คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Fragrance of Love :: Chapter 3 : If I die young
If I Die Young
Oh, and life ain't always
what you think it ought to be.
ชีวิตมันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ทุกคนคิดหรอก
-The Westin Chosun Seoul 15th Floor-
He's Talk
ในตอนนี้ผมขึ้นมาถึงชั้น 15 เป็นที่เรียบร้อย ผมก็จัดการโทรศัพท์หาพวกบอดี้การ์ด หยาง หยง เฟิง พี่น้อง3คนที่ทำงานให้เรามาหลายปี
อายุผมเกือบเท่าพวกเขา แต่พวกเขาไม่ยอมให้เรียกว่าพี่เพราะผมเป็นเจ้านาย จริงๆตอนแรกก็ไม่อยากบอกให้พวกนี้มาหรอกนะ เพราะผมคิดว่าผมคนเดียวคงจัดการได้
แต่เมื่อเห็นคำลงท้ายในกระดาษใบนั้นแล้ว ผมก็รู้สึกว่า ถ้าเป็นคนที่ผมรู้จักดี ผมก็ควรที่จะเรียกพวกเขาให้มาช่วยผม
ผมเดินมาที่หน้าห้องที่พนักงานบอกไว้ สายตาดันไปสะดุดกับกระดาษใบหนึ่งหน้าประตูบานใหญ่
'คิดว่าจะไล่ตามฉัน มันยังเร็วไปนะหนู..'
กระดาษสีขาว แปะไว้ที่ประตูห้อง 1503 ระบุข้อความที่เชื่อมต่อกับข้อความในกระดาษที่ผมมี
ผมเดินไปและอ่านข้อความในนั้นทวนซ้ำไปซ้ำมา มองพื้น มองเพดาน และเริ่มคาดการณ์ว่า 'เขา' จะใช่คนที่ผมคิดอยู่หรือไม่ และ 'เขา' กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
เวลานี้ผมน่าจะโทรหา 'ฮงซู' นะ เขาเป็นเพื่อนที่ช่วยผมได้ดีมากในยามวิกฤต หมอนี่เป็นอัจฉริยะด้านการไขปริศนาเรื่องราวอะไรที่มันอยู่ในความลับน่ะ ขนาดเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน ขนาดเขาอายุ7ขวบเท่าผม ยังสามารถอ่านความคิดที่ผู้ใหญ่จะทำได้เลย
แต่อย่าไปพูดถึงเหตุการณ์เมื่อ 10ปี่ก่อนเลย ผมไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องเกี่ยวกับอดีต อดีตที่เลวร้ายเกิดกับน้องสาวของผม 'ซูจี'จนเธอต้องเปลี่ยนชื่อเพื่อหนีมัน อดีตที่ผมเจอกับ 'ฟิน' ลูกสาวของคุณอาคนนี้ที่ผมต้องรับหน้าที่ดูแล เฮ้ออ คิดแล้วอยากย้อนเวลาไปแก้ไขก่อนเรื่องมันจะเกิดขึ้นจัง
อย่ามายืนรำลึกความหลังอยู่เลย! สิ่งที่ผมควรจะไปทำตอนนี้คือช่วยเธอ!!
"ฮัลโหล.. ฮงซูยาา.."
She's Talk
ฉันอยู่ที่ไหนกันนะ.. รู้สึกเหมือนตัวเองเคยมาที่นี่มาก่อนนี่นา ประมาณ 6-7ขวบได้มั้ง?
อ๋อ! ฉันจำได้ละ นี่มันบ้านเก่าฉันนี่นา ว่าแต่ทำไมฉันอยู่ที่บ้านเก่าฉันล่ะ?
'คุณคะ ในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดขนาดนี้แล้ว เราจะอยู่เฉยๆไม่ได้นะคะ คุณจีซังก็เป็นเพื่อนกับฉันเหมือนกับที่เค้าเป็นเพื่อนของคุณนะจะไม่ให้ฉันยื่นมือเข้าไปช่วยได้ยังไงล่ะ?'
'แล้วใครเป็นคนบอกคุณล่ะว่าผมจะไม่ช่วยพวกเขา?'
'คุณจะช่วยพวกเขาจริงๆใช่ไหม?'
บทสนทนาที่มีเสียงที่ฟังดูคุ้นหู และภาพที่ปรากฏตรงหน้าฉันก็คือภาพของพ่อกับแม่ของฉัน มันคือความทรงจำที่มีในช่วงอายุ 7ขวบ ใช่! 10ปีที่แล้วนั่นแหละ พวกเขากำลังยืนพูดคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ข้างกายของพวกเขาทั้งสองมีเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่กำลังนั่งเล่นกับตุ๊กตาที่ใส่ชุดสีชมพูเหมือนชุดของเธอ..
'เราควรจะรีบติดต่อทางบ้านจีซังก่อนนะว่าเหตุการณ์ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง'
ตู๊ด ~ ตู๊ด ~ ตู๊ด ~
'ฮัลโหล จีซังอา'
[อา .. ยุนฮัน อยู่ไหนหรอ?]
'ทำไมเสียงนายถึงอ่อนแรงขนาดนั้น เป็นอะไรรึเปล่าจีซัง? แล้วนายอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง?'
[ลูกสาวฉัน .. ลูกสาวฉัน...]
'จีซัง ทำไม.. ลูกสาวนายทำไม นายเป็นอะไรมากรึเปล่า?'
[ละ.. ลูกสาวฉันถูกมาเฟียที่พวกเราเผชิญหน้าอยู่ จะ.. จับตัวไปน่ะสิ]
'นายเป็นอะไรมากรึเปล่า?'
[แค่ถูกซ้อมนิดหน่อยหน่า ฉัน มะ.. ไม่เป็นไร..]
'ตอนนี้นายอยู่ไหน?'
[ฉันอยู่ที่โกดังเก่าที่เราไปเล่นด้วยกันบ่อยๆตอนเด็กๆน่ะยุนฮัน จำได้ไหม?]
'จำได้สิจำได้ พวกมันยังอยู่ที่นั่นรึเปล่า?'
[พวกมันพาตัว.. ลูกสาวฉันไป นะ.. นายรีบไปช่ว..]
'ได้ ฉันจะรีบไปช่วยลูกสาวนายเดี๋ยวนี้'
แปลกดีที่พอแม่ฉันไม่ได้เปิดลำโพง และเสียบหูฟังไว้คนละข้างราวกับจะปิดกั้นไม่ให้เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ใกล้ๆนั้นรู้ว่าพวกท่านจะไปที่ไหน แต่ฉันกลับได้ยินเสียงทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนราวกับคนที่ชื่อจีซังนั่นยืนคุยอยู่ด้วย
ไม่แปลกหรอกที่ฉันจะจำไม่ได้ว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นตอนไหน รู้แต่แค่ว่ามันผ่านไป 10ปีแล้วเท่านั้น เพราะฉันจำได้แค่ว่า นั่นคือเหตุการณ์ล่าสุดก่อนที่ความทรงจำฉันจะเลือนหายไปส่วนนึง ส่วนหลังจากที่แม่ฉันบอกให้ไปอยู่กับน้าและควาทรงจำก่อนหน้านั้นทั้งหมด มันหายไป!
'คุณคะ ฉันจะสืบหาที่อยู่ของลูกสาวจีซังนะ คุณจะเอายังไงต่อ'
'ผมจะไปช่วยจีซังที่โกดังนั่น คุณเจอที่อยู่ของซูจีเมื่อไหร่แล้วส่งข่าวบอกผมด้วย ผมจะรีบตามไป'
'ฟิน ลูกสาวแม่.. ลูกไปหลบอยู่ที่บ้านน้าซักพักนะลูก ที่นั่นจะปลอดภัย'
สุดท้ายฉันก็ไปอยู่ระหว่างสงคราม.. ฉันจำได้แค่นั้นจริงๆ เพราะสูญเสียความทรงจำ เหตุการณ์เลวร้ายที่อยู่ในสมองก็คือช่วงที่ฉันนั่งอยู่บนพื้นถนนเส้นหนึ่ง ที่ทางซ้ายมือของฉันเป็นพ่อกับแม่และคู่ชายหญิงอีกคนข้างๆพวกเขามีเด็กผู้ชายตัวสูงยืนอยู่
ฝั่งขวาของฉันมีผู้ชายที่ฉันไม่เห็นหน้า เด็กผู้หญิง และเด็กผู้ชายใส่หมวกปิดหน้าไว้อีกคนนึงที่ยืนอยู่ข้างๆเขา และนั่นคือเหตุการณ์ที่ฉันจำได้อีกครั้ง..
'ที่ที่อันตรายที่สุดจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็อาจจะเป็นที่ที่อันตรายที่สุดเช่นกัน' เสียงทุ้มๆของผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันจำหน้าเขาไม่ได้เอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงปัง! ฉันก็สลบไป เหลือทิ้งไว้แต่คราบเลือดบนพื้น และความคิดที่ว่า ถ้าฉันตายไปตอนนั้นปัจจุบันจะเป็นยังไงนะ?
ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงปืนในความฝัน ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมา กระพริบตาถี่ๆ พยายามปรับสายตาให้เข้ากับความมืดอีกครั้ง ..
นี่ฉันฝันถึงอดีตงั้นหรอ ? ส่วนที่ขาดๆหายๆเหมือนกับที่หมอบอกไว้เมื่อตอนนั้น ดูเหมือนพ่อกับแม่จะไม่อยากพูดถึงมันซะด้วยสิ เฮ้ออ ฉันคงต้องรื้อฟื้นมันแล้วแหละ เผื่อมันจะช่วยเรื่องการหายตัวไปของพ่อแม่ฉันได้..
หะ .. หายตัวไป
เห้ยย! ฉันมาช่วยพ่อกับแม่นี่นา แล้วฉันอยู่ที่ไหนว่าเนี่ย ปวดหัวจัง เหมือนจะระเบิดออกมาเลย
ผัว! พลั่ก!
"อั่ก! โอ้ย!"
เสียงเนื้อกระทบกันดังอยู่นอกห้อง ที่ฉันก็ไม่รู้ว่าห้องของใครและเข้ามาได้ยังไง ตอนนั้นเอง ฉันกำลังจะลุกขึ้นไปดูแต่ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาซะก่อน
"เธอ .. เป็นยังไงบ้าง?"
เมื่อฉันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ฉันก็ล้มลงไป แต่ชังมิน เขาเข้ามารับฉันไว้ได้ทัน ฉันแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินเสียงชกต่อยกัน แต่หน้าเขาไม่มีรอยอะไรเลย -0-
"เป็นอะไรรึเปล่า?"
สายตาที่ร่างสูงจ้องมองมาที่ฉันเต็มไปด้วยความสงสัยและเป็นห่วง เดี๋ยวๆๆ ลบคำว่าเป็นห่วงออกเลย มันไม่น่าใช่..
"ไม่เป็นไรแค่.. เจ็บที่เท้าจัง"
ฉันก้มลงไปมองที่เท้าของตัวเองก็พบว่ามีผ้าสีขาวที่พันไว้ และมีเลือดซึมออกมาจนกลายเป็นผ้าสีแดงไปบางส่วน
"รีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้"
เดี๋ยวนะ ฉันว่าฉันลืมอะไรไปอย่างนึง..
"พ่อแม่ฉันล่ะ?"
"..."
"..."
"พวกท่าน..."
"ทำไม?"
"ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกนะ .."
"นะ .. นายว่าไงนะ?"
"พวกท่าน หนีไปได้และบอกให้ฉันรีบพาตัวเธอกลับไปอยู่ในที่ปลอดภัย ฉันไม่ควรให้เธอมาที่นี่คนเดียวจริงๆ ถ้าฉันมาช้ากว่านี้เธออาจจะ.."
แล้วเขาก็เงียบไป เหมือนจะไม่อยากพูดอะไรบางอย่างนั่น สีหน้าเขาดูลังเลที่จะพูดมันออกมาอยู่นิดหน่อย
"อาจจะอะไร"
"อาจจะโดนข่มขืน เธอก็แค่โดนปลดกระดุมเสื้อนักเรียนเกือบหมดแค่นั้นเอง ฉันติดใหม่ให้ละ ก่อนที่จะออกไปชกกับพวกนั้นอ่ะ เคมะ?" เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนกับกำลังพูดว่า 'เมื่อเช้าฉันแค่กินแซนด์วิช'
"นะ.. นายติด?"
"เยสเซ่อออ!" และเขาก็ยังคงตีหน้านิ่งเหมือนเดิมทุกประการ
"อ้ากกกกก งี้นายก็เห็นอ่ะดิ"
"เธอลืมไปรึเปล่าว่าเธอใส่เสื้อกล้ามไว้อีกชั้น" ฉันไม่ชอบให้ใครมามองฉันถึงแม้จะใส่เสื้อกล้ามอยู่ดีก็เหอะ มันก็ถือว่ามองป้าาาาา ตอบบบบบบบบ TOT
"แสดงว่านายเห็น ย้ากกกกก!"
"เอาหน่า มากกว่านี้ฉันก็เห็นมาแล้ว แค่นี้ ช่างมันเหอะ รีบๆไปดีกว่าก่อนที่พวกนั้นจะฟื้น"
เออว่ะ! ฉันก็ลืมไป...
10.00pm
ฉันกลับถึงบ้านแล้ว!! ไม่สิ ฉันยังอยู่บ้านนายชังมินนี่ -__-;
ฉันกลับมาพร้อมกับพวกบอดี้การ์ดของเขา และเมื่อกลับมาถึงบ้านทุกคนก็ถามว่าฉันเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า เหมือนเด็ก 4-5 ขวบหัดจักรยานแล้วล้มลงเป็นแผลถลอกงั้นแหละ จริงๆแล้วฉันแค่โดนอะไรไม่รู้ซึ่งคาดว่าจะเป็นเศษแก้วบาดเท้าแค่นั้นเอง
แล้วเราก็มานั่งเม้าท์กัน ไม่เชิงเม้าท์หรอก น่าจะดุฉันมากกว่าน่ะนะ ตอนนี้ในห้องรับแขกห้องเล็กในส่วนที่มีห้องนอนฉันอยู่มีคนอยู่ 3 คนด้วยกัน คือ คุณแชยอน คุณหยาง และ ฉัน..
คุณหยางจัดเป็นผู้ชายที่หล่อลากกระชากตับคนนึงเลยล่ะ(ไม่ใช่ปอบนะ) ใบหน้าขาวตี๋ของเขาทำให้ดูได้ไม่ยากว่าเค้ามีเชื้อสายจีน บวกกับท่านั่งที่เอาแขนทั้งสองข้างวางบนเข่าแต่ละข้างของเขาและเอามือประสานกันไว้หลาวมๆนั่น ทำให้เขาดูดีขึ้นอีกระดับ บางทีฉันคิดว่าเขาไม่ควรเป็นบอดี้การ์ดนะ เป็นนายแบบน่าจะรุ่ง!
และในตอนนี้ สาเหตุที่เรามารวมกันโดยมิได้นัดหมายคือต้องการจะพูดเรื่องเกี่ยวกับเมื่อตอนค่ำๆนั่นแหละ
"คุณก็น่าจะบอกผมนะครับ ไม่น่าไปคนเดียวเลย คุณชังมินและคุณท่านเป็นห่วงคุณมากนะครับ วันหลังถ้าจะไปไหนก็บอกผมได้นะครับ ผมพาไปเอง"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไปเองได้"
"ไม่งั้นจะมีบอดี้การ์ดไว้ทำไมล่ะคะ" เมื่อคุณแชยอนพูดแบบนั้นฉันก็มองหน้าพวกเขา และก้มหน้าลงเหมือนไม่มีอะไรจะพูดอีก
"ขอโทษค่ะ ฉันเข้าใจว่าพ่อแม่ให้พวกคุณในบ้านนี้ดูแลฉัน ฉันไม่สามารถที่จะขัดคุณพ่อได้เพราะท่านกลัวว่าถ้าเกิดฉันแอบหนีไปแล้วฉันจะเป็นเหมือนตอนนั้น ตอนที่ฉันอายุ 7 ขวบ"
และหลังจากจบประโยคนั้นทุกคนก็เงียบสนิทจนได้ยินเสียงลมหายใจของแต่ละคน
"ขอโทษอีกครั้งค่ะ ฉันเนี่ยพูดอะไรไม่รู้เนอะ"
ฮึก .. ฮึก..
และฉันก็ได้ยินเสียงสะอื้น..
"คุณหนูครับ.. คุณฟิลิเป้เธอไม่ได้ตั้งใจนะครับ คุณหนูอย่าร้องไห้สิครับ"
"เอ่อ.."
"พวกเรารู้ครับคุณฟิน พวกเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อ10ปีก่อน กรุณาอย่าพูดถึงมันอีกเลยนะครับ"
แล้วฉันก็ต้องงง เพราะในตอนนี้คุณหยางลุกจากโซฟาไปนั่งอยู่ที่พื้นข้างๆโซฟาอีกตัวที่คุณแชยอนนั่งอยู่และปลอบเธอที่กำลังร้องไห้..
นี่มันเรื่องอะไรกัน?!
ทันใดนั้นแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็โผล่เข้ามา
ปัง!
"เธอทำอะไรซูจี.. ไม่สิ แชยอนน่ะฮะ?"
ซูจี..?
"ฉันขอโทษ ฉันแค่พูดถึงเรื่องสมัยก่อนเอง"
"มันไม่ควรจะพูดถึงที่นี่นะ มากับฉัน"
และเขาก็ตรงมาจับข้อมือฉันแล้วลากไปที่ห้องนอนห้องหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นห้องของเขา
"เมื่อกี้น่ะ เธอไม่ควรพูดออกมาเลย ซูจี.. แขยอนน่ะ ในอดีตเธอเลวร้ายมากเลยนะ พูดถึงเมื่อ10ปีที่แล้วเมื่อไหร่ร้องไห้ทุกที" เขาทำหน้านิ่งขรึมแฝงความโกรธไว้นิดหน่อย ดูเหมือนจะควบคุมอารมณ์ไม่ให้โมโหใส่ฉัน
"ซูจี..?" แล้วเขาก็ทำสีหน้าลังเลเหมือนจะคิดว่าพูดหรือไม่พูดอีกครั้ง
"เธอ .. เป็นน้องสาวฉัน"และเขาก็พูดมันออกมา ความจริงนั้นมันทำให้ฉันสตั้น10วิ
"ห้ะ?"
"ซูจีคือเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆผู้ชายหน้าโหดคนนั้นเมื่อ10ปีก่อน เขาทำให้ซูจีมีแต่อดีตที่โหดร้าย หลังจากเหตุการณ์ที่เธอโดนยิงและล้มลงไปหัวฟาดพื้นจนสูญเสียความทรงจำ ซูจีก็โดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสก่อนที่พ่อเธอจะไปช่วยทัน เพราะต้องพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาลก่อน"
"เธอเลยเปลี่ยนชื่อหนีอดีตของตัวเองและแกล้งทำเป็นว่าตัวเองเป็นแม่บ้านของที่นี่งั้นหรอ?"
"ใช่ และต่อจากนี้ เธอ! ต้องเป็นคนดูแลซูจี!!เพราะพ่อเธอกำลังติดหนี้ไว้กับพ่อของฉันและอีกที่นึง เขาต้องหาเงินมาใช้พ่อฉัน แต่เพราะพ่อฉันเป็นเพื่อนกับพ่อเธอ เลยว่าจะดูแลเธอไประหว่างที่หาเงินมาใช้หนี้ เธอแค่มีหน้าที่ทำให้ซูจีเปลี่ยนใจไปเรียนที่โรงเรียน"
เอาแล้วไงฉัน เพิ่งมาอยู่บ้านนี้ กลับจากโรงเรียนไปตามหาพ่อแม่ เกือบโดนข่มขืน ฝันถึงความทรงจำที่ขาดหาย(บางทีก็อยากให้มันอยู่ครบฉันจะได้ไม่ต้องนั่งนึกให้ปวดหัว)และต้องรับหน้าที่ดูแลแชยอนไปในวันเดียวกัน ชีวิตฉันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกวะเนี่ย?!
ฉันน่าจะตายไปตั้งแต่ตอนนั้นจริงๆนะ
He's Talk
เธอออกจากห้องผมไปแล้ว..
ผมโกหกเธอ.. โกหกว่าพ่อแม่เธอเป็นหนี้ให้กับพ่อผม เพราะผมไม่ต้องการให้เธอหนีไปไหน ต้องการให้อยู่ในความดูแลของพวกเรา และไม่ถูกลอบทำร้าย..
ความจริงแล้วน่ะ ผมชอบยัยนี่ตั้งแต่เด็ก ชอบมาตั้งแต่แรก เรียกว่ารักแรกก็คงจะไม่ผิด เป็นเพราะเธอเสียความทรงจำ เธอจึงจำผมไม่ได้ จำคนที่บ้านนี้ไม่ได้ซักคน เธอจำได้แต่เหตุการณ์ที่เธออยู่ระหว่างการทะเลาะกันของ2ฝ่ายและโดนยิงจนล้มหัวฟาดพื้นนั่นแหละ
และหลังจากนั้นมันก็ทำให้ผมเปลี่ยนไป ไม่ค่อยพูดจากับใคร จากที่เคยเป็นเด็กที่ร่าเริง กลับกลายเป็นเด็กที่เขร่งขรึม เก็บตัว พูดน้อย ทุกคนเปลี่ยนไปหมดตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ไว้ว่างๆผมจะเล่ามันให้ฟังทั้งหมดแล้วกัน คงมีผมคนเดียวที่จำมันได้ขึ้นใจ..
เมื่อก่อน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ผมกับเธอเคยมีความสุขด้วยกันมาก
'พี่ชังมินๆ ซูจีอยากเล่นพ่อแม่ลูกอ่ะ พี่ชังมินช่วยไปขอให้พี่ฟินมาเล่นด้วยกันหน่อยดิ น้าๆๆๆๆ'
'อ่ะ ก็ได้ๆ'
เด็กชายตัวน้อยเดินจูงมือน้องสาวของเขาและเดินไปที่บ้านของเด็กหญิง
'ฟินนนนนนน ไปเล่นด้วยกันไหมมมม?' เขาเรียกเธอ
'ไปๆๆ รอแป๊บนะ' ทันใดนั้นก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึง เธอใส่ชุดกระโปรงสีฟ้าสวย เดินออกมาจากบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้ในสวนสวยๆของเธอ
และเดินไปด้วยกันจนไปถึงที่สนามเด็กเล่น..
'พ่อขา แม่ขา พ่อกับแม่จะเข้าพิธีแต่งงานอีกรอบนะ ครั้งที่แล้วหนูชอบมากเลย พวกพี่แต่งกันอีกรอบนะๆๆๆ'
'ได้สิซูจี เดี๋ยวพี่เล่นให้ดูอีกรอบนะ แล้วเดี๋ยวพวกเราไปเดินเที่ยวกัน' เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นกล่าว
เมื่อยืนเข้าที่แล้ว น้องสาวของเด็กชายตัวน้อยก็กล่าวขึ้น
'คุณแม่จะรับคุณพ่อเป็นสามีรึเปล่าคะ'
'รับสิจ๊ะ'
'คุณพ่อล่ะคะ รับคุณแม่เป็นภรรยารึเปล่า'
'ก็ต้องรับสินะ'
'เย่ๆๆ'
'ทำไมเธอจำแม่นจังน้า ดูมากจากในหนังรึไงเนี่ย'
'ใช่สิพี่ชังมิน ไม่งั้นหนูพูดไม่ได้หรอก'
'ฮ่ะๆๆ'
'จากนี้ก็ฉากสำคัญแล้วสินะ จุ๊บเลยพี่'
'ห้ะ ต้องทำด้วยหรอ' จากนั้นทั้งเด็กชายตัวน้อยและเด็กหญิงก็ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา
'ง่ะ ก็ในหนังมันทำนี่นา เค้าอยากเห็น'
'แต่ครั้งที่แล้วไม่ได้เล่นแบบนี้นี่'
'ครั้งเดียวนะพี่ชังมิน พี่ฟืน เค้าจะไม่บอกใคร' เด็กชายตัวน้อยคิดว่า บางทีน้องสาวของเขาก็ไม่ควรดูหนังอะไรแบบนั้น ถึงเขาจะอายุแค่7ขวบเขาก็รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรนะ
'น้าาา พี่ฟินน้าา น้าาา พี่ชังมินน้าา'
'จ้ะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ อย่าไปบอกใครล่ะ'
'ห้ะ เธอเอางั้นจริงดิ'
'เพื่อน้อง ไม่เป็นไรหรอก' และเขาก็คดว่าควรจะสอนน้องมากกว่าว่าไม่ควรดูหนังอะไรแบบนี้แล้วให้พี่ทำตาม..
แต่สายตาที่เด็กหญิงมองมายังมุ่งมั่นว่า 'ทำเพื่อน้องแค่แป๊บเดียว ไม่เป็นไรหรอก' และยังมีสายตาอีกคู่ที่รอย่างใจจดใจจ่อ ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้
ก็เขาไม่อยากให้น้องตัวเองผิดหวังนี่นา เขารักน้องสาวของเขามาก..
เด็กชายตัวน้อยก็ขยับเข้าไปใกล้ๆเด็กหญิงทีละนิด ทีละนิด พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวเร็วอยู่ภายในอกของเขา เขารู้ดีว่าเขาชอบเธอ ถึงแม้ว่ามันจะเร็วเกินไปก็เถอะ..
เด็กหญิงหลับตาลง และเพียงไม่นาน ริมฝีปากทั้งสองก็สัมผัสกัน ติดตรึงอยู่นานพอสมควรแล้วถึงจะแยกออกจากกันเมื่อพวกเขาได้ยินเสียง แชะ!
อะไรกัน! น้องสาวเขาถ่ายรูปไว้งั้นหรอ?
แทนที่เขาจะโกรธ เขากลับดีใจด้วยซ้ำ เด็กชายยังเก็บรูปใบนั้นไว้กับตัว หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น เขาก็คิดว่าเขาคิดถูกที่เก็บรูปใบนั้นไว้ เขาเชื่อว่าซักวันนึง เขาจะให้เธอดูรูปใบนี้ และเธอจะจำเหตุการณ์ในวัยเด็กได้ เพราะเขา คือจูบแรกของเธอ และเธอก็คือจูบแรกของเขาเช่นกัน
ตั้งแต่เด็ก ความคิดที่เขาชอบเธอก็ยังไม่เปลี่ยนไป ดำเนินมาถึงในปัจจุบัน
อยากมีความสุขเหมือนตอนนั้นอีกซักครั้งจัง..
และผมก็เอารูปใบนั้น เก้บไว้ในลิ้นชักที่โต๊ะทำงานของผม เก็บไว้อย่างดีตลอดมา...
To be Continued
Talk:
เอาแล้วววว เล่าเรื่องอดีตกันมันส์ล่ะค่ะตอนนี้ งงเต๊กเลยไรทืเตอร์ เขียนแบบมึนๆงงๆมาก
ไม่เข้าใจหรืออะไรยังไงบอกได้นะ สุดติ่งสมองแล้วจริงๆ
อยากจะดราม่าตอนต้นเรื่องก็งี้แหละ แงงง TT
ขอเม้นหน่อยสิเตง เค้าหมดกำลังใจมากมาย TOT
อัพช้าหน่อยนึกอย่างอนน้าาาา -3-
แต่งไม่หนุกบอกได้ จะได้ปรับปรุงไง เค้?
บัยยยยยส์ จุ้บบบ >3<
ความคิดเห็น