ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hey Boy - วุ่นนัก รักซะเลย (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #10 : Hey Boy 08 - ตอนที่ 08 กอบโกยความสุข 1 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 56


    MAY  

                ตอนที่ 08 กอบโกยความสุข 1

     

     

                หลังจากที่ผมกับไอ้นิคนั่งถูกความเงียบครอบงํานานเกือบชั่วโมงในที่สุดเราทั้งสองก็มาถึงหอจนได้ ปกติมันไม่ถึงเร็วอย่างนี้หรอก เพราะความเงียบมันทำให้ผมอึดอัดก็เลยเหยียบสุดตีนเลย แล้วอีกอย่างไม่ใช่รถผมด้วยสิ ฮ่าๆๆๆ ระหว่างทางผมก็เหลือบไปมองคนข้างๆ มันหันมามองผมเป็นระยะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร.

     

                “ปกติขับรถเร็วอย่างทุกครั้งเลยป่ะทันทีที่ประตูปิดลง ไอ้นิคก็เดินมาพูดเสียงดุใส่ผมที่กำลังถอดเสื้อผ้าอยู่ จนตอนนี้ที่เหลือก็แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว.

     

                “ก็แล้วแต่อ่ะน่ะผมตอบไปอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก มันคงจะห่วงรถมันมาก ก็แน่ล่ะ ถ้าผิดพลาดมามีหวังได้ช่อมไม่กลับแน่.

     

                “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก เข้าใจไหมคราวนี้ไม่ดุเปล่า มันเดินเข้ามากระชากผมเข้าไปใกล้แล้วบีบแขนผมแน่น ไอ้เจ็บมันก็เจ็บอยู่หรอก แต่นี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอ.

               

                “....” ผมเลือกที่จะไม่ตอบ แล้วพยายามเอามือปัดแขนมันออก แต่แทนที่ไอ้นิคจะปล่อย มันกลับบีบหนักกว่าเดิม จนผมเริ่มจะอึดอัดแล้วสิ.

     

                “บอกมาสิว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก

     

                “เป็นเชี้ยไรของมึง ห่ะ... อยากให้กูตอบอะไรนักหนา เออ กูจะไม่ขับรถมึงเร็วอีก ถ้าเป็นไปได้คราวหลังกูจะไม่ขับล่ะกันผมตระคอกกลับไปจนไอ้นิคสะดุ้งเลยทีเดียว แล้วมันก็ปล่อยมือจากแขนผม แล้วหันไปกลุมมือทั้งสองข้างของผมแทน.

     

                “ขอโทษน่ะ กูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มึงอารมณ์เสีย แต่...แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ไอ้นิคเป็นฝ่ายยอมอ่อนให้ผม

     

                “กูรู้ว่ามึงห่วงรถ แต่กูก็ไม่ได้ขับประมาทขนาดนั้นสักหน่อยแต่ไม่ทันทีมันจะพูดจบผมก็พูดตัดก่อน.

     

                “มึงรู้หรืไงว่ากูห่วงรถ

     

                “เออ แล้วก็อย่างที่พูด กูสัญญาว่าจะไม่ขับรถมึงอีก โอเคผมพูดจบ แล้วสะบัดมือออก ไปหยิบผ้าเช็ดตัวจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่ยังไม่วายโดนคนข้างหลังดึงตัวไว้อีก มันไม่คิดจะให้ผมไปอาบน้ำเลยหรือไง.

     

                “ถ้ากูจะบอกว่ามึงคิดผิดล่ะ

     

                “อะไรของมึงอีก มีอะไรว่ามาให้จบทีเดียวเลย กูจะได้ไปอาบน้ำสักที เหม็นตัว

     

                “สิ่งทีกูห่วงน่ะสำคัญก่วารถนั้นมาก แม้แต่ชีวิตกูกูยังไม่หว่งเท่านี้เลย สิ่งนั้นมันไม่มีขายทั่วไปเหมือนกับรถ ถึงจะพลาดไปก็ชื้อใหม่ได้ แต่สิ่งนั้นหาใหม่ไม่ได้ แล้วก็ไม่มีอะไรแทนได้ด้วย... มึงเข้าใจกูไหมไอ้นิคพูดพร้อมทั้งเขย่าแขนผมเบาๆ ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปตอนนั้น แต่ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งสำคัญของไอ้นิคคืออะไร เพราะในรถนั้นก็มีแค่ผมกับมัน แล้วมันบอกว่าไม่ห่วงชีวิตเท่าสิ่งนั้น แล้วถ้าผมจะเข้าใจว่าสิ่งนั้นที่ไอ้นิคมันพูดคือผม มันจะเข้าข้างตัวเองไปไหม พอคิดอย่างนั้นมันก็ทำให้หัวใจผมเต้นรัวไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว แล้วทำไมผมต้องมารู้สึกอะไรแบบนี้กับไอ้นิคด้วย มันเป็นเพื่อนน่ะเว้ย...

     

                “กอออออ... กูคงเข้าใจอยู่หรอกผมพยายามปลับเสิยงให้อยู่ในโทนที่นิ่งสุดๆ แล้วไอ้นิคก็ดึงผมเข้าไปกอด ส่วนผมก็เลือกที่จะยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ไอ้นิคเอาคางมาเกยที่ไหล่ผม จากนั้นก็กระชิบใส่หูผมเบาๆ.

     

                “กูว่ามึงรู้น่ะว่าของสิ่งนั้นที่กูพูดน่ะมันคือมึง กูเป็นห่วงมึงน่ะเนม”  พูดจบไอ้นิคก็อ้อมหน้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ทุกคั้งผมจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่ไอ้นิคมันลวมลามผมน่ะ แต่ทำไมตอนนี้ผมกลับไม่ล่ะ ตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น และตอนที่จะมูกไอ้นิคสัมผัสกับแก้มผม ผมนี้ร้อนฉ่าไปทั่วใบหน้าเลย และตอนนี้มันเริ่มร้อนไปทั่วทั้งตัวแล้ว ส่วนหัวใจจากที่รัวอยู่แล้วมันเหมือนมีเพิ่มเข้ามาอีกดวงเลย มันเต้นแรงจนจะทะลักออกมาอยู่แล้วเนิ้ย.

     

                “ใจเต้นแรงจังน่ะคำพูดนี้ของไอ้นิคทำเอาผมสะดุ้งเลย นี้มันดังขนาดนั้นเลยหรอ ความรู้สึกอย่างนี้ผมรู้ว่ามันคืออะไร เพราะผมเคยรู้สึกอย่างนี้มาแล้วกับคนที่เคยทำให้ผมเจ็บเจียนตาย... นี้ผมคิดกับไอ้นิคไม่เหมือนเพื่อนทำมะดาเค้าคิดกันใช่ไหม?..

     

                “ห่ะ... มึงพูดว่าอะไรน่ะ

     

                “กูว่า ใจเต้นแรงจังมึงควนรู้ไว้น่ะว่ากูถามไปนี้ กูกลบเกลื่อนอาการเขินน่ะ ไม่ได้ต้องการให้มึงมาย้ำว่ามึงได้ยินเสียงหัวใจกูเต้น... ใจมึงเต้นแรงเหมือนกูไหมไอ้นิคเกยคางลงที่ไหล่ผมเหมือนเดิมแล้วถามผม แต่ในขนะที่สติผมกำลังล่องลอยอยู่นั้นผมเลยเผอตอบออกไปอย่างไม่ทันคิด.

     

                “อึม

     

                “ยินผมตอบไปอย่างนั้น ไอ้นิคก็กดจะมูกของมันลงที่แก้มผมอีกครั้ง แล้วนั้นก็ทำให้ผมตั้งสติกลับมาได้ แต่เอ๊ะ.. มันถามอย่างนี้ แปลว่ามันไม่ได้หมายถึงใจผม แต่เป็นของมันสิน่ะ หรือว่ามันจะ...

     

                “กูชอบ...แต่ไม่ทันที่มันจะพูดจบ ผมก็ปาผ้าเช็ดตัวที่ถืออยู่ใส่หน้ามันแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที แต่ผมคงจะเขินมากไปหน่อยล่ะมั้ง เพราะตอนที่ผมกำลังใส่สบู่อยู่นั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่า ผ้าเช็ดตัวไม่มี แล้วในห้องน้ำก็ไม่มีสำลองไว้ด้วย ส่วนสภาพผมตอนนั้น่ะเหรอ ไม่อยากพูด แล้วจะออกไปยังไงล่ะเนี้ย.

     

     

     

                NIK PART

     

              ไอ้เนมมันสมกับเป็นคนที่ผมชอบจริงๆ มันมองออกด้วยว่าที่ผมนั่งหลับตอนที่พวกเพื่อนๆผมคุยกันจากเรื่องของไอ้เคกับไอ้ออกัส จนเรื่องไอ้อาร์ต ผมฟังอยู่ทุกเรื่องนั้นแหละ แต่ที่ต้องทำเนียนหลับอยู่อย่างนี้ก็เพื่อจะให้คนที่ขโมยหัวใจผมไปโดยเจ้าตัวไม่รู้มาเอาใจผมบ้าง บางทีผมก็อิจฉาไอ้เคกับไอ้ออกัสน่ะที่พวกมันรักกันมากขนาดนี้ แล้วมันสองคนก็ดูมีความสุขมาก ตอนที่ได้ยินพวกมันบอกว่าคบกันอยู่ผมก็ตกใจมาก พวกไอ้วิศ ไอ้ก้อง ไอ้อาร์ตก็เหมือนกันเพราะทั้งๆที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.หนึ่ง แต่ไม่รู้ไปไงมาไงมาเทอมสุดท้ายม.สาม ไอ้เคก็ออกมาบอกกับพวกผมว่ามันคบกับไอ้ออกัสมนถานะแฟน แล้วก็ย้ายออกไปอยู่คอนโดด้วยกันแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องรักร่วมเพศหรอก เพราะเดี่ยวนี้มันเป็นเรื่องปกติแล้ว.

     

                กลับมาที่เรื่องผมต่อ ระหว่างทางกลับไอ้เนมขับรถแบบตีนผีมาก ไม่รู้มันจะรีบอะไรนักหนา ผมก็เหลือบไปมองมันเป็นครั้งคราวเพราะเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ที่ไม่พูดไม่ใช่ว่าไม่อยากน่ะ แต่ผมไม่กล้าจะพูดอะไรออกไปดี จากที่ผมเฝ้ามองมันอยู่ตลอดผมก็ได้รู้ว่าไอ้เนมเป็นคนที่ฟิวขาดง่ายมาก และตอนนี้มันก็อาจจะกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี ขืนพูดอะไรไม่เข้าท่าได้โดนมันพาแหกโค้งแน่ แต่สุดท้ายแล้วพวกเราก็กลับมาอย่างปลอดภัย.

     

                และตอนเข้ามาในห้องเพราะเป็นห่วงมากไป ผมเลยเผอขึ้นเสียงใส่ไอ้เนมไปเต็ม แล้วก็ตามคาดมันฟิวแทบขาดใส่ผม แต่ตอนที่ผมพูดสิ่งที่อยู่ในใจไปไอ้เนมก็ยอมปล่อยให้ผมกอดมันอยู่อย่างนั้น แล้วก็ตอนที่ผมหอมแก้มมันไป มันก็ไม่หันกลับมาต่อยผมอย่างที่ผ่านๆมา แล้วก็ที่ผับอีกด้วย ตอนเราจูบกัน ไอ้เนมก็ยอมจูบตอบผม นี้ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองไปไหม ว่าไอ้เนมมันก็มีใจให้ผมเหมือนกัน... และในตอนนั้นเองผมที่ได้ใจในความสุขเกินไปหน่อยจนทำให้เกือบที่จะพูดความในใจออกไป แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้จึงปาผ้าใส่ผม แล้ววิ่งเขินเข้าห้องน้ำไปอย่างนั้น...

     

               

                “ไอ้นิคคคค...ในขนะที่สติผมกำลังเลื่อนลอยจนจะหลับรอคนที่เข้าไปอาบน้ำ ก็ได้ยินเสิยงคนๆนั้นดังแว่วเข้ามา แต่มันจะกลายเป็นแค่ความฝันเท่านั้นหากผมไม่ได้ยินเสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง.

     

                “ไอ้นิคคคค... มึงหลับยังว่ะไอ้เนมเรียกผมออกมาจากห้องน้ำ.

     

                “ยัง มีอะไรเปล่าผมเดินไปที่ประตูตอบมันไป แล้วรอฟังคำตอบจากคนข้างใน แต่คำตอบที่ได้มามันทำให้ผมมีความคิดบางอย่างที่มันอาจจะทำให้วันนี้ผมหลับฝันดีมากกกก.

     

                “หยิบผ้าเช็ดตัวให้กูหน่อย กูลืมเอาเข้ามาน่ะ แล้วตอนนี้กูก็ไม่สะดวกที่จะออกไปเอาเองด้วยหลังจากที่ไอ้เนมพูดจบ ผมจัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองบ้าง แล้วพันผ้าเช็ดตัวเดินไปหน้าประตูห้องน้ำ ส่วนอีกมือก็ถือผ้าให้กับคนอีกคนที่จะอาบน้ำด้วยกันกับผม เอ๊ะหรือว่าผมอาบกับมัน แต่ก็ช่างเถอะยังไงผลที่ได้มันก็เหมือนกัน.

     

                “เปิดประตูออกมาเอาดิ

     

                “มึงแขวนไว้ แล้วกลับไปรอกูที่เตียงน่ะถ้าปกติผมจะคิดว่าไอ้เนมกำลังชวนผมขึ้นเตียงอยู่แน่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้ผมคิดอย่างนั้นไม่ได้ ขืนผมไปผมก็อดอาบน้ำกับมันสิ อดเห็นของดีที่เคยได้เห็นแล้วสำผัสมาแล้วดิ ผมไม่ไปหรอก.

     

                “เออ กูแขวนไว้ที่ลูกบิดน่ะผมบอกไอ้เนมไป แล้วยืนรอในจุดที่สายตาไอ้เนมมาไม่ถึงอย่างเงียบๆ นานพอสมควรประตูก็เปิดออก แต่จังหวะที่คนข้างในกำลังจะเอื้อมมือมาหยิบผ้านั้น ผมก็เดินเข้าไปดึงผ้าเช็ดตัวออกจากลูกบิดแล้วเบียดตัวเข้ามาในห้องน้ำทันที ไอ้เนมตกใจมากที่เห็นผมในสภาพเตรียมพร้อมเต็มที่อย่างนี้ ไอ้เนมดันตัวผมแล้วจะวิ่งออกไป แต่มีหรือผมจะยอม ผมดึงไอ้เนมเข้ามากอด แต่เพราะตอนนี้มันไม่เหมือนที่กอดกันเมื่อกี้น่ะสิ.

     

                “อาบด้วยกันสิผมกระชิบข้างหูไอ้เนม ทั้งๆที่พูดออกไปดังๆก็ไม่มีใครได้ยินอยู่แล้ว แต่ที่ต้องกระชิบ เพราะทุกครั้งที่เข้าใกล้ไอ้เนมจะได้กลิ่นหอมจากตัวมัน โดยเฉพาะที่ชอกคอมันนี้ หอมมากกก หอมจนผมอยากจะอยู่อย่างนี้ตลอดไปเลย.

     

                “กูอาบเสร็จแล้ว

     

                “อาบใหม่ก็ได้นิ

     

                “ไม่ล่ะ ขี้เกลียจ

     

                “จะอาบให้

     

                “จะบ้าเหรอไอ้เนมตระโกนเสียงสูงใส่ผมเลยทีเดียว ก็ตั้งใจแค่จะอาบให้มันจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง..... มั้ง

     

                “งั้นก็อาบด้วยกันน่ะดูท่าว่ามันจะไม่ยอม ผมเลยใช่ลูกอ้อนแมร่งเลย ไอ้เนมมันจะได้รำคาญแล้วอาบๆไป แล้วมันก็ได้ผลด้วยสิ.

     

                “เออ มึงแมร่ง เรื่องมากว่ะ... ถอยไปดิกูจะได้อาบ อีกครั้งมึงไม่ต้องเน้นก็ได้น่ะ แล้วตอนที่ไอ้เนมเดินผ่านผมเข้าไป และด้วยเนื้อที่ที่แสนจะคับแคบสำหรับผู้ชายถึกๆสองคน เลยทำให้มือผมไปโดนอะไรนิ้มๆทำเอาไอ้เนมสะดุ้งเลย.

     

                “เฮ้ยสัสนิค ทำไรน่ะไอ้เนมมองผมด้วยสายตาระแวงมาก แต่ก็ยอมอาบต่อไป คงเป็นเพราะถ้าพยายามเบียดออกไปไอ้นิ้มๆนั้นก็ต้องโดนมือผมอีกแน่ๆ แต่ถ้าคราวนี้โดนผมจะจับให้เต็มกำมือเลยคอยดู โอกาสมาถึงเราต้องรีบรับไว้.

     

                “สัสนิค มึงคิดไม่ชื่อกับกูหรือเปล่าเนี้ยหลังจากที่พวกเราอาน้ำไปสักพักไอ้เนมก็ถามผม ไม่รู้อะไรดนใจมัน.

     

                “ทำไมถามอย่างนี้ คิดไม่ชื่อที่ว่า คือคิดอะไร

     

                “ก่อนจะถามกู มึงก้มลงมองหลักถานก่อนไหมไอ้เนมบอก ผมก็มองตาม ชัดเจนเลย ก็ต้องอยู่กับคนที่ชอบ แถมในสถานการณ์แบบนี้ เป็นใครๆจะควบคุมอารมณ์ได้ล่ะ..

     

                “คิด...ผมตอบไปสั้นอย่างนั้น กะว่าจะสานต่อที่บอกข้างนอก แต่ไม่รู้ว่าคนฟังตีความยังไง มันถึงได้.

     

                “ไอ้สัสนิค ไอ้หืน ไอ้บ้ากามแล้วไอ้เนมก็เบียดผมออกไปโดยไม่หวงอะไรอีก แล้วก็ไขประตูวิ่งออกไปทั้งๆที่ยังไม่เช็ดตัว แถมยังเปีอยอีกต่างหาก แล้วผมก็อารมณ์ดีอาบน้ำไปสักพัก จัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จ แล้วกว่าจะได้ออกมาก็เกือบสามสิบนาที ถามว่าทำไมนานนักน่ะหรอ ก็ตอนที่ไอ้เนมอยู่ผมเอาแต่มองไอ้เนมจนไม่เป็นอันอาบน้ำน่ะสิ สุดท้ายแล้วเลยต้องอาบใหม่แต่ต้น พอออกมาปรากฏว่าคนที่ทำให้ผมใจเต้นแรง และ อารมณ์พุ่งนั้นได้จมเข้าไปอยู่ในโลกความฝันไปแล้ว.

     

                “หลับฝันดีน่ะ สุดที่รักของนิค นิครักเนมน่ะผมก้มลงไปกระชิบข้างหูคนข้างๆเบาๆ ก่อนจะโน้มไปขโมยจูบไปทีหนึ่ง แล้วเข้าไปกอดมันเพื่อที่จะนอน วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขมาก จนไม่อยากเก็บมันไว้ไม่อยากให้มันหายไปเลย หากยามที่แสงสว่างมาเยือน.

     

    END NIK PART

     

     

    50% 

     

     

    หลังจากที่ผมอาบน้ำกันสองต่อสองกับไอ้นิคเสร็จ จะพูดให้ถูกผมอาบเสร็จไปรอบสองแล้วมั้ง ก็ไอ้บ้านิคมันดันเข้าไปตอนที่ผมจะออกมา แถมยังกอดผมอีกด้วย ถึงจะอยู่ด้วยกันทุกวัน เห็นหน้ากันทุกวันก็จริง แต่ที่ต้องใกล้ชิดแบบเนื้อแนบเนื้ออย่างนี้มันเป็นครั้งแรกเลย แล้วไอ้นิคเองก็ทำตัวแปลกๆยังไงไม่รู้ อย่างตอนที่ผมเบียดเข้าไปอาบน้ำอีกครั้งอย่างที่ไอ้นิคมันขอมันยังมีหน้าเอามือมาโดน...ของผม แล้วก็ยังมีหน้ามาบอกว่ามีอารมณ์กับผมอีก ผมจึงวิ่งออกมาในทันทีเลย ขืนอยู่ต่อไปผมไม่ได้แค่อาบน้ำกับไอ้นิคแน่ๆ.

     

    พอออกมาได้ผมก็รีบหาผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนร่างผมไว้ ก่อนที่ใครอีกคนจะออกมาเห็นแล้วเกิดมีอารมณ์ขึ้นมาอีกจับผมป้ำจะทำไง หลังจากที่ใส่ชุดนอนเรียบร้อยผมก็มานอน แต่ทำไมกันน่ะ ภาพที่ไอ้นิคมันร้องไห้ใส่ผมตอนอยู่ที่ผับนั้น ตอนเราจูบกัน ตอนมันกอดผม แล้วก็ยังตอนอยู่ในห้องน้ำนี้อีก มันทำให้ผมใจเต้นแรงแปลกๆ มีอาการหน้าร้อน ตัวร้อนขึ้นมาทันที แต่ก่อนที่ผมจะมีอาการแปลกๆไปมากกว่านั้นผมดันหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของเหล้าที่กินเข้าไปก็ได้มั้ง. แต่ในระหว่างที่สติเลื่อนลอยอยู่นั้นผมมีความรู้สึกว่ามีใครมากระชิบอะไรที่หูของผม แต่มันเบามากผมไม่สามารถฟังได้ว่าคนๆนั้นพูดว่าอะไร แล้วไม่นานริมฝีปากผมก็เหมือนถูกสำผัสด้วยอะไรบางอย่าง ทั้งนุ่มนวน และคุ้นเคย.

     

     

    แสงสว่างยามบ่ายส่องเข้ามาผ่านผ้าม่านที่ปิดไว้ปลุกผมกับไอ้นิคให้ตื่นจากความฝัน ทั้งผมและก็ไอ้นิควันนี้เราทั้งคู่โดดเรียน พอตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่ผมทำก็คือหยิบโทรศัพท์คู่ใจเพื่อกดโทรหาเพื่อนๆในกลุ่ม แล้วก็ได้คำตอบจากเพื่อนๆที่หน้ารักของผมมาว่าวันนี้ไม่มีใครไปเรียนเลย สรุปว่าวันนี้ทั้งกลุ่มผมโดดเรียนเพื่อการนอนหรอ เจริญล่ะคราวนี้, พอวางสายจากไอ้วิศที่ผมโทรหาเป็นคนสุดท้ายชึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะโทรหาทำไม ทั้งๆที่ห้องมันก็ถัดจากห้องผมไปไม่กี่ห้องเอง ผมล้มตัวลงนอนต่ออีกรอบ รู้สึกเหมือนว่ามันนอนไม่ค่อยอิ่มยังไงไม่รู้ ผมไม่ได้เป็นคนขี้เซาน่ะ ไม่เลย ไม่จริงๆๆๆๆๆๆ, ส่วนคนข้างๆน่ะหรอ ตั้งแต่ที่ผมขยับตัวมันก็คลายอ้อมแขนออกจากตัวผมแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำเรียบร้อย และไม่นานผมก็กลับเข้าสู่ภวังอีกครั้ง.

     

     

     

    “เนม...ลุกได้แล้ว” นิคที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำ เดินมาปลุกคนที่เมื่อกี้ยังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนๆอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้หลับไปซะแล้วก็ไม่รู้.

     

    “อืออออ... อืออออ” เนมไม่ตอบอะไร เอาแต่ครางลากเสียงยาว ชึ่งนิคไม่แปลกใจเลย เพราะจากประสบการณ์ที่เคยปลุกเนมครั้งก่อนทำให้เค้ารู้ว่าเนมเป็นคนยังไง.

     

    “เนมมมม... ตื่นได้แล้ว มันจะบ่ายสองแล้วน่ะ” นิคเอื้อมมือไปเขย่าตัวเนมเบาๆเพื่อปลุก และก็เป็นอย่างที่คิดไว้.

     

    “อืออออ....ขออีกห้านาทีน่ะ” นิคได้แต่ยิ้มให้กับคนขี้เซาอยู่ตรงหน้า และไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย และในระหว่างที่นิคกำลังจะเดินออกไปหาชื้ออะไรมาไว้ให้เนมกินตอนตื่น นิคก็นึกขึ้นได้ถึงเหตุการที่ปลุกเนมครั้งก่อน เค้าอยากที่จะได้รับจูบจากเนมเหมือนครั้งนั้นจึงเดินหวนกลับไปเขย่าตัวเนมอีกครั้ง พร้อมทั้งกระตุกยิ้มเบาๆ.

     

    “ตื่นได้แล้ว ทำไมขี้เซาอย่างนี้น่ะ”

     

    “อืออออ... เนมขอนอนต่ออีกหน่อยน่ะ... นิคน่ะ” นิคได้แต่นั่งอึ้งกับคำพูดของเนมอาจเผอพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจนั้น เนมจะรู้ไหมว่าคำท้ายประโยคนั้นมันทำให้นิคดีใจมาก เพราะอย่างน้อยเค้าก็รู้แล้วว่าเค้าเองก็เริ่มมีตัวตนในใจเนมแล้ว นิคดีใจจนเกือบที่จะก้มลงไปมอบจูบที่เร้าร้อนให้เนมแล้ว แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้ เพราะถ้าเนมตื่นขึ้นมาเจออาจจะทำให้เนมหนีเค้าไปอีกครั้งก็ได้.

     

    ในระหว่างที่นิคยังคงดีใจนั่งยิ้มแก้มปริหน้าแดงอยู่นั้นเค้าก็ไม่ทันสังเกตว่าคนที่เค้าพยายามปลุกอยู่นั้น ตอนนี้ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว แล้วก็กำลังจ้องมองนิคที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวอยู่.

     

    “เป็นอะไรเปล่าไอ้นิค นั่งยิ้มอยู่คนเดียว ประสาทว่ะ” เนมทักขึ้นจนนิคตกใจแทบตกลงไปนั่งกับพื้นเลยทีเดียว.

     

    “ตื่นแล้วหรอ”

     

    “เปล่า... กูยังหลับอยู่ นี่กูแค่ละเมอ...สัส กูนั่งหัวโด่อย่างนี้ก็แปลว่าตื่นแล้วสิว่ะ แล้วนี้มึงดีใจอะไรถึงได้ยิ้มไม่หุบอยู่นี้” เนมด่านิคก่อนที่จะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปห้องน้ำโดยที่ไม่คิดจะรอฟังคำตอบเลย.

     

    “กูดีใจที่รู้ว่าในใจมึงก็มีกูอยู่บ้างไง” นิคได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ถ้าให้พูดต่อหน้าเนมเค้าคงไม่กล้าที่จะพูดอย่างนี้แน่.

     

     

     

     

    ในที่สุดเราทั้งคู่ก็ออกจากห้องจนได้. ตอนนี้ผมกับไอ้นิคกำลังรอลิฟท์อยู่ นี้ก็เป็นเวลาหกโมงเย็น ถ้าจะถามว่าพวกเราอาบน้ำแต่งตัวกันอี่ท่าไหนมันถึงได้นานนักน่ะ ที่จริงเราเสร็จกันตั้งนานแล้วล่ะ ที่ออกมาช้าอย่างนี้ต้องยกความผิดนี้ให้ไอ้นิครับไว้คนเดียวเลย ตอนผมออกจากห้องน้ำมันก็เอาแต่นั่งจ้องผมที่นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวตานี่ไม่กระพริบเลย ผมเลยคิดสนุกเล่นๆ เลยดึงผ้าออกเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงหน้ามันเลย แต่ดูเหมือนว่าผมจะเป็นฝ่ายเสียเปลียบซะเองน่ะ ไอ้นิค มันลุกขึ้นมากอดผม แล้วเอาหน้าซุกไซร้ที่ซอกคอผม เมื่อเห็นท่าไม่ดีผมก็วิ่งเข้าไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำแทน แต่พอออกมาเห็นไอ้นิคเล่นเกมในคอมของมันอยู่แล้วบอกให้ผมรอมันเล่นจบก่อน แล้วจะให้ผมรอเฉยๆได้ไง ผมก็เปิดทีวีดูหนัง แต่หนังที่ฉายตอนนั้นดันเป็นหนังที่ผมอยากดูแต่ไปดูที่โรงหนังไม่ทัน มันเป็นหนังที่เค้าเอาตัวแทนของ 12 เขตของเมืองหลวงหนึ่งจำนวน 24 คนแล้วเอามาเล่นเกมชีวิตกันเพื่อหาผู้รอดชีวิตแค่คนเดียว และนั้นเองที่ทำให้เราออกมาช้าอย่างนี้ไง ไอ้หิวก็หิวอยู่หรอก แต่ถ้าดูหนังไม่จบมันก็คาใจนิ ก็เลยลากไอ้นิคมานั่งดูด้วยกัน ฮ่าๆๆๆ โทษถานทำให้ผมรอจนได้เรื่อง.

     

     

    “ไงไอ้สองแสบ วันนี้ไม่ไปเรียนอีกตามเคยใช่ไหม” ทันทีที่ผมกับไอ้นิคก้าวขาออกจากลิฟท์อย่างรู้ทัน.

     

    “โห่วๆๆๆ พี่ก็ผมไม่ได้โดดเรียบ่อยอย่างนั้นซะหน่อย” ไอ้นิคทำหน้างอใส่พี่ภพเหมือนเด็ก อยากบอกมันว่าถ้าเป็นคนอื่นทำก็หน้ารักอยู่หรอก แต่คนเท่ๆ หุ่นดีอย่างไอ้นิคทำแล้วมัน...

     

    “เหรอออออ” พี่ภพตอบอย่างนี้ ผมรู้ว่าพี่เชื่อมากกกกกกกกกกกกกก ฮ่าๆๆๆ

    “คิๆๆๆ” มันหน้าขำน่ะสิ พอเห็นเป็นอย่างนั้นไอ้นิคก็หันมาทำหน้างอใส่ผมอีกคน.

     

    “ขำอย่างนี้เดี๋ยวไม่เลี้ยงข้าวน่ะ” พูดเสียงอ่อยใส่เซียวน่ะไอ้นิค.

     

    “อ้าววว.. วันนี้มึงเป็นเจ้ามือหรอ งั้นกูไม่ขำก็ได้” ผมยิ้มให้มันแบบที่ผมยิ้มให้เพื่อนทั่วไป แต่ดูเหมือนว่าไอ้นิคมันไม่มองอย่างนั้นน่ะ.

     

    “ยิ้มน่ารักจังน่ะครับ” ไอ้นิคไม่พูดเปล่า มันเดินมาจับแก้มทั้งสองข้างผมเขย่าไปมา คนทั่วไปเห็นแล้วคงคิดว่าเราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันแงมๆ แต่ที่นี้เป็นหอพักไง เลยไม่มีคนอื่น..

     

    “แอะแฮม... ลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าพี่ก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนน่ะ หวานไปไหมคู่นี้” พี่ภพแซวจนผมกับไอ้นิคผละออกจากกันแทบไม่ทัน.

     

    “โถ่พี่ พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันเหอะ” ผมหน้างอใส่พี่ภพบ้าง...

     

    “พี่ก็ไม่ได้ว่าพวกเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันสักหน่อยนิ”

     

    ผมไม่พูดอะไรได้แต่ทำหน้างอต่อไป แต่ก่อนที่เราจะได้พูดคุยอะไรกันไปมากกว่านี้ผมก็เห็นไอ้วิศเดินออกจากลิฟท์... “เฮ้ยไอ้วิต กูจะออกไปกินเข้ากับไอ้นิค มึงจะไปด้วยกันเลยไหม” ผมเลยร้องชวนมันไปด้วยเลย.

     

    “ไม่ล่ะ วันนี้กูมีคนเลี้ยงแล้วว่ะ .... ใช่ป่ะ” ไอ้วิศมันพูดกับพวกผมก่อนจะหันไปหาพี่ภพตอนประโยคท้าย.

     

    “ฮ่ะ...อึมๆๆๆ” ตอนแรกพี่ภพมีท่าทีตกใจนิดหน่อย ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ไอ้วิศอย่างเอื่อมๆๆ..

     

    “ผมไม่ยักกะรู้เลยว่าพี่ภพกับไอ้วิศสนิทกัน” ผมมองหน้าพี่ภพกับไอ้วิศสลับกันไปมาอย่างงงๆ .

     

    “พี่ภพก็สนิทกับเพื่อนกูหมดทุกคนนั้นแหละ” สงสัยหน้าผมคงเอ๋อไปมั้ง ไอ้นิคจึงได้หันมาอธิบายให้ผมฟัง ผมก็ได้แต่พยักหน้างึกๆอย่างเข้าใจ.

     

    “ก็น่ะ พี่กับไอ้วิศน่ะเราเป็น.....” แต่ไม่ทันที่พี่ภพจะพูดจบ ไอ้วิศมันก็รีบวิ่งเข้าไปเอามือปิดปากพี่ภพซะก่อน แต่ผมกับไอ้นิคนี่ชิ งงแดกเลย แล้วไอ้วิศก็กระชิบอะไรไม่รู้ข้างหูพี่ภพ แล้วหันมาพูดกับพวกผม.

     

    “พวกมึงจะไปกินเข้าใช่ไหม ไปดิ ไม่หิวหรือไง... ผมหิวแล้วไปเถอะพี่” แล้วไอ้วิศก็ลากแขนพี่ภพไป แต่เดี๋ยวน่ะ... ไอ้วิศมันไม่ได้ลากพี่ภพนิ สองคนนั้นเหมือนจับมือกันเลย ผมหันไปมองไอ้นิคหน้างง.

     

    “กูไม่รู้เหมือนมึงนั้นแหละ... ไปกันเถอะ” มันรู้ได้ไงว่ะว่าผมจะถามอะไร นับวันไอ้นิคยิ่งรู้ใจผมมากขึ้นน่ะเนี้ย แล้วผมก็เดินตามไอ้นิคไปที่รถปอร์เช่คันหรูของมันเพื่อไปกิน.... ฟรี ฮ่าๆๆ.

     


     

    ||||||||||||||||

     
     

    เราจะขอแยกตอนนี้ออกเป็นสองตอนย่อยน่ะทุกคน ที่แรกก็ว่าจะเขียนให้มันจบทีเดียว แต่พอเขียนไป มันก็เกิดเพลิน เลยเขียนซะยาวเยียดเลย และก็มีความคิดเข้ามาเลื่อยๆ

    ขอบคุณทุกๆคนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆน่ะที่เป็นกำลังใจให้แล้วก็ติดตามผลงาน

    ถ้ามีไอเดียอะไรดีๆมานำเสนอก็ที่ทวิตได้เลยน่ะ เราจะดีใจมากเลยทีเดียว...

    My Twitter : @TUINUI_ANS

    รักน่ะจ๊วปๆๆๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×