ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #274 : การต่อสู้อย่างต่อเนื่อง(2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.01K
      520
      27 ก.พ. 63

    ผ่านไปอีกหลายวันนับตั้งแต่ทั้งสองได้ล่าสัตว์อสูรขั้น3 หนูปีศาจ..

     

    “ศิษย์พี่ คราวนี้พวกเราจะล่าอะไรกันดี?” เซี่ยรั่วหรูเอ่ยถามชายหนุ่มที่เดินนำอยู่ข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้ม ถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดของบุรุษ แต่ทรวดทรงองค์เอวของคุณหนูจากสำนักทะยานฟ้าผู้นี้นับได้ว่าเป็นหญิงงามล้มเมืองที่ยากจะหาที่เปรียบคนหนึ่งเลยทีเดียว

     

    อย่างไรก็ตามความงดงามที่สามารถสะกดชายหนุ่มให้หลงใหลกลับไม่เป็นผลต่อชายหนุ่มแซ่ฉินผู้นี้เลย

     

    “ยังไม่รู้ ต้องดูไปก่อน” เสียงเรียบเฉยตอบกลับอย่างเฉยชา

     

    ท่าทางไร้อารมณ์ของเขาทำให้เซี่ยรั่วหรูอดรู้สึกสงสัยว่าจริงๆแล้วเขานั้นยังมีอารมณ์ต่อสตรีเพศอยู่รึไม่?  แน่นอนว่านางไม่มีทางถามอะไรเช่นนี้ออกไปเป็นแน่ เมื่อนึกภาพที่เขาทะลวงดอกเบศจมาศ(ประตูหลัง)ของหมูป่าขนเหล็กเมื่อตอนนั้น ความกล้าหาญในใจที่มีต่อเขาพลันหายวับไปทันที

     

    หลังจากผ่านไปไม่นาน ฉินหลิงจึงหยุดเคลื่อนไหวและหันไปทางหญิงสาวที่ตามหลังมา “เจ้ารออยู่ที่นี้ก่อน”

     

    เซี่ยรั่วหรูพยักหน้ารับเหมือนทุกที ก่อนที่พวกเขาจะทำการล่าสัตว์อสูร ศิษย์พี่รูปหล่อคนนี้ของนางมักจะออกไปสำรวจพื้นที่ด้านหน้าโดยรอบก่อนเป็นประจำจนนางรู้สึกชินชาไปแล้ว

     

    ผ่านไปราวครึ่งก้านธูป..

     

    ฉินหลิงกลับมาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดแน่น

     

    “ศิษย์พี่ ข้างหน้ามีสัตว์อสูรที่อันตรายอยู่รึ?” เซี่ยรั่วหรูเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นท่าทางตึงเครียดของเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีประสบการณ์ในการล่าสัตว์อสูรขั้น3อยู่เป็นประจำ แต่ก็ยังมีสัตว์อสูรอีกไม่น้อยที่เกินกำลังของพวกเขา เพราะอย่างไรพวกเขาก็เคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายจากการล่าสัตว์อสูรที่เกินกำลังตัวเองอยู่หลายครั้ง

     

    ฉินหลิงมองไปทางหญิงสาวครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ข้างหน้าประมาณห้าลี้มีกระทิงสายฟ้าอยู่ตัวหนึ่ง”

     

    “กระทิงสายฟ้า!” เซี่ยรั่วหรูเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่านางรู้จัดสัตว์อสูรชนิดนี้ดี ถึงแม้ว่ากระทิงสายฟ้าจะนับว่าเป็นอสูรขั้น3 แต่ความแข็งแกร่งของมันเกือบจะเทียบเท่าอสูรขั้น4ที่สามารถโค่นได้กระทั้งชนชั้นหลอมรวม นอกจากผิวหนังที่หนาจนยากจะทำลายแล้ว ความเร็วของมันยังเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา แถมมันยังมีพลังแฝงอย่างธาตุสายฟ้าที่น่ากลัวไว้อีกด้วย กระทั้งนักล่าที่เชี่ยวชาญในความแข็งแกร่งยังต้องคิดให้ดีก่อนจะลงมือกับสัตว์อสูรชนิดนี้

     

    เมื่อเห็นท่าทางแตกตื่นที่ไม่ได้เห็นมานานของหญิงสาว ฉินหลิงแสยะยิ้มอออกมาพร้อมกับอธิบายต่อ “ถึงแม้ว่ากระทิงสายฟ้าจะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะล่า แต่ตัวข้างหน้าที่ข้าพบนั้นมันบาดเจ็บหนัก ขาหลังของมันมีรอยบาดแผลจากคมเขี้ยวจนโชกไปด้วยเลือด ปกติกระทิงสายฟ้าจะอาศัยอยู่ภายในอาณาเขตมู่หลง ดูท่ามันคงถูกไล่ล่าจนหนีมาถึงอาณาเขตภายนอก”

     

    “โอ้..เป็นเช่นนั้นน่ะเอง แต่ข้าคิดว่าพวกเราไม่ควรไปเสี่ยงกับสัตว์อสูรที่น่ากลัวอย่างกระทิงสายฟ้า” เซี่ยรั่วหรูหรี่ตาลงมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้า ปกติแล้วเขาจะคิดอ่านรอบคอบและพยายามลดความเสี่ยงทุกอย่าง การที่เขาเอ่ยอธิบายราวกับต้องการล่ากระทิงสายฟ้าทำให้นางรู้สึกแปลกใจ  “หรือว่าที่จริงแล้วเจ้าปิดบังอะไรข้าไว้!

     

    ฉินหลิงมองสายตาที่จ้องมาก็ได้แต่ถอนหายใจ “ปิดเจ้าไม่ได้จริงๆ เอาล่ะข้าบอกตรงๆเลยล่ะกัน ข้าต้องการโลหิตของกระทิงสายฟ้า”

     

    “แล้วเจ้าจะเอาโลหิตของกระทิงสายฟ้าไปทำอะไร?

     

    “สร้างยันต์สายฟ้าฟาด”

     

    “ห๊ะ... นี้เจ้ายังเป็นผู้จารึกอักขระด้วยรึ?” เซี่ยรั่วหรูรู้สึกตกตะลึง ก่อนหน้านางเคยเห็นเพียงเขาใช้พลังอักขระในร่างเพื่อต่อสู้ จึงรับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาเป็นผู้ใช้อักขระ แต่ความสามารถในการจารึกอักขระที่เขาเพิ่งเอ่ยปากออกมาเมื่อครู่นี้ช่างเกินจินตนาการของนางไปไกล

     

    “อืม ข้าเป็นผู้จารึกอักขระขั้น2” ฉินหลิงเอ่ยตอบตามตรง อีกไม่นานนางก็จะกลายมาเป็นศิษย์ของถางอีเหวิน ซักวันนางก็คงรู้เข้าอยู่ดี แถมนางก็ผ่านประสบการณ์เป็นตายกับเขามาไม่น้อย ดังนั้นฉินหลิงจึงรู้ดีว่าหญิงสาวคนนี้เชื่อถือได้

     

    “เดี๋ยวก่อน.. ยันต์สายฟ้าฟาดเป็นยันต์ขั้น3ไม่ใช่รึ? แต่เจ้ายังไม่บรรลุขั้นแก่นทองคำเลย แล้วเจ้าจะสร้างยันต์ขั้น3ได้อย่างไร” นัยน์ตาสงสัยของหญิงสาวจ้องไปทางฉินหลิง ถึงนางจะไม่รู้เกี่ยวกับผู้ฝึกตนสายอักขระวิถีมากนัก แต่นางก็พอรู้มาว่าการจะสร้างยันต์ของผู้จารึกอักขระนั้นจำเป็นต้องมีพลังฝึกตนที่สอดคล้องกัน หากเขาที่มีพลังฝึกตนขั้นสร้างฐานและสร้างยันต์ขั้น2ได้ แม้ว่ายากจะเชื่อแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ แต่การที่เขาจะก้าวข้ามขอบเขตไปสร้างยันต์ขั้น3เลยนั้นทำให้นางรู้สึกแทบบ้า

     

    ฉินหลิงเผยรอยยิ้มออกมาแต่ไม่ได้เอ่ยอธิบายอะไรออกไป ต้องรู้ว่าความมั่นใจในการสร้างยันต์3นั้นเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้ถึงความก้าวหน้าของพลังอีกชนิดหนึ่งที่เขามี  พลังจิต!

     

    หลังจากฝืนทนใช้พลังจิตเพื่อสำรวจพื้นที่ในอาณาเขตมู่หลงอยู่เป็นประจำ ดูเหมือนความเหน็ดเหนื่อยที่เขาสูญเสียไปจะได้รับผลตอบแทน ถึงแม้พลังฝึกตนของเขาจะไม่ถึงขั้นแก่นทองคำ แต่เขาก็มั่นใจว่าพลังจิตที่แข็งแกร่งของเขาจะทดแทนกันได้

     

    “เมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนตัวไร้ค่าเลยล่ะ” เซี่ยรั่วหรูบ่นออกมาเสียงเบา ใครใช้ให้ศิษย์พี่ของนางผู้นี้เก่งกาจเกินไปล่ะ

     

    ฉินหลิงได้แต่หัวเราะแห้งๆและเอ่ยปลอบ “เอาเถอะน่า.. คนเราย่อมถนัดไม่เหมือนกัน อย่างกระบวนท่าคมหอกไร้จำกัดที่เจ้าสามารถใช้ได้ถึง8คมหอกก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าเป็นหนึ่งในยอดฝีมือวิถีหอกคนหนึ่ง หากเจ้าสำนักเซี่ยรู้เข้าคงดีใจอย่างยิ่ง”

     

    เมื่อได้ยินชายหนุ่มเอ่ยถึงผู้เป็นพ่อ สีหน้าของเซี่ยรั่วหรูเปลี่ยนเป็นหม่นหมอง นางเกิดความรู้สึกกังวลเหลือเกินว่าท่านพ่อจะสามารถทะลวงด่านได้สำเร็จรึไม่? หากว่าเขาทะลวงผ่านขั้นประสานวิญญาณไม่สำเร็จ เช่นนั้นบิดาของนางคงต้องตาย

     

    “อย่าคิดมากไปเลย บิดาของเจ้าขึ้นชื่อว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในขั้นหลอมรวม หากเขายังไม่สามารถทะลวงผ่านขั้นประสานวิญญาณได้ ในโลกนี้ก็คงไม่มีใครทำได้อีกแล้ว” ฉินหลิงปลอบหญิงสาวที่กำลังอยู่ในอารมณ์หดหู่

     

    เซี่ยรั่วหรูเหลือบมองไปทางฉินหลิงเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินคำพูดปลอบประโลมจากเขา

     

    “ฮิฮิ... ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว ท่านไม่ต้องมากังวลข้าหรอก ไปกันเถอะ กระทิงสายฟ้ารอพวกเราอยู่” เซี่ยรั่วหรูเปลี่ยนกลับมาเป็นหญิงสาวร่าเริงเช่นเคย ถึงแม้ว่านางจะรู้สึกเศร้าใจแต่นางก็รู้ดีว่าตนเองไม่อาจช่วยอะไรบิดาได้ ตอนนี้นางได้เพียงแต่พยายามให้ตัวเองแข็งแกร่งที่สุดเพื่อที่จะไม่ได้เป็นภาระของผู้เป็นบิดาอีก

     

    ฉินหลิงพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับความสงสัยในการเปลี่ยนแปลงอารมณ์อย่างฉับพลัน คงยากจะเชื่อว่าหญิงสาวที่แสนเย็นชาและเอาแต่ใจอย่างคุณหนูเพียงคนเดียวของสำนักทะยานฟ้าจะนิสัยเปลี่ยนไปเช่นนี้ได้.. แน่นอนว่าเขาคงไม่รู้ว่าความเปลี่ยนแปลงของนางเกิดขึ้นเพราะตัวเขา

     

    ต่อมาทั้งสองก็เดินทางมาถึงจุดฉินหลิงพบกระทิงสายฟ้าก่อนหน้า

     

    อย่างไรก็ตามพวกเขากลับคาดไม่ถึงเลยว่าตรงหน้าของพวกเขาไม่ได้มีกระทิงสายฟ้าอยู่เพียงลำพัง ด้านหน้ายังมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่อีกหนึ่งตัว

     

    หมูป่าขนเหล็กที่ยังไม่โตเต็มวัยยืนที่สูงเพียงครึ่งตัวของกระทิงสายฟ้ากำลังยืนอยู่จ้องหน้าอสูรที่ฉินหลิงตั้งไว้เป็นเป้าหมาย

     

    ในตอนนั้นเองหมูป่าสีน้ำตาลตัวเล็กได้ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด มันพุ่งร่างสีน้ำตาลอ่อนเข้าชนร่างของกระทิงสายฟ้าที่มีรอยบาดแผลเหวอะหวะอยู่ที่ขาด้านหลัง

     

    ทว่าก่อนที่หมูป่าขนเหล็กวัยเยาว์จะเข้าไปถึงร่างกระทิงสีดำที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ประกายสายฟ้าที่ออกมาจากเขาสีเงินของกระทิงสายฟ้าพุ่งตรงไปยังร่างของหมูป่าสีน้ำตาลอย่างรวดเร็ว

     

    เปรี้ยง!!

     

    หลังจากโดนคลื่นสายฟ้าที่น่าหวาดกลัวเข้าใส่ ร่างของหมูป่าขนเหล็กตัวนั้นล้มลงและกระตุกอยู่หลายครั้ง สายตาของกระทิงสายฟ้ามองไปทางหมูป่าวัยเยาว์ที่กล้ามาท้าทายมันอย่างดูแคลนก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่สนใจไยดี

     

    อย่างไรก็ตาม หมูป่าที่สมควรตายจากสายฟ้าของกระทิงสายฟ้ากลับลุกขึ้นได้อีกครั้ง ขนตามตัวของมันถูกเผาจนเป็นสีดำและมีกลิ่นไหม้ลอยฟุ้งกระจาย

     

    โฮกกก!

     

    หมูป่าขนเหล็กตัวเล็กคำรามออกมาพร้อมกับท่าทางบ้าคลั่ง สายตาแดงกล่ำของมันดูดุร้าย มันพุ่งร่างที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลและอาการบาดเจ็บเข้าปะทะกับกระทิงสายฟ้า

     

    กระทิงสายฟ้าที่เดินอย่างเชื่องช้าจากอาการบาดเจ็บที่ขาด้านหลังสัมผัสได้ถึงหมูป่าขนเหล็กที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างดุดัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเกิดความรู้สึกไม่ค่อยพอใจที่ถูกหมูป่าขนเหล็กวัยเด็กตัวนี้ตามราวี

     

    ตอนนั้นเอง กระทิงสายฟ้าใช้เขาสีเงินที่ยื่นออกมาอย่างแหลมคมแทงเข้าใส่ร่างของหมูป่าขนเหล็กที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างฉับพลัน

     

    ฉึกกก!

     

    “อู๊ดดดด...” หมูป่าขนเหล็กตัวเล็กที่เพิ่งขัดเกลาจนมีพลังสายเลือดขั้น2ได้ไม่นานกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกับรอยทะลุที่เกิดจากช่องว่างในลำตัว

     

    ตุบ..

     

    กระทิงสายฟ้าสะบัดร่างหมูป่าที่ติดอยู่บนเขาของมันออกและเดินจากไปอีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงร่างหมูป่าขนเหล็กที่จมอยู่ในกองเลือด สำหรับเจ้าอสูรขั้น3แล้ว หมูป่าขนเหล็กวัยเด็กที่พึ่งขัดเกลาสายเลือดมาถึงขั้น2ไม่ใช่สิ่งที่มันควรค่าจะใส่ใจ ถึงแม้ว่ามันจะบาดเจ็บแต่ช่องว่างของพลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเติมเต็มกันง่ายๆ

     

    “จะ..เจ้าหมูป่าขนเหล็กตัวนั้น” เซี่ยรั่วหรูที่ซ่อนตัวอยู่กับฉินหลิงชี้ไปทางร่างของหมูป่าที่เต็มบาดแผลด้วยท่าทางตื่นตะลึง

     

    “มีอะไรรึ?” ฉินหลิงเอ่ยถามอย่างสงสัย ถึงแม้ว่าเขาจะแปลกใจในการกระทำของหมูป่าขนเหล็กที่ยังไม่โตเต็มวัยที่ดูไม่ค่อยสมเหตุผล แต่นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรค่าให้ต้องใส่ใจมากนัก เพราะอย่างไรมันก็เป็นเพียงสัตว์อสูรขั้น2ที่เขาสามารถสังหารได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว

     

    “เจ้าจำลูกหมูตัวน้อยที่ข้าเคยอุ้มตอนที่พวกเราพึ่งเข้ามาในอาณาเขตมู่หลงได้รึไม่?.. มันคือเจ้าหมูน้อยตัวนั้น” เซี่ยรั่วหรูเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ

     

    “เจ้ามั่นใจรึว่ามันคือลูกหมูที่เจ้าเคยอุ้มตอนนั้น”

     

    “ใช่... ข้าจำได้ กลิ่นอายของมันเหมือนกับเจ้าตัวน้อยนั้นเลย พวกเราต้องช่วยมัน” บางทีนี้อาจจะเกิดจากความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจของเซี่ยรั่วหรู หากตอนนั้นนางไม่ไปจับลูกหมูที่ใสซื่อตัวนั้นเข้า แม่ของมันก็คงไม่ถูกศิษย์พี่ของนางฆ่าตาย และมันก็ไม่ต้องมาตกระกำลำบากจนเกือบตายต่อหน้านางเช่นนี้

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×