ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #2 : ตื่นขึ้นจากความตาย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 43.82K
      2.8K
      16 ก.ย. 62

    เมืองไผ่เขียว อาณาจักรต้าเหยียน


    “ บัดซบ!! เหตุใดตระกูลฉินต้องจบลงที่ข้า ”  ฉินเจิน เจ้าเมืองไผ่เขียวที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่รองลงมาจากเมืองหลวง กำลังคุกเข่าร่ำไห้หน้าร่างอันเย็นชืดของหลานชายที่เหลือเพียงคนเดียวของตระกูล


    ตระกูลฉิน เป็นตระกูลขุนพลแห่งอาณาจักรต้าเหยียนตั้งเเต่สมัยจักรพรรดิองค์ก่อน ซึ่งเเคว้นต้าเหยียนยิ่งใหญ่ได้เฉกเช่นทุกวันนี้เป็นเพราะฉินเจินได้นำทัพเข้าต่อสู้กับอาณาจักรต่างๆรอบชายแดนจนได้รับการขนานนาม แม่ทัพสงครามอมตะ ซึ่งความสามารถการรบที่ยอดเยี่ยมก็ได้ตกมาสู่รุ่นลูกอย่างไม่มีตระกูลใดเทียบได้


     ฉินเจิน มีบุตรชายสองคน พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นแม่ทัพที่เก่งกาจ ด้วยความสามารถทางการรบของตระกูลฉินที่สืบทอดกันมา ทำให้ตระกูลใหญ่น้อยในอาณาจักรต้าเหยียนล้วนเกิดความอิจฉาริษยา


    สงครามทำให้เกิดวีรบุรุษ ก็ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นกัน บุตรชายทั้งสองของฉินเจินแม่ทัพใหญ่ เสียชีวิตในสงครามครั้งใหญ่กับแคว้นข้างเคียง ซึ่งเหลือเพียงลูกสะใภ้ของบุตรชายคนโตที่กำลังตั้งครรภ์ท้องโตผู็เป็นสามีกลับมาจากสนามรบ เเต่เมื่อฮูหยินน้อยตระกูลแม่ทัพได้ทราบข่าวสามีจากไป ด้วยความเสียใจฮูหยินของบุตรชายคนโตก็ได้เสียชีวิตภายหลังคลอดทารกน้อยคนหนึ่งออกมา ฉินหลิง ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลฉินที่เกิดมาพร้อมกับความตายของมารดา ทำให้ตระกูลแม่ทัพแห่งอาณาจักรต้าเหยียนเหลือทายาทสืบสกุลเพียงคนเดียวเท่านั้น จากความดีความชอบที่ทำมาทำให้ฉินเจินผู้เป็นเเม่ทัพใหญ่ได้เป็นเจ้าเมืองไผ่เขียว หนึ่งในเขตปกครองที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก


    จากความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ทำให้ฉินเจินเกิดความรู้สึกผิดเเละปล่อยปละละเลยตามใจหลานชายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ด้วยอำนาจของเจ้าเมืองไผ่เขียวเเละสถานะของขุนพลจึงทำให้ไม่มีอันตรายใดที่จะมาทำร้ายหลานชายเพียงคนเดียวของเขาได้ เพียงแต่เจ้าหลานชายบัดซบของเขาแทนที่จะสิ้นชีพอย่างชายชาตรี มันกับไปตายคาอกสตรีในหอนางโลมชื่อดัง


    สาเหตุการตายของฉินหลิงผู็เป็นทายาทจากตระกูลฉิน เกิดจากการใช้ยากำหนัดมากเกินไป ทั้งที่ตัวหลานชายแม่ทัพใหญ่มีพลังยุทธ์ขั้นหลอมกายขั้นสอง กับต้องเสียชีวิตด้วยยาปลุกกำหนัด ไม่ต้องพูดเลยว่าปริมาณที่นายน้อยฉินผู้นี้ใช้จะมากเพียงใด


    เฮือก!!


    เสียงลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างขาวซีดอยา่างรุนแรง ก่อให้เกิดอาการตกใจของเหล่าหมอ และองครักษ์รอบข้างที่กำลังเฝ้ามองร่างไร้วิญญาณของทายาทตระกูลฉิน


    “หลิงเอ๋อ”เสียงเรียกตกใจและดีใจของแม่ทัพเฒ่าที่เต็มไปคราบน้ำตาดังขึ้น เเละก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอย่างรวดเร็ว “ท่านหมอ รีบเข้ามาตรวจดูอาการหลานชายข้าเร็ว!!” ฉินเจินรีบสั่งให้หมอรีบตรวจอาการของหลานชายเพียงคนเดียวทันที


    “ น่าประหลาดยิ่งนัก ถึงชีพจรของคุณชายน้อยจะดูอ่อนแรงไปบ้าง แต่ดูไม่เหมือนอาการของคนที่ฟื้นมาจากความตายเลยขอรับ นี้เป็นครั้งแรกของข้าที่ได้เห็นคนตื่นจากความตายตั้งแต่ข้าเป็นหมอมาสามสิบกว่าปี ช่างเป็นปาฏิหารย์แท้ๆเลยขอรับท่านแม่ทัพ ดูเหมือนตระกูลของท่านจะมีเทพศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ” เสียงของหมอดูตื่นตกใจเมื่อพบว่าคนที่หยุดหายใจและไม่มีชีพจรแล้วเหตุใดถึงยังไม่ตาย เเถมยังกลับมาหายใจได้ปกติ เรื่องราวที่เกิดขึ้นช่างเป็นเหตุการณ์ที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน


    ' เกิดอะไรขึ้น ' ฉินหลิงเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีลืมตาขึ้นพร้อมกับสังเกตเห็นเหล่าคนที่ใส่ชุดโบราณ โดยที่เขาไม่สามารถนึกอะไรได้เลยว่ามันเกิดอะไร ทั้งที่ตนเองกำลังเปิดประตูห้องหลังกลับจากที่ทำงาน เเต่เเทนที่จะเจอห้องพักที่เขาเช่าอยู่ แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี้ได้ คนโดยรอบที่กำลังมุงดูเขาอยู่คือใคร ภาษาแปลกประหลาดที่เขาไม่รู้จักเเต่ฟังเข้าใจ แท้ที่จริงเเล้วมันเกิดอันใดขึ้น


    “ พวกคุณเป็นใคร ”เสียงแหบของชายหนุ่มดังขึ้นด้วยอาการมึนงง “หลิงเอ๋อ นี้ปู่เจ้าไง เจ้าจำข้าไม่ได้รึไง  เสียงแม่ทัพชราฉินเจินตอบกลับมา


    หลังจากนั้นไม่นานเด็กหนุ่มก็ส่ายหน้าไปมาราวกับว่าเห็นผู้เป็นปู่คือคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ฉินเจินมีสีกังวลอย่างเห็นได้ชัดเเละหันไปถามหมอว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่มที่นอนบนเตียง


    ' เกิดบ้าอะไรขึ้น ' ฉินหลิงขมวดคิ้วแน่นพลางคิดภายในใจ เหตุใดตนเองถึงมีปู่ขึ้นมาได้ทั้งที่ตนเองเป็นเด็กกำพร้าเเละใช้ชีวิตมาจนอายุสามสิบกว่าปี แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทั้งที่เขาก็ไม่ได้ตาย ทำไมเขาจึงต้องมาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มคนนี้ และยุคสมัยโบราณที่ไม่คุ้นเคยอย่างนี้อีก ความคิดมากมายตีกันไปมาในหัวของฉินหลิง


    “ ท่านแม่ทัพ อาการของคุณชายน้อยอาจเกิดเพราะหลังจากที่ลมหายใจหยุดลง จึงทำให้อาการความจำเสื่อมชั่วครามได้ขอรับ ดังนั้นควรให้คุณชายน้อยพักผ่อนก่อนแล้วค่อยพาคุณชายน้อยไปสถานที่ที่คุณชายน้อยไปบ่อยๆหรือที่ประทับใจขอรับ ” เสียงหมอที่ตอบกลับมายิ่งทำให้แม่ทัพเฒ่าขมวดคิ้วแน่นเข้าไปอีก เเต่เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาพอคลายความสงสัยและโล่งอกได้บ้าง เมื่อเห็นว่าหลานชายตนปลอดภัยก็รู้สึกดีใจไม่น้อยแต่เมื่อคิดถึงสถานที่ที่เจ้าเด็กบัดซบผู้นี้ประทับใจรึ  ไม่ร้านเหล้า ก็คงเป็นหอนางโลม


    “ หลิงเอ๋อ เจ้าผักผ่อนไปก่อน หากต้องการอะไรก็เรียกบ่าวรับใช้ ข้าจะให้องครักษ์คุ้มกันไว้ที่หน้าประตู ” หลินเจินบอกแก่หลานชายตนที่กำลังนอนงุนงงบนเตียง แล้วจึงเดินออกนอกห้องพร้อมท่านหมอและเหล่าองครักษ์


    ฉินหลิง ชายหนุ่มที่พึ่งมาจากอีกโลกพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยร่างกายที่อ่อนแรงด้วยการพยุงของบ่าวรับใช้คนสนิท


    “ นี้ เกิดอะไรขึ้นกับข้า ” ฉินหลิงเอ่ยถามบ่าวตัวน้อยวัยสิบสองสิบสามปี 


    “ เอิ่ม...คุณชายต้องการให้ข้าพูดจริงๆรึขอรับ ” บ่าวตัวน้อยตอบมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน


    หลังจากฉินหลิงพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อยืนยันให้บ่าวตัวน้อยที่มีนามว่า ลู่ชิง เล่าเหตุการณ์ความเป็นมาของตระกูลฉินและนิสัยนายน้อยตระกูลฉินผู้เป็นเจ้าของร่างเดิม


    โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหลังจากนายน้อยฉินผู้นี้ดื่มสุรากับเหล่าสตรีในหอนางโลมอย่างเมามาย จึงพาเหล่าสตรีทั้งหลายขึ้นห้องเพื่อจะร่วมกิจกรรมสำคัญ เเต่ก่อนที่จะได้ยินรัญจวนจากเหล่าสตรีกลับมีเสียงกรีดร้องของเหล่าหญิงคณิกาดังขึ้น เเละทำให้เหล่าองครักษ์ที่ยืนรออยู่ด้านหน้าหอนางโลมรีบขึ้นไปถึงห้องของเขา ก่อนจะพบร่างนายน้อยของพวกเขาสลบไม่ได้สติ ดังนั้นองครักษ์จึงรีบพาฉินหลิงกลับมาที่จวนเจ้าเมือง


    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉินหลิงคนปัจจุบันถึงกับพูดไม่ออก ปู่ของเจ้า บิดาของเจ้า พวกเขาเเต่ละคนล้วนเป็นนักรบเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ เหตุใดบิดาที่เป็นพยัคฆ์ถึงมีบุตรเป็นสุนัขเช่นนี้ได้ แล้วเจ้าสารเลวตัวน้อยนี้พึ่งมีอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น กลับรู้จักเข้าหอนางโลม แล้วข้าที่ใช้ชีวิตมานานกว่าเจ้าเด็กคนนี้เป็นสองเท่าของเจ้า เหตุใดจึงยังไม่เคยประสบการณ์กับสตรีคนใดเลย ฉินหลิงเผยความแค้นในใจกับการที่ในช่วงชีวิตที่แล้วตัวเขาเองไม่สามารถหาแฟนสาวได้ เนื่องจากการที่เขาไม่มีเวลาเพราะต้องทำงานหาเงินเรียนหนังสือจนจบ หลังจากเรียนจบแทนที่จะหาหญิงสาวมาเป็นคู่ชีวิต กับพบว่าที่ทำงานของเขาไม่มีพนักงานหญิงในบริษัทแม้เเต่คนเดียว จึงทำให้ชีวิตรักในชีวิตเก่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องหญิงสาวเเม้เเต่น้อย


    ผ่านไปไม่นานจู่ๆฉินหลิงที่กำลังสาปเเช่งเจ้าของร่างคนเก่าก็เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ภาพหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวมอมแมมที่กำลังโดนชายหนุ่มฉุดกระชากเข้าไปในสถานที่ไม่คุ้นตา แล้วลงมือข่มเหงหญิงสาวผู้นั้น จากนั้นไม่นานฉินหลิงที่กำลังสับสนกับภาพในหัวก็เกิดความรู้สึกเศร้าใจ เสียใจ  อารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่เอ่อร้นออกมาจนทำให้น้ำตาของเขาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว


    “ นายน้อยเป็นอะไรรึขอรับ ร้องไห้ทำไม ” ลู่ชิง บ่าวตัวน้อยถามด้วยอาการกระวนกระวาย แต่นายน้อยของเขากลับโบกมือพร้อมบอกให้ออกไปเพราะจะนอนพักผ่อน


    หลังจากรู้สึกดีขึ้นจากอาการปวดหัว ฉินหลิงกลับมึนหนักยิ่งกว่าเดิม เจ้าสารเลวน้อยตัวนี้มันทำให้เขาจำได้เพียงเหตุการณ์ที่มันข่มเหงสตรีเท่านั้นรึ แล้วความรู้สึกเศร้าเสียใจที่เขารู้สึกในตอนท้ายมันคืออะไร ความจริงแล้วเรื่องราวมันเกิดอันใดขึ้น ฉินหลิงครุ่นคิดอยู่ในใจถึงเหตุการณ์นั้นว่าทำไมตนเองถึงจำได้แต่หน้าหญิงสาวคนนั้น


    เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่ชิง บ่าวประจำตัวเขาได้น้ำมาล้างหน้าบ้วนปาก และเปลี่ยนชุดให้ ทำให้ฉินหลิงเกิดความรู้สึกแปลกๆกับการที่ต้องมีคนมาคอยใส่เสื้อผ้าให้ เเต่ด้วยชุดที่ไม่คุ้นเคยเขาจึงทำได้เพียงยืนนิ่งๆให้ลู่ชิงสวมใส่ให้ หลังจากเเต่งกายเรียบร้อยเขาก็เดินตามลู่ชิงไปยังห้องสำรับที่มีท่านปู่หรือขุนพลเฒ่านั่งคอยอยู่


    “ หลิงเอ๋อ เจ้ายังรู้สึกไม่สบายตัวอีกรึไม่ ให้ปู่เรียกหมอมาดูอาการเจ้าดีรึไหม ” ฉินเจิน ถามอาการหลานชายเพียงคนเดียวเเละผู้เป็นทายาทของตระกูลฉินด้วยน้ำเสียงที่เเสดงออกถึงความเป็นห่วง “ ข้าไม่เป็นไรขอรับท่านปู่ ” ฉินหลิงตอบกลับด้วยท่าทีเกรงใจเพราะถึงอย่างไรเขาที่เป็นเด็กกำพร้าก็ยังไม่คุ้นชินกับการที่ต้องมีญาติผู้เช่นนี้ใหญ่ 


    หลังจากได้นอนพักไปหนึ่งคืน ฉินหลิงก็ได้นึกทบทวนแล้ว ก็เห็นว่าในเมื่อตนเองและเจ้าของร่างคนเก่าที่มีนามว่าฉินหลิงเเละเป็นชื่อเดียวกันกับเขาได้ตกตายไปเเล้วนั้น ถือว่าได้มีวาสนาต่อกัน จึงทำให้ฉินหลิงตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตต่อในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลฉิน และเมื่อนึกถึงเจ้าเด็กคนนี้ที่ได้ตายไปก็เป็นเหมือนตนเองที่กำพร้าบิดามารดา แต่เขายังโชคยังดีที่มีปู่ที่ตามใจทุกอย่างจนทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายเเรงอย่างนี้ขึ้น


    “หลิงเอ๋อ ปู่ไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ปู่จะปกป้องเจ้าจนกว่าชีวิตจะหาไม่” ฉินเจินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง สมดังที่เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นต้าเหยียนที่ทำให้ศัตรูรอบทิศต่างหวาดกลัว


    ฉินหลิงในชีวิตก่อนผู้ซึ่งไม่เคยได้รับสัมผัสความอบอุ่นและการปกป้องจากครอบครัวตาแดงกล่ำพร้อมกับหยดน้ำเล็กๆที่ริมตา ก่อนจะใช้มือปัดไปมาเหมือนเด็กร้องไห้ “ ข้าไม่รู้ว่าเมื่อก่อนข้าเป็นคนยังไง แต่ตอนนี้ข้าจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ให้ท่านภูมิใจให้ได้ขอรับ ” ฉินหลิงพูดออกมาอย่างจริงใจ


    “ ฮาๆๆ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เจ้าจะคิดได้ เห้อ ความจริงเรื่องราวทั้งหมดคงจะไม่เกิด หากปู่ของเจ้าใส่ใจเจ้ามากกว่านี้ ในเมื่อเรื่องเลวร้ายผ่านไปเเล้วก็อย่าได้สนใจอีกเลย ” ฉินเจินยิ้มออกมาด้วยสีหน้าสดใส กับการที่เห็นหลานชายเพียงคนเดียวพูดออกมาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง “ ไปหยิบสุรามา ข้าจะดื่มกับหลานข้า วันนี้ข้าอารมณ์ดียิ่งนัก” ฉินเจินตะโกนเสียงดังทำให้เกิดเหล่าบ่าวไพร่ยิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเป็นเวลานานแล้วที่ท่านแม่ทัพไม่ได้อารมณ์ดีเช่นนี้ โดยปกติหากไม่คุณชายน้อยไปก่อเรื่อง ก็เป็นเหตุศึกสงคราม จึงทำให้ปู่ของเขาฉินเจินมักจะดูเคร่งขรึมตลอดทั้งวัน


    “ท่านปู่ ข้าพึ่งหายป่วยยังไม่อาจดื่มได้ขอรับ” ฉินหลิง ตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม


     “ฮา ฮา ไม่เป็นไร เจ้ากินเยอะๆเถอะได้หายป่วยไวๆ อยากได้อะไรก็สั่งแม่ครัว” ผู้เป็นขุนพลเฒ่าเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับรอยยิ้มที่ปิดไม่มิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×