ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF.EXO | R U N ◇ chanbaek / kaido / hunhan

    ลำดับตอนที่ #16 : Underneath the Skin: Special Chapter | jongin x kyungsoo

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 498
      2
      24 เม.ย. 56

    underneath the skin

    jongin x kyungsoo / r (for soft erotic scenes) / angst , romance

     

     

    *

    Special Chapter – time flies, things change, but something remains.

     

     

     

    กลิ่นฉุนแสบร้อนของพริกป่นในซุปกิมจิปลุกชายหนุ่มร่างสูงใหญ่จากห้วงนิทรา จงอินตื่นขึ้นมาพบว่าร่างของตนพำนักอยู่บนฟูกนอนขนาดกลาง ใบหน้าหล่อคมซุกเข้าหาไออุ่นที่ยังคงเหลือไว้จาง ๆ ของเจ้าของเตียง เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มร่างเล็กเดินเข้ามาหาเขา ร่างบางย่อตัวลงกับพื้นข้างเตียงนั่นพร้อมกับแก้วน้ำและยาเม็ดอีกสองสามเม็ดในกำมือ คยองซูจัดการวางสัมภาระในมือของตนลงที่ลิ้นชักข้างเตียงก่อนจะค่อย ๆ ยกลำตัวของชายหนุ่มอีกคนให้อยู่ในท่านั่ง จงอินใช้โอกาสนี้ในการเพ่งพินิจใบหน้าอ่อนโยนที่เขาคิดถึง แก้มทั้งสองข้างอาจจะไม่อวบอิ่มเหมือนเก่าแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อนั้นลดลงไปเลย คยองซูอาจจะดูโทรมลงไปบ้างเพราะอะไรบางอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขา นัยน์ตาคมเรียกร้องให้ดวงเนตรกลมใสของอีกฝ่ายจ้องลึกลงไป มือกร้านยกขึ้นมาประคองแก้มเนียนเพื่อให้อยู่ในมุมที่เหมาะสมก่อนจะบรรจงประทับกลีบปากอิ่มของตนลงบนริมฝีปากหยักสวย

     

    จุมพิตนั้นปราศจากการรุกร้ำใด ๆ แต่เพื่อเป็นการซึมซับสัมผัสละมุนให้ตราตรึงติดเอาไว้ จงอินเคยกลัวว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงแค่มโนภาพแต่การพิสูจน์ในครั้งนี้บ่งชี้ให้เห็นได้อย่างแน่ชัดแล้วว่าโดคยองซูที่กำลังหลับตารับสัมผัสอ่อนโยนเป็นมีชีวิตอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงกับเขา

     

    จงอินผละออกมาเพื่อเชยชมความสวยงามตรงหน้า สีชมพูอ่อน ๆ ปรากฎอยู่บนพวงแก้มใสอย่างน่าดูชม

     

    “ก... กินยาซะสิ แล้วเดี๋ยวฉันจะยกข้าวเช้ามาให้” จงอินพยักหน้าและปฏิบัติตามแต่โดยดี ทันทีที่จงอินจัดการกับยาเม็ดเสร็จเรียบร้อย คยองซูก็เดินมาหาเขาอีกครั้งพร้อมกับถาดวางอาหารเช้าหน้าตาน่ารับประทาน

     

    “นี่คุณทำเองหมดเลยเหรอ ? ” ซุปกิมจิสีแดงสดถูกตักออกจากหม้อดินใส่ถ้วยใบเล็กเพื่อง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและรับประทานบนเตียง จงอินใช้ช้อนเงินตักชิมดูและต้องตกตระลึงในฝีมือการทำอาหารของชายหนุ่ม

     

    “ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณทำอาหารเก่งขนาดนี้”

     

    “ก็... นายไม่เคยถามฉันนี่” จงอินพยายามจะยืดบทสนทนาออกไปให้ยาวที่สุดแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะล้มเหลว อาหารตรงหน้าถูกจัดการอย่างรวดเร็ว คยองซูที่เฝ้ามองอาหารบนจานหายไปทีละนิด ๆ พาร่างของตนมาเก็บถาดนั่นและเดินหายไปในห้องครัว

     

    ห้องสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดกลางถูกปูทับด้วยวอลเปเปอร์ลายผ้าฟูกสีครีมสะอาดตา ข้าวของเครื่องใช้ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ถึงมันจะไม่ได้ดูโอ่อ่าสวยหรูแต่มันก็ดูน่าอยู่มากสำหรับจงอิน ชายหนุ่มคิดในใจลึก ๆ แล้วมันคงแตกต่างจากบ้านเก่าของคยองซูที่เกาหลีอยู่มากเป็นแน่

     

    ชีวิตของคยองซูเองคงจะเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเลยเช่นกัน

     

     

     

    “คุณกลับมาเกาหลีตั้งแต่เมื่อไหร่?”

     

    จงอินย้ายร่างของตนมานั่งที่โต๊ะกินข้าวแทน คยองซูที่จัดการล้างจานชามเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาแล้วจึงหย่อนตัวลงนั่งข้างชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่า

    “ฉันเพิ่งกลับมาได้แค่สองสามเดือน ...ฉันเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาปลายปีที่แล้วนี่เอง”

     

    ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่หัวใจของชายหนุ่มร่างสูง จงอินคิดว่าเขาไม่สามารถมองใบหน้าของคนรักได้อีกต่อไป หยาดน้ำใสเริ่มเอ่อนองขึ้นที่เบ้าตาเรียวคม เสียงสะอื้กเบา ๆ เรียกร้องให้ชายหนุ่มอีกคนหันมามอง คยองซูค่อย ๆ เขยิบตัวเข้าไปแนบชิดกับจงอิน นิ้วเรียวยาวเกลี่ยหยดน้ำที่หลั่งพรูออกมานั้นออกจากแก้มกร้าน

     

    “นายขี้แยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน....”

     

    เสียงครวญครางไม่ต่างอะไรเด็กชายตัวน้อยยิ่งทำให้คยองซูรู้สึกเอ็นดูในตัวชายหนุ่มคนนี้ ระยะห่างระหว่างอายุที่ค่อนข้างกว้างสำหรับพวกเขายิ่งทำให้คยองซูรู้สึกอยากจะปกป้องให้ถึงที่สุด ฝ่ายจงอินเองก็ไม่รู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องปิดบังด้านเปราะบางของเขาไม่ให้คยองซูเห็น ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองถูกล่นลงมาอีก คยองซูลุกขึ้นเล็กน้อยเพื่อจะจูบลงบนหน้าผากสีแทนคล้ำ

     

    “ชู่ว์..... ไม่ต้องร้องแล้วนะ........ เงียบซะ.... เงียบนะ คนดี.......”

     

    “ผมขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้ชีวิตคุณต้องเป็นแบบนี้... คุณคงลำบากมาก มันคงจะเทียบไม่ได้เลยกับที่ผมเจอมา... ผมขอโทษคยองซู ผมจะไม่โกรธเลยถ้าคุณทิ้งผมนอนหมดสติอยู่ที่ร้าน จะไม่โกรธเลยถ้าคุณไม่ดูแลผม ...จะไม่โกรธเลยถ้าคุณทิ้งให้ผมใช้ชีวิตทุกวินาทีเพื่อคิดถึงคุณอย่างทุกข์ทรมาน”

     

    แก้มเนียนนุ่มเอนอิงไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม เสียงกระซิบบางเบาเกือบจะเป็นความเงียบช่วยผ่อนคลายหัวใจของชายหนุ่มอีกคนได้เป็นอย่างดี

     

    “นายไม่มีอะไรต้องขอโทษเลยจงอิน ฉันเลือกที่จะทำมันด้วยตัวของฉันเอง ถ้าฉันจะโทษใครมันก็ต้องเป็นตัวของฉันเอง แต่มันผ่านมาแล้วและมันจะไม่เกิดขึ้นอีก ...บอกฉันสิ จงอิน ว่านายยังต้องการ ว่านายยัง... รักฉัน” แขนเรียวยาวยกขึ้นมากระชับร่างบางให้เข้าในอ้อมกอดของเขา น้ำตาทั้งหลายแหล่เหือดแห้งไปแล้วจนสิ้น

     

    “ผมรักคุณ คยองซู ...ผมรักคุณจนผมไม่รู้ว่าถ้าคุณเดินออกไปจากชีวิตผมอีกครั้ง ผมจะอยู่ต่อไปได้อีกมั้ย”

     

    “ถ้างั้นก็รักฉันให้มาก ๆ ฉุดฉันไว้ รั้งฉัน อย่าให้ฉันหลุดออกจากมือของนายอีกนะ นายทำได้มั้ย?”

     

    จงอินเงยหน้าของตนขึ้นมาเพื่อจะประทับจูบลงบนพวงแก้มเนียนนุ่ม ริมฝีปากอวบอิ่นยกมุมขึ้นจนเกิดเป็นรอยยิ้มสดใสชวนมอง คยองซูคิดว่ามันเจิดจรัสกว่าดวงดาวนับพันบนผืนฟ้ายามค่ำคืนเสียงอีก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเขาคงมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มนี้บ่อยขึ้นสินะ

     

     

    “สัญญาด้วยชีวิตเลยครับ”

     

     

    *

     

    กำหนดการของวันนี้เริ่มจากออกไปกินอาหารเช้าด้วยกันที่คาเฟ่เล็ก ๆ เจ้าโปรดของคยองซู แพนเค้กชิ้นหนาประดับด้วยราสเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่สดใหม่น่าทานพร้อมด้วยเมเปิ้ลไซรัปสีน้ำตาลทองเหนียวข้นเป็นเมนูที่ชายหนุ่มตัวเล็กมักจะสั่งเสมอเมื่อเขามาอุดหนุน จงอินไม่ค่อยโปรดปรานของหวานสักเท่าไหร่แต่ในเมื่อมันเป็นเมนูจานเด็ดที่อีกฝ่ายแนะนำนักหนา เขาจึงตัดสินใจสั่งมาทานแต่สุดท้ายจะทนความหวานของแพนเค้กตรงหน้านี้ไม่ไหวจนคยองซูต้องรับภาระจัดการส่วนที่เหลือด้วยตนเอง

     

    “แล้วตอนนี้นายทำงานที่ไหน?” คยองซูเอ่ยขึ้นพร้อมกับแป้นแพนเค้กนุ่มในปาก

     

    “ผมทำงานที่ร้านพาสต้าของเพื่อนน่ะ ...ร้านนั้นที่พวกเราเจอกันครั้งแรกไง”

     

    “ห๊า นั่นร้านของเพื่อนนายหรอกเหรอ? ฉันก็ว่าเด็กตัวดำ ๆ ซกมก ๆ อย่างนายเข้าไปใช้ห้องน้ำในร้านได้ยังไง...”

     

    “ย๊า! นี่คุณหาว่าผมดำเหรอ?” สีหน้าจริงจังของชายหนุ่มทำเอาคยองซูถึงกับหลุดขำออกมา

     

    “หรือไม่จริงล่ะ? จะว่าไปฉันก็คิดถึงร้านนั้นอยู่เหมือนกัน... พาไปหน่อยสิ”

     

    “อ่าว แล้วคุณไม่ไปทำงานเหรอ?”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ตำแหน่งของฉันก็แค่พนักงานร้านสะดวกซื้อนะ อีกอย่าง ฉันก็อยากจะไปกินอาหารอิตาเลี่ยนด้วย”

     

    “นี่คุณเพิ่งกินแพนเค้กไปจานครึ่งนะ กินเยอะขนาดนี้ไม่กลัวอ้วนหรือไง? ดูดิ๊ แก้มเริ่มออกข้างแล้วเนี่ย” จงอินพูดปนเสียงหัวเราะจนดวงตาเรียวโค้งหยีลง อีกฝ่ายที่โดนว่า ๆ อ้วนก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยพลางยกมือทั้งสองข้างลูบแก้มเนียนใสของตน

     

    “อ้วนเอิ้นอะไร! คนบ้า! ไม่ไปด้วยแล้วก็ได้ ชิ

     

    “โอ๋ ๆ อย่างอนนะครับ ไม่อ้วนก็ไม่อ้วน ล้อเล่นนิดเดียวเอง”

     

    คนทั้งร้านต่างพากันชำเลืองมองต้นเสียงหัวเราะร่าเริงที่อบอวลไปทั่วร้าน บ้างก็นึกตำหนิในใจ บ้างก็อิจฉาที่ได้เห็นคนทั้งสองดูมีความสุขกันเสียเหลือเกิน จงอิงและคยองซูไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้างเลย ในเมื่อเขามีกันและกันอยู่ตรงหน้านี้ อะไร ๆ ก็ดูจะไม่สำคัญอีกแล้วสำหรับพวกเขา

     

     

     

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทสั้นกุดหันมามองผู้มาเยือนคนใหม่ก่อนจะส่งยิ้มเห็นฟันครบทุกซี่แบบฉบับของตนให้กับเพื่อนรักและอีกคนที่เขาไม่คุ้นหน้าคร่าตา แต่ดูจากที่มือทั้งสองประคับประคองกันอย่างแนบแน่นแล้วคงไม่ต้องเสียเวลาถามเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาเลย

     

    “สวัสดีครับ ผมปาร์คชานยอลเจ้าของร้าน แล้วคุณ....”

     

    “โดคยองซู ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

     

    ชานยอลนึกคุ้นเคยกับชื่อนี้ จนเขาต้องตกตะลึงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าชื่อนี้เป็นของทายาทธุรกิจพันล้านที่หายสาบสูญไปเมื่อเกือบสิบปีก่อนซึ่งเป็นข่าวดังมากอยู่ช่วงนึง (แต่ที่ชานยอลจดจำชื่อนี้ได้นั้นเพราะแบคฮยอนและเซฮุนเคยพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ตอนมัธยม) เจ้าของภัตตคารร่างสูงรีบดึงสติมากับโลกปัจจุบันที่ตอนนี้คยองซูเอาแต่มองเขาด้วยความสงสัย

     

    “อ..เอ่อ ขอโทษทีครับ พอดีตื่นเช้าเกินเลยมึน ๆ นิดหน่อย... แหม ไอ้จงอิน แอบไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ยอมบอกเลยวะ”

     

    “...กูไม่ได้เจอกับเขามานานน่ะ เพิ่งเจอกันเมื่อวานเลย... ตัดสินใจคบกันจริง ๆ จัง ๆ เสียที” จงอินหันหน้าไปยิ้มให้กับแฟนหนุ่มเสียหวานเลี่ยนจนเพื่อนชายที่ได้แต่มองรู้สึกพะอืดพะอมเบา ๆ

     

    “คยองซู เดี๋ยวผมต้องไปทำงานแล้วน่ะ ...คุณจะไม่ไปทำงานวันนี้จริงเหรอ? ผมเลิกงานดึกนะ”

     

    “ช่างเถอะ ฉันขอนั่งรอตรงนี้คงไม่เป็นปัญหาอะไร... เอ่อ ถ้าคุณชานยอลไม่ว่า...”

     

    “ไม่เป็นไรครับ เชิญตามสบายเลยครับ งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับคุณคยองซู”

     

    เมื่อชานยอลเดินลับหายไป จงอินฉวยโอกาสที่คยองซูชื่นชมทัศนียภาพของสิ่งแวดล้อมรอบตัวฉกฉวยความละมุนบนแก้มนุ่มด้วยริมฝีปากของตน อีกฝ่ายนึงที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับหน้าขึ้นสีเหมือนกับเด็กสาววัยแรกรุ่น คยองซูไม่พลาดที่จะตีแรง ๆ ที่แขนแกร่งของชายหนุ่มโทษฐานฉวยโอกาส

     

    ชายหนุ่มร่างเล็กในเสื้อแขนจัมพ์และกางเกงยีนเรียบ ๆ เดินไปมารอบร้านจนในที่สุดเขาก็มาหยุดลงตรงที่นั่งที่เขาเคยนั่งเมื่อหลายปีก่อนในงานกินเลี้ยงของผู้เป็นบิดา มือขาวลูบไล้บนพื้นไม้ขัดมันจนเรียบ คยองซูเตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าไออุ่นของพ่อและแม่ผู้ล่วงลับของเขานั้นจางหายออกไป ไม่เหลือไว้เลยซักเพียงเสี้ยวเดียว คยองซูนั่งอยู่ตรงนั้น ซึมซับว่ากาลเวลาได้พรากอะไรไปจากเขาบ้าง ในขณะเดียวกันที่มันนำพาอะไรบางอย่างมาให้กับเขา ท่ามกลางผู้คนเดินเข้าออกผ่านทางประตูบานยักษ์ เสียงพูดคุย บ้างก็หัวเราะปะปนกันไป คยองซูปล่อยให้เวลาของเขาผ่านไปอย่างไร้ความเบื่อหน่ายในเมื่อรอยยิ้มของชายหนุ่มเจ้าของชีวิตและหัวใจของเขาส่งตรงมาทุกครั้งที่เจ้าตัวเดินผ่าน

     

     

     

    “คุณคยองซู”

     

    เจ้าของนามหันไปหาต้นเสียงทันที ร่างสูงผอมเดินเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของตน มือหนึ่งหยิบจานอาหารจากถาดไม้มาวางไว้บนโต๊ะ กลิ่นหอมเย้ายวนของเครื่องสารพัดและมะเขือเทศสดหอมคลุ้งชวนลิ้มลอง คยองซูหันไปหาเจ้าของร้านด้วยความสงสัย

     

    “เอ่อ...... นี่....”

     

    “มื้อเที่ยงไงครับ ผมเห็นคุณนั่งมาตั้งนานไม่ออกไปหาอะไรทานซักที นี่ก็จวนจะบ่ายสามแล้ว ผมเลยให้พ่อครัวทำให้คุณทานซักจานน่ะครับ”

     

    “ขอบคุณมากนะครับคุณชานยอล แต่ผมไม่มีตังค์จ่าย...” คยองซูก้มงุดพร้อมกับคำสารภาพอันหน้าอายของเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของชานยอลยังคงอยู่ที่เดิม

     

    “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”

     

    “....จะดีเหรอครับ? ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบาก” ร่างสูงโปร่งถอนหายใจเล็ฏน้อยก่อนจะเอ่ยต่อพร้อมเสียงทุ้มที่ปรับให้นุ่มละมุนชวนฟังมากกว่าเดิม

     

    “อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ คุณเป็นแขกคนสำคัญของร้านเรา และยังเป็นคนสำคัญของเพื่อนรักของผม ถ้าคุณต้องการอะไร คุณรู้ว่าจะเรียกจงอินหรือผมยังไงนะ”

     

    คยองซูโค้งตัวลงขอบคุณในน้ำใจไมตรีของชานยอล หลังจากที่เจ้าของร้านร่างชะรูดขอตัวไปทำงานต่อ คยองซูหยิบส้อมด้ามเงินขลับขึ้นมาเตรียมจะจัดการกับอาหารตรงหน้าด้วยความหิวโหย สัมผัสเย็นยะเยือกของเครื่องเงินแท้ทำให้เขาหวนนึกถึงอดีตของเขาทันใดนั้นนั่นเอง

     

     

     

    “จับส้อมกินสปาเกตตี้ต้องจับอย่างงี้ต่างหาก”

     

    ดวงตากลมโตของเด็กชายตัวน้อยหันลงมามองส้อมและใบหน้าของพี่ชายคนสนิทของตนสลับกันไปมาก่อนที่ดวงหน้าน่ารักจะแสดงความฉงนออกมา เด็กชายอีกคนที่อายุมากกว่าหลุดขำกับความไร้เดียงสาของคนตรงหน้า ฝ่ามืออุ่นอ้อมอุ้มอุ้งมือที่เล็กกว่าของตนเกือบครึ่งอย่างอ่อนโยนก่อนจะลากมาไว้บนตำแหน่งจานอาหาร วัตถุสีเงินถูกกดปลายแหลมหลากซี่ลงบนเส้นสปาเกตตี้ ม้วนแต่ละเส้นให้เกาะกลุ่มกันรอบด้ามและจึงยกมันขึ้นมาจ่อไปที่ปากของเด็กน้อย

     

    “คยองซู อ่ะ อ้าม~” เด็กชายเผยอปากเล็กของตนออกรับอาหารตรงหน้าและเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อย คยองซูตัวน้อยหันมาฉีกยิ้มให้กับพี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พร้อมปากและแก้มที่เปรอเปื้อนไปด้วยซอสมะเขือเทศ คิมจุนมยอนในวัยสิบ ขวบใช้นิ้วเรียวของตนปาดคราบซอสออกอย่างอ่อนโยนก่อนจะคลี่ยิ้มให้กับเด็กชายที่ตนรักประหนึ่งน้องแท้ ๆ ของตน

     

    “เลอะหมดแล้วเห็นมั้ยเนี่ย... ถึงตาคยองซูแล้ว ลองตักด้วยตัวเองสิ”

     

    “ผ...ผม..... ทำไม่ได้หรอกฮะ” จุนมยอนไม่กล้าถอนหายใจเสียงดังกลัวใบหน้าน่ารักจะสลดลงมากกว่าเดิม เขาขยี้ผมเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูและเสริมกำลังใจ คยองซูเงยหน้าขึ้นมามองคนที่อายุมากกว่าอีกครั้งพร้อมกับส้อมในกำมือ

     

    “ในเมื่อพี่ทำได้ เราก็ต้องทำได้ เชื่อพี่จุนมยอนนะครับ จะได้เอาไปอวดคุณป้าได้ไง”

     

    เมื่อคยองซูได้ยินดังนั้น ความอยากเอาชนะแบบเด็ก ๆ ก็ประทุขึ้นในใจ คยองซูคว้าส้อมจากมือนั้นมาแล้วจัดการทำตามทุกขั้นตอนที่พี่ชายสอนอย่างตั้งใจ ในที่สุดเด็กน้อยอายุก็สามารถกินสปาเกตตี้ด้วยตัวเองจนสำเร็จ จุนมยอนขยี้หัวให้เด็กชายอีกครั้งก่อนจะมองตามร่างกะทัดรัดของเด็กน้อยเดินไปที่ ๆ นั่งของผู้เป็นมารดา คุณนายโดส่งยิ้มเชิงขอบใจให้เขาและส่งแขนเรียวคู่นั้นโอบอุ้มแก้วตาดวงใจของตนขึ้นมานั่งบนตัก

     

    คยองซูไม่รู้เลยว่าพี่ชายที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับตนนั้นกำลังมีความสุขกับภาพที่เห็นมากเพียงไหน

     

    มันเป็นอย่างนี้มาตลอด ทุกครั้งที่คยองซูต้องการใคร เขาจะมีผู้ชายที่คิมจุนมยอนคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ผิดที่หัวใจของเขาไม่เคยยอมรับความรักที่อีกคนหนึ่งมอบให้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดนี้เลย การที่ให้พี่ชายแสนดีคนนี้เดินออกไปจากชีวิตของตนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คยองซูจะสามารถสอบให้กับจุนมยอนได้

     

    คิมจุนมยอนเป็นสิ่งเดียวที่เขายินดียอมให้กาลเวลาพรัดพรากจากไป พร้อมกับสิ่งที่ได้กลับมาซึ่งก็คือความหวังที่ว่า “ป่านนี้พี่จุนมยอนจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่ไหนซักแห่ง”

     

     

     

     

    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบแต่ผู้คนรอบข้างเขาเริ่มหายไปทีละคน ๆ จนตอนนี้เหลือลูกค้าเพียงไม่กี่คนอยู่ในร้าน โต๊ะส่วนใหญ่ถูกบริกรคนอื่น ๆ จัดเก็บอย่างเรียบร้อยเตรียมปิดให้บริการ จากความมืดมิดภายนอกนั้นพอจะเดาได้เพียงว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่ยามค่ำคืนแล้ว ว่าแต่จงอินแฟนหนุ่มของเขาอยู่ไหนซะล่ะ?

     

    คยองซูลุกจากที่นั่งของตนแล้วเดินหารอบร้านจนทั่วบริเวณแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของร่างสูงที่ตนคุ้นเคยแต่อย่างใด ด้วยความระแวงที่เริ่มเข้ามากอบกุมภายในจิตใจของเขา น้ำใสเริ่มคลอขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ สัมผัสหน่วงบนไหล่ของเขาเรียกของคยองซูจนร่างบางทั้งร่างสั่นกระตุกอย่างแรง

     

    “คุณคยองซู!” ร่างบางเผยอปากปล่อยให้ลมหายใจพรวดพราดออกมา เปลือกตาสีนวลหย่อนลงจนแพขนตาขยี้กับผิวบางใต้ดวงตา ชานยอลค่อย ๆ ผ่อนแรงมือที่กำลังบีบไหล่บางทั้งสองข้างลง สายตาคู่นั้นมองคนตรงหน้าด้วยความมึนงงและความสงสัยในเวลาเดียวกัน

     

    “ผมเห็นคุณเดินเลิกลักรอบร้านอยู่นาน พอเรียกชื่อคุณก็ไม่ให้มาซะที ...นี่ผมทำให้คุณตกใจหรือเปล่า?”

     

    “ป...เปล่าครับ ผมแค่... มึน ๆ นิดหน่อย ว่าแต่คุณชานยอลเห็นจงอินมั้ยครับ? ผมไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่ตอนบ่าย” คำตอบทุกอย่างลงล็อคของมันโดยปริยาย ร่างสูงชะรูดฉีกยิ้มจนเห็นฟันหน้าเรียงครบทุกซี่

     

    “ฮ่า ๆ ผมบอกคุณคยองซูไม่ได้หรอกครับแต่ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก เดี๋ยวมันก็กลับมาครับ ...ผมยังไม่ปิดไฟบริเวณนี้ละกันคุณจะได้นั่งรอได้ ชั้นสองนี้เป็นที่อยู่ของผมกับครอบครัวครับ ถ้ามีอะไรคุณเดินขึ้นมาหาผมที่ชั้นสองได้เลย”

    คยองซูพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเดิมของเขา

     

     

    เงาตะคุ่มเคลื่อนไหวตรงมาเรื่อย ๆ เรียกความสนใจให้ดวงหน้าอ่อนเพลียของร่างบางชะเง้อมองขึ้นมา

     

    “คุณคงเพลียมากใช่มั้ย? งั้นเรารีบกลับกัน...”

     

    คยองซูลุกขึ้นจากที่ของตนและปิดระยะห่างของพวกเขาทั้งสองด้วยการวาดแขนทั้งสองข้างขึ้นมาล้อมอกแกร่งและดึงกระชับให้ทั้งสองร่างแนบชิดเข้าหากัน จงอินรู้สึกถึงหัวของแฟนหนุ่มขยุกขยิกเข้าหาร่างของเขาราวกับเด็กน้อยร้องหาความอบอุ่นจากอกแม่ กลีบปากหนาคลี่ยิ้มออกพร้อมส่งมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบหัวอย่างเอ็นดู ในเวลานี้ที่ขอบเขตของอายุและความแตกต่างอื่น ๆ อีกสารพัด ทั้งสองเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่มีอยู่ด้วยกันอย่างเต็มที่โดยไม่สนใจว่าความมืดมิดจะล่องลอยผ่านไปนานสักเท่าไหร่

     

    ชั่วครู่ใหญ่คยองซูดึงร่างของตนออกมาจากอ้อมกอดพร้อมกับรอยยิ้มที่สวยที่สุดในความคิดของแฟนหนุ่มระบายอย่างแจ่มแจ้งบนดวงหน้าอ่อนโยน

     

    “กล้าดียังไงทิ้งให้ฉันนั่งเป็นห่วงนายอยู่คนเดียว ฮื้ม?”

    “ผมหายไปซื้อของน่ะ”

     

    “นี่นายโดดงานทั้งบ่ายเพื่อไปซื้อของเนี่ยนะ? ไร้ความรับผิดชอบจริง ๆ ...”

     

    “แต่กับชีวิตของคุณทั้งชีวิต ผมสัญญาว่าผมจะรับผิดชอบมันด้วยชีวิตของผมเลยครับ”

     

    สัมผัสเย็นจากวัตถุทรงกลมส่งผ่านมายังนิ้วนางข้างซ้ายของร่างบางอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตากลมเบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกจากเบ้าทำเอาชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าปล่อยขำออกมาอย่างไม่เกรงใจ เมื่อแหวนสีเงินเรียบหรูถูกสวมใส่เรียบร้อยมือเรียวข้างนั้นถูกยกขึ้นมาเป็นเป้าสายตา คยองซูดึงมือข้างนั้นกลับมาปิดปากของตนไม่ให้เสียงสะอื้นเลดลอดออกไปแต่ดูท่าว่ามันจะไม่ได้ผล มือเรียวของอีกฝ่ายบรรจงประคองใบหน้านั้นขึ้นมามองชัด ๆ นิ้วโป้งทำหน้าที่ของมันโดยการไล้เกลี่ยหยาดน้ำใสให้ออกไปจากพวงแก้มนิ่ม

     

    จงอินโน้มตัวลงมาประทับกลีบปากของตนกับของอีกคน ความนุ่มของริมฝีปากอวบของร่างบางทำให้จงอินอยากจะหยุดเวลานั้นไว้ตลอดไป ฝ่ายคยองซูเองก็เอียงรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ ทั้งสองผละออกจากกันแต่ยังคงระยะห่างไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

     

    “คิมจงอิน.... เด็กบ้า”

     

    “ยังไม่ทันขอเลยด่าซะแล้ว เดี๋ยวไม่ขอเลยนะ” คำหยอกของจงอินเรียกเสียงขำให้กับตัวเองได้แต่ไม่ใช่กับอีกคนที่กำลังหน้ามุ่ยอยู่

     

    “งั้นฉันปฏิเสธ”

     

    “เอ๊า หยอกเล่นนิดเดียวเอง... แค่นี้โกรธแล้วเหรือไง?”

     

    “ถ้าฉันต้องทนเด็กบ้าที่ไหนไม่รู้มาเล่นบ้าบอไม่รู้จักเวล่ำเวลาอย่างงี้ตลอดไป ฉันขอปฏิเสธ”

     

    “โธ่ คยองซู... ผมอุตส่าห์เบิกเงินเดือนล่วงหน้าจากเจ้าชานยอลแล้วรีบวิ่งไปซื้อมาให้คุณเลยนะ จะไม่เห็นค่ามันหน่อยหรือไง?” คยองซูเฉตามองไปทางอื่น จงอินเมื่อเห็นดังนั้นก็เริ่มใจเสียและเมื่อร่างบางชำเลืองมองท่าทีสลดของแฟนหนุ่มก็รีบจับจังหวะ เดินเข้าไปจุ๊บเบา ๆ ที่ข้างริมฝีปากของจงอิน

     

    “บ้าจริง ๆ เลยนายนี่ ถ้าฉันปฏิเสธก็คงบ้ากว่านาย….

     

    จงอินไม่รอให้อีกฝ่ายจบประโยค เขาปิดช่องว่างลงด้วยร่างของเขาเองและประทับจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอีกครั้งแต่คราวนี้เขาไร้ความปราณีใด ๆ ทั้งสิ้น แรงขยี้และลิ้นที่สอดใส่เข้ามาตักตวงความหวานทำเอาร่างบางถึงกับอ่อนระทวย ขาทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนต่อ เมื่อคยองซูได้โอกาสพละตัวออกมา มือเล็กทุบที่แขนแกร่งทั้งสองที่ตวัดร่างเขาไว้ให้คลายออก จงอินทำตามอย่างช่วยไม่ได้แต่ระยะห่างของทั้งสองยังคงอยู่เท่าเดิม ใบหน้าหล่อคมเขยิบเข้ามาพร้อมกับกระซิบที่ใบหูอ่อนนุ่มด้วยเสียงทุ้มลึก

     

    “ตั้งแต่นี้ไป ผมจะไม่ยอมทำโดยที่คุณยังหมดสติอยู่แล้วนะ”

     

     

     

    เวลาสำหรับใครบางคนล่วงเลยผ่านไปอย่างไร้ความหมาย แต่สำหรับคิมจงอินและโดคยองซู เวลานำพาให้ทั้งสองมาบรรจบกัน เส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันคนละขั้วเดินทางมาตัดกันที่จุด ๆ หนึ่งที่บางคนเรียกมันว่า “ปาฏิหาริย์” บ้างก็เรียกมันว่า”ความบังเอิญ” แต่ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไร ซักวันหนึ่งอาจมีเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดผ่านชีวิตของคุณและเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาลก็เป็นได้

     

    อย่างที่ชีวิตของจงอินและคยองซูบรรจบเคียงคู่กันตลอดไป

     

     

     

    .

    .

    .

     

    “ชานยอล ทำอะไรอ่ะ?”

     

    ชายหนุ่มร่างสูงเก้งก้างสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงชื่อของตน ร่างบางเล็กของอีกคนเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับชะโงกหน้ามองลงไปยังบริเวณโต๊ะอาหารของร้าน ผู้ชายสองคนกำลังยืนกอดกันกลมอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดครอบคลุมทั่วพื้นที่ เขาหันมามองสามีของตนด้วยความสงสัย

     

    “นั่นมันจงอินนิ กอดกับใครหล่ะนั่น?”

     

    “เขาชื่อคยองซู เป็นแฟนของไอ้จงอินมัน ...แบคฮยอนจะโกรธมั้ยถ้าฉันให้เขายืมวิธีขอแต่งงานของเราไปน่ะ”

     

    แบคฮยอนทำหน้าฉงนอยู่ครู่นึงก็ถึงกับบางอ้อ ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมาอย่ามปลื้มปิติ ชายหนุ่มร่างเล็กยืนแทรกอีกฝ่ายเพื่อหามุมชมฉากหวานแหววด้านล่างให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนคู่รักที่มัวแต่จู๋จี๋กันอยู่ข้างล่างนั้นไม่รู้เลยว่าจะมีคู่รักอีกคู่แอบมองพวกเขาอยู่


    -


     

    สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกคนนนนนน
    ไรท์ตูนขอโทษนะคะที่อัพช้ามากๆๆๆ;___;
    ตอนนี้ใช้เวลาพอสมควรค่ะที่จะพยายามเขียนออกมาให้ดีที่สุด
    หวังคงจะถูกใจทุกคนๆกันนะคะ

    ส่วนคำถามเรื่องคู่ชานแบคที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้นั้น
    เป็นเรื่องจากช็อตฟิคเรื่องแรกค่ะ เรื่องrubble and ruin
    หากสนใจในเรื่องของชานแบคก็ย้อนกลับไปอ่านดูกันได้นะคะ
    ไรท์ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าตัวละครแต่ละตัว แต่ละเรื่องนั้นจะมีความเชื่อมโยงกัน
    ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

    ในที่สุดคู่ไคโด้ก็จบบริบูรณ์ลงแล้ว;O;
    จะเหลืออีกแค่คู่เดียวเท่านั้นก็คือคู่ฮุนหานก่อนซีรี่ฟิคเรื่องนี้จะจบลง
    ต้องขอบคุณทุกกำลังใจและคอมเม้นที่เม้นกันเข้ามามากๆเลยนะคะ
    ไรท์ซาบซึ้งมาเลย แม้ว่าฟิคเรื่องนี้จะไม่สมบูรณ์แบบและมีข้อบกพร่องอยู่มากมาย;_;
    ไรท์จะพยายามพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งขึ้นแล้วจะแต่งมาให้อ่านเรื่อยๆนะคะ
    โปรดติดตามเรื่องต่อไปด้วยเน้อ ไรท์มีพล็อตฟิคอีกหลายอันที่จะแต่งต่อเลยค่ะ
    ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่เข้ามาอ่าน ไว้เจอกันใหม่เรื่องหน้านะคะ บ๊ายบายยย: )


    ปล. มีใครสนใจช็อตฟิคย่อยของตอนนี้กันบ้างคะ เป็นคู่พิเศษของunderneath the skinค่ะ
    ส่วนคู่ของใครนั้นไรท์ขอเก็บไว้ก่อนแต่อาจจะพลิกโผกันหน่อยนะคะ555555
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×