ลำดับตอนที่ #23
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : เรื่องราว (2)
ถานอวี้จี้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะหลังจากนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นก็ทำให้เธออดสับสนไม่ได้ เพราะบุคคลที่เธอรักและเกลียดชังที่สุดต่างก็คือคนเดียวกัน
หลังจากสงบอารมณ์ได้แล้วถานอวี้จี้ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ ท่านเคยกล่าวว่ามันมีเรื่องราวบางอย่างที่ข้าไม่รู้สินะ แต่ที่ท่านเล่ามามันยังไม่ใช่เหตุที่นายน้อยฉินกระทำไม่ดีต่อข้า ”
ลู่ชิงพนักหน้าเบาๆ “ ใช่แล้วละ ที่นายน้อยเคยกระทำไม่ดีต่อเจ้านั้น ข้าก็ไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัด ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ได้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นกับพวกเจ้า เพราะข้าเองก็ไม่เคยเข้าไปหอนางโลมกับนายน้อยเลยสักครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆคือ นายน้อยเคยหมดลมหายใจไปแล้วครั้งหนึ่ง ”
ถานอวี้จี้ที่กำลังฟังเรื่องราวของฉินหลิงเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างช่วยได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงผู้สืบทอดตระกูลฉินที่ยิ่งใหญ่ แล้วทำไมประสบกับเหตุการณ์เสี่ยงตาย “ เป็นเพราะอะไรรึเจ้าคะ ”
“ เหตุที่นายน้อยหมดลมหายใจ เหล่าหมอต่างบอกกันว่าเป็นเพราะกินยาปลุกกำหนัดมากเกินควร ”
“ ห๊ะ ” ถานอวี้จี้เบิกตากว้าง โดยเฉพาะเมื่อนางได้ยินเหตุผลของการเกือบตายครั้งที่แล้วของนายน้อยฉิน ก็ทำให้หญิงงามอดตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ เพราะคงหาใครไม่ได้แล้วที่จะตายจากยากำหนัดเท่านายน้อยฉินที่มีชื่อเสียงเลวร้ายด้านสตรี
ลู่ชิงมองหญิงสาวเบื้องหน้าที่กำลังตกใจก่อนจะเอ่ย “ เจ้าคิดจริงๆรึว่าจะมีคนบ้าที่ไหนกินยาปลุกกำหนัดถึงขนาดให้ตัวเองตายได้ ”
“ เช่นนั้นท่านหมายความเช่นไรรึเจ้าคะ ” ถานอวี้จี้เอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะตัวนางที่เป็นเพียงหญิงสาวจากชนบทย่อมไม่เข้าใจความหมายของคนเบื้องหน้า เพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้รู้เกี่ยวกับยาปลุกกำหนัดอะไรนัก
ลู่ชิงหรี่ตาลงก่อนจะเอ่ยออกไป “ ที่ข้าต้องการจะบอกคือ ยาปลุกกำหนัดโดยทั่วไปไม่อาจทำให้คนตายได้ไงละ และยิ่งนายน้อยเป็นผู้ฝึกยุทธด้วยแล้ว ดังนั้นมันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสังหารคนโดยใช้ยาปลุกกำหนัด ”
“ แล้วไหนท่านบอกว่านายน้อยฉินเกือบตายเพราะยากำหนัดมิใช่รึเจ้าคะ ”
เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของอีกฝ่ายลู่ชิงเอามือกุมขมับก่อนเอ่ยเสียงดัง “ บัดซบ เจ้านี้มันโง่ซะจริง เจ้าก็คิดสิ ถ้ากินแล้วไม่ตายทันที แต่ถ้าหากค่อยๆกินสะสมเป็นเวลานานก็ทำให้แม้แต่ผู้ฝึกยุทธสูญเสียธาตุหยางในกายและตายได้ยังไงละ ”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของลู่ชิง ถานอวี้จี้ก็ลุกขึ้นฉับพลันก่อนเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกำมือแน่น “ เช่นนั้นที่เขาทำไม่ดีกับข้าเป็นเพราะพิษยาปลุกกำหนัดรึ แล้วตอนนี้เขาก็เลยรู้สึกผิดเเละอยากมาชดใช้ข้าเช่นนั้นรึเจ้าคะ”
ลู่ชิงพยักหน้าเบาๆ “ จะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ผิด แต่เรื่องราวหาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่ เพราะเรื่องราวมันเกิดหลังจากที่นายน้อยฟื้นจากความตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ทั้งที่หมดลมหายใจไปแล้วนั้นเอง นายน้อยที่ฟื้นขึ้นมาไม่มีความทรงจำอะไรหลงเหลืออยู่เลย แต่สิ่งที่เขาจดจำได้มีเพียงแค่เรื่องราวของเจ้าเท่านั้น ”
ถานอวี้จี้ที่ฟังถึงเรื่องราวซับซ้อนไปมาก็ทำให้นางตกใจไม่น้อยโดยเฉพาะเรื่องราวของนายน้อยฉินที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่อาจจดจำอะไรได้ แต่สิ่งเดียวที่เขาจำได้กับเป็นเพียงเรื่องของเธอเท่านั้น ทำให้เธอรู้อดประหลาดใจไม่ได้ เพราะเขาและเธอพบเจอกันในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นแถมเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำเป็นที่สุดอีกต่างหาก “ แล้วจากนั้นละเจ้าคะ ”
“ จากนั้นเรื่องราวก็วุ่นวายยิ่งขึ้น เมื่อนายน้อยจำได้ว่าเคยพบเจ้าที่หอนางโลมนารีพิสุทธิ์นะสิ เขาถึงกับสั่งปิดหอนางโลมเพื่อตามหาเจ้าจนทำให้เขาต้องไปมีเรื่องกับผู้คนมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากเลยก็คือเจ้าทำให้นายน้อยฉินทะเลาะกับเจ้าเด็กตระกูลถังนั้นได้ ” เอ่ยจบลู่ชิงยิ้มมองหญิงเบื้องหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ แล้วเช่นนั้นพวกท่านหาข้าเจอได้เช่นไรเจ้าคะ ”
“ หึหึ...พูดถึงเรื่องนี้ต้องขอบคุณสหายเจ้าที่ชื่อเสี่ยวหลู่ ที่บังเอิญไปเห็นตอนนายน้อยลากเจ้าขึ้นเตียงยังไงละ ดังนั้นนายน้อยเลยให้เสี่ยวหลู่นำทางมาหาเจ้ายังหมู่บ้านเเห่งนี้ยังไงละ ”
เมื่อได้ยินชื่อเสี่ยวหลู่ ถานอวี้จี้ตกใจอย่างมากก่อนรีบเอ่ยถาม “ ห๊ะ..พี่เสี่ยวหลู่รึเจ้าคะ แล้วนางได้เอ่ยอะไรถึงข้าบ้างรึไม่ ”
ลู่ชิงมองหญิงตรงหน้าที่กำลังตกใจแล้วนึกไปนึกนิสัยเสี่ยวหลู่ก็พยักหน้าเข้าใจ “ ไม่ต้องห่วง นางไม่ได้แฉอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเจ้าหรอก สบายใจได้ ”
ถานอวี้จี้ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เสี่ยวหลู่ไม่ได้หลุดปากเรื่องไม่ดีของตนไปก่อนเอ่ย “ พวกท่านที่เดินทางมาถึงที่หมู่บ้านแห่งนี้ เพียงเพื่อพบข้าเช่นนั้นรึเจ้าคะ แล้วนายน้อยของท่านมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ถึงกับเดินทางมาด้วยตัวเอง ทั้งที่เขาสามารถให้ทหารมาพาตัวพวกเราไปก็ได้ ”
ลู่ชิงเอ่ยเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนเอ่ย “ ข้าก็ไม่รู้ทำไมนายน้อยถึงต้องการมาพบเจ้าด้วยตัวเอง เพราะหลังจากนายน้อยรอดตายครานั้น หลังจากตื่นขึ้นมาเขาก็ดูราวกับเป็นคนละคน นิสัยก็เปลี่ยนไป บางครั้งก็โหดเหี้ยม บางคราสุภาพ ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่านายน้อยคิดอะไรอยู่ ด้วยความทรงจำที่มีอยู่คงทำให้เขารู้สึกผิดอย่างช่วยไม่ได้ และที่นายน้อยเดินทางมาหาเจ้าในตอนแรก เขาเพียงคิดจะชดเชยความผิดที่มีต่อเจ้าจริงๆ แต่เมื่อคราแรกที่นายน้อยพบเจอเจ้าที่ตลาดเขาก็หลงรักเจ้าจริงๆ เรื่องราวมันก็เป็นเช่นนี้แหละ”
ดวงตาถานอวี้จี้แสดงความสับสนออกมาแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ “ แล้วข้าควรจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ ข้าสับสนไปหมดแล้ว ”
ลู่ชิงก็เอ่ยด้วยเสียงไม่สบอารมณ์ “ เจ้าจะสับสนอะไรอีกรึ นายน้อยตอนนี้ก็รักเจ้า แถมร่างกายของเจ้าก็เป็นของเขาแล้ว เจ้ายังจะคิดอะไรให้มากความอีก หากเจ้าไม่มีใจให้นายน้อย ก็ไปกล่าวกับนายน้อยตรงๆ หากเจ้าชอบนายน้อยของข้าอยู่บ้างก็ตัดสินใจไปอยู่กับนายน้อยข้าซะ ไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ”
เมื่อได้ยินคำกล่าวที่ตรงไปตรงมาของอีกฝ่ายก็ทำให้ถานอวี้จี้รู้สึกลำบากใจไม่น้อย เพราะหากเป็นจริงตามที่บ่าวตัวน้อยของคนผู้นั้นกล่าวออกมา ก็แสดงว่านายน้อยฉินคนที่เสียความทรงจำไปไม่เคยทำผิดต่อนางจริงๆแต่ร่างกายของนาง ถือว่าเคยเป็นของเขาไปแล้ว หากนางยังปฏิเสธเขาอีกนางก็ไม่รู้จะทำเช่นไรต่อไป “ แล้วหากข้าตัดสินใจไปอยู่กับนายน้อยของท่าน จะมีเรื่องไม่ดีกับเขาหรือไม่เจ้าคะ ”
ลู่ชิงพยักหน้าด้วยความพอใจก่อนเอ่ย “ ดีมากที่ท่านคิดถึงตัวนายน้อยของข้า แต่ข้าบอกได้เลยว่าการแต่งงานของพวกท่านเกิดขึ้นได้ยากนัก เพราะท่านคงไม่ลืมนายน้อยฉินเป็นใคร เขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลแม่ทัพใหญ่ แล้วเจ้าคิดรึว่าท่านแม่ทัพจะให้เขาแต่งกับหญิงสาวชาวบ้านที่ไม่มีภูมิหลังอะไรเลยรึ แต่จะเข้าไปเป็นอนุหรือชายารองก็พอเป็นไปได้ ”
ถานอวี้จี้กำหมัดแน่นพร้อมนึกถึงบุรุษที่ตนรักไปนอนกับผู้หญิงอื่นก็ทำให้ปวดใจไม่น้อย และเธอก็เข้าใจถึงฐานะของเขาที่ไม่อาจแต่งให้กับเธอได้ แต่เธอก็คิดถึงยามที่เขาเอาตัวบังเธอจากอาวุธทำให้เธอรู้ว่าชีวิตของเธอมีคุณค่ากับเขาแค่ไหน เพราะขนาดชีวิตของเธอที่เป็นหญิงชาวบ้านเขากล้าเอามาเสี่ยงโดยไม่คิด ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจแล้วว่าจะคอยดูแลปรนนิบัติเขาให้ดีแม้เธอจะเป็นเพียงอนุภรรยาให้เขา
ถานอวี้จี้เอ่ยด้วยเสียงแน่วแน่ “ ข้ายอมรับได้เจ้าคะ ขอเพียงได้ดูแลนายน้อยข้าก็พอใจแล้วไม่ว่าจะในฐานะอนุ หรือเป็นเพียงบ่าวไพร่ ข้าก็ยินยอม ”
ลู่ชิงที่เห็นถานอวี้จี้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับเรื่องราวที่ได้ข้อสรุปตามที่ตนต้องการ
..............................................
บ้านตระกูลถัง
ยามนี้มีหนึ่งชายหนุ่มที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังของชายวัยกลางคนที่เอามือไพล่หลังที่กำลังแหงนมองออกไปบนท้องฟ้านอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
“ ถังชุน ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าอย่าลงมือทำอะไรกับเจ้าเด็กฉินหลิงนั้น แล้วเจ้าส่งนักฆ่าไปลอบสังหารมันทำไมกัน?” เสียงชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นมาอย่างเยือกเย็นราวกับแช่แข็งอากาศโดยรอบได้
“ คะ....คือว่า ข้าเห็นว่าเจ้าเด็กสารเลวฉินหลิงมันพาองครักษ์ไปด้วยไม่กี่คน มันเป็นโอกาสดี ดังนั้นข้าเลยสั่งให้ลูกน้องข้าไปลอบฆ่ามันขอรับ ” ถังชุนเอ่ยตอบบิดาด้วยเสียงสั่น
ถังเฟิงผู้เป็นบิดาถอนหายใจออกมาก่อนหันกลับมามองผู้เป็นบุตร “ เฮ้อ... หากเจ้าได้สักครึ่งของพี่ชายเจ้า ข้าคงไม่ต้องเป็นกังวลอะไรแล้ว เจ้าคิดจะสังหารหลานชายแม่ทัพใหญ่โดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี เจ้าคิดว่ามีเพียงแค่องครักษ์ไม่กี่คนงั้นรึที่คอยปกป้องเจ้าเด็กนั้น แล้วก็เจ้าคิดว่าหากเจ้าเด็กนั้นตายขึ้นมาใครจะเป็นต้องสงสัยอันดับแรก คงไม่พ้นตระกูลถังของเราที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตเมืองไผ่เขียวเป็นแน่ และตระกูลเราจะรองรับโทสะของเจ้าแก่ฉินเจินได้รึ ต่อให้มีสิบตระกูลถังก็ไม่พอจะยันกองทัพเจ้าแก่บ้านั้นได้ด้วยซ้ำ ทีนี้เจ้าเข้าใจถึงความผิดที่เจ้าก่อแล้วรึยัง”
“ เข้าใจแล้วขอรับ....ข้อผิดไปแล้ว ท่านพ่อโปรดอภัยด้วย ” ถังชุนกล่าวออกด้วยความสั่นกลัว
“ หากว่าเจ้าไม่ใช่ลูกข้า ข้าคงไม่เก็บเจ้าไว้แล้ว จงจำไว้ต่อจากนี้ห้ามกระทำการสิ้นคิดอีก ส่วนบทลงโทษจากนี้ครึ่งปีให้ไปอยู่ในห้องไหว้บรรพบุรุษ ห้ามออกมาแม้แต่ก้าวเดียว ”
“ ขอรับ ” ถังชุนเอ่ยจบก่อนจะเดินจากไปด้วยสีหน้ามืดคล้ำ
หลังจากผู้เป็นบุตรเดินจากไป ถังเฟิงก็มองตามหลังบุตรชายไปแล้วถอนหายใจ “ หากเจ้าเด็กนั้นตายขึ้นมาจริงๆ ตระกูลถังคงไม่อาจรับโทสะจากแม่ทัพเฒ่านั้นได้เป็นแน่ ”
ถังเฟิงเอ่ยขึ้นมาคนเดียวในห้อง “ จัดการมือสังหารที่เหลืออีกสองคนให้เรียบร้อยด้วย ”
หลังถังเฟิงเอ่ยจบมีเงาดำปรากฏขึ้นด้านหลังเขาทันที “ ขอรับ นายท่าน ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น