คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตัวร้ายก็มีหัวใจ
ลืมอดีตไปซะ แค่ปัจจุบันมีเขาเป็นเนื้อคู่ก็พอแล้ว
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใครๆก็มองว่าฉันเป็นตัวร้ายแล้วสินะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกอะไรที่ธันตาย แต่ฉันก็ต้องดำเนินชีวิตไปตามทางของฉัน
หลังจากเหตุการณ์วันวาเลนไทน์ตอนนั้น ตุลย์ก็บอกเลิกชอบฉัน พวกเรากลับมาเป็นเพื่อนกัน ทรอยดูเศร้าช่วงแรกแต่พอทำใจได้ก็สดใสกว่าเดิมมาก กอหญ้าและน้องทริมก็หันไปชอบพงษ์ ส่วนน้องเพียร์...ฉันไม่รู้จักน้องเขาเป็นการส่วนตัวหรอก แต่จากที่ฟังรุ่นน้องพูดกัน น้องเพียร์เปลี่ยนไปมาก ทั้งแววตาที่เศร้ากว่าเดิม ไม่ค่อยยิ้มเหมือนเดิม ที่สำคัญคือน้องเขาอ้วนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ
ฉันมาทบทวนกับตัวเองว่าฉันชอบใครกันแน่ระหว่างตุลย์กับธัน บางทีฉันอาจจะชอบตุลย์ก็ได้ แต่ถึงฉันจะชอบตุลย์ก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะตุลย์ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่อเมริกาพร้อมกับทรอย ส่วนฉันก็สอบติดมหาวิทยาลัยในประเทศไทย คณะเทคโนโลยีการศึกษาแพทย์ศาสตร์
ฉันได้พบรักใหม่ขณะเรียนในมหาวิทยาลัย เรามักจะเจอกันที่มุมเอนเตอร์เทรนของห้องสมุดทุกบ่ายวันพุธ เพราะเป็นคาบว่างของฉันและเขาพอดี เขายิ้มให้ฉันทุกครั้งที่เจอ และมักจะแนะนำหนังสนุกๆ เกมสนุกๆให้ฉันด้วย และฉันก็ได้รู้ว่าเขาสนิทกับพี่ภาคย์ด้วย โลกกลมจริงๆ
---------------------------
“นี่ตัวเอง พวกเราคบกันมากี่ปีแล้วนะ” ที แฟนของฉันพูดขณะที่เรากำลังเดทและฉลองปิดเทอม ๑ กันที่ร้านไอศกรีมในห้างใกล้ที่ที่ฉันและแฟนเรียนอยู่ถึงฉันจะมาที่นี่บ่อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เรามากันแค่สองคน
“อืม... ๒ ปี ก็เราคบกันตั้งแต่อยู่ปี ๑ นี่นา” ฉันพูดแล้วนั่งเลือกเมนูไอศกรีม แต่ทำไมมีแต่เมนูแปลกๆแบบนี้ล่ะ “พี่คะ ทำไมวันนี้มีแต่เมนูแปลกๆคะ มัลเบอร์รี่ซันเดย์นี่ยังพอเข้าใจ แต่ไอ้ตะไคร้ซันเดย์นี่ยังไงคะ?”
“ขอโทษครับ ผมเอาเมนูให้ผิดเล่มครับ” พนักงานเสิร์ฟรีบมาเปลี่ยนเมนูให้ฉันทันที ใครกันนะที่กินไอศกรีมแปลกๆพวกนี้ได้ลง ไม่ท้องเสียรึไง
“นี่ตัวเอง เค้าไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา”
“อื้อ รีบมานะ เค้าคิดถึง” หยอดสักหน่อย เพราะฉันรู้ตัวดีว่ายังลืมตุลย์ไม่ได้ การเป็นแฟนกับทีตลอด ๒ ปีก็ทำให้คิดถึงตุลย์น้อยลงบ้าง
เมื่อแฟนฉันเข้าห้องน้ำไปพักนึงก็มีคน ๓ คน เดินเข้ามาในร้าน หนึ่งในนั้นมีพงษ์ด้วย ฉันก็พอรู้ว่าพงษ์อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับฉันและก็เป็นคนดังพอสมควรเพราะเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเยาวชนทีมชาติมาก่อน แปลกดีนะ ตอนที่พงษ์เป็นนักกีฬาอยู่ดันไม่มีใครสนใจเพราะคนในโรงเรียนต่างก็กรี๊ดกร๊าดตุลย์กับธันทั้งนั้น พอธันตายไปและตุลย์ไปเมืองนอก สาวๆถึงได้หันมากรี๊ดพงษ์แทน
“สวัสดีครับผม กลับมาพบกับพวกเราคู่แฝดสองพอและพี่ชายสุดหล่อ เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ยพอเพียง” ผู้ชายที่มาด้วยกันดุใส่ผู้หญิงอีกคนเพราะเธอแย่งกล้องเขาแล้วลบคลิปออก
“พวกเรายังไม่ได้แต่งหน้าเลยนะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมกับหยิบเครื่องสำอางแล้วเข้าห้องน้ำไป
“เออว่ะ พอดีลืมไปเลย งั้นไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า พี่จะไปด้วยกันไหม?” ผู้ชายคนนั้นถามพงษ์พร้อมสะพายเป้เตรียมเข้าห้องน้ำ
“ยัง
เดี๋ยวพี่เฝ้าของให้ก่อนดีกว่า ให้พี่สั่งไอศกรีมให้ไหม?”
พงษ์พูดพร้อมกับเปิดเมนูไปด้วยแล้วก็หันไปพูดกับพนักงานเสิร์ฟว่า “พี่ครับ ขอเมนูพิเศษสำหรับคู่แฝดสองพอด้วยครับ”
แล้วพนักงานเสิร์ฟก็เอาเมนูประหลาดนั่นให้พงษ์
“พอดีเอาตะไคร้ซันเดย์นะพี่ เห็นพอเพียงว่ามันช่วยขับลมแก้ท้องอืดได้ ส่วนพอเพียงเอาเสาวรสซันเดย์ไม่ก็เอาอะไรก็ได้ที่เปรี้ยวๆที่ไม่ใช่ตระกูลมะนาวเพราะเพิ่งกินไปเมื่อเช้า ถ้าไม่มีจริงๆก็เอาดาร์คช็อคโกแลตที่มีโกโก้แมสเยอะๆ ไม่ก็แล้วแต่พี่ครีมจะจัดให้ละกัน” ผู้ชายคนนั้นบอกพงษ์ก่อนจะเดินไปห้องน้ำ แต่รสนิยมการกินไอติมของ ๒ คนนั้นแปลกจริงๆ
ฉันสบโอกาสพี่พงษ์สั่งไอศกรีมเสร็จเดินเข้าไปทักพงษ์
“นั่นพงษ์รึเปล่า?”
“ทอฝันเหรอ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ทั้งที่อยู่ ม. เดียวกันแท้ๆ”
“แต่ตอนนี้ก็เรียนคนละวิทยาเขตแล้วนี่ แล้วนายมาเที่ยวแถวนี้เหรอ?”
“พาน้องๆมากินไอติมน่ะ แล้วทอฝัน...มาเดทสินะ” ทำไมรู้ล่ะ “ฉันเห็นกระเป๋าตรงที่นั่งตรงข้ามเธอน่ะ”
“อ๋อ ครบรอบ ๒ ปี แล้วน้องๆนี่คือ...”
“เพียร์กับพอร์ทไง” อะไรนะ
“นั่นน้องเพียร์เหรอ...เปลี่ยนไปมาก” อ้วนขึ้นมาก คิดว่าน้ำหนักเพิ่มเป็นสิบโลได้เลย
“๑๘ กิโลกรัม ไม่สิ หลังจากที่ธันวาตาย ยัยนั่นก็กินซะจนน้ำหนักเพิ่มขึ้น ๒๐ กิโลกรัมภายใน ๒ ปี มีช่วงเปิดเทอมปีนี้ที่ลดได้ ๕ กิโลกรัม และตอนนี้ก็ดูเหมือนจะพยายามเพิ่มน้ำหนักตัวเองอีกครั้งด้วย” อะไรกันเนี่ย
“นี่เป็นผลจากที่ธันตายงั้นเหรอ?” ฉันถามพงษ์ และพงษ์ก็พยักหน้าตอบพร้อมกับทำหน้าเศร้า
ฉันลองมองย้อนกลับไปในตอน ม.ปลาย ธันไม่เคยมีข่าวกับน้องเพียร์เลย แต่ในเหตุการณ์วันนั้นฉันรับรู้ได้เลยว่าสองคนนั้นรักกัน ไม่ใช่รักข้างเดียวแน่นอน ความรักในความลับเหรอ น่าสงสารน้องเพียร์จริงๆ ฉันโชคดีที่หลุดออกมาได้ แต่น้องเพียร์นี่สิ
ฉันกลับมานั่งรอแฟนต่อ สักพักน้องเพียร์กับ...น้องพอร์ทก็เดินมาที่โต๊ะนั้นพอดีกับที่พนักงานเสิร์ฟคนใหม่มาเสิร์ฟไอศกรีมให้ฉันแล้วก็ไปเสิร์ฟไอศกรีมให้ ๓ คนนั้นต่อ แล้วทำไมแฟนฉันไม่มาสักทีนะ
“อ้าว! ทำไมไม่แต่งหน้ากันล่ะ” พงษ์ถามน้อง ๒ คนนั่น
“ลืมเอาแป้งมาอะ” น้องเพียร์ทำหน้าหงอย
“พอดีก็ลืมเอาหน้ากากมาอะ แต่เมื่อกี้ได้ยินเสียงในห้องน้ำด้วยนะ เหมือน...” น้องพอร์ทพูดยังไม่จบก็มีพี่พนักงานเสิร์ฟแทรกมาก่อน
“นี่ครับ ตะไคร้ซันเดย์ของพอร์ท ช็อคโกแลตพาร์เฟต์ของพงษ์ และก็บัตเตอร์ฟลายเมจิคของเพียร์ ครับผม” พี่พนักงานเสิร์ฟเหมือนมาช่วยชีวิตทั้ง ๓ คนเอาไว้เลย
“เฮ้ย! ของพอเพียงน่ากินอะ ใช่ไอศกรีมอัญชันที่พอเพียงบอกว่าอยากกินรึเปล่าพี่? พี่กสิสั่งเหรอ?” น้องผู้ชายถามพงษ์ พงษ์มีอีกชื่อว่ากสิงั้นเหรอ
“คือเมนูที่น้องเพียร์สั่งหมดพอดีครับ น้องครีมเพิ่งทำเมนูนี้เลยอยากให้น้องเพียร์กินดูครับ แล้วนี่ก็น้ำมะนาวกับน้ำปูนใสเอาไว้หยดเพื่อให้ไอศกรีมเปลี่ยนสีครับ” พี่เขาพูดไปยิ้มไป ในขณะที่พงษ์กับน้องพอร์ทหน้าเจื่อนเล็กน้อย
“น้ำปูนใสมันไม่เป็นอันตรายเหรอครับ? ผมว่าเอาน้ำเปลือกมังคุดก็ได้นะ” พงษ์ออกความคิดเห็น ส่วนน้องพอร์ทก็พยักหน้าเห็นด้วย
“น้องครีมใช้เปลือกมังคุดทำไอศกรีมหมดแล้วครับ แล้วน้ำปูนใสเป็นสารละลายอีกรูปแบบหนึ่งของแคลเซียมคาร์บอเนตซึ่งนอกจากจะกินได้โดยที่ไม่เป็นอันตรายแล้วยังช่วยเสริมสร้างแคลเซียมในกระดูกด้วย พงษ์ลืมสูตรเคมีการทำน้ำปูนใสไปแล้วเหรอ? ได้ข่าวว่าเป็นข้อสอบครั้งล่าสุดนี่ เดี๋ยวพี่ปรับตกซะเลย” ปรับตก?
“โธ่! สอบเสร็จผมก็เก็บความรู้เข้าไปในจิตใต้สำนึกขั้นลึกแล้วล่ะครับ กว่าจะขุดมันขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาหน่อย อย่าปรับผมตกเลยนะครับอาจารย์” พงษ์พูดขอร้องพนักงานเสิร์ฟ เดี๋ยวนะ! พี่พนักงานเสิร์ฟเป็นอาจารย์คณะวิทย์งั้นเหรอ
“ช่วยด้วยค่ะ! มีคนร้าย!” เสียงผู้หญิงดังขึ้นขณะที่มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งออกจากร้านไป
น้องพอร์ทกับพงษ์วิ่งตามคนร้ายไปส่วนน้องเพียร์ก็วิ่งไปทางเสียงผู้หญิง ฉันก็รีบไปกับน้องเพียร์ด้วยเพราะเสียงผู้หญิงคนนั้นดังมาจากห้องน้ำ และฉันก็เห็นแฟนของฉันสะบักสะบอมจากการถูกทำร้าย
“ตัวเอง! ใครทำตัวเองอะ” ฉันช็อคอยู่ตรงนั้น ทำอะไรไม่ถูก
หลังจากนั้นรถพยาบาลก็มารับพวกเราไปโรงพยาบาล ฉันโทรบอกพ่อแม่ของแฟนให้ทราบและก็ไปให้การกับตำรวจแล้วก็กลับมานั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน
---------------------------
“สวัสดีครับผม กลับมาพบกับพวกเราคู่แฝดสองพอและพี่ชายสุดหล่อ ก่อนอื่นขอโทษทุกคนด้วยที่วันนี้ไม่มีการอัพคลิปรีวิวร้านไอศกรีมตามที่ได้สัญญาไว้ เพราะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น แต่ยังไงก็ขอให้ทุกคนส่งแรงใจไปที่ห้อง ER ด้วยนะครับ สำหรับ...” น้องพอร์ทอัดคลิปโดยที่ถ่ายประตูห้องฉุกเฉินอย่างเดียวก่อนที่น้องเพียร์และพงษ์จะเดินเข้ามาหา “พี่ผู้ชายคนนั้นเป็นไงบ้างพี่?”
“พี่ทีปลอดภัยดี ไม่ได้เย็บ ช้ำในหลายจุดแต่ก็ไม่มีเลือดคั่งในอวัยวะสำคัญนะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” น้องเพียร์ตอบคำถาม โล่งอกไปที
“น้องเพียร์ พงษ์” ฉันเดินเข้าไปหาทั้งสองคน “ทีปลอดภัยจริงๆใช่ไหม? ทีจะไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม?” ฉัน...ฉันไม่อยากเสียทีไปอีกคนหรอกนะ
“พี่ทีปลอดภัยแล้วค่ะ รุ่นพี่ที่ชมรมเพียร์ดูเคสพี่ทีอยู่ แต่ต้องนอนพักที่โรงพยาบาลก่อนเพราะพี่เขายังไม่ฟื้น ตอนนี้พ่อแม่และก็น้องสาวพี่ทีก็กำลังไปจองห้องที่ตึกหมุนค่ะ” ทีปลอดภัยแล้ว
“เอ่อ...ผมขอจบคลิปเพียงเท่านี้ก่อน แล้วพวกเราจะเล่ารายละเอียดที่เราเจอที่หลังนะครับ สวัสดีครับ” อัดคลิปจบน้องพอร์ทก็หันไปถามน้องเพียร์ทันที “ทำไมถึงรู้ว่าพี่ผู้ชายคนนั้นชื่อที?”
ยังไม่ทันที่เพียร์จะได้ตอบ พี่นักศึกษาแพทย์ก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินตรงมาหาพวกเรา
“ผมทำแผลคนไข้เสร็จแล้วนะครับ (หันไปบอกทอฝัน) คนไข้รู้สึกตัวแล้วแต่ยังระบมอยู่ พี่พยาบาลตามพี่เวรเปลให้แล้ว เดี๋ยวให้คนไข้พักที่เตียงนั้นก่อนจนกว่าญาติจะมารับนะครับ (หันไปบอกเพียร์) ...เอ่อ...” พี่เขาดูลังเลแล้วรีบพูดก่อนรีบเดินจากไปว่า “น้องเพียร์ใส่กระโปรงดูน่ารักกว่าใส่กางเกงนะครับ” ตามมาด้วยสายตาอึ้งของพงษ์และน้องพอร์ท
---------------------------
เรื่องของ ๓ พี่น้องนั่นช่างมันก่อน ทีได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกใหม่ของโรงพยาบาล ที่น้องเพียร์เรียกว่าตึกเอกนั่นย่อมาจากคำว่า ‘เอกชน’ เพราะตึกนี้เป็นตึกแยกจากโรงพยาบาลเพื่อรองรับผู้ที่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลแพงๆได้ เรียกได้ว่าเป็นโรงพยาบาลย่อยในโรงพยาบาลแห่งนี้นั่นแหละ
ทีพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ๑ สัปดาห์ เพราะมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำร่วมด้วย ช่วงเวลาปิดเทอมของฉันจึงหมดไปกับการดูแลที แต่มันก็คุ้มนะ เพราะได้ทำความรู้จักกับครอบครัวทีมากขึ้น ทั้งพ่อแม่ที่น่ารักเป็นกันเองและน้องสาวที่เรียนพยาบาลที่นี่ด้วย
พอเปิดเทอม ๒ ฉันสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังตามฉันอยู่ ไม่ว่าฉันจะเข้าเรียน กินข้าวกลางวัน กลับหอพักตอนเย็น มันเหมือนมีคนตามดูฉันอยู่ตลอด เหมือนมีสตอร์คเกอร์ตามฉันอยู่ ล่าสุดฉันก็ได้ข้อความจากเบอร์แปลกพิมพ์มาว่า “คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น” ฉันไม่สบายใจเลย ทีจึงอาสาพาฉันไปร้านไอศกรีมแห่งนั้นอีกครั้งเผื่อจะได้เบาะแสเพิ่มเติม
วันนี้ฉันและทีมาที่ร้านไอศกรีมอีกครั้ง เพื่อถามความคืบหน้าของคดีด้วย แต่นอกจากจะเจอพนักงานในร้าน ฉันก็เจอน้องเพียร์ ทรอย พี่เทรดซึ่งเป็นพี่ชายของทรอย และ...
“ตุลย์”
ตุลย์อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ
“สวัสดีทอฝัน ไม่ได้เจอกันนานเลย แล้วนี่...ใช่คุณทีรึเปล่าคะ?” ทรอยเริ่มทักทายฉันก่อน
“ครับ ผมชื่อที เป็นแฟนทอฝันครับ” ทีพูดแล้วจับมือฉันแน่นราวกับกลัวว่าฉันจะหนีไปไหน
“พี่ๆ สวัสดีค่ะ งั้นเพียร์กับพี่ตุลย์ขอตัวก่อนนะคะ” น้องเพียร์ไหว้ทุกคนแล้วจับมือตุลย์ไปอีกโต๊ะ
“น้องสองคนมาพอดี งั้นเราก็มานั่งคุยกันเลยเนอะ” พี่เทรดพูดขึ้น “นี่ทอฝัน พี่ล่ะเสียดายที่คนบางคนไม่พาแฟนมาด้วยทั้งๆอยู่ช่วงหยุดเรียนเพื่อหาข้อมูลทำวิจัยแท้ๆ สงสัยกลัวว่าที่พี่ชายภรรยาจะดุ” พี่เทรดพูดกับฉันแต่ปรายตามองทรอย
“เสียดายที่บางคนไม่พาแฟนมาด้วยเนอะฝัน สงสัยกลัวว่าที่ภรรยาจะรู้ว่าตัวเองกวนบาทาน้องๆขนาดไหน” เดี๋ยวนี้ทรอยมีสวนกลับด้วยเหรอ
“งั้นทอฝันก็ไม่ต้องเสียดายอะไรเพราะมากับแฟน ใช่ไหมครับ?” ทีก็เล่นด้วยคนเหรอ
“เฮ้ย! น้องคนนี้เจ๋งดี พี่ชอบ” พี่เทรดพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วเปลี่ยนเป็นจริงจังและพูดกับทีเสียงเบาว่า “เพื่อนผมรับผิดชอบคดีคุณทีต้าอยู่นะครับ เขาฝากผมมาช่วยสืบด้วย” ใช่ค่ะ ที่จริงทีชื่อทีต้า แต่เรียกสั้นๆว่าที
ฉันเล่าเรื่องสตอร์กเกอร์ให้ทุกคนฟัง พี่เทรดสอบถามฉัน ที และน้องเพียร์เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย น้องเพียร์ได้บอกรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายในวันนั้นเพราะน้องพอร์ทได้วิ่งตามจนได้ต่อสู้กับคนร้ายแต่คนร้ายก็หนีไปได้ ส่วนตอนนี้น้องพอร์ทก็กลับอเมริกาไปแล้วจึงให้น้องเพียร์มาให้ปากคำแทน
“เสียดายจังที่พี่มาไม่เจอพอร์ทแล้ว” ทรอยพูดกับน้องเพียร์
“กลับไปดีแล้วค่ะพี่
อยู่นานเดี๋ยวงานเข้ามากกว่านี้” น้องเพียร์พูดกลั้วหัวเราะนิดๆ
ก่อนจะทำตาโตพร้อมกับชี้ไปที่หน้าร้าน “นั่นไงคนร้าย”
ไม่ทันขาดคำ ผู้ชายใส่หมวก ใส่แว่นตาดำที่อยู่หน้าร้านก็วิ่งออกไปทันที พี่เทรดวิ่งตามไปแต่ก็คลาดกันจนได้ จึงกลับมาแบบอารมณ์เสีย
“มันวิ่งเร็วมาก ต่อไปนี้น้องๆต้องระวังนะ พี่คงต้องบอกเรื่องนี้กับเพื่อนก่อน” พี่เทรดพูดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
“แล้วตุลย์ล่ะ” ทรอยถามน้องเพียร์
“เข้าห้องน้ำไปนานแล้วค่ะ” น้องเพียร์ตอบ ในขณะที่พี่เทรดวิ่งออกมาจากห้องน้ำไปหาพี่พนักงาน
“เรียกรถพยาบาลด้วยครับ มีคนโดนทำร้าย”
---------------------------
ตุลย์โดนลอบทำร้ายแต่ไม่เป็นอะไรมาก ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ๒ วัน ฉันอยากไปเยี่ยมตุลย์นะ แต่ฉันสับสน กลัวใจตัวเอง
“เราไปเยี่ยมตุลากันไหม?” ทีถามฉัน
“ทีโอเครึเปล่าล่ะ” ฉันถามกลับ ฉันไม่อยากให้ทีไม่สบายใจหรอกนะ
“เค้าโอเค งั้นกินข้าวเที่ยงแล้วพวกเราไปเยี่ยมตุลากันเถอะ”
พวกเราไปเยี่ยมตุลย์อยู่ที่ตึกเอก ในห้องนั้นมีน้องเพียร์มาอยู่เพื่อนตุลย์พอดี หรือว่าทั้งสองคนคบกันแล้วเหรอ
“สวัสดีค่ะพี่ทอฝัน พี่ทีต้า พอดีเลย เพียร์ต้องกลับไปเรียนต่อแล้วค่ะ งั้นไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” น้องเพียร์ไหว้พวกเราแล้วเดินออกไปทันที
“เพียร์เรียนอยู่ตึกข้างๆน่ะ” ตุลย์อธิบาย
“คบกันอยู่รึเปล่าเนี่ย” ทีแซวตุลย์
“ไม่หรอก ฉันไม่อยากเป็นตัวแทนใครหรอกนะ เพียร์เองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ทำไมเหมือนประชดฉันเลยล่ะ
“ตุลย์ได้ข้อมูลคนร้ายเพิ่มเติมรึเปล่า?” ฉันถามเข้าเรื่องทันที ไม่อยากรู้สึกผิดกับใครอีก
“มันรู้จักฉัน รู้จักเพียร์ รู้จักธันด้วยนะ ทอฝัน มันตามเธอมาตั้งแต่มัธยมแล้วนะ” ข้อมูลนี้ทำฉันอึ้งไปเลย
พวกเราอยู่คุยกับตุลย์จนถึงเวลาไปเรียน พอตอนเย็นฉันกับทีไม่ได้แวะเยี่ยมตุลย์เพราะเย็นมากแล้ว
ตอนนี้เวลาสองทุ่มกว่า ขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสือ ก็มีเบอร์โทรศัพท์แปลกโทรเข้ามา ๒-๓ ครั้ง เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน ฉันกดรับสายทันทีที่เบอร์นั้นโทรเข้ามาอีก
“คุณต้องการอะไรกันแน่” ฉันพูดใส่อารมณ์ลงไป
“พี่ทอฝันคะ นี่เพียร์เองนะคะ ตอนนี้พี่อยู่บ้านกับครอบครัวพี่รึเปล่าคะ?”
“อ๋อ โทษทีนะเพียร์ ตอนนี้พี่อยู่บ้านคนเดียว พ่อแม่กับพี่สาวพี่ไปธุระต่างจังหวัดน่ะ เพียร์มีอะไรรึเปล่า?”
“เมื่อกี้นี้คนร้ายเข้ามาทำร้ายพี่ตุลย์อีกครั้งแล้วหนีไปค่ะ เพียร์ว่าพี่ทอฝันโทรตามพี่ทีต้ามาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่านะคะ”
หลังจากคุยกับน้องเพียร์ ฉันก็ทำอะไรไม่ถูก ฉันเป็นห่วงตุลย์ อยากไปหาตุลย์ แต่ฉันจะไปหาในฐานะอะไรล่ะ เพื่อนเหรอ ตอนนี้ฉันรู้ดีว่าฉันรู้สึกกับตุลย์มากกว่าเพื่อน โธ่! ทอฝัน ตุลย์มีน้องเพียร์คอยดูแลอยู่แล้วนะ และฉันก็มีทีอยู่แล้ว ท่องเอาไว้ ฉันเป็นแฟนที
หลังจากสติแตกไปแล้ว ฉันก็โทรหาที ทีมาบ้านฉันพร้อมกับบอดิการ์ดอีกคน ทีให้บอดิการ์คนนั้นเฝ้าหน้าบ้าน แล้วทีก็เข้ามาในบ้าน ทียังทำตัวปกติเพื่อไม่ให้ฉันเสียขวัญไปมากกว่านี้ พวกเราอ่านหนังสือเรียนด้วยกันจนเกือบเที่ยงคืน
“ตัวเองกลับไปนอนเถอะ เดี๋ยวเค้านอนตรงโซฟาข้างนอกนี่แหละ” ทีบอกพร้อมไปส่งฉันเข้าห้องนอน
ฉันนอนจนกระทั่งมีเสียงของตกดังขึ้น
ตอนนี้ก็ตีห้าแล้ว ฉันกำลังจะเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงคล้ายกระจกแตก เดี๋ยวนะ
ทีอยู่นอกห้อง และบอดิการ์ดก็อยู่หน้าบ้านนี่นา
“ตัวเองตื่นรึยัง?” ฉันตะโกนออกไปแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงรีบไปเปิดไฟทันที “ที!” ทีโดนยิง ทำไงดีๆๆ โทรเรียกรถพยาบาลก่อน
ฉันโทรเรียกรถพยาบาล โทรหาเพื่อนพี่เทรดที่เป็นตำรวจรับผิดชอบคดีนี้อยู่ แล้วก็ขึ้นรถพยาบาลไปกับทีพร้อมกับส่งข้อความไปบอกน้องเพียร์ ส่วนบอดิการ์ดที่มากับทีก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล
วันนี้ฉันขอลากับอาจารย์แล้วมาให้ปากคำกับตำรวจ แล้วมานั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องผ่าตัดจนกระทั่งพ่อแม่ทีมาที่ห้องผ่าตัดพอดี
“หนูทอฝันเป็นไงบ้างลูก พักก่อนไหม?” แม่ของทีถามฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า หนูอยากเห็นว่าทีปลอดภัยกับตาของหนูเองค่ะ”
หลังจากผ่าตัดทีก็ต้องนอนโรงพยาบาลอีกเพราะเลือดออกมากเกินไปและมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำอยู่แล้วจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ
แต่สุดท้าย...ทีก็จากพวกเราไปอยู่ดี
ไม่กี่วันต่อมาตำรวจก็จับคนร้ายได้ คนร้ายเป็นคนไข้จิตเวชที่หนีออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวช
คนร้ายเล่าว่าเจอฉันตั้งแต่ตอนที่ฉันอยู่มัธยมปลายแล้วก็ตามฉันอยู่ห่างๆเพราะเห็นว่าฉันชอบธันวาอยู่ จนเหตุการณ์วันวาเลนไทน์ที่พวกเรากลับไปบ้านทรอย เหลือแต่ธันวา น้องเพียร์ และน้องพอร์ท คนร้ายก็อาศัยจังหวะที่ธันแยกตัวเข้ามาในโกดังตามลำพังทำให้ธันสลบแล้วก็เผาโกดังไปพร้อมกับธัน
พอฉันเข้ามหาวิทยาลัยคนร้ายก็ตามฉันมาเรื่อยๆแต่ก็โดนครอบครัวส่งเข้าบำบัดที่โรงพยาบาลจิตเวช พอหนีออกมาได้เขาเลยมาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านไอศกรีมจนได้เจอฉัน แต่พอรู้ว่าฉันคบกับทีเขาก็คิดฆ่าที ส่วนที่ทำร้ายตุลย์เพราะว่าตุลย์ชอบฉัน
---------------------------
๑ ปีต่อมา
เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลายเป็นเพียงความทรงจำ ตุลย์ยังคอยดูแลฉันอยู่เสมอถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยบ่อยนัก แต่ฉันก็ยังไม่ได้เปิดใจให้ตุลย์เพราะฉันยังรู้สึกผิดกับที ฉันยังติดต่อกับพ่อแม่ทีอยู่เสมอ และวันนี้ก็เป็นวันครบรอบการจากไปของที
“หนูทอฝันจ๊ะ นี่ก็ ๑ ปีแล้วนะ ป้าว่ามันเพียงพอแล้วล่ะ” แม่ของทีพูดกับฉัน
“คุณป้าพูดถึงเรื่องอะไรคะเนี่ย”
“ทั้งป้า ลุง และก็มิว ขอบใจหนูทอฝันมากนะที่ดูแลพวกเราเหมือนคนในครอบครัว หนูทำหน้าที่แทนทีต้าได้ดี แต่ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่หนูจะต้องมีชีวิตของหนู คนที่ตายไปแล้วยังไงเขาก็ไม่กลับมา คนที่ยังอยู่ก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป ป้าว่าหนูควรจะได้เจอกับผู้ชายที่ดี มีครอบครัวที่ดี มีความสุขได้ซะที แบบนี้ทีต้าน่าจะมีความสุขมากกว่านะ”
“คุณป้าคะ” ฉันโผเข้ากอดท่านทั้งน้ำตา
“ทีต้าเขารู้มาตลอดว่าหนูยังลืมคนในอดีตไม่ได้ แต่ตอนนี้ทีต้าก็เป็นคนในอดีตของหนูแล้วนะลูก ป้าอยากให้หนูอยู่กับปัจจุบัน เปิดใจให้คนในปัจจุบันดีกว่านะ”
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้ทำหน้าที่แฟนให้ที ที นายอยู่บนนั้นมีความสุขดีใช่ไหม ฝากสวัสดีธันด้วยละกันนะ ฉันรู้ว่านายอยากพูดอะไร สิ่งที่นายอยากพูดแม่นายบอกฉันหมดแล้ว ขอโทษนะที่ฉันอาจจะเป็นแฟนที่ไม่ดีเท่าไหร่ และก็ขอบคุณที่เข้าใจฉัน ฉันจะไม่มีวันลืมนายแน่นอน ฉันสัญญา
---------------------------
ณ
หลุมศพของทีต้า หลังจากที่ทุกคนได้ออกจากบริเวณนั้นไปแล้ว
เพียร์ : “เพียร์ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ เลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แต่วันนี้ที่เพียร์มาเพราะอยากจะบอกว่าพี่ทีต้าเป็นพี่ที่เพียร์เคารพคนหนึ่งนะคะ เพียร์ขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะพี่”
ตุลย์ : “ฉันอยากให้นายรู้ว่าฉันไม่อยากแย่งทอฝันมาจากนายหรอกนะ ฉันไม่เคยคิดว่าไอ้คนไข้จิตเวชชั่วนั่นจะฆ่านาย ฉันขอโทษที่ช่วยนายไม่ทัน... แต่ตอนนี้ฉันขอบอกนายไว้เลยว่าฉันรักทอฝันจริงๆ และต่อจากนี้ไป ฉันจะเป็นคนดูแลทอฝันเอง นายไม่ต้องห่วง ฉันจะรักและดูแลทอฝันให้ดีที่สุด”
เพียร์ : คุยกับตุลย์ “พี่เลือกพี่ทอฝัน พี่รักพี่ทอฝันจริงๆใช่ไหม?”
ตุลย์ : “ตอนนี้ทอฝันคือทุกอย่างของพี่ พี่จะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางความรักของเราแน่”
เพียร์ : “ถ้าพี่ทอฝันรักพี่คนเดียว ไม่มองใครอีก มีแค่พี่คนเดียว พี่จะหยุดและจบทุกอย่างไหมคะ?”
ตุลย์ : “แค่มีทอฝัน พี่ไม่ต้องการอะไรแล้ว พี่ไม่ทำอะไรใครให้เปลืองแรงหรอกน่า”
เพียร์ : “ได้ยินแบบนี้ หนูค่อยสบายใจหน่อย คนร้ายเองก็โดนจับไปแล้ว เรื่องทุกอย่างก็กำลังจะดีขึ้น ตอนนี้ก็ถือว่าเพียร์ได้ชดใช้ให้พี่ตุลย์แล้วนะคะ เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ”
ตุลย์ : “ครับผม คุณหนูเพียร์” คิ้วขมวดเล็กน้อย “แต่พี่ก็ยังสงสัยไม่หายว่าไอ้คนไข้จิตเวชนั่นมีปืนเก็บเสียงได้ไง ... แต่ก็ช่างเถอะ มันคงขโมยมามั้ง เดี๋ยวพี่ไปสนามบินก่อนนะ เดี๋ยวตกเครื่อง”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ : ไม่แน่ใจว่าเนื้อหาตรงกับชื่อรึเปล่า แต่ก็เอาเถอะ
ความคิดเห็น