คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : อีเวนท์ที่04[หมู่บ้านพัฟฟิน1]
ผ่านมา4วันหลังจากหลังจากที่มูนเจอเหล่าโจรดวงกุด
ในที่สุดมูนก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านพัฟฟินเหล่าชาวบ้านที่เห็นว่ามีเกวียนสินค้ามาก็รีบออกมาจากบ้านและจับจ่ายใช้สอยเพราะใช่ว่าพ่อค้าจะเดินทางมามาขายของทุกเดือน
ถ้าถามว่ามูนรู้ราคาสินค้าต่างๆได้ยังไง ก็คงต้องขอบคุณพ่อค้าคนเก่าที่จดบันทึกราคาสินค้าทั้งหมดเอาไว้ในสมุดเล่มเล็ก ที่มูนเจอใต้เบาะระหว่างที่กำลังหาอะไรทำฆ่าเวลา ทำให้การค้าขายเป็นไปด้วยดี รวมๆขายได้7,000gกับเศษนิดๆหน่อยๆ
หมู่บ้านพัฟฟินนั้นมีบ้านประมาณ30หลัง ถึอว่าเป็นหมู่บ้านที่ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ที่ด้านข้างมีแม่น้ำสายเล็กๆไหลผ่าน แต่ที่เด่นสะดุดตาก็คงจะเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่มีปล่องควันพวยพุ่งออกมาและคนงานเดินที่เข้าออกแทบตลอดเวลา ดูท่าทางที่นั้นน่าจะเป็นทางลงเหมืองหินเวทย์มนต์ตามที่พ่อค้าโจรนั้นเคยบอกเอาไว้ว่า แต่ว่าเอาไว้ก่อนตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้วด้วย
มูนขี่เกวียนตามหาโรงแรมที่ดูมีสภาพดีหน่อยก่อนจะพบกับโรงแรม3ชั้นและจะนำเกวียนม้าไปจอด
“ฉันต้องการห้องเดี่ยวพร้อมอาหาร3มื้อขอห้องสภาพดีหน่อยฉันต้องฟากม้า2ด้วยฉันจะอยู่3วันก่อนเดินทางต่อ”มูนเดินไปที่เค้าเตอร์และบอกความต้องการกับป้าที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“อาหาร3มื้ออยู่3วันราคา60gค่าฟากม้า2ตัว3วันราคา8gรวม68gรอแปบนึงนะ “โรเบิร์ตลูกค้าเข้าร้าน!!!””จ่านเงินเสร็จป้าที่เฝ้าเค้าเตอร์ก็ได้ตะโกนเรียกหาคนหลังร้าน
“คราบๆมาแล้วคราบ “เดินตามผมมา””หนุ่มผมทรงแอฟโฟร่เดินออกมาจากหลังร้านรับกุญแจจากมือของป้าและเรียกมูนให้เดินตามไป
ชายคนนั่นและมูนเดินขึ้นมาที่ชั้น3ห้อง302เขาให้กุญแจมูนก่อนที่จะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรซักคำซึ่งมูนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรและไขกุญแจเปิดประตูเข้ามา
ห้องที่มูนได้เป็นห้องไม้กว้างประมาณ5x5เมตรมีโต๊ะเครื่องแป้งเตียงตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำ ใช่ห้องน้ำ ในยุคกลางขอบคุณสวรรค์มันมีห้องน้ำอยู่จริงๆด้วยถึงจะเป็นแค่อ่างไม้ที่มีน้ำโง่ๆที่ดูท่าต้องตักน้ำจากแม่น้ำข้างๆมาเติมทุกวันกับรูปล่อยของเสียแต่แค่นั้นก็พอแล้วรู้หรือเปล่าว่าการทำธุระในพุ่มไม้ระหว่างเดินทางมันน่าอับอายแค่ไหนสำหรับคนที่มาจากยุค2000
(แต่เดียวนะหมู่บ้านนี้มีแม่น้ำอยู่ข้างๆแต่ยังทำเหมืองใต้ดินซักวันข้างล่างนั้นได้เกิดน้ำท่วมแน่ๆ)
[อย่าพึ่งดีใจเรื่องแค่นี้สิลืมภาะระกิจอะไรไปหรือเปล่า]
[ติ้ง ภาระกิจทำครั้งเดียว-เริ่มต้นการพจญภัย เสร็จสิ้น ส่งมอบของรางวัล]
[หนังสือฝึกสอนเวทย์มนต์เริ่มต้น ระดับB x1]
หนังสือปกหนังหนาประมาณ2นิ้วตกลงบนตักของมูน
"นี่มันเยี่ยมไปเลย"มูนที่ได้ของใหม่มาก็เห่อทันทีหยิบตะเกียงของห้องจุดไฟขึ้นมาเพื่ออ่านหนังสือจนฟ้ามืดลงเสียงของแมลงต่างๆได้ลอยผ่านเข้ามาทำให้มูนรู้สึกตัวได้ว่าตอนนี้มืดเสียแล้ว
“หาวใกล้ถึงเวลานอนแล้วหรอเนี่ยเวลานี่ผ่านไปเร็วจังนะไปทานอาหารดีกว่า”มูนเก็บหนังสือใส่กระเป๋าเป้ก่อนที่จะเดินออกนอกห้องล็อคประตูและลงไปด้านล่าง
“แซกๆๆๆ”เสียงของผู้คนที่เดินทางมาพักผ่อนในบาร์รอบดึกด้านล่างซึ่งส่วนมากจะเป็นคนงานเหมือง
มูนเดินไปที่เค้าเตอร์โชว์ป้ายกุญแจเพื่อสั่งอาหาร
“แกได้ยินข่าวบ้างหรือเปล่า ว่าตอนกลางวันเหมืองทางทิศใต้และทิศตะวันออกถล่มลงมาแล้วนะ”คนงานเหมืองสุดล่ำคนหนึ่งพูดออกมาระหว่างชดเบียร์
“แย่จริง เมื่อ2ชั่วโมงที่แล้วเหมืองทิศเหนือก็พึ่งถล่มลงมาลูกทีมข้าเกือบถูกฝังข้างใน ยังดีรอดกันออกมาได้”ตาแก่กล้ามบึกที่ตัวเตี้ยกว่าคนปรกติบ่นออกมาพร้อมตักเนื่อในจานเข้าปาก
“นี่ก็ครั้งที่17แล้วนะที่เหมืองถล่ม ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปโดนไอบริษัทบ้านั้นขายหิเวทย์ตัดราคาอีกซักเดือนสองเดือนคนงานเหมืองทำคนในเมืองนี้ตกงานกันหมดแน่ๆ”ชายตัวเขียวสุดล่ำที่มีหูแหลมสบดออกมา
“เพราะไอเจ้าแม็คเวลคนเดียว แค่ไอเวรนั้นบอกว่าการใช้เรื่องจักรสามารถลดค่าใช้จ่ายในการจ้างคนเหมืองได้ ไอหัวหน้าหมู่บ้านเวรนั้นก็แทบก้มเลียเท้าไอเวรนั้นอยู่แล้ว ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าไอเครื่ิงจักรเวรนั้นมันทำเหมืองรอบๆถล่มลงมา”ตาแก่กล้ามบึกบ่นออกมาอีกครั้ง
“ไงหนุ่มๆฉันขอนั่งด้วยได้หรือเปล่าพอดีได้ยินเรื่องน่าสนใจ”มูนยกจานสตูรอาหารมานั่งเก้าอี้ในโต๊ะ
“โอ้ เจ้าคงเป็นพ่อค้าที่ข้าซื้อของตอนนั้นมานั่งสิพวกข้าไม่ห้าม”ชายตัวเขียวสุดล่ำพูดพร้อมตบมือลงที่เก้าอี้
“ฉันได้ยินว่ามีปัญหากับคนที่ชื่ิอแม็คเวลมันเรื่องอะไรงั้นหรอเล่าได้หรือเปล่า”มูนถามเปิดประเด็น
“มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอยู่แล้วเพราะอีกเดือนสองเดือนข้าคงไม่มีงานทำ”ตาแก่กล้ามบึกบ่นพร้อมชดเบียร์
ตาแก่คนนี้มีชื่อว่ามาคาได้เล่าว่าเมื่อปีที่แล้วแม็คเวลได้มาทำธุระกิจทำเหมืองที่เมืองนี้โดยนำเครื่องจักรประหลาดมาด้วย แม็คเวลมันโม้ว่าไอเครื่ิองนี้มันทำงานได้เร็วกว่าคนงานเหมืองร้อยคนซะอีก ซึ่งมันก็จริงแต่มันก็แลกมาด้วยการที่เหมืองรอบๆทนแรงสั่นสะเทือนไม่ไหวและเกิดถล่มลงมา
“ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วละ พวกนายควรหยุดทำงานแล้วออกจากเมืองนี้จะดีกว่า”มูนทำหน้าเคร่งเครียด
“นี่เจ้าจะบอกให้พวกเรายอมแพ้อย่างนั้นหรอ”ชายตัวเขียวสุดล่ำที่มีชื่อว่าโกลด์ยั่วเลือดขึ้นหน้า
“อย่าเข้าใจกันผิดสิที่ฉันหมายถึงให้นายรักษาชีวิตของนายจะดีกว่า”มูนตักสตูรขึ้นมากินก่อนจะนำช่อนมาชี้หน้าโกลด์
“รู้กันบ้างหรือเปล่าว่าการทำเหมืองใกล้แหล่งน้ำมันอันตรายมากแค่ไหน”มูนจ้องเข้าไปในตาของทั้ง3
“มันอันตรายยังไงไหนบอกข้าสิ ข้าทำงานที่เหมืองมา12ปีพึ่งเคยได้ยินอะไรแบบนี้”มาคาพูด
“คืออย่างนี้จากที่ฉันได้ศึกษามาพวกชั้นดินหินอะไรพวกนี้มันจะมีบ้างที่น้ำจะไหลผ่านจนเกิดน้ำบาดาล”มูนเริ่มอธิบาย
“การทำเหมืองของเมืองนี้มันผิดตั้งแต่การทำเหมืองข้างใต้เมืองโดยตรงแล้ว เพราะโครงสร้างชั้นดินข้างแม่น้ำมันจะโดนกัดเซาะไปเรื่อยๆทุกปี ปีแรกๆมันก็ไม่เป็นอะไรมากนัก แต่พอนานๆเข้า5ปี10ปีมันก็จะเข้าใกล้เมืองขึ้นเรื่อยๆและเหมืองที่อยู่ข้างใต้นั้นก็ยิ่งทำให้โครงสร้างของเมืองไม่แข็งแรงเข้าไปใหญ่ ไม่เชื่อตอนลงเหมืองก็ลองแตะที่ผนังถ้ำตอนลงเหมืองดูว่ามันเปียกหรือเปล่า ไอแรงสั่นสะเทือนนั้นเป็นสัญญาณว่าเหมืองของพวกนายจะกลายเป็นเหมืองบาดาลแทนไงละ คงอีกไม่เกิน3เดือนฉันบอกได้แค่นี้”มูนลุกขึ้นจากโต๊ะนำจานสตูรไปคืนก่อนจะเดินขึ้นห้อง
[คิดว่ายังไงกับคนพวกนั้นหรอมูนนี่]
“ก็แค่คนที่ตามความทันสมัยไม่ทันจนโดนทิ้งไว้ข้างหลังไม่ใช่คนที่ถูกและไม่ใช่ผู้ที่ผิดคะ”มูนตอบตามความคิดของตน
มูนที่ถึงห้องก้จัดการทำธุระส่วนตัวแล้วจึงเข้านอน
ในวันรุ่งขึ้นมูนตื่นมากินข้าวเช้าและก็ออกไปทำเรื่องขอซื้อหินเวทย์จำนวน300กิโลกรัมจากตลาดส่วนกลางในราคา3,000gแล็วก็ซื้อกระเป๋าเก็บของขนาด3x3x3เมตรมาในราคา900gเพื่อเก็บหินเวทย์ทั้งหมด
เวลาที่เหลือมูนก็กลับมาที่โรงแรมและศึกษาหนังสือเวทย์ต่อจนเย็น
ความคิดเห็น