[SF] Behide Moon คุณคือแสงสว่าง [โน่ริท] - [SF] Behide Moon คุณคือแสงสว่าง [โน่ริท] นิยาย [SF] Behide Moon คุณคือแสงสว่าง [โน่ริท] : Dek-D.com - Writer

    [SF] Behide Moon คุณคือแสงสว่าง [โน่ริท]

    ผมกับเขา..เราอยู่ในโลกที่ต่างกัน เขาคือแสงสว่าง..ดั่งแสงอาทิตย์เรืองรอง ณ ขอบฟ้า ผมคือความมืดมิด..ดั่งแสงจันทร์เลือนลับ ณ ราตรี

    ผู้เข้าชมรวม

    459

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    459

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    7
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 พ.ย. 55 / 16:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น





    [SF] Behind Moon คุณคือแสงสว่าง [โน่ริท]



    ผมกับเขา..เราอยู่ในโลกที่ต่างกัน

    เขาคือแสงสว่าง..ดั่งแสงอาทิตย์เรืองรอง ณ ขอบฟ้า

    ผมคือความมืดมิด..ดั่งแสงจันทร์เลือนลับ ณ ราตรี


    ร่างสูงชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นกองขยะข้างทางขยับได้ ตาคมหรี่มองอย่างไม่ใคร่ไว้วางใจ มีดที่ถืออยู่ในมือพร้อมซัดสาดให้ทุกผู้ที่บังอาจทำให้เขาตกใจในคืนอันเงียบสงัด

    ดวงตากลมโตจ้องมองเขากลับมาพร้อมดวงตาเรียวรีของสิ่งมีชีวิตที่หน้าตาไม่คล้ายกันเลย ภาคินเม้มปาก เขาไม่แน่ใจนักว่าภาพที่เห็นตรงหน้าเรียกว่าอะไร แต่จะให้บอกว่าปกติก็คงไม่ใช่

    "มานั่งทำอะไรตรงนี้ไอ้หนู" เอ่ยถามเด็กชายที่นั่งขดอยู่ท่ามกลางซากขยะเน่าเหม็น ในอ้อมแขนมีแมวสีขะมุกขะมอมตัวหนึ่งนอนอยู่ สายตาของเด็กชายและแมวจับจ้องมายังเขาเป็นตาเดียว

    คู่สนทนายังคงไม่เปิดปาก และนั่นสร้างความหงุดหงิดใจให้ภาคินพอสมควร เขาไม่อยากเจออะไรกวนอารมณ์ตอนนี้ เขาเพิ่งผ่านเหตุการณ์น่าโมโหมาหยกๆ เดี๋ยวปั๊ดพ่อยิงเล่นเลยนี่

     

    "ขายแมวเหรอ?" สายตาเหลือบไปเห็นคำว่าขายเขียนอยู่บนตัวแมว เด็กนี่ท่าจะบ้า เอาสีมาเขียนใส่ขนแมวแทนที่จะติดป้าย

    ดวงตากลมโตขยับกลอกไปมา ก่อนที่ริมฝีปากแห้งผากจะตอบด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำ

    "ขายคน"

    อา..ภาคิน เย็นไว้ ถ้าแกฆ่ามันมันก็แค่ตายเปล่า

    "ขายคน? แล้วทำไมมาเขียนบนตัวแมว"

    "ถ้าเขียนบนตัวคนก็มองไม่เห็นสิ ใส่เสื้อผ้าอยู่" คำตอบกลับคราวนี้เรียกรอยยิ้มกระตุกที่มุมปากได้ทันทีที่ฟังจบ ต่อปากต่อคำเก่งไม่เบา ตัวเท่าลูกหมาริอาจปากกล้ารึ

    "แล้วทำไมไม่ถอดเสื้อผ้าออกล่ะ"

    "มันหนาว คืนนี้อากาศหนาว ถ้าไม่สวมเสื้อผ้าไว้จะยิ่งหนาว" คืนนี้อากาศหนาวจริง ตัวคนถามเองยังสวมทั้งเสื้อแขนยาวทับด้วยโค้ตอีกตัวและผ้าพันคอ ทว่าคนตอบกลับใส่แค่เสื้อขาดๆกับกางเกงยีนส์เก่าๆ ไม่หนาวสิแปลก

    "แล้วขายคนน่ะขายไปทำไม ราคาเท่าไร"

    "เอาไปทำอะไรก็ได้ ขายไม่แพงหรอก สองพันบาท" ไม่แพงสมคำว่า สองพันบาทถ้าเทียบแล้วช่างเล็กน้อยนักกับชีวิตคนหนึ่งคน ชายหนุ่มยืนมองอีกฝ่ายสักพักแล้วหยิบเงินในกระเป๋าเสื้อโค้ตส่งให้

    "เอาไปห้าพัน แล้วเดินตามฉันมา"

    ชายสองคนเดินเคียงข้างกันไปในความมืด แสงไฟสลัวจากหลอดไฟข้างทางสว่างพอที่จะให้ภาคินได้พินิจใบหน้าของอีกฝ่ายที่เดินเหมือนเครื่องจักรไร้ชีวิต

    ดวงตาสีนิลกลมโตว่างเปล่าไร้ซึ่งแววตา ริมฝีปากแห้งผาก ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง มีเพียงแก้มป่องๆเท่านั้นที่พอจะทำให้รู้ว่าอย่างน้อยเด็กนี้ก็ไม่ใช่พวกโฮมเลสหรือเด็กจรจัดที่ไหน อาจจะเป็นเด็กเพิ่งถูกทิ้งได้ไม่นานหรือไม่ก็พวกเด็กสลัมใจแตกเร่ขายตัว

    "เออนี่ เธอชื่ออะไร อายุเท่าไร"

    เด็กชายเงยหน้ามอง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเล็กน้อยตามด้วยคำตอบที่ภาคินไม่ค่อยอยากเชื่อนัก

    "ชื่อเรืองฤทธิ์ เรียกริทก็ได้ อายุสิบสี่ปี"

    เอาแล้วไงภาคิน ข้อหาพรากผู้เยาว์วิ่งตามหลังมาซะแล้ว..

    ทันทีที่ประตูห้องปิดลงเจ้าแมวหน้าตาประหลาดก็กระโดดลงมายืนตัวโก่งอยู่บนพื้นห้องโดยมีคนที่อุ้มมันมายืนทื่อเป็นไม้ตีพริก แสงไฟสีนวลของห้องรับแขกสว่างมากกว่าด้านนอกหลายเท่าตัวจึงทำให้ภาคินได้เห็นใบหน้าของเรืองฤทธิ์ชัดๆ

    นึกว่าจะหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ น่ารักใช้ได้นี่หว่า

    ร่างสูงหายเข้าห้องนอนก่อนจะกลับออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวและชุดนอนในมือ ยื่นส่งให้เรืองฤทธิ์ที่ยืนมองหน้าเขาแถมไม่ยอมรับของที่เขาส่งให้

     

    "ไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ไปนั่งบนกองขยะมามันสกปรก"

    "ถ้าสกปรกแล้วอยู่บนโลกนี้ไม่ได้เหรอ?" ภาคินชะงัก เริ่มสงสัยในตัวเรืองฤทธิ์มากขึ้นแต่ก็ไม่ได้ว่ากระไร ดุนหลังเด็กชายไปทางห้องน้ำ พาเข้าไปอาบน้ำฟอกตัวให้สะอาดเอี่ยม

    ไหนๆก็อาบน้ำแล้วอาบด้วยเลยแล้วกัน

    "เซน" เรืองฤทธิ์ร้องเรียกสหายสี่ขาที่วิ่งตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ภาคินปรายตามองพลางเดินไปยังห้องนอนเพื่อหาเสื้อใส่ เรืองฤทธิ์ตัวเล็กเกินไปใส่กางเกงนอนของเขาไม่ได้เขาเลยเอามาใส่แทน แต่ตอนนี้เขาต้องไปหาเสื้อนอนมาสวมใส่ก่อนที่จะหนาวไปมากกว่านี้

    "อย่าเพิ่งอุ้ม" ร้องห้ามเมื่อเด็กชายทำท่าจะอุ้มแมวขึ้นมากอด ดวงตากลมโตมองเขาด้วยแววตาสงสัย..แววตาแรกที่เขาเห็นจากเด็กคนนี้

    "ทำไม"

    "เพิ่งอาบน้ำเสร็จจะมาอุ้มแมวได้ไง ไม่ต้องอุ้ม"

    "แต่เซนจะหนาว" เซ้าซี้จะอุ้มแมวขึ้นมาให้ได้ ร่างสูงถอนหายใจเฮือก คว้าผ้าขนหนูผืนหนึ่งส่งให้

    "เอาผ้าไปชุบน้ำมาเช็ดตัวให้มันไป มั่นใจว่าสะอาดแล้วค่อยอุ้ม" เด็กชายรับไปทำทันทีอย่างว่าง่าย ภาคินมองตามด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขาดูไม่ออกเลยว่าเรืองฤทธิ์เป็นเด็กแบบไหนกันแน่

    ดวงตาสีอำพันของแมวสีเทาจ้องมองเขาเหมือนเป็นศัตรูของมัน

     

    ร่างสูงใช้เท้าเขี่ยไปหนึ่งที

    ไอ้แมวนี่ท่าทางนักเลงไม่ใช่เล่น

    เรืองฤทธิ์นั่งเช็ดขนให้แมวอย่างเบามือที่สุด สีเทาสกปรกค่อยๆกลายเป็นสีเทาอ่อน คำว่า'ขาย'ที่อยู่บนหลังก็ถูกเช็ดออกไปด้วย ผ้าขนหนูสีขาวกลายเป็นสีเทาเข้มแทน ภาคินบอกให้เรืองฤทธิ์เอาผ้าไปใส่ไว้ในตะกร้าสำหรับส่งซักแล้วค่อยกลับมาอุ้มแมว

    เด็กชายอุ้มแมวขึ้นมากอดแนบอก ดวงตากลมๆนั้นช่างผิดไปจากดวงตาเรียวรีของแมวเสียนี่กระไร ในขณะที่เรืองฤทธิ์มองเขาด้วยแววตาว่างเปล่า แมวกลับมองเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตร

    "มันชื่อเซนหรอ" พยายามเริ่มบทสนทนาคลายความอึดอัดของตนเอง

    เรืองฤทธิ์พยักหน้า "ชื่อเซน"

    "ทำไมถึงชื่อเซนล่ะ เหมือนชื่อคนเลยนะ"

    "เซนเป็นชื่อพ่อ" ตอบแล้วก้มหน้าลงต่ำจนคนถามชักใจไม่ใคร่ดี ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจในคำตอบแต่กิริยาที่ตอบแล้วก้มหน้านี่เขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไร มันบ่งบอกว่าอีกฝ่ายมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

    "แล้วทำไมเอาชื่อพ่อมาตั้งให้แมว" ยังคงถามต่อไปเพราะอยากรู้คำตอบ คราวนี้เรืองฤทธิ์เงยหน้าขึ้น กอดแมวแน่นกว่าเดิม

    "พ่อชื่อเซน"

    ภาคินกลอกตามองเพดาน ถ้าเขาจับไอ้แมวนี่มาชำแหละเรืองฤทธิ์จะว่าเขาฆ่าพ่อตนเองหรือเปล่านะ วันนี้เขาเพิ่งเจอเรื่องเฮงซวยแล้วยังหาเหาใส่หัวตัวเองด้วยการพาเด็กที่ไหนไม่รู้มาบ้านอีก

    "ไปนอนได้แล้วไป" กวักมือเรียกอีกฝ่ายให้ตามมาที่ห้องนอน เรืองฤทธิ์เดินตามเข้าไปทั้งที่ยังอุ้มแมวไว้ในอ้อมแขน ร่างสูงได้แต่เก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ อนุญาตให้แมวนอนบนพรมด้านล่างได้ส่วนเรืองฤทธิ์นอนบนเตียง

    "คุณจะทำอะไรผมไหม" เป็นครั้งแรกที่เรืองฤทธิ์ถามก่อน ภาคินเลิกคิ้วเล็กน้อย

    "ทำอะไร" สอดตัวเข้าในผ้าห่ม อากาศหนาวภายนอกไม่สามารถเข้ามากร้ำกรายในห้องที่มีเครื่องทำความร้อนผ้าห่มนวมแสนอุ่นได้

    "คุณจ่ายเงินให้ผมห้าพันบาทโดยที่ไม่ทำอะไรเลยเหรอ" หน้าตาใสซื่อผิดกับคำถามช่างขัดกันเสียนี่กระไร ถึงกระนั้นร่างสูงก็ยังคงไม่ตอบคำถาม ดึงแขนเด็กชายให้ล้มลงมานอนด้วยกันแล้วตวัดผ้าห่มคลุมถึงคอ

    "ฉันกำลังจะทำนี่ไง" วูบหนึ่งที่ดวงตากลมโตสั่นระริก แต่ก็เพียงวูบเดียวเท่านั้น

    แขนแกร่งสอดรองใต้คอ แขนอีกข้างตวัดโอบร่างน้อยเข้ามากอดแนบอก รู้สึกได้ถึงร่างกายเย็นชืดของอีกฝ่าย แก้มนุ่มเบียดอยู่กับอกกว้าง เรืองฤทธิ์ช้อนตามองการกระทำของชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ

    "ห้าพันบาทแลกกับเป็นเครื่องทำความอุ่นให้ฉันหนึ่งคืน ตกลงไหม?"

    เรืองฤทธิ์พยักหน้า นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ภาคินเห็นก่อนที่เปลือกตาจะปิดสนิท บดบังดวงตากลมโตที่เขาชอบมองและพาเด็กชายจมดิ่งสู่ห้วงนิทรารมย์ ไม่นานนักความง่วงและความผ่อนคลายก็พาชายหนุ่มไปยังดินแดนแห่งความฝันเช่นเดียวกัน

    หนึ่งคืน..

    สองคืน..

    สามคืน..

    ล่วงเลยมาเป็นสัปดาห์ เรืองฤทธิ์ยังคงอาศัยอยู่ที่ห้องของภาคิน ชายหนุ่มเสนอเงินให้เด็กชายวันละห้าพันแลกกับการนั่งๆนอนๆอยู่ในห้องไม่ต้องออกไปเร่ร่อนด้านนอกอีก ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันมากนัก แต่ความอ่อนโยนที่ภาคินมีให้ทำให้เรืองฤทธิ์ไม่กล้าหนีไปไหน

    ภาคินเป็นคนไม่ดี

    ภาคินบอกแก่เรืองฤทธิ์เช่นนั้น เมื่อเด็กชายถามว่าทำไมไม่ดีชายหนุ่มก็พาไปดูข่าวที่ตัดออกมาจากหน้าหนังสือพิมพ์และรายการข่าวที่อัดไว้จากสถานีข่าวช่องต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวฆาตกรรมทั้งสิ้น

    เรืองฤทธิ์ไม่เข้าใจ จนกระทั่งภาคินบอกว่าเขาเป็นนักรับจ้างฆ่า

    "ฉันไม่ได้อยากทำงานนี้หรอก แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงิน ไม่มีเงินก็ไม่มีข้าวกินไม่มีที่ซุกหัวนอน" เหตุผลมาพร้อมข้าวต้มร้อนๆและชาอุ่นๆทำให้เรืองฤทธิ์ไม่คิดถามอะไรอีก

    เด็กชายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา นาฬิกาที่ผนังบอกเวลาสามทุ่ม ภาคินออกไปตั้งแต่เช้าบอกว่าผู้จ้างวานจ้างให้ไปทำงานด่วน แค่เก็บพวกค้ายาสองสามคนไม่น่าจะนานเดี๋ยวจะซื้ออาหารเย็นมาให้ด้วย

    เรืองฤทธิ์ได้แต่รอ..รอ..เพราะไม่รู้ว่าภาคินจะกลับมาเมื่อไร

    ตู้เย็นว่างเปล่าเพราะเพิ่งเคลียร์ของสดไปเมื่อวาน นมกล่องเหลือติดตู้เพียงกล่องเดียวก็กลายเป็นอาหารของเซนไปแล้ว เรืองฤทธิ์นั่งกอดเข่าเหม่อมองโทรทัศน์ที่ไม่ได้เปิดราวกับจอมืดตรงหน้ามีภาพเคลื่อนไหว

    เสียงท้องร้องอุทธรณ์ไม่ดังเท่าเสียงหัวใจเต้นแผ่วเบา..

    "เซน" ร้องเรียกแมวตัวโปรดให้กระโจนขึ้นมานั่งตัก เด็กชายกอดแมวแนบอก ทอดสายตามองพื้นพรมด้วยความรู้สึกยากเกินอธิบาย เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากภาพร้ายๆที่ภาคินอาจประสบ ภาคินไปนานกว่าที่เคย นานมาก

    "พี่โน่จะปลอดภัยใช่ไหม" ถามแมวแมวคงตอบอะไรไม่ได้ ถึงกระนั้นก็ยังถาม "ถ้าเสียพี่โน่ไปแล้วฉันจะอยู่กับใคร ฉันต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีกหรือเปล่า"

    ไร้คำตอบจากผู้ถูกถาม มีเพียงอุ้งเท้าสีเทาเหยียบบนหลังมือก่อนที่เซนกระโจนขึ้นไปบนพนักโซฟา

    ประตูห้องเปิดออก เรืองฤทธิ์รีบถลาเข้าไปรับร่างของภาคินเอาไว้อย่างรวดเร็ว

    "บัดซบ" ร่างสูงสบถขณะที่คนตัวเล็กพาเขาไปนอนพักที่โซฟา ใบหน้ามีคราบเลือดสองสามจุด ริมฝีปากแตก แผลลึกที่แขนด้านซ้าย เรืองฤทธิ์รีบวิ่งไปเอาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมาทำแผลให้

    "เกิดอะไรขึ้นกับพี่" ถามพลางใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้าให้ คราบเลือดนั้นไม่ใช่เลือดของภาคิน คงเป็นเลือดที่ประเซ็นมาโดน

    "ไอ้พวกบ้านั่นมันเสือกซ้อนแผน เจ็บใจชิบหายที่ปล่อยให้พวกมันหนีรอดไปได้" ตอบกระท่อนกระแท่นเพราะยังหายใจไม่สะดวกนัก มือหนากดชายโครงเอาไว้ รู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก

    "พี่เป็นอะไรมากหรือเปล่า" แอลกอฮอล์แตะลงบนแผล แสบจนน้ำตาเล็ด ภาคินกัดฟันมองเรืองฤทธิ์ทำแผลให้ตนโดยไม่ตอบคำถาม ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบแต่ก็ไม่ถามซ้ำอีก เอื้อมมือไปหยิบผ้าพันแผลและผ้าก๊อซแทน

    "นายเหมือนแสงสว่างเลยนะริท" มือที่บรรจงปิดผ้าก๊อซชะงัก ดวงตาช้อนมองอย่างไม่เข้าใจ "นายเหมือนแสงสว่าง ส่วนพี่เป็นความมืด ไม่รังเกียจหรอที่พี่ฆ่าคนไปไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแถมยังกักขังนายไว้ในนี้ไม่ให้ไปไหนด้วย"

    "ถ้าพี่โหดร้ายขนาดนั้นแล้วจะพาผมออกมาจากโลกของกองขยะนั่นหรอครับ" เรืองฤทธิ์ตอบกลับ ภาคินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะดึงแขนร่างเล็กให้ลุกขึ้นยืน ผ้าก๊อซที่ยังไม่ได้พันผ้าพันแผลทับร่วงหล่นลงบนพื้นพรม

    ริมฝีปากแตะแผ่วบนหน้าผากเนียน

    "เด็กดี.."

    ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นอีกหลังจากนั้น ภาคินจะลงไปซื้ออาหารหลังทำแผลเสร็จทว่าเรืองฤทธิ์บอกว่าเดี๋ยวลงไปหาทานเอง ด้วยฤทธิ์ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบที่ทานไปทำให้ภาคินหมดแรงทัดทานจำต้องนอนพักตามที่เรืองฤทธิ์บอก

    มือเรียวหยิบผ้าห่มคลุมร่างสูงให้ตั้งแต่คอจนถึงปลายเท้า สำรวจแน่ใจแล้วว่าอากาศหนาวไม่มีทางเล็ดลอดไปก่อกวนยามนอนของอีกฝ่ายได้ค่อยกลับออกมาด้านนอก

    ค้นกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตที่ร่างสูงถอดทิ้งไว้ ในกระเป๋าด้านในมีไอพอดเครื่องหนึ่งซ่อนอยู่ เรืองฤทธิ์รีบเปิดดูหาข้อมูลเหยื่อที่ภาคินรับจ้างวาน เขามั่นใจว่าภาคินต้องเก็บข้อมูลไว้ในนี้ครบถ้วน

    และแล้วก็หาเจอจนได้ ภาพถ่ายพร้อมประวัติและที่อยู่ เรืองฤทธิ์เก็บไอพอดของภาคินไว้ในกระเป๋ากางเกง ค้นลิ้นชักใต้ชั้นวางโทรทัศน์จนเจอมีดพกขนาดย่อมเล่มหนึ่ง เด็กชายเหน็บมันไว้ข้างเอวแล้วหันไปหาแมวเซนที่นอนหมอบอยู่ข้างกาย

    "เฝ้าพี่โน่ไว้อย่าให้ตื่นนะ"

    ประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง ประตูห้องนอนยังเปิดอ้าอยู่ เรืองฤทธิ์มองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าภาคินไม่ได้เดินอยู่ห้องไหนสักห้องของคอนโดแล้วค่อยๆจรดฝีเท้าย่องเข้าไปในห้องนอน

    ภาคินยังคงหลับสนิท ดูท่าฤทธิ์บาดแผลและฤทธิ์ยาจะทำให้ชายหนุ่มหลับลึกกว่าที่เคย เรืองฤทธิ์ยืนมองครู่หนึ่งก่อนจะกลับออกไปยังห้องนั่งเล่นโดยมีแมววิ่งตามไปติดๆ

    ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ คงไม่ดีนักหากจะถือมีดเปื้อนเลือดไว้เช่นนี้ สายน้ำอุ่นชำระล้างคราบสีแดงแห้งกรังกลายเป็นธารน้ำสีแดงอ่อนไหลเอื่อยบนพื้นอ่างอาบน้ำเซรามิกสีขาวก่อนจะถูกดูดลงสู่หลุมลึกเบื้องล่างและไม่หยุดจนกว่าจะถึงทางระบายน้ำใหญ่

    ล้างคราบเลือดที่ติดมือออกไปด้วย โชคดีที่มีดนี้ยาวพอเลือดจึงไม่กระเด็นติดตัวเขามากนักซ้ำยังไม่เลอะเสื้อผ้าเลยสักจุด เขาไม่อยากทิ้งเสื้อผ้าที่ภาคินซื้อให้แม้แต่ตัวเดียว

    ส่งยิ้มบางๆให้เซนที่นั่งรออยู่หน้าประตูห้องน้ำ ลูบใบมีดจนแน่ใจว่าไม่มีคราบใดหลงเหลือแล้วจึงปิดน้ำพาร่างของตนออกจากห้องน้ำไป

    มีดที่ล้างและซับน้ำจนแห้งสนิทถูกเก็บเข้าฝักของมันตามเดิม ณ บัดนี้มันนอนสงบนิ่งอยู่ในตู้ใต้โทรทัศน์ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน

    เรืองฤทธิ์เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน ไม่ลืมที่จะแกะห่อเบอร์เกอร์มาทานด้วย อันที่จริงมันไม่ใช่เบอร์เกอร์ของเขาหรอก เผอิญไอ้พวกนั้นมันซื้อเบอร์เกอร์มาพอดีเขาจึงหยิบติดมือมาด้วย

    รสชาติของหมูหมัก ผัก และขนมปังเย็นชืดแผ่ซ่านไปทั่วปากลิ้น ทว่ากลับขมปร่าในความรู้สึก แม้หัวใจจะเย็นชาสักเพียงใดแต่ในห้วงลึกความผิดยังเฝ้าตอกย้ำตราตรึงว่าเขาคือผู้กระทำ

    แต่เขาไม่ทำไม่ได้..พวกมันทำร้ายภาคิน

    สีหน้าหวาดกลัวของพวกมันยังตามมาหลอกหลอน ถ้าพวกมันมีชีวิตรอดคงรีบแจ้นไปบอกพ่อว่าถูกใครทำร้ายมา แต่พวกมันไม่มีทางทำได้เพราะเขาบั่นลมหายใจมันด้วยมือของตนเอง

    "เซน" เรียกแมวแสนรักมากอดแนบอก เซนป็นชื่อพ่อของเขาอย่างที่เขาบอกภาคิน แต่ภาคินไม่เคยรู้เลยว่าทำไมเขาจึงนำชื่อของพ่อมาตั้งเป็นชื่อแมว

    หลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า สิ่งที่เขาแบกรับอยู่นั้นมันช่างหนักหนาเกินกว่าเด็กอายุสิบสี่ปีคนหนึ่งสมควรจะได้รับ หากเขาไม่ใช่ลูกของพ่อเขาคงไม่ต้องเป็นแบบนี้ หากแม่ไม่ให้กำเนิดเขาเขาคงไม่ต้องผจญกับความโหดร้ายของโลกอันโสมม

    ภาคินเป็นนักรับจ้างฆ่าเพราะไม่มีงานทำ

    แต่เขากลับต้องฆ่าคนเพราะมันคืองาน

    พ่อจะไม่มีวันรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่..อยู่กับภาคิน ไม่มีวันรู้ว่าเขาคือคนที่ฆ่าลูกน้องของพ่อตายเรียบเพราะพวกมันบังอาจทำร้ายภาคินของเขา ทั้งที่เขาหนีออกมาแล้วแต่ยังต้องกลับไปเจอพวกมันอีกก็นับว่าเป็นอะไรที่น่าขยะแขยงมากพอแล้ว หนำซ้ำมือของเขายังต้องเปื้อนเลือดของพวกมันอีก

    หากทำได้..อยากลอกผิวหนังเปื้อนเลือดนี้ทิ้งเสียแล้วนำผิวหนังอันสะอาดเอี่ยมมาสวมใหม่ แต่คงทำไม่ได้เพราะกลิ่นคาวเลือดได้ซึมซับเข้าสู่ทุกอณูผิวของเขาไปเสียแล้ว

    เขาจะไม่กลับไปเป็นเครื่องจักรสังหารทำงานตามคำสั่งของพ่ออีก ทั้งที่เขาเป็นลูกแท้ๆของพ่อ พ่อกลับทำเหมือนเขาเป็นพวกนักฆ่าในสังกัด นักฆ่าไร้จิตใจ ไร้ความคิดเป็นของตนเอง

    พ่อโหดร้าย..แต่เขาก็รักพ่อ

    และเขาคงรักพ่อมากกว่านี้

    ถ้าพ่อไม่ฆ่าแม่ต่อหน้าเขาจนเขาทนไม่ได้ต้องหนีออกมาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน..

    เด็กชายนำเบอร์เกอร์ที่ยังทานไม่หมดไปทิ้งลงถังขยะแล้วเดินเข้าห้องนอน ภาคินยังหลับสนิทแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบค่อนคืนแล้วก็ตาม ปกติแล้วชายหนุ่มมักจะนอนไม่เกินห้าชั่วโมงด้วยเหตุว่ามันเป็นปรกติวิสัย

    สอดตัวเข้าในผ้าห่มผืนเดียวกัน ร่างสูงขยับตัวนอนตะแคง แขนข้างที่ไม่เจ็บเลื่อนโอบเอวบางรั้งเข้าแนบกายโดยสัญชาตญาณ ไออุ่นจากร่างนั้นช่างแตกต่างจากความอุ่นของผ้าห่มนวมและเครื่องทำความร้อน

    เรืองฤทธิ์หลับตาลงเพื่อให้เทพแห่งความฝันนำพาตนไปโลดแล่นในห้วงของนิทรารมย์เฉกเช่นเดียวกับภาคินที่ล่วงหน้าไปแล้ว กลิ่นน้ำหอมของชายหนุ่มกลบกลิ่นคาวเลือดจากหัวใจจนเขาอดคิดไม่ได้ว่าภาคินคือสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้ปีศาจเช่นเขาภาคินจะไม่มีวันรู้ว่าเขาฆ่าพวกมัน...เหมือนที่พ่อไม่รู้


    ผมกับเขา..เราอยู่ในโลกที่ต่างกัน

    เขาคือแสงสว่าง..ดั่งแสงอาทิตย์เรืองรอง ณ ขอบฟ้า

    ผมคือความมืดมิด..ดั่งแสงจันทร์เลือนลับ ณ ราตรี

     

    END


     


     


     


     


     

     


     

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×