ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #278 : ความสับสนของผู้เป็นอาจารย์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.77K
      559
      6 มี.ค. 63

    หมัดขนาดใหญ่ของยักษ์พฤกษาพุ่งมาด้วยความเร็วสูงจนเกิดเป็นสายลมระลอกใหญ่ ตำแหน่งที่ถางอีเหวินลอยอยู่ก่อนหน้าเกิดเป็นแรงสั่นสะเทือน ผืนแผ่นดินด้านล่างแยกออกเป็นทางยาว พละกำลังของยักษ์พฤกษาที่ถูกเซี่ยรั่วหรูสร้างขึ้นมาช่างเกินจินตนาการ
     
    ถางอีเหวินที่เคลื่อนที่หลบก็ก้มมองไปยังเบื้องล่างด้วยสีหน้ามืดมน นางรีบกวาดสัมผัสวิญญาณไปหาร่างของฉินหลิงที่ไม่ได้สติอย่างรวดเร็ว
     
    “ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอก เจ้าหนุ่มผู้นั้นข้าพาเขาออกจากสังเวียนของเราแล้ว ร่างเขาอยู่ในถ้ำที่ห่างไปทางตะวันตก50ลี้” เซี่ยรั่วหรูที่นั่งอยู่บนไหล่ของยักษ์เอ่ยกับถางอีเหวินพร้อมรอยยิ้ม
     
     “เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?” ถางอีเหวินจ้องเขม็งไปทางหญิงสาวรูปงามตรงหน้า นางไม่เข้าใจการกระทำของอีกตัวตนหนึ่งของเซี่ยรั่วหรูอย่างสิ้นเชิง นางบอกว่าตัวเองเป็นอีกหนึ่งตัวตนที่เซี่ยรั่วหรูสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับความทุกข์ทรมานในใจ แต่ว่านั้นก็ไม่ใช่เป็นเหตุผลที่ต้องสู้กัน
     
    เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของถางอีเหวิน เซี่ยรั่วหรูก็ถอนหายใจออกมา “ท่านไม่เข้าใจจริงๆรึ? การที่ข้าปรากฏตัวขึ้นมาได้ก็เป็นเพราะความปรารถนาของร่างหลัก และสิ่งที่สร้างข้าขึ้นมาก็คือพลังจากสายเลือดพฤกษา หากท่านต้องการปลุกร่างหลักให้ตื่นขึ้นมาก็จงบีบบังคับให้ข้าใช้พลังสายเลือดจนหมดพลังไป แต่ถ้าท่านไม่สามารถกำราบข้าได้ บางทีร่างหลักอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย”
     
    “ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้สิน่ะ” ถางอีเหวินถอนหายใจออกมา ถึงแม้ว่าพลังของสายเลือดพฤกษาของเซี่ยรั่วหรูจะน่าตกตะลึง แต่นางก็ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย
     
    “เอาล่ะในเมื่อเจ้าต้องการต่อสู้.. จากนี้ข้าจะเอาจริงแล้ว” ร่างของถางอีเหวินเปล่งแสงเจิดจ้า รูปร่างเด็กน้อยวัย10ขวบค่อยๆเติบโตขึ้นจนเสื้อผ้าอาภรณ์ปริขาด ผิวขาวเนียนของหญิงสาวปรากฏขึ้นท่ามร่างกายเปลือย
     
    เพียงพริบตาร่างของถางอีเหวินได้เปลี่ยนมาเป็นหญิงสาวผู้เลอโฉม ชุดสีขาวลอยออกมาจากแหวนมิติผสานเข้ากับร่างอรชร แววตาคมกริบของนางดูลุ่มลึก กลิ่นอายที่กระจายออกมาเหนือเหล่าวีรชน เย้ยปฐพี เกิดเป็นความรู้สึกที่น่าสะเทือนขวัญ
     
    เซี่ยรั่วหรูหน้าถอดสี นางสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลจากร่างของหญิงสาวตรงหน้า พลังของถางอีเหวินก่อนหน้าราวกับเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความแข็งแกร่งที่แท้จริง
     
    “ในโลกธรรมชาติ มีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด  จงแหลกไปซ่ะ!!”
     
    ยักษ์พฤกษาตัวใหญ่ที่ก่อตัวจากต้นไม้นับสิบลี้โดยรอบพุ่งโจมตีไปยังตำแหน่งของถางอีเหวิน พลังที่ถูกปล่อยออกไปแต่ล่ะหมัดสะเทือนฟ้า แผ่นดินสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว และทวีความรุนแรงขึ้นทุกที
     
    อย่างไรก็ตามหมัดของยักษ์พฤกษาที่กระหน่ำเข้ามาก็ไม่อาจสัมผัสได้แม้กระทั้งชายกระโปรงของถางอีเหวิน ม่านพลังไร้รูปร่างของนางป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างหมดจด
     
    “เจ้าทำได้เพียงเท่านี้รึ?” น้ำเสียงดูแคลนของถางอีเหวินส่งไปทางเซี่ยรั่วหรูที่กำลังขบฟันแน่น
     
    “สมแล้วที่เป็นถึงบรรพชนขั้นประสานวิญญาณ พลังวิญญาณของท่านช่างเหนือล้ำเกินจินตนาการ หากว่าเป็นที่อื่นข้าอาจพ่ายแพ้แก่ท่านไปแล้ว แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ในสถานที่ที่พลังธาตุไม้อุดมสมบูรณ์ที่สุด ข้าจะให้ท่านได้ชมความสามารถของเผ่าพันธุ์พฤกษาในตำนาน” เอ่ยจบร่างของเซี่ยรั่วหรูเรืองแสงสีเขียวยิ่งกว่าเดิม พลังวิญญาณธาตุไม้ของนางแพร่กระจายจากสิบลี้ขยายเป็นห้าสิบลี้
     
    อย่างไรก็ตามการใช้พลังมหาศาลเช่นนี้ก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดมหาศาล สีหน้าของเซี่ยรั่วหรูเขียวคล้ำ เหงื่อท่วมใบหน้า ร่างกายสั่นเครือจนแทบทรงตัวไม่อยู่
     
    การกระทำของเซี่ยรั่วหรูทำให้ถางอีเหวินในร่างหญิงสาววัยผู้ใหญ่ขมวดคิ้วแน่น พลังธาตุไม้ที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างของเซี่ยรั่วหรูนั้นมากมายเหลือเกิน แม้แต่ถางอีเหวินยังไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถใช้พลังธาตุไม้ได้เท่านาง
     
    ทันใดนั้นเอง พืชพรรณและต้นไม้ในอาณาเขตรอบห้าสิบลี้เคลื่อนไหวไปมาราวกับมีชีวิต เพียงพริบตาพฤกษาที่ปกคลุมโดยรอบห้าสิบลี้ต่างพากันรวมตัวกันเป็นร่างอสูรต่างๆ
     
    หมาป่า อินทรีย์ อสรพิษ สัตว์ร้ายนานาๆชนิดที่มีร่างกายเป็นพืชเคลื่อนไหวด้วยความเร็วมาทางเซี่ยรั่วหรู
     
    ตอนนั้นเอง นอกจากยักษ์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ที่เซี่ยรั่วหรูยืนอยู่ก็เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายพฤกษาอีกหลายสิบตัว ขนาดของพวกมันใหญ่โตราวกับขุนเขาไม่แพ้ยักษ์พฤกษาตัวแรกที่เซี่ยรั่วหรูสร้างแม้แต่น้อย
     
     “เจ้าคิดว่าเพียงแค่เพิ่มจำนวนจะทำอะไรข้าได้รึ!” ถางอีเหวินมองเหล่าสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ที่กำลังล้อมนางอย่างเย็นชา “ในฐานะอาจารย์ ข้าจะสอนบทเรียนสำคัญให้...”
     
    “จงปรากฏ พิรุณสีชาด”
     
    จู่ๆท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นหม่นหมอง กลิ่นหอมของบุปผาฟุ้งกระจายไปทั่ว ฟ้าดินเกิดความแปรปรวน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นเพราะถางอีเหวิน
     
    อย่างไรก็ตามเรื่องราวน่าตะลึงยังไม่จบลง ทันใดนั้นเอง บนท้องฟ้าปรากฎกลีบดอกไม้สีแดงลอยละล่องจนทำให้ดูเหมือนเมฆสีแดง
     
    ความเปลี่ยนแปลงนี้สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ขอเพียงแค่อยู่ในอาณาเขตมู่หลง ผู้ฝึกตนย่อมสามารถมองเห็นเมฆสีแดงที่เป็นเหมือนปรากฏการณ์สวรรค์ร่ำไห้
     
    “นั้นมันใช่เมฆแน่รึ? ทำไมมันถึงมีสีแดงราวกับโลหิต หรือว่าในอาณาเขตมู่หลงจะเกิดอาเพศขึ้น”
     
    “ตรงนั้นมันเป็นพื้นที่นอกเหนืออาณาเขตที่ผ่านการบุกเบิกมิใช่รึ?”
     
    “หรือว่าจะมีสมบัติฟ้าดินเกิดขึ้น!”
     
    “มารดามันเถอะ! เกิดอะไรขึ้น ทำไมเสียงสัตว์อสูรถึงดังมาถึงแถวนี้ได้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
     
    “ไม่ดีแล้ว! ต้องรีบไปแจ้งท่านผู้อาวุโส นอกจากผู้อาวุโสที่เป็นชนชั้นหลอมรวม พวกเราไม่มีทางเดินทางไปถึงได้ทันเป็นแน่ ”
     
    “เร็วเข้า! อย่าให้สมบัติฟ้าดินที่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพฟ้าดินถูกสำนักอื่นตัดหน้าไปได้”
     
    ผู้ฝึกตนมากมายที่เข้ามาเก็บสมุนไพรหรือล่าสัตว์อสูรต่างพูดคุยดังเซ็งแซ่ ในความคิดของผู้คน ปรากฏการณ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงฟ้าดินได้ย่อมเป็นเพราะสิ่งวิเศษฟ้าดินที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตา ผู้ฝึกตนจำนวนมากตาแดงกล่ำด้วยความโลภ เมื่อเห็นสมบัติอยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่สนใจสิ่งใดและพุ่งไปยังพื้นที่ซึ่งไม่ผ่านการบุกเบิกอย่างไม่กลัวตาย
     
    เพียงแค่ได้สมบัติสวรรค์มาครอบครอง พวกเขาทั้งหลายต่างเชื่อว่าอนาคตจะเต็มไปด้วยแสงสว่างโชติช่วง
     
    แน่นอนว่าถางอีเหวินซึ่งเป็นผู้ใช้เคล็ดวิชาย่อมไม่รู้ว่าอภินิหารที่นางสร้างขึ้นได้ดึงดูดผู้ฝึกตนจำนวนมากเสี่ยงตายฝ่าสัตว์อสูรมาทางนี้
     
    เซี่ยรั่วหรูที่ยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์เงยหน้ามองไปยังบนฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าถางอีเหวินต้องการใช้เคล็ดวิชาธาตุไม้ในการตอบโต้นาง คลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากบนฟ้านั้นทำให้นางรู้สึกอึดอัด ถึงแม้ว่าตัวนางจะสามารถใช้สายเลือดพฤกษาเพื่อควบคุมพืชได้ไร้ขีดจำกัด แต่กลีบดอกไม้บนฟ้านั้นแฝงไว้ด้วยพลังโลหิตที่ชั่วร้ายอยู่ด้วย
     
    เซี่ยรั่วหรูสูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจ้องหน้าถางอีเหวิน “เช่นนั้นก็มาดูว่าจะเป็นข้าหรือท่านที่จะพินาศไปก่อน”
     
    เหล่าสัตว์ขนาดยักษ์ที่เกิดจากการควบคุมของเซี่ยรั่วหรูพุ่งไปทางถางอีเหวินที่ตัวเล็กจ้อยราวกับมด
     
    ถางอีเหวินในรูปลักษณ์สาวงามแสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ปราณวิญญาณที่ออกมาจากร่างปล่อยกลิ่นอายลึกลับ
     
    “พิรุณสีชาดเทกระหน่ำ” เอ่ยจบกลีบบุปผาสีแดงราวโลหิตพุ่งลงมาจากฟ้า กลีบดอกไม้ที่มากมายราวไร้ที่สิ้นสุดหล่นลงมาด้วยความเร็วสูงจนยากจะหลบได้ทั้งหมด
     
    ทันใดนั้นเอง พื้นที่โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยสายฝนที่เกิดจากบุปผาสีชาด
     
    อย่างไรก็ตามความน่ากลัวของบุปผาสีแดงโลหิตนั้นพึ่งเริ่มต้น ทุกครั้งที่บุปผาหนึ่งกลีบสัมผัสร่างไร้ชีวิตของยักษ์พฤกษาที่เซี่ยรั่วหรูสร้างขึ้นน้ำหนักของมันค่อยๆเพิ่มขึ้น
     
    ถึงแม้ว่าอสูรที่เกิดพฤกษาจะรวดเร็วเพียงใดแต่มันก็ไม่มีทางหลบกลีบบุปผาที่เทลงมาได้หมด
     
    เพียงพริบตา กลีบดอกไม้ของถางอีเหวินมีน้ำหนักยิ่งกว่าขุนเขา ร่างของเหล่าอสูรขนาดยักษ์ที่เกิดจากเซี่ยรั่วหรูถูกน้ำหนักของกลีบบุปผากดทับจนเคลื่อนไหวไม่ได้ ร่างกายที่เกิดจากต้นไม้แตกระแหงจากน้ำหนักมหาศาลจนแทบไม่เหลือโครงร่างเดิม
     
    ความสามารถที่แท้จริงของถางอีเหวินนั้นเหนือกว่าที่ตัวตนด้านลบของเซี่ยรั่วหรูคาดไว้หลายเท่า แม้จะเรียกว่าเป็นอีกตัวตนที่แยกจากกัน แต่นางก็มีประสบการณ์เช่นเดียวกับร่างหลัก เมื่อร่างหลักไม่เคยฝึกฝนเคล็ดวิชาสายพฤกษามาก่อน ตัวนางที่เป็นตัวตนที่มีไว้รองรับอารมณ์ด้านลบก็ย่อมไม่ชำนาญในการใช้พลังสายพฤกษา ความพ่ายแพ้ของนางเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญตั้งแต่แรกแล้ว
     
    ศึกครั้งนี้นางแพ้อย่างสิ้นเชิง สีหน้าของเซี่ยรั่วหรูเปลี่ยนเป็นขมขื่น นางเกิดขึ้นเพราะสายเลือดพฤกษาของร่างหลัก ในใจของนางย่อมมีแต่ความเชื่อมั่นในพลังแห่งสายเลือดอย่างถึงขีดสุด เมื่อสัมผัสได้ถึงความพ่ายแพ้เพราะเคล็ดวิชาธาตุไม้จึงทำให้นางยิ่งรู้สึกสลดใจ
     
    “ข้าแพ้แล้ว” เซี่ยรั่วหรูมองดูกลีบบุปผาสีโลหิตเทกระหน่ำลงมาด้วยสีหน้าอ่อนล้า ความสามารถของถางอีเหวินกับนางนั้นต่างกันฟ้ากับเหว
     
    ถางอีเหวินมองลงมาจากบนฟ้า นางรับรู้ได้ถึงความยุ่งเหยิงในจิตใจของหญิงสาว ความพ่ายแพ้ของนางนั้นหมายถึงการต้องหายเข้าไปในร่างหลักและไม่รู้ว่าจะมีโอกาสออกมาอีกรึไม่?
     
    ถางอีเหวินโบกมือเบาๆ เพียงพริบตากลีบดอกไม้สีแดงพลันร่วงหล่นลงบนพื้นและสลายหายไป
     
    แทบจะในเวลาเดียวกัน ร่างของเซี่ยรั่วหรูที่หมดพลังก็หมดสติและร่วงลงจากบนไหล่ของยักษ์พฤกษาที่แทบจะไม่เหลือโครงร่างเดิม
     
    ทว่าก่อนที่นางจะกระแทกพื้น มีพลังสายหนึ่งเข้ามาโอบล้อมร่างกายและปล่อยนางลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา
     
    ถางอีเหวินมองไปยังร่างที่ไร้สติของเซี่ยรั่วหรูด้วยความสับสน การได้รับรู้ความลับของเซี่ยรั่วหรูทำให้นางรู้สึกลำบากใจ ถึงแม้ท่าทางของนางจะดูไม่ใส่ใจแต่ภายในใจนางเกิดความรู้สึกหนักอึ้ง
     
    ตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับอารมณ์ด้านลบ ชีวิตของเซี่ยรั่วหรูอีกตัวด้านที่ซ่อนอยู่ภายในจะต้องทนทุกข์อยู่เช่นนี้ตลอดไปเชียวรึ? ข้าไม่อาจช่วยอะไรนางได้เลยรึ? ภายในหัวของถางอีเหวินเกิดความคิดขึ้นมากมาย
     
    หลังจากหลุดจากห้วงความคิด สีหน้าของถางอีเหวินเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม “พวกเจ้ามองกันพอรึยัง?”
     
    ตึงงงง!!!
     
    แรงกดดันที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งเต๋ากระจายออกจากร่างของถางอีเหวิน เหล่าผู้ฝึกตนนับสิบคนที่แอบสังเกตุการณ์อยู่ต่างกระอักเลือดออกมา สีหน้าของแต่ล่ะคนต่างเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว เพียงแค่แรงกดดันสามารถทำให้พวกเขาที่เป็นถึงชนชั้นหลอมรวมบาดเจ็บได้ ความสามารถเช่นนี้มีเพียงแต่ระดับประสานวิญญาณเท่านั้น
     
    อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ของถางอีเหวินในตอนนี้นั้นแตกต่างจากคำร่ำลือเกินไปจนไม่มีใครสามารถคาดเดาตัวตนของนางได้เลย
     
    “แค๊กๆ ขอผู้อาวุโสโปรดอภัยด้วย”
     
    “ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วยเถิด”
     
    “ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดหยุดเถอะข้าทนไม่ไหวแล้ว”
     
    เหล่าผู้ฝึกตนที่คาดหวังว่าจะได้ค้นพบสมบัติล้ำค่ากลับมาเจอการต่อสู้ที่ไม่คาดคิด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะลอบสังเกตอยู่ห่างๆ แต่ย่อมไม่อาจหนีพ้นสัมผัสวิญญาณของถางอีเหวินได้
     
    ในตอนนั้นเองเหล่าผู้ฝึกตนสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของผู้อาวุโสรูปงาม สีหน้าของเหล่าชนชั้นหลอมรวมที่เป็นผู้นำกลุ่มของสำนักทั้งหลายเปลี่ยนเป็นซีดเผือด แต่ล่ะคนคุกเข่าร้องชีวิตอย่างไม่สนใจสิ่งใด
     
    เมื่อเห็นท่าทางกลัวตายของเหล่าผู้ฝึกตนตรงหน้า เซี่ยรั่วหรูก็เลิกสนใจ นางเข้าไปอุ้มร่างของเซี่ยรั่วหรูที่ไม่ได้สติและพุ่งทะยานหายไปบนฟ้า
     
    เหล่าผู้ฝึกตนถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นร่างของผู้อาวุโสที่น่ากลัวจากไปแล้ว
     
    “เห้อ... เกือบตายแล้วไหมล่ะ”
     
    “สมบัติฟ้าดินบ้าบออะไร หากไม่ใช่เพราะข้าลงทุนบีบน้ำตามีหรือที่พวกเราจะรอดกลับมาได้”
     
    “บัดซบ! ต่อจากนี้ข้าจะไม่ให้ความโลภบังตาอีกแล้ว”
     
    “แต่ว่าผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นใครกัน ในทวีปหนานหวู่มีบรรพชนหญิงที่งดงามขนาดนี้ด้วยรึ?”
     
    เหล่าผู้ฝึกตนต่างพูดถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น โดยเฉพาะตัวตนของชนชั้นประสานวิญญาณที่ไม่เคยเห็น ในสายตาของหลายคนผู้อาวุโสผู้เลอโฉมท่านนี้อาจจะเป็นเสือหมอบมังกรซ่อนที่แอบซ่อนอยู่ในอาณาเขตมู่หลง
     
    เพียงพริบตา เรื่องผู้ฝึกตนขั้นประสานวิญญาณคนใหม่ก็ถูกแพร่กระจายออกไป ด้วยการยืนยันของเหล่าผู้อาวุโสขั้นหลอมรวมหลายคนจึงทำให้ข่าวเรื่องการปรากฏตัวของขุมอำนาจที่7เริ่มเป็นที่จับตามอง
     
    แน่นอนว่าตัวการของเรื่องอย่างถางอีเหวินยังไม่ได้รู้เรื่องแม้แต่น้อย...
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×