ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #31 : คุยการค้า (3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.08K
      1.34K
      16 ก.ย. 62

     

    อวี้ฟานซือที่มองไปยังรอยยิ้มของชายหนุ่มตระกูลฉินผู้นี้ก็ทำให้เขาขนลุกซู่และรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียังไงชอบกล

     

    “ท่านอวี้ นอกเรื่องมาไกลแล้ว เช่นนั้นเรามาคุยเรื่องการค้ากันเถอะ”

     

    “การค้าอันใดรึขอรับ”  อวี้ฟานซือที่งุนงงเล็กน้อยเพราะการค้าที่เขาแนะนำไปก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้จนกว่าชายหนุ่มผู้เป็นสืบทอดตระกูลฉินจะกลับไปตระกูลแล้วใช้ชื่อเสียงของผู้เป็นปู่มาดำเนินการค้าอาวุธหรือไม่ก็ทำการเปิดสำนักทหารรับจ้าง แต่การที่ชายหนุ่มมาคุยการค้ากับเขา เขาก็ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าต้องการทำการค้าชนิดใดกันแน่

     

    ฉินหลิงยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย “การค้าเกลือไงละ?”

     

    เจ้านายหอการค้าตาเปล่งประกายขึ้น  “โอ๊...นายน้อยรู้จักแหล่งแร่เกลือด้วยรึขอรับ  ท่านมีมากเท่าไหร่ สามารถขายให้พวกข้าได้รึไม่ ข้าให้ราคาเป็นธรรมกับท่านแน่นอน”

     

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉบับพ่อค้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม  “แหล่งแร่เกลืออะไรนั้นข้าไม่รู้หรอก แต่วิธีได้เกลือจำนวนมากนะข้ามีวิธีแน่!

     

    เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มก็ทำให้เขาสูดลมหายใจแรงและเผลอแสดงท่าทางด้วยความตกใจก่อนจะปรับท่าทีให้ดูนิ่งขึ้น “ท่านต้องการสิ่งใด ?

     

    หลังจากได้ฟังคำพูดของฉินหลิงทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่าทายาทตระกูลฉินนั้นไม่ได้ธรรมดาเฉกเช่นที่คนทั่วไปคิดเอาไว้แล้ว เพราะการที่เขามาเสนอการค้าชนิดนี้ได้ก็บ่งบอกได้ถึงความสามารถที่ซ่อนเร้นของเขาได้ดี การหาแหล่งเกลือจำนวนไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้ ประกอบด้วยปริมาณการใช้เกลือของผู้คนที่มากกว่าความสามารถในการผลิต ทำให้แม้แต่แหล่งแร่เกลือยังไม่เพียงพอ

     

    ฉินหลิงดูสีหน้าของชายร่างอ้วนแล้วกางนิ้วมือทั้งห้าเขาออกให้อีกฝ่าย  “ข้าต้องการกำไรห้าจากสิบส่วนของหอการค้าท่าน”

     

    ในคราแรกอวี้ฟ่านซือทำใจไว้แล้วชายหนุ่มเบื้องหน้าคงต้องการกำไรเป็นจำนวนมากและเมื่อเขากางนิ้วทั้งห้าเขาก็คิดว่ากำไรห้าส่วนจากการค้าเกลือคงต้องตกเป็นของชายหนุ่มแต่เขากับคิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กน้อยนี้มันคิดจะเอากำไรห้าส่วนจากหอการค้าของเขา หากมันต้องการเช่นนี้เอามีดมาปาดคอข้าเลยดีกว่า หอการค้าของข้าที่สร้างมาด้วยความยากลำบากแล้วเจ้าจะคิดมาเอาไปง่ายๆดช่นนี้ได้รึ

     

    ชายหนุ่มเมื่อเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวของอีกฝ่ายเขาก็ยิ้มขึ้นมา  “ท่านลองใจเย็นแล้วฟังข้าพูดก่อนดีรึไม่”

     

    อวี้ฟานซือที่ยามนี้กำลังอารมณ์เสียอย่างที่สุดกับชายหนุ่มเบื้องหน้าที่หน้าด้านและโลภมากถึงขนาดหวังครองหอการค้าของเขา และเมื่อได้ยินคำของชายหนุ่มเขาก็พยักหน้าเบาๆแล้วพ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะถึงยังไงเขาก็ยังต้องเห็นแก่หน้าตระกูลฉินบ้าง

     

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมทนฟังเขาพูดก็ทำให้ฉินหลิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมากเพราะชายวัยกลางคนเป็นคนที่มีความสุขุมพอตัว ไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ทำให้เขามีความตั้งใจร่วมมือทำธุรกิจกับอีกฝ่ายมากขึ้น  “จากที่ท่านกล่าวมาว่าหอการค้าของท่านสามารถทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่าสามพันตำลึงทองต่อปีสินะ ด้วยเงินเพียงเท่านั้นข้าก็ยังไม่สนใจเท่าไหร่นัก แต่ที่ข้าสนใจคือชื่อเสียงและประวัติการค้าของท่าน เพราะหากท่านจะให้ข้าไปเปิดหอการค้า ด้วยชื่อเสียงอันเลวร้ายของข้าคงไม่กี่วัน ร้านที่ข้าเปิดไม่เจ๊งก็ขาดทุนย่อยยับเป็นแน่ สิ่งที่ข้าต้องการจากท่านคือข้าต้องการอยู่เบื้องหลังของหอการค้าท่านและรับกำไรครึ่งนึง ”

     

    ชายอ้วนจ้องชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างจริงจัง  “ข้าเข้าใจว่าท่านต้องการเงินมากมาย และต้องการอยู่เบื้องหลังของหอการค้าของข้า แต่ท่านเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าข้าจะยอมมอบกำไรให้ท่านครึ่งหนึ่ง เพราะหากท่านต้องการกำไรที่พวกเราหามายากลำบากไม่สู้ข้าทำลายหอการค้าตะวันฉายทิ้งไปไม่ดีกว่ารึ!!”

     

    เมื่อได้ยินคำกล่าวของอวี้ฟานซือก็ทำให้ฉินหลิงพยักหน้าเบาๆ  “ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่สนใจกำไรเล็กน้อยจากหอการค้าท่าน สิ่งที่ข้าจะทำคือการหารายได้ก้อนโต ซึ่งก็คือ ข้าสามารถนำน้ำทะเลมาเปลี่ยนเป็นเกลือได้ไงละ แล้วเจ้าลองคิดดูว่าการที่หอการค้าเจ้าสามารถหาเกลือคุณภาพสูงปริมาณหลายพันหรือหลายหมื่นจินได้ในเวลาไม่กี่เดือนจะทำเงินให้หอการค้าท่านมากเท่าใดกัน”  (1 จิน = 500 กรัม)


    อวี้ฟานซือลุกขึ้นพรวดอย่างตกใจก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น  “ทะ...ท่านบอกว่าท่านสามารถนำน้ำทะเลมาเปลี่ยนเป็นเกลือได้รึ  หรือว่าท่านเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเช่นนั้นรึขอรับ หากท่านสามารถหาเกลือได้ปริมาณขนาดนั้นอย่าว่าแต่ห้าส่วนเลย กำไรหกส่วนท่านก็เอาไปได้”

     

    ใครจะรู้เมื่อครู่เจ้าอ้วนนี้ยังพร้อมจะทำลายหอการค้าไปพร้อมตัวเอง แล้วเพียงชั่วครู่เขากลับจะยกหอการค้าแห่งนี้ให้ฉินหลิงถึงหกส่วน หากใครมาได้ยินคงตกใจกับความบ้าบิ่นของชายตรงหน้าเขาไม่น้อย แต่ถ้ามีคนรู้ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าสามารถหาเกลือปริมาณมากขนาดนั้นได้เเละเมื่อเทียบกับกำไรที่เขาได้รับมันจึงคุ้มค่า แม้จะยกหอการค้าแห่งนี้ให้ก็ไม่อาจเทียบได้กับการเป็นผู้ค้าเกลือรายใหญ่ให้กับแคว้นหยียน

     

    ฉินหลิงหัวเราะเบาๆก่อนจะเอ่ย  “ข้าไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุอะไรนั้นหรอก ส่วนกำไรข้าก็เอาห้าส่วนเท่าเดิมเพียงแต่เราต้องมีการทำสัญญากันอย่างเท่าเทียม ส่วนวิธีการนำน้ำทะเลมาทำเป็นเกลือข้าค่อยบอกอีกครั้ง แล้วก็รบกวนท่านนำแผนที่มาให้ข้าดูได้รึไม่”

     

    ได้ฟังคำขอของบุรุษตรงหน้าแล้วอวี้ฟานซือก็รีบเดินไปรื้อกองเอกสารแล้วนำแผนหนังแผ่นใหญ่มากางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว “นี้คือแผ่นที่อาณาเขตต่างๆในแคว้นต้าเหยียนของเรา อาจจะไม่ละเอียดมากนักเพราะนี้เป็นแผนที่สำหรับพ่อค้าทำให้ไม่สามารถระบุจุดสำคัญได้ มีเพียงกำหนดขอบเขตเท่านั้น ”

     

    ฉินหลิงพยักหน้าขอบคุณเล็กน้อยก่อนจะหันมาสำรวจแผนที่ตรงหน้าก็พบว่าแคว้นต้าเหยียนของเขานั้นมีชายแดนติดกับอีกสองแคว้น มีทะเลและป่าขนาบข้าง และเมื่อสังเกตเห็นว่าชายฝั่งอยู่ไม่ห่างไกลกับเมืองไผ่เขียวของนักก็ทำให้ดีใจขึ้นไม่น้อย เพราะระยะทางที่น้อยลงก็ทำให้เวลาที่ใช้ขนส่งน้อยลง

     

    เมื่อเห็นชายหนุ่มเบื้องหน้าดูแผนที่พลางครุ่นคิด เจ้าของหอการค้าก็แนะนำ “ถ้านายน้อยต้องการแหล่งน้ำทะเลและผู้คนไม่มากนัก ข้าขอแนะนำเมืองท่าชินโจวขอรับ เพราะเมืองท่าชินโจวมีอาณาเขตยาวติดทะเล ทำให้เหล่าผู้คนส่วนมากเป็นชาวประมงและไม่ค่อยมีคนมาแวะเวียนเท่าใดนัก หากเราเดินทางจากเมืองไผ่เขียวก็ใช้เวลาไม่นานด้วยขอรับ”

     

    ฉินหลิงที่กำลังครุ่นคิดก็เงยมามองชายเบื้องหน้าแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย  “แล้วแคว้นของเราไม่มีศึกทางทะเลเลยรึ”

     

    ยามได้ยินคำถามของชายหนุ่มก็ทำให้ชายร่างอ้วนหัวเราะเบาๆแล้วมองฉินหลิงด้วยสายตาแปลกๆ “เรือที่บรรทุกคนได้ไม่กี่คนจะขนทหารมารบกันได้เท่าไหร่เชียว ส่วนมากเหล่าทหารมักจะสู้กันบนสนามรบ พวกเขาจะไปรบทำไมบนทะเลละขอรับ”

     

    คำพูดของอวี้ฟ่านซือทำให้ฉินหลิงรู้สึกตกใจเล็กน้อยกับโลกใบนี้ที่ยังไม่การพัฒนาอุตสาหกรรมทางเรือเลย แต่เขาก็พอเข้าใจได้ว่าผู้คนของโลกใบนี้คิดเพียงแสวงหาความแข็งแกร่งเท่านั้นจนกระทั้งยอมตายได้เพียงเพื่อโอสถทิพย์ที่สามารถยกระดับพลังได้ จากความบ้าคลั่งของการบ่มเพาะทำให้เหล่าผู้คนในโลกใบนี้ละเลยด้านอื่นๆไป

     

    เมื่อครุ่นคิดได้แล้วเขาก็ตั้งเป้าหมายว่าจะศึกษาเกี่ยวกับโลกนี้ให้มากขึ้นเพื่อหาโอกาสทำกำไรให้กับตัวเองมากขึ้น จะได้ไม่เสียชื่อเสียงของเขา 'ฉินหลิงพนักงานขายยอดเยี่ยมสามปีซ้อน'

     

    ฉินหลิงยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนถามออกไป “ท่านมีที่ดินติดชายทะเลรึไม่ หากต้องการเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นเกลือ ข้าต้องการที่ดินติดชายทะเล ไม่ทราบว่าท่านหาได้รึไม่”

     

    “ข้าไม่มีที่ดินในเมืองท่าชินโจวหรอกขอรับ  แต่หากท่านไม่ต้องที่ดินใกล้กับเมืองท่ามากนัก ข้าก็สามารถหาซื้อได้ ที่ดินริมทะเลเช่นนั้นราคาไม่ได้สูงนัก และทางการต้องการขายอย่างยิ่งเพราะมันทำประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้และไม่ค่อยมีคนต้องการซื้อกัน ส่วนมากชาวบ้านก็มาแลกเปลี่ยนสินค้ากันที่เมืองท่าชินโจวเท่านั้น ทำให้ชายทะเลบริเวณอื่นไม่ค่อยมีคน”

     

    ฉินหลิงที่ได้ยินคำกล่าวอีกฝ่ายเขาก็ครุ่นคิดพลางเคาะนิ้วบนโต๊ะด้วยจังหวะสม่ำเสมอ เพราะเขากำลังคิดวิธีที่จะปิดบังแหล่งเกลือที่เขาผลิตขึ้นยังไงดี

     

    อวี้ฟ่านซือที่มองไปยังชายหนุ่มเบื้องหน้า เขาก็ใจสั่นเพราะด้วยกริยาท่าทาง การพูดคุย หลักการต่อรอง ความรู้ มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กอายุเพียงสิบห้าจะมีได้เป็นแน่ ทำให้รู้แล้วว่าตัวเองโชคดีที่ได้มาเจอกับชายหนุ่มคนนี้

     

    “ข้าต้องการให้ท่านไปหาซื้อที่ดินริมทะเลและขึ้นมาบนฝั่งราวหนึ่งถึงสองลี้ จะดีที่สุดหากท่านหาซื้อที่ดินที่มีภูเขาล้อมรอบได้ เพราะข้าต้องการให้การผลิตเกลือของเราเป็นความลับ” เอ่ยเสร็จเขาก็มองเจ้าของหอการค้าเบื้องหน้าด้วยแววตาจริงจัง

     

    ชายร่างอ้วนพยักหน้าตอบรับ  “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปจัดการด้วยตัวเอง ข้าขอเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน ข้าจะหาซื้อที่ดินที่นายน้อยต้องการมาให้ท่านให้ได้”

     

    “อืม รบกวนเจ้ามากแล้ว พรุ่งนี้เจ้าเตรียมรถม้าให้ข้าด้วย ข้าจะไปพักอยู่ที่บ้านด้านประตูตะวันตกห่างออกไปราวสามลี้ หากเจ้าจัดการธุระเสร็จสิ้นก็ไปเจอข้าได้ที่นั้น” ฉินหลิงที่คิดว่าเขาต้องการฝึกวรยุทธต่อ ทำให้เขาต้องการพื้นที่ที่เงียบสงบเพื่อใช้ฝึกวิชาและหากเขาพักอยู่ในหอการค้าแห่งนี้คงไม่สะดวกเพราะมันไม่มีลานฝึกและยังมีความวุ่นวายกับคนจำนวนมากที่มาทำการค้าจึงทำให้ขาดความสงบ ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปอาศัยบ้านของเขาที่นอกเมืองแทน เพราะในบ้านมีลานบ้านที่ใหญ่พอไว้ฝึกวรยุทธได้

     

    “ขอรับ เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าเด็กน้อยของข้าให้คอยดูแลท่านนะขอรับ” อวี้ฟานซือที่ยามนี้เห็นฉินหลิงไม่ต่างจากแหล่งทองคำเดินได้ถึงกลับใช้ลูกชายไปเอาอกเอาใจบุรุษหนุ่มผู้นี้ เผื่อว่าลูกชายของเขาจะได้เรียนรู้อะไรดีๆจากเด็กหนุ่มผู้นี้บ้าง

     

    ฉินหลิงที่กำลังจะเดินออกก็หันกลับมาเอ่ยชายเจ้าของหอการค้า “ข้าต้องการไขมันสัตว์ด้วย รบกวนท่านหาให้ข้าด้วย”

     

    เมื่อได้ยินคำขอของชายหนุ่มก็ทำให้อวี้ฟานซือแสดงท่าทีงุนงงเล็กน้อย “ห๊ะ...ท่านต้องการไขมันสัตว์ไปทำอะไรรึขอรับ”

     

    ฉินหลิงยิ้มขณะพูดออกมา “ทำสินค้าชนิดใหม่ เพิ่มรายได้ให้หอการค้าของเราไงละ”

     

    เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็เดินตามบ่าวรับใช้ออกไปทิ้งให้อวี้ฟานซือผู้เป็นเจ้าของหอการค้าตะวันฉายยืนงงกับคำขอแปลกๆที่ชายหนุ่มขอไขมันสัตว์  แล้วเขาต้องการไขมันไปทำอะไรทำให้ชายร่างอ้วนอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ไม่น้อยว่าชายหนุ่มจะเอาไขมันไปทำอะไร

     

    เมื่อฉินหลิงจากไป เจ้าเด็กอ้วนอวี้หยวนก็รีบวิ่งเข้าหาผู้เป็นพ่อด้วยแววตาเปล่งประกายก่อนเอ่ยถามอย่างว่องไว “ท่านพ่อกับนายน้อยฉินคุยอะไรกันตั้งนาน”

     

    อวี้ฟานซือหันมามองบุตรชายก่อนจะถอนหายใจ “เจ้าไม่ต้องรู้ไปหรอก ตั้งแต่พรุ่งนี้ข้าจะไปทำการค้าสำคัญ  ส่วนเจ้าคอยอยู่รับใช้คุณชายฉิน และเรียนรู้จากชายหนุ่มผู้นี้ให้ดี ต่อไปภายภาคหน้าข้าจะได้ยกหอการค้านี้ให้เจ้าดูแลได้อย่างสบาย”

     

    ส่วนเจ้าอ้วนอวี้หยวนที่ได้ยินบิดาให้เขาไปดูแลชายหนุ่มผู้นั้นก็ทำให้เขาตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะรีบปฏิเสธแต่โชคร้ายนักที่บิดาเขาได้เดินจากไปแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×