ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #162 : ความล้ำค่าของโอสถระดับ3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.48K
      752
      12 ก.พ. 63

    หลังจากให้เสื้อผ้าและตราไม้ที่มีไว้สำหรับยืนยันตัวเสร็จ ผู้เฒ่าหม่าก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้เอนที่ตั้งอยู่กลางห้องด้วยท่าทางขี้เกียจเช่นเคย จนทำให้ฉินหลิงที่หวังรอคำอธิบายเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับเรื่องราวภายในสำนักถึงกับกุมขมับแน่นกับความไร้ผิดชอบของชายแก่ผู้นี้

     

    “เอ่อ...ผู้เฒ่าหม่า ข้ายังไม่รู้เลยว่าที่พักของข้าอยู่ที่ไหน” ฉินหลิงเดินเข้าไปพร้อมกับพยายามเอ่ยอย่างสุภาพ

     

    “อะไรเนี่ย ทำไมเจ้ามันน่ารำคาญจังเลย”ชายชราบ่นอุบอิบออกมาด้วยสีหน้าเกียจคร้านทั้งที่มันเป็นความผิดของเขาที่ลืมบอกกล่าวแก่ฉินหลิง

     

    ในขณะที่ชายแก่กำลังลุกขึ้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังของฉินหลิง “ตาแก่ขี้เกียจ ข้ามาส่งภารกิจแล้ว คราวนี้เจ้าห้ามหลอกเอาหินวิญญาณของข้าไปอีกน่ะ ไม่เช่นนั้นข้าจะไปแจ้งเบื้องบนว่าเจ้าหลอกเอาหินวิญญาณไปจากพวกข้า”

     

    “ชิ.. เบื่อพวกรู้มากเสียจริง เอาล่ะเจ้ามาก็ดีแล้ว เจ้าอ้วนเหอ เจ้าจงพาศิษย์รับใช้คนใหม่ไปหาที่พักและแนะนำเรื่องต่างๆด้วย เสื้อผ้ากับตราประทับข้ามอบให้มันไปแล้ว” เฒ่าหม่าที่เห็นชายอ้วนในชุดสีเขียวเข้ามายังในบ้านก็รีบส่งภาระการดูแลฉินหลิงให้แก่เขาทันที

     

    เด็กหนุ่มรูปร่างอ้วนที่ถูกชายแก่เรียกว่า เจ้าอ้วนเหอ ก็ชี้หน้าไปทางเฒ่าหม่า “บัดซบ ตาแก่ เจ้าจะหาเรื่องข้ามากเกินไปแล้ว หน้าที่แนะนำศิษย์ใหม่มันเป็นหน้าที่ของเจ้าไม่ใช่รึ ทำไมถึงโยนขี้มาให้ข้าล่ะ แล้วไม่ใช่ว่าศิษย์รับใช้ชุดใหม่พึ่งรับไปเมื่อต้นปีมิใช่รึ?

     

    การรับศิษย์รับใช้ของสำนักแห่งนี้จะรับทุกๆสองปีและต้องผ่านการทดสอบที่เข้มงวด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครแทรกแซงเข้ามาได้โดยเฉพาะสำนักใหญ่อย่างสำนักขจีไพรสัน ดังนั้นเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าจึงทำให้เจ้าอ้วนอดรู้สึกสงสัยไม่ได้

     

    เฒ่าหม่าโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ก็ไอเจ้าหนูนี้มันโชคดีที่ไปเตะตาคุณหนูใหญ่เข้าน่ะสิ”

     

    เจ้าอ้วนที่ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่ก็เบิกตากว้าง “ใช่คุณหนูใหญ่ที่พูดกันว่าร้ายกาจยิ่งกว่านางมารผู้นั้นหรือ?

     

    “มารดามันเถอะ..ไอเด็กสารเลว เจ้าหาเรื่องตายก็เรื่องของเจ้า อย่าพาข้าลงโลงไปกับเจ้าสิว่ะ หากว่าคุณหนูใหญ่ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ที่เรือนของข้า พวกเราไม่พากันซวยไปหมดรึ!! เฒ่าหม่าลุกพรวดพร้อมกับจ้องเขม็งไปยังเจ้าเด็กอ้วน

     

    เจ้าอ้วนเหอที่นึกได้ว่าตัวเองนินทาผู้สูงศักดิ์เข้าก็รีบเอามือปิดปากแน่นก่อนจะมองไปทางชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าน่าสงสาร “พี่ชายท่านนี้ ท่านคงไม่เอาเรื่องไร้สาระของข้าไปบอกใครหรอกน่ะ”

     

    ฉินหลิงที่ยืนดูการโต้เถียงของชายชราและเด็กร่างอ้วน “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้สนิทอะไรกับคุณหนูท่านนั้นเลย”

     

    เฒ่าหม่าที่เห็นท่าทางและกลิ่นอายของชายหนุ่มก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้างและเอ่ยถามออกไป “เจ้าหนุ่ม เจ้าฝึกวิชาสายมารอย่างนั้นรึ?

     

    เมื่อได้ยินคำพูดของชายแก่ เจ้าอ้วนเหอที่กำลังเดินเข้ามาสนทนากับฉินหลิงกระโดดถอยหลังพร้อมกับก้อนไขมันที่ส่ายไปมาอย่างน่าขัน “พะ..พี่ชายเป็นพวกผู้ฝึกตนชั่วร้ายรึ?

     

    ฉินหลิงขมวดคิ้วลงก่อนจะพยักหน้ายืนยันก่อนจะเอ่ยถาม “ผู้ฝึกวิชาสายมารเป็นที่รังเกียจของผู้คนรึ?

     

    เฒ่าหม่าที่ได้ยินคำถามของชายหนุ่มตรงหน้าก็ยิ้มออกมา “ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าคือวิชามาร ดังนั้นผู้ฝึกตนสายมารก็ย่อมไม่ใช่ตัวตนที่ดีอะไร ดูท่าแล้วเจ้าคงเป็นปุถุชนธรรมดาที่ประสบโชคเข้าสิน่ะถึงกลายเป็นผู้ฝึกตนสิน่ะ ถือว่าเจ้าโชคยังดีอยู่ไม่น้อยที่เจ้าบังเอิญได้พบคุณหนูใหญ่ก่อน หากเจ้าไปบังเอิญเจอเข้ากับพวกสำนักพรรคฝ่ายธรรมะเข้าเจ้าคงกลายเป็นศพไม่รู้ตัวไปแล้ว”

     

     “ทำไมรึขอรับ?” ฉินหลิงเอ่ยอย่างสงสัย

     

    “ธรรมะและอธรรมย่อมเป็นขั้วตรงกันข้ามที่ไม่อาจเข้ามารวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ดังนั้นย่อมเป็นธรรมดาที่เหล่าสำนักฝ่ายตรงข้ามจะลงมือกับผู้ฝึกตนหน้าใหม่อย่างพวกเจ้าเพื่อไม่ให้เติบโตจนแข็งแกร่ง ถึงแม้ทวีปของเราจะถูกควบคุมด้วย3ธรรมะและ2อธรรมแต่ทุกสิ่งล้วนมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ใช่ว่าอธรรมจะชั่วช้าทุกคนและก็มิใช่ฝ่ายธรรมะจะดีทุกคน เหมือนดั่งเหรียญที่มีสองด้าน ผู้ฝึกตนก็มีมุมมืดของตัวเองเช่นกัน สำนักขจีไพรสันของเราเองก็ไม่เว้น เพราะการที่พวกเราตั้งตัวเป็นกลางก็เพื่อต้องการผลประโยชน์จากทั้งธรรมะและอธรรม” ชายชราเอ่ยอธิบายออกมาอย่างจริงจังโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นท่าทางของชายหนุ่มที่ดูไม่เหมือนคนชั่วร้าย

     

    ฉินหลิงก็พยักหน้าเบาๆ แต่การที่เขาฝึกฝนวิชาโลหิตนั้นเป็นเพราะต้องการกลิ่นอายชั่วร้ายในการปกปิดสายเลือดพฤกษาของตัวเองไม่ใช่เพราะต้องการใช้วิชาที่ชั่วร้ายไปทำร้ายใคร ซึ่งคงไม่มีใครเข้าใจความคิดของเขา ดังนั้นฉินหลิงจึงตัดสินใจถามชายชราตรงหน้า “ผู้เฒ่าหม่า หากข้าต้องการซ่อนกลิ่นอายตัวเอง นอกจากใช้กลิ่นอายโลหิตยังมีเคล็ดวิชาอื่นใดอีกรึไม่ขอรับ”

     

    “หืม...” เฒ่าหม่าจ้องมองฉินหลิงอย่างจริงจังก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “นั้นสิน่ะตัวเจ้าคงมีความลับบางอย่างที่ไม่อาจบอกใครได้ หากข้าได้หินวิญญาณซักร้อยก้อนบางทีอาจจะนึกขึ้นได้ว่ามีเคล็ดวิชาใดที่สามารถช่วยลบกลิ่นอายในร่างกายก็เป็นได้น่ะ”

     

    ใบหน้าของฉินหลิงบิดเบี้ยวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ความไร้ยางอายของชายชราตรงหน้าทำให้เขาพูดไม่ออกจริงๆ ปกติแล้วเหล่าผู้อาวุโสในสำนักต้องเป็นคนที่ช่วยเหลือเหล่าศิษย์ในสำนักมิใช่รึ แล้วทำไมตาแก่แซ่หม่าผู้นี้ถึงหน้าด้านมาไถ่ผู้ฝึกตนตัวเล็กๆอย่างเขาได้เล่า

     

    ฉินหลิงที่ไม่มีหนทางจึงกัดฟันแน่นและควักขวดสีใสที่มีเม็ดยาสีแดงอยู่หนึ่งเม็ดออกมา ซึ่งโอสถนี้คือเม็ดยาระดับ3ที่ลู่ชิงได้ทิ้งไว้และเขาแยกใส่ขวดแก้วเอาไว้ “ตัวข้าไม่มีหินวิญญาณหรอกน่ะ เพียงแต่ข้ามีโอสถนี้หนึ่งเม็ดหวังว่าท่านจะช่วยชี้แจงเกี่ยวกับเคล็ดวิชาที่ใช้ลบกลิ่นอายในร่างให้แก่ข้าด้วย”

     

    ตาเฒ่าหม่าที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากก็อ้าปากค้างจนเสียท่าทีของผู้อาวุโสก่อนจะพึมพำ “บ้าน่า...โอสถระดับ3 เม็ดยาปราณเพิ่มพูน”

     

    เพียงพริบตาชายแก่พุ่งเข้ามาพร้อมกับมือที่กำลังจะคว้าไปยังขวดโอสถสีใสในมือของฉินหลิงด้วยท่าทีจริงจัง

     

    อย่างไรก็ตามร่างใหญ่ยักษ์ของเจ้าอ้วนเหอก็เข้ามาขวางกั้นมือของเฒ่าหม่าอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนเสียงดัง “เจ้าแก่สารเลว กล้าดียังไงถึงหลอกลวงเอาเม็ดยาวิเศษจากศิษย์สำนักไป พี่ใหญ่ท่านนี้ไม่ต้องกังวลข้าไม่ยอมให้เจ้าแก่ไร้ยางอายได้เม็ดยาระดับ3ของท่านไปได้เด็ดขาด ต่อให้แลกด้วยชีวิตข้าก็ขอขัดขวางชายไร้ยางอายผู้นี้ให้จงได้!!

     

    เฒ่าหม่าที่เห็นเจ้าอ้วนเหอมาขวางก็บ่นออกมาอย่างไม่พอใจ “เจ้าอ้วนเนรคุณ ข้ากับน้องชายผู้นี้กำลังแลกเปลี่ยนกันอย่างเที่ยงธรรมแต่เจ้ากลับกล้ามาขัดขวาง การกระทำของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนัก อ่า..ความยุติธรรมในโลกหล้ายังมีอีกไหม?

     

    ใบหน้าของเจ้าอ้วนกระตุกก่อนจะชี้ไปทางชายแก่ตรงหน้า “เจ้าแก่ไร้ยางอาย เจ้ากล้าแลกข้อมูลไร้สาระของเจ้ากับเม็ดยาระดับสามที่มีค่านับหมื่นหินวิญญาณได้ยังไง ใบหน้าของเจ้าจะหนาไปถึงไหน?

     

    ฉินหลิงที่ยืนฟังอยู่ก็ตกใจเช่นกัน ถึงแม้เขาไม่รู้ว่าหินวิญญาณนับหมื่นก้อนมีคุณค่าเท่าใด แต่จากที่เขาสังเกตเห็นป้ายประกาศด้านหน้าที่กระจายภารกิจของศิษย์รับใช้นั้นทำให้เขารับรู้ว่าภารกิจของศิษย์รับใช้จะได้หินวิญญาณตอบแทนเพียงไม่กี่สิบก้อนต่อภารกิจเท่านั้น ดังนั้นหินวิญญาณนับหมื่นก้อนก็น่าจะเรียกได้ว่ามหาศาลเลย

     

    เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าเม็ดยาที่ลู่ชิงทิ้งไว้ให้จะมีคุณค่ามากมายถึงเพียงนี้ นอกจากนี้เขายังเหลืออีกแปดเม็ดและยังมีเม็ดยาระดับ4อีก ด้วยความล้ำค่าของโอสถเหล่านี้ทำให้ฉินหลิงอดที่จะสงสัยตัวตนที่แท้จริงของลู่ชิงไม่ได้

     

     ถึงแม้ในอดีตเขาจะแค้นเคืองที่ลู่ชิงไม่ได้ช่วยเหลือถานอวี้จี้ แต่พอกาลเวลาผ่านไป ฉินหลิงเองก็คิดขึ้นมาได้ว่าอดีตบ่าวตัวน้อยคงมีเหตุผลของเขาเช่นกันและการที่ผู้ฝึกตนระดับสูงอยู่ดูแลเขานานหลายสิบปีก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แค่บุญคุณที่ลู่ชิงช่วยเขาก็เรียกได้ว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณเด็กน้อยผู้นี้นั้นอย่างยิ่งเเล้ว

     

    ผ่านไปพักใหญ่ การทะเลาะระหว่างชายชรากับเจ้าอ้วนเหอก็ยังไม่หยุดจนฉินหลิงต้องเอ่ยห้าม

     

    “เจ้าหนู หากเจ้าต้องการรู้เคล็ดวิชาที่ใช้สำหรับปกปิดกลิ่นอายของตัวเองก็จงเอาเม็ดยาระดับสามมาแลกเปลี่ยน!

     

    “พี่ใหญ่อย่าไปหลงกลตาแก่ชั่วร้ายผู้นี้เด็ดขาด เขาจะต้องเอาเคล็ดวิชาไร้สาระมาหลอกลวงท่านอย่างแน่นอน เก็บเม็ดยาของท่านไปขายแล้วเอาหินวิญญาณไปแลกเคล็ดวิชาเองจะมีโอกาสเสียมากกว่าเชื่อตาเฒ่าผู้นี้อีกน่ะ”

     

    “บัดซบ..เจ้าเด็กสารเลว เจ้ากล้าดียังไงถึงมากล่าวหาข้าเช่นนี้ หากไม่สั่งสอนซักหน่อยคงไม่รู้สำนึกสิน่ะ”

     

    “บิดาท่านเถอะ... หากท่านจะทำร้ายข้า ข้าจะวิ่งไปฟ้องคนทั่วสำนักเลย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าท่านไปล่วงเกินคนระดับสูงเข้าจนถูกส่งมาดูแลศิษย์รับใช้อย่างพวกเรา” เจ้าอ้วนเหอพูดออกมาพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น

     

    ตาเฒ่าเหอที่ได้ยินคำพูดของเจ้าอ้วนก็เผยสีหน้าซับซ้อนออกมาและไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก

     

    ฉินหลิงเองก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ปัญหาภายในของสำนักแห่งนี้คงมีไม่น้อย หลังจากสังเกตท่าทางของตาเฒ่าหม่าเขาก็รับรู้ว่าแท้จริงแล้วชายชราผู้นี้ไม่ใช่คนที่ชั่วร้ายเลย ถึงแม้เขาจะดูบ้าบอไปบ้างแต่เขาก็เป็นคนที่ไม่มีความคิดร้ายใดๆแฝงอยู่ ไม่เช่นนั้นจะมีหรือที่เขาซึ่งเป็นผู้ฝึกตนระดับสูงจนฉินหลิงมองไม่เห็นพลังฝึกตนจะปล่อยโอสถระดับ3ไปง่ายๆโดยไม่ได้ลงมือ

     

    “เจ้าอ้วนพอก่อน” ฉินหลิงเอ่ยห้ามเด็กหนุ่มร่างอ้วนและเดินไปทางชายราแซ่หม่าพร้อมกับยื่นเม็ดยาให้อย่างง่ายดาย

     

    ตาเฒ่าหม่าเองก็เผยสีหน้างุนงงเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ายื่นโอสถล้ำค่ามาให้ด้วยท่าทางไม่เสียดาย “เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?

     

    “ข้าต้องการแลกเปลี่ยนโอสถเม็ดนี้กับเคล็ดวิชา” ฉินหลิงเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง

     

    ไม่เพียงชายชราแซ่หม่าที่เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา เจ้าอ้วนแซ่เหอยังรู้สึกว่าพี่ชายตรงหน้าเป็นบ้าไปแล้ว เขาไม่รู้รึไงว่าหินวิญญาณนับหมื่นก้อนมีค่าขนาดไหน พี่ชาย หากท่านร่ำรวยจริงๆท่านก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็ได้!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×