คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หัวใจที่หายไป
เนื้อคู่ของบางคนก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอก เพียงแต่เขามองข้ามไปเท่านั้นเอง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“นี่ๆ ทรอยจะไปดูฉันแข่งว่ายน้ำรึเปล่า...ก็วันพรุ่งนี้ไง...จริงๆนะ...โอเค แล้วเจอกันนะ...Bye.” ชายหนุ่มวางโทรศัพท์แล้วก็ยิ้มให้ตัวเอง“พี่พงษ์ เอ้ย! พี่กสิ วันพรุ่งนี้พี่ทรอยไปด้วยใช่ไหม” หญิงสาวบังเอิญได้ยินชายหนุ่มคุยโทรศัพท์จึงเดินเข้ามาถาม
“อือ” ชายหนุ่มตอบโดยที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“อะไรพี่ เพียร์ เอ้ย! พอเพียงถามตั้งหลายพยางค์ แต่พี่ตอบแค่พยางค์เดียวนี่นะ”
“ก็นะ...พี่รู้สึกว่ายังตัดใจจากทรอยไม่ได้เลย” พงษ์(หรือกสิ)พูดโดยที่ไม่ได้หันมาหาเพียร์(หรือพอเพียง) หากพงษ์หันมาคงจะเห็นแววตาเศร้าของเพียร์
“อืม...พอเพียงว่านะ เนื้อคู่ของพี่คงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอก เหมือนที่คุณปอเคยบอกไว้ไง” เพียร์ยังจำได้ ในวันปัจฉิมนิเทศของพงษ์ ปอซึ่งเป็นคนรักของดวงตะวัน (เจ้าของบริษัท Live & Live และบริษัทเป็นอยู่) ได้ทักเรื่องเนื้อคู่ของหลายๆคน หนึ่งในนั้นก็มีพงษ์และเพียร์ด้วย
“ขอบใจนะ พี่ดีใจนะที่ได้เป็นพี่ชายของพอเพียง ว่าแต่พอเพียงเถอะ เจอเนื้อคู่รึยัง”
“ฮ่าๆๆๆ พอเพียงไม่รีบ บอกตามตรงนะ พอเพียงยังงงในคำทำนายของคุณปออยู่เลย”
ทรอยก็ไม่อยู่ คุณภูมิก็ไม่อยู่ ทำไมผมรู้สึกว่าบริษัทนี้เงียบเหงามากเลย หลังจากเรียนจบมัธยมแล้วทรอยก็บินไปอเมริกาทันที ผมไม่รู้หรอกนะว่าทรอยรู้รึเปล่าว่าคุณภูมิคือใคร แต่ที่แน่ๆคือคุณภูมิไปอเมริกากับทรอยด้วย นั่นก็ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ทรอยจะรู้ว่าใครคือคุณภูมิ สำหรับผม ทรอยคือเพื่อนที่ดีที่สุด แต่อาจเป็นเพราะผมยังไม่มีใคร ผมจึงติดอยู่กับความรู้สึกเก่าๆ ความรู้สึกที่เคยรักทรอย
วันต่อมา ณ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง
“เฮ้! พงษ์ๆๆ ได้ข่าวว่าทรอยจะมาเมืองไทยเหรอ” กอหญ้าวิ่งมาหาพงษ์พร้อมกับตะโกนมาแต่ไกล
“ค่ะ...สวัสดีค่ะพี่กอหญ้า” เพียร์ซึ่งนั่งเยื้องจากพงษ์เป็นคนตอบให้เนื่องจากพงษ์กำลังฟังเลกเชอร์ที่ใกล้จะสอบอยู่
“สวัสดีจ้า ว่าแต่ทำไมพงษ์กับน้องเพียร์มาด้วยกันได้เนี่ย” กอหญ้าเองก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าพงษ์กับเพียร์เป็นพี่น้องไม่แท้กัน(พี่น้องตามกฏหมาย)
“เพียร์นัดทริมไว้ค่ะ แล้วก็มาเจอพี่พงษ์พอดี” ถึงไม่อยากจะโกหก แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้
หลังจากนั้นกอหญ้าก็นั่งข้างๆพงษ์ เล่นโทรศัพท์รอไปเรื่อยๆ เพียร์นั่งมองทั้งสองคน ตั้งแต่ทรอยไม่อยู่ กอหญ้าที่นั่งอยู่ตรงหน้าเพียร์คนนี้เริ่มเผยให้เห็นมุมที่สดใส เป็นกันเอง มีความมั่นใจมากขึ้น ส่วนพงษ์ก็เงียบขรึม ปลีกตัวมากขึ้น หลังจากที่ทรอยได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา กอหญ้าก็เลิกชอบภาคย์แล้วหันไปชอบพงษ์แทน แน่นอนว่าพงษ์ไม่รู้ตัว หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ก็ไม่ทราบ
“อ้าว! กอหญ้ามานานแล้วเหรอ” พงษ์ซึ่งเพิ่งจะเงยหน้ามองก็ทักขึ้นพร้อมกับเหลือบมองด้านหลังกอหญ้า “น้องทริมก็มาด้วยเหรอ”
“คะ?...ค่ะ เอ่อ...ไหนเพียร์บอกว่า...” ทริมพูดยังไม่ทันจะจบเพียร์ก็พูดแทรกก่อน
“ทริมมาพอดีเลย จะว่าอะไรไหมคะถ้าจะให้ทริมนั่งด้วยคน?” เพียร์พูดลองเชิงก่อน
“เอ่อ...นั่งเลยๆ อยู่ด้วยกันเยอะๆก็สนุกดี” ถึงกอหญ้าจะพูดอย่างนั้น แต่เพียร์ก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจเล็กๆ
“หึ ยากว่ะ” เพียร์บ่นในขณะที่ก้มมองโทรศัพท์แต่ก็ทำให้อีกสามคนมองเพียร์ด้วยความสงสัย “แล้วพี่ทรอยจะกลับวันไหนเหรอทริม?” เพียร์ถามเปลี่ยนประเด็นแทบจะทันทีที่รู้ว่าทุกคนมองมา
“บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิจ๊ะ” ทริมพูดพร้อมกับยิ้มให้ทั้งสามคน ยิ้มที่ช่างเหมือนทรอยเหลือเกิน
“เฮ้อ! ทรอยนี่นะ ว่าแต่นายไม่ไปเตรียมแข่งว่ายน้ำเหรอพงษ์ จะแข่งบ่ายนี้แล้วนี่”
“หืม...อ้อ! ใช่ๆ” พงษ์อ่านข้อความในโทรศัพท์ของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้สามสาว “เพื่อนมันส่งข้อความมาตามแล้ว ไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวค่ะ” เพียร์ยื่นถุงขนมให้พงษ์
“อะฮ้า! จะฝากให้หนุ่มคณะวิศวะคนนั้นละสิ ได้ๆ เดี๋ยวเอาไปให้” แล้วพงษ์ก็รีบเดินจากไปทันที ปล่อยให้กอหญ้ากับทริมมองตามพงษ์และเพียร์ก็มองทั้งสองคนอีกที
“หึ เหมือนมาก” เพียร์พูดแค่นั้นแล้วเดินจากไปก่อนที่อีกสองคนจะเลิกมองตามพงษ์
“พี่มีธุระ ไปก่อนนะจ๊ะน้องทริม” กอหญ้าบอกลาทริมแล้วก็เดินไปที่อื่น ส่วนทริมก็ยืนงงเล็กน้อยก่อนที่จะวิ่งตามเพียร์ไป
ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะจะปกป้องเพียร์นะครับ คนอื่นจะว่าเอาได้ว่าเพียร์ให้ท่าผมโดยเฉพาะกอหญ้ากับทริม ถึงแม้ว่าทริมจะรู้ว่าผมกับเพียร์เป็นพี่น้องไม่แท้กันก็เถอะ ผมพอจะรู้ว่ากอหญ้าชอบผมและไม่ค่อยพอใจที่ผมอยู่กับเพียร์ ส่วนทริมนี่ผมไม่รู้เลยว่าชอบผมแบบไหน ก็คนมันมีเสน่ห์ ช่วยไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ จะว่าไปตั้งแต่ผมแข่งว่ายน้ำก็มีสาวๆมากรี๊ดอยู่เรื่อยๆครับ
นอกจากทรอยแล้ว คนที่ผมน่าจะรักได้ก็คงจะเป็นหนึ่งในสองคนนั้น ไม่กอหญ้าก็ทริม กอหญ้าก็มีมุมร่าเริงสดใสและมีความมั่นใจเหมือนที่ทรอยมี ส่วนทริมก็มีกิริยาท่าทางที่เรียบร้อยและมีรอยยิ้มเหมือนทรอย แต่ผมก็ยังไม่อยากคิดอะไรมากไปกว่านี้เพราะผมไม่อยากคบใครเพียงเพราะเขาเหมือนทรอย ส่วนเพียร์...ถ้าผมไม่สนิทกับเพียร์ก็คงคิดจะจีบเพียร์แน่ๆเพราะเป็นคนลึกลับน่าค้นหา แต่เพียร์มักจะมีกำแพงอะไรบางอย่างกั้นโลกภายนอกไว้ มีหลายมุมจนผมตามไม่ทัน มีโลกส่วนตัวสูงซะจนผมคิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครได้เข้าไปในนั้นบ้างไหม เอาเป็นว่าเมื่อผมได้รู้จักเพียร์ก็รู้สึกได้ว่าเราสองคนเป็นคนรักกันไม่ได้หรอก
จะว่าไปผมแกะขนมพวกนี้กินดีกว่า ในนั้นมีช็อคโกแลต ๓ แท่งพร้อมกับกระดาษ ๒ แผ่นที่เขียนไว้ว่า
‘กินซะ จะได้ผ่อนคลาย ฉันกับทริมช่วยกันเลือกเลยนะ ทำให้เต็มที่ล่ะ ฉันและทุกๆคนเชียร์นายอยู่นะ จาก...ทรอย (&ทริม)’ ทรอยกลับมาแล้วสินะ และกระดาษอีกแผ่นก็เขียนว่า
‘เป็นแชมป์ก่อนเด้ออ้าย จั่งให้ใจกับผู้สาว หวังเหวิดจั่งหู้หลาว ขอผีบ่าวจงโชคดี Cr. พอเพียง เพียงเธอก็พอ’ ถ้าไม่สนิทกันจริงก็คงไม่รู้ว่าคนเขียนคือใคร กวนจริงๆ แล้วหวังเหวิดแปลว่าอะไรล่ะเนี่ย
ผลการแข่งขันก็เป็นไปตามคาด ผมทีมของผมชนะครับ ก็ทีมของผมมีแต่อดีตนักว่ายน้ำระดับต้นๆของประเทศนี่ครับ ถึงผมจะเรียนอยู่คณะวิทย์เลยไม่ค่อยมีเวลาฝึกก็เถอะ แต่ก็ได้เพื่อนๆในทีมช่วยกันนี่แหละ ที่จริงยังไงก็ไม่สู้คณะSS (วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา)หรอกครับ แต่ก็โชคดีที่คณะนั้นไม่ได้ลงแข่งเพราะเป็นกรรมการพวกผมเลยชนะได้ครับ ที่จริงอาจเป็นเพราะทรอย กอหญ้า ทริม และเพียร์ มาเชียร์ผมด้วยส่วนหนึ่งครับ
“โหย...SCแม่งขี้โกงว่ะ เล่นเอาอดีตนักกีฬาทีมชาติมาลงแบบนี้ก็ชนะดิวะ” พี่ๆคณะSSที่เป็นกรรมการโวยวายเล็กน้อยแต่มันก็เป็นเชิงแซวมากกว่าครับ
“มีของดีก็ต้องใช้สิวะ กว่าจะหามาได้แต่ละคน ยากชิบ” พี่คณะผมพูดกับพี่กรรมการครับ
ผมกับเพื่อนๆได้แต่ยิ้มแห้งๆให้พี่ๆเขา ผมไปเปลี่ยนชุดแล้วออกไปหาพวกทรอย ไอ้ความสงสัยในข้อความที่เพียร์เขียนให้มันก็ผุดออกมาก็เลยเผลอตัวพูดกับเพียร์ไปครับ
“หวังเหวิดคืออะไรเหรอพอเพียง?” นั่นแหละครับ เผลอพูดชื่อที่เรียกกันในบ้านไปซะแล้ว ตอนนี้ทั้งทรอย ทริม และกอหญ้ามองผมแบบงงๆ ส่วนเพียร์ก็อึ้งแล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะเบาๆ
“ยินดีด้วยนะคะพี่พงษ์ พวกเรา ‘เป็นห่วง’ พี่มากเลยนะคะ กลัวจะเป็นตัวถ่วงให้พี่ๆในทีมคนอื่นเขานะ” หืม...อ๋อ มันแปลว่าเป็นห่วงนี่เอง
“นี่เพียร์พูดแบบนี้ได้ไงน่ะ!” กอหญ้าดูไม่พอใจนะครับ มันทำเอาผม ทรอย และทริม อึ้งไปเลย
“ก็มันจริงนี่คะ” เพียร์ยิ้มให้กอหญ้าครับ ยิ้มตาหยีที่คนสนิทอย่างผมกับทริมรู้ว่าเป็นแบบกวนบาทาชาวบ้านเขา “เพียร์ว่าพี่ฮาเกนว่ายเร็วกว่าตั้งเยอะ แต่ก็อย่างว่าแหละ ไม่ค่อยมีเวลาซ้อมนี่เนอะ เอาเวลาไปทำอะไรบ้าง...” รู้ทั้งรู้นะเพียร์
“คณะนี้คงเรียนหนักอยู่แหละเพียร์ นี่ก็ปี ๓ แล้วนี่นา พี่ก็เรียนหนักเหมือนกันนะ” ทรอยรีบพูดแทรกก่อนที่จะมีสงครามย่อยๆเกิดขึ้น
“นั่นสินะ งั้นพวกเราไปคุยกันที่ร้านอาหารดีกว่า ไปกันแค่พวกเรา ๓ คนนี่แหละ” กอหญ้าพูดแล้วหันไปหาทริมกับเพียร์ “น้องๆเองก็จะสอบกลางภาคกันแล้วนี่นา พี่ว่าไปอ่านหนังสือสอบดีกว่านะ” แล้วจ้องเพียร์เหมือนจะเอาเรื่อง
“ค่ะ” ทริมพูดเพียงแค่นั้นพร้อมกับมองผมกับทรอยด้วยสายตาเศร้า
“เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย เราสองคนกลายเป็นคนนอกแล้วสินะ ไปกันเถอะทริม เขาไล่พวกเราอย่างกับตัวน่ารังเกียจขนาดนี้แล้ว เราอย่าอยู่ให้รกหูรกตาพี่ๆที่พวกเราเคารพเลย” เพียร์พูดตัดพ้อจริงๆครับ ทำเอาพวกเราพูดอะไรไม่ออกเลย นี่ผมต้องกลับไปง้อน้องสาวตัวดีนี่อีกแล้วสินะ
“ตัวน่ารังเกียจสินะ” ทริมพูดก้มหน้าพร้อมกับหยดน้ำตาที่ตกลงพื้น “ทริมมันก็เป็นแค่ตัวน่ารังเกียจสินะ”
“น้องทริม/ทริม/น้องทริมครับ” พวกผม ๓ คนไม่รู้จะพูดอะไรดี มันรู้สึกผิดมากเลย ทรอยเข้าไปแตะบ่าทริมแต่ทริมก็ปัดมือออก
“อย่ามาแตะต้องตัวน่ารังเกียจอย่างทริมเลยค่ะ” ทริมหันไปหากอหญ้า “หนูรู้ว่าพี่กอหญ้าชอบพี่พงษ์ หนูเองก็ชอบพี่พงษ์เหมือนกัน หนูไม่รู้ว่าความรู้สึกของหนูมันมีค่ามากพอที่พี่พงษ์จะหันมามองหนูรึเปล่า”
“น้องทริม” กอหญ้ามองทริมด้วยสายตาตกใจเล็กน้อย
“หนูพยายามแล้วค่ะ ตอนนี้หนูเหนื่อยแล้ว หนูรู้แล้วค่ะว่าพยายามไปมันก็ไม่มีค่า ไม่สิ มันลดคุณค่าของทริมลง จนกลายเป็นตัวน่ารังเกียจแบบนี้”
“น้องทริมครับ คือพี่ไม่ได้...”
“พอเถอะค่ะ! พี่พงษ์ชัดเจนสักทีเถอะ ถ้าพี่ไม่ได้คิดอะไรก็พูดออกมาเลย” ทริมพูดเสียงเครือพร้อมกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด
เพียร์จับมือทริมแล้วพูด(เชิงตะคอก)ว่า “พวกคุณเห็นพวกเราเป็นแค่ตัวน่ารังเกียจ พวกคุณทำร้ายจิตใจพวกเรามาเท่าไหร่แล้ว” แล้วหันไปพูดกับกอหญ้า “คุณกอหญ้าคะ ดิฉันรู้ว่าคุณชอบคุณพงษ์มาก แต่ช่วยคิดสักนิดว่าคุณชอบแบบไหน แบบคู่รัก หรือแบบคลั่งไคล้เหมือนที่ผ่านๆมา เพราะหากเป็นอย่างหลังมันจะทำร้ายใครหลายคนนะคะ รวมถึงพี่ภาคย์ด้วย”
“...” ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากกอหญ้า เพียร์หันไปหาทรอย
“คุณทรอยคะ คุณเป็นพี่สาวของทริม ดิฉันรู้ว่าคุณเองก็รักทริมมาก และคุณเองก็รู้ว่าคุณพงษ์คิดอย่างไรกับคุณ ได้โปรดทำให้มันชัดเจนด้วยค่ะ ให้คุณพงษ์ตัดใจสักที”
“พี่ขอโทษนะ” ทรอยพูดน้ำตาคลอ “พี่ไม่ได้รักพงษ์แบบนั้นเลยนะทริม” ทรอยบอกทริม แต่มันก็ตอกย้ำผมลงไปอีกว่าผมเป็นแค่เพื่อนทรอย ...แต่ก็แปลกที่มันไม่เจ็บเท่าเมื่อก่อนแล้ว
เพียร์หันมาหาผม พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ส่วนคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณทำให้เพื่อนของดิฉันเสียใจ คุณทำลายความรู้สึกดีๆที่ดิฉันมีให้ ดิฉันขอให้คุณอยู่อย่างมีความสุขมากๆนะคะ ความสุขที่อยู่บนความทุกข์ของดิฉันกับเพื่อน อยู่อย่างนั้น ไป จน ตาย!”
“พี่ขอโทษนะพอ...” ผมกำลังจะเรียกชื่อพอเพียง ชื่อของเพียร์ที่เรียกกันเฉพาะในบ้าน แต่เพียร์ก็ขัดขึ้นก่อน
“หาว...นอน” ไม่ต้องงงครับ เวลาเพียร์หาว เพียร์จะพูดแบบนี้ เหมือนที่บางคนจะพูดว่าฮัดชิ้วเวลาจามนั้นแหละครับ
“เพียร์” ทริมเรียกเพียร์และมองแบบงงๆ พวกผมก็งงเหมือนกันนะครับ ดราม่ากันอยู่ดีๆก็หาวซะงั้น
“เราง่วงแล้วล่ะทริม สงสัยตะคอกพวกพี่ๆที่พวกเราเคารพทั้ง ๓ คน เลยใช้พลังงานไปเยอะ จะไปเล่นหอเรารึเปล่า” เพียร์บอกทริมแล้วมองพวกผมด้วยหางตาอย่างไม่เป็นมิตร “พอดีว่า สอบ เสร็จ แล้ว ล่ะนะ แล้วทริมล่ะ”
ทริมหัวเราะเล็กน้อย “ลืมไปแล้วเหรอ ฉันไม่ได้เรียนที่นี่นะ ฉันสอบไปตั้งนานแล้วย่ะ งั้นขอไปนั่งเล่นที่ห้องเพียร์ละกัน ไหนๆก็มาแล้ว”
เพียร์และทริมเดินคุยกันไปโดยไม่บอกลาพวกเรา ไม่สิ ไม่ชายตามามองพวกเราด้วยซ้ำ
“ฉันว่าพวกเราต้องคุยกันแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะเข้าบ้านไม่ได้ทั้งๆที่กะจะมาชาร์ตแบตที่เมืองไทยแท้ๆน่ะนะ” ทรอยพูดขึ้น ซึ่งผมและกอหญ้าก็เห็นด้วย พวกเราจึงออกไปหาอะไรกินกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ
ณ ร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัย
“ฉันขอพูดก่อนเลยนะ” ทรอยเริ่มบทสนทนา “พงษ์ นายรู้อยู่แล้วนี่ว่าฉันคิดกับนายแค่เพื่อน และตอนนี้ฉันก็มีแฟนแล้ว”
“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว จะว่าไปประโยคที่ว่าเธอไม่รักฉันหรือเธอมีแฟนแล้วน่ะ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเท่าไหร่แล้วนะ” อยู่ดีๆหน้าน้องทริมก็ลอยขึ้นมา “แต่ฉันก็ไม่ได้อยากคบใครเพียงเพราะเขาเหมือนทรอยหรอกนะ”
“แล้วเธอล่ะกอหญ้า เธอเป็นเพื่อนที่แสนดี อ่อนโยน แต่ทำไมเธอดูไม่พอใจน้องเพียร์ตลอดล่ะ” คราวนี้ทรอยถามกอหญ้าบ้างครับ
“ฉันแค่...หมั่นไส้ เหมือนที่ฉันหมั่นไส้ทอฝันนั่นแหละ” ดูกอหญ้าหงุดหงิดอีกแล้ว “เพียร์ดูสนิทกับพงษ์ รู้ใจพงษ์ แถมทุกครั้งที่ฉันเจอพงษ์ก็ต้องเจอเพียร์ตลอด มันน่าหงุดหงิด เห็นแล้วนึกถึงทอฝัน” ที่เพียร์สนิทและเหมือนรู้ใจผมเพราะเราเป็นพี่น้องไม่แท้กันไงครับ ส่วนที่ผมอยู่กับเพียร์บ่อยๆเพราะจะให้เพียร์เป็นไม้กันหมาให้ในเวลาที่ผมต้องการความสงบ
“หึๆ” เพียร์เป็นไม้กันหมาชั้นเยี่ยม บางครั้งก็ดีเกินไป คนที่เข้ามาหาผมไม่ว่าจะเข้ามาแบบชู้สาวหรือแค่ชื่นชมผม พวกนั้นกลับหลงเสน่ห์เพียร์ไปซะหลายรายเลย ก็นะ ถึงจะนิ่งๆแบบนั้น เวลายัยนี่ยิ้มทีโลกสดใสออร่าจับเลยทีเดียว “เดี๋ยวนะ! ฉันไม่ได้สนิทกับทอฝันนะ ทำไมเห็นฉันสนิทกับเพียร์แล้วนึกถึงทอฝันล่ะ” ผมถามกอหญ้า
“ก็ตอนที่ฉันชอบตุลย์ ตุลย์ก็ชอบทอฝัน ตอนที่ฉันชอบพี่ภาคย์ พี่ภาคย์ก็สนิทกับทอฝัน ทั้งๆที่ตอนแรกทอฝันก็บอกว่าชอบพี่ภพแท้ๆ พอฉันคิดจะชอบพงษ์ พงษ์ก็ดันสนิทกับเพียร์ ภาพที่ฉันเห็นพี่ภาคย์สนิทกับทอฝันมันก็ตามรังควาญฉันตลอด”
“เธอไม่ได้ชอบพงษ์” ทรอยพูดสรุปให้ “เธอแค่เห็นพงษ์เป็นตัวแทนพี่ภาคย์ และเห็นเพียร์เป็นตัวแทนทอฝัน”
“...” กอหญ้ามองทรอยอย่างสำนึกผิด “ฉันเสียใจ ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันชอบพี่ภาคย์ขนาดนี้ ทั้งๆที่คุยกันไม่กี่ครั้งด้วยซ้ำ” กอหญ้ามองมาที่ผม “ขอโทษนะพงษ์ ฉันพยายามทำให้ตัวเองชอบนาย เพื่อให้ลืมพี่ภาคย์...ฉันอยากขอโทษน้องทริมกับน้องเพียร์”
“อืม...” ทรอยทำท่าครุ่นคิด “ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก...ทอฝันมีแฟนอยู่แล้วนะ ที่พี่ภาคย์กับทอฝันสนิทกันเพราะแฟนทอฝันสนิทกับพี่ภาคย์น่ะ” อึ้งสิครับ “ที่จริงพี่ภาคย์ก็สนใจกอหญ้านะ แต่กอหญ้าดันไปชอบพงษ์ก่อน” อึ้งอีกครั้ง “จะเอาไงต่อดี?”
“ถ้างั้น” ผมพอคิดออกแล้วครับ “ตอนนี้พี่ภาคย์ยังโสดรึเปล่า” ผมถามทรอย ทรอยพยักหน้า “งั้นก็มาทำให้พี่ภาคย์สนใจกอหญ้าอีกครั้งเถอะ”
“ทะ ทำยังไง” นี่กอหญ้าเขินครับ แก้มสีชมพูเรื่อๆธรรมชาติแบบนี้ก็น่ารักดีนะเนี่ย ถ้าทริมเขินจะเป็นยังไงนะ
“เรามีตัวช่วยอยู่แล้ว แต่ก่อนอื่นต้องขอขมาเขาก่อนนะ” ดูสองสาวจะงง บอกเลยละกัน “ก็ทริมกับเพียร์ไง น้องทริมเรียนด้านแฟชั่น เรื่องการวางตัว เสื้อผ้า ช่วยได้อยู่แล้ว ส่วนเพียร์เนี่ย เห็นแบบนี้ ยัยนั่นน่ะอ่านหนังสือพวกบริหารเสน่ห์เยอะมาก ถึงจะไม่เคยเอามาใช้เอง แต่ก็เอาไปช่วยเพื่อนในกลุ่มบ่อยอยู่นะ เรื่อง Flirting นี่ตัวแม่เลย” เรื่องเผาน้องสาวนี่ผมถนัดครับ
“ฮ่าๆๆ OK ตามนี้นะ ก่อนอื่นพวกเรากินข้าวแล้วค่อยไปขอโทษน้องๆกันเถอะ” ทรอยสรุปอีกครั้ง แล้วพวกเราก็กินข้าวกัน
เมื่อกินข้าวเสร็จพวกเราก็ไปหอเพียร์ครับ ดีที่เป็นหอรวม ผมเลยไม่ลำบากใจที่จะเข้าไปเท่าไหร่
เพียร์ยอมให้พวกผมเข้าไปในห้องครับ โชคดีที่ตอนนั้นมีแค่เพียร์กับทริมอยู่สองคน พวกเราขอโทษทริมกับเพียร์ที่ทำให้เสียใจ กอหญ้าเองก็ขอโทษและสารภาพความจริงออกไป มันทำให้ทริมกับเพียร์อึ้งเล็กน้อย
พวกผมขอให้น้องๆช่วยกอหญ้า น้องๆตอบตกลงและขอเวลาสามเดือนซึ่งพอครบสามเดือนก็จะปิดเทอมพอดี โดยมีข้อแลกเปลี่ยนในสามเดือนนี้คือ
๑. ทุกวันหยุด หากไม่มีธุระสำคัญ ทริมจะพากอหญ้าไปเลือกซื้อเสื้อผ้าหนึ่งชุดและต้องใส่ชุดนั้นทั้งวัน (กอหญ้ากลายเป็นตุ๊กตาของทริมไปโดยปริยายนั่นเอง)
๒. (อันนี้ข้อตกลงของเพียร์) กอหญ้าต้องยิ้มให้คนแปลกหน้าทุกวันอย่างน้อยวันละครั้ง คนซ้ำไม่นับ
๓. ทุกวันอาทิตย์ บ่ายโมงถึงบ่ายสาม เพียร์ ทริม และกอหญ้าต้องประชุมกัน แต่จะเป็นแบบไหนค่อยตกลงกันเป็นครั้งๆไป
๔. (อันนี้ข้อตกลงของทริม) ทรอยต้องใส่ชุดที่ทริมตัดหรือซื้อให้ไปเดทกับแฟน ห้ามใส่ชุดอื่นเด็ดขาด
๕. (อันนี้ข้อตกลงของทริม) ทริมสามารถไปดูผมแข่งขันว่ายน้ำได้ทุกครั้ง
๖. (อันนี้ข้อตกลงของเพียร์) ผมต้องซื้อช็อกโกแลตให้เพียร์วันละแท่ง ต้องมีโกโก้แมสเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วย
๗. (อันนี้ข้อตกลงของเพียร์) ช่วงที่ทรอยอยู่ไทยจะต้องเลี้ยงไอศกรีมเพียร์กับทริมทุกวัน
พวกผมก็ต้องตกลงตามนั้นแหละครับ มันก็ไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่
แต่ผมว่านะ ข้อตกลงของเพียร์นี่เน้นของกินจัง ถึงว่าแหละไม่ผอมสักที อย่าส่งเสียงดังไปนะครับ เดี๋ยวเพียร์ได้ยินเอา
ตอนนี้ผมก็ยังต้องไปง้อเพียร์ก่อนครับ เดี๋ยวเพียร์ฟ้องพ่อผมล่ะยุ่งเลย เพียร์ยิ่งเป็นลูกสาวสุดรักสุดหวงของพ่อผมอยู่ด้วย ก็ก่อนหน้านี้พ่อก็มีผมเป็นลูกคนเดียวนี่นา ส่วนแม่ของเพียร์น่ะเหรอครับ ท่านก็รักผมเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้หวงผมขนาดนั้นหรอกครับเพราะท่านเองก็มีลูกชายอีกคนอยู่แล้ว ถึงจะไปอยู่กับพ่อของเพียร์ก็เถอะแต่ก็ยังติดต่อกันเรื่อยๆนะครับ
ผมรู้นะว่าพวกคุณจะถามเรื่องน้องทริม ผมเองก็ลืมไปเลยครับว่าน้องทริมไม่ได้เรียนที่เดียวกันกับผม เพราะผมเห็นทริมมาดูผมแข่งทุกครั้ง อันที่จริงผมก็ไม่มีเพื่อนอยู่คณะนั้นซะด้วยสิ ตอนนี้ผมก็ได้ทำให้น้องเขาเสียใจไปแล้ว จะให้กลับมารู้สึกดีเหมือนเดิมก็คงต้องใช้เวลาหน่อย ซึ่งผมก็โอเคนะครับ ผมเองจะได้มั่นใจว่าผมรู้สึกดีและรักทริมจริงๆ ไม่ได้เห็นทริมเป็นตัวแทนทรอยเหมือนที่ผ่านมา บางทีหัวใจของผมอาจจะอยู่ที่ทริมไปแล้วก็ได้นะครับ
เอาล่ะครับ ผมต้องขอตัวไปซื้อช็อกโกแลตก่อนนะครับ วันนี้ซื้อเยอะแทนคำขอบคุณสักหน่อย จะว่าไปถ้าไม่เพราะคำว่า ‘หวังเหวิด’ ของเพียร์ อะไรๆก็คงจะค้างคาต่อไปเรื่อยๆ ยังไงก็ต้องขอบใจเพียร์ล่ะนะ ขอบใจจริงๆ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ : รู้สึกว่าตอนนี้จะ Spoil เรื่อง บริษัท เป็นอยู่ จำกัด ไปแล้วนะเนี่ย
ความคิดเห็น