คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : คุยการค้า (3)
อวี้ฟานซือที่มองไปยังรอยยิ้มของชายหนุ่มตระกูลฉินผู้นี้ก็ทำให้เขาขนลุกซู่และรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียังไงชอบกล
“ท่านอวี้ นอกเรื่องมาไกลแล้ว
เช่นนั้นเรามาคุยเรื่องการค้ากันเถอะ”
“การค้าอันใดรึขอรับ” อวี้ฟานซือที่งุนงงเล็กน้อยเพราะการค้าที่เขาแนะนำไปก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้จนกว่าชายหนุ่มผู้เป็นสืบทอดตระกูลฉินจะกลับไปตระกูลแล้วใช้ชื่อเสียงของผู้เป็นปู่มาดำเนินการค้าอาวุธหรือไม่ก็ทำการเปิดสำนักทหารรับจ้าง แต่การที่ชายหนุ่มมาคุยการค้ากับเขา เขาก็ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าต้องการทำการค้าชนิดใดกันแน่
ฉินหลิงยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย “การค้าเกลือไงละ?”
เจ้านายหอการค้าตาเปล่งประกายขึ้น “โอ๊...นายน้อยรู้จักแหล่งแร่เกลือด้วยรึขอรับ ท่านมีมากเท่าไหร่ สามารถขายให้พวกข้าได้รึไม่
ข้าให้ราคาเป็นธรรมกับท่านแน่นอน”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉบับพ่อค้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าชายหนุ่ม
“แหล่งแร่เกลืออะไรนั้นข้าไม่รู้หรอก
แต่วิธีได้เกลือจำนวนมากนะข้ามีวิธีแน่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มก็ทำให้เขาสูดลมหายใจแรงและเผลอแสดงท่าทางด้วยความตกใจก่อนจะปรับท่าทีให้ดูนิ่งขึ้น
“ท่านต้องการสิ่งใด ?”
หลังจากได้ฟังคำพูดของฉินหลิงทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่าทายาทตระกูลฉินนั้นไม่ได้ธรรมดาเฉกเช่นที่คนทั่วไปคิดเอาไว้แล้ว
เพราะการที่เขามาเสนอการค้าชนิดนี้ได้ก็บ่งบอกได้ถึงความสามารถที่ซ่อนเร้นของเขาได้ดี
การหาแหล่งเกลือจำนวนไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้ ประกอบด้วยปริมาณการใช้เกลือของผู้คนที่มากกว่าความสามารถในการผลิต ทำให้แม้แต่แหล่งแร่เกลือยังไม่เพียงพอ
ฉินหลิงดูสีหน้าของชายร่างอ้วนแล้วกางนิ้วมือทั้งห้าเขาออกให้อีกฝ่าย
“ข้าต้องการกำไรห้าจากสิบส่วนของหอการค้าท่าน”
ในคราแรกอวี้ฟ่านซือทำใจไว้แล้วชายหนุ่มเบื้องหน้าคงต้องการกำไรเป็นจำนวนมากและเมื่อเขากางนิ้วทั้งห้าเขาก็คิดว่ากำไรห้าส่วนจากการค้าเกลือคงต้องตกเป็นของชายหนุ่มแต่เขากับคิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กน้อยนี้มันคิดจะเอากำไรห้าส่วนจากหอการค้าของเขา
หากมันต้องการเช่นนี้เอามีดมาปาดคอข้าเลยดีกว่า
หอการค้าของข้าที่สร้างมาด้วยความยากลำบากแล้วเจ้าจะคิดมาเอาไปง่ายๆดช่นนี้ได้รึ
ชายหนุ่มเมื่อเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวของอีกฝ่ายเขาก็ยิ้มขึ้นมา
“ท่านลองใจเย็นแล้วฟังข้าพูดก่อนดีรึไม่”
อวี้ฟานซือที่ยามนี้กำลังอารมณ์เสียอย่างที่สุดกับชายหนุ่มเบื้องหน้าที่หน้าด้านและโลภมากถึงขนาดหวังครองหอการค้าของเขา
และเมื่อได้ยินคำของชายหนุ่มเขาก็พยักหน้าเบาๆแล้วพ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์
เพราะถึงยังไงเขาก็ยังต้องเห็นแก่หน้าตระกูลฉินบ้าง
เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมทนฟังเขาพูดก็ทำให้ฉินหลิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมากเพราะชายวัยกลางคนเป็นคนที่มีความสุขุมพอตัว
ไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ทำให้เขามีความตั้งใจร่วมมือทำธุรกิจกับอีกฝ่ายมากขึ้น “จากที่ท่านกล่าวมาว่าหอการค้าของท่านสามารถทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่าสามพันตำลึงทองต่อปีสินะ
ด้วยเงินเพียงเท่านั้นข้าก็ยังไม่สนใจเท่าไหร่นัก แต่ที่ข้าสนใจคือชื่อเสียงและประวัติการค้าของท่าน
เพราะหากท่านจะให้ข้าไปเปิดหอการค้า ด้วยชื่อเสียงอันเลวร้ายของข้าคงไม่กี่วัน
ร้านที่ข้าเปิดไม่เจ๊งก็ขาดทุนย่อยยับเป็นแน่ สิ่งที่ข้าต้องการจากท่านคือข้าต้องการอยู่เบื้องหลังของหอการค้าท่านและรับกำไรครึ่งนึง
”
ชายอ้วนจ้องชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างจริงจัง
“ข้าเข้าใจว่าท่านต้องการเงินมากมาย และต้องการอยู่เบื้องหลังของหอการค้าของข้า
แต่ท่านเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าข้าจะยอมมอบกำไรให้ท่านครึ่งหนึ่ง เพราะหากท่านต้องการกำไรที่พวกเราหามายากลำบากไม่สู้ข้าทำลายหอการค้าตะวันฉายทิ้งไปไม่ดีกว่ารึ!!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของอวี้ฟานซือก็ทำให้ฉินหลิงพยักหน้าเบาๆ
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่สนใจกำไรเล็กน้อยจากหอการค้าท่าน
สิ่งที่ข้าจะทำคือการหารายได้ก้อนโต ซึ่งก็คือ ข้าสามารถนำน้ำทะเลมาเปลี่ยนเป็นเกลือได้ไงละ
แล้วเจ้าลองคิดดูว่าการที่หอการค้าเจ้าสามารถหาเกลือคุณภาพสูงปริมาณหลายพันหรือหลายหมื่นจินได้ในเวลาไม่กี่เดือนจะทำเงินให้หอการค้าท่านมากเท่าใดกัน” (1 จิน =
500 กรัม)
อวี้ฟานซือลุกขึ้นพรวดอย่างตกใจก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น
“ทะ...ท่านบอกว่าท่านสามารถนำน้ำทะเลมาเปลี่ยนเป็นเกลือได้รึ
หรือว่าท่านเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเช่นนั้นรึขอรับ
หากท่านสามารถหาเกลือได้ปริมาณขนาดนั้นอย่าว่าแต่ห้าส่วนเลย กำไรหกส่วนท่านก็เอาไปได้”
ใครจะรู้เมื่อครู่เจ้าอ้วนนี้ยังพร้อมจะทำลายหอการค้าไปพร้อมตัวเอง
แล้วเพียงชั่วครู่เขากลับจะยกหอการค้าแห่งนี้ให้ฉินหลิงถึงหกส่วน
หากใครมาได้ยินคงตกใจกับความบ้าบิ่นของชายตรงหน้าเขาไม่น้อย แต่ถ้ามีคนรู้ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าสามารถหาเกลือปริมาณมากขนาดนั้นได้เเละเมื่อเทียบกับกำไรที่เขาได้รับมันจึงคุ้มค่า แม้จะยกหอการค้าแห่งนี้ให้ก็ไม่อาจเทียบได้กับการเป็นผู้ค้าเกลือรายใหญ่ให้กับแคว้นหยียน
ฉินหลิงหัวเราะเบาๆก่อนจะเอ่ย “ข้าไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุอะไรนั้นหรอก
ส่วนกำไรข้าก็เอาห้าส่วนเท่าเดิมเพียงแต่เราต้องมีการทำสัญญากันอย่างเท่าเทียม
ส่วนวิธีการนำน้ำทะเลมาทำเป็นเกลือข้าค่อยบอกอีกครั้ง แล้วก็รบกวนท่านนำแผนที่มาให้ข้าดูได้รึไม่”
ได้ฟังคำขอของบุรุษตรงหน้าแล้วอวี้ฟานซือก็รีบเดินไปรื้อกองเอกสารแล้วนำแผนหนังแผ่นใหญ่มากางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
“นี้คือแผ่นที่อาณาเขตต่างๆในแคว้นต้าเหยียนของเรา อาจจะไม่ละเอียดมากนักเพราะนี้เป็นแผนที่สำหรับพ่อค้าทำให้ไม่สามารถระบุจุดสำคัญได้
มีเพียงกำหนดขอบเขตเท่านั้น ”
ฉินหลิงพยักหน้าขอบคุณเล็กน้อยก่อนจะหันมาสำรวจแผนที่ตรงหน้าก็พบว่าแคว้นต้าเหยียนของเขานั้นมีชายแดนติดกับอีกสองแคว้น
มีทะเลและป่าขนาบข้าง และเมื่อสังเกตเห็นว่าชายฝั่งอยู่ไม่ห่างไกลกับเมืองไผ่เขียวของนักก็ทำให้ดีใจขึ้นไม่น้อย
เพราะระยะทางที่น้อยลงก็ทำให้เวลาที่ใช้ขนส่งน้อยลง
เมื่อเห็นชายหนุ่มเบื้องหน้าดูแผนที่พลางครุ่นคิด
เจ้าของหอการค้าก็แนะนำ “ถ้านายน้อยต้องการแหล่งน้ำทะเลและผู้คนไม่มากนัก ข้าขอแนะนำเมืองท่าชินโจวขอรับ
เพราะเมืองท่าชินโจวมีอาณาเขตยาวติดทะเล ทำให้เหล่าผู้คนส่วนมากเป็นชาวประมงและไม่ค่อยมีคนมาแวะเวียนเท่าใดนัก
หากเราเดินทางจากเมืองไผ่เขียวก็ใช้เวลาไม่นานด้วยขอรับ”
ฉินหลิงที่กำลังครุ่นคิดก็เงยมามองชายเบื้องหน้าแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย
“แล้วแคว้นของเราไม่มีศึกทางทะเลเลยรึ”
ยามได้ยินคำถามของชายหนุ่มก็ทำให้ชายร่างอ้วนหัวเราะเบาๆแล้วมองฉินหลิงด้วยสายตาแปลกๆ
“เรือที่บรรทุกคนได้ไม่กี่คนจะขนทหารมารบกันได้เท่าไหร่เชียว ส่วนมากเหล่าทหารมักจะสู้กันบนสนามรบ
พวกเขาจะไปรบทำไมบนทะเลละขอรับ”
คำพูดของอวี้ฟ่านซือทำให้ฉินหลิงรู้สึกตกใจเล็กน้อยกับโลกใบนี้ที่ยังไม่การพัฒนาอุตสาหกรรมทางเรือเลย
แต่เขาก็พอเข้าใจได้ว่าผู้คนของโลกใบนี้คิดเพียงแสวงหาความแข็งแกร่งเท่านั้นจนกระทั้งยอมตายได้เพียงเพื่อโอสถทิพย์ที่สามารถยกระดับพลังได้
จากความบ้าคลั่งของการบ่มเพาะทำให้เหล่าผู้คนในโลกใบนี้ละเลยด้านอื่นๆไป
เมื่อครุ่นคิดได้แล้วเขาก็ตั้งเป้าหมายว่าจะศึกษาเกี่ยวกับโลกนี้ให้มากขึ้นเพื่อหาโอกาสทำกำไรให้กับตัวเองมากขึ้น จะได้ไม่เสียชื่อเสียงของเขา 'ฉินหลิงพนักงานขายยอดเยี่ยมสามปีซ้อน'
ฉินหลิงยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนถามออกไป “ท่านมีที่ดินติดชายทะเลรึไม่
หากต้องการเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นเกลือ ข้าต้องการที่ดินติดชายทะเล
ไม่ทราบว่าท่านหาได้รึไม่”
“ข้าไม่มีที่ดินในเมืองท่าชินโจวหรอกขอรับ
แต่หากท่านไม่ต้องที่ดินใกล้กับเมืองท่ามากนัก
ข้าก็สามารถหาซื้อได้ ที่ดินริมทะเลเช่นนั้นราคาไม่ได้สูงนัก และทางการต้องการขายอย่างยิ่งเพราะมันทำประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้และไม่ค่อยมีคนต้องการซื้อกัน
ส่วนมากชาวบ้านก็มาแลกเปลี่ยนสินค้ากันที่เมืองท่าชินโจวเท่านั้น ทำให้ชายทะเลบริเวณอื่นไม่ค่อยมีคน”
ฉินหลิงที่ได้ยินคำกล่าวอีกฝ่ายเขาก็ครุ่นคิดพลางเคาะนิ้วบนโต๊ะด้วยจังหวะสม่ำเสมอ
เพราะเขากำลังคิดวิธีที่จะปิดบังแหล่งเกลือที่เขาผลิตขึ้นยังไงดี
อวี้ฟ่านซือที่มองไปยังชายหนุ่มเบื้องหน้า
เขาก็ใจสั่นเพราะด้วยกริยาท่าทาง การพูดคุย หลักการต่อรอง ความรู้
มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กอายุเพียงสิบห้าจะมีได้เป็นแน่
ทำให้รู้แล้วว่าตัวเองโชคดีที่ได้มาเจอกับชายหนุ่มคนนี้
“ข้าต้องการให้ท่านไปหาซื้อที่ดินริมทะเลและขึ้นมาบนฝั่งราวหนึ่งถึงสองลี้
จะดีที่สุดหากท่านหาซื้อที่ดินที่มีภูเขาล้อมรอบได้ เพราะข้าต้องการให้การผลิตเกลือของเราเป็นความลับ”
เอ่ยเสร็จเขาก็มองเจ้าของหอการค้าเบื้องหน้าด้วยแววตาจริงจัง
ชายร่างอ้วนพยักหน้าตอบรับ “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปจัดการด้วยตัวเอง
ข้าขอเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน ข้าจะหาซื้อที่ดินที่นายน้อยต้องการมาให้ท่านให้ได้”
“อืม รบกวนเจ้ามากแล้ว พรุ่งนี้เจ้าเตรียมรถม้าให้ข้าด้วย
ข้าจะไปพักอยู่ที่บ้านด้านประตูตะวันตกห่างออกไปราวสามลี้
หากเจ้าจัดการธุระเสร็จสิ้นก็ไปเจอข้าได้ที่นั้น” ฉินหลิงที่คิดว่าเขาต้องการฝึกวรยุทธต่อ ทำให้เขาต้องการพื้นที่ที่เงียบสงบเพื่อใช้ฝึกวิชาและหากเขาพักอยู่ในหอการค้าแห่งนี้คงไม่สะดวกเพราะมันไม่มีลานฝึกและยังมีความวุ่นวายกับคนจำนวนมากที่มาทำการค้าจึงทำให้ขาดความสงบ
ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปอาศัยบ้านของเขาที่นอกเมืองแทน
เพราะในบ้านมีลานบ้านที่ใหญ่พอไว้ฝึกวรยุทธได้
“ขอรับ เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าเด็กน้อยของข้าให้คอยดูแลท่านนะขอรับ”
อวี้ฟานซือที่ยามนี้เห็นฉินหลิงไม่ต่างจากแหล่งทองคำเดินได้ถึงกลับใช้ลูกชายไปเอาอกเอาใจบุรุษหนุ่มผู้นี้
เผื่อว่าลูกชายของเขาจะได้เรียนรู้อะไรดีๆจากเด็กหนุ่มผู้นี้บ้าง
ฉินหลิงที่กำลังจะเดินออกก็หันกลับมาเอ่ยชายเจ้าของหอการค้า
“ข้าต้องการไขมันสัตว์ด้วย รบกวนท่านหาให้ข้าด้วย”
เมื่อได้ยินคำขอของชายหนุ่มก็ทำให้อวี้ฟานซือแสดงท่าทีงุนงงเล็กน้อย
“ห๊ะ...ท่านต้องการไขมันสัตว์ไปทำอะไรรึขอรับ”
ฉินหลิงยิ้มขณะพูดออกมา “ทำสินค้าชนิดใหม่
เพิ่มรายได้ให้หอการค้าของเราไงละ”
เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็เดินตามบ่าวรับใช้ออกไปทิ้งให้อวี้ฟานซือผู้เป็นเจ้าของหอการค้าตะวันฉายยืนงงกับคำขอแปลกๆที่ชายหนุ่มขอไขมันสัตว์
แล้วเขาต้องการไขมันไปทำอะไรทำให้ชายร่างอ้วนอดไม่ได้ที่จะอยากรู้ไม่น้อยว่าชายหนุ่มจะเอาไขมันไปทำอะไร
เมื่อฉินหลิงจากไป
เจ้าเด็กอ้วนอวี้หยวนก็รีบวิ่งเข้าหาผู้เป็นพ่อด้วยแววตาเปล่งประกายก่อนเอ่ยถามอย่างว่องไว
“ท่านพ่อกับนายน้อยฉินคุยอะไรกันตั้งนาน”
อวี้ฟานซือหันมามองบุตรชายก่อนจะถอนหายใจ
“เจ้าไม่ต้องรู้ไปหรอก ตั้งแต่พรุ่งนี้ข้าจะไปทำการค้าสำคัญ ส่วนเจ้าคอยอยู่รับใช้คุณชายฉิน และเรียนรู้จากชายหนุ่มผู้นี้ให้ดี
ต่อไปภายภาคหน้าข้าจะได้ยกหอการค้านี้ให้เจ้าดูแลได้อย่างสบาย”
ส่วนเจ้าอ้วนอวี้หยวนที่ได้ยินบิดาให้เขาไปดูแลชายหนุ่มผู้นั้นก็ทำให้เขาตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะรีบปฏิเสธแต่โชคร้ายนักที่บิดาเขาได้เดินจากไปแล้ว
ความคิดเห็น