คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #184 : ความไร้ยางอายของผู้เฒ่าตระกูลเฉิง
การต่อสู้ระหว่างคุณชายจากตระกูลเฉิงที่ยิ่งใหญ่กับชายหนุ่มปริศนาที่มีพลังเพียงก่อตั้งวิญญาณขั้น2ทำให้เหล่าศิษย์ที่กำลังเข้ามารับชมอยู่ข้างเวทีต่างพากันตื่นเต้นจนเดือดพล่าน
ในตอนแรกไม่มีใครกล้าคิดเลยว่าศิษย์ภายนอกธรรมดาคนหนึ่งจะคว้าชัยจากเฉีงอี้หานที่ถูกเลี้ยงดูฟูมฟักจากตระกูลเฉิงมาอย่างดีได้
ไม่ต้องพูดถึงผู้ชมที่เป็นศิษย์ตัวน้อยที่ฝึกตนมาไม่ถึงร้อยปีเลย
แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสขั้นแก่นทองที่กำลังยืนอยู่รอบนอกยังแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มผู้ที่เป็นทั้งผู้ใช้และผู้จารึกอักขระพุ่งเข้าปะทะกับกระบี่บินในตำนาน
หากในครั้งแรกที่เขาใช้เลือดตัวเองเซ่นสังเวยเพื่อควบคุมและหยุดการทำงานของระฆังคุ้มกายนั้นยังคงอยู่ความเข้าใจของพวกเขา
แต่การยึดเอากระบี่มาเป็นของตนนั้นเกินขอบเขตความเข้าใจของเหล่าผู้เฒ่าขั้นแก่นทองไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากการต่อสู้นี้จบลงชื่อฉินหลิงคงถูกพูดถึงในฐานะอัจฉริยะหน้าใหม่อย่างแน่นอน
ด้วยความสามารถราวกับอสูรกายที่อาศัยเพียงพลังก่อตั้งวิญญาณขั้ร2แต่กลับโค่นศิษย์ภายนอกลำดับ10
พูดไปแล้วใครจะเชื่อ หากไม่ได้เห็นกับตามีหรือพวกเขาจะเข้าใจได้ถึงความน่ากลัวของผู้ฝึกตนสายอักขระวิถี
“เฮๆๆๆๆ ฆ่ามัน!!!”
“สุดๆไปเลย ต่อจากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าลูกพี่
ลูกพี่ฉิน”
“เชือดมัน เอาเลือดมันมาสังเวยยยยย!”
เหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่โดยรอบตะโกนเสียงดังเพื่อกระตุ้นให้ฉินหลิงปลิดชีพเฉิงอี้หาน
ต้องรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้สร้างแรงกระตุ้นแก่เหล่าศิษย์สำนักขจีไพรสันอย่างมากมาย
พวกเขาที่เห็นการปะทะเดือดทำให้เกิดความรู้สึกฮึกเหิมราวกับตัวเองอยู่บนเวทีเสียเอง
ฉินหลิงดึงกระบี่ที่ปักอยู่คาอกออกมาจากร่างของเฉิงอี้หานก่อนจะสะบัดคราบเลือดที่เกาะติดอยู่บนกระบี่ไม้ออกไป
และจ้องมองไปยังกระบี่ในมือด้วยสีหน้าซับซ้อนยากจะเข้าใจ
นับตั้งแต่เขาได้รับตัวอ่อนกระบี่มาจากเจ้าสำนักปีศาจทมิฬรุ่นที่10
เจ้าแดนกระบี่เดียวดาย
เขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวอ่อนกระบี่ที่ฝังตัวอยู่ในตันเถียนได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองปีที่ผ่านมายามที่เขาฝึกฝนศาสตร์แห่งอักขระสุดชีวิต เขาก็ไม่รู้สึกถึงตัวอ่อนกระบี่ในร่างราวกับมันหายไปจากตัวเขาไปเลย
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ตัวอ่อนกระบี่ที่ไร้รูปไร้ลักษณ์ตื่นจากการจำศีลที่ยาวนาน
กระบี่ไม้ในมือขวาของฉินหลิงคือกระบี่เล่มแรกที่เขาใช้หลังจากบรรลุเป็นผู้ฝึกตน
ต้องรู้ว่าเมื่อเต๋าแห่งกระบี่ถูกทำลายลง
ทั้งเคล็ดวิชาและอาวุธอย่างกระบี่ก็ไร้ค่าไปทันที
เมื่อเวลาไหลผ่านไปนานนับหมื่นปีจึงทำให้สิ่งที่เกี่ยวข้องการผู้ฝึกตนสายกระบี่ค่อยๆถูกกลบเลือนไปพร้อมกับกาลเวลา
แน่นอนว่าฉินหลิงเองก็เคยรบกวนให้ตาเฒ่าหม่าช่วยตามหาสิ่งที่เกี่ยวกับผู้ฝึกตนสายกระบี่ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาหรือเศษซากอาวุธ
แต่อย่างไรความหวังของเขาก็ไม่เคยสำเร็จเลย
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าในการประลองเป็นตายกับศัตรูที่หึงหวงและคิดไปเองว่าตัวเขามีความสัมพันธ์กับถางเฉินซีที่ชอบเรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์พี่จะได้พบอาวุธที่เขาตามหามาแสนนาน
เส้นผมสีดำที่ผูกมัดอย่างหยาบๆพลิ้วไหวไปตามสายลม
สายตาแน่วแน่ดั่งภูผาที่ตั้งมั่นราวอยู่มาตั้งแต่สมัยบรรพกาล รวมกับมือขวาที่กุมกระบี่แน่นทำให้ภาพลักษณ์ของฉินหลิงในเวลานี้ดูราวกับเซียนกระบี่ที่หลุดมาจากยุคโบราณ
กลิ่นอายที่ไหลออกมาจากร่างของฉินหลิงในเวลานี้ทำให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกต่ำต้อยราวกับอีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิในขณะที่ตัวพวกเขาเป็นเพียงสามัญชน
ทันใดนั้นเองก็มีแสงพุ่งออกมาจากด้านนอกเวทีมายังตำแหน่งของเฉิงอี้หาน
ฉินหลิงที่เห็นลำแสงสีเขียวพุ่งเข้ามาก็รีบถอยอย่างรวดเร็ว
เขารู้ว่าด้วยพลังในตอนนี้ไม่อาจต้านชายชราที่พุ่งเข้ามาได้เลย
“หานเอ๋อร์! เจ้าต้องไม่เป็นไร
ปู่รองจะไม่มีทางให้เจ้าตายเด็ดขาด”
เฉิงซือหยางรีบคว้าเอาเม็ดยาสีเขียวที่มีกลิ่นหอมฟุ้งกระจายใส่ปากของเฉิงอี้หานที่กำลังบาดเจ็บหนัก
หากเป็นมนุษย์ธรรมดาถูกกระบี่แทงเข้ากลางอกคงไม่อาจยื้อชีวิตได้นานเพียงนี้อย่างแน่นอน
แต่ร่างกายของผู้ฝึกตนนั้นมีไอวิญญาณหล่อเลี้ยงอยู่จึงทำให้พวกเขาแข็งแกร่งและมีพลังชีวิตมากกว่ามนุษย์จะคาดคิด
โดยเฉพาะเฉิงอี้หานที่ใกล้สำเร็จเป็นผู้ฝึกตนขั้นสร้างฐาน
ดังนั้นหากไม่ได้ตัดหัวหรือทำลายอวัยวะภายในก็ยากที่จะฆ่าเขาได้
“แค๊กๆ”
เฉิงอี้หานที่ได้รับเม็ดยาจากผู้อาวุโสในตระกูลก็กระอักเลือดดำออกมา
สีหน้าซีดเซียวในคราแรกเริ่มมีเส้นเลือดฝาด
อาการบาดเจ็บเริ่มดีขึ้นทันตาแต่สายตาที่จ้องมองไปยังฉินหลิงยังคงแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว
หากไม่เพราะมีผู้อาวุโสในตระกูลมีหรือเขาจะรอดชีวิตกลับมาได้
ชายชุดดำที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการก็ส่ายหน้าเบาๆ
เขาไม่ได้เข้าไปห้ามการกระทำของเฉิงซือหยางเพราะเขาต้องการปล่อยให้ชายชราช่วยชีวิตทายาทตระกูลเฉิง
เขาคิดว่าอัจฉริยะอย่างชายหนุ่มที่ชื่อฉินหลิงยังมีอนาคตอีกไกลและไม่สมควรไปผิดใจกับคนตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเฉิง
เขาเชื่อว่าตราบใดที่ยังมีเวลาในอนาคตตระกูลเฉิงอาจจะเป็นเพียงหินรองเท้าให้ชายหนุ่มผู้ใช้อักขระ
ทันใดนั้นเองเฉิงซือหยาง
ชายชราจากตระกูลเฉิงหันมามองทางฉินหลิงอย่างโหดเหี้ยม “เป็นศิษย์สำนักเดียวกันแท้ๆทำไมถึงโหดเหี้ยมได้เช่นนี้
สำนักขจีไพรสันของเราไม่ใช่สำนักมารที่จะเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยมไร้ปราณีเช่นนี้
นอกจากแย่งชิงยุทธภัณฑ์จากหลานข้า เจ้ายังถือดีที่ว่าเป็นผู้ฝึกตนอักขระแล้วมารังแกผู้อื่น
ในฐานะผู้อาวุโสของสำนักข้าขอลงทัณฑ์เจ้าเพื่อไม่ให้ศิษย์คนอื่นๆเอาเจ้าเป็นแบบอย่าง”
เหล่าศิษย์โดยรอบต่างพากันอ้าปากค้างกับความหน้าหนาไร้ยางอายของผู้เฒ่าตระกูลเฉิง
ต่อให้ใช้เท้าคิดพวกเขาก็รับรู้ได้ว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของชายชราผู้นี้ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย
พวกเขาท้าประลองเป็นตายแล้วเจ้าอ้างว่าโหดเหี้ยม? ตาเฒ่าหน้าท่านทำมาจากหินรึไง
ทำไมถึงด้านได้ขนาดนี้!
แน่นอนว่าเฉิงซือหยางเข้าใจดีว่าการกระทำของตัวเขาไม่ถูกต้องและผิดกฎของสำนัก
แต่เพื่อช่วยเมล็ดพันธุ์ที่ดีอย่างเฉิงอี้หาน
เขายอมถูกประณามดีกว่าต้องมาเห็นทายาทในตระกูลตายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้
“ไปตายซ่ะ!!!” คลื่นพลังสีเขียวหมุนวนในฝ่ามือของเฉิงซือหยางปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วและพุ่งไปทางชายหนุ่มผู้เป็นศัตรูกับหลานชาย
เฉิงซือหยางมองดูคลื่นพลังวายุพุ่งไปทางฉินหลิงด้วยสายตาเยือกเย็น
เขารู้ดีว่าเขาต้องได้รับโทษสถานหนักอย่างแน่นอน
ด้วยการฆ่าศิษย์อัจฉริยะไปเช่นนี้เบื้องบนของสำนักคงไม่ปล่อยผ่าน และด้วยพยานจำนวนมากขนากนี้ยังไงเขาก็หนีไม่รอด
แต่เขาเชื่อว่าตราบใดที่ชายหนุ่มผู้นี้ตายไปเขาก็สามารถหาหนทางรอดได้
ด้วยอำนาจของตระกูลเฉิงที่มีผู้อาวุโส12คอยกำกับอยู่โทษตายคงเป็นไปไม่ได้แต่อาจถูกจำคุกหลายสิบปีแทน
ถึงแม้การฆ่าอัจฉริยะจะมีความผิดร้ายแรง
แต่อัจฉริยะที่ตายไปแล้วจะนับว่าเป็นอัจฉริยะได้อีกหรือ?
ฉินหลิงเองที่กำลังสำรวจกระบี่ในมือก็รู้สึกตัวถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาทันที
ทันใดนั้นเองตัวอ่อนกระบี่ในร่างราวกับถูกกระตุ้น
ปราณวิญญาณที่ถูกกักเก็บอยู่ในตัวอ่อนกระบี่ถูกปล่อยออกมาราวกับคลื่นน้ำโหมกระหน่ำอีกครั้ง
กระบี่ไม้ในมือขยับไปเองตามสัญชาตญาณ
เพียงพริบตาคลื่นกระบี่สีขาวพุ่งออกมาจากกระบี่ไม้ในมือของฉินหลิงเข้าปะทะกับคลื่นวายุลมหมุนสีเขียวที่ถูกปล่อยออกมาจากชายชราตระกูลเฉิง
ตู๊ม!!!!!
การปะทะระหว่างคลื่นกระบี่และพลังสายลมก่อให้เกิดระเบิดขนาดใหญ่
สายลมกรรโชกรุนแรงพุ่งออกไปด้านข้างจนพัดพาศิษย์รับใช้ที่มีพลังอ่อนด้อยปลิวไปหลายจ้าง
แม้กระทั้งกระอักเลือดก็มีบ้าง
สายตาของเหล่าตาเฒ่าขั้นแก่นทองและศิษย์ที่เหลือยืนดูอยู่ต่างเบิกกว้าง
หัวใจของพวกเขากระหน่ำรัวราวกับสามารถหลุดออกจากหน้าอกได้ทุกเมื่อ หากการปะทะก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่สุดยอดแล้วล่ะก็...
การปะทะครั้งนี้คงเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้แห่งปาฏิหาริย์
ผู้ฝึกตนชนชั้นก่อตั้งวิญญาณสามารถรับการโจมตีและโต้ตอบชนชั้นแก่นทองได้
ถึงจะอาศัยอาวุธวิเศษอย่างกระบี่บินในตำนานก็เถอะ คงยากจะพูดได้ว่าเขาเป็นคนธรรมดา
ชายชราจากตระกูลเฉิงเองก็แทบไม่เชื่อสัมผัสตัวเองเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะสามารถต้านทานพลังโจมตีของเขาได้
ถึงแม้เขาจะปล่อยพลังไปแค่สามส่วน
แต่ส่วนต่างระหว่างขั้นก่อตั้งวิญญาณและแก่นทองห่างกันราวโลกกับสวรรค์
เป็นไปไม่ได้เลยว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งจะสามารถป้องกันไว้ได้แม้จะมีอาวุธวิเศษคุ้มกัน
ฝุ่นควันค่อยๆจางลง
ศิษย์ที่กำลังชมการต่อสู้ก็มองเห็นร่างชายหนุ่มถือกระบี่ไม้ที่เต็มไปด้วยรอยร้าวกำลังทรุดเข่าอยู่ข้างหนึ่ง
อย่างไรก็ตามสายตาของเขาแดงกล่ำราวกับโลหิตจดจ้องไปทางคนของตระกูลเฉิงด้วยจิตสังหาร
กลิ่นอายโลหิตจากเคล็ดวิชามารถูกปล่อยออกมาจากตัวของเขา
“ผู้อาวุโสตระกูลเฉิงหยุดน่ะ
นี้คือสนามประลองเป็นตายของเหล่าศิษย์ไม่ใช่สถานที่ที่ท่านเข้ามายุ่งเกี่ยวได้”
ชายชุดดำที่ลืมตัวไปชั่วขณะก็รีบหันไปเตือนเฉิงซือหยางที่กำลังขมวดคิ้วแน่น
“เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักมารที่ลอบแฝงตัวเข้ามาสิน่ะ
วันนี้ข้าจะขจัดภัยคุกคามให้แก่สำนัก”
ชายชราเอ่ยข้ออ้างของเขาก่อนจะพุ่งเข้ามาทางชายหนุ่มที่กำลังบาดเจ็บ
“ไม่น่ะ!!”
ชายชุดดำที่เป็นคนรับผิดชอบสนามประลองรีบพุ่งเข้าไปหยุดการโจมตีของชายชราจากตระกูลเฉิง
แน่นอนว่ามันสายไปแล้ว ด้วยพลังขั้นแก่นทองขั้น1มีหรือจะตามความเร็วของตาเฒ่าที่มีพลังแก่นทองขั้น5ได้
แววตาของชายชุดดำเผยความเสียใจออกมาเมื่อเห็นว่ากำปั้นของชายชรากำลังเข้าปะทะกับใบหน้าของฉินหลิง
อย่างไรก็ตามในขณะที่กำปั้นของเฉิงอี้หานกำลังเข้าถึงฉินหลิง
ป้ายตราสีแดงที่อยู่ในแขนเสื้อของชายหนุ่มพุ่งออกมาขวางกั้นการโจมตี
แสงสว่างสีแดงทอประกายเป็นกลีบดอกไม้สวยงามขวางกั้นป้องกันไม่ให้ผู้เฒ่าจากตระกูลเฉิงทำร้ายฉินหลิง
แกร๊กๆๆๆ
คลื่นพลังที่ออกมาจากแผ่นป้ายค่อยๆแตกร้าวเพราะการโจมตีของเฉิงซือหยางก่อนจะกระแทกร่างชายชราจนกระเด็นกลับออกไป
แผ่นป้ายตัวแทนของผู้อาวุโส2ล่วงหล่นด้านหน้าฉินหลิง ราวกับการฝืนรับการโจมตีเมื่อครู่ทำให้พลังงานของมันหมดลงไป
ความคิดเห็น