ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝืนลิขิตฟ้า ท้าสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #12 : หมู่บ้านโคเขียว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 23.51K
      1.6K
      16 ก.ย. 62



    หลังจากออกเดินทางจากเมืองไผ่เขียวลงใต้มาด้วยระยะทาง 30 ลี้ ฉินหลิงผู้ซึ่งกำลังปลอมตัวเป็นพ่อค้าได้นั่งอยู่ภายในรถม้าคันที่สอง ที่มีลู่ชิงคอยบังคับอยู่รถม้าอยู่ด้านหน้าและใช้เวลาเพียงสองชั่วยามเท่านั้นก่อนที่จะถึงหมู่บ้านโคเขียว


    หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ได้รับการคุ้มครองจากเมืองไผ่เขียว ดังนั้นระหว่างการเดินทางจึงทำให้เขาไม่พบสิ่งอันตรายใดๆ โดยหมู่บ้านในอาณาเขต100 ลี้รอบเมืองไผ่เขียว จะเป็นหมู่บ้านที่ได้รับการคุ้มครองจากเมืองไผ่เขียวทั้งสิ้นแต่ก็แลกเปลี่ยนมาด้วยภาษีที่ต้องจ่ายให้ทางการ หรือก็คือจ่ายให้แก่ตระกูลฉินนั้นเอง  นั้นจึงเป็นเหตุว่าทำไมตะกูลฉินถึงมีทรัพสินมากมาย


    หมู่บ้านโคเขียวตั้งชื่อตามสัตว์เลี้ยงประจำพื้นที่ เพราะพื้นที่รอบหมู่บ้านแห่งนี้เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เหมาะกับการเลี้ยงสัตว์ นอกจากประกอบอาชีพเพาะปลูกแล้ว้ชาวบ้านก็ยังทำการเลี้ยงโคเขียวเป็นอาชีพเสริมอีกด้วย ซึ่งโคเขียวนี้เองก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่เหมือนโคทั่วไปยกเว้นก็เสียแต่ ตัวมันมีสีเขียว ซึ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะนับตั้งแต่เขามาอยู่ในร่างของนายน้อยฉินผู้สืบทอดเพียงคนเดียวแห่งตระกูลแม่ทัพใหญ่ เขาพึ่งเคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากโลกที่เขามาเป็นชนิดแรก จนทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า  ‘ โคเขียวมันจะสังเคราะห์แสงแบบพืชได้หรือไม่ ? ’  


    หลังจากรถม้าทั้งสองคันวิ่งผ่านป้ายชื่อหมู่บ้าน พวกเขาก็มาแวะจอดยังบริเวณท้ายหมู่บ้านซึ่งเปิดพื้นที่ให้เป็นที่ขายของแลกเปลี่ยนกันภายในหมู่บ้าน  และหมู่บ้านโคเขียวแห่งนี้ไม่มีโรงเตี๊ยมตั้งอยู่ซักเเห่ง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไปแวะบ้านของเสี่ยวหลู่ก่อน


    บ้านของเสี่ยวหลู่เป็นบ้านไม้สองชั้นทั่วไปซึ่งด้านล่างเปิดเป็นร้านขายผลไม้ตามปกติ เมื่อมองเข้าไปในร้านก็จะเห็นสาวน้อยวัยแปดเก้าขวบกำลังยืนจัดผลไม้อยู่ที่ชั้นวางด้วยสีหน้าตั้งอกตั้งใจ ก่อนที่เสี่ยวหลู่จะเปิดประตูรถม้าแล้ววิ่งเข้าในบ้าน “อาเล่อ พี่กลับมาแล้ว”


    เด็กน้อยนามอาเล่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกก็หันมามองก่อนจะเห็นพี่สาวของตน แล้วจึงวิ่งเข้ามาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส “ พี่หลู่ ท่านหายไปนานเลย ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ”


    “ ฮิฮิ พี่เจ้าเก่งกาจนัก อาเล่อ เจ้ารู้รึไม่พี่เจ้าตอนนี้ไปเป็นแม่ครัวในภัตตาคารชื่อดัง ” เสี่ยวหลู่ไม่รอช้าจึงเอ่ยยกยอตัวเองให้น้องสาวฟัง


    ดวงตาอาเล่อเปล่งประกายเมื่อได้ยินพี่สาวตัวเองเล่าให้ฟังว่าได้ทำงานในร้านอาหารชื่อดัง


     ฉินหลิงที่กำลังเดินเข้ามาได้ยินที่เสี่ยวหลู่โม้ ให้น้องสาวฟัง ถึงกับพูดไม่ออก


    “ ท่านพี่ คราวหน้าท่านพาข้าไปอยู่กับท่านด้วยสิ ตั้งแต่เกิดข้ายังไม่เคยออกจากหมู่บ้านเลย ให้ข้าไปทำงานกับท่านด้วยนะเจ้าคะ ” อาเล่อเด็กสาวตัวน้อยพูดด้วยท่าทีน่าสงสาร


    เสี่ยวหลู่ถึงกับเหงื่อตกกับเรื่องราวที่ตนโกหกให้น้องสาวฟัง ก่อนพึมพำกับตัวเองเบาๆ “ ใครมันจะพาน้องตัวเองไปเป็นหญิงคณิกากันเล่า ข้ายังพูดอะไรไม่รู้จักคิดนัก ”


    ฉินหลิงเมื่อเห็นเสี่ยวหลู่หน้าขาวซีดเซียว จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะก่อนจะเอ่ยออกมา “ เสี่ยวหลู่ ไม่ใช่ว่าเจ้าจะย้ายไปทำงานที่จวนเจ้าเมืองแล้วรึ ? ”


    เสี่ยวหลู่เมื่อได้ยินนายน้อยฉินเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมามองด้วยแววตาซาบซึ้งแล้วจึงเอ่ยกับน้องสาว “ ใช่ๆ...ตอนนี้ข้าทำงานในจวนเจ้าเมืองแล้ว ภายในจวนใหญ่มากเลย มีดอกไม้สวยงาม และสวนท้อด้วย ไว้ข้ามีเวลา ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นเอง ”


    อาเล่อเด็กสาวตัวน้อยเมื่อได้ยินผู้เป็นพี่เล่าก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ก่อนจะมองมาที่ฉินหลิงแล้วหันมาเอ่ยถามผู้เป็นพี่สาว “ เอ่อ...ท่านพี่แล้วพวกเขาเป็นใครเจ้าคะ ดูไม่คุ้นหน้าเลย”


    “ อ่อ ท่านนั้นคือ นะ..นาย...” เสี่ยวหลู่ที่กำลังจะบอกตัวตนของของฉินหลิง โดนมือของนายน้อยผู้นั้นปิดปากอย่างรวดเร็วก่อนที่ฉินหลิงจะเอ่ยแนะนำตัวเอง “ ข้าชื่อเหยาหลิง เป็นพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง เเละบังเอิญได้รู้จักกับพี่สาวเจ้า พวกเราเลยมาทำการค้าที่หมู่บ้านแห่งนี้นะยาโถว*น้อย ”


    เสี่ยวหลู่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเกือบบอกสถานะของนายน้อยฉินออกไปรีบเอ่ยแก้ทันที “ ใช่ๆ..นี้คือท่านพ่อค้าหลิง ที่จะมาทำการค้ากับบ้านของเรา แล้วท่านแม่เล่าอยู่ที่ไหนรึ ”


    ยาโถวน้อยมองดูพี่สาวด้วยทีท่าแปลกประหลาดก่อนเอ่ย “ ท่านแม่ยังอยู่ในสวนผูเถา**เจ้าคะ  พวกท่านนั่งพักก่อนเถอะเดินมาเหนื่อยๆ เดี่ยวข้าจะไปเอาน้ำชามาให้ดื่มนะเจ้าคะ ”


    “ เด็กสาวผู้นั้น นางเป็นน้องสาวเจ้าจริงๆรึ? ” องครักษ์หมิงรู้สึกอดไม่ได้ที่จะถามเสี่ยวหลู่ด้วยความสงสัย ก่อนที่เสี่ยวหลู่เอามือเกาหัว ก่อนจะหัวเราะด้วยท่าทีขัดเขิน


    ระหว่างที่ยาโถวน้อยไปเตรียมน้ำชาฉินหลิงก็เอ่ยกับสตรีเพียงคนเดียวในกลุ่ม “ เอาละ...เสี่ยวหลู่ แม่นางถานตอนนี้นางพักอยู่ที่ไหนรึ ”


    “ บ้านของน้องถานนะรึเจ้าคะ บ้านของนางอยู่พ้นหมู่บ้านโคเขียวไปอีกหน่อยเเละอยู่ติดกับเชิงเขา หากท่านเดินทางไปก็จะเห็นว่ามีบ้านของนางตั้งอยู่หลังเดียวเลยเจ้าคะ ” เสี่ยวหลู่เอ่ยตอบ


    ระหว่างที่อาเล่อเด็กสาวตัวน้อยกำลังเดินมาพร้อมกาน้ำชาก็ได้ยินสิ่งที่ฉินหลิงเอ่ยถามก็รู้สึกสงสัย ก่อนจะหันมามองพวกเขาด้วยความระมัดระวังแล้วจึงเอ่ยถาม “ พวกท่านมาหาพี่สาวถาน ทำไมรึเจ้าคะ ”


    ฉินหลิงที่กำลังซ่อนแววตากระอักกระอ่วมก่อนที่จะเอ่ยโกหกกับเด็กน้อย “ เอ่อ..คือที่จริงข้าติดหนี้บุญคุณนาง วันนี้พวกข้าแวะมาที่แห่งนี้พอดีเลยต้องการแวะไปคารวะซักหน่อย ”


    เมื่อสาวตัวน้อยได้ยินเช่นก็ถอนหายใจแล้วจึงเอ่ย “ เช่นนั้นนี้เอง ข้าก็นึกว่าท่านจะมารังแกพี่ถานเสียอีก ข้ายังจำได้เลยเมื่อเดือนก่อน ตอนที่พี่ถานเดินเข้าหมู่บ้าน นางช่างมีสภาพน่าสงสารยิ่งนัก ไม่รู้ที่เมืองใหญ่ไปโดนใครรังแกมาไม่ ”


    ‘ บัดซบ คนที่รักแกนางก็นั่งอยู่หน้าเจ้านี้แหละ แถมมากกว่ารังแกด้วยซ้ำ ’ ฉินหลิงกำหมัดเเน่น


    ฉินหลิงที่กำลังเเค้นใจตัวเองก็นึกถึงคำพูดอาเล่อก่อนหน้านี้แล้วจึงเอ่ยถาม “ หืม..เจ้าบอกว่านางเดินรึ เจ้าหมายถึงนางเดินจากเมืองไผ่เขียวมายังหมู่บ้านนี้เลยรึ ”


    “ น่าจะใช่แหละเจ้าคะ ยามที่ข้าเห็นพี่ถานครานั้นยังตกใจอยู่เลย เนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่น แววตาตายด้านราวกับมีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น แต่พอพวกข้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น นางเพียงแค่ยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร ถ้าข้ารู้นะใครกล้ารังแกนาง ข้าจะจับมันสับเป็นชิ้นๆเลยเจ้าคะ ” อาเล่อเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง


    เพล้ง!!


    แก้วในมือของเสี่ยวหลู่ร่วงลงพื้นทันที เมื่อได้ยินคำกล่าวของน้องสาวตัวเองที่ต้องการสับนายน้อยฉินเป็นชิ้นๆจึงเอ่ยกับฉินหลิงเบาๆ “ นางยังเด็กนัก ท่านไม่ต้องไปถือสานางหรอกเจ้าคะ ”


    ฉินหลิงขมวดคิ้วแน่นก่อนแสดงสีหน้าขมขื่นแล้วเอ่ย “ ก็สมควรจะโดนสับเป็นชิ้นๆ ตามที่นางว่านั้นแหละ ”


    ยาโถวน้อยได้ยินสิ่งที่ฉินหลิงกล่าวก่อนพยักหน้าอย่างแรง “ ใช่แล้วเจ้าคะ พี่ชายก็ยังเห็นด้วยกับข้าเลย ถ้าข้ารู้นะเจ้าคะว่ามันผู้ใดเป็นคนรังแกพี่ถาน ข้าจะเตะให้มันเป็นหมันเลยเจ้าคะ พี่ชายเห็นด้วยกับข้าไหมเจ้าคะ ”


    ฉินหลิงไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่หัวเราะแห้งๆ


    หมิงฮ่าวที่กำลังหันมองเสี่ยวหลู่ก่อนเอ่ย “ ข้าขอแก้ไขที่บอกว่านางไม่ใช่น้องของเจ้า ตอนนี้ข้ามั่นใจแล้วว่านางเป็นน้องสาวแท้ๆของเจ้าเป็นแน่ ”


    เสี่ยวหลู่เมื่อได้ยินหัวหน้าองครักษ์พูดเช่นนั้นก่อนจะเงยหน้ามองแล้วกรอกตาเล็กน้อยราวกับไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งที่หมิงฮ่าวมาล้อตน


    “ ข้ารบกวนเจ้ามามากแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ไว้ข้ามาหาอีกก็แล้วกัน ระหว่างนี้เจ้าก็พักไปที่บ้านก่อนก็แล้วกัน ”  ฉินหลิงเอ่ยกับเสี่ยวหลู่ก่อนเดินออกมาพร้อมกับองครักษ์ทั้งสองและบ่าวตัวน้อยของเขา


    เสี่ยวหลู่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็วิ่งมากระซิบกับฉินหลิงเบาๆ “ เช่นนั้น ท่านต้องการให้ข้านำทางไปบ้านน้องถานรึไม่เจ้าคะ? ”


    ฉินหลิงส่ายหัวเบาๆก่อนเดินออกมาแล้วขึ้นรถม้าเเละเอ่ยกับลู่ชิง “ ไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ”


    หลังจากนั้นไม่นาน รถม้าของฉินหลิงก็เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่อยู่ใจกลางหมู่บ้าน ระม้าจึงเข้าไปจอดลงหน้าบ้านของผู้นำหมู่บ้านโคเขียว ก่อนจะมีชายหนุ่มสามคนและเด็กน้อยอีกหนึ่งคนเดินลงมารถม้าทั้งสองคันซึ่งกำลังเดินเข้าไปบ้านหลังใหญ่


    ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งที่กำลังนั่งลับมีดอยู่ภายในบ้านก็เดินออกมาถามด้วยหน้าตาข่มขู่ “ มีธุระอะไร? ”


    องครักษ์หมิงที่ไม่ค่อยพอใจกับน้ำเสียงของชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมแรงกดดันจากพลังยุทธขั้นครึ่งก้าวเซียนเทียน “ ไปเรียกหัวหน้าหมู่บ้านของพวกเจ้ามา! ”


    ชายหนุ่มผู้นั้นที่มีพลังฝึกตนขั้นหลอมรวมกายาขั้นที่ห้าก็เผยหน้าซีดเซียวออกมา ก่อนรีบหันกลับเข้าไปในบ้านแล้วตะโกนเสียงดัง “ ท่านปู่มีคนมาหาท่าน!! ”


     หลังจากชายหนุ่มผู้นั้นเอ่ยเรียกเสียงดัง ได้มีชายชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากตัวบ้าน เมื่อชายชราผู้นั้นพบแรงกดดันที่องครักษ์หมิงปล่อยออกมาพร้อมกับสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาจึงสรุปได้อย่างรวดเร็วว่าหลานตนหาเรื่องวุ่นมาให้ตนแล้วเป็นเเน่  จึงรีบเดินเข้ามาคารวะเเละเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อม “ ข้าคือหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ ข้าต้องขออภัยแทนหลานชายข้าที่ไม่มีมารยาทด้วย คราวหลังข้าจะสั่งสอนมันให้ดีกว่านี้ ขอให้คุณชายอย่าโมโหเลย ”


    ฉินหลิงยกมือขึ้นให้พร้อมกับป้ายไม้รูปทรงสามเหลี่ยมสีดำที่มีอักษรคำว่า ‘ฉิน’ สีทองส่องสว่างอยู่


    เมื่อเห็นตราของตระกูลฉิน องครักษ์หมิงจึงลดแรงกดดันลง ชายชราผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็เหลือบหันมาเห็นป้ายประจำตระกูลฉินที่ซึ่งเป็นตระกูลเจ้าของเมืองไผ่เขียว เเละทำหน้าที่ดูแลและจัดเก็บภาษีของหมู่บ้านแห่งนี้ ชายชราผู้นั้นจึงแสดงสีหน้าหวาดกลัวและเอ่ย “ ขอใต้เท้าโปรดอภัยด้วย  หลานข้ามันไร้มารยาทเอง ต่อไปข้าจะสั่งสอนมันให้ดี ได้โปรดละเว้นมันด้วยขอรับ ”


    ฉินหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าป้ายไม้ประจำตัวเขาจะทำให้หัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้หวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ แต่หลังจากเขาขบคิดเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ย “ ข้าไม่ได้สนใจเรื่องราวของท่าน ข้าต้องการเพียงที่พักและอาหารสำหรับข้าและเหล่าองครักษ์ของข้า  ส่วนเรื่องของข้าปิดปากให้สนิท หากใครรู้เรื่องของข้าจากท่าน คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ”


    ฉินหลิงเอ่ยข่มขู่ด้วยเสียงเย็นชา ก่อนจะหันไปมองหัวหน้าหมู่บ้านที่แขนขาสั่นเทาเพราะความกลัว ก่อนจะคารวะเขาแล้วจึงรีบเอ่ยเชิญเขาไปพักในบ้านหลังใหญ่




    *ยาโถว =  คำเรียก เด็กผู้หญิง ประมาณสาวน้อย

    **ผูเถา = องุ่น



     ลักษณะบ้านเรือนของหมู่บ้านโคเขียว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×