คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #167 : ต่อรองกับชิงชิง
“คุณหนูใหญ่รึ? ทำไมข้าถึงรู้สึกไม่ชอบใจเลยเวลาที่เจ้าเรียกข้าเช่นนี้”
ชิงชิงเอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เมื่อได้ยินฉินหลิงเรียกนางว่าคุณหนูใหญ่แทนที่จะเป็นชื่อของนางเหมือนที่ผ่านมา
ฉินหลิงที่เห็นบรรยากาศรอบตัวชิงชิงไม่ค่อยดีนัก เขาจึงเดินพานางไปนั่งด้านในบ้านที่พึ่งผ่านการซ่อมแซมได้เล็กน้อย
หลานชิงชิงมองรอบตัวบ้านที่ยังดูทรุดโทรมจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำออกมา
“บ้านด้านนอกก็มีตั้งมากมายทำไมถึงเลือกบ้านผุๆใกล้จะพังเช่นนี้ล่ะ
ข้าล่ะไม่เข้าใจความคิดของเจ้าจริงๆเลย”
“แล้วเจ้ามีเรื่องอะไร?” ฉินหลิงเองก็ทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูดเท่าไหร่และเอ่ยถามจุดประสงค์ของการมาเยือนของนาง
ชิงชิงพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ “หากไม่มีเรื่องอะไรข้าจะมาหาเจ้าไม่ได้เลยรึ!!”
ฉินหลิงก็ส่ายหัวเบาๆด้วยความเอื้อมระอากับความเอาแต่ใจของสตรีตรงหน้า
เขารู้ว่าหากต่อล้อต่อเถียงกับนางต่อไปวันหนึ่งก็คงไม่จบดังนั้นฉินหลิงจึงเลือกที่จะเงียบ
เมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้เอ่ยวาจาใดๆออกมา
ชิงชิงจึงเอ่ยถาม “เจ้าไม่คิดจะไปอยู่ด้านในสำนักจริงๆรึ? ข้ารับรองว่าจะไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเจ้าอีก
แถมไอวิญญาณบนยอดเขายังหนาแน่นเหมาะแก่การบำเพ็ญตนอีกด้วย
ขอเพียงเจ้าเอ่ยปากขึ้นมาคำเดียวข้าก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเจ้า!!”
สีหน้าของฉินหลิงซับซ้อนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ความรู้สึกของหญิงสาวตรงหน้าไหนเลยเขาจะไม่รู้ เพียงแต่ชีวิตหลังจากสูญเสียถานอวี้จี้ไปแล้วนั้นทำให้เขาหวาดกลัวที่จะมีรักใหม่ไปเสียแล้ว
ความรู้สึกที่ไม่อาจปกป้องคนรักของตัวเองได้ยังคงหมุนเวียนอยู่รอบตัวเขาตลอดเวลา
ชิงชิงเองก็พยายามพูดคุยกับฉินหลิงเพื่อหวังว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะใจอ่อนลงบ้าง
แต่ดูเหมือนการกระทำของนางจะไม่มีผลใดๆต่อฉินหลิงเลย
การสนทนาของชายหญิงก็ดำเนินไปจนตกดึก
ดวงจันทราส่องแสงสว่างท่ามกลางราตรีที่มืดมิดสะท้อนเข้ามาภายในห้องของฉินหลิงรวมกับแสงเทียนที่ถูกจุดขึ้นมาก่อเกิดเป็นเงาที่มีรูปร่างคนสองคนสั่นไหวไปมา
“ชิงชิง!”
หลานชิงชิงที่ได้ยินชายหนุ่มตรงหน้าเรียกชื่อของนางตรงๆอีกครั้งก็รู้สึกใจสั่นไหว
“มีอะไรรึ? หรือต้องการขึ้นไปอยู่ด้านในสำนักกับข้าแล้ว”
ฉินหลิงรู้สึกทึ่งกับความเพียรของนางก่อนจะหยิบขวดโอสถโปรงใสออกมาตั้งด้านหน้าของชิงชิง
“ข้าอยากให้เจ้าตรวจสอบขวดใส่โอสถนี้ให้หน่อยน่ะ”
หลังจากได้เห็นขวดแก้วโปร่งใสจนมองทะลุเข้าไปด้านในได้
ชิงชิงก็รีบหยิบขวดโอสถออกมาและเทโอสถสีแดงด้านในออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อเม็ดยาถูกเทออกมา กลิ่นหอมของสมุนไพรก็พวยพุ่งแพร่กระจายไปทั่วห้องอย่างรวดเร็วแต่ทันใดนั้นเองก็มีคลื่นพลังไร้สีปกคลุมทั่วทั้งห้องของฉินหลิงทันที
ซึ่งคลื่นพลังไร้สีที่สั่นกระเพื่อมไปมานั้นเกิดมาจากชิงชิงนั้นเอง
ชิงชิงใช้เล็บขูดผิวโอสถสีแดงเบาๆก่อนจะนำผงโอสถที่ถูกขูดออกมาเข้าในปากพร้อมกับหลับตาลง
ผ่านไปไม่นาน
ชิงชิงก็เบิกตากว้างก่อนจะจ้องมองฉินหลิงด้วยสีหน้าซับซ้อน “เจ้าไปเอาโอสถนี้มาจากไหน”
ฉินหลิงเองก็รู้สึกงุนงงอยู่ไม่น้อย
เขาเอ่ยถามเรื่องขวดใส่เม็ดยาแต่หญิงสาวผู้นี้กลับให้ความสนใจแก่เม็ดยาด้านในจนลืมความสนใจขวดโอสถของเขาเลย
“มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งให้ข้ามาน่ะ” ฉินหลิงเอ่ยบอกไปเพียงแต่ไม่ได้กล่าวถึงชื่อลู่ชิง
ชิงชิงมองไปยังฉินหลิงด้วยความอิจฉาเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมา
“โอสถระดับ3ที่มีความบริสุทธิ์ถึงเก้าส่วน นอกจากนักปรุงยาระดับ5ขึ้นไปจะมีใครบ้างที่ปรุงได้
ทำไมถึงไม่เป็นข้าที่ได้เจอผู้อาวุโสท่านนั้นบ้างน่ะ”
ฉินหลิงเองก็รู้สึกงงอยู่เล็กน้อย
นอกจากเรื่องของโอสถระดับ3และชื่อโอสถปราณเพิ่มพูนที่ได้รู้มาจากตาเฒ่าหม่า เขาก็ไม่ได้รู้เรื่องใดเกี่ยวกับการปรุงยาอีกเลย
ดังนั้นคำพูดของชิงชิงจึงทำให้เขาสับสน
ชิงชิงที่รับรู้ถึงสีหน้าไม่เข้าใจของชายหนุ่มจึงเอ่ยออกมา
“ในโลกของผู้ฝึกตนมีหนึ่งอาชีพที่เป็นที่นับถือของเหล่าผู้บำเพ็ญตนซึ่งพวกเขามีทำหน้าที่ปรุงเม็ดยาโอสถเพื่อใช้ในการเพิ่มขั้นพลังหรือใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บของผู้ฝึกตน
พวกเราเรียกผู้ที่ทำหน้าที่ปรุงเม็ดยาเหล่านั้นว่านักปรุงยาหรือผู้สร้างโอสถ และนักปรุงยาก็ถูกแบ่งระดับออกเป็นหลายระดับตามความสามารถของเม็ดยาที่สามารถปรุงออกมาได้
อย่างเม็ดยาระดับ3เม็ดนี้ก็จำเป็นต้องใช้นักปรุงยาระดับ3ขึ้นไปถึงจะปรุงได้
อย่างไรก็ตามนอกจากนี้แล้วเม็ดยาที่ถูกปรุงออกมายังแบ่งความบริสุทธิ์ของเม็ดยาอีกด้วย
ซึ่งเม็ดยาที่ผู้ฝึกตนจะกินได้ต้องมีความบริสุทธิ์มากกว่าห้าส่วนขึ้นไป มิเช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวผู้โอสถใช้ได้”
“จะเป็นอย่างไรหากข้ากินเม็ดยาระดับ3เม็ดนี้เข้าไป?” ฉินหลิงเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะในตอนที่เขาเก็บตัวฝึกตนเพื่อเลื่อนขั้นระดับพลัง
เขาเกือบตายเพราะกินเม็ดยาชนิดนี้ไปอย่างไม่รู้ความ
“เจ้าจะบ้าไปแล้วรึยังไงถึงคิดจะกินเม็ดยาระดับนี้ทั้งที่ตัวเองยังอยู่ในชนชั้นก่อตั้งวิญญาณ”
ชิงชิงตะโกนใส่ฉินหลิงพร้อมกับจับเม็ดยาในมืออย่างแน่นหนา
ฉินหลิงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมชิงชิงถึงเปลี่ยนเป็นโกรธ
“การใช้เม็ดยานั้นจำเป็นต้องใช้ให้สอดคล้องกับพลังฝึกตนของตัวเอง
เจ้าที่มีพลังฝึกตนในระดับก่อตั้งวิญญาณก็ใช้ได้เพียงเม็ดยาโอสถระดับ1
หากเจ้าฝืนไปใช้เม็ดยาที่มีระดับสูงกว่าตัวเองมันจะส่งผลทำให้ร่างกายรับพลังวิญญาณในเม็ดยาไม่ไหวและระเบิดออก
หากโชคดีหน่อยก็อาจจะพิการแต่หากโชคร้ายก็กลายเป็นเศษเนื้อ!!”
หลังจากได้ยินคำพูดของชิงชิง
ฉินหลิงก็รู้สึกตื่นตระหนกอยู่ในใจ
เขาไม่กล้าบอกหญิงสาวตรงหน้าเลยว่าเขาเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายโดยการลิ้มลองโอสถที่มีระดับสูงกว่าตัวเองถึง2ขั้น
หากในตอนนั้นไม่ได้ตัวอ่อนกระบี่ช่วยไว้ เกรงว่าร่างกายของเขาคงแหลกเป็นชิ้นๆแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องราวในครั้งนั้น
ฉินหลิงก็อดไม่ได้ที่จะโทษความโง่เขลาของตัวเอง แต่ในตอนนั้นก็เป็นเพราะเขายังไม่ได้รู้เรื่องในวิถีฝึกตนจึงกระทำไปโดยไม่คาดคิดให้ดี
ฉินหลิงตั้งใจไว้แล้วว่าในวันพรุ่งนี้เขาจะเข้าไปหาตาเฒ่าหม่าเพื่อขอหนังสือมาเรียนรู้เรื่องราวต่างๆในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร
“เอ่อ...
ถ้าเจ้ากลัวว่าข้าจะใช้เม็ดยานั้นอย่างไม่คาดคิดให้ดีเช่นนั้นก็จงเก็บไว้ที่ตัวเจ้าก่อนเถิด”
ฉินหลิงเอ่ยถึงเรื่องเม็ดยาในมือของชิงชิงเพื่อไม่ให้นางโมโหขึ้นมาอีก
สีหน้าของชิงชิงแดงกล่ำเต็มไปด้วยความอับอาย “เจ้าพูดเช่นนี้จะกล่าวว่าข้าคิดแย่งชิงเม็ดยาจากเจ้าไปรึ!! ถึงข้าจะไม่สามารถหลอมเม็ดยาที่บริสุทธิ์ถึง9ส่วนได้แต่ข้าก็ยังเป็นนักปรุงยาระดับ3น่ะ”
ฉินหลิงเองก็รู้สึกปวดหัวกับความเอาแต่ใจของหญิงสาวตรงหน้า
“ถ้าอย่างนั้นเม็ดยานั้นข้าให้เจ้าเป็นของขวัญ”
ชิงชิงเองก็เหลือบมองชายตรงหน้าอย่างสงสัย
เขาไม่รู้คุณค่าของเม็ดยานี้รึไงถึงมอบให้นางอย่างง่ายดายแต่ภายในใจกลับรู้สึกดีใจยิ่งกว่า
ถึงแม้เม็ดยาระดับ3ที่มีความบริสุทธิ์ถึง9ส่วนจะมีคุณค่าแต่สำหรับนาง เเต่สิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้ามอบให้เป็นของขวัญต่างหากที่สำคัญที่สุด
“เอาล่ะ..กลับมาพูดถึงเรื่องขวดใส่โอสถก่อนได้ไหม”
ฉินหลิงที่เห็นชิงชิงตะลึงไปกับเม็ดยาที่ลู่ชิงให้มาก็พานางกลับมาพูดเรื่องการค้าของเขาก่อน
ถึงแม้เม็ดยาของเขาจะหายไปหนึ่งเม็ดแต่เขาก็ไม่ได้กังวลใจใดๆเพราะอย่างไรตัวเขาก็ยังห่างไกลที่จะได้ใช้เม็ดยาระดับ3
ดังนั้นหากเม็ดยาเพียงหนึ่งหรือสองเม็ดสามารถสร้างพันธมิตรดีๆได้เขาก็พร้อมยินดีที่จะเสียมันไป
ชิงชิงที่หลงใหลอยู่กับเม็ดยาระดับ3ในมือก็หันมามองขวดโอสถที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง
อาจจะเป็นเพราะนางเป็นนักปรุงยาจึงทำให้นางไม่ได้สนใจขวดเก็บโอสถมากนัก รวมกับการได้พบเจอโอสถที่มีความบริสุทธิ์สูงจึงทำให้นางไม่ได้สนใจขวดรูปร่างแปลกๆตรงหน้า
อย่างไรก็ตามเมื่อนางจดจ้องไปยังขวดใส่โอสถบนโต๊ะนางก็พบว่าขวดโปร่งใสตรงหน้าไม่มีกลิ่นอายของไอวิญญาณแม้แต่น้อย
ด้วยประสบการณ์ของนักปรุงยาระดับ3จึงทำให้นางรับรู้ได้ทันทีว่าของสิ่งนี้ไม่ได้ใช้สิ่งของที่มีไอวิญญาณหลอมขึ้นมา
ชิงชิงโบกมือขึ้นมาทีหนึ่งก็มีขวดโอสถสีน้ำตาลที่ถูกปิดผนึกด้วยจุกผ้าปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือ
ชิงชิงดึงจุกผ้าที่ปิดอยู่ด้านบนออกพร้อมกับเทเม็ดยาออกมา
โอสถสีสีเข้มอมน้ำตาลถูกเทออกมาลงบนฝ่ามือก่อนจะถูกหยิบไปใส่ในขวดสีใสตรงหน้า
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างเมื่อสัมผัสได้ว่าไม่มีกลิ่นอายใดๆของโอสถหลงเหลืออยู่เลย
ชิงชิงเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าซับซ้อน ยิ่งนางได้รู้จักฉินหลิงนางก็พบได้ว่าเขาแปลกประหลาดกว่าทุกคนที่นางรู้จัก
“นี้สิน่ะคือสิ่งที่เจ้าต้องการบอกกับข้าสิน่ะ”
ขวดโอสถตรงหน้าของนางนั้นสามารถกักเก็บกลิ่นอายและไอวิญญาณของเม็ดยาระดับ4ได้
นางเข้าใจจุดประสงค์ของฉินหลิงทันที
แต่ด้วยความสามารถของขวดสีใสก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกสนใจชายหนุ่มมากขึ้นไปอีกและยิ่งอยากรู้ว่าตัวเขามีความลับมากมายเท่าใดกันแน่
“ข้าให้เจ้า4ส่วน ข้าเองก็รับ4ส่วนและอีก2ส่วนก็แบ่งให้เฒ่าหม่าที่เป็นผู้อาวุโสภายนอก
เขาจะรับหน้าที่จัดส่งขวดโอสถชนิดใหม่นี้ให้เอง เงื่อนไขนี้เป็นยังไงบ้าง?” ฉินหลิงเองก็เอ่ยข้อเสนอของตัวเองออกไป
หลานชิงชิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “หากข้าช่วยเจ้าข้าจะได้รับประโยชน์อันใด?
เจ้าคิดหรือว่านักปรุงยาระดับ3อย่างข้าจะขาดแคลนหินวิญญาณ เพียงแค่ข้าปรุงโอสถไม่กี่เตาก็สามารถหาหินวิญญาณได้นับพันนับหมื่นก้อน
แล้วทำไมข้าถึงต้องมายุ่งวุ่นวายกับการค้าเล็กๆอย่างขวดเก็บโอสถเหล่านี้ด้วยล่ะ?”
“เจ้าต้องการอะไร?” ฉินหลิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“มาเป็นคู่บำเพ็ญกับข้า!!”
หลานชิงชิงเอ่ยออกมาด้วยท่าทางจริงจัง
ความคิดเห็น