ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [In love and war] ณ ที่นี้ สงคราม กับ ความรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : [บทที่ 1] A peaceful life

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 50


    War….

     

    Does this word had to exist?

     

    Why can’t we just live by not hurting anyone…

     

    How come ‘Hello’ is such a difficult word to say...

     

    Or was it just me that think this way

     

    Then why?...

     

    Why the news are still writing about it…

     

    Why there are still people dieing from it….

     

    Why can’t it be peace

     

    I wander…

     

    Oh!!…I forgot….

     

    There’s no such thing as peace in this world

     

    Why?

     

    The answer is simple….

     

    That’s because humans don’t know how to do it anymore…

     

     

    สงคราม....

     

    คำๆนี้มันจำเป็นต้องมีด้วยหรือ?

     

    เราจะอยู่โดยไม่ทำร้ายใครไม่ได้หรอ....

     

    แล้วทำไมคำว่า สวัสดี ช่างเป็นคำที่พูดออกมาได้ยากเหลือเกิน....

     

    หรือมีแค่ฉันคนเดียวล่ะที่คิดอย่างนี้

     

    งั้นทำไม?....

     

    ทำไมข่าวยังเขียนเกี่ยวกับมัน....

     

    ทำไมยังคงมีคนตายจากเพราะมัน….

     

    ทำไมเราถึงอยู่กันอย่างสันติสุขไม่ได้

     

    ฉันสงสัย...

     

    อ้อ!!...ลืมไป..

     

    โลกเราไม่มีคำว่าสันติสุขนี่นา

     

    ทำไมงั้นหรือ?

     

    คำตอบนั้นง่ายมาก...

     

    นั้นก็เพราะคนเราไม่รู้วิธีที่จะทำมันแล้วไง...

     

     

     

    [บทที่ 1] A Peaceful life (ชีวิตที่สงบสุข)

     

     

    นภาสีฟ้าใส เมฆขาวที่จับตัวเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ลอยบดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่สาดลงมายาม กลางวันให้ไม่ร้อนจนเกินไป สายลมเอื่อยๆนำเหล่าใบไม้ ใบหญ้าพัดผ่านร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ใต้ร่มเงาชองต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลางทุ่งหญ้าไกลสุดลูกหูลูกตา 

     

    ผึ่บ!..ผึ่บ!..

     

    เด็กสาวที่กำลังเขียนอะไรขยุกขยิกบนหนังสือในมือเมื่อสักครู่ เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงกระพือปีกของนกสีขาวที่โผบินออกจากต้นไม้ที่เธออาศัยร่มเงาร่วมอยู่ด้วย

     

    รอยยิ้มบางแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์ นัยน์ตาสีประหลาดมองตามนกตัวนั้นไปจนลับสายตา ก่อนจะก้มลงขะมักเขม้นเขียนสิ่งที่อยู่ในมือต่อผ่านไปอีกสักพักใหญ่

     

    ดวงตาที่ดูเผินๆจะเป็นสีน้ำตาลแก่เปลือกไม้เกือบดำแต่ถ้าสังเกตให้ดีหน่อยจะเห็นว่ารอบตาดำตรงกลางนั้นจะมีวงแหวนสีอำพันแผ่ออกมาบางๆด้วยกำลังจ้องมองหน้ากระดาษสีขาวขุ่นที่เขียนลงไปแล้วจนเต็มหน้า ก่อนปิดลงเบาๆ พร้อมถอนหายใจ

     

    เด็กสาวลุกขึ้นเดินกลับไปยังอีกด้านที่เป็นตัวเมืองเล็กๆล้อมรอบด้วยเทือกเขายาวตลอดแนวทั้งสองฝั่ง ตรงด้านทางออกทางเดียวของเมืองมีทะเลสาบใหญ่ตั้งอยู่ข้างๆเป็นปราการอีกด่านก่อนจะเข้าตัวเมือง

     

    มือข้างหนึ่งถือหนังสือไปพร้อมกับหนีบดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ ส่วนอีกข้างก็ยกมือขึ้นมาบังแสงแดดจ้าของดวงอาทิตย์ เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อพบว่าเมฆสีขาวที่ลอยกรองแสงอยู่เมื่อสักครู่บัดนี้ได้ถูกพัดไปไกลเสียแล้ว เธอถอนหายใจเบาๆพร้อมกับรีบสาวเท้าเร็วๆ

     

    เมื่อเข้าใกล้ชานเมือง ใบหน้าใสก็หันกลับไปมองต้นไม้ใหญ่ที่เธออาศัยเป็นที่พักผ่อนชั่วคราวอยู่สักครู่ ก่อนหันกลับมา

     

    ได้เวลารับใช้ชาติแล้ว....

     

     

    ************************************

     

     

    พี่ภา!” ผู้ถูกเรียกหันไปมอง ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างเมื่อเห็นเด็กตัวน้อยๆนับสิบที่พุ่งกระโดดเข้าหาตน

     

    ว้าย!!!! .... 

     

    เสียงหวีดร้องขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปรากฏให้เห็นภาพที่ได้กลายเป็นภาพปกติที่เหล่าชาวบ้านในตลาดนั้นเห็นกันจนชินตาไปเสียแล้ว

     

    แต่ถึงกระนั้นแม่ค้าที่กำลังโหวกเหวกขายอาหารก็ได้หยุดลงแล้วโน้มตัวออกมาจากซุ้มที่เรียงวางของขายกันอยู่เพื่อมองภาพชวนขำขันนี้อย่างหน่ายๆแกมเอ็นดู เช่นเดียวกันกับเหล่าชาวบ้านที่กำลังจับจ่ายซื้อของกันอยู่นั้นก็ได้หัวเราะเบาๆกับภาพตรงหน้านี้เหมือนกัน 

     

    เหล่าเด็กชาย-หญิงนับสิบลงไปนอนทับกันบนร่างของเด็กสาวที่ทำหน้าเอือมระอาอย่างที่สุด แต่แทนที่เด็กสาวจะผลักตัวร่างเล็กนับสิบเหล่านั้นออก เธอกลับเงยหน้าขึ้นไปมองร่างเล็กๆที่อยู่บนสุดก่อนเอ่ยคำขอร้องแกมบังคับ

     

    ถ้าไม่ลุกออกจากตัวพี่ พี่จะไม่ทำอาหารเย็นให้นะ   จบคำพูดนั้นเท่านั้นแหละ เด็กๆทั้งหลายก็รีบดีดตัวออกมายืนจ้องพี่สาวที่ลุกขึ้นปัดฝุ่นตาแป้ว พร้อมใส่ลูกอ้อนไปไม่ยั้ง

     

    งือ ไม่แกล้งแล้วๆ พี่ภาอย่างอนนะคะ

     

    น้าๆ พี่ภาสุดสวย ถ้าพี่ไม่ทำอาหารเย็น เดี๋ยวพวกผมก็อดอาหารตายก่อนหรอกเด็กอีกคนเข้ามาดึง (ฉุด) เสื้อนอกจนแทบจะหลุดออกมา

     

    ทำไมเดี๋ยวนี้เจ้าตัวแสบมันแรงเยอะกันจังนะ    เด็กสาวผู้ถูกเรียกว่า พี่ภาคิด เมื่อลงมามองเสื้อยับยู่ยี่ของตน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังปั้นหน้านิ่งเอาไว้อยู่ ก่อนเอ่ยตอบกลับไปบ้าง

     

    อ้าว ก็ให้ป้าไอร่าทำให้ไง

    ก็แหม พี่ภาสุดสวยทำอาหารอร่อยที่สุดนี่นา ถ้าพวกผมไม่ได้กินอาหารพี่ไป คืนนั้นผมคงนอนไม่หลับแน่ๆเลย

     

     จบประโยคนั้นเท่านั้นแหละ เสียงหัวเราะก็ดังออกมาจากรอบด้าน เรียกใบหน้าของเด็กสาวผู้ถูกอ้อนขึ้นสีอย่างช่วยไม่ได้ เธอส่งสายตาดุไปยังเหล่าร่างตัวกระจ้อยเบื้องล่างที่ยิ้มแป้นอย่างไม่ยี่หระต่อท่าทางของพี่สาวที่รักเลยสักนิด  จนเธอได้แต่นึกปลงกับความโชคร้ายของตนที่ต้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้เจ้าลิงพวกนี้อยู่ทุกวี่ทุกวัน

     

    กลับกันได้แล้ว!” เด็กสาวซอยเท้านำฝูงเด็กตัวกระจ้อยร่อยนับสิบเดินออกไปราวแม่ไก่กับลูกเจี๊ยบกำลังเดินกลับเข้ารัง เรียกเสียงหัวเราะจากรอบทิศ ก่อนแต่ละคนจะกลับไปทำธุระของตนกันต่อไป

     

     

    ********************************

     

     

    อ้าวกลับกันมาแล้วหรอ เสียงของใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาจากโต๊ะตัวยาวทันทีที่ฝูงลิงพร้อมพี่เลี้ยงก้าวเข้ามาในบ้าน

     

    ป้าไอร่า!”  เหล่าเด็กตัวน้อยๆวิ่งไปหาหญิงวัยกลางคนรูปรางท้วมๆ กับใบหน้าเปื้อนยิ้มที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอย่างกระตือรือร้น เด็กสาวที่เป็นพี่เลี้ยงจำเป็นเมื่อสักครู่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา แกมเอ็นดูกับเหล่าตัวแสบทั้งหลาย

     

    ดูสิเมื่อกี้ยังอ้อนกันอยู่เลย แต่พอก้าวเข้ามาบ้านเท่านั้นแหละ เปลี่ยนเป้าหมายใหม่เชียว   แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยิ้มบางๆตอบหญิงสาวสูงวัยที่ส่งยิ้มใจดีมาเมื่อครู่ ก่อนเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อเตรียมอาหาร พร้อมกับได้ยินเสียงแว่วๆดังมาจากด้านนอก

     

    อ้าว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนสิ เดี๋ยวพี่ภาเขาก็ไม่ทำอาหารให้กินนะ

    to be continue>>>>

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×