ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #289 : การหารือของเหล่าผู้นำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.99K
      459
      6 เม.ย. 63

    ภายในตำหนักหลังใหญ่ บนยอดเขาสูงสุดแห่งสำนักขจีไพรสัน
     
    ผู้อาวุโสหลักทั้ง11คนแห่งสำนักนั่งมองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้าจริงจัง หลังจากรั้งรอสถานการณ์อยู่นาน ในที่สุดสำนักขจีไพรสันจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อรวมกับการที่บรรพชนหญิงผ่านการรู้แจ้งมาก่อหนน้านี้ทำให้พวกเขายิ่งมั่นใจว่าจะก้าวผ่านความวุ่นวายในครั้งนี้ไปได้ แม้กระทั้งได้รับโอกาสในโลกลี้ลับที่เป็นดั่งตำนาน
     
    บนบัลลังก์สูงที่ตั้งอยู่เหนือเหล่าผู้อาวุโส ถางอีเหวิน บรรพชนหญิงแห่งสำนักขจีไพรสันมองดูเหล่าผู้อาวุโสในสำนักที่แต่งตัวกันเต็มยศและประดับไปด้วยของวิเศษมากมาย
     
    “ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาวันนี้เกรงว่าพวกเจ้าหลายคนพอที่จะคาดเดาเจตนาข้าได้บ้างแล้ว”
     
    “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคิดจะโจมตีหนึ่งในสำนักใหญ่เพื่อเปิดทางเข้าสู่โลกลี้ลับใช่รึไม่?” ชายชราในชุดหรูหราที่มีกลิ่นของสมุนไพรอยู่รอบตัวเอ่ยออกมา เขาคือเจ้าตำหนักโอสถที่ถูกเลื่อนให้เป็นผู้อาวุโสใหญ่
     
    “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว สำนักขจีไพรสันต้องยึดครองหนึ่งในทางเข้าโลกลี้ลับให้ได้” ถางอีเหวินเอ่ยออกมาพร้อมกับกลิ่นอายลึกล้ำเกินหยั่งจนเหล่าผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ข้างล่างสูดหายใจแน่นและพยายามปรับลมปราณที่ปั่นป่วนให้มั่นคง
     
    ก่อนหน้านี้กลิ่นอายของนางยังไม่ดูน่าหวาดกลัวเช่นนี้เลย ทว่าหลังจากผ่านการตื่นรู้ก่อนหน้านี้ เหล่าผู้อาวุโสต่างไม่อาจประเมินความแข็งแกร่งที่แท้จริงของท่านบรรพชนได้อีกต่อไป
     
    “ท่านอาจารย์ต้องการโจมตีสำนักไหนเจ้าค่ะ?” หลานชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปทางถางอีเหวินที่นั่งบนบัลลังก์ด้วยท่าทางเกียจคร้าน
     
    หลังจากได้ยินคำถามของเจ้าสำนัก เหล่าผู้อาวุโสต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองท่านบรรพชน ทางเข้าโลกลี้ลับมีทั้งหมด6ทาง พวกเขาต้องการรู้ว่าถางอีเหวินตัดสินใจบุกโจมตีสำนักใด
     
    ถางอีเหวินยิ้มออกมาเล็กน้อย นางไม่ตอบคำถามที่ชิงชิงถามมาแต่ใช้การถามกลับไป “แล้วพวกเจ้าคิดว่าข้าควรจู่โจมสำนักใดดีล่ะ?”
     
    นัยน์ตาของเหล่าผู้อาวุโสต่างทอประกายแปลกใจ หลังจากขบคิดได้ครู่หนึ่งพวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าท่านบรรพชนต้องการทดสอบพวกเขา
     
    “ข้าคิดว่าเราสมควรโจมตีสำนักคุนเผิงขอรับ”
     
    ฉินหลิงที่ยืนอยู่ข้างหลังถางอีเหวินมองไปยังชายวัยกลางคนในชุดผ้าป่านเก่าๆที่เอ่ยขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เขาคือผู้อาวุโส2ที่ขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งเดิมของถางอีเหวิน เดิมทีนั้นชายผู้นี้ได้ทำภารกิจอยู่ภายนอกสำนักจนฉินหลิงไม่เคยมีโอกาสได้เจอ อย่างไรก็ตามกลิ่นอายฆ่าฟันที่แผ่ออกมาจากร่างของเขานั้นช่างน่าตะลึงจริงๆ ไม่รู้ว่ามีกี่ชีวิตที่ต้องสิ้มลมหายใจเพราะชายที่ดูธรรมดาคนนี้
     
    “โอ้... ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเราควรเปิดสงครามกับสำนักคุนเผิง” ถางอีเหวินเอ่ยถามด้วยความสนใจ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่..
     
    ผู้อาวุโส2เงยหน้ามองไปยังร่างของถางอีเหวินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยท่าทางสุขุม เขาเอ่ยต่อโดยไม่ต้องครุ่นคิด “เพราะพวกมันสมควรตาย”
     
    เหล่าผู้อาวุโสต่างหันไปมองผู้อาวุโส2คนใหม่ด้วยความตกตะลึง ไม่มีใครคิดเลยว่าผู้อาวุโสคนนี้จะปากกล้าถึงขนาดเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาต่อหน้าถางอีเหวิน พวกเขากังวลเหลือเกินว่าผู้อาวุโส2จะไปล่วงเกินท่านบรรพชนเข้า จึงทำให้แต่ล่ะคนรีบส่งสัมผัสวิญญาณไปเตือน
     
    อย่างไรก็ตามผู้อาวุโส2กับยืนนิ่งไม่สนใจเสียงของผู้อาวุโสคนอื่นๆที่เข้ามาในหัวแม้แต่น้อย
     
    “ดี จิตสังหารของเจ้าไม่เลว” ถางอีเหวินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นางไม่โกรธที่อีกฝ่ายกล้าปล่อยจิตสังหารเบื้องหน้าแต่กลับชื่นชม ทำเอาเหล่าผู้อาวุโสหลักคนอื่นตกตะลึง “แล้วพวกเจ้าคนอื่น มีความคิดเห็นอย่างไร?”
     
    “ข้าเห็นด้วยที่จะโจมตีสำนักคุนเผิง”
     
    “ข้าเองก็มีความคิดเห็นเหมือนกับท่านผู้อาวุโส2 พวกเราสมควรโจมตีสำนักคุนเผิงเพื่อยึดทางเข้าโลกลี้ลับจากพวกมัน”
     
    “พวกเราประกาศเปิดศึกกับสำนักคุนเผิงอยู่ก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นการที่เราจะโจมตีสำนักคุนเผิงถือว่ามีเหตุผลอันสมควร”
     
    เมื่อเห็นว่าถางอีเหวินชื่นชนผู้อาวุโส2ในการเสนอให้โจมตีสำนักคุนเผิง พวกเขาจึงรีบเอ่ยสนับสนุนขึ้นมาทันที
     
     “พวกเจ้าเห็นสมควรที่จะโจมตีสำนักคุนเผิงกันหมดเลยรึ? หรือพวกเจ้าคิดว่านอกจากสำนักคุนเผิงแล้วสำนักขจีไพรสันไม่สามารถสู้รบกับสำนักอื่นได้เลย” ถางอีเหวินเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม แต่ทว่ากลิ่นอายเยือกเย็นที่แพร่ออกมากลับทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนเป็นตึงเครียด ไม่มีใครคิดเลยว่าอารมณ์ของนางจะเปลี่ยนไปเร็วเพียงนี้
     
    ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของถางอีเหวินทำให้เหล่าผู้อาวุโสตัวแข็งทื่อ ทันใดนั้นพวกเขาก็นึกได้ทันทีว่าสิ่งที่ท่านบรรพชนเอ่ยชมผู้อาวุโส2คือจิตสังหารมิใช่เพราะเรื่องการตัดสินใจโจมตีสำนักคุนเผิง ดูเหมือนในครั้งนี้พวกเขาจะเดินหมากพลาดไปแล้ว...
     
    ทว่าในตอนนั้นเองกลับมีเสียงดังขึ้น
     
    “เอ่อ... ขออภัยด้วยขอรับ แต่ข้าคิดว่าหากต้องการบุกชิงทางเข้าโลกลี้ลับจริงๆ ข้าคิดว่าสำนักขจีไพรสันควรชิงทางเข้าของสำนักมารอเวจีมากกว่า”
     
    ทุกคนต่างหันไปมองยังผู้ที่เอ่ยออกมา เขาคือหนึ่งในผู้ฝึกตนอิสระที่เพิ่งเข้าร่วมสำนักขจีไพรสันได้ไม่กี่วัน ไม่มีใครคิดเลยว่าภายในบรรยากาศที่แสนอึดอัดจะเป็นเขาที่กล้าเอ่ยวาจาออกมาเป็นคนแรก...
     
    ถางอีเหวินหรี่ตาลงด้วยความรู้สึกสนใจ “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าควรเปิดศึกกับสำนักมารอเวจีแทนที่จะเป็นสำนักคุนเผิงเหมือนคนอื่นๆ”
     
     เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา “เอ่อ... ข้าเคยได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ว่าท่านสามารถเอาชนะบรรพชนจากสำนักมารอเวจีและไล่ล่าเขาจนต้องหนีหางจุกตูด ในความคิดของข้านั้นเหล่าสำนักใหญ่ทั้งหกก็เหมือนลูกท้อที่แข็งนอกแต่ภายในอ่อนแอ ภายนอกพวกเขาอาจจะดูเหมือนแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่หากลองไม่มีชนชั้นประสานวิญญาณคอยคุ้มครองเป็นหัวมังกร ข้ามั่นใจว่าพวกมันจะพังทลายภายในชั่วพริบตา...”
     
    หลังจากได้ฟังผู้อาวุโสคนใหม่ที่รับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสหลักลำดับที่10เอ่ยขึ้นมา ผู้อาวุโสแต่ล่ะคนต่างเผยสีหน้ากระดากใจ ก่อนหน้านี้สำนักขจีไพรสันเคยเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่เกือบทำให้สำนักล่มสลายมาก่อน พวกเขาสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าหากสำนักใหญ่ไม่มีตัวตนขั้นประสานวิญญาณก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นสำนักใหญ่อีกต่อไป เปลวเพลิงแห่งความโชติช่วงจะมอดดับทันที
     
    ผู้อาวุโสคนใหม่ผู้นั้นเป็นผู้ฝึกตนอิสระมาก่อน ช่วงชีวิตของเขานั้นต้องผ่านพบความยากลำบากมากมายกว่าจะบำเพ็ญตนมาถึงขั้นนี้ได้ หากพวกเขาประเมินคู่ต่อสู้ผิดพลาดไป ชีวิตของพวกเขาต้องจบสิ้นไปนานแล้ว เพราะการที่เขาไม่มีที่พึ่งพิงอย่างสำนักขจีไพรสันนั้นเอง จึงทำให้ทุกการกระทำทุกอย่างของเขาต้องพินิจทุกอย่างให้รอบคอบ
     
    “อย่างน้อยในกลุ่มพวกเจ้าก็ยังมีคนที่ไม่โง่งมจมอยู่กับความทะนงตนอยู่บ้าง” น้ำเสียงเย้ยหยันของถางอีเหวินดังขึ้น
     
    เห็นได้ชัดว่าเจตนาของถางอีเหวินคือต้องการเตือนสติของเหล่าผู้อาวุโสหลัก สำนักขจีไพรสันไม่เคยต้องเปิดศึกมาก่อน เพื่อไม่ให้พวกเขาหยิ่งผยองกับคำว่าตนเป็นคนจากสำนักใหญ่ นางจึงต้องเอ่ยปรามเพื่อมิให้เหล่าผู้อาวุโสในสำนักเกิดความประมาทจนนำสู่ความพินาศ...
     
    แน่นอนว่านอกจากผู้อาวุโสคนใหม่ทั้งสองแล้วที่เหลือต่างก้มหน้าลง แต่ล่ะคนต่างแสดงสีหน้าลำบากใจ
     
     “ท่านอาจารย์ แท้ที่จริงแล้วโลกลี้ลับคือสิ่งใดกันแน่เจ้าค่ะ?” เพื่อไม่ให้บรรยากาศย่ำแย่ไปกว่าเดิม ชิงชิงจึงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
     
    “หือ...” ถางอีเหวินมองเจตนาของลูกศิษย์นางออกทันที “พวกเจ้าคงรู้มาบ้างแล้วสิน่ะว่าโลกลี้ลับคืออีกมิติหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยบรรพกาล หากจะพูดให้ง่ายแก่การเข้าใจมันก็เหมือนกับอุปกรณ์มิติขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุสิ่งมีชีวิตและเปลี่ยนเป็นโลกขนาดย่อมๆ ทว่าในโลกลี้ลับก็มีกฎของมันเอง อย่างโลกลี้ลับที่ข้าเคยเข้าไป...”
     
    ถางอีเหวินหยุดลงและนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งราวกับรำลึกความหลัง  “ข้าบอกได้เลยว่าอันตรายถึงที่สุด แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นพลังที่เหนือล้ำกว่าข้าในยามนี้ยังตายได้โดยไม่มีข้อยกเว้น.. นั้นแหละคือโลกลี้ลับ”
     
    หลังจากได้ยินคำพูดของถางอีเหวิน แต่ล่ะคนต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง กระทั้งผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งกว่าขั้นประสานวิญญาณยังพบเจอหายนะ เช่นนั้นแล้วพวกเขายังจะรอดได้อีกรึ?
     
    “ถ้ามันอันตรายถึงเพียงนั้น พวกเราควรที่จะเข้าไปอีกรึ? ไม่สู้ปล่อยให้สำนักอื่นไปเผชิญหน้ากับความตายเสียก่อนแล้วพวกเราค่อยลอบแทงข้างหลังพวกมัน” ผู้อาวุโส2เอ่ยออกมาด้วยท่าทางเรียบเฉยราวกับไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อยหากใช้วิธีเช่นนี้
     
    อย่างไรก็ตามถางอีเหวินส่ายหน้าเบาๆ “ถึงแม้วิธีการของเจ้าจะชาญฉลาด แต่เจ้ายังคำนวณพลาดไปอยู่อย่างหนึ่ง ในโลกลี้ลับเองนั้นเต็มไปด้วยโอกาสและโชควาสนามากมาย หากเรามัวแต่รั้งรออยู่ในโลกภายนอก ข้าเกรงว่าพวกมันคงชิงสมบัติภายในจนหมดสิ้นไปแล้ว ต่อหน้าอาวุธและของวิเศษจากยุคบรรพกาล ข้าเกรงว่าชีวิตของพวกเราในอนาคตคงได้แต่รอให้มันเชือด...”
     
    หลังจากพูดคุยกันอยู่นาน ข้อสรุปสุดท้ายที่ได้คือการบุกยึดทางเข้าโลกลี้ลับของสำนักมารอเวจี เนื่องจากถางอีเหวินเคยเอาชนะบรรพชนจากสำนักมารแห่งนั้นมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงมั่นใจว่าโอกาสในการยึดทางเข้าโลกลี้ลับจากสำนักมารอเวจีนั้นมากกว่าสำนักอื่นๆ
     
    ทว่าในตอนนั้นเอง รายงานลับฉบับหนึ่งถูกส่งมาขัดจังหวะพอดี
     
    ผู้อาวุโส4ฉีกจดหมายที่ถูกผนึกด้วยอาคมเฉพาะของเขาต่อหน้าทุกคน หลังจากอ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของผู้อาวุโส4เปลี่ยนเป็นมืดมน
     
    “ผู้อาวุโส4เกิดอะไรขึ้น?”
     
    “บอกมาเร็ว มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น!”
     
    ผู้อาวุโส4ที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวยื่นจดหมายลับไปทางหลานชิงชิงก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง
     
    “นี่มัน... สำนักใหญ่4แห่งยอมอ่อนข้อและทำสัญญาปล่อยให้สำนักและตระกูลลึกลับเข้าร่วมสำรวจโลกลี้ลับพร้อมกับพวกมัน” แขนที่จับจดหมายลับของชิงชิงสั่นระริก นางไม่คิดเลยว่าสำนักใหญ่จะยินยอมร่วมมือกับสำนักลึกลับที่เพิ่งเผยตัวออกมา  “นอกจากสำนักซากศพและสำนัก5อสรพิษที่สามารถปราบปรามผู้บุกรุกได้อย่างเบ็ดเสร็จ อีกสี่สำนักที่เหลือพวกมันต่างยินยอมให้กลุ่มคนจากภายในเข้าร่วมสำรวจโลกลี้ลับอย่างไม่มีทางเลือก”
     
    “ดูเหมือนไอพวกตาเฒ่าใกล้ตายเหล่านั้นจะเคลื่อนไหวแล้วสิน่ะ...” ถางอีเหวินถอนหายใจออกมา สิ่งที่นางกังวลไว้ดูเหมือนจะเป็นจริงเสียแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×