ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #175 : เเย่งชิงลูกศิษย์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.09K
      866
      12 ก.พ. 63

    ฉินหลิงเองก็รู้สึกสับสนไม่แพ้กันเมื่อตัวเขากำลังถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าผู้อาวุโสที่น่าเกรงขามกว่า5คน ต้องรับรู้ว่าเพียงแค่กลิ่นอายที่ผู้อาวุโสเหล่านี้ปล่อยออกมาอย่างไม่ตั้งใจก็ทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้านแล้ว การถูกล้อมด้วยเหล่าเซียนเฒ่าที่เก่งกาจทำให้ฉินหลิงรู้สึกใจสั่น แต่ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่เคยผ่านความเป็นตายมาหลายครา เขาจึงใช้เวลาไม่นานก็สามารถสงบใจที่กำลังว้าวุ่นลงได้

     

    “ผู้อาวุโส2เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกท่านถึงมารวมตัวกัน” ชายร่างใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทั่วร่างราวกับอสูรในร่างมนุษย์หันไปเอ่ยถามหญิงสาวที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ครึ่งด้านด้วยน้ำเสียงเคารพอยู่หลายส่วน

     

    ผู้อาวุโส2หันไปมองศิษย์ของตัวเองที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “ซีเอ๋อร์เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าถึงฉีกยันต์ที่ข้าให้ไว้?

     

    ถางเฉินซีที่เห็นผู้อาวุโสหลายคนนอกจากผู้อาวุโสที่3ซึ่งเป็นชายชราหันมามองก็รู้สึกเกรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ต้องรู้ว่านางมีพลังฝึกตนเพียงก่อตั้งวิญญาณขั้น6เท่านั้น เพียงแค่แรงกดดันเบาๆของผู้อาวุโสขั้นหลอมหลวมก็เพียงพอกดนางให้จมดินแล้ว โดยเฉพาะหญิงสาวรูปงามที่อยู่บนเรือเหาะซึ่งแรงกดดันของผู้อาวุโส11ยิ่งทำให้นางเจ็บปวดภายในร่างกาย

     

    ผู้อาวุโส2ที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมายังลูกศิษย์ของตนก็เงยหน้าไปบนฟ้าก่อนจะสะบัดมืออย่างง่ายๆ

     

    กลีบดอกไม้สีแดงราวกับโลหิตปรากฏออกมาพร้อมกับการสะบัดมือของผู้อาวุโส2พุ่งไปยังตำแหน่งเรือเหาะอย่างไม่รอช้า

     

    เสียงอากาศถูกกลีบดอกไม้กรีดดังขึ้นบ่งบอกได้ถึงความแหลมคมและรุนแรงของการโจมตีดังกล่าวได้โดยไม่ยากเลย

     

    ผู้อาวุโส11ที่มีรูปโฉมงดงามเองก็ไม่คิดเช่นกันว่าหญิงอัปลักษณ์ผู้นั้นจะโจมตีโดยไม่เอ่ยเตือนใดๆต่อนาง แต่นางก็เป็นผู้ฝึกชนชั้นหลอมรวมผู้หนึ่งเช่นกัน จึงสามารถตอบสนองได้ทันท่วงที

     

    เพียงพริบตาผู้อาวุโส11ก็สะบัดผ้าสีสันต์สดใสให้พุ่งออกมาจากแขนเสื้อเข้าปะทะกับกลีบดอกไม้ที่คมราวกับใบมีดของผู้อาวุโส2

     

    ผ้าของผู้อาวุโส11ถูกกลีบดอกไม้ของผู้อาวุโส2ทำลายอย่างง่ายดายก่อนจะถูกทำลายลงด้วยพลังจากผ้าไหมเนื้อดีในที่สุด แต่ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังทันทีหลังจากรับการโจมตีของผู้อาวุโส2เข้าไป

     

    อย่างไรก็ตามในขณะที่นางกำลังโต้เถียงหาเหตุผลกับหญิงอัปลักษณ์อย่างไม่บอกกล่าว  เรือเหาะลำสวยของนางก็ค่อยๆเเตกร้าวเป็นเส้นใยและพังลงทันที

     

    ผู้อาวุโส11ปล่อยจิตสัมผัสออกไปจึงพบได้ว่าทั่วเรือเหาะสวยงามของนางถูกดอกไม้สีชาดเจาะทะลวงจนแตกหักและพังทลายลงไป

     

    เศษซากไม้เนื้อดีที่ทำเป็นเรือเหาะวิเศษค่อยๆล่วงหล่นลงบนพื้น ในขณะที่ผู้อาวุโส11รูปงามค่อยๆร่อนลงบนพื้นด้วยท่วงท่าสง่างาม “ทำไมศิษย์พี่หญิงถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้?  ผู้อาวุโส11เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราวกับตัวเองถูกกลั่นแกล้ง

     

    “หากเจ้ายังกล้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่หญิงอีก ข้าจะกรีดปากเจ้าจนถึงหูเลย หากไม่เชื่อเจ้าจะลองดูก็ได้!!!” ผู้อาวุโส2แสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมกับใช้แขนอีกข้างพยุงร่างศิษย์ของตัวเองที่กำลังล้มลงด้วยแขนข้างเดียว

     

    ในดวงตาของผู้อาวุโสรูปงามเผยความหวาดกลัวแฝงไว้อย่างปิดไม่มิด เพียงแค่การออกกระบวนท่าง่ายๆกลับสามารถทำลายพาหนะของนางได้อย่างง่ายดาย สมแล้วที่นางขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีที่น่ากลัวที่สุดของสำนักขจีไพรสัน

     

    การปะทะกันของสตรีทั้งสองไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามปรามแม้แต่น้อย ต้องรู้ว่าพลังของผู้อาวุโส2เป็นรองเพียงผู้อาวุโสใหญ่และเจ้าสำนักเท่านั้น การเข้าไปยุ่งกับการขัดแย้งของพวกนางก็มีแต่รนหาที่ตาย

     

    หลังจากสถานการณ์สงบลง ผู้อาวุโส2ก็หันกลับไปมองลูกศิษย์ของตัวเองอีกครั้ง “ซีเอ๋อร์เล่ามา เกิดเรื่องอะไรกันแน่”

     

    “เจ้าค่ะท่านอาจารย์..” ถางเฉินซีเอ่ยตอบรับด้วยสีหน้าเคารพก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ภารกิจที่ได้รับมาจนถึงเรื่องที่ศิษย์รับใช้สองคนบังเอิญผ่านมาและการต่อสู้ของฉินหลิงจนถึงเมื่อผู้อาวุโส3ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือศิษย์ภายนอกทั้งสี่คนที่กำลังถูกอสรพิษเพลิงสังหาร

     

    หลังจากถางเฉินซีเล่าจบ นอกจากผู้อาวุโส3ที่สำรวจพบอักขระวิถีในร่างของฉินหลิงแล้ว เหล่าผู้อาวุโสทั้ง4คนต่างหันมาจ้องยังชายหนุ่มในชุดสีเขียวราวกับกำลังมองเหยื่อชิ้นโต

     

    ไม่ต้องพูดถึงชายหนุ่มตรงหน้าที่เป็นทั้งผู้ใช้และผู้จารึกอักขระเลย พวกเขาที่บำเพ็ญตนมานานย่อมรับรู้ถึงความสำคัญของผู้ฝึกตนสายอักขระวิถีดียิ่งกว่า สิ่งของวิเศษส่วนมากย่อมต้องถูกผู้จารึกอักขระลงอักขระเพื่อเพิ่มพลังทั้งสิ้น แถมค่าใช้จ่ายที่พวกเขาสูญเสียให้แก่เหล่าผู้ฝึกตนสายอักขระนั้นเกินกว่าที่ผู้ฝึกตนชั้นก่อตั้งวิญญาณจะจินตนาการไหว ดังนั้นในสายตาของเหล่าผู้อาวุโสฉินหลิงก็เป็นเหมือนชิ้นเนื้อที่สามารถมอบผลตอบแทนได้อย่างมหาศาล

     

    เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขามีพลังฝึกตนเพียงก่อตั้งวิญญาณขั้น2กลับสามารถบรรลุขึ้นเป็นผู้จารึกอักขระขั้น1ได้แล้ว พรสวรรค์ที่เรียกได้ว่าไม่เคยมาเห็นมาก่อนขนาดนี้ ย่อมก่อให้เกิดการแย่งชิงจนต้องเข่นฆ่าเพื่อชิงตัวเขาอย่างแน่นอน ต้องรู้ว่าส่วนมากแล้วผู้จารึกอักขระขั้น1ส่วนมากมักจะเป็นผู้ฝึกตนขั้นสร้างฐานแล้วทั้งสิ้น เพราะอย่างไรกว่าที่ผู้ฝึกตนคนหนึ่งจะเข้าใจถึงการฝึกฝนอักขระพวกเขาก็ต้องใช้ทั้งพรสวรรค์และทรัพยากรมหาศาล

     

    ผู้อาวุโสทั้ง5ที่ได้รับรู้ความจริงต่างมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที แต่ล่ะคนต่างคิดแผนการต่างๆไว้ในใจ

     

    ผ่านไปไม่นาน ชายร่างยักษ์ที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโส8ก็หันมาเอ่ยกับฉินหลิง “เจ้าหนุ่ม เจ้าสนใจมาเป็นลูกศิษย์ของข้ารึไม่? ถึงแม้ว่าข้าจะไม่มีความสามารถในการสอนเกี่ยวกับวิถีแห่งอักขระ แต่ข้าสามารถพาเจ้าไปหาวัสดุวิเศษได้อย่างไม่จำกัด ด้วยพลังกายของข้าไม่มีที่ได้ที่ข้าไม่กล้าไป!!

     

    “หึ..เจ้าสมองกล้าม” ผู้อาวุโส9ในชุดแดงเจิดจ้าพึมพำออกมาก่อนจะหันมาทางชายหนุ่มที่ถูกพวกเขาล้อมด้วยสีหน้าอ่อนโยน “น้องชายตัวน้อย หากเจ้าสนใจมาเป็นศิษย์ข้า ข้าขอรับรองว่าเจ้าจะสามารถฝึกตนได้อย่างไม่ติดขัด หากเจ้าต้องการอะไรก็สามารถเอ่ยบอกได้เลยน่ะจ๊ะ”

     

    “ฮิฮิ... ผู้อาวุโส9 ข้าเกรงว่าพ่อหนุ่มน้อยคงกลัวท่านแล้วน่ะเจ้าค่ะ” เอ่ยจบผู้อาวุโส11ก็หันไปยิ้มด้วยรอยยิ้มสดใสทางฉินหลิง “พ่อหนุ่ม หากเจ้าต้องการจริงๆข้าก็สามารถหาสิ่งต่างๆให้เจ้าได้ไม่แพ้ผู้อื่น นอกจากนี้ข้ายังช่วยเจ้าฝึกฝนบำเพ็ญตนแบบ ตัว-ต่อ-ตัว ได้ด้วยน่ะ”

     

    “โฮะๆๆ เหล่าศิษย์น้องแต่ล่ะคนช่างร่ำรวยยิ่งนัก ตาเฒ่าผู้นี้ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรพอจะช่วยเจ้าได้มากนักหรอก แต่ข้าพอสามารถหาเม็ดยาแก่เจ้าได้อย่างไม่จำกัดเท่านั้นเอง และเม็ดยาระดับ4อย่างเม็ดยายกระดับพรสวรรค์ข้าก็สามารถปรุงมันให้เเก่เจ้าได้เช่นกัน” ชายชราที่ปรากฏในตอนแรกเอ่ยด้วยท่าทีสบายๆราวกับสิ่งต่างๆย่อมต้องเป็นตามที่เขาคาดหวังไว้อย่างแน่นอน

     

    นอกจากผู้อาวุโส2ที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาราวกับไม่ได้สนใจในตัวชายหนุ่มผู้นี้เลย ผู้อาวุโสคนอื่นต่างหันมาจ้องยังชายชราผู้นี้อย่างแค้นเคือง ต้องรู้ว่าผู้อาวุโส3เป็นนักปรุงยาฝีมือดีรองมาจากผู้อาวุโสใหญ่ที่ใกล้สิ้นอายุขัยแล้วเท่านั้น ด้วยตำหนักที่เขาดูแลอยู่อย่างตำหนักโอสถก็บ่งบอกอยู่แล้วถึงความร่ำรวยของเขา  เเต่ล่ะปีเจ้าได้กำไรจากการซื้อขายโอสถเท่าไหร่? แล้วเขายังมีหน้ามาบอกอีกว่าตัวเองไม่ได้ร่ำรวย

     

    ด้วยผลตอบแทนที่ชายชราเสนอ เหล่าผู้อาวุโสต่างเชื่อว่าฉินหลิงย่อมต้องเลือกเป็นลูกศิษย์ของตาเฒ่าไร้ยางอายผู้นี้อย่างแน่นอน

     

    อย่างไรก็ตาม คำตอบของชายหนุ่มกลับทำให้พวกเขาสับสนเพราะสิ่งที่ปลายนิ้วที่ฉินหลิงชี้ก็คือทางผู้อาวุโสสองที่มีใบหน้าอัปลักษณ์อยู่ครึ่งซีก

     

    แน่นอนว่านอกจากการโต้เถียงกับสตรีรูปงามที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโส11... ผู้อาวุโส2 เองก็ไม่ได้เอ่ยวาจาใดๆที่บ่งบอกถึงความต้องการรับชายหนุ่มเป็นศิษย์แม้แต่น้อยราวกับนางไม่ได้ให้ความสนใจต่อฉินหลิงที่มีพรสวรรค์ในวิถีอักขระเลย

     

    ถางเฉินซีที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้อาวุโส2เองก็รู้สึกตื่นตกใจเช่นกัน นางไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมศิษย์น้องผู้นั้นถึงได้เลือกอาจารย์ของนาง ทั้งที่ข้อเสนอแต่ล่ะอย่างของผู้อาวุโสคนอื่นช่างยั่วยวนและไม่น่าปฏิเสธได้เลย แม้แต่เจ้าอ้วนเหอที่ยืนห่างออกไปยังสับสนกับตัวเลือกของฉินหลิง

     

    “หนุ่มน้อย เจ้าอาจจะหมกมุ่นอยู่แต่การฝึกฝนจารึกอักขระจนไม่เข้าใจความสำคัญของโอสถ เจ้าต้องรู้ว่าหากเจ้าเป็นศิษย์ข้า เจ้าจะสามารถบำเพ็ญตนได้อย่างรวดเร็วแถมยังสามารถฝึกฝนจารึกอักขระได้อย่างพร้อมเพรียงกัน” ผู้อาวุโส3ที่คิดว่าข้อเสนอของตัวเองดีที่สุดสูญเสียความเยือกเย็นทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มเลือกผู้อาวุโส2

     

    ฟิ๊ว!!!

     

    เพียงพริบตาผู้อาวุโส2ก็ปรากฏตัวด้านข้างฉินหลิงแทรกชายชราบังคับให้เขาให้ก้าวถอยออกไปอย่างรวดเร็ว “ตาแก่อู่ เห็นแก่หน้าท่านที่เป็นนักปรุงยามากฝีมือ ได้โปรดอย่ามายุ่งกับศิษย์ข้าอีก!!!

     

    เห็นได้ชัดว่าสตรีที่มีใบหน้าน่ากลัวผู้นี้กล้าข่มขู่กระทั้งชายชราซึ่งเป็นถึงนักปรุงยามากฝีมืออย่างไม่เกรงกลัวย่อมบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่านางไม่ธรรมดา

     

    ผู้อาวุโส3ที่เห็นสีหน้าของสตรีตรงหน้าก็หัวเราะแห้งๆออกมาก่อนจะโค้งหัวเล็กน้อยเพื่อขออภัย ต้องรู้ว่าในสำนักยังมีกฎที่ห้ามผู้อาวุโสแย่งลูกศิษย์กันเอง ก่อนหน้านี้ฉินหลิงเองก็เลือกผู้อาวุโส2ให้เป็นอาจารย์แล้ว การกระทำของเขาถือได้ว่าผิดกฎของสำนักจริงๆและที่สำคัญคือสตรีตรงหน้าคือผู้พิพักษ์ของสำนักด้วย หากเขายังคงเอ่ยมากไปกว่านี้เกรงว่าคงสร้างปัญหาแก่ตัวเอง

     

    ในขณะเดียวกันผู้อาวุโส11ที่อยู่ในรูปร่างงดงามราวกับเทพธิดากัดฟันแน่นเมื่อเห็นชายหนุ่มเลือกสตรีอัปลักษณ์เป็นอาจารย์ นางที่แสดงท่าทีเป็นศัตรูกับผู้อาวุโส2ตั้งแต่แรกย่อมไม่พอใจเมื่อเห็นว่าสิ่งที่นางมุ่งหวังกลับตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่าย

     

    ส่วนผู้อาวุโสอีก2คนที่เห็นว่าชายชราไม่ได้ฉินหลิงเป็นศิษย์ก็หัวเราะอย่างพอใจ ต้องรู้ว่าพวกเขาสู้ความร่ำรวยกับผู้อาวุโส3ไม่ไหว ดังนั้นจึงรู้สึกเคืองอยู่ในใจแต่เมื่อเห็นว่าศิษย์รับใช้ผู้นั้นไม่ได้เลือกผู้อาวุโส3เป็นอาจารย์จึงทำให้พวกเขารู้สึกราวกับได้ตบหน้าชายชราผู้เป็นเจ้าของตำหนักโอสถ

     

    ฉินหลิงเผยสีหน้าพอใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นผู้อาวุโส2ออกหน้าปกป้องตัวเอง

     

    ต้องรู้ว่าตลอดการปรากฏตัวของเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายเหล่านี้ เขาได้สังเกตถึงลักษณะนิสัยของผู้อาวุโสคนต่างๆอย่างจริงจัง ซึ่งส่วนมากแล้วแต่ล่ะคนมุ่งหวังแต่จะใช้ประโยชน์จากตัวเขาในฐานะนักจารึกอักขระทั้งสิ้น แตกต่างจากสตรีผู้ที่มีใบหน้าอัปลักษณ์คนนี้อย่างสิ้นเชิง

     

    เขามีความรู้สึกดีแก่หญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ตั้งแต่นางกล้าสู้กับผู้อาวุโสอีกคนอย่างไม่เกรงกลัวเมื่อสังเกตเห็นศิษย์ส่วนตัวของตนเองถูกแรงกดดันของผู้อาวุโส11กลั่นแกล้งจนแทบล้มกับพื้น

     

    ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าการตอบโต้ของผู้อาวุโส2จะเป็นเพราะความห่วงใยจริงๆหรือเพียงเเค่ศักดิ์ศรี แต่เขาก็มั่นใจหากเขาอยู่ในความดูแลของอาจารย์ผู้นี้เขาจะปลอดภัยกว่าผู้อื่น

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×