คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #51 : กลับบ้าน
หลังล่ำลาจากอวี้ฟานซือเสร็จสิ้น
ฉินหลิงก็ได้เดินทางไปยังเมืองท่าชินโจวเพื่อแวะเอ่ยลาเจ้าเมืองชินโจว ซึ่งในระหว่างทางกลับพื้นที่ที่พวกเขาได้เปิดทางไว้แล้วก็ถูกปกคลุมไปด้วยหญ้ารกสูง
จึงทำให้ฉินหลิงและหมิงฮ่าวกับคนงานอีกไม่กี่คนจำเป็นต้องมาถางหญ้าเพื่อเปิดเส้นทางใหม่อีกครั้งเพื่อให้รถม้าวิ่งได้
และกว่าพวกเขาจะไปถึงเมืองชินโจวก็ใช้เวลาไปกว่าสองวัน
ในระหว่างที่ฉินหลิงเข้าพบเจอกับหลิวชิงหวินเพื่อกล่าวคำล่ำลา
แต่เขาอีกฝ่ายกักตัวเขาไว้ด้วยข้ออ้างมากมาย และให้เขาพูดคุยเจรจาต่อรองกับชายชราแซ่หวังซึ่งเป็นที่ปรึกษาของเมืองแห่งนี้เป็นเวลาหลายวันกว่าเขาจะได้ออกจากเมืองชินโจว
และตอนที่เขาออกเดินทางพ้นประตูเมืองไปไม่ไกล เสียงของบุตรสาวเจ้าเมืองชินโจวที่เคยพ่ายแพ้ให้แก่เขาก็ตะโกนเสียงดังออกมาจากหน้าประตูเมือง “ หากพบกันคราวหน้า ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าให้ได้ ”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลิวซีอิง
ฉินหลิงจึงยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับนิสัยไร้เดียงสาของอีกฝ่ายที่ราวกับไม่พอใจที่คู่แข่งของตัวเองเก่งกว่า
พร้อมนึกในใจว่าหากประลองอีกครั้งก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเขาที่ชนะ เพราะอย่างไรตัวเขาเองก็พึ่งเริ่มฝึกฝนวรยุทธอย่างจริงจังได้ไม่นาน
แถมยังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการค้า
จึงทำให้เขารู้ตัวดีว่าความสามารถด้านการต่อสู้ยังอ่อนด้อยกว่าอีกฝ่ายนัก
เวลาผ่านไปหลายวัน
รถม้าคันใหญ่สองคันที่ดูเหมือนของพ่อค้าทั่วไป แต่ด้านในนั้นกลับมีหลานชายเพียงคนเดียวของแม่ทัพใหญ่ของแคว้นต้าเหยียนนั่งอยู่
ได้เดินทางมาถึงยังทิศตะวันตกของเมืองไผ่เขียว
ซึ่งยามนี้มีสิ่งก่อสร้างที่สามารถเห็นได้จากระยะไกลจนรู้ได้เลยว่ามีโรงงานหลังใหญ่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ที่นี้มากมายและดูเหมือนเป็นปราการที่ล้อมรอบบ้านหลังใหญ่ที่มีป้ายตระกูลฉินประดับอยู่ด้านหน้า
ถานอวี้จี้ในยามนี้กำลังเคี่ยวน้ำแกงอยู่หม้อใหญ่อยู่ภายในครัว
เพื่อที่จะแจกจ่ายให้เหล่าคนงานที่ทำงานก่อสร้างอยู่โดยรอบ ที่เธอคอยทำน้ำแกงแจกจ่ายคนงานเพราะในช่วงนี้เป็นฤดูหนาวซึ่งเธอเป็นกังวลว่าคนงานที่มาทำงานให้แก่ชายหนุ่มอันเป็นที่รักของเธอจะเจ็บป่วยลงและทำให้งานล่าช้าลง
ด้วยความปราถนาดีต่างๆของถานอวี้จี้จึงทำให้เหล่าชาวบ้านที่มาทำงานให้ฉินหลิงต่างรู้สึกขอบคุณหญิงสาวผู้นี้กันทั้งสิ้น
ไม่ว่าค่าแรงที่จ่ายให้มากกว่าปกติแถมยังมีน้ำแกงแจกจ่ายให้อีก
ว๊าย!!
เสียงกรี๊ดตกใจของหญิงสาวที่กำลังมองดูน้ำแกงในหม้อใบใหญ่อย่างตั้งใจดังขึ้นเพราะเธอถูกมือโอบกอดจากด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
“ ผ่านไปไม่กี่เดือนเจ้าลืมเลือนว่าที่สามีแล้วรึ
” เสียงฉินหลิงเอ่ยออกมาด้วยความอบอุ่นพลางกอดอีกฝ่ายแน่นยิ่งขึ้น
เมื่อรู้ว่าคนที่เข้ามากอดเธอคือฉินหลิง
ถานอวี้จี้ก็ถอนหายใจออกมาพลางหันไปมองอีกฝ่ายก่อนจะตีบนมือที่กำลังกอดแน่นอยู่เบาๆ
“ ท่านก็ช่างเกเรนัก มาแกล้งข้าเช่นนี้ ”
เสียงออดอ้อนของชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
“ ไม่เจอกันตั้งนาน ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก ”
ถานอวี้จี้ยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ ท่านเดินทางมาเหนื่อยๆให้ข้าไปต้มน้ำให้ท่านอาบก่อนดีรึไม่เจ้าคะ ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มปรากฏขึ้น
“ จะดียิ่งกว่านี้หากเจ้าจะอาบด้วยกัน ”
ใบหน้าของถานอวี้จี้แดงกล่ำด้วยความเขินอาย “ ข้าจะไม่พูดกับท่านแล้ว
ไม่รู้เดินทางไปครั้งนี้จะหิ้วสาวที่ไหนมาอีกก็ไม่รู้ ”
ยิ่งเห็นสีหน้าขวยเขินของหญิงสาว
ฉินหลิงก็เหมือนจะได้ใจ จึงเอาปากไปกระซิบที่ใบหูของหญิงสาว “ ข้าจะไปมีหญิงอื่นที่ไหนได้อีก
ในเมื่อภรรยาข้าสวยออกขนาดนี้ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม
ใบหน้าถานอวี้จี้มืดครึ้มก่อนจะพลักอีกฝ่ายออกไปแล้วพูดด้วยเสียงไม่พอใจ “ ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าหากข้าไม่งดงาม
ท่านก็ไม่ต้องการข้าสินะ ”
“
ห๊ะ... ” ฉินหลิงมึนงงทันทีเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของหญิงสาวก่อนจะรีบจับมืออีกฝ่ายที่กำลังเดินหนีไป
“ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น
ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเช่นไรข้าก็ยังรักเจ้าสุดหัวใจ
”
ถานอวี้จี้แสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
ครั้นเห็นรอยยิ้มของหญิงสาว
ฉินหลิงก็รู้ได้อย่างรวดเร็วว่าตกหลุมพรางของอีกฝ่ายแล้ว “ เจ้าหลอกข้า ”
“ ฮิฮิ
ใครใช้ให้ท่านมาแกล้งข้าก่อนละ แล้วท่านจะเดินทางไปไหนอีกรึไม่ ” ถานอวี้จี้เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าความกังวลเพราะในช่วงที่ฉินหลิงไม่อยู่เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากราวกับเป็นปลาที่ขาดน้ำ
“ ไม่ต้องกังวล
ข้ายังไม่เดินทางไกลในช่วงนี้แน่นอนและข้าก็ได้คนมาดูแลแทนข้าแล้วด้วย ดังนั้นต่อจากนี้ข้าจึงมีเวลาให้เจ้ามากมายเลยละ
” เอ่ยจบฉินหลิงก็เดินเข้ามาโอบกอดหญิงสาวด้วยความรักใคร่
...............................................................................
ผ่านไปหนึ่งปี
ตั้งแต่สินค้ามากมายที่ถูกเรียกว่า จี้หลิง
ซึ่งถูกขายออกไปมากมายภายในแคว้นต้าเหยียน
หากจะเอ่ยถามชาวบ้านถึงพระนามขององค์ฮ่องเต้ก็คงไม่แปลกที่จะมีคนไม่รู้จัก
แต่หากเอ่ยถามถึงชื่อ จี้หลิง ของหอการค้าตะวันฉายแล้ว หากมีคนบอกว่าไม่รู้จัก
ท่านก็สามารถบอกได้เลยคนผู้นั้นย่อมไม่ใช่คนของแคว้นต้าเหยียนเป็นแน่
ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังของคำว่า
จี้หลิง ได้เปรียบเสมือนหนึ่งขุมกำลังที่ทรงพลังของแคว้นแห่งนี้ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองหรือขุมพลังจากกำลังคนที่มีผู้แข็งแกร่งเข้าร่วมมากมายไม่เว้นแม้แต่จอมยุทธบางคนก็เป็นคนของจี้หลิงเช่นกัน
ชื่อเสียงของจี้หลิงไม่เพียงแค่โด่งดังจากการค้าขายเท่านั้น
พวกเขายังมีชื่อเสียงจากความดีความชอบมากมาย อย่างเช่น ครั้งหนึ่งมีน้ำท่วมใหญ่ยังพื้นที่ทางตอนใต้ของแคว้น
ในระหว่างที่เหล่าขุนนางในราชสำนักกำลังโต้เถียงแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ตัวแทนจากหอการค้าตะวันฉายมากมายซึ่งถูกส่งมาในนาม
จี้หลิง ก็ได้ขนเสบียงและคนมากมายไปช่วยเหลือผู้คนที่กำลังประสบทุกข์ภัยอย่างรวดเร็วจนทำให้ชาวบ้านของทางใต้ต่างร่ำไห้ขอบคุณในความเมตตาครั้งนี้
จนหอการค้าตะวันฉายมีอิทธิพลมากในเขตตอนใต้ของแคว้นต้าเหยียนจนแม้แต่ขุนนางในพื้นที่ยังต้องเกรงใจอยู่หลายส่วนเลยทีเดียว
และไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่ตอนใต้เท่านั้นที่อิทธิพลของ จี้หลิง
ขยายไปถึงยังมีพื้นที่อื่นๆในแคว้นที่แทบมีหอการค้าตะวันฉายอยู่เกือบทุกเมือง
ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงหรือผลิตภัณฑ์ของสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์
จี้หลิง ที่โด่งดังขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีหอการค้าตะวันฉายซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนการจัดจำหน่ายสินค้าจี้หลิง
ก็มีชื่อเสียงขึ้นอย่างมากเช่นกันจากการค้าเกลือ โดยเกลือที่หอการค้าตะวันฉายขายออกไปเป็นเกลือสีขาวบริสุทธิ์และรสชาติที่ได้มีความแตกต่างจากเกลือที่ได้จากการทำแร่เกลือซึ่งมีรสชาติอื่นแฝงมาด้วย
แต่เกลือของหอการค้าตะวันฉายกลับมีรสชาติเค็มบริสุทธิ์จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านเวลานำไปปรุงรสอาหาร
นอกจากนี้ที่สำคัญคือราคาของเกลือสีขาวนี้มีราคาถูกกว่าเกลือร้านอื่นหลายส่วนจึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าชาวบ้านคนธรรมดา
หลังจากเกลือสีขาวบริสุทธิ์ของอวี้ฟานซือมีชื่อเสียงก็ย่อมส่งผลกระทบกับเหล่าผู้ที่ทำการค้าเกลือหลายส่วน
จนถึงกับมีขุนนางบางคนส่งคนมาล้วงความลับของหอการค้าแห่งนี้
เพราะพวกเขาต่างก็อยากรู้ว่าเจ้าของหอการค้าผู้นี้ไปเอาเกลือมาจากไหนได้มากมายขนาดนี้
เพียงแต่แทนที่จะได้ความลับที่พวกเขาส่งไปกลับมา แต่พวกเขากลับได้หัวของสายลับที่ส่งไปพร้อมกับข้อความสั้นๆว่า จี้หลิง กลับมา ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้แก่ขุมอำนาจต่างๆไม่น้อย
หากจะกล่าวถึงสินค้าที่ยามนี้ผู้คนต่างขาดไปไม่ได้แล้วก็ย่อมเป็น
สบู่ นั้นเอง ซึ่งจากความต้องการอย่างมากมาย จนฉินหลิงต้องขยายโรงงานผลิตไปมากกว่าสิบหลังและใช้คนงานกว่าสองร้อยชีวิตมาช่วยกันทำงาน ซึ่งคนงานทั้งหมดของฉินหลิงต่างก็รับมาจากพวกขอทาน
หรือคนยากจน รวมไปถึงเหล่าทาสที่เขาไปถอนไถ่ออกมา ซึ่งเขาต้องใช้เวลานานพอสมควรในการปรับความคิดของคนเหล่านี้ให้เข้าใจถึงคุณค่าของความเป็นคน
เพราะคนในฐานะทาสต่างเป็นที่รังเกียจของทุกชนชั้นไม่เว้นแม้แต่ขอทาน
แต่เรื่องวุ่นวายมากมายที่เกิดกับสินค้าจี้หลิงต้องขอบคุณผู้ดูแลซู
ที่ฉินหลิงเสี่ยงดวงรับเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนจัดการทุกสิ่งแทนเขา แต่เธอกลับทำหน้าที่ได้เกินกว่าฉินหลิงคาดการณ์ไว้มาก
เพราะเธอสามารถจัดการบริหารเรื่องการผลิตและคนงานได้อย่างดีจนการทำงานก็ไม่มีติดขัด
เมื่อมีผลประโยชน์มากมายเกิดขึ้นก็ย่อมทำให้เกิดความขัดแย้งจากการเสียผลประโยชน์และทำให้มีมือสังหารจากหอการค้าอื่นๆส่งมาลอบฆ่าซูเยว่
ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลของ จี้หลิง แต่เมื่อตัวตนลึกลับของชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นและคอยประกบชิดหญิงสาวผู้นี้ตลอดเวลา
จึงทำให้ไม่มีมือสังหารคนใดมีชีวิตกลับไปได้
หลังจากขุมอำนาจเบื้องหลังของหอการค้าต่างๆได้ทราบข่าวถึงชายหนุ่มที่มีอายุยี่สิบกว่าปีเท่านั้น
แต่กลับบรรลุพลังขั้นจอมยุทธไปแล้ว ต่างก็เป็นข่าวที่สั่นสะเทือนทั่วทั้งแคว้น
และเมื่อให้คนสืบข่าวพวกเขาก็ทราบถึงความเป็นมาของชายหนุ่มผู้นี้อย่างรวดเร็ว ว่าชายลึกลับที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ของซูเยว่เคยเป็นคนของแม่ทัพใหญ่มาก่อน
ซึ่งเมื่อขุมอำนาจต่างๆทราบว่าชายหนุ่มผู้นี้มีที่มาจากตระกูลแม่ทัพต่างก็ถอยทัพกันอย่างรวดเร็ว
เพราะพวกเขาต่างพากันคิดว่าสินค้าของจี้หลิงต้องเป็นผลงานของตระกูลแม่ทัพใหญ่เป็นแน่
เพราะโรงงานผลิตสินค้าต่างก็อยู่ในเมืองไผ่เขียวประกอบกับคนงานต่างๆของจี้หลิงก็มาจากคนยากจนไร้บ้าน
จึงเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่าการกระทำเช่นนี้เป็นลักษณะนิสัยของฉินเจินผู้เป็นแม่ทัพใหญ่เป็นแน่
ห้องรับแขก
ภายในบ้านหลังใหญ่ทางทิศตะวันตกนอกเมืองไผ่เขียว
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งดูบันทึกเล่มหนาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
และมีหญิงสาวที่มีใบหน้างดงามยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยใบหน้าสงบ
ทั้งสองคนก็คือฉินหลิงและซูเยว่
ซึ่งหญิงสาวผู้นี้จะทำหน้าที่ในการส่งเอกสารการบริหารงานต่างๆให้แก่ชายหนุ่มทุกอาทิตย์และฟังความคิดเห็นจากผู้เป็นเจ้านายของเธอ
ไม่เพียงเธอจะได้รู้ถึงความสามารถในการค้าจากชายหนุ่มผู้นี้
เขายังสอนสิ่งต่างๆให้เธอมากมายราวกับคนที่เธอคุยอยู่ไม่ใช่คนรุ่นราวคราวเดียว แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกับคุยกับผู้อาวุโสคนหนึ่งจึงทำให้เธอเคารพฉินหลิงอย่างยิ่ง
ฉินหลิงวางบันทึกค่าใช้จ่ายลงบนโต๊ะแล้วมองไปยังหญิงสาวแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ ไม่มีปัญหาอะไร ขอบคุณเจ้ามากสำหรับความยากลำบากตลอดทั้งปีนี้ ”
“ มิได้เจ้าคะ ท่านเป็นคนให้ชีวิตใหม่แก่ข้า
สำหรับความเหนื่อยยากเพียงเท่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใดได้ ” ซูเยว่เอ่ยออกมาด้วยด้วยความรู้สึกสำนึกบุญคุณของอีกฝ่ายอย่างเปี่ยมล้น แม้แต่เธอเองก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าในช่วงชีวิตนี้เธอยังจะมีโอกาสแบบนี้อีก
เพราะคงไม่มีใครจะคาดคิดได้ว่าผู้ดูแลจี้หลิงที่งดงามคนนี้กลับเคยเป็นทาสหญิงที่ถูกขายพรหมจรรย์มาก่อน
และในยุคสมัยที่สิ่งต่างๆขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบุรุษ แต่ชายหนุ่มที่เป็นเจ้านายกลับให้เธอมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการสิ่งต่างๆโดยไม่ขัดแม้แต่น้อยและยังสนับสนุนเธออย่างเต็มที่อีกด้วย
ซึ่งเรื่องเช่นนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในโลกใบนี้ที่จะมีผู้หญิงมาทำการใหญ่เช่นนี้
เพราะความเชื่อที่ว่าผู้หญิงต้องอ่อนแอและทำหน้าดูแลบ้านเท่านั้น
จึงทำให้สตรีที่มีความสามารถต่างๆกลับไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ
“ เรื่องในอดีตอย่าไปพูดถึงอีกเลย
ตอนนี้ข้ามีสินค้าใหม่อีกสองชนิดที่ข้าอยากจะเปิดตัวในเมืองหลวง เจ้าคิดเห็นเช่นไร
”
ซูเยว่เบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของฉินหลิงก่อนจะเอ่ยถาม
“ ท่านคิดดีแล้วหรือเจ้าคะที่ต้องการไปทำการค้าในเมืองหลวง
ถึงพวกเราจะให้หอการค้าตะวันฉายไปตั้งร้านยังเมืองหลวงแล้วแต่รากฐานยังไม่มั่นคง
ข้าว่าเราไม่ควรจะรีบร้อนเป็นการดีกว่า ” ที่เธอเอ่ยขัดชายหนุ่มเพราะในตอนแรกเธอเองก็รู้สึกสนใจที่จะขยายตลาดไปยังเมืองหลวงเช่นกัน
แต่เมื่อให้คนของเธอสืบถึงความเป็นไป ก็ทำให้เธอรู้ถึงเบื้องลึกและความน่ากลัวของวังวนอำนาจในเมืองหลวง
จึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะรอจนกว่ารากฐานในเมืองหลวงของหอการค้าตะวันฉายจะมั่นคงก่อนแล้วจึงคิดจะเริ่มทำการค้าในเมืองหลวง
ฉินหลิงพยักหน้าด้วยสีหน้าพอใจให้แก่อีกฝ่ายก่อนจะยืนแล้วหันมองออกไปด้านนอกพลางเอ่ย
“ ที่เจ้าพูดนั้นก็ไม่ผิดหรอก แต่บางครั้งหากไม่เข้าถ้ำเสือแล้วเราจะได้ลูกเสือรึ
ดังนั้นข้าตัดสินใจจะเปิดการประมูลใหญ่ในเมืองหลวง บางทีชื่อเสียงของข้าอาจจะเงียบสงบมานานไปแล้ว
” เอ่ยจบฉินหลิงหันไปมองนอกห้องก่อนจะพูดออกมาเสียงดัง “ องครักษ์หมิงออกคำสั่ง รวบรวมกำลังพลทั้งหมดที่ตระเตรียมไว้
พวกเราจะไปเมืองหลวงกัน ”
“ รับคำสั่งขอรับ
” เสียงดังของหมิงฮ่าวออกมาจากด้านนอกตอบรับกลับมา
ความคิดเห็น