คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Hey Boy 02 - ตอนที่ 02 คืนแรก และ วันแรก (100%)
ตอนที่ 02 คืนแรก และ วันแรก
“ฉันทำให้นายมาอยู่กับฉันได้ล่ะ อีกไม่นาน ใช่อีกไม่นานนน... นายไม่รอดแน่ หึๆๆๆๆ”.
“ใครจะไม่รอดหรอ” คนที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินผมพูดแบบนั้นถึงกับสดุ้งเลยทีเดียว.
“ปะ...เปล่าๆๆๆ... ไม่มีอะไรหรอก” ทำตัวได้หน้าสงสัยมาก.
ผมแอบเข้าห้องอย่างเงียบๆเพื่อที่จะแกล้งคนที่อยู่ในห้องเล่นๆ แต่ดันไปได้ยินสิ่งที่ผมไม่ควรได้ยินเข้า เอ๊ะ... หรือว่าเราควรรู้ดีล่ะ, ผมไม่ได้หลงตัวเองหรอกน่ะ แต่ไอ้คำที่มันพูดว่า /ฉันทำให้นายมาอยู่กับฉันได้ล่ะ/ นี้สิดันทำให้ผมนึกถึงคำที่ไอ้นิคมันพูดกับผมเมื่อตอนบ่ายก่อนออกจากห้องเรียนไป และนี้สิน่ะมันถึงได้พูดว่า -เราจะได้อยู่ด้วยกัน- นิ. รู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้ เหมือนกับกำลังอยู่ในถ้ำเสือรอวันที่จะถูกเขมือบเลย.
“ฉันคิดว่านายน่าจะยังไม่ได้กินอะไรเลยชื้อมาฝาก ถือซะว่าขอบคุณเรื่องเข้าของ” ผมพูดพร้อมกับยื่นถุงข้าวกล่องให้ไอ้นิคมัน.
“อุ้ยยยย รู้ใจอีกซะด้วยยยย” ไอ้นิคยิ้มกรุ้มกริ่มลุกจากเตียงมาเอาข้าวกล่องจากผม และตอนที่มันจะจับมันตั้งใจมาจับโดนมือผม ผู้ชายโดนมือกัน มันทำมะด๊าทำมะดาใช่ไหมล่ะ แต่ดูไอ้นิคมันทำหน้าสิ เขินหน้าแดงจนผมอดที่จะฟินไปกับมันไม่ได้จริงๆ ถ้าเป็นผู้หญิงน่ะมึง วันนี้ได้ไปท่องเที่ยวสวรรค์แน่ แต่ก็ไม่แน่กับไอ้นิคเองผมก็อาจจะได้ไปเที่ยวสวรรค์เองก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆ.... เอาเฮ้ยยยยย.... นี้กูคิดอะไรอยู่เนี้ย ผมนี้ท่าจะเมาข้าวแหะ...
“อ้าวไอ้นี้ มึงจะแดกไหมข้าวน่ะ ถ้าจะยืนหน้าแดงอยู่อย่างนี้กูจะแดกให้ เอาไหม” เห็นท่าทางเขีนของไอ้นิคแล้วขัดตายังไงไม่รู้.
“ไม่ได้น่ะ ให้เค้าแล้วจะเอาคืนได้ไง” ไอ้นี้ ให้แดกตีนแทนข้าวดีไหมเนี้ย.
“ถ้ายังไม่หยุดไอ้การพูดชวนขนลุกอีก มึงได้แดกตีนกับข้าวแน่ ไอ้นิค” ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าผมกับไอ้นิคเราสนิทกันจนเรียกกูมึงได้แล้วหรอ แต่มารู้ตัวอีกทีผมก็เรียกไปแล้ว แถมไม่รู้สึกเคืองปากซะด้วย.
“โธ่ๆๆๆ หยอกแค่นี้เอง โมโหซะแล้ว เซ็งว่ะ” แล้วมันก็เดินออกจากเตียงไปที่โต๊ะเพื่อที่จะกินข้าว แต่ตอนมันออกไปนี้สิ คือแบบมันต้องผ่านผมไป และมันก็... จุ๊บ... ลงที่แก้มผมเบาๆ... ปิ๊ดๆๆๆ สิครับ โดนผู้ชายหอมครั้งแรก ถึงไม่รู้สึกรังเกียจแต่มันก็ขนลุกนิครับ.
“สัสนิค...” ผมพูดแค่นั้นแล้วหันไปถีบมัน หน้าคว่ำเลยครับ.
“ไอ้เนมมมมมม มึงงงงงงงง” มันเสียงแข็งใส่ผม แต่มีหรือผมจะกลัว ถ้าเป็นสมัยประถมผมคงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากวิศมันแล้ว แต่นี้มันไม่ใช่แล้ว ผมตอนนี้สู้คนน่ะเว้ยเฮ้ยยยย.
“มึงจะทำอะไรกู ฮ่ะ” ผมเสียงแข็งกลับ.
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ถึงทีกูเมื่อไร กูจะเอาคืนให้หน่ำใจเลย มึงคอยดู” เหมือนว่ามันจะไม่ติดใจอ่ะไรมาก มันพูดเสียงเรียบ แต่ผมนิสิ รู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้ตอนที่มันพูดว่า –จะเอาให้หน่ำใจนิ- เหมือนมีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่น่ะ.
“แล้วกูจะรอดู” อันนี้เป็นสัญชาตญาณที่ปากผมพูดออกไปโดยที่ไม่ทันได้ปรึกษาสมอง.
“หึๆๆๆ” ไอ้นิคไม่ได้ตอบ เพียงแต่หัวเราะอย่างเหนือกว่าแล้วก็ไปนั่งกินข้าวแต่โดยดี.
“นี้จะไปไหนอีกน่ะ” ไอ้นิคพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมลุกจากเตียง กำลังจะเดีนออกไป.
“อาบน้ำ จะนอนแล้ว จะไปด้วยไหม” หงุดหงิดแหะที่จะทำอะไรก็เหมือนมีคนคุมอยู่ตลอดเนี้ย.
“เอาสิ กูก็ง่วงล่ะ” ตายห่าล่ะกู ไอ้นี้เสึอกเอาจริง.
“งั้นกูอาบก่อนล่ะ” ผมเดินเข้าห้องน้ำลงกลอนอย่างรวดเร็ว เพื่อความแน่ใจว่าไอ้นิคจะเข้ามาไม่ได้แล้วผมก็เริ่มอาบน้ำไป ผมได้ยินเสียงเท้าคนเดินค่อยๆห่างออกไปทีละนิดจนไม่ได้ยินอีกเลย... นี้... แสดงว่ามันคิดจะเข้ามาอาบน้ำกับผมจริงๆหรอเนี้ย ไอ้เวรนี้มันคิดจะทำอะไรกัน.
แก๋กกกก
นานพอสมควรที่ผมอยู่ในห้องน้ำ ในที่สุดผมก็ออกมาจากห้องน้ำจนได้ ที่จริงผมก็ไม่ค่อยชอบอาบน้ำบ่อยๆอย่างนี้หรอกน่ะครับ แต่ทว่าระหว่างทางที่ผมเดินกลับหอตอนไปกินข้าวกับไอ้วิค ไอ้ห้องนี้สิ ฝนดันตกลงมาได้ ถึงไม่ค่อยเปียกเท่าไหร่แต่ก็ล้างตัวดีกว่า กลัวเป็นหวัดน่ะ.
“นึกว่าหลับแล้วซะอีก นานเกี๊นนนน.... ว่าแต่หุ่นดีน่ะเรา” ไอ้นิคพูดพลางมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะตอนนี้ผมนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ไอ้นิคเองก็เหมือนกัน แล้วมันก็เดินสวนผมเข้าห้องน้ำไป.
หลังจากที่ทั้งผมและไอ้นิคต่างก็ทำกิจวัตรก่อนนอนเสร็จเราก็ขึ้นเตียงจะเริ่มนอนกัน แต่ว่า... ทำไม... ผ้าหมถึงมีแค่ผืนเดียวกัน.
“นิค มีผ้าห่มเหลือเปล่า” ผมหันไปถามไอ้นิค ที่ตอนนี้มันเตรียมจะนอนด้วยหน้าตามีความสุขสุดๆ.
“ไม่ มีแค่ผืนนี้ ผืนเดียวววววว” มันเน้นเสียงตรงคำว่าผืนเดียวเพื่อให้ผมรู้ว่า วันนี้ผมต้องห่มผ้าผืนเดียวกับมัน.
“นอนกันเถอะ กูง่วง ขนของ จัดของทั้งวัน เหนื๊อยเหนื่อย” ไอ้นิคพูดขึ้น แต่เหมือนจะพูดแดกดันผมยังไงไม่รู้.
“อืม” ผมล้มตัวลงนอนไม่พูดไม่จาอะไรมาก เพราะตอนนี้เหนือยมากจริงๆๆๆ.
“ฝันดีน่ะ เนม” พอไอ้นิคเรียกชื่อผมอย่างนี้แล้วรู้สึกแปลกๆแหะ.
“เออ”
NIK PART
รักแรกพบที่เค้าชอบพูดกัน ไม่รู้ว่ามันใช่กับที่ผมรู้สึกกับไอ้เนมหรือเปล่าน่ะ ครั้งแรกที่ผมเห็นมันผมก็รู้สึกว่าอยากจะอยู่กับมัน อยากรู้จัก อยากสนิท อยากกอด และอยากจะเป็นคนที่ได้ครอบครองทั้งตัวและหัวใจมัน นี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกอย่างนี้ แถมอีกฝ่ายดันเป็นผู้ชายอีก. ผมเคยคบกับผู้หญิงมาก็เยอะ มีอะไรกันก็เยอะ แต่ผมกับไม่เคยรู้สึกอย่างนี้เลย.
เมื่อได้ยินว่าไอ้เนมมันจะมาอยู่หอ ผมก็เลยจัดการไปพูดกับอาจารว่าผมอาสาจะช่วยเนมในทุกด้านเพราะเนมย้ายมากลางเทอมคงจะมีหลายอย่างไม่รู้จัก และผมก็ใช่อำนาจของพ่อเข้าช่วย ใช่แล้วผมกับพี่ภพ พี่ชายคนเดียวของผมเป็นลูกชายของผอโรงเรียนแห่งนี้ ฉะนั้นจึ่งไม่แปลกว่าทำเราทั้งคู่ถึงได้มีห้องอยู่ที่แตกต่างจากคนทั่วไป ดูเหมือนพ่อเองก็เห็นด้วยกับผมน่ะที่จะให้เนมมาอยู่ด้วย เพราะเนมเป็นลูกชายคนเดียวของเพื่อนสนิทพ่อ เข้าทางสิครับ พ่อโอเคใครหน้าไหนก็ค้านไม่ได้.
หลังจากที่พ่อตกลงให้เนมอยู่ห้องผมแล้ว ผมก็กลับไปทำความสะอาดห้องเลยโดยที่ไม่เข้าเรียนคาบสุดท้าย ผมขนเขาของของเนมขึ้นมาจัดเข้าตู้ให้เรียบร้อย โดยไม่ลืมที่จะเอาผ้าห่มสำรองในตู้ลงไปฝากไว้ที่ห้องพี่ภพมัน ผมไม่คิดจะทำอะไรมันหรอก ขืนทำอะไรวู้วาม ไอ้เนมได้หนีออกจากห้องผมไปนี้ที่ผมทำไปทั้งหมดก็สูญเปล่าสิครับ แถมเห็นพ่อพูดว่าไอ้เนมมีบ้านที่ห่างจากนี้ไปสิบกว่ากิโลเองด้วย ขอแค่ได้นอนด้วยก็พอ แล้วพอดึกๆ ผมก็จะได้นอนกอดมันได้ไง เพราะห่มผ้าผืนเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน เรื่องแค่นี้จิบๆๆๆ.
ไอ้เนมมันคงจะเหนื่อยมากจริงๆ ล้มตัวนอนยังไม่ถึงห้านาทีมันก็หลับซะแล้ว ไอ้นี้เวลานอนนิ่งๆนี้ยิ่งดูน้ารักเข้าไปอีก แต่อย่าให้มันได้ตื่นเชียวล่ะ ความน่ารักหายหมดภายในเลยแหละ เห็นทีไรอยากประเคนตีนให้สักทีสองที ถึงมันจะไม่ใช่คนที่ตัวเล็กก็เหอะ ดูๆไปคงจะสูงน้อยกว่าผมสักห้าเช็นได้มั้ง หุ่นมันก็สมกันดีกับส่วนสูง มีกล้ามนิดๆ ดูก็เป็นผู้ชายทั่วๆไป แล้วถ้าผมจะทำให้มันเป็นภรรเมียผมเนี้ย มันจะยอมง่ายๆไหมน่ะ.
ผมนอนจ้องไอ้เนมสักพักผมก็เลื่อนตัวเข้าไปกอดมัน เหมื่อนมันจะไม่รู้ตัวน่ะ นอนนิ่ง แต่ผมสิชักจะไม่นิ่งด้วยล่ะสิ ตัวไอ้เนมอุ่นมากกก หอมอีกซะด้วยยยย ตอนนี้อารมณ์ผมพุ่งพล่านไปทั่วตัวแล้ว ไม่เว้นแม้แต่นิคน้อยของผมที่ตอนนี้ก็เริ่มจะตื่นขึ้นมาแล้วสิ ผมจึงหอมแก้มไอ้เนมไปฟอดใหญ่ก่อนจะลุกออกไปจัดการกับอารมณ์ที่มันค้างให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะกับมานอนกอดไอ้เนมต่อ โดยไม่ลืมที่จะหอมแก้มมันไป และ จูบลงที่ปากมันเบาๆแช่มันไว้อยู่อย่างนั้นนานพอสมควร.
นี้เป็นครั้งแรกที่ผมมีอารมณ์กับผู้ชายด้วยกัน ครั้งแรกที่ผมรู้สึกรักใครสักคน ครั้งแรกที่ผมให้คนมาอยู่ด้วยในห้องนี้เพราะผมอยากอยู่กับเค้า ครั้งแรกขโมยจูบจากผู้ชาย แต่มันก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน นี้แปลว่าผมหลงรักมันมากเข้าแล้วสิเนี้ย,,,,, ดูเหมือนว่าไอ้เนมจะรู้สึกตัวแหะ ผมเลยถอนปากออกจากปากมัน มันขยับตัวนิดน่อยแต่ก็ยังคงหลับอยู่ ผมโล่งอกที่มันไม่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าผมกำลังขโมยจูบมันอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้นผมคงได้ลงไปนอนตายคาตีนมันแน่... ผมก็กลับลงไปนอนกอดมันต่อ... ตัวของไอ้เนมอุ่นมากกก... อยากกอดมันอยู่อย่างนี้ตลอดไป... ไม่อยากให้ใครได้กอดมัน... และผมก็หลับไปโดยที่ยังอยู่ในท่านั้น...
END NIK PART
60%
หลังจากที่ผมหลับไปก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อวานอาจจะผมเหนื่อยมากจึงทำให้ผมนอนหลับง่ายๆอย่างนั้น เพราะผมเป็นคนที่นอนยากมากถ้าเป็นสถานที่ที่ไม่เคยชิน ผมรู้สึกว่าเหมือนมีลมอะไรอุ่นเป่าที่หน้าผม ส่วนตัวผมเหมือนถูกสวมกอดอยู่ แต่พอผมนึกขึ้นมาได้ว่าผมไม่ได้นอนในห้องนอนที่บ้านแต่เป็นที่หอ ที่สำคัญห้องนี้ผมอยู่กับผู้ชาย และอ้อมแขนที่สวมกอดผมอยู่ ณ ตอนนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจาก.......
ไอ้นิค....
อ้ากกกกกกกกก....
ภาพแรกที่ผมลืมตาขึ้นมาเห็นก็คือใบหน้าของไอ้นิค มันอยู่ใกล้มาก ใกล้ซะจนจมูกของเราทั้งคู่จะติดกันได้แล้วมั้ง และดูใบหน้าของไอ้นิคสิ ช่างเป็นใบหน้าที่เปี่ยมสุขมากกกก หน้ามันดูมีความสุขซะจนผมหมั่นไส้.... แทนที่ผมจะดึงหน้าออกแล้วไปอาบน้ำแต่งตัว แต่ผมกลับไม่ทำ ผมยังคงนอนจ้องหน้าไอ้นิคอยู่อย่างนั้น และออ้มแขนของมันก็ยังคงกอดอยู่ที่ลำตัวของผม มันช่างเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นจริงๆ.... ทำไมกันน่ะ ครั้งแรกที่โดนผู้ชายด้วยกันนอนกอด แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจ ไม่รู้ว่าผมจะรู้สึกอย่างนี้กับผู้ชายทุกคนหรือเปล่า หรือว่าจะแค่ไอ้นิคคนเดียว.
“เฮ้ยยยย...... ไอ้เนมมมม นี้มึงคิดอะไรของมึงอยู่เนี้ย” ผมเรียกสติของผมกลับมาก่อนที่มันจะเตลิดเปิดเปิงไปไกลจนกู้กลับไม่ได้กว่านี้, ผมค่อยๆแกะมือไอ้นิคออก โดยที่ไม่โวยวายอะไรเลย เพราะว่าผมเป็นคนที่ติดหมอนกอดมาก วันไหนไม่มีมันนอนไม่ค่อยหลับ และเมื่อคืนผมคงเผอไปกอดมันละมั้ง, ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมโวยวายไป เพียงแค่มันพูดว่าผมเป็นคนไปกอดมันเอง และตอนนั้นผมจะเสียหน้าเปล่าๆๆๆ ปล่อยๆไปแหละดีแล้ว.
“เนม... ตื่นแล้วหรอออออ” ไอ้นิคลุกนั่งพิงหัวเตียง มือขยี้ตา แล้วมองมาที่ผมที่กำลังถอดเสื้อผ้าออกที่ตอนนี้เหลือแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว.
“อึม...” ผมหันไปตอบมัน แต่สายตาที่มันมองผมนี้สิ หืนมากกกก ... “นี้มึงจะจ้องอะไรกูนักหนาว่ะ ของกูก็เหมือนกับมึงหมดทุกอย่างน่ะแหละ” นี้คือคำพูดแรกของวันที่ผมกับมันคุยกันครับ.
“ไม่รู้ว่าเหมือนทั้งหมดจริงหรือเปล่า...” มันลุกเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผม แล้วมือทั้งสองข้างของมันก็จับมาที่ขอบบ๊อกเซอร์ผม “จนกว่าจะได้เห็น” มันพูดต่อ แล้วทำท่าว่าจะดึงลง ผมจึ่งจับมือมันไว้ไม่ให้มันถอดออก แล้วจัดการยกเท้าขึ้นถีบไอ้นิคไปเต็มแรงจนมันล้มหน้าหงายกับพื้น.
“ไอ้สัสนิค....” เมื่อกี้ผมยังไม่ค่อยรู้สึกอะไรเลยตอนมันกอด แต่ตอนนี้ผมว่ามันซักจะเกีนไปหน่อยน่ะ....
“โห่วๆๆๆ หยอกแค่นี้เองไมต้องโมโหขนาดนั้นด้วยอ่ะ” ไอ้นิคยังคงนั่งอยู่ตรงที่มันหน้าหงาย และดูเหมือนว่ามันจะตอบโต้อะไรผมเลย.
“ทีหลังอย่าเล่นอย่างนี้อีก กูไม่ชอบ” พูดจบผมก็เดินเข้าห้องน้ำ ปิดประตู หรือจะเรียกให้ถูก ผมกระแทกประตูใส่ไอ้นิคดังปั้งเลยที่เดียว.
ปกติผมก็ไม่ได้เป็นคนที่อารมณ์เสียง่ายๆอน่างนี้หรอก แต่ที่โมโหนั้นมันเป็นการเล่นที่ไม่มีขอบเขตของอีกฝ่ายต่างหาก ถึงยังไงผมกับไอ้นิกเราพึ่งจะรู้จักกันไปวันเดียวเท่านั้นเอง เล่นถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้มันเกีนไปหน่อย เพราะคนอย่างผมไม่ได้เป็นคนที่จะถอดผ้าให้ใครดูง่ายๆน่ะ.
หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมา ผมก็เห็นไอ้นิคกำลังพับผ้าห่มอยู่ แล้วก็ชุดนอนที่ผมพึ่งถอดกองไว้อีก มันก็จัดการพับไว้ซะเป็นระเบียบเชียว, ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนักเรียนออกมาใส่ แต่ก็ยังไม่พูดอะไรกับไอ้นิคเลย ส่วนไอ้นิคก็เหมือนจะพูดอะไรกับผมแต่พอผมหันไปมองมัน มันก็เงียบไปทันที.
“กูไปล่ะ” ผมบอกกับมัน ก่อนที่จะพายกระเป๋าเตรียมจะเดินออกไป.
“เดี๋ยว....” ผมหยุดเดิน แล้วหันไปมองตามเสียงคนเรียก “เรื่องเมื่อกี้น่ะ... เออออ... กูขอโทษน่ะ กูได้ใจเกินไปหน่อย” มันก้มหน้าก้มตาพูดกับผม.
“ไม่เป็นไรหรอก กูไม่ได้โกรธอะไรมาก แค่มึงไม่เล่นแบบนั้นกับกูอีกก็พอแล้ว” ที่จริงมันยอมขอโทษผมอย่างนี้แล้ว ผมก็ควรจะยกโทษให้มัน เพราะยังไง ผมกับไอ้นิค ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน.
“จริงหรอ.. มึงหายโกรธกูแล้วใช่ไหม” มันมองหน้าผมดีใจ แล้วทำท่าจะวิ่งเข้ามากอดผม แต่ต้องหยุดซะงักไว่อย่างนั้น เพราะตอนนี้ผมกระดิกเท้าใส่มันเล็กน้อย...
“เฮ้อๆๆ ไม่กอดก็ได้... ว่าแต่มึงจะไปไมเช้าอย่างนี้ เหลือเวลาอีกตั้งนาน” มันถอนหายใจ แล้วถามผมต่อ ก็จริงครับ ยังอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะเข้าเรียน.
“กูนัดกับไอ้วิศกับไอ้ก้องไว้ ว่าจะหาข้าวเช้ากินกัน” ผมก็ตอบมันไปตามตรง อันที่จริงผมไม่จำเป็นต้องบอกมันก็ได้ แต่ผมก็เลือกที่จะบอกมัน เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร.
“ใคร วิศ ก้อง... ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ไอ้นิคพูดเสียงเรียบตอนที่พูดชื่อไอ้วิศกับไอ้ก้อง แต่สายตามันนี้สิไม่เรียบเหมือนเสียงเลย.... อะไรกัน ไอ้ท่าทางหึงหวงอย่างนั้น.
“มึงนี้ก็เสึอกเนอะ... กูไปล่ะ แล้วจะแดกอะไร กูจะได้ชื้อไปให้ที่ห้อง” ถ้าพูดกับไอ้นิคไปมากกว่านี้ มีหวังน้ำโหผมได้เดือดอีกรอบแน่ ทางที่ดีไปหาพวกไอ้วิศดีกว่า.
“เอาซาลาเปาก็แล้วกัน” หน้าไอ้นิคตอนที้ผมว่ามันเสึอกนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาหงอยเลย.
“อึม งั้นกูไปล่ะ” ผมพูดพร้อมก้าวขาออกจากห้องไป.
หลังจากที่คนร่างไม่ใหญ่ไม่เล็กเดินออกจากห้องไป ชานร่างใหย่ก็ได้แต่พูดสิ่งที่อยากพูดกับเค้าคนนั้นให้ประตูที่พึ่งปิดฟังเท่านั้น.
“ที่กูทำไปนั้นกูไม่ได้ตั้งใจ แต่จะให้กูบอกมึงได้ยังไงว่ากูเผอตัวห้ามตัวเองไม่อยู่... แล้วคนที่ชื่อวิศนั้นอีก ทำไมมึงได้พูดชื่อมันด้วยสายตาที่ดูสนิทสนมอย่างนั้นล่ะ กูต่างหากที่ควรได้รับสายตานั้นของมึง กูคนเดียวเท่านั้น” เค้ารู้สึกว่าไม่อยากให้เนม แม้แต่มองใครนอกจากตน และไม่อยากให้ใครมองเนม เค้าอยากเก็บเนมไว้แต่เพียงผู้เดียว.
พอนึกถึงคำพูดที่เนมทิ้งท้ายไว้ก่อนจะไป ก็ทำให้เค้ายิ้มออกมาทันที... ใช่คำที่ว่าจะชื้อมื้อเช้าไปให้ที่ห้อง.
“ฉันขอคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยน่ะ ว่านายก็เป็นห่วงฉันเหมือนกัน....... ใช่แล้ว.... ยังไงเนมก็อยู่กับมึงตลอดอยู่แล้ว ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปล่ะกัน..... หึๆๆๆๆ” หลังจากนั้นเค้าก็หยิบผ้าเช็ดตัว เดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อที่จะอาบน้ำ แต่งตัว เตรียมไปเรียน ที่สำคัญไปกินมื้อเช้าที่เนมชื้อให้.
หลังจากที่ผมสามคนกินข้าวเช้าพร้อมกับเหล่สาวไปเลื่อยเปื่อยนานพอสมควร ผมก็เดินมาที่ห้องเรียนโดยไม่ลืมชาลาเปาของไอ้นิคที่ผมว่าจะชื้อให้มัน ขืนผมลืมมีหวังตายแน่ เพราะตอนที่ผมจะออกจากห้องไอ้นิคมองผมคุๆยังไงไม่รู้ ดูแล้วรู้สึกขนลุก มันช่างน่ากลัวมากกกก ผมกับไอ้วิศเรียนคนล่ะห้องกันครับ ส่วนไอ้ก้องเรียนห้องเดียวกับไอ้วิศ ห้องเรียนของพวกมันอยู่ชั้นสอง ห้องผมกับไอ้นิคอยู่ชั้นสามน่ะ.
จะว่าไปโรงเรียนนี้แมร่งใหญ่โคตร กว้างโคตร ห้องเรียนแมร่งไม่รู้จะเยอะไปไหน เห็นไอ้วิศมันบอกว่าโรงเรียนมีชื่อเสียงมากด้านคุณภาพการเรียนการสอน โรงเรียนนี้มีตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมหาลัย เลยทีเดียว แต่จะมีอยู่สี่แห่งน่ะ แห่งแรกจะเป็นอนุบาลและประถม (เป็นที่ที่ผมกับไอ้วิศเรียนตอนอยู่ประถมแต่ก็พึ่งจะรู้ว่าเป็นโรงเรียนเดียวกันกับที่นี้) แห่งที่สองเป็นมอต้น แห่งที่สามเป็นมอปลายชึ่งก็เป็นที่นี้นั้นเอง ส่วนแห่งสุดท้ายเป็นมหาลัย ชึ่งทั้งสี่แห่งนี้ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลกันชักเท่าไหร่ และพ่อแม่หลายต่อหลายคนต่างก็หวังอยากให้ลูกของตนเข้าเรียนที่นี้ จึ่งไม่แปลกที่จะมีนักเรียนเยอะ และผมว่าเจ้าของโรงเรียนนี้คงจะรวยน่าดู ฮ่าๆๆๆๆๆๆ.
“กว่าจะมาได้กูเกือบจะแดกโต๊ะแทนชาลาเปามึงล่ะเนี้ย” ไอ้นิคมันบ่น ในขนะที่ผมยืนถุงชาลาเปากับนมให้มัน นมนี้ผมแถมน่ะ ขืนกินชาลาเปาอย่างเดียวมีหวังติดคอตายกันพอดี.
“บ่นอยู่นั้นแหละ จะแดกไม่แดก กูจะได้แดกเอง” ผมพูด พร้อมจับชาลาเปาออกมาทำท่าจะกินเอง.
“โห่วๆๆๆ ไม่คิดจะง้อกันเลยหรือไง ใจร้ายอ่ะ” ไอ้นิคจับมือผมข้างที่จับชาลาเปาไว้พร้อมเอาไปกินโดยที่มือผมยังจับชาลาเปา ส่วนมือมันจับมือผม ดูผ่านๆไม่ต่างอะไรกับผมกำลังป้อนไอ้นิคเลย... รู้สึกแปลกๆแหะ ผมมีความรู้สึกว่าตั้งแต่ที่ผมยื่นชาลาเปาให้ไอ้นิคจนถึงตอนนี้ มีสายตาหลายคู่ที่จ้องมาที่ผม และแววตาของแต่ล่ะคนนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกีน มองที่ไรผมเสียวสันหลังทุกที พึ่งรู้สึกว่าสายตาผู้หญิงน่ากลัวก็วันนี้แหละครับ.
“มึงปล่อยมือกูได้แล้วมั้ง ดูสายตาผู้หญิงของมึงแต่ละคนมองกูสิ เดียวแมร่งก็ฆ่ากูหมกป่าหรอก” ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าพวกที่มองผมอย่างนั้นเป็นผู้หญิงไอ้นิค เพราะถ้าเป็นของผมพวกนั้นคงไม่มองผมอย่างนั้น และที่อยู่ตรงนี้ก็มีแค่ผมกับไอ้นิค ช่างเป็นสถานการณ์ที่เดาง่ายอะไรอย่างนี้.
“ไม่ใช่ชักหน่อย ก็แค่เคยเป็นเท่านั้น อีกอย่างถ้าใครคิดจะทำร้ายมึงกูเอามันตายแน่” ไอ้คำพูดสุดท้ายนี้ดูมันจริงจังมาก แต่ผมก็เลี่ยงที่จะไม่เข้าใจไปในแนวทางแปลกๆหรอกน่ะ.
“กูว่ากูเอามึงตายก่อนดีไหม มึงจะได้ปล่อยมือกูชักที” ดูเหมือนว่าไอ้นิคไม่คิดจะปล่อยมือผมเลยทั้งๆทีชาลาเปามันก็แดกเกลี้ยงหมดแล้ว นมก็หมดแล้วทำไมมือยังจับอยู่อีก นี้ก็ใกล้เข้าเรียนแล้วด้วย คนก็ทยอยเข้าห้องจนจะเต็มห้องอยู่แล้ว.
“กูยอมให้มึงเอาเลย... จะเอาตอนนี้เลยดีไหม หรือรอไปเอาที่ห้องดี” ไอ้นิคมันทำหน้าทะเล้นใส่ผม แต่ผมนี้สิ ไม่ตลกกับมันเลยสักนิด.
“ไอ้สัสนิค... มึงงงงง....” ผมขื้นเสียงใส่ไอ้นิคจนคนทั้งห้องต่างก็มองมาที่ผมกับไอ้นิคเป็นตาเดียวกัน.
“โอ้วๆๆๆ ขอโทษครับ ขอโทษครับ ... ปล่อยก็ได้ ไมต้องขึ้นเสียงด้วยอ่ะ ไม่น่ารักเอาซะเลย” มันยอมปล่อยมือผม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แต่ไอ้คำที่มันพูดว่า /ไม่น่ารักเอาซะเลย/ นี้สิ ทำเอาน้ำโหผมเดือดเลยยย.
ปั้งงงงงง
“กูบอกแล้วใช่ไหมว่าจะเล่นก็ให้มันมีขอบเขตหน่อย” ผมตบโต๊ะไอ้นิค เล่นทำเอาทั้งไอ้นิคและคนทั้งห้องตกใจเลย.
“นายเนม มีอะไรกันหรือเปล่า” ไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาถามผม และภ้าผมจำไม่ผิดเธอคนนี้เป็นหัวหน้าห้องผมนั้นเอง ส่วนชื่อน่ะหรอ .... ผมจำไม่ได้.
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่าหยุ้ง” ผมตะโกนใส่หน้าเธอคนนั้นเล่นเอาเธอหน้าเสียไปเลยทีเดียว.
“ฉันก็ไม่อยากจะหยุ้งหรอกน่ะ แต่นี้มันเป็นห้องเรียน และอีกอย่างคาบเรียนใกล้จะเริ่มแล้วด้วย” เธอพูดเสร็จก็เดินหันหลังให้ผมเลย ก็ไม่แปลกที่เธอจะโกรธ ก็ผมไปตะโกนใส่หน้าเธออย่างนั้นเป็นใครก็โกรธ.
“เนมมม... กะ... กูไม่รู้น่ะว่าไปทำอะไรให้มึงโกรธอีกหรือเปล่า แต่ยังไงกูก็ขอโทษน่ะ อย่าโกรธกูน่ะ ขอร้องล่ะ มึงจะทำอะไรก็ได้แต่อย่าโกรธกูน่ะ กูขอร้อง” คำพูดไอ้นิคแผ่วเบามาก ผมฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่ามันกำลังขอร้องผมจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูด ได้ยินอย่างนั้นก็โกรธมันไม่ลงเลย.
“เฮ้อๆๆๆ กูไม่โกรธมึงหรอก ยังไงวันนี้กูกลับห้องก่อนล่ะ กูเหนื่อย” ผมนั่งลงที่โต๊ะนิคแล้วพูดกับมัน พอได้ยินว่าผมไม่โกรธเท่านั้นแหละ จากหน้าหมากงอยมันกับมาทำหน้าระรื่นใส่ผมตามเคย.
“อึมๆๆ แล้วกูจะขออาจารให้ ยังไงคาบบ่ายกูโดด แล้วจะพาไปผ่อนคลายน่ะ” มันพูดพร้อมจับที่มือผมเบาๆ แต่พอผมมองที่มือเท่านั้น ไอ้นิคก็รีบดึงมือกลับทันที คงจะไม่อยาดให้ผมเดือดอีกรอบมั้ง.
“อึมๆๆ กูไปล่ะ” แล้วผมก็รีบออกจากห้องเรียนก่อนที่อาจารจะมาเห็น แล้ววิ่งกลับหอทันที.
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อยู่กับไอ้นิคที่ไร ผมอารมณ์แปลปลวน ควบคุมไม่ได้ทุกที.......
ทำไมกันน่ะ....
100%
{{{{{{{{{{{{{{{{{{
เป็นเรื่องอีกจนได้น่ะนิคเนม
ยังไงก็ฝากติดตามนิคเนมกันด้วยน่ะทุกๆคน
ขอบคุณครับบบบบ
ความคิดเห็น