ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Please!!! ถ้าไม่รัก ก็ปล่อยผมไปเถอะครับ (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #6 : Please !!! 04 - ตอนที่ 4 เปิดเทอม (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.68K
      3
      7 ก.พ. 57

    B B 

     

     



    ตอนที่ 4 เปิดเทอม

     

     

     

                ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ในนั้นเขียนไว้ว่า “มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างมีความเห็นแก่ตัวสูง” ตอนที่อ่านเสร็จผมไม่เชื่อเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าคนเรามีความเห็นแก่ตัวสูงจริง เหมือนอย่างที่ผมกำลังทำในตอนนี้, ถึงผมไม่ค่อยมีเพื่อน และไม่ได้รู้มากในเรื่องความรัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รู้อะไรเลย สิ่งที่ไอ้ณัฐพูดมานั้น ผมรู้ว่ามันต้องการจะสื่ออะไร ผมไม่สามารถตอบกลับความรู้สึกนั้นได้ แต่ถึงอย่างนั้นส่วนหนึ่งในใจผมกลับไม่อยากเสียมันไป หนำซ้ำผมยังไปให้ความหวังมันอีก.

     

                “สำหรับมึง กูรอได้” ทั้งๆที่ผมควนจะดีใจที่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีคนอยู่เคลียงข้าง แต่ทำไมความรู้สึกเจ็บอยู่ที่อกช้ายมันถึงยังอยู่ และดูเหมือนว่ามันเจ็บยิ่งกว่าเดินซะอีก.

     

                “....” ทำไมกันน่ะ ทั้งๆที่สามปีมานี้ ไม่ว่าปัญหาอะไร ผมก็สามารถผ่านมันมาได้ตัวคนเดียวตลอด แล้วทำไมตอนนี้ผมถึงได้รู้สึกว่าไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ล่ะ ทำไมตอนนี้ถึงได้อ่อนแออย่างนี้น่ะ.

     

                “ไม่เป็นไรน่ะ, ถ้าไม่ไหวก็ร้องออกมา กูจะอยู่ชับน้ำตาให้มึงเอง” สัมผัสแผ่วเบาที่แก้มสองข้างจากมือไอ้ณัฐ นี้ผมกำลังร้องไห้อยู่หรอ.

     

                “...”

     

                “เป็นผู้ชายก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นพระเจ้านิ เวลาที่เรารู้สึกไม่ไหวอยากร้องไห้ก็ร้องออกมา เพราะหลังจากนั้นเราก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น, ถึงรู้ว่ามันไม่ควน แต่กูก็ดีใจน่ะที่ได้อยู่ข้างๆมึงยามที่มึงร้องไห้ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุกูก็ไม่เห็นมึงเปิดใจให้กับใครเลย” คำพูดของไอ้ณัฐทำเอาผมชะงักไปชั่วขณะ นี้มันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตลอดอาทิดย์ที่ผ่านมาหรอ.

     

                “ตั้งแต่เกิดเหตุ???” ผมพูดทวนคำมองหน้าไอ้ณัฐงงๆ เหมือนขอความกระจ่าง.

     

                “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ไปหาอะไรกินกัน วันนี้กูเลี้ยงเอง” ไม่รอให้ผมพูดขัดอะไร ไอ้ณัฐก็ลากผมไปที่โรงอาหารของคณะ ชึ่งผมเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินตามมันไป บางทีอาจจะจริงอย่างที่ไอ้ณัฐพูด เวลาที่เรารู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมา แล้วหลังจากนั้นเราจะรู้สึกสบายใจขึ้น เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนได้โยนความทุกข์ที่มีมาทั้งอาทิดย์ถูกยกออกไปจากอก ถึงจะไม่หมดแต่ก็พอที่จะทำให้ผมผ่านวันนี้ไปได้.

     

     

     

                “มองหาอะไรของมึง รีบๆกินดิ จะได้รีบๆไปเรียน” ตอนนี้คนเริ่มมากันแล้ว แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ที่แปลกคือไอ้ณัฐนี้สิ มันไม่ยอมกินข้าวต้มของมันสักที่ เอาแต่มองช้ายมองขวาเหมือนหาอะไร หรึอหาใครอยู่...

     

                “มีคนอยากเจอมึง” ไอ้ณัฐบอกปัด แต่ก็ยังหันช้ายหันขวาอย่างเดิมไม่ยอมหันมามองหน้าผม ทำให้ผมคิ้วขมวดทันที ที่ชวนมากินข้าวก็เพราะเหตุนี้ใช่ไหม?.

     

                “ใคร????”

     

                “เดียวก็รู้” มันตอบหน้าตาย ทั้งๆที่ผมตอนนี้แทบจะลุกออกจากโต๊ะอยู่แล้ว.

     

                “งั้นก็ไม่เป็นไร กูไปก่อนล่ะ ขอบใจสำหรับข้าวเช้า”

     

    หมับบบบ

     

    ผมลุกออกจากโต๊ะกำลังจะเดินออกจากโรงอาหาร แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวพ้นเขตโต๊ะผมก็ต้องหยุด เพราะมือของใครบางคนที่จับอยู่ที่ต้นแขน ผมหันไปมองเจ้าของมืออย่างงงๆ แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะรู้ว่าผมไม่พอใจ จึงปล่อยมือออกจากแขนผม.

     

     

                “ไม่เจอกันนานเลยน่ะ น้องค็อปเตอร์??” คนมาไหม่ทักทายผมเหมือนคนคุ้นเคย ชึ่งนั้นทำให้ผมคิ้วขมวด...

     

                “ครับ??”

     

                “พี่เฟรมไง พี่รหัสไอ้ณัฐ” คนตรงหน้าเหมือนจะดูออกว่าผมจำไม่ได้เลยแนะนำตัวกับผม.

     

                “อ๋อ ครับ” ผมหันหลังกลับเพื่อที่จะเดินออกจากตรงนี้ แต่ในระหว่างที่ผมหัน สายตาผมบังเอีญไปปะทะกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้ชึ่งฝ่ายนั้นเองกำลังจ้องขเม็งมาที่ผมอย่างไม่วางตา.... ใช่ผมลืมไปเลย ถ้าเจอพี่รหัสไอ้ณัฐก็ต้องเจอพี่ตะวัน.

     

                “ยังเย็นชาไม่เปลี่ยนเลยน่ะ ว่าแต่ดูโทรมไปน่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า” คนพูดไม่พูดเปล่า เอื้อมมือขึ้นมาเพื่อจะแตะหน้าผากผม แต่ก็เป็นเหมือนหลายๆครั้งผมก้าวถอยหลังเพื่อไม่ให้พี่เฟรมโดนตัวผม ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้เกินเหตุจำเป็น ถึงวันนี้จะมีไอ้ณัฐที่ฝ่าฝืนก็เหอะ...

     

                “หึๆๆ” พี่ตะวันหัวเราะในรำคอ แล้วเดินผ่านพวกผมไป แต่ตอนที่เดินผ่านผม พี่มันเดินชนแบบที่ว่าชนจริงๆ แต่ดีที่พี่เฟรมกับไอ้ณัฐรับไว้ทัน ก่อนที่ผมจะล้มหัวฟาดพื้นซะก่อน.    “ตกลงจะไปเรียนได้ยัง” พี่ตะวันพูดกับพี่เฟรม แล้วก็อีกคนที่น่าจะเป็นพี่รหัสผมที่น่าจะชื่อพลอะไรประมาณนี้แหละผมก็จำไม่ได้.

     

                “มึงทำอะไรน่ะ น้องมันเกือบล้มหัวฟาดแล้วเห็นไหม.... เป็นอะไรหรือเปล่า” ประโหยคแรกพี่เฟรมพูดกับคนที่ชนผม ก่อนจะหันมาพูดประโหยคหลังกับผม..

     

    “สำออย” พี่ตะวันพูดพร้อมมองหน้าผมเยียดๆ ผมเจ็บ... ไม่ใช่ที่ตัวแต่เป็นที่ใจ นี้ตกลงแล้วไม่ว่าที่มหาลัย หรือที่บ้านแล้วผมก็ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปใช่ไหม.

     

                “มึงเป็นอะไรของมึงไอ้ตะวัน” พี่เฟรมตระคอกใส่พี่ตะวันเสียงดัง จนคนรอบๆหันมามองพวกเราเป็นตาเดียวกันหมด.

     

                “ผมไม่เป็นไร ขอบคุณครับพี่” ผมดึงตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยขอบคุณพี่เฟรม และผมก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องในวันแรกที่เข้ามาเรียน.

     

                “มึงไม่เป็นอะไรแน่น่ะ” ไอ้ณัฐเอ่ยถามอย่างเป็นหว่งเป็นไย.

     

                “กูไม่เป็นไร ไปเหอะ” พูดจบ ผมก็จับแขนไอ้ณัฐเดินออกมาจากตรงนั้นทันที... ตอนนี้บอกได้คำเดียว  ผมเหนื่อย

     

     

     

                “กูกลับล่ะ เจอกันพรุ่งนี้” ผมบอกไอ้ณัฐ กะว่าจะเดินไปเรียกแท๋กชี้หน้ามอกลับไปที่บ้าน ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากไปเหยียบที่คอนโดนั้นอีก.

     

                “มึงกลับยังไง ไม่เห็นรถมึงเลยนิ” ไอ้ณัฐเดินตามหลังผมพูดถาม.

     

                “แท๋กชี้ วันนี้เหนื่อยๆกูเลยไม่ขับรถมา” ผมบอกปัด

     

                “ให้กูไปส่งเอาม่ะ”

     

                “ไม่ล่ะ กูมีที่ต้องไปก่อนน่ะ ไว้เจอกัน” พูดจบผมรีบวิ่งออกมาที่หน้ามอทันที

     

    แต่ทันทีที่ผมวิ่งออกมาถึงหน้ามอก็มีรถ BMW สีดำคันคุ้นตาขับมาจอดหน้าผม กระจกค่อยๆลดลง ทำให้ผมเห็นคนข้างใน... พี่ตะวัน.

     

    “ขึ้นรถ”

     

     

     

     

    ในเวลาไม่นานผมก็มายืนอยู่หน้าคอนโดที่ผมไม่คิดจะมาเหยียบจนได้ แสดงว่าผมไม่มีทางที่จะหนีไปจากที่นี้ได้จริงๆน่ะเหรอ ผมต้องอยู่อย่างนี้ตลอดไปงั้นสิ ถ้าหนีไม่ได้ผมคงต้องทนรับมันให้ได้ อย่างน้อยก็จนกว่าวันสุดท้ายจะมาถึง แต่วันสุดท้ายที่ว่ามัน วันสุดท้ายของชีวิต.

     

    “พี่ตะวัน ไม่มาช้าจัง... เอ่อ แล้วคนนี้.....” ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็มีผู้หญิงร่างเล็กวิ่งมาโดดกอดพี่ตะวัน แต่ก็ต้องหน้าเสียตอนที่เห็นผมยืนอยู่ข้างหลังพี่มัน.

     

    “คนรับใช้น่ะ แอนมาทำไม” พี่ตะวันพูดน้ำเสียงหนักแน่นในประโหยคแรก ทำเอาผมไปแทบไม่ถูก แล้วหันไปพูดประโหยคหลังกับคนที่ชื่อแอนด้วยน้ำเสียง ใบหน้าที่อ่อนโยน และ อบอุ่น. ผู้หญิงที่ชื่อแอน น่าจะอายุเท่าผม หรือไม่ก็อยู่ประมาณปีสอง เพราะชุดที่เธอใส่เป็นชุดนักศึกษา.

     

    “จะไปไหน??” พี่ตะวันตะคอกใส่ทำเอาผมสดุ้ง ตอนที่เดินก้มหน้าผ่านพี่มันกับอีกคนกลับเข้าห้อง.

     

    “เออ... ผมจะเข้าห้อง” ผมได้แต่ก้มหน้าตอบเสียงเบา.

     

    “กูสั่ง??”

     

    “เปล่า”

     

    “ไปเอาน้ำมาให้กูกับแอน” พี่ตะวันสั่ง ชึ่งผมก็ได้แต่เดินก้มหน้าเข้าไปในครัวเพื่อทำตามอย่างที่พี่มันสั่ง ก็ตอนนี้สถานะของผมมันคนรับใช้นี้น่ะ...

     

    ตอนนี้ผมแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ทำไมกัน ทั้งๆที่พี่มันทำร้ายผมขนาดนี้แล้วทำไมผมถึงไม่รู้สึกโกรธหรือเกลียดพี่ตะวันเลย แต่กับรู้สึกเจ็บแปบๆที่อกข้างช้ายทุกครั้งที่เห็นพี่มันอยู่กับผู้หญิงคนอื่น, เพียงแค่มีความคิดแบบนั้นขอบตาทั้งสองข้างของผมก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา แต่ผมจะร้องไห้ไม่ได้....

     

     

    เพ้งงงงง

     

     

    ผมคงเหมอลอยมากไปหน่อย จึงทำให้จอกน้ำที่ถืออยู่หล่นลงพื้นแตก เศษแก้วมากมายกระเด็นใส่ขาผม ดีที่ผมยังใส่ถุงเท้าแล้วกางเกงขายาวเลยทำให้ไม่เป็นไรมาก, ผมก้มลงเก็บเศษแก้วทิ้ง แต่คงซุ่มซ่ามไปหน่อยทำให้โดนบาดเลือดไหลเลอะไปทั่วพื้นตรงที่ผมอยู่. ผมไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เลือดไหลเยอะขนาดนี้แท้ๆ แต่ทำไมกัน ทำไมความเจ็บที่มือมันถึงไม่ทำให้ความเจ็บที่ใจผมหายไปเลย, ผมกำเศษแก้วมือแน้น เลือดที่ไหลอยู่ยิ่งไหลออกมาอย่างกับก๊อกน้ำ...

     

    “เป็นอะไรหรึอเปล่า???” พี่ตะวันพูดน้ำเสียงตกใจ ตอนที่วิ่งเข้ามาเห็นผมอยู่ในสภาพนี้.

     

    “เจ็บ” ใช่, มันเจ็บ พี่เลิกทำน้ำเสียงนั้นใส่ผมได้ไหม เลิกมองด้วยสายตาแบบนั้น อย่าทำเหมือนเป็นห่วงเป็นไย เพาะผมไม่รู้ว่าคนไหนกันแน่ที่เป็นพี่จริงๆ ถ้าคิดจะทำล้ายก็อย่าตบหัวแล้วลูบหลังแบบนี้ เพราะผม... “เจ็บ”

     

    “ปล่อยมือจากเศษแก้วน่ะ” ยิ่งพี่ตะวันพูดน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนั้นกับผม ผมยิ่งกำเศษแก้วในมือแน่น ทำยังไงก็ได้ ทำให้ความเจ็บในใจนี้หายไปที.

     

    “.....” ผมได้แต่ก้มหน้าร้องไห้ พูดอะไรไม่ออก.

     

    “ปล่อยมือน่ะ ปล่อยเถอะน่ะคนดี” พี่ตะวันยังคงพูดปลอบผมอยู่อย่างนั้น...

     

    “หยุดเถอะครับ.. ขอร้อง หยุดพูดอย่างนั้นกับผมสักที.. มันเจ็บ.. ถ้าพี่ไม่คิดอย่างนั้นจริงๆ ผมเจ็บน่ะพี่” พูดจบก็ชันตัวลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันจะเดินออกไป ผมก็หยุดอยู่กับที่เพราะต้นแขนผมโดนจับไว้ด้วยมือพี่ตะวัน..

     

    “คือ...” พี่ตะวันเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด.

     

    “ขอร้อง... ทำล้ายผมเหมือนเดิมเถอะ อย่าทำดีกับผมเลย” ผมพูดไม่มองหน้าพี่ตะวัน คำขอร้องผมเหมือนจะได้ผล เพราะพี่ตะวันบีบต้นแขนผมแรงจนผมนิ้วหน้าด้วยความเจ็บ.

     

    “ต้องการแบบนั้นจริงๆใช่ไหน” น้ำเสียงพี่ตะวันกลับมาเย็นชาเหมือนเดิม ดีแล้ว ยิ่งพี่ทำล้ายผมมากๆ บางทีมันอาจจะทำให้ผมเลิกมีความรู้สึกแบบนี้กับพี่ได้.

     

    “ครับ”

     

    “ได้”  พี่ตะวันตอบด้วยน้ำเสียงโมโห ก่อนจะลากผมออกจากห้องครัวไป. “แอน กลับไปก่อน แล้วพี่จะโทรหา” หลังจากที่แอนออกจากห้องไป ผมก็โดนเหวียงไปที่โชฟา แล้วพี่ตะวันก็เดินมาคร่อม แล้วประกบจูบผม.... 

     

     

    øø ตัดให้ขาดเลยชั๊บๆๆ ไปต่อที่เพจได้เลยน่ะ øø

    øøøøøøøøøøøøøøøøøøøøøøøøøøø

     

    ครบครับ.... ขอโทษมากถึงมากที่สุดที่หายไปโค-ตะ-ระ นานนนนนนน

    พอดีหลายๆอย่างมันไม่ค่อยลงตัวน่ะเลยปลีกตัวมาเขียนไม่ได้

    แต่เราก็พยายามเขียนทุกครั้งที่มีเวลาว่างแล้วน่ะ ไม่รู้จะถูกใจกันหรึอเปล่า

    ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ และก็เรื่องอื่นๆของเราด้วยน่ะ

    ดีไม่ดีตรงไหน บอกด้วยล่ะ จะได้เก็บเอาไปปรับปรุงในครั้งต่อๆไป...

    สุดท้ายนี้ก็ไม่มีอะไรนอกจากคำว่า ....

     

    ขอบคุณครับบบบบบบ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×