คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Hey Boy 01 - ตอนที่ 01 รูมเมท (100%)
ตอนที่ 01 – รูมเมท
วันแรกของผมผ่านไปได้ด้วยดีโดยที่มีคนมาถามผมอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมถึงย้ายโรงเรียนกลางเทอมอย่างนี้ แต่ผมก็ไม่ได้บอกอะไรน่ะ จะให้บอกไปยังไงล่ะ บอกว่าผมไปต่อยอาจารย์จนหน้าหงายแล้วโดนไล่ออกอย่างนั้นหรอ ทางที่ดีเงียบๆไปก่อนดีกว่า.
“นาย นนทกร หลังเลิกเรียนมาพบครูที่ห้องฝ่ายปกครองด้วยน่ะ จะบอกเรื่องหอน่ะ” เสียงครูประจำชั้นบอกผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป.
“นายจะอยู่หอหรอ” เสียงของคนที่ชื่อนิคถามผม.
“อืม” ผมตอบไปเบาๆ แบบไม่ใส่ใจอะไรมาก.
“ก็ดีสิ หึๆๆๆ” มันพูดแบบว่า มีเลศนัยมาก และที่สำคัญหน้ามันตอนนี้วอนตีนสุดๆ.
พูดจบมันก็วิ่งออกไปจากห้องทันที ไม่รู้ว่าจะรีบไปตายที่ไหน แต่ก่อนที่มันจะออกจากประตูไปมันหันมาพูดคำๆหนึ่งกับผม เล่นเอาผมงงแดกไปเลย.
“เราจะได้อยู่ด้วยกัน หึๆๆๆ” แล้วมันก็หายหน้าออกไป และก็หายไปเลย ไม่กลับเข้ามาเรียนคาบสุดท้าย ไอ้คำว่าอยู่ด้วยกันนี้มันแปลว่าอะไรครับ ใครรู้บอกผมที......
แล้วเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง เวลาที่คาบเรียนสุดท้ายสิ้นสุดลง ไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจเรียนน่ะ ผมแค่อยากจะไปห้องฝ่ายปกครองเพื่อฟังเรื่องหอก็เท่านั้นเอง จริงๆๆๆๆๆๆๆๆ.
“มาแล้วหรอ นนทกร, นายอยู่หอเอน่ะ แล้วนี้ชื่อของรูมเมทนาย ทีนี้ก็ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ พ่อนายและผอฝากฝังให้ครูดูแลนายน่ะ” ใช่ครับ พ่อของผมและผอของโรงเรียนแห่งนี้เป็นเพื่อนกัน เรียนด้วยกันตั้งแต่ ม ต้น จนจบ มหาลัย แล้วก็แยกย้ายกันไปทำงาน พ่อแม่ของผมทำงานธุรกิจนำเข้าเครื่องดนตรี, ถึงจะเป็นหัวหน้าแต่พ่อก็ทำงานไม่ต่างอะไรกับพนักงานทำมะดาคนหนึ่ง พ่อเคยบอกกับผมว่าถ้าหากเราเอาแต่ใช้งานคนโดยที่ไม่รู้ถึงความลำบากของพวกเค้าเราก็จะไม่มีวันรวยได้ เพราะเราจะไม่เห็นคุณค่าของเงิน และจะใช่จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ทว่าเรามาทำงานเท่าๆกับพวกเค้าเราก็จะเข้าใจถึงความเหนือยยาก เราก็จะเข้าใจว่าเงินแต่ละบาทมีค่า และที่สำคัญเราจะรู้จักประหยัด. ถึงคำพูดของพ่อจะฟังแล้วเข้าใจยากแต่ผมก็เข้าใจในสิ่งที่พ่ออยากสื่อให้ผมรู้. แต่ผมดันเป็นคนแบบว่าเข้าใจแต่ทำไม่ได้น่ะ ฮ่าๆๆๆๆ.
กลับเข้าเรื่องปัจจุบันของผมกันต่อ ตอนนี้ก็เวลาจะหกโมงเห็นจะได้ ถ้าจะให้บอกว่าทำไม่ผมถึงได้กลับเอาป่านนี้หรอครับ ก็ครูน่ะสิเล่นชวนผมคุยโน้นนี้นั้นจนผมต้องขอออกมานี้ไง. “กวีวัธน์” นี้คือชื่อรูมเมทผม แล้วผมจะรู้ไม่เนี้ยว่าเจ้าของชื่อนี้มันเป็นใคร หน้าตายังไง นิสัยอีกล่ะ ผมจะเข้ากับมัน หรือมันจะเข้ากับผมได้ไหม. หลังจากที่เดิน และคิดอะไรเลี่อยเปีอยนานกว่าสิบนาทีสุดท้ายผมก็มายืนอยู่ตรงหน้าหอจนได้ และสิ่งแรกที่เข้ามาเห็นคืออออออ...
“เออ... ขอโทษครับ... เข้าของที่ผมฝากไว้เมื่อเช้าอยู่ที่ไหนครับ” ผมหันไปถามคนที่ผมคาดว่าน่าจะผู้ดูแลหอ เพราะผมหาเข้าของที่ผมเอามาด้วยไม่เจอสักชิ้น และของที่ผมเอามาด้วยก็ใช่ว่าจะน้อยๆ ถึงจะเก็บยังไงก็ไม่มีทางที่จะเก็บได้มิดชิดจนผมไม่เห็นแม้แต่เงาได้อย่างนี้.
“น้องพึ่งย้ายมาหรอครับ พี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย พอดีพี่พึ่งมาเข้าเวรน่ะ น้องชื่ออะไรน่ะ เดี๋ยวพี่โทรถามเวรก่อนให้” พี่เค้าบอกพร้อมกับยิ่มให้ผม ผมว่าพี่คนนี้น่าจะยี่สิบต้นๆน่ะ ใจดี พูดเพาะ แถมดูเป็นมิตร ที่สำคัญหน้าตาดีด้วย.
“นนทกร ครับ เรียกเนมก็ได้” ผมก็ยิ้มตอบเค้าไป คนอื่นจะได้ไม่พูดว่าผมไม่มีมารยาทเอา.
“พี่ชื่อ ไชยภพ น่ะ เรียกพี่ภพ ก็ได้ รอพี่ที่นี้แปบหนึ่งน่ะ”
“ครับ พี่ภพ” พี่ภพยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปที่ห้องผู้ดูแลหอ เพื่อโทรถามเรื่องเข้าของให้ผม.
“นี่นาย...” หลังจากที่พี่ภพเข้าห้องไปไม่นาน ก็มีคนมาสกิดผมจากด้านหลัง.
“มีไร” ผมหันไปทำหน้ารำคาญใส่คนมาใหม่ ที่ผมไม่ได้เชีญ.
“ไอ้เนม... มึงจริงๆด้วย” มันทำหน้าดีใจใส่ผม ส่วนผมน่ะหรอ งงสิครับ อยู่ๆมีคนมาทักแถมเหมือนจะรู้จักผมด้วย.
“.....”
“เชี้ยเนม... ทำหน้าหมางงอย่างนี้ อย่าบอกน่ะว่ามึงลืมกูล่ะ” คราวนี้มีแจกตัวเชี้ยให้ผมด้วยเว้ยเฮ้ย แต่จะว่าไป ไอ้นี้ก็หน้าคุ้นๆแหะ.
“ไอ้เชี้ยวิศ” ผมจำมันได้แล้ว ไอ้วิศ มันเป็นเพื่อนสมัยประถมของผม ตอนเด็กๆผมอ่อนแอน่ะ โดนลังแกตลอด แต่ก็ได้ไอ้วิศนี้แหละเป็นคนคอยปกป้องผม จนบางคนคิดว่าผมเป็นน้องมันด้วยช้ำ. แต่พอเรียน มต้น เราก็ไม่ได้เรียนด้วยกัน เพราะผมต้องย้ายบ้าน ตอนนั้นที่บ้านผมทำธุรกิจใหม่ๆ เห็นพ่อบอกว่าได้ที่อยู่ดีๆเลยต้องย้ายกันทั้งครอบครัว ส่วนบ้านเดิมของผมพ่อก็ไม่ได้ขายหรอกครับ เห็นว่าเก็บไว้เพื่อต้องการเปลี่ยนบรรยากาศกัน.
“เออ จำกูได้ด้วยหรอว่ะ” ไอ้วิศมันทำหน้างอนใส่ผม ดูแล้วน่ารักมาก มันเป็นคนค่อนข้างหุ่นใหญ่น่ะ สูงประมาณ 188 และน้ำหนักมันก็เข้ากับส่วนสูงพอดี.
“ตัวอย่างกับควายแต่เสึอกงอนเป็นตุดเลยน่ะมึง ฮ่าๆๆๆ” เห็นท่าทีของไอ้วิศแล้วขัดตาซะมัด อยากต่อยให้งอนหายเลย.
“สัสเนม... ไอ้ทีตอนเด็กเห็นร้องไห้ขี้มูกโป่งมาหากูตลอด คนนั้นทำกู คนนี้ทำกู ฮ่าๆๆๆ” รู้สึกอายๆยังไงไม่รู้แหะ ที่ยังมีคนจำอดีตที่อ่อนแอของผมได้.
“เออ นั้นมันอดีต ส่วนตอนนี้ใครมาทำกู กูได้สวนกลับสองเท่าแน่ ฮ่าๆๆๆๆ” ภูมิใจมากกกกก.
“ไม่เจอกันนาน มึงดูโตกว่าที่คิดไว้แหะ” ผมก็ใช่ว่าจะตัวเล็ก ผมสูง 183 น้ำหนักก็สมหุ่นน่ะ. “มึงมาอยู่หอนี้หรอว่ะ ไมมึงไม่ไปอยู่บ้าน เห็นว่าไม่ได้ขายนิ” ก็จริงว่าไม่ได้ขายแต่ก็ห่างจากที่นี้เป็นสิบกิโล ไอ้ผมก็เป็นคนตื่นสายด้วย อยู่หอนี้ล่ะดีที่สุด.
“มึงล่ะ ดูท่าทางแล้วก็อยู่หอเหมือนกันนิ ไมมึงไม่กลับไปอยู่บ้านล่ะ จะว่าไปบ้านมึงใกล้กว่าบ้านกูด้วยช้ำ” ใช่ครับ บ้านมันห่างจากบ้านผมไปสามกิโล และใกล้กับที่นี้กว่า.
“มีเรื่องนิดน่อยว่ะ....”
“น้องเนมครับ พี่ได้เรื่องเข้าของของน้องเนมล่ะน่ะ” แล้วพี่ภพก็เข้ามา ในระหว่างที่ผมคุยกับเพื่อนเก่าอยู่ แต่ดูหน้าไอ้วิศตอนนี้มันดูเศร้าๆนิดๆ แหะ.
“ออ ครับ” ผมหันกลับไปยิ้มให้พี่ภพ
“หวัดดีพี่” ไอ้วิศก็เหมือนกัน.
“พี่มาขัดจังหวะหรือเปล่าเนี้ย”
“เปล่าครับ/เปล่าครับ” ผมกับไอ้วิศตอบเป็นเสียงเดียวกัน.
“เห็นบอกว่ารูมเมทของน้องเนมเอาขึ้นไปไว้ให้แล้วน่ะ ว่าแต่น้องเนมอยู่ห้องอะไรหรอ”
“ไม่รู้ครับ แหๆๆๆ” ผมหันไปพูดกับพี้ภพ และ ก็ไอ้วิศ.
“ไอ้ควายเอ้ย แค่ห้องยังไม่รู้แล้วมึงจะรอดไมเนี้ย... แล้วรูมเมทมึงชื่อไร” มันคงจะเริ่มทนไม่ไหวกับไอ้ท่าทีกวนตีนของผมล่ะมั้ง.
“กวีวัธน์”
“ออ/ออ” แค่ได้ยินชื่อรูมเมทผมทั้งสองคนก็เอ่ยปากออพร้อมกันเลยทีเดียว.
“คนนี้พี่ภพเค้ารู้จักดีเลยล่ะ” ไอ้วิศหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พี่ภพ.
“อืมมม อยู่ชั้นหกน่ะ ห้อง 609” พีภพบอกก่อนที่ผมกับไอ้วิศจะขอตัวไปดูห้อง โดยมีไอ้เพื่อนตัวดีของผมนำทางเพระมันก็อยู่ชั้นหกเหมือนกัน.
“เชี้ยวิศ รูมเมทกูเป็นคนยังไง ทำไมตอนได้ยินชื่อมึงกับพี่ภพถึงต้องออพร้อมกันอย่างนั้น” ในระหว่างทางที่ขึ้นลิฟผมก็อดไม่ได้ที่จะถาม เพราะดูเหมือนว่ารูมเมทผมคงมีประวัติไม่น้อย.
“ไอ้นี้มันหล่อน่ะ เปลี่ยนแฟนอย่างกับเปลี่ยน กกน ไม่เคยคบใครจริงจัง พอได้แล้วมันก็พร้อมที่จะทิ้งทุกเมื่อ เรียนดี กวนตีน” มันพูดประวัติของรูมเมทให้ผมฟัง แต่ดูๆไปก็คล้ายๆกับผมน่ะ แต่ต่างตรงที่เปลี่ยนแฟนนี้สิ ถึงผมจะเปลี่ยนแฟนบ่อยก็จริง แต่ผมผมจริงจังกับทุกคนที่ผมคบ เพราะผมถือคติว่าผมจะมีอะไรด้วยกับคนที่ผมรักเท่านั้น และคนที่ผมเคยมีอะไรด้วยผมก็รักทุกคน แต่ก็ถูกเค้าทิ้งทุกคน.
“ออ...” ผมเริ่มจะเข้าใจล่ะ แต่ยังงงอีกเรื่องคือ “แล้วที่มึงบอกว่าพี่ภพรู้ดีนี้ หมายความว่าไง” นี้แหละครับที่ยังงง.
“ก็ไอ้นี้มันเป็นน้องชายแท้ๆของพี่ภพน่ะสิ” โอวววววว.. หายงง หมดข้อสงสัย แจ่มแจ้ง...
ติ้งงงงงงงงงงง
ในที่สุดประตูลิฟก็เปิดออกที่ชั้นหก และห้อง 609 ก็อยู่ถัดจากลิฟไปห้องหนึ่ง ส่วนไอ้วิศอยู่ห้อง 613 ชึ่งไม่ไกลจากห้องผมนัก.
“แล้วมาหากูที่ห้องน่ะ กูไปล่ะ” ไอ้วิศส่งผมที่หน้าห้อง ก่อนที่จะเดินไปที่ห้องของมัน.
ก๋อกๆๆๆๆๆ
“เรา นนทกร รูมเมทนายน่ะ”
เงียบบบบบบ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกกกกกกกกก..
ก๋อกๆๆๆๆๆ
แล้วก็เงียบเหมือนเดิม แถมไม่ได้ล๋อกประตูอีกต่างหาก ผมก็เลยถือวิสาสะไขประตูเข้าห้องไปเลย เพราะยังไงนี้ก็ห้องผมเหมือนกันนน ผมเข้ามาในห้องได้ยินเสียงน้ำออกมาจากห้องน้พ ผมว่ารูมเมทผมคงจะอาบน้ำอยู่ละมั้งถึงไม่ได้ยินที่ผมเคราะประตู.
สิ่งแรกที่ผมเห็น ห้องสะอาดมากกก ห้องใหญ่เอาเรื่องเลย มีตู้เย็นขนาดเล็กตั้งอยู่ที่มุมห้อง มีเตียงขนาดคิงไชส์ มีโต๊ะเรียนหนังสืออยู่ติดกับหน้าต่าง อยู่ถัดจากตู้เย็นเป็นทีวีจอแบนขนาด 40” มีตู้เสื้อผ้าอยู่มี่ผนังด้านติดกับห้องน้ำ ผมว่ารูมเมทผมคงไม่ใช่คนทำมะดาซะแล้วสิ. ผมว่าห้องที่นี้มันตกแต่งเหมือนกับโรงแรมยังไงไม่รู้ มีห้องน้ำตรงทางเข้า และไอ้เตียงคิงไชส์นี้มันอะไร แปลว่าผมต้องนอนบนเตียงนี้กับรูมเมทผมหรอ ให้ตายเถอะ ชาตินี้ทั้งชาติยังไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใคร... เออ... จะว่าไปก็ใช่ว่าจะไม่เคย แต่นั้นก็แค่ชั่วคราว แต่นี้สิ ผมต้องนอนบนเตียงนี้กับคนอื่นทุกวัน และที่สำคัญ คนๆนั้นเป็นผู้ชายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...
เออออ... มัวแต่ปลาบปลื้มกับห้องนอนจนลืมไปเลยว่า ไม่เห็นมีเข้าของของผมเลย หีบสักใบก็ไม่เห็น พี่ภพมั่วเปล่าเนี้ย....
แก๋กๆๆๆ
ประตูห้องน้ำเปิดออกในระหว่างที่ผมจะลงไปข้างล่างเพื่อถามพี่ภพอีกครั้ง แต่ทว่ามันจะไม่เป็นไรหากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมนี้ไม่ใช่...
“ไอ้นิค” ผมตกใจที่คนเดินออกจากห้องน้ำมาเป็นไอ้นิค.
“ครับบบบ นิคเองงงงงง” น้ำเสียงวอนได้อีก.
“อย่าบอกน่ะว่ารูมเมทฉันคือนาย” ไม่ใช่ด้วยเถีดดดดด หวังอยู่กับคนกวนอย่างไอ้นี้ผมคงตายแน่... เออ... ผมน่ะชอบกวนคนอื่นแต่ไม่ชอบให้คนอื่นกวนน่ะ.
“ใช่แล้วครับ” ฟรึบบบบ แสงสว่างของผมดับลงทันที. “แล้วนี้จะไปไหนหรอ” มันหันมาถามผมเพราะตอนนี้ผมอยู่ที่ประตูหน้าห้องแล้ว.
“จะไปขอย้ายห้องน่ะ” กวนมากูกวนไป ฮ่าๆๆๆๆ.
“คงต้องแสดงความเสียใจด้วย ที่นี้มีกฏไม่ให้เปลี่ยนห้องด้วยสิ คิกๆๆ” มันยังมีหน้ากวนผมกลับอีก.
“งั้นก็ขอออกจากหอ กลับไปอยู่บ้านก็ได้นิ” ไม่คิดจะทำจริงหรอก ขืนให้ผมกลับไปอยู่บ้าน สู้ให้ผมออกจากโรงเรียนเลยยังดีกว่า เพราะผมคงไม่ขยันมาเรียนทุกวันแน่.
“โอๆๆๆๆ ไม่ให้ออกไปหรอก อุตสาห์ได้อยู่ด้วยกันล่ะ” ไอ้นิคเดินมันดึงแขนผมไว้ไม่ให้ผมออกไป ไม่รู้มันคิดอะไรอยู่คนกวนๆอย่างนี้เดาใจยากแท้ นี้แหละครับเหตุผลที่ผมไม่อยากอยู่กับคนกวนๆ เพราะไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก.
“เออ ไม่ออกหรอกน่า แค่จะไปถามผู้ดูแลหอน่ะ เค้าว่ามีคนเอาของๆฉันขึ้นมา แต่ไม่เห็น” ยอมๆมันไปก่อนล่ะกัน วันนี้วันแรก.
“ไม่ต้องไปหรอก เข้าของของนายฉันเอามาเองจัดเข้าตู้ให้หมดล่ะ”.
“ฮ่ะ” ตกใจสิครับ งั้นก็แปลว่ามันเห็นของที่อยู่ในนั้นทั้งหมดล่ะสิ.
“ว่าแต่นายนี้ก็ไม่เบาเลยน่ะ เล่นแพ็ดดูเร็กซ์มาซะขนาดนั้น ฮ่าๆๆๆ” จี้ใจสุดๆ.
“เสึอก” ไม่ใช่อะไรหรอก หงุดหงิดที่มันเหมือนมีคนรู้ทันไปหมดทุกอย่างน่ะ.
“แล้วก็ไอ้แมกกาซีนนั้นด้วย พกมาซะเยอะเลย คิกๆๆ” จี้ใจครั้งสอง.
“ทำมะดา ก็ผู้ชาย” ตอบไปตรงๆ ใช่แล้ว ผู้ชายนิน่า เรื่องแค่นี้ทำมะดา.
“อ่ะๆ ทำมะดาก็ทำมะดา แต่ขอถามไรหน่อยดิ” ตอนนี้ไอ้นิคมันใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและมานั่งที่เตียงแล้ว ก็ตอนที่มันออกจากห้องน้ำมันยังนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอยู่เลย จะว่าไปไอ้นี่หุ่นดีเหมือนกันนิ สูงกว่าไอ้วิศนิดหน่อย น่ะจะประมาณ 192 มีกล้ามเล็กน้อย แต่หุ่นสมส่วนมาก.
“อะไร”
“นายจะมาอยู่หอ หรือจะย้ายบ้านน่ะ ขนของมาซะจนฉันหอบเป็นสิบๆรอบ กว่าจะจัดเสร็จอีกเล่นเป็นชั่วโมง”
“ก็ไม่ได้มากอะไร มีแต่ของจำเป็นทั้งนั้น และอีกอย่างใครขอให้นายมาขนให้เอง” จริงครับ ผมไม่ได้บอกให้มันขนให้สักหน่อย.
“หึๆๆๆ ของจำเป็น งั้นดูเร็กช์ และก็แมกกาซีนโป็นั้นก็จำเป็นสิน่ะ” น้ำเสียงมันตอนนี้อยากเอาผ้าเช็ดตัวในมือรัดคอมันให้ตายคามือซะจริง.
“ก็ประมาณนั้น” กวนกลับสิครับ กลัวไร.
“หึๆๆๆ เราได้ใช่มันแน่” มันมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์มาก ผมเดินเข้าห้องน้ำทันที ขืนเถียงกับมันต่อไปมีได้เสียกันแน่ ฟันธง.
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จผมก็ออกไปห้องไอ้วิศทันที ไม่รู้ว่าทำไมเวลาอยู่กับไอ้นิคแล้วมันหงุดหงิดยังไงไม่รู้ เห็นหน้ามันทีไรอารมณ์แปรปรวนทุกที, ไอ้วิศมันอยู่กับรูมเมทมัน เห็นว่าชื่อก้องอายุก็เท่าๆกับผมนี้แหละ ไอ้ก้องเป็นคนผิวคล้ำแต่ก็ไม่ถึงกับดำ หน้าตาดีใช่ได้ ก็ไม่แปลกหรอกน่ะครับที่ผมจะเห็นแต่ผู้ชาย ก็นี้มันหอพักชายนิ จะเจอก็แค่ตุดเท่านั้นแหละ ส่วนพวกเก้งกวางน่ะหรอ ผมดูไม่ออกหรอก แต่ก็น่าจะมีอยู่น่ะ.
ห้องไอ้วิศทำไมไม่เห็นเหมือนกับห้องผมเลยอ่ะ ทีวีทำมะดาขนาด 21” เตียงนอนขนาดเดี่ยวสองเตียง ตู้เย็นก็เหมือนห้องผม แต่ตู้เสื้อผ้านี้ก็ไม่เห็นหรูเหมือนห้องผมเลยอ่ะ นี้มันเริ่มแปลกๆแล้วน่ะเนี้ย.
“มึงเป็นเชี้ยไรไอ้เนม ทำหน้าหมาเหวอขนาดนั้น” ก็จริงน่ะแหละครับ ก็ดูสิ่งที่ผมเห็นน่ะสิครับ จะไม่เหวอได้ไง.
“ทำไมห้องพวกมึงไม่เห็นเหมือนห้องกูเลย แม่งห้องกูไม่เห็นมีเตียงเดี่ยวเลย” ผมพูดน้อยใจใส่ไอ้ก้อง กับไอ้วิศ, เอออ คือจะบอกว่า ไอ้ก้องเป็นคนประเพดเข้าหาง่าย มีหลายอย่างเหมือนผมกับไอ้วิศน่ะ เลยทำให้เราสนิทกันเร็วมาก.
“มึงอยู่ห้องไหนล่ะ” อันนี้ไอ้ก้องพูด.
“ห้อง 609 น่ะมึง” อันนี้ของไอ้วิศมัน ไม่รู้จะทำเสียงตื่นเต้นทำชากอะไรของมัน.
“โอวววววว... ห้องวีไอพีเลยน่ะนั้น” คราวนี้ไอ้ก้องก็ทำเสียงตื่นเต้นไปกับไอ้วิศอีกคน.
“วีไอพีอะไร กูไม่เห็นจะเข้าใจ” งงสิครับ ผมคนที่แสนทำมะด๊าทำมะดา จะได้อยู่วีไอพีได้ไง.
“ก็ห้องแบบที่มึงอยู่น่ะ ในหอนี้มีแค่สองห้องเท่านั้นเองไงอีกห้องอยู่ชั้นสี่ ก็409 ตรงกันเลย” ไอ้ก้องพูดให้ผมเข้าใจ เริ่มรู้สึกแตกต่างจากคนอื่นๆยังไงไม่รู้ล่ะสิ. “ที่สำคัญไปกว่านั้น ห้องสองห้องนี้ไม่เคยให้ใครอยู่ด้วยน่ะ มึงเป็นคนแรก” นั้นไง ว่าแล้วไม่ผิด.
“แปลว่า ไม่เคยมีรูมเมทงั้นหรอ” ถึงจะเข้าใจ แต่ก็ถามเพื่อความแน่ใจจะดีกว่า.
“ใช่” เงีบบบบบ ผมย้ายมาเรียนกลางเทอมมันก็เป็นเป้าสายตาพอล่ะ นี้ต้องเป็นคนแรกที่ได้อยู่ห้องวีไอพีอีก ตายห่าล่ะทีนี้.
“เออ แล้วห้อง409 ใครอยู่หรอ” ถามดีกว่า เผื่อว่าจะมีอีกคนที่เป็นเหมือนผม.
“พี่ภพ” ไอ้วิศพูด.
“ดูพี่เข้าน่าจะเรียนมหาลัยแล้วนิ ไงยังอยู่หอนี้อีกล่ะ” อันนี้ผมพูด
“ก็วีไอพีไง” ไอ้ก้องพูด.
“แล้วมึงไปอยู่ห้องนั้นได้ยังไง เชี้ยเนม หรือมึงรู้จักกับไอ้นิคมาก่อน” เรียกผมได้สุภาพแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้วิศ.
“ก็ไม่นิ พึ่งรู้จักเมื่อเช้า กูเรียนห้องเดียวกับมัน นั่งข้างๆมัน” ผมก็พูดไปตามความจริง ไม่ใส่ใจอะไรมาก.
“เหมือนพรหมลิขิตเลยว่างั้น” ไอ้ก้องวอนซะแล้วมึง.
“เดียวตีนกูก็ลิขิตลงหน้ามึงหรอไอ้ก้อง” ปิ๊ดดด สิครับ.
“โอววววว โหดว่ะ” ไอ้ก้องทำท่ากลัวแต่หน้ามันไม่บ่งบอกเลยว่ามันกลัว แต่ก็น่ะ เพื่อนกันหยอกล้อกันแค่นี้ จิบๆ.
“อีกอย่างกูชอบผู้หญิง ถึงกูจะหน้ามืดไปเอากับผู้ชายกูก็คงไม่ไปเอากับไอ้นิคหรอก” ใช่ครับ ถึงผมจะเปลี่ยนรสนิยมไปเอากับผู้ชาย ผมก็ไม่หน้ามืดเอากับไอ้นิคหรอกกกก (มั้งงงงง) ฮ่าๆๆๆๆ.
“ครับบบบ/ครับบบบ” ไอ้เพื่อนสองตัวตอบเสียงเดียว.
“ไปแดกข้าวกัน กูยังไม่ได้แดกอะไรตั้งแต่เช้า แม่งหิวโคตรรรร” ผมชวนเพื่อนสองตัวออกไปหาอะไรกิน ตอนนี้ผมหิวจนจะกินพวกมันได้ล่ะ.
“อื่มมม ไป” พูดจบพวกผมก็เดินออกจากห้องไป โดยที่ผมไม่คิดจะเข้าห้องก่อนเลย.
ในเวลาเดียวกันนั้น ในห้องที่หรูหราที่เมื่อก่อนเคยอยู่คนเดียว แต่จากนี้ไปจะมีอีกชีวิตมาอยู่ด้วย มีชายร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังนอนบนเตียงด้วยความเหน็บเหนื่อยจากการที่เค้าต้องขนเข้าของของคนที่จะมาอยู่ด้วยขึนมา แล้วจัดเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบ จึ่งทำให้ตอนนี้เค้าไม่มีแม้แรงจะลุกออกไปหาข้าวกิน ส่วนคนที่เค้าอุตสาทำทุกอย่างให้นั้น หลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็ออกจากห้องไป จนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย.
“ฉันทำให้นายมาอยู่กับฉันได้ล่ะ อีกไม่นาน ใช่อีกไม่นานนน... นายไม่รอดแน่ หึๆๆๆๆ”.
100%
{{{{{{{{{{{{{{{{{{
จบไปแล้วตอนแรกของนิคเนม เป็นไงกันบ้าง ถูกใจกันไหม
ฝากติดตามกันด้วยน่ะ.
ขอบคุณครับบบบบ
ความคิดเห็น