ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #167 : ต่อรองกับชิงชิง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.26K
      790
      12 ก.พ. 63

    “คุณหนูใหญ่รึ? ทำไมข้าถึงรู้สึกไม่ชอบใจเลยเวลาที่เจ้าเรียกข้าเช่นนี้” ชิงชิงเอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เมื่อได้ยินฉินหลิงเรียกนางว่าคุณหนูใหญ่แทนที่จะเป็นชื่อของนางเหมือนที่ผ่านมา

     

    ฉินหลิงที่เห็นบรรยากาศรอบตัวชิงชิงไม่ค่อยดีนัก เขาจึงเดินพานางไปนั่งด้านในบ้านที่พึ่งผ่านการซ่อมแซมได้เล็กน้อย

     

    หลานชิงชิงมองรอบตัวบ้านที่ยังดูทรุดโทรมจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำออกมา “บ้านด้านนอกก็มีตั้งมากมายทำไมถึงเลือกบ้านผุๆใกล้จะพังเช่นนี้ล่ะ ข้าล่ะไม่เข้าใจความคิดของเจ้าจริงๆเลย”

     

    “แล้วเจ้ามีเรื่องอะไร?” ฉินหลิงเองก็ทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูดเท่าไหร่และเอ่ยถามจุดประสงค์ของการมาเยือนของนาง 

     

    ชิงชิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ “หากไม่มีเรื่องอะไรข้าจะมาหาเจ้าไม่ได้เลยรึ!!

     

    ฉินหลิงก็ส่ายหัวเบาๆด้วยความเอื้อมระอากับความเอาแต่ใจของสตรีตรงหน้า เขารู้ว่าหากต่อล้อต่อเถียงกับนางต่อไปวันหนึ่งก็คงไม่จบดังนั้นฉินหลิงจึงเลือกที่จะเงียบ

     

    เมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้เอ่ยวาจาใดๆออกมา ชิงชิงจึงเอ่ยถาม “เจ้าไม่คิดจะไปอยู่ด้านในสำนักจริงๆรึ? ข้ารับรองว่าจะไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเจ้าอีก แถมไอวิญญาณบนยอดเขายังหนาแน่นเหมาะแก่การบำเพ็ญตนอีกด้วย ขอเพียงเจ้าเอ่ยปากขึ้นมาคำเดียวข้าก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเจ้า!!

     

    สีหน้าของฉินหลิงซับซ้อนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกของหญิงสาวตรงหน้าไหนเลยเขาจะไม่รู้ เพียงแต่ชีวิตหลังจากสูญเสียถานอวี้จี้ไปแล้วนั้นทำให้เขาหวาดกลัวที่จะมีรักใหม่ไปเสียแล้ว ความรู้สึกที่ไม่อาจปกป้องคนรักของตัวเองได้ยังคงหมุนเวียนอยู่รอบตัวเขาตลอดเวลา

     

    ชิงชิงเองก็พยายามพูดคุยกับฉินหลิงเพื่อหวังว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะใจอ่อนลงบ้าง แต่ดูเหมือนการกระทำของนางจะไม่มีผลใดๆต่อฉินหลิงเลย

     

    การสนทนาของชายหญิงก็ดำเนินไปจนตกดึก ดวงจันทราส่องแสงสว่างท่ามกลางราตรีที่มืดมิดสะท้อนเข้ามาภายในห้องของฉินหลิงรวมกับแสงเทียนที่ถูกจุดขึ้นมาก่อเกิดเป็นเงาที่มีรูปร่างคนสองคนสั่นไหวไปมา

     

    “ชิงชิง!

     

    หลานชิงชิงที่ได้ยินชายหนุ่มตรงหน้าเรียกชื่อของนางตรงๆอีกครั้งก็รู้สึกใจสั่นไหว “มีอะไรรึ? หรือต้องการขึ้นไปอยู่ด้านในสำนักกับข้าแล้ว”

     

    ฉินหลิงรู้สึกทึ่งกับความเพียรของนางก่อนจะหยิบขวดโอสถโปรงใสออกมาตั้งด้านหน้าของชิงชิง “ข้าอยากให้เจ้าตรวจสอบขวดใส่โอสถนี้ให้หน่อยน่ะ”

     

    หลังจากได้เห็นขวดแก้วโปร่งใสจนมองทะลุเข้าไปด้านในได้ ชิงชิงก็รีบหยิบขวดโอสถออกมาและเทโอสถสีแดงด้านในออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

     

    เมื่อเม็ดยาถูกเทออกมา กลิ่นหอมของสมุนไพรก็พวยพุ่งแพร่กระจายไปทั่วห้องอย่างรวดเร็วแต่ทันใดนั้นเองก็มีคลื่นพลังไร้สีปกคลุมทั่วทั้งห้องของฉินหลิงทันที

     

    ซึ่งคลื่นพลังไร้สีที่สั่นกระเพื่อมไปมานั้นเกิดมาจากชิงชิงนั้นเอง

     

    ชิงชิงใช้เล็บขูดผิวโอสถสีแดงเบาๆก่อนจะนำผงโอสถที่ถูกขูดออกมาเข้าในปากพร้อมกับหลับตาลง

     

    ผ่านไปไม่นาน ชิงชิงก็เบิกตากว้างก่อนจะจ้องมองฉินหลิงด้วยสีหน้าซับซ้อน “เจ้าไปเอาโอสถนี้มาจากไหน”

     

    ฉินหลิงเองก็รู้สึกงุนงงอยู่ไม่น้อย เขาเอ่ยถามเรื่องขวดใส่เม็ดยาแต่หญิงสาวผู้นี้กลับให้ความสนใจแก่เม็ดยาด้านในจนลืมความสนใจขวดโอสถของเขาเลย

     

    “มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งให้ข้ามาน่ะ” ฉินหลิงเอ่ยบอกไปเพียงแต่ไม่ได้กล่าวถึงชื่อลู่ชิง

     

    ชิงชิงมองไปยังฉินหลิงด้วยความอิจฉาเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมา “โอสถระดับ3ที่มีความบริสุทธิ์ถึงเก้าส่วน นอกจากนักปรุงยาระดับ5ขึ้นไปจะมีใครบ้างที่ปรุงได้ ทำไมถึงไม่เป็นข้าที่ได้เจอผู้อาวุโสท่านนั้นบ้างน่ะ”

     

    ฉินหลิงเองก็รู้สึกงงอยู่เล็กน้อย นอกจากเรื่องของโอสถระดับ3และชื่อโอสถปราณเพิ่มพูนที่ได้รู้มาจากตาเฒ่าหม่า เขาก็ไม่ได้รู้เรื่องใดเกี่ยวกับการปรุงยาอีกเลย ดังนั้นคำพูดของชิงชิงจึงทำให้เขาสับสน

     

    ชิงชิงที่รับรู้ถึงสีหน้าไม่เข้าใจของชายหนุ่มจึงเอ่ยออกมา “ในโลกของผู้ฝึกตนมีหนึ่งอาชีพที่เป็นที่นับถือของเหล่าผู้บำเพ็ญตนซึ่งพวกเขามีทำหน้าที่ปรุงเม็ดยาโอสถเพื่อใช้ในการเพิ่มขั้นพลังหรือใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บของผู้ฝึกตน พวกเราเรียกผู้ที่ทำหน้าที่ปรุงเม็ดยาเหล่านั้นว่านักปรุงยาหรือผู้สร้างโอสถ และนักปรุงยาก็ถูกแบ่งระดับออกเป็นหลายระดับตามความสามารถของเม็ดยาที่สามารถปรุงออกมาได้ อย่างเม็ดยาระดับ3เม็ดนี้ก็จำเป็นต้องใช้นักปรุงยาระดับ3ขึ้นไปถึงจะปรุงได้ อย่างไรก็ตามนอกจากนี้แล้วเม็ดยาที่ถูกปรุงออกมายังแบ่งความบริสุทธิ์ของเม็ดยาอีกด้วย ซึ่งเม็ดยาที่ผู้ฝึกตนจะกินได้ต้องมีความบริสุทธิ์มากกว่าห้าส่วนขึ้นไป มิเช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวผู้โอสถใช้ได้”

     

    “จะเป็นอย่างไรหากข้ากินเม็ดยาระดับ3เม็ดนี้เข้าไป?” ฉินหลิงเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะในตอนที่เขาเก็บตัวฝึกตนเพื่อเลื่อนขั้นระดับพลัง เขาเกือบตายเพราะกินเม็ดยาชนิดนี้ไปอย่างไม่รู้ความ

     

    “เจ้าจะบ้าไปแล้วรึยังไงถึงคิดจะกินเม็ดยาระดับนี้ทั้งที่ตัวเองยังอยู่ในชนชั้นก่อตั้งวิญญาณ” ชิงชิงตะโกนใส่ฉินหลิงพร้อมกับจับเม็ดยาในมืออย่างแน่นหนา

     

    ฉินหลิงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมชิงชิงถึงเปลี่ยนเป็นโกรธ

     

    “การใช้เม็ดยานั้นจำเป็นต้องใช้ให้สอดคล้องกับพลังฝึกตนของตัวเอง เจ้าที่มีพลังฝึกตนในระดับก่อตั้งวิญญาณก็ใช้ได้เพียงเม็ดยาโอสถระดับ1 หากเจ้าฝืนไปใช้เม็ดยาที่มีระดับสูงกว่าตัวเองมันจะส่งผลทำให้ร่างกายรับพลังวิญญาณในเม็ดยาไม่ไหวและระเบิดออก หากโชคดีหน่อยก็อาจจะพิการแต่หากโชคร้ายก็กลายเป็นเศษเนื้อ!!

     

    หลังจากได้ยินคำพูดของชิงชิง ฉินหลิงก็รู้สึกตื่นตระหนกอยู่ในใจ เขาไม่กล้าบอกหญิงสาวตรงหน้าเลยว่าเขาเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายโดยการลิ้มลองโอสถที่มีระดับสูงกว่าตัวเองถึง2ขั้น

     

    หากในตอนนั้นไม่ได้ตัวอ่อนกระบี่ช่วยไว้ เกรงว่าร่างกายของเขาคงแหลกเป็นชิ้นๆแล้ว

     

    เมื่อนึกถึงเรื่องราวในครั้งนั้น ฉินหลิงก็อดไม่ได้ที่จะโทษความโง่เขลาของตัวเอง แต่ในตอนนั้นก็เป็นเพราะเขายังไม่ได้รู้เรื่องในวิถีฝึกตนจึงกระทำไปโดยไม่คาดคิดให้ดี

     

    ฉินหลิงตั้งใจไว้แล้วว่าในวันพรุ่งนี้เขาจะเข้าไปหาตาเฒ่าหม่าเพื่อขอหนังสือมาเรียนรู้เรื่องราวต่างๆในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร

     

    “เอ่อ... ถ้าเจ้ากลัวว่าข้าจะใช้เม็ดยานั้นอย่างไม่คาดคิดให้ดีเช่นนั้นก็จงเก็บไว้ที่ตัวเจ้าก่อนเถิด” ฉินหลิงเอ่ยถึงเรื่องเม็ดยาในมือของชิงชิงเพื่อไม่ให้นางโมโหขึ้นมาอีก

     

    สีหน้าของชิงชิงแดงกล่ำเต็มไปด้วยความอับอาย “เจ้าพูดเช่นนี้จะกล่าวว่าข้าคิดแย่งชิงเม็ดยาจากเจ้าไปรึ!! ถึงข้าจะไม่สามารถหลอมเม็ดยาที่บริสุทธิ์ถึง9ส่วนได้แต่ข้าก็ยังเป็นนักปรุงยาระดับ3น่ะ”

     

    ฉินหลิงเองก็รู้สึกปวดหัวกับความเอาแต่ใจของหญิงสาวตรงหน้า “ถ้าอย่างนั้นเม็ดยานั้นข้าให้เจ้าเป็นของขวัญ”

     

    ชิงชิงเองก็เหลือบมองชายตรงหน้าอย่างสงสัย เขาไม่รู้คุณค่าของเม็ดยานี้รึไงถึงมอบให้นางอย่างง่ายดายแต่ภายในใจกลับรู้สึกดีใจยิ่งกว่า ถึงแม้เม็ดยาระดับ3ที่มีความบริสุทธิ์ถึง9ส่วนจะมีคุณค่าแต่สำหรับนาง เเต่สิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้ามอบให้เป็นของขวัญต่างหากที่สำคัญที่สุด

     

    “เอาล่ะ..กลับมาพูดถึงเรื่องขวดใส่โอสถก่อนได้ไหม” ฉินหลิงที่เห็นชิงชิงตะลึงไปกับเม็ดยาที่ลู่ชิงให้มาก็พานางกลับมาพูดเรื่องการค้าของเขาก่อน ถึงแม้เม็ดยาของเขาจะหายไปหนึ่งเม็ดแต่เขาก็ไม่ได้กังวลใจใดๆเพราะอย่างไรตัวเขาก็ยังห่างไกลที่จะได้ใช้เม็ดยาระดับ3 ดังนั้นหากเม็ดยาเพียงหนึ่งหรือสองเม็ดสามารถสร้างพันธมิตรดีๆได้เขาก็พร้อมยินดีที่จะเสียมันไป

     

    ชิงชิงที่หลงใหลอยู่กับเม็ดยาระดับ3ในมือก็หันมามองขวดโอสถที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะนางเป็นนักปรุงยาจึงทำให้นางไม่ได้สนใจขวดเก็บโอสถมากนัก รวมกับการได้พบเจอโอสถที่มีความบริสุทธิ์สูงจึงทำให้นางไม่ได้สนใจขวดรูปร่างแปลกๆตรงหน้า

     

    อย่างไรก็ตามเมื่อนางจดจ้องไปยังขวดใส่โอสถบนโต๊ะนางก็พบว่าขวดโปร่งใสตรงหน้าไม่มีกลิ่นอายของไอวิญญาณแม้แต่น้อย

     

    ด้วยประสบการณ์ของนักปรุงยาระดับ3จึงทำให้นางรับรู้ได้ทันทีว่าของสิ่งนี้ไม่ได้ใช้สิ่งของที่มีไอวิญญาณหลอมขึ้นมา ชิงชิงโบกมือขึ้นมาทีหนึ่งก็มีขวดโอสถสีน้ำตาลที่ถูกปิดผนึกด้วยจุกผ้าปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือ

     

    ชิงชิงดึงจุกผ้าที่ปิดอยู่ด้านบนออกพร้อมกับเทเม็ดยาออกมา

     

    โอสถสีสีเข้มอมน้ำตาลถูกเทออกมาลงบนฝ่ามือก่อนจะถูกหยิบไปใส่ในขวดสีใสตรงหน้า

     

    ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างเมื่อสัมผัสได้ว่าไม่มีกลิ่นอายใดๆของโอสถหลงเหลืออยู่เลย ชิงชิงเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าซับซ้อน ยิ่งนางได้รู้จักฉินหลิงนางก็พบได้ว่าเขาแปลกประหลาดกว่าทุกคนที่นางรู้จัก “นี้สิน่ะคือสิ่งที่เจ้าต้องการบอกกับข้าสิน่ะ”

     

    ขวดโอสถตรงหน้าของนางนั้นสามารถกักเก็บกลิ่นอายและไอวิญญาณของเม็ดยาระดับ4ได้ นางเข้าใจจุดประสงค์ของฉินหลิงทันที แต่ด้วยความสามารถของขวดสีใสก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกสนใจชายหนุ่มมากขึ้นไปอีกและยิ่งอยากรู้ว่าตัวเขามีความลับมากมายเท่าใดกันแน่

     

    “ข้าให้เจ้า4ส่วน ข้าเองก็รับ4ส่วนและอีก2ส่วนก็แบ่งให้เฒ่าหม่าที่เป็นผู้อาวุโสภายนอก เขาจะรับหน้าที่จัดส่งขวดโอสถชนิดใหม่นี้ให้เอง เงื่อนไขนี้เป็นยังไงบ้าง?” ฉินหลิงเองก็เอ่ยข้อเสนอของตัวเองออกไป

     

    หลานชิงชิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “หากข้าช่วยเจ้าข้าจะได้รับประโยชน์อันใด? เจ้าคิดหรือว่านักปรุงยาระดับ3อย่างข้าจะขาดแคลนหินวิญญาณ เพียงแค่ข้าปรุงโอสถไม่กี่เตาก็สามารถหาหินวิญญาณได้นับพันนับหมื่นก้อน แล้วทำไมข้าถึงต้องมายุ่งวุ่นวายกับการค้าเล็กๆอย่างขวดเก็บโอสถเหล่านี้ด้วยล่ะ?

     

    “เจ้าต้องการอะไร?” ฉินหลิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามออกมา

     

    “มาเป็นคู่บำเพ็ญกับข้า!!” หลานชิงชิงเอ่ยออกมาด้วยท่าทางจริงจัง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×