะคอยดัก และกันเธอออกไป แต่ดูเหมือนไอ้เนมจะไม่พอใจเป็นอย่างมากกับการกระทำของผม ในตอนที่ผมถามมันว่ามันชอบอินหรือเปล่าในใจผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะปฏิเสธออกมาว่าไม่ แต่ทำไมกัน ทำไมมันถึงบอกผมว่ามันตอบผมตอนนี้ไม่ได้ นี้มันชอบอินจริงๆน่ะหรอ ผมไม่ยอมน่ะ ถึงใครจะพูดอะไร ผมก็จะไม่ยอมให้ใครแย่งไอ้เนมไปจากผมเด็ดขาด ผมจะมีชีวิตต่อไปยังไงถ้าไม่มีไอ้เนม ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น แต่ผมก็มีความสุข และผมก็รักมันมาก นับวันมันยิ่งมากจนตอนนี้ผมไม่สามารถตัดใจจากไอ้เนมได้แล้ว.

     

    ตอนไปถึงโรงอาหารเพื่อนๆผมก็เอาแต่ถามหาไอ้เนม ผมก็บอกปัดๆไปว่ามันมีธุระ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อ เพียงแค่ไม่กล้าถามผมเท่านั้น.

     

    “นี้มึงกับไอ้เนมมีอะไรกันหรือเปล่า”ไอ้เคพูดขึ้นท่ามกลางวงที่เงียบสนิท.

     

    “เปล่านิ ก็กูบอกไปแล้วไงว่ามันมีธุระน่ะ” ผมบอกมันปัดๆ แต่ผมมั่นใจว่าไม่มีอะไรที่ไอ้เคมองไม่ออก เพราะในกลุ่มก็มีไอ้เคนี้แหละที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่สุดแล้ว ทั้งมุมมอง นิสัย.

     

    “ถ้ามึงไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าต้องการให้กูช่วยอะไรก็บอกล่ะกัน” ไอ้เคบอกผม แต่ดูเหมือนว่าสี่คนที่เหลือจะผิดหวังมากที่ไม่ได้รู้สาเหตุที่ผมมานั่งหงอยเป็นหมาอย่างนี้.

     

    “อึม ขอบใจเว้ย”

     

    “พวกกูก็ไม่รู้น่ะว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกมึง แต่ในถานะที่กูรู้จักไอ้เนมมาตั้งแต่เด็ก กูว่าทุกอย่างที่มันทำ มันต้องมีเหตุผลของมัน มึงก็เชื่อใจมันหน่อยล่ะกัน” ไอ้วิศบอกกับผมอย่างมั่นใจว่าสิ่งที่เพื่อนมันทำนั้น มีเหตุผลที่บอกพวกเราไม่ได้.

     

    “เออ กูก็ไม่ได้ว่าไม่เชื่อใจมันสักหน่อย ก็แค่....” คำว่าหึงหวงมันถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ ผมจะพูดออกไปยังไง ในเมือผมไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้นได้.

     

    “ก็แค่....” เพื่อนทั้งห้าคนพูดเป็นเสียงเดียว.

     

    “กูอิ่มล่ะ กลับห้องเรียนก่อนน่ะ เผื่อไอ้เนมกลับไปแล้ว” ผมเปลี่ยนเรื่องแล้วรีบเดินออกจากกลุ่ม ท่ามกลางเสียงโวยวายจากเพื่อนๆของผม.

     

    พอกลับถึงห้อง คนที่ผมตามหาก็ไม่ปรากฏให้เห็นเลย แถมเข้าของมันก็ไม่เหลือ และทั้งคาบๆนั้นผมก็ไม่เห็นยัยอินเหมือนกัน หรือว่าสองคนนั้นจะไปด้วยกันน่ะ ผมนั่งรอเวลาอย่างทรมาน และพอเสียงกระดิ่งบอกว่าหมดคาบแล้ว ผมก็รีบวิ่งกับไปที่หอทันที ผมว่าจะถามพี่ภพสักหน่อยว่าไอ้เนมได้กลับมาห้องไหน แต่ผมลืมไปว่าพี่ภพมาแค่เวรค่ำ ตอนนี้พี่เค้าคงเข้าเรียนอยู่.

     

    เดินเข้ามาที่ห้องนอนใจผมก็โล่งไปทันที ก็ร่างบางที่ผมตามหาน่ะสิ นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง แต่ผมก็พอดูออกว่าไอ้เนมมีเรื่องกังวนอยู่แน่ๆ มันถึงมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักอย่างนี้.

     

    ผ่านไปสองอาทิดย์แล้วที่ผมกับไอ้เนมไม่ได้คุยอะไรกัน ส่วนนัดที่ว่าจะไปกินเหล้าเห็นไอ้เคบอกว่าไอ้เนมไปขอเลื่อนเป็นอาทิดย์แทน ถึงเราจะอยู่ด้วยกัน แต่ผมกับไม่รู้สึกว่าอยู่กับไอ้เนมเลย มันจะอาบน้ำเข้านอนแต่หัวค่ำ พอผมออกจากห้องน้ำมันก็หลับไปแล้ว ตอนเช้าก็ไปตั้งแต่เช้า ผมตื่นมาก็ไม่เห็นแล้ว แต่ก็ยังดีที่เรายังใช่ผ้าห่มผืนเดียวกัน ผมยังได้นอนกอดมันทุกคืน... แต่สี่วันมานี้ ไอ้เนมไม่กลับห้อง ไม่เข้าเรียน ไม่ยอมติดต่ออะไรกับเพื่อนๆเลย จะมีก็แค่ไอ้วิศ ไอ้เค ไอ้ออกัส ไอ้อาร์ต ไอ้ก้อง ทุกคนดูเหมือนจะรู้ แต่ไม่มีใครยอมบอกผม ถึงจะถามยังไงพวกมันก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผมก็พยามเชื่อตามที่ไอ้วิศพูดว่าสิ่งที่ไอ้เนมทำอยู่นั้น มันมีเหตุผลของมัน... ผมเชื่ออย่างนั้น.

     

    พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ไอ้เนมเลื่อนนัดว่าจะไปดื่มเหล้าที่ห้องไอ้เคแล้ว ผมก็ได้แต่หวังว่า ผมจะได้เห็นหน้าไอ้เนมในวันพรุ่งนี้ด้วย ช่วงสองอาทิดย์ที่ผ่านมา ชีวิตผมมันช่างว่างเปล่ามาก พอไอ้เนมหายไป สวนที่มาเตีมเต็มหัวใจผมก็ขาดไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันขาดไปมาก มากซะจนทำเอาผมกินไม่ได้ นอนไม่หลับเลย.

     

    “หวังว่าพรุ่งนี้เราจะได้เจอกันน่ะ กูอยากกอดมึง อยากหอมมึง อยากจูบมึง อยากครอบครองตัวมึง กูรักมึงมากน่ะไอ้เนม ได้ยินกูไหม กูรักมึงน่ะ” ท่ามกลางความมืดมิดของห้องนอน น้ำตาลูกผู้ชายที่ผมสาบานเอาไว้ว่าจะไม่มีวันให้ในไหลออกมา กำลังหลั่งไหลอาบทั่วทั้งสองแก้มผม...

     

     

    END NIK PART

     

     

    ||||||||||||||||

     

    จบไปอีกตอน

    แต่ทำไมตอนนี้มันเศร้าจัง น่าสงสารทั้งนิค และ เนม หวังว่าจะปลับความเขาใจกันในเร็วนี้น่ะ....

     

    ขอบคุณครับที่คอยติดตาม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×