ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fragrance of Love รักอันตรายของคุณชายเย็นชา

    ลำดับตอนที่ #6 : Fragrance of Love :: Chapter 5 : Lost in Love

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 58


    STAR THEME



     
    Chapter 5

    Lost in Love
     



    나는 정말 너를 사랑하는걸까

    (นานึน ชองมัล นอรึล ซารางฮานึน กอลกา)
    ฉันรักเธอจริงหรือเปล่านะ










     

    Wednesday

    12/11/20XX

    -บ้านนายปาร์คชังมินสุดมึน(อีกแล้ว)-



     

    ฉันตื่นมาในตอนเช้าที่บ้านนี้(อีกแล้ว) จากเหตุการณ์ที่เมื่อคืนฉันหลับไปในรถซะเฉยๆ เป็นเพราะง่วงนอนมาตั้งแต่ที่ห้องเรียนแล้วล่ะมั้ง มันเลยมาออกฤทธิ์ซะตอนเย็น ช่วงนี้โรงเรียนฉันจัดกิจกรรมเยอะ เผลอๆฉันนึกว่าเป็นโรงเรียนที่เน้นกิจกรรมมากกว่าวิชาการซะอีกนะเนี่ย

    ว่าแต่ฉันกลับเข้ามาในห้องได้ไงล่ะเนี่ย?

    ช่างเถอะ !  คงจะมีใครลากฉันขึ้นมาเนี่ยแหละ อาจจะเป็นพวกบอดี้การ์ด หรืออาจจะเป็นแชยอนก็ได้เนอะ






     

    -โรงเรียนเซนโช-

    วันนี้ฉันก็ไปโรงเรียนตามปกติ  ฉันอยู่ชมรมการแสดงในโรงเรียนค่ะ ฉันชอบเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก แต่พอดีว่าที่โรงเรียนที่ไทยไม่เค้ยไม่เคยมีชมรมแบบนี้  ฉันเคยส่งคำร้องขอไปที่ผู้อำนวยการโรงเรียนหลายครั้งแล้ว ผลก็คือ ไม่อนุมัติ!เพราะโรงเรียนฉันเน้นวิชาการ ไม่ได้ให้มาเซิ้งการแสดงละครมันเซิ้งตรงไหนวะคะ!? บางทีฉันก็ไม่เข้าใจ..

    แต่พอมาอยู่ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี ในโรงเรียนเซนโชอย่างนี้ ฉันก็คิดว่าสวรรค์มีอยู่จริง ชมรมนี้แน่นอนว่ามีคนเข้ามาอยู่เยอะมากกกกก เยอะจนรุ่นพี่แต่ละรุ่นต้องมาติดประกาศเวลาจะคัดตัวเข้าชมรมกันเลยค่ะ ซึ่งฉันก็ติดเข้ามาเป็นสมาชิกชมรมกับยัยเจสส์ได้อย่างง่ายดาย เพราะมีฝีมือเหมือนกัน โฮะๆๆ แถมยังได้เป็นรองประธานชมรมภายในเวลาครึ่งปีที่เข้ามาอยู่ชมรมนี้ด้วยนะ!

    และอีกไม่นานก็จะถึงฤดูหนาวแล้วล่ะค่ะ  ทางโรงเรียนก็เลยจัดการแสดงขึ้นมา ซึ่งเป็นธรรมเนียมของทางโรงเรียนที่จะสุ่มเลือกตอนต้นเทอมแรกว่าจะทำการแสดงในช่วงฤดูไหน ยกเว้นปิดเทอมเท่านั้นที่จะไม่มีการมาแสดงที่โรงเรียน ปีนี้ทางโรงเรียนสุ่มได้การแสดงตอนช่วงฤดูหนาว แล้วนี่ก็ใกล้แล้วด้วย ชมรมฉันเลยวุ่นวายกันใหญ่เลย



     

    ส่วนนายชังมินน่ะหรอ? ฉันแค่มาพร้อมกับนายนั่นเมื่อเช้าด้วยสติที่เหม่อลอย เห็นตาตี๋ใส่หูฟังครอบไว้อย่างไม่สนใจคนรอบข้างและเดินเข้าโรงเรียนไปอย่างแบดบอยลุคสุดๆ เลยทำให้เรายังไม่ได้คุยอะไรกันถึงตอนนี้ล่ะค่ะ เรื่องชมรมของเขาก็ไม่รู้ว่าจัดการไปแล้วรึยัง..  อ๋อ! ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมคะว่าทำไมฉันถึงไม่เรียกนามสกุลหมอนั่น(เพราะปกติคนที่นี่ถ้าไม่ได้สนิทกันก็ต้องพูดเป็นทางการกันก่อนน่ะค่ะ)


    สาเหตุ

    1.       หมอนั่นเป็นลูกของเพื่อนพ่อ(?)

    2.       หมอนั่นอายุเท่าฉัน(??)

    3.       หมอนั่นพูดแบบไม่เป็นทางการกับฉันตั้งแต่แรก(ได้ข่าวว่าเธอก็พูดไม่เป็นทางการนะ : ไรท์)

    4.       จากข้อ3หมอนั่นไม่ควรจะได้รับการพูดอย่างเป็นทางการจากฉัน(???)   และสุดท้าย..

     

    5.       ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับหมอนั่นอย่างประหลาด(?!)

     


     

    ข้อเมื่อกี้รู้สึกถึงความเป็นไปไม่ได้ จึงขอขีดออก เหอะๆ



     

    กลับเข้าเรื่องเถอะค่ะ  ตอนนี้ฉันมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องชมรมการแสดงที่ฉันรักมากกกกกก พร้อมกับยัยเจสส์ที่วันนี้มัดผมเป็นหางม้า แลดูน่ารัก ระหว่างที่พวกเราเดินผ่านห้องเรียนของรุ่นน้องม.ปลายปีหนึ่ง น้องๆผู้ชายชมรมบาสนี่มองตามยัยนั่นตลอดเลยล่ะ ผู้ชายชมรมบาสโรงเรียนนี้ชอบผู้หญิงตัวเล็กๆน่ะ







     

    ครืด~




    ฉันและยัยเจสส์ก้าวผ่านประตูของห้องชมรมไปพบกับรุ่นพี่หัวหน้าชมรมที่หล่อมากลากดินคนนึง เขาเป็นหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนนี้ค่ะ ตัวสูงขนาดเป็นนายแบบได้ อยู่ชมรมบาสด้วยนะ ผิวของเขาขาวราวกับนมสด ริมฝีปากสีชมพูอ่อนๆนั่นน่าสัมผัสอย่าบอกใคร ถ้าบอกว่าอยู่ชมรมบาสก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกค่ะ เก่งเนอะอยู่ตั้งสองชมรมแน่ะ และแน่นอน เขาคือแฟนฉันเองค่าอ่านผิดหรอ? ฉันว่าไม่นะ เขาคือแฟนฉันเองค่ะ!


    แต่เป็นแฟนที่ค่อนข้างจะไม่ได้เรื่องไปซักหน่อยนะ เพราะว่าฉันได้ยินข่าวมาว่าเขาน่ะควงผู้หญิงนับไม่ถ้วนตั้งแต่เป็นแฟนกับฉันมา ใครๆเขาก็บอกกันอย่างนั้นนะ แต่ฉันก็ไม่เคยเชื่อซักที แม้แต่ยัยเจสส์ก็เหอะ เพราะว่าฉันคิดว่าถ้าฉันไม่เห็นด้วยตัวเองมันจะไม่ใช่เรื่องที่เชื่อถือได้(เฉพาะเรื่องนี้น่ะนะ) แต่ก็ใช่ว่าฉันจะไม่เคยเห็นไปซะทีเดียว ฉันก็เคยเห็นเขาไปกับรุ่นน้องที่โรงเรียนคนนึงมาแล้วสองครั้ง(ตอนที่ไปเที่ยวคนเดียว) ทั้งสองครั้งเป็นคนเดียวกันนะ แถมยังอยู่ชมรมเดียวกันอีก จำได้ว่าฉันไปบอกเขาว่าให้โอกาสแค่สามครั้ง ถ้าฉันเห็นอีกเป็นครั้งที่สองก็จะยังไม่ว่า แต่ถ้าครั้งที่สาม เลิกเลย! ฉันไม่ค่อยอยากมีปัญหากับรุ่นน้องหรือคนที่ร่วมงานด้วยกันน่ะเพราะถือว่ายังต้องทำงานร่วมกันอยู่.. ทุกคนเข้าใจฉันใช่ไหมล่ะ



     

    อ้าว! ฟินมาแล้วหรอ”  นั่นไงหนุ่มหล่อสุดน่ารักของฉัน เขาส่งยิ้มละลายใจมาให้ ถ้าให้เขาไปเล่นบาสเหงื่อเปียกชุ่มแล้วส่งยิ้มมาข้างสนามแบบรอยยิ้มครั้งนี้รับรองสาวทั่วโรงเรียนมีอันกรี๊ดสลบค่า!!



     

    ค่า! วันนี้มีอะไรให้ช่วยหรอคะพี่ยุน



     

    ใช่ค่ะ มีอะไรให้พวกเราช่วยรึเปล่าคะรุ่นพี่ยุนโฮถึงได้เรียกมาวันนี้”  ยัยเจสส์ยิ้มและถามพี่ยุนโฮ นั่นแหละชื่อเขา >//<



     

    คือว่า.. ก็อย่างที่รู้กันอ่ะนะว่าโรงเรียนเราจะจัดการแสดงวันคริสมาสต์ในฤดูหนาวครั้งนี้ และก็จัดงานใหญ่ซะด้วยสิ พี่คงไปช่วยซื้อของไม่ได้เพราะต้องไปช่วยงานที่บริษัทด่วนมาก พ่อพี่ต้องการให้ฝึกงานไปด้วย พี่เลยแอบออกไปซื้อของหรืออุปกรณ์พวกนี้ไม่ได้ ฝากพวกเธอไปซื้อแล้วเอามาไว้ที่ห้องชมรมหน่อยได้ไหม เดี๋ยวพี่ค่อยมาตรวจสอบอีกที



     

    ได้ค่ะ วันนี้ฟินว่างอยู่แล้ว เดี๋ยวจะไปจัดการให้นะคะ เนอะ ยัยเจสส์เนอะ



     

    อ่อ ค่ะ เดี๋ยวพวกเราไปช่วยเลือกของเองนะ รุ่นพี่ยุนโฮไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ..



     

    หลังจากนั้นฉันกับยัยเจสส์ขอตัวออกมาก่อนเพราะจะออกไปซื้อของตามที่พี่ยุน(ฉันถนัดเรียกแบบนี้อ่ะ) ลิสต์เอาไว้ในกระดาษที่ให้มา ไหนดูสิ?!



     

    ของที่ต้องใช้ในการแสดงของโรงเรียน(ฉพาะของที่ขนมาโรงเรียนง่ายๆจะได้ไม่ต้องหนักเวลาถือนะ)

    1.       กาวขวดใหญ่ 5 ขวด

    2.       กระดาษสี  สีตามฉากที่เขียนไว้นะ เอามาเยอะๆไว้ก่อน

    3.       ผ้า หลายๆสีนะจะได้มาตัดเย็บกัน

    4.       ด้าย

    5.       กรรไกร เผื่อเพื่อนบางคนที่ไม่ได้เอามา

    6.       ...

    7.       ...

    8.       ...

    และอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน  แต่ละข้อมีข้อความที่เขียนประกอบไว้เป็นเหตุผลที่ต้องซื้อ จำนวนและอื่นๆ สุดท้ายเขาก็ลงท้ายไว้ว่า

    ส่วนของที่มันหนักๆอย่างเช่นฉากที่มันเป็นชิ้นใหญ่ๆ พี่จะขนไปเองนะ ทยอยขนมาก็ได้ ไม่ต้องรีบเอามาทั้งหมดหรอก

     เป็นห่วงคนดีของพี่เสมอ รักนะจุ้บๆ

    พี่ยุนของฟิลิเป้ <3



    แอร้ยยย! แฟนฉันน่ารักแบบเนี้ย จะไปมีใครอื่นได้ไงล่ะค้า!!! (ยังไม่เชื่อ)



     




     

    -ห้อง 5-2

    แต่ก่อนที่ฉันจะไปซื้อของตามที่สั่ง ฉันคงต้องแวะไปบอกนายชังมิน เหมือนกับที่ต้องแจ้งผู้ปกครองเวลาจะไปเข้าค่ายทางไกลที่ไม่พกโทรศัพท์งั้นแหละ  จากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วเขาคงจะไม่ยอมให้ฉันไปแน่ๆ ฉันเลยลากยัยเจสส์มาด้วยเผื่อว่าหมอนั่นจะยอมให้ฉันไปซักวันนึง..


     

    นี่นาย~”



     

    แล้วก็สเต็ปเดิม การยักคิ้วของเขา.. ยังไม่ยอมเงยหน้าจากหนังสือเลยด้วย ไม่เคยเห็นว่าหมอนี่ชอบอ่านหนังสือ คือปกติหลับในคาบ..


     

    ฉันขอไปซื้อของกับยัยเจสส์ที่ห้างแป๊บนึงได้มะ เป็นงานของชมรมน่ะ ฉันจำเป็นต้องไป


     

    อืม ก็ไปสิ


     

    เอ๊ะ! ทำไมให้ไปง่ายๆงี้อ่ะ  เมื่อวานยังงอแงบอกจะไปกินข้าวด้วยให้ได้อยู่เลย อารมณ์แปรปรวนจริงๆเลยหมอนี่!


     

    เดี๋ยวฉันไปส่งฟินถึงบ้านเลยนะ นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ยัยเจสส์ช่วยพูดให้อีกที เพราะเห็นว่าวันนี้หมอนี่ดูแปลกๆไป


     

    ไม่ต้อง! เธอน่ะเสร็จแล้วก็กลับบ้านไม่เถอะ ส่วนเธอ.. โทรมาหาฉัน เดี๋ยวไปรับ


     

    โอเค อย่างนั้นก็ได้ ไปเหอะแก


     

    ยัยเจสส์พูดแบบนั้นก็ลากฉันเดินออกมาทันที ว่าแต่.. ทำไมถึงให้ฉันไปได้ง่ายๆแบบนี้นะ ถ้าเป็นปกติเขาต้องให้บอดี้การ์ด(คุณหยาง) ตามไป หรือไม่ก็ตามไปเองแล้วนะเนี่ย..


     

    แปลกคน!


     

    ฉันหมุนตัวกลับไปอีกครั้งเมื่อลืมไปว่าควรจะบอกอะไรเขาอย่างนึง..


     

    นี่นาย.. อ่านหนังสือกลับด้านตีลังกาอยู่น่ะ!”


     

    เขาเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าเอ๋อใส่ฉันและก็รีบกลับด้านหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ทันที.. ฮ่าๆๆ


     


     


     


     

    He’s Talk

    เมื่อคืนผมเป็นคนพายัยนั่นไปที่ห้องเองนั่นแหละ นั่งเฝ้าอยู่ตั้งนานเพราะยัยนี่ละเมอถึงคนที่บ้านอยู่ได้ ขอบตาผมถึงได้ดำเป็นแพนด้าอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ กว่ายัยนั่นจะเลิกละเมอจริงๆก็เที่ยงคืน ตีหนึ่ง เมื่อวานกลับบ้านตอนเกือบสี่ทุ่มแล้วน่ะนะ


    และวันนี้ผมก็มาโรงเรียนปกติทั่วไป.. วันนี้เป็นวันที่ผมจะต้องไปดำเนินเรื่องชมรมซักที  ด้วยความที่ผอ.โรงเรียนกับพ่อผมเป็นญาติกันห่างๆ ผมจะลงชมรมไหนก็ได้ ได้2-3ชมรม  เลือกได้ด้วยว่าวันไหนจะเข้าชมรมไหน ซึ่งผมก็เล็งชมรมบาสไว้เป็นอันดับหนึ่ง ชมรมการแสดงและชมรมดนตรีเป็นอันดับสองและสาม



    ผมเดินไปตามบริเวณทางเดินเพื่อไปห้องชมรมบาสตามที่รุ่นพี่คนนึงแนะนำมา




     

    ครืด~




     

    ผมเปิดประตูเข้าไปและทำเรื่องยื่นใบสมัครให้รุ่นพี่ พวกเขาบอกว่าจะมีการคัดตัวเข้าชมรมเพิ่มในวันศุกร์นี้

    ซึ่งผมก็โอเค ผมน่ะชอบเล่นบาสมาก เป็นกีฬาโปรดที่เล่นคลายเครียดตั้งแต่เด็ก รู้สึกว่า 9 ขวบได้มั้ง


     

    เห้ยย! พวกนายรู้จักน้องฟิลิเป้ปีสองห้องสองป้ะวะ?!” รุ่นพี่ที่ตัวขาวๆสูงกว่าผมนิดหน่อยพูดขึ้น


     

    โหยยย! ดีกรีเป็นรองหัวหน้าชมรมการแสดงและนางเอกละครเวทีของโรงเรียนในวันคริสมาสต์ปีนี้นี่หว่า ไม่รู้จักก็บ้าแล้ว!” รุ่นพี่คนที่สองที่ใส่แว่นสูงประมาณผมก็พูดขึ้น


     

    เออ.. เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนคนแรกที่หน้าตาดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง แต่คิดแล้วก็เสียดายนะเว้ยที่น้องเค้ามีแฟนแล้วอ่ะ เสียเวลาตามจีบตั้งนาน ไปเป็นแฟนไอ้ยุนมันซะได้อ่ะรุ่นพี่ที่เป็นคนรับใบสมัครจากผมพูดขึ้น


     

    ผมนี่ที่ยืนฟังอยู่ถึงกับหูผึ่ง.. ยัยนั่นมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่!!


     

    แหม.. ก็ยุนมันเป็นรองหัวหน้าชมรมพวกเราแล้วก็เป็นหัวหน้าชมรมการแสดงด้วยนี่หว่า! คนที่อยู่ชมรมบาสแต่ละคนก็ใช่ว่าจะหน้าตาไม่ดี ยิ่งเป็นหัวหน้าหรือรองยิ่งติดระดับท็อปฮอตประจำโรงเรียน อีกอย่างพวกเค้าอยู่ชมรมเดียวกัน มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันเลยเกิดช้อตล่ะมั้ง?รุ่นพี่คนแรกพูดอีกครั้ง


     

    แต่หมอนั่นมันเจ้าชู้มากเลยนี่หว่า.. ยอมรับนะว่ามันหล่อ แต่ถึงยังไงฉันก็สงสารน้องฟินจริงๆเลยนะที่คบกับหมอนั่นน่ะ


     

    ผมขอตัวก่อนนะครับรุ่นพี่


     

    โอเค.. ไว้เจอกันน้องชาย!”


     

    ผมก็รีบออกมาจากที่นั่นทันที สาเหตุ.. ไม่อยากฟังเรื่องนั้นอีกต่อไป!!

    และผมก็อยากเห็นหน้าแฟนของยัยนั่นมากๆ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงรีบไปหยิบใบสมัครเข้าชมรมอีกใบพร้อมเขียนรายละเอียดและรีบไปส่งทันที


     

    เมื่อมาถึงหน้าห้องที่มีป้ายติดว่าชมรมการแสดงผมก็รีบเข้าไปทันที  และผมก็เห็นผู้ชายตัวขาวๆหน้าตี๋ๆคนนึงนั่งอยู่ในห้องพร้อมเอกสารมากมายก่ายกองตรงหน้าเขา


     

    ขออนุญาตครับ


     

    ครับ เข้ามาเลย


     

    ผมวางใบสมัครลงบนโต๊ะ เขาหยิบไปอ่านและก็พูดขึ้นมา


     

    อ๋ออ นายอยู่ปีสองหรือเนี่ย? อืม.. หน้าตาใช้ได้ ฉันชื่อยุนโฮนะ ม.ปลายปีสาม.. งั้นพรุ่งนี้มาคัดตัวตอนเที่ยงละกันนะ อ๊ะ! นายอยู่ห้องเดียวกับฟินด้วยใช่มั้ยเนี่ย?”


     

    ครับผมที่ยืนฟังหมอนั่นบ่นอยู่คนเดียวเริ่มส่งสีหน้าไม่เป็นมิตรไปให้..


     

    งั้นพี่ฝากดูแลน้องหน่อยสิ ฟินน่ะ พี่จะฝากน้องเค้าซื้อของ ช่วยไปกับน้องเค้าหน่อยนะ แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ เป็นอะไรรึเปล่า?


     

    ครับ เปล่าครับ ไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวผมจะจัดการให้นะครับ


     

    และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ผมทำหน้าบึ้งใส่เธอ ก็แหงล่ะ เธอหนีไปมีแฟน และแฟนเธอก็สั่งผมให้ทำงาน(ที่ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการแสดง)ตั้งแต่วันแรกที่ส่งใบสมัคร แต่เธอก็ถือว่าไม่ผิดนะ เพราะว่าเธอยังจำผมไม่ได้


     

    แน่นอน ผมมีแผน..


     

    ผมคิดว่าถ้าเกิดผมไปกับเธอ เธอคงไม่ยอมให้ผมไปแน่ๆ

    เหตุผลของเธอ.. อึดอัด  เหตุผลของผม.. กลัวเธอรำคาญเพราะเธออาจจะพาเพื่อนไปด้วย ผมเลยจะแกล้งโกรธเรื่องอะไรสักอย่างและยอมให้เธอไปได้ง่ายๆ 


     

    ผมเดินออกมาจากห้องชมรมนั้นไม่นานก็เกือบเจอกับยัยตัวแสบและเพื่อนของเธอที่เดินไปที่ห้องชมรมห้องเดียวกัน ผมเห็นแบบนั้นก็คิดได้ทันทีว่าเดี๋ยวอีกซักพักเธอก็จะมาขอผมว่าจะไปซื้อของ เพราะว่าวันก่อนผมบอกไว้แล้วว่าห้ามไปไหนคนเดียว  วันนี้ผมก็จะไม่ให้เธอไปคนเดียว จะขอแอบตามไปซักวัน..


     

    ผมไม่ใช่โรคจิตนะ .. วันนี้ยังไม่มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น ผมเลยจำเป็นต้องตามไปดูต่างหาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยทันไง =__=




     

    05.00pm.

    -BJ’ Shopping Mall / Nam Sae Café-

     

    ผมแอบตามเธอไปที่ห้างอย่างเงียบๆ มานั่งอยู่ในร้านกาแฟสไตล์โมเดิร์นที่ออกแบบมาอย่างดีโดยเจ้าของร้านที่ผมรู้จักกัน(ผมมาบ่อย) และตอนนี้ผมแอบเห็นว่าเธอเข้าไปในร้านอุปกรณ์เครื่องเขียนกับเพื่อนของเธอ..

    จริงๆผมก็ควรจะเข้าไปหาเธอ ไม่น่าจะมาหลบแบบนี้ แต่ถ้าเข้าไป ที่แอคติ้งเอาไว้ก็เสียหมดดิ -__-;
     

    เธอเดินไปพูดกับเพื่อนของเธอไป หัวเราะคิกคักตามประสาคนมากับเพื่อน เฮ้ออ.. ผมคิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่มาหลบคนเดียว เหงาเหมือนกันนะเนี่ย!
     

    เวลาผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีแล้ว ยัยนั่นที่เลือกซื้อของในร้านอยู่ก็เตรียมพร้อมที่จะไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ ผมที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลสามารถมองเห็นเธอได้อย่างชัดเจน
     

    เธอเงยหน้าขึ้นมาและมองออกไปนอกร้านขณะที่รอให้พนักงานคิดราคาสินค้า และดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยคู่นั้นก็จ้องมองอะไรบางอย่างที่อยู่นอกร้านและไม่ขยับเขยื้อน ..
     

    ผมลืมบอกไป.. ชั้นนี้เป็นชั้นสามของห้าง แต่มีลักษณะเป็นพื้นที่ๆคล้ายกับล็อบบี้ชั้นที่ชั้นล่างสุด เป็นพื้นที่แบบวงกลมที่มีร้านเป็นบริเวณรอบๆ พื้นที่ตรงกลางจะมีน้ำพุที่ห้างจัดไว้และมีม้านั่งที่ตั้งอยู่รอบน้ำพุนั้น และสายตาที่เธอจ้องไปก็ทำให้ผมมองตามไปในทันที..


     

    ภาพเบื้องหน้าของผมที่มองไปก็คือบริเวณม้านั่งที่อยู่ที่น้ำพุ ม้านั่งตัวนั้นหันไปทางร้านอุปกรณ์เครื่องเขียนพอดี..

    และคนที่อยู่ที่ม้านั่งตัวนั้นก็คือ.. ไอ้ตาตี๋หัวหน้าชมรมการแสดง แฟนยัยตัวแสบ กำลังยืนถือไอศกรีมและยื่นมันให้ผู้หญิงอีกคน เธอที่นั่งอยู่ก็ยื่นมือออกมารับ เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ริมฝีปากสีชมพู หน้านี่แดงอย่างกับเลือดสาด สูงประมาณไหล่ของไอ้รุ่นพี่นั่นพอดี ผมรู้สึกได้ว่าเธอน่าจะเด็กกว่าผมปีนึง ม.ปลายปีหนึ่งล่ะมั้ง โรงเรียนเดียวกันซะด้วยสิ ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย..


     

    ผมหันกลับไปมองยัยตัวแสบที่ร้านเครื่องเขียนอีกครั้ง.. เธอหันไปคุยกับเพื่อนของเธอและเตรียมที่จะเดินออกไปจากร้าน


     

    ผมก็คงต้องออกไปเหมือนกัน.. 


     


     


     


     

    She’s Talk

    -BJ’ Shopping Mall / Café BookShop-

    ฉันที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์กำลังตรวจเช็คสิ่งของที่ตัวเองหยิบมาทั้งหมด  มันเยอะทีเดียวล่ะ สงสัยฉันคงต้องแบ่งกับยัยเจสส์แล้วแหละ 


     

    เมื่อฉันเช็คของทั้งหมดฉันก็รอให้พนักงานคิดเงิน  ฉันเริ่มหันมองไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่รอพนักงานและยัยเจสส์ที่เดินหายไปดูนิตยสารประจำสัปดาห์


     

    เมื่อฉันมองออกไปนอกร้าน สิ่งแรกที่เห็นคือน้ำพุ.. แน่นอน ร้านนี้เป็นร้านหนังสือที่มีอุปกรณ์เครื่องเขียนขายยังไม่พอ ยังเป็นร้านหนังสือที่สามารถให้ลูกค้าที่รอเอาของมองออกไปด้านนอกและเห็นบรรยากาศบริเวณน้ำพุได้อีกด้วย  น้ำพุที่นี่จัดเป็นน้ำพุที่พุ่งขึ้นได้สูงพอสมควร เป็นน้ำพุดนตรีน่ะนะ รอบๆเป็นต้นไม้หลากหลายชนิดพร้อมกับม้านั่งน่ารักๆ ฉันมาที่ร้านนี้ทีไรต้องมองออกไปทุกที ฉันชอบที่นี่น่ะ


     

    แต่วันนี้ฉันว่าฉันรู้สึกไม่ชอบมันแล้วล่ะ!


     

    ก็เมื่อฉันมองออกไป ฉันเห็นพี่ยุนยืนอยู่กับรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันอยู่นี่สิ!


     

    เครื่องแบบโรงเรียนเซนโชที่เป็นเสื้อนักเรียนสีขาว โบผูกคอลายสก็อต ทับด้วยสูทสีน้ำตาลอ่อน กระโปรงลายสก็อตสีน้ำตาลแดงซะขนาดนั้น แถมตราโรงเรียนที่เหมือนกับโรงเรียนนานาชาตินั่นอีก ไม่ผิดแน่.. เพราะฉันก็ใส่อยู่!


     

    ทำให้ฉันต้องรีบจ่ายตังค์และลากยัยเจสส์ออกมาดูเหตุการณ์ภายนอกทันที..

     

    _______________________________________________________________________________
     

    อ่า.. เป็นอย่างที่คิดอีกแล้วจริงๆด้วย เขามากับเด็กผู้หญิงโรงเรียนเดียวกันอีกแล้ว แต่แปลกที่ฉันไม่รู้สึกหึงหรืออะไรเท่าไหร่เลยแฮะ เพราะขนาดครั้งที่แล้วที่เป็นครั้งแรกยังควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้เลย เพราะความไว้ใจและผิดหวังทำให้ครั้งนั้นฉันระเบิดใส่พี่ยุนซะเต็ม เมื่อกลางวันยังกรี๊ดเขาอยู่เลย ไหงคราวนี้เฉยๆวะ นี่ฉันชอบเขาจริงๆรึเปล่าววะเนี่ย


     

    เจอกันอีกแล้วนะคะรุ่นพี่ยุนโฮ มีงานที่บริษัทไม่ใช่หรอคะ ทำไมถึงมาโผล่ที่ห้างพร้อมกับเด็กปีหนึ่งได้ล่ะ? ยัยเจสส์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้พูดอะไรออกมาหลังจากที่มายืนหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมจ้องหน้าเขาเป็นเวลาประมาณห้านาทีได้แล้ว ฉันเคยบอกรึยังว่าบริษัทที่พี่ยุนบอกก็คือโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งของเกาหลีเชียวนะ.. แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น


     

    อ๋ออออ.. พอดีพ่อพี่โทรมาบอกน่ะว่าไม่ต้องมาช่วยแล้ว โทรเรียกหมอที่ออกเวรแล้วเข้ามาใหม่ได้ เลยไม่ต้องไปช่วยอะไรแล้ว


     

    พี่ก็เลยมาที่นี่พร้อมกับน้องเค้างั้นหรอคะ? ฉันถามทันทีที่พี่ยุนพูดจบ ฉันแอบเห็นเขาทำสีหน้าตระหนกอยู่แว้บนึง แว้บเดียวจริงๆ


     

    พี่ไม่ได้.. ไม่ใช่สิ.. พี่แค่พาน้องเค้ามาที่นี่เผื่อว่าเจอฟินแล้วจะได้แนะนำให้รู้จัก น้องเค้าอยากเข้าชมรม เลยอยากให้ฟินสอนแอคติ้งน่ะ แต่น้องเค้าขอไว้ว่าจะเข้าชมรมหลังจากที่การแสดงคริสมาสต์จบนะ น้องเค้ายังไม่พร้อม..


     

    อ๋อ! หรอคะรุ่นพี่ยุนโฮ ท่าทางดูสนิทกับน้องคนนี้มากเลยนะ ไปรู้จักกันได้ไงล่ะคะ?


     

    เอ่อออ.. ขอโทษนะคะรุ่นพี่.. ขอโทษนะคะพี่ฟิน.. คือรุ่นพี่ยุนโฮเค้ามาบอกหนูว่าจะหาวิธีคืนดีกับแฟนของหนูให้ ถ้าเกิดว่าหนูยอมมาเที่ยวกับเค้าวันนี้น่ะค่ะเด็กผู้หญิงที่มากับพี่ยุนบอก


     

    ห้ะ / อะไรนะ? / นี่เธอ!!” ฉัน ยัยเจสส์ และพี่ยุนพูดพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย


     

    จริงๆค่ะ พี่เค้าแค่มาเจอหนูร้องไห้อยู่ตรงบันไดทางขึ้นชั้นสามตึกสองน่ะค่ะ พอเค้าถามว่าเป็นอะไร หนูก็เล่าให้ฟังว่าหนูทะเลาะกับแฟนหนักมาก ไม่รู้จะง้อยังไงแล้ว


     

    ฉันกับยัยเจสส์หันไปมองพี่ยุนด้วยสีหน้าที่พร้อมจะยิงคำถามเข้าใส่ และยัยเจสส์ก็ตั้งคำถามถามน้องคนนั้นอีกครั้ง..


     

    หมายความว่าน้องมีแฟนแล้ว?


     

    ค่ะ เป็นรุ่นพี่ปีสองห้องสามค่ะ


     

    งั้นก็แล้วไปนะน้อง แล้วนี่เรื่องที่จะเข้าชมรมเนี่ยจริงรึเปล่า?


     

    ไม่หรอกค่ะรุ่นพี่ หนูก็แค่คิดๆไว้ว่าอยากจะเข้า แต่ก็ไม่กล้าสมัครเพราะฝีมือหนูไม่ดีพอ แถมคนก็เยอะ โอกาสเข้ายาก เลยไม่ได้สมัครค่ะ


     

    อ๋ออ.. โอเค สนใจเมื่อไหร่ก็ยื่นใบสมัครได้นะ เดี๋ยวพี่คัดเอง


     

    ค่ะรุ่นพี่ ขอบคุณมากๆนะคะที่ไม่ว่าหนู หนูต้องรีบไปแล้วล่ะ นัดง้อแฟนไว้ ขอบคุณนะคะรุ่นพี่ยุนโฮที่เลี้ยงไอศกรีม หนูว่าหนูคิดออกแล้วล่ะว่าจะง้อแฟนยังไง ขอตัวก่อนนะคะ

     

    จ้า คืนดีกับแฟนเร็วๆเน้ออ


     

    ฉันกับยัยเจสส์หันไปมองเด็กคนนั้นวิ่งไปทางบันไดเลื่อนและหันมาโบกมือให้พวกเราอีกครั้งก่อนจะโบกมือกลับไป และหันกลับมามองที่รุ่นพี่ยุนอีกครั้ง


     

    เอ่อ.. พี่..


     

    ไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะพี่ยุน อย่างที่บอก มีครั้งนี้ก็ต้องมีครั้งหน้า.. ครั้งหน้าครั้งสุดท้ายแล้วนะคะอย่าลืม ฉันได้บอกเลิกพี่จริงๆแน่


     

    ครับ พี่ขอโทษนะฟิน พี่จะไม่ทำแล้วล่ะ


     

    ฉันพยักหน้ารับรู้อย่างปลงๆ และโดนยัยเจสส์ลากแยกออกมาจากจุดที่พี่ยุนอยู่ เดินออกไปที่จอดรถและพูดกับฉัน


     

    ฉันว่าจริงๆแล้วแกไม่น่าให้อภัยให้อีตารุ่นพี่นี่เลยนะ แกก็รู้ว่ามีครั้งนี้แล้วครั้งหน้ามันก็ต้องมีอ่ะ ไม่ตบไปสักฉาดล่ะวะ ไม่สะใจเลย


     

    ไม่รู้ว่ะแก


     

    อะไรวะ ครั้งหน้าเลิกแล้วแกต้องตบละนะเว้ย เห็นลอยหน้าลอยตาอยู่ในโรงเรียนทั้งวัน โดยที่คิดว่าแกไม่ได้หาเรื่องอะไรเค้ามากแล้วหมั่นไส้มากกกกกก อ่ะ


     

    เออน่า..


     

    นี่ ยัยบ๊อง!”


     

    แล้วอยู่ๆตัวละครที่ไม่ได้รับเชิญก็โผล่ขึ้น นายชังมินนั่นเอง


     

    ฉันบอกว่าให้กลับกับฉันไง


     

    อุ๊ยตาย! พ่อแกมารับแล้วอ่ะฟิน บรัยส์นะ เจอกันยัยเจสส์ถือโทรศัพท์ด้วยมือข้างซ้ายและใช้มือข้างขวาชี้บนหน้าจอเป็นเครื่องหมายว่าเราจะติดต่อกันทางโปรแกรมแชตเหมือนเดิมเช่นทุกวัน..


     

    โอเค แกอย่าหลับก่อนฉันทักไปแล้วกัน


     

    ไม่หลับหรอกน่า!”


     

    ยัยนั่นโบกมือลาฉันอยู่สองสามทีก่อนที่รถของเธอจะมาจอดและขึ้นรถไป เหลือฉันกับเขาไว้สองคน..


     

    ฉันมั่นใจนะว่าฉันยังไม่ได้โทรหานายอ่ะ นายมาที่นี่ได้ไงเนี่ย?


     

    ฉันก็มาเที่ยวของฉันสิสีหน้าเขาดูเหมือนโกหกอย่างเห็นได้ชัด ฉันเลยส่งสายตาจับผิดไปให้


     

    โอเค ฉันแค่บังเอิญผ่านมา เลยแวะ เห็นเธอเดินออกมาจากห้างพอดีเลยเดินตามมา ฉันยังไม่ได้เข้าไปเลยเนี่ย!”


     

    กลับบ้านกันเหอะ..


     

    ไม่สนใจจะดูหนังสักเรื่องก่อนกลับเรอะ? ฉันเลี้ยงเอง ป๊อบคอร์นด้วยฉันหันไปมองนายชังมินก่อนจะตอบว่า..


     

    ก็ได้


     

     

    สำหรับฉันเรื่องกินต้องมาก่อนนี่นา ถึงแม้จะในโรงหนังก็เหอะ ฮ่าๆๆ  ดีเหมือนกัน จะได้หายเครียด..

     


     

    He’s Talk

    เมื่อกี้หลังจากผมเอาของที่เธอซื้อมาไปเก็บที่รถแล้ว ผมก็พายัยตัวเล็กมาอยู่หน้าโรงหนังเพื่อมาเลือกเรื่องที่อยากดู จู่ๆผมก็มีความคิดว่าถ้าเกิดให้เธอดูหนังคลายเครียดสักหน่อยแล้วคงจะช่วยได้พอดีน่ะ...


     

    เราทั้งสองคนได้ดูหนังรอบประมาณสองทุ่มกว่าๆ เราสองคนเลยลงมติที่จะไปกินข้าวก่อน

     

    ผมให้เธอเป็นคนเลือกร้านอาหารเอง ยัยตัวเล็กดูสนใจอาหารญี่ปุ่นเป็นพิเศษ ดูเธอสิ รีบวิ่งไปที่ร้านเชียว
     

     

    เอานี่... นี่ค่ะ นี่ด้วย... นี่ๆๆ
     

     

    นี่เธอจะเอาไปเก็บตุนไว้ชาติหน้าเลยหรือไง ผมบ่นเล็กน้อยก่อนจะดูคนตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นมาแลบลิ้นใส่ผมและก้มมองเมนูอาหารต่อไป

     

     

    ไม่เคยได้ยินรึไง กองทัพต้องเดินด้วยท้องอ่ะ

     

     

    ด้วยความที่เธอพูดออกมาเป็นภาษาไทย ทำให้ผมที่รู้แค่ภาษาอังกฤษและเกาหลีทำหน้างงอย่างช่วยไม่ได้
     

     

    กวองทับ? อะไรนะ?
     

     

    ยัยนั่นขำนิดๆ... รอยยิ้มของเธอทำให้ผมสบายใจขึ้นนิดหน่อยที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เครียดเรื่องที่เธอเพิ่งเจอมา

     

     

    ซักพักอาหารที่สั่งก็มา ผมหยิบตะเกียบขึ้นมาพร้อมจะคีบแซลมอนของโปรด แต่คนตรงข้ามเร็วกว่า เธอหยิบตะเกียบขึ้นมาขวางตะเกียบของผม

     

     

    นี่ อย่าเพิ่งๆ ให้ฉันถ่ายรูปก่อน
     

     

    ผู้หญิงก็ยังคงเป็นผู้หญิงครับ จะกินอาหารทั้งทีก็ต้องถ่ายรูปลง SNS ประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าเธอกำลังกินอาหารญี่ปุ่นนะ...

     

     

    ผมเลยหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมาบ้าง เปิดแอพกล้องถ่ายรูปและถ่ายรูปคนตรงหน้าที่กำลังก้มพิมพ์ข้อความลงในโทรศัพท์อย่างไม่ละสายตาและไม่สนใจคนรอบข้างเลย

     

     

     

     

    หลังจากนั้นไม่นานเราก็ออกมาจากร้านอาหารและเตรียมตัวที่จะเข้าไปในโรงหนัง เธอบอกผมว่าจะไปเข้าห้องน้ำได้ซักพักแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่ออกมา จนกระทั่งผมมีความคิดที่จะเข้าไปตามเธอ...

     

     

    จากนั้นก็มีสัญญาณเตือนโปรแกรมแชตสุดฮิตดังขึ้นพร้อมกับแจ้งเตือนบนโทรศัพท์ของผม...


     

    นี่นาย

     

    ยัยตัวแสบที่อยู่ในห้องน้ำส่งข้อความมาหาผม...ส่งมาทำไมวะ?

     

    นายช่วย...เอ่อ...

     

    เออ...มีเอ่อด้วยครับ...

     

    ช่วยอะไร?

     

    ผมรีบตอบกลับไปทันทีที่ยัยนั่นบอกให้ช่วย

     

    ช่วย... เธอส่งมาอีกข้อความพร้อมสติ๊กเกอร์หมีสีน้ำตาลยืนบิดไปมา

     

    ช่วยอะไรของเธอเล่า! รีบบอกมาเร็วๆเหอะ หนังจะเข้าละ

     

    นายช่วยได้แน่นะ?

     

    เออน่า

     

    งั้นไปซื้อ...เอ่อ
     

     

    พอผมเห็นคำว่าซื้อเท่านั้นแหละ ผมก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร -///-


     

    ถุงยางใช่มะ
     

     

    โอ้ยยยยย! ไอ้บ้า!! หมายถึงอีกอย่างนึงโว้ย!!!’ เธอส่งกลับมาอีกครั้งพร้อมกับสติ๊กเกอร์หมีและกระต่ายกำลังชกกัน


     

    เออ รู้แล้วน่าๆ -//-‘ ผมใส่อิโมติคอนเขินอายลงไปนิดหน่อย เอ้า! ผมเป็นผู้ชายนะ แล้วเธอก็กำลังจะใช้ให้ผมไปซื้อผ้าอนามัยใช่มั้ยล่ะ??

     

    นายรู้หรอว่าฉันจะให้ไปซื้ออะไร?


     

    รู้ๆ...ผ้าอนามัยใช่มะ?


     

    โอ้ย! ฉันจะให้ซื้อยาพารา...ฉันมึนหัว!’ ป๊อง! เสียงอะไรหล่นกระแทกหัวเป็นจินตนาการอย่างแรกที่เกิดขึ้นในหัวผมทันใด...แล้วยัยนั่นจะส่งเอ่อ...อ่า...มาให้ทำบ้าอะไรวะ!? ตัวแสบเอ้ยยย!


     

    เออๆ รีบๆออกมาจากห้องน้ำละกัน เดี๋ยวฉันไปซื้อแล้วจะรีบกลับมา


     

    ดี... รีบๆมานะ ฉันมีอะไรจะให้ดู


     

    ทันทีที่ผมได้รับข้อความจากยัยตัวแสบ ผมก็รีบบึ่งไปซื้อยาแทบจะทันที


     

    พร้อมกับความคิดที่ว่า...จดหมายขู่นั่นอาจจะตามมารังควาญเธอถึงในห้างก็ได้!

     

     

     

     

     


     

     

     


     


     



     To be continued
     

    Talk :

    เดี๋ยวไรท์จะมาอัพให้วันหลังน้า หัวสมองตีบตันขั้นรุนแรง นึกไม่ออก 5555555

    จะรีบมาปั่นให้เร็วที่สุด จุดในตกไปบอกด้วยน้าจะได้แก้ เม้นด่วนๆเป็นกำลังใจให้ไรท์สมองตัน 5555555555555555 ขอบคุณคนที่มาเม้นล่วงหน้านะ เม้นเยอะๆ ส่วนที่เหลือจะได้ทยอยมาน้าาาา
    รักรีดเดอร์ที่เม้นและรีดเดอร์ที่ซุ่มอ่านสุดหัวใจ <3

    จุ้บบบๆ ><

     






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×