ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #20 : บาดเจ็บ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.81K
      1.56K
      16 ก.ย. 62


    ภายใต้บ้านหลังเก่าหลังหมู่บ้านโคเขียว มีกลิ่นหอมและควันลอยขึ้นมาของอาหารบนโต๊ะอาหารซึ่งบนโต๊ะมีคนนั่งด้วยกันสามคน คือนายน้อยฉินที่ยามนี้กำลังสวมหน้ากากขาว แม่สาวคนงามถานอวี้จี้ และตัวเกะกะลู่ชิงที่กำลังกินอาหารโดยไม่ใส่ใจคนรอบข้างแม้แต่น้อย


    “ แม่นางถาน ท่านทำอาหารได้อร่อยมากเลยขอรับ ทั้งงามทั้งเก่งเช่นนี้ใครได้แต่งกันท่านคงโชคดีเหมือนกับสวรรค์หล่นทับเป็นแน่ ” บ่าวตัวน้อยที่กำลังกินไปพร้อมกับเอ่ยชมก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจึงหันกลับมามองนายน้อยตนที่กำลังกรอกตามองตนอยู่อย่างอาฆาต


    ถานอวี้จี้ที่ได้ยินคำพูดจากผู้ช่วยตัวเล็กของบุรุษสวมหน้ากากก็ยิ้มอย่างเคอะเขินก่อนจะเอ่ยออกมา “ ขอบใจที่ชมเจ้าคะ เเค่ทำอาหารง่ายๆไม่นับเป็นอะไรหรอก ”


    ฉินหลิงตีหัวเจ้าบ่าวตัวน้อยเบาๆก่อนจะเอ่ยกับสาวงาม “ แม่นางถานอย่าไปฟังมันมากนัก เจ้านี้ก็ชอบพูดจาเรื่อยเปื่อย ”


    เมื่อโดนนายน้อยตำหนิก็ทำให้ลู่ชิงบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ “มาหาว่าข้าชอบพูดเรื่อยเปื่อย แล้วใครกันมาขอวิธีจีบสาวจากข้ากัน ”


    ด้วยโต๊ะกินข้าวที่เล็กทำให้คำบ่นพึมพำของเจ้าบ่าวตัวน้อยไปเข้าหูถานอวี้จี้พอดี  เมื่อได้ยินดังนั้นจึงทำให้แม่นางคนงามก้มหลบหน้าที่กำลังแดงกล่ำก่อนจะรีบเอ่ยขอตัวไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว


    ฉินหลิงที่มองดูถานอวี้จี้จากไปก่อนที่จะหันมาเหลือกตามองดูบ่าวตัวเล็ก “ ทำไมเจ้าถึงมาร่วมโต๊ะกับพวกข้าห๊ะ~ ”


    “ ก็ไม่มีอะไรนิขอรับ ข้าหิวก็เลยมากินเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกจากนั้น ” ลู่ชิงเอ่ยด้วยท่าทางไม่แยแสซึ่งขัดกลับพฤติกรรมของตัวเองยิ่งนัก


    หลังจากทั้งสามทานอาหารเสร็จ ถานอวี้จี้ที่กำลังเก็บถ้วยชามก็ได้ยินคำถามของชายเบื้องหน้า “ แม่นางถาน ออกไปเดินเล่นกับข้าสักครู่ได้รึไม่ ”


    ถานอวี้จี้พยักหน้าตอบรับคำขอของฉินหลิง


    หลังจากเดินมาพ้นตัวบ้าน ทั้งสองก็เดินออกมาเรื่อยๆ ซึ่งสามารถมองเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีที่มีเหล่าโคเขียวฝูงใหญ่กำลังกินหญ้าอย่างเมามัน ฉินหลิงจึงเริ่มเอ่ยถาม “ วันนี้เจ้าจะไปขายของที่ตลาดอีกรึไม่ ”


    ถานอวี้จี้ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนตอบชายหนุ่มที่เดินมาเคียงคู่กัน “ ไม่ไปเจ้าคะ ข้าต้องคอยเฝ้าท่านแม่ ต้องรอจนกว่าท่านแม่จะหายป่วยดีแล้วจึงจะออกไปขายได้เจ้าคะ ขัากังวลว่าตอนข้าไปขายของอาการท่านเเม่จะทรุดลงอีก ”


    “ หลังจากแม่เจ้าหายป่วยดีเเล้วเจ้าจะทำเช่นไรต่อไปรึ จะยังกลับไปขายของตามเดิมอีกรึ ”  ฉินหลิงที่ครุ่นคิดถึงสิ่งที่สตรีด้านข้างตนที่ยังทำงานอย่างยากลำบาก แล้วหันมานึกถึงเขาเองเพราะตั้งแต่ตัวเขามาอยู่ในโลกใบนี้ เขาเองก็ยังไม่ได้ทำงานหาเงินเองซักแดงเดียวเเละทำได้เพียงใช้จ่ายเงินของครอบครัวเท่านั้น ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อยเพราะตัวเขาที่เคยหาเลี้ยงชีพตัวเองมาแต่เด็ก แต่ตอนนี้กลับเป็นเพียงคนไร้ค่าไม่สามารถทำอะไรได้เลยหากไม่มีท่านปู่ตนคอยคุ้มครอง เขาคงไม่สามารถอยู่รอดในโลกใบนี้ได้เป็นแน่


    ถานอวี้จี้ลังเลเล็กน้อยก่อนตอบ “ ข้าน้อยเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป ดังนั้นคงกลับไปขายของตามเดิมเจ้าคะ ”


    “เจ้าไม่คิดจะกลับไปเมืองไผ่เขียวแล้วรึ ? ” ฉินหลินมองเห็นไหล่ที่สั่นเทาของถานอวี้จี้ ก่อนที่เขาจะเดินไปกอดเธอแล้วเอ่ยปลอบ “ ข้าขอโทษ ข้าก็ไม่อยากจะขัดความตั้งใจของเจ้าหรอกนะ แต่ด้วยโรคที่มารดาเจ้าป่วยอยู่นั้น คงต้องใช้เวลาในการพักฟื้นอีกนาน แล้วก็โรคที่แม่เจ้าเป็นนั้นเกิดจากยุงป่าที่น่าจะกัดนางเข้าตอนที่นางเข้าไปเก็บของในป่า แล้วตอนนี้ครอบครัวเจ้าก็ยังขัดสนเงินทองอีกด้วย หากปล่อยแม่เจ้าไว้อาการนางคงกำเริบเป็นแน่ แล้วข้าก็สามารถพักอยู่ที่หมู่บ้านนี้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น  เช่นนั้นไปอยู่กับข้าเถอะนะ ”


    เมื่อเห็นท่าทีสับสนของถานอวี้จี้ เขาจับมือนางขึ้นมาโอบไว้  แล้วจ้องไปยังใบหน้าที่งดงามของนาง “ ข้ารู้ว่าเจ้าเคยผ่านเรื่องเลวร้ายมา แต่ข้าขอสัญญา ข้าจะปกป้องเจ้าด้วยทุกสิ่งทุกอย่างเอง และจะไม่ให้เจ้าเสียใจอีกแน่ ”


    “ แต่...แต่ว่า ข้าคงไม่ดีพอสำหรับคุณชาย ท่านอย่าเอาอนาคตมาทิ้งไว้กับข้าเลยเจ้าคะ ” ถานอวี้จี้เอ่ยมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาก่อนจะเอ่ยมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ ข้าเป็นเพียงแค่สตรีชาวบ้าน แถมข้ายังมีมลทินอีกแล้ว ข้าไม่เหมาะสมกับท่านแม้แต่น้อย  ท่านตัดใจแล้วไปหาหญิงสาวที่ดีกว่าข้าเถอะเจ้าคะ ”


    “ ไม่ ข้าไม่ต้องการสตรีอื่น ข้าต้องการเพียงเจ้าเท่านั้น เข้าใจไหม ถานอวี้จี้  ข้ารัก.. !!! ”


    ก่อนที่ฉินหลิงเอ่ยจบ เขาก็เหลือบไปเห็นอาวุธลับมากมายพุ่งมาเข้ามาที่พวกเขาสองคนยืนอยู่ ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วก็ทำให้ฉินหลิงตัดสินใจผลักถานอวี้จี้ล้มลงกับพื้นก่อนจะเอาตัวไปบังนางจากอาวุธลับที่พุ่งเข้ามา


    อ๊ากๆ


    ฉินหลิงที่เอาตัวป้องกันถานอวี้จี้ไว้ก็โดนอาวุธลับของชายชุดดำที่ปาออกมาเข้าไปสองดอก ทำให้เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด  ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ชายชุดดำสี่คนรีบวิ่งออกมาพร้อมชักกระบี่เพื่อเตรียมสังหารนายน้อยฉิน


    ก่อนที่ชายชุดดำจะได้เข้ามาใกล้ฉินหลิง คลื่นพลังปราณสีฟ้าเข้มที่รุนแรงอัดกระแทกเข้าไปยังชายชุดดำสองคนที่กำลังจะไปประชิดตัวฉินหลิงเพื่อเตรียมสังหารจนกระเด็นออกไป แต่ก่อนที่ชายชุดดำอีกสองที่อยู่ด้านหลังเห็นภาพเช่นนี้จึงหยุดลงมือทันทีเเละถอยกลับอย่างรวดเร็ว หนึ่งในสองที่โดนคลื่นพลังปราณสีฟ้าตาเหลือกขึ้นแล้วคอพับไปทันที ส่วนอีกคนก็บาดเจ็บสาหัสราวกับตายได้ทุกเมื่อ


    “ บัดซบ มันมีผู้ฝึกยุทธขั้นเซียนเทียน คอยคุ้มกันอยู่ ”


    “ แล้วไหนรายงาน บอกว่ามันมีผู้คุ้มกันครึ่งก้าวเซียนเทียนที่คอยคุ้มกันอยู่สองคนไง ”


    “ รีบหนีก่อน  ไป!! ”


    ชายชุดดำสองที่ยังไม่ได้เข้าปะทะกับจอมยุทธวัยกลางคนที่เข้ามาปกป้องฉินหลิงรีบเอ่ยขึ้นทันที ก่อนจะกระโดดวิ่งเข้าป่าด้านหลังก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว


    ชายวัยกลางคนที่มีพลังยุทธขั้นเซียนเทียนเห็นนักฆ่าทั้งสองวิ่งหนีจากไป เขาก็ไม่ได้ไล่ตามไปแต่อย่างใด เขาเพียงหันกลับไปมองนายน้อยฉินที่นอนบาดเจ็บไม่ได้สติ  ก่อนจะเดินมาพลิกร่างดูด้านหลังแล้วดึงอาวุธลับที่ปักค้างไว้อยู่ออกมา ก่อนจะโรยผงสีขาวประหลาดที่บริเวณปากแผล เพียงชั่วพริบตาผงสีขาวทำให้เลือดที่กำลังไหลออกมาค่อยๆหยุดไหลลงและแข็งตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาอุ้มฉินหลิงขึ้นหลัง แล้วรีบวิ่งแบกฉินหลิงไปยังทิศทางเรือนของถานอวี้จี้อย่างรวดเร็ว


    ถานอวี้จี้ที่กำลังนั่งแข็งทื่ออยู่บนพื้น ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในชั่วระยะเวลาพริบตาเดียวเท่านั้น ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังสารภาพรักนางกลับบาดเจ็บจากการลอบทำร้ายอย่างไม่ทันตั้งตัง และตอนที่เขาเอาร่างกายมาบังอาวุธสังหาร นางรู้สึกสับสนงุนงงมาก นางเป็นเพียงชาวบ้านไร้ค่าในสายตาของเหล่าผู้มีอำนาจในเมืองใหญ่ แต่นายน้อยผู้นี้กลับเสี่ยงชีวิตช่วยตัวเธอโดยไม่สนใจชีวิตของตัวเอง


    หลังจากชายวัยกลางคนที่อุ้มฉินหลิงออกไประยะหนึ่งแล้ว ถานอวี้จี้ที่พึ่งได้สติก็รีบลุกขึ้นก่อนจะวิ่งกลับไปยังบ้านของนางอย่างรวดเร็ว เพราะนางรู้ว่าผู้ที่ช่วยฉินหลิงต้องพาเขาไปที่บ้านของนางเป็นแน่


    หมอเฉายังคอยดูอาการมารดาของถานอวี้จี้อยู่ ได้ยินเสียงตะโกนเรียกเขาดังลั่น ก่อนจะได้ยินเสียงพังของข้าวของ ทำให้เขาตกใจเพราะคนที่รู้จักเขาควรมีแค่คนที่มาจากเมืองไผ่เขียวด้วยกันเท่านั้น ทำให้เขาอดสงสัยไม่น้อย ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปดูแล้วจึงพบชายวัยกลางคนที่กำลังแบกนายน้อยฉินที่เลือดท่วมตัวอยู่ ทำให้ตาเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจไม่น้อย  


    หมอเฉาเกิดถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ นะ..นายน้อยเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมถึงบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ”


     “ ไม่ต้องถามให้มากความ รีบรักษานายน้อยด่วนเลย ” เสียงแหบแห้งของชายผู้นั้นดังขึ้นสั่งหมอก่อนจะเดินไปยืนเฝ้าหน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


    ผ่านไปชั่วก้านธูปถานอวี้จี้ก็วิ่งกลับมาถึงเรือนของนาง ก็พบชายวัยกลางคนยืนหลับตานิ่งราวกับรูปปั้นอยู่ตรงหน้าประตูในบ้านของนาง ทำให้นางวุ่นวายใจไม่น้อยก่อนจะเดินเข้ามาคารวะแล้วเอ่ย “ ผู้อาวุโส  คุณชายเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ”


    ชายที่ยืนนิ่งเปิดตาเหลือบมองสำรวจสตรีเบื้องหน้าเล็กน้อยก่อนเอ่ย “ อาวุธอาบยาพิษไว้ หมอเฉากำลังรักษาอยู่ จะเป็นหรือตายข้าก็ไม่อาจรู้ได้ ”


    ถานอวี้จี้ที่ได้ยินคำพูดของชายตรงหน้าทำให้นางเบิกตากว้างก่อนที่จะร้องไห้ออกมา  “ เป็นเพราะข้า หากเพียงเขาไม่เอาตัวมาบังข้าไว้ เขาคงไม่ต้องมาเจ็บเช่นนี้ ”


    เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยิ้มเย็นชาก่อนจะเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์  “ หญิงงามกับภัยพิบัติเป็นของคู่กันสินะ เจ้าคงไม่รู้หรอกนะ เพื่อตามหาเจ้า นายน้อยฉินต้องพยายามมากมายเพียงใด แล้วเมื่อครั้งมารดาเจ้าป่วยต้องการสมุนไพรหายาก เขาสั่งการใหญ่จนแทบจะพลิกเมืองไผ่เขียวแล้วเจ้าที่เป็นเพียงหญิงชาวบ้านไร้ค่ากับเล่นตัวราวกับตัวเองเป็นองค์หญิง หึ! ”


    ถานอวี้จี้พึมพำด้วยความสับสน “ นายน้อยฉิน ที่แท้เขาคือนายน้อยฉิน ผู้สืบทอดหนึ่งเดียวแห่งตระกูลแม่ทัพใหญ่ และผู้เป็นเจ้าของเมืองไผ่เขียว  แล้วเพราะเหตุใด ทำไมเขาถึงต้องมาทำดีกับข้าเพียงนี้กัน  ทั้งๆที่ควรมีหญิงงามมากมายพร้อมนอนทอดกายให้เขา แล้วทำไมเขาถึงได้มาสนใจข้า  ทำไมเขาต้องมาเสี่ยงตายกับหญิงชาวบ้านเช่นข้าด้วย ”


    ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วก่อนเอ่ยด้วยความรำคาญแผงไปด้วยคำตำหนิ “ แล้วเจ้าคิดว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ทำทุกอย่างเพื่อสตรี เช่นนั้นเขาคิดอะไรกับเจ้าละ?  เหอะ เพียงเท่านี้ก็ไม่รู้อีกรึ? ข้าก็ไม่รู้เจ้ามีอะไรดีนัก เพียงเพราะแค่หน้าตาที่งดงามกับความหยิ่งยโสนะรึ ที่ทำให้เจ้ามั่นใจว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่เจ้าคิด ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมนายน้อยถึงได้คิดตบแต่งกับคนอย่างเจ้านัก”


    “ เขาคิดแต่งกับข้า ทำไมกัน?  ข้าเป็นเพียงแค่หญิงสาวต่ำต้อยที่เปื้อนมลทินเท่านั้น ข้าย่อมไม่คู่ควรกับนายน้อย ” ถานอวี้จี้พึมพำเสียงเบา


    ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนลง “ แม่สาวน้อย บางครั้งความคิดเช่นนั้นของเจ้านั้นเป็นเพียงการลดคุณค่าตัวเองลง แล้วทำไมเจ้าไม่คิดอีกด้านละว่าต้องทำยังไงให้ตนเองคู่ควรกับนายน้อยขึ้นมาบ้างละ ”


    ดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเบิกกว้างขึ้นก่อนที่นางจะลูบเช็ดน้ำตาออกแล้วเอ่ยด้วยความมั่นใจ “ ขอบคุณท่านมากเจ้าคะ จากนี้ข้าจะทำตามความต้องการของใจตัวเอง ข้าจะทำตัวให้เหมาะกับนายน้อยฉินให้ได้เจ้าคะ ”


    “ คิดเช่นนั้นได้ก็ดีแล้ว  ข้าเองก็เบื่อเรื่องรักของหนุ่มสาวเต็มทีเหมือนกัน ” เสียงแหบแห้งเอ่ยออกมาพร้อมทั้งปิดตาเฝ้าหน้าประตูต่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×