ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #8 : เรื่องวุ่นในหอนางโลม(1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 27.1K
      2.03K
      16 ก.ย. 62

    หอนารีพิสุทธิ์ หอนางโลมอันดับหนึ่งในเมืองไผ่เขียว


    ท่ามกลางเสียงยั่วยวน อ้อนหวาน ที่เต็มไปด้วยคาวสวาทกำลังเชื้อเชิญบุรุษมากหน้าที่กำลังเดินไปมาของเหล่าคณิการูปงานในชุดคลุมบาง อันเป็นที่ตั้งหอคณิกาชื่อดัง ได้มีรถม้าหรูหราที่นำทางด้วยเหล่าองครักษ์ที่ขี่ม้าประกบรอบทิศทาง จนทำให้เหล่าชาวบ้านที่เดินอยู่ต้องแหวกออกเป็นสาย

     

    เมื่อรถม้าคันแรกมาถึงหน้าหอคณิกาชื่อดัง บุรุษผู้หนึ่งที่มีสายตาหยิ่งผยองเดินลงมาด้วยหน้าตาเคร่งขรึมก่อนจะหันไปเหลือบมองรถม้าอีกคันที่มีตราพยัคฆ์ที่กำลังมาถึงด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

     

    ฉินหลิงกำลังมองไปยังหอคณิกาอันดับหนึ่งแห่งเมืองไผ่เขียวที่ใหญ่โตไม่แพ้จวนของเขาและยังประดับไปด้วยโคมไฟหลากสีสันที่สวยงามมากมาย นอกจากการตกเเต่งที่งดงามหอนางโลมเเห่งนี้ยังเต็มไปด้วยหญิงงามมากมายที่กำลังเดินกรีดกรายไปทั่ว

     

    หลังจากฉินหลิงได้ลงจากรถม้าและสังเกตเห็นถังชุน นายน้อยตระกูลถังกำลังสนทนากับหญิงวัยกลางคนที่รูปร่างงดงามผู้หนึ่ง หน้าหอนารีพิสุทธิ์ด้วยความสนิทสนม ทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินขึ้นไปยังหอคณิกา แต่ในจังหวะที่เขาย่างก้าวออกไปกลับรู้สึกผิดปกติบางอย่าง จึงหันไปมองด้านข้างก็พบว่าเจ้าบ่าวตัวน้อยที่ปกติมักติดหนึบกับเขาตลอดเวลาหายไป และหันไปเหลือบมองบนรถม้าจึงพบลู่ชิงตัวน้อยที่ไม่ยอมลงมาจากรถม้าจึงเอ่ยถาม “เจ้าไม่เข้าไปกับข้าด้วยรึ”

     

    เมื่อบ่าวตัวน้อยได้ยินคุณชายน้อยถาม เจ้าตัวก็หันไปมองหอนางโลมด้วยสีหน้าขยะแขยงก่อนเอ่ยกับผู้เป็นนาย “ หญิงสาวสกปรกเหล่านั้น ข้าไม่อยากยุ่งด้วยหรอกขอรับ เชิญนายน้อยเข้าไปเถอะ ข้ารออยู่ในรถม้านี้แหละขอรับ ”

     

    ฉินหลิงส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับแสดงท่าทีประหลาดใจกับเจ้าบ่าวตัวน้อยของเขา ซึ่งปกติเหล่าผู้ชายนั้น เมื่อเห็นเหล่าสาวงามจำเป็นต้องมีความหลงใหลหรือความตื่นเต้นกันบ้าง แต่เจ้าบ่าวตัวน้อยของเขากับไม่มีความรู้สึกชอบพอกับหญิงสาวต่างเพศแม้เเต่น้อย ออกจะรู้สึกไม่ชอบใจด้วยซ้ำ หรือเจ้าเด็กนั้นมันยังเด็กเลยยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างทางเพศ

     

    ฉินหลิงขบคิดในใจก่อนหันไปเอ่ยกับเหล่าองครักษ์ “ พวกเจ้ารออยู่ข้างนอกนี้แหละ ”

     

    เมื่อฉินหลิงเอ่ยจบ หัวหน้าองครักษ์หมิงรีบแย้งขึ้นมาทันที “ ไม่ได้นะขอรับนายน้อย ท่านแม่ทัพสั่งการให้พวกข้าดูแลความปลอดภัยนายน้อยตลอดเวลา แล้วก็ครั้งก่อนที่นายน้อยมาหอนางโลมก็... ”

     

    เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉินหลิงจึงนึกขึ้นมาได้ว่าความตายที่เกิดขึ้นกับตัวตนเก่าของเขาก็เกิดที่หอคณิกาเช่นกัน ทำให้เขาไม่อาจคัดค้านคำพูดของหัวหน้าองครักษ์หมิงได้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเเละเอ่ยตอบกลับ “ เช่นนั้นท่านมากับข้าคนเดียวก็พอ ส่วนที่เหลือให้อยู่ด้านนอกละกัน ”

     

    หลังจากได้ยินคำตอบรับของนายน้อย ทำให้เหล่าองครักษ์คนอื่นๆหันมาเหลือบมองผู้เป็นหัวหน้าตนด้วยความอิจฉา


    “ บัดซบ ข้ามาคุ้มกันความปลอดภัยนายน้อยไม่ได้มาเที่ยวเล่น พวกเจ้าแยกย้ายกันได้แล้ว ไป!! ” ใบหน้าองครักษ์หมิงเขียวขึ้นเมื่อเห็นสายตาของลูกน้องจ้องมองมา ก่อนตะหวาดเหล่าลูกน้องออกไป

     

    หลังจากฉินหลิงและหมิงฮ่าวผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์เดินขึ้นมาบนเรือนหอคณิกา


    หญิงวัยกลางคนที่กำลังคุยกับถังชุนหันมาเห็นฉินหลิงก่อนเอ่ย “ ทักทายคุณชายฉินเจ้าค่ะ  ได้ยินมาว่าท่านป่วยจนจดจำเรื่องราวอะไรไม่ได้ ข้าเป็นห่วงท่านยิ่งนัก สักประเดี๋ยวให้ข้าหาสาวน้อยมาดูแลท่านนะเจ้าคะ ”

     

    ‘ จำไม่ได้บิดาเจ้าสิ ข้าไม่มีความทรงจำอะไรแต่แรกแล้ว แล้วไอสาวน้อยเจ้าจะช่วยอะไรข้าได้ ’ ฉินหลิงอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจ

     

    คิ้วของฉินหลิงกระตุกเบาๆก่อนเอ่ยตอบ “ ฮาๆ ไม่เป็นไรหรอก มาม่าซัง ”

     

     “ มาม่าซัง? มันคืออันใดรึเจ้าค่ะ นายน้อย ” หญิงวัยกลางคนถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย

     

    ‘ บัดซบ แล้วโลกนี้เขาไม่ได้เรียกแม่เล้าว่ามาม่าซังหรอกรึ ’

     

    ใบหน้าฉินหลิงแดงเล็กน้อยเพราะความอับอายจึงรีบเอ่ยออกไป “ ไม่มีอันใดหรอก รีบเข้าไปข้างในเถอะ”

     

    แม่เล้าผู้นั้นกับถังชุนที่รู้สึกแปลกใจกับคำพูดคำจาของนายน้อยฉินที่ไม่เคยได้ยิน ก่อนจะพยักหน้าเบาๆเเละเดินเข้าไปด้านเรือนหอวารีพิสุทธิ์

     

    เมื่อได้ย่างก้าวเข้ามาภายในหอคณิกาชื่อดังแห่งนี้ สิ่งที่อยู่ด้านในถึงกับทำให้ฉินหลิงรู้สึกใจสั่นสะท้านเลยทีเดียว เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามายังสถานที่แบบนี้ ในโลกเก่าที่เขาจากมาสถานที่บริการทางเพศเช่นนี้ไม่มีเพราะมันผิดกฎหมาย แต่ถึงจะมีก็เป็นสถานที่รองรับสำหรับผู้ร่ำรวย แล้วเขาที่เป็นพนักงานธรรมดาจะมีโอกาสไปยังสถานที่แบบนั้นได้ยังไง จึงทำให้ผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆกับผู้หญิง แต่กับต้องมาเห็นเหล่าสตรีมากมายที่สวมเสื้อผ้าบางๆแถมน้อยชิ้นเดินไปมา และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายราคะที่เกิดขึ้นภายให้หอนางโลมแห่งนี้ ทำให้ฉินหลิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับบรรยายเช่นนี้

     

    “คุณชายฉินกับคุณชายถัง เชิญด้านบนเลยเจ้าค่ะ ข้าน้อยได้เตรียมที่นั่งพิเศษไว้ให้แล้วเจ้าค่ะ” แม่เล้าผู้นั้นกล่าวกับนายน้อยทั้งสองก่อนที่จะเดินสะบัดบันท้ายอันงดงามไปมาเพื่อนำทางขึ้นบันไดไปยังชั้นบน

     

    ‘ บัดซบ ถ้าเจ้าจะยั่วยวนข้าขนาดนี้ ถ้าข้าไม่คว้าไว้ ก็คงเป็นหมาแล้ว ’

     

    ฉินหลิงที่อดใจไม่ไหว ก่อนจะคว้ามือไปที่ก้นสตรีผู้นั้นพร้อมกับบีบเบาๆสองสามครา


    “ ว๊าย ”


    แม่เล้าผู้นั้นตื่นตกใจกับสัมผัสบริเวณบันท้ายก่อนหันมาเอ่ยกับฉินหลิงด้วยทีท่าเขินอาย “ นายน้อยฉิน ท่านทำอะไรน่ะเจ้าคะ ข้าแก่แล้วไม่สามารถสนองความต้องการนายน้อยได้หรอกเจ้าคะ ไว้หาจะหาเด็กๆมารับใช้ท่านทีหลัง ”


    ‘ บัดซบ เนื้อเเน่นๆเเบบนี้ยังไม่สนองได้อีกหรา เขาเรียกยิ่งแก่  ยิ่งมีประสบการณ์ ’ 


    องครักษ์หมิงถึงกับหันมามองนายน้อยตนก่อนพึมพำกับตัวเองเบาๆ  “ นี้สินะนายน้อยฉินปีศาจราคะที่เขาร่ำลือกัน ขนาดแม่เล้ายังไม่เว้น ”

     

    “ แค็กๆ ” ฉินหลิงที่ได้ยินองครักษ์ตนนินทาในระยะเผาขนถึงกับหน้าแดง ก่อนจะกล่าวโทษร่างกายนายน้อยฉินคนก่อนในใจที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้

     

    ต้องเป็นเพราะร่างกายไอเด็กบัดซบนี้มันชั่วร้ายเป็นทุนเดิมอยู่แน่ ไม่เกี่ยวกับข้า ข้าเป็นชายอกสามศอกไม่เคยเอาเปรียบสตรีนางใด ระหว่างที่ฉินหลิงกำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง พวกเขาก็มาถึงโต๊ะนั่งชั้นบน ในที่นั่งพิเศษที่สามารถมองลงมาด้านล่างซึ่งสามารถมองเห็นเหล่านางคณิกาผู้งดงามที่กำลังโบกผ้าสีสันงดงามเต้นรำอยู่บนเวทีด้านล่าง

     

    “ เด็กๆ ไปนำสุราและอาหารมาให้นายน้อยทั้งสองหน่อย ” หลังจากแม่เล้าได้สั่งเหล่าสาวให้มาบริการชายหนุ่มทั้งสอง จึงหันมาคารวะก่อนเดินออกไป

     

    ถังชุนที่ตลอดมาได้สังเกตท่าทางฉินหลิงซึ่งแตกต่างจากปกติ จึงรู้สึกอดแปลกใจไม่ได้ พร้อมทั้งนึกสงสัยกับท่าทีของสหายคนนี้ของตนที่ผ่านมาว่าแกล้งแสดงตบตาตนรึไม่ก่อนจะจิบสุราเบาๆเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ เป็นเช่นไรบ้าง ”

     

    “ ช่างน่าตื่นตายิ่งนักพี่ท่าน นมเป็นนม ตูดเป็นตูด ”  ฉินหลิงที่กำลังตื่นเต้นกับบรรยากาศภายในหอนางโลมถึงกับลืมจุดประสงค์ที่ตนจะมาเพื่อทดสอบถังชุนว่าเกี่ยวของกับการตายของร่างเก่ารึไม่

     

     “ แค็กๆ ” ถังชุนถึงกับสำลักสุราที่กำลังกลืนทันที

     

    ‘ เจ้าสารเลวฉินหลิง มันไร้ยางอายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงเจ้าจะชอบสตรีเหล่านั้น แต่ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ ’ ถังชุนเหลือบตามองฉินหลิงพรางครุ่นคิดในใจ

     

    ฉินหลิงที่เห็นอดีตสหายสำลักสุราก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ พี่ชุน สุราเข้มไปรึจะผสมน้ำเพิ่มรึไม่? ”

     

    ‘ บิดามันเถอะ เจ้าเอาความคิดสุรามาผสมน้ำมาจากไหน หรือต้องการดูหมิ่นข้ารึ ’ ถังชุนและหมิงฮ่าวหันมามองฉินหลิงด้วยสีหน้าประหลาดพร้อมคิดในใจ

     

    ฉินหลิงที่เห็นสหายและองครักษ์หันมองเขาราวดูของแปลกประหลาดแล้วจึงหัวเราะแห้งๆซ่อนความกระอักกระอ่วนแล้วเอ่ย  “ ต้องขอโทษท่านด้วยที่ข้าไม่อาจจำท่านได้ บางทีการกระทำบางอย่างอาจจะไม่เหมือนที่ข้าเคยเป็นมา ท่านปู่ก็มักจะพูดกับข้าแบบนี้ ”


    ถังชุนมองเขาเล็กน้อยก่อนเอ่ย “ ไม่เป็นไรหรอกน้องหลิง เจ้ากับข้าก็เป็นสหายสนิท เจ้าป่วยจนจำอะไรไม่ได้ ข้าก็รู้สึกอดเป็นห่วงเจ้าไม่ได้ ”

     

     ‘ ป่วยน้องสาวเจ้าสิ ข้าฉินหลิงไม่ได้ป่วย ครอบครัวเจ้าสิป่วย ’ ฉินหลิงเเอบด่าชายตรงหน้าในใจ

     

    ฉินหลิงรู้สึกอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากสาปแช่งนายน้อยถัง หลังจากสนทนากับนายน้อยถังผู้นี้ไปได้สักระยะ เขาก็จับประเด็นได้ว่านายน้อยถังผู้นี้น่าจะเป็นตัวการสำคัญของข่าวลือเลวร้าย และชัดเจนแล้วว่าเป็นผู้ที่พาฉินหลิงคนเก่าเสียผู้เสียคนเป็นแน่ ทั้งการที่เขาแนะนำการพนัน การดื่มสุรา เที่ยวหอคณิกา ล้วนเป็นนายน้อยถังผู้นี้เป็นผู้แนะนำทั้งสิ้น ประกอบกับตอนนั้นฉินหลิงคนเก่ายังอยู่ในวัยเด็กน้อยที่มีอายุเพียงสิบสามขวบปี ซึ่งถือว่าเป็นวัยอยากรู้อยากลอง แถมด้วยการสนับสนุนจากถังชุนที่คอยเป่าหูว่ามันเป็นสิ่งที่บุรุษชายชาติทหารสมควรพึ่งกระทำบวก เพร้อมกับท่านปู่ผู้เป็นเเม่ทัพที่ต้องเข้าราชการเป็นประจำ จึงทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลามาอบรมสั่งสอนให้ตนจึงทำให้ฉินหลิงใช้เวลาไปกับอบายมุกเหล่านี้และเสียคนเช่น


    ‘เห้อ’


    ฉินหลิงถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนนึกถึงฉินหลิงคนเก่าเขาก็รู้สึกสงสารเล็กน้อย ทั้งที่เจ้าเด็กคนนี้ตลอดมาก็เป็นเด็กดี แต่เพราะขาดความรักจากบิดามารดา ทำให้เจ้าเด็กนั่นต้องการความรักจากผู้เผ็นปู่ของตนมากที่สุด แต่ด้วยท่านปู่ตนเป็นถึงแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่จึงทำให้เวลาที่สามารถใช้กับหลานชายมีเพียงน้อยนิด จึงทำให้เขาที่ต้องการทำให้ผู้เป็นปู่ยอมรับ และประกอบกับโดนการยั่วยุของเจ้าสารเลวน้อยแซ่ถังคนนี้ เลยทำให้เจ้าเด็กฉินหลิงเสียนิสัยจนก่อเกิดเป็นเหตุทำให้เจ้าของร่างคนเก่าตกตาย

     

    ฉินหลิงที่ดื่มสุราไปมากเริ่มปวดท้องเล็กน้อย จึงลุกขึ้นเพื่อไปห้องสุขาจึงเอ่ยกับถังชุน  “ พี่ชุน ข้าจะไปปลดทุกข์สักหน่อย ท่านกินไปก่อนเถอะ ”

     

    เมื่อเห็นฉินหลิงลุกขึ้น หมิงฮ่าวผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์ก็ลุกขึ้นเดินตามหลังเขามาทันที

     

    ฉินหลิงที่เดินลงสู่ชั้นล่างก่อนจะหัวเหลือบไปมองด้านในหอคณิกาที่เป็นที่พักและโรงเรือนทำอาหารของหอนารีพิสุทธิ์อันยิ่งใหญ่ ทำให้รู้สึกอดสังสัยไม่ได้ จึงได้เดินเข้าไปดูด้วยความอยากรู้ ก่อนที่เขาจะคิดอะไรออกมา ความรู้สึกต่างๆที่เหมือนเก็บสะสมไว้ราวกับค้อนทุบเข้ากลางศีรษะอย่างแรง ความรู้สึกผิด ความรู้สึกเสียใจ อารมณ์ด้านลบที่พรั่งพรูออกภายในหัวของตน จนไม่สามารถควบคุมไว้ได้

     

    ใช่แล้ว!! ที่แห่งนี้คือสถานที่ที่เอาไว้เก็บไหสุราคุณภาพสูงและอาหารซึ่งอยู่ด้านในติดกับเรือนหอคณิกาที่ไว้ให้บริการแขกบุรุษหนุ่ม และนี่คือที่ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาเจอสตรีนางหนึ่ง สตรีเพียงคนเดียวที่เขาจดจำได้ตั้งแต่หลังจากได้เขามาอยู่ในร่างนี้ สตรีที่ผู้ที่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ความรู้สึกด้านลบมากมายโดยไม่รู้ตัว

     

    หัวใจของฉินหลิงรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกสายหนึ่งอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นเขาก็ได้เอ่ยบอกกับองครักษ์หมิงให้ไปเรียกแม่เล้าผู้นั้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไม่รู้ตัว

     



    หอนารีพิสุทธิ์ หอคณิกาอันเลื่องลือของเมืองไผ่เขียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×