ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Princess of Rossignol

    ลำดับตอนที่ #8 : คำทักทาย

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 47




              “ฉันอยากขี่ม้า..!!”  คำขาดถูกยื่นขึ้นจากปากองค์หญิงผู้ไม่เคยคิดจะอยู่นิ่งๆเสียสักวันในขณะที่นั่งโต๊ะอยู่กับ



    เฟรเดคริกซ์  กษัตริย์หนุ่มแห่งประเทศรอซินยอล  คำขอที่ทำให้เขาต้องนั่งเงียบยิ่งขึ้นทั้งที่แต่เดิมก็เงียบมากพออยู่แล้ว  พลาง



    ปราดสายตามองคนขออย่างหวังให้เจ้าตัวคำนึงถึงสภาพตอนนี้ของตนบ้าง   เมื่อคนขอเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่พูดว่าอะไรจึงพูดต่อไป





              “อยู่แต่ในนี้น่าเบื่อจะตายไป    หาอะไรสนุกๆทำบ้างเถอะ..”  พูดพลางมองสบตาอีกฝ่ายที่ยังคงมีแววตาดุฉาบอยู่  และแล้วก็



    มีเสียงช่วยเธอดังขึ้น





              “เสด็จออกไปทรงม้าก็ดีนะพะย่ะค่ะ   เป็นการผ่อนคลายความเครียดได้ระดับหนึ่ง”  เสียงพูดช่วยสนับสนุนสาวน้อยดังมาจาก



    ปากชายหนุ่มผมทองผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายต่างมารดาขององค์กษัตริย์   วันนี้เขาได้มาร่วมโต๊ะด้วยทั้งที่ปกติจะมีเพียงเธอกับ



    เฟรเดคริกซ์เท่านั้น  คนถูกขอยิ่งลำบากใจยิ่งขึ้นก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป





              “ท่านควรจะระวังพระองค์เองไว้บ้าง   เมื่อคราวนั้นเกือบโดนลอบสังหาร   ถึงจะรอดมาแต่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะไม่ส่งคนมา



    อีก”  เสียงตอบดุหากแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง  แต่คนถูกขัดใจก็ไม่ยอมที่จะฟังเหตุผล





              “แต่ฉันเอาตัวรอดเองได้น่ะ   ไม่เห็นหรือไง..!!”  พูดพลางเอามือแตะที่อกตัวเองเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตัวเธอก็เอาตัว



    รอดได้ไม่จำเป็นต้องได้รับความคุ้มครองจากใคร  ก่อนจะว่าต่อ “หรือหากจะมีใครส่งคนมาอีก  คนๆนั้นน่าจะเป็นนายไม่ใช่หรือ



    ไง   ถ้าฆ่าฉันเสียได้  นายก็เป็นกษัตริย์อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีใครมาแย่งเอาตำแหน่งนี้ได้แล้วสิ”  คำพูดสุดท้ายนี้ทำให้คนถูกว่าทำ



    หน้าปั้นยากขึ้นมาทันที  เป็นหน้าที่บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ระหว่างโกรธหรือเศร้า   ในขณะที่เอริคอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้า



    เล็กน้อย   ก็ปกติจะหาใครกล้าพูดกับองค์กษัตริย์เบื้องหน้านี่ก็ยากเต็มทีแล้ว  แต่สาวน้อยน่ารักตรงหน้านี่กลับทำให้บุคคลผู้มีศักดิ์



    เป็นพี่เขาเงียบอย่างชนิดไม่เคยเป็นมาก่อน   และเท่าที่ดูมันไม่ใช่เงียบเพราะความโกรธอย่างเช่นทุกทีที่ควรจะเป็น  หากแต่มัน



    ต่างไปจากนั้น…





              “ได้   จะเสด็จไปก็ได้”  รับสั่งตอบดังขึ้นด้วยความเหนื่อยใจหลังจากที่สาวน้อยตรงหน้าเขาเพียรพยายามพูดขอออกไปให้



    ได้  เพราะเธอรู้ว่าขืนออกไปโดยไม่ได้รับคำอนุญาตจากคนตรงหน้าเธอต้องโดนใครสักคนขวางเอาแน่ๆ  อย่างน้อยก็คนผมทองที่



    นั่งดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้างขณะนี้  เมื่อได้คำตอบที่ถูกใจเจ้าตัวก็ยิ้มหวานออกมา  แต่ก็หุบลงเพราะประโยคต่อไป





              “แต่ท่านต้องมีคนตามเสด็จไปด้วย   อเล็กซ์กับเอทัวล์เพื่อนของท่านคงไปด้วยแน่นอน  นอกจากนี้…”  เงียบลงไปพักหนึ่ง



    ก่อนจะเอ่ยต่อ  “ข้ากับเอริคจะตามเสด็จด้วย”  รอยยิ้มจางหายไปจากหน้าซาย่าหลังจากได้ยินประโยคนี้  ก่อนจะหันไปมองคนพูด



    อย่างไม่พอใจ





              “ทำไมนายถึงต้องไปด้วย”  น้ำเสียงหวานใสเริ่มมีแววแห่งความไม่พอใจเข้ามาปนให้คนฟังต้องชายตามามองก่อนจะพูด



    ขึ้นในที่สุด





              “กันองค์หญิงหนี…”  ประโยคที่ให้องค์หญิงตรงหน้าโกรธทะลุถึงขีดสุด  หลังจากนี้ทั้งห้องก็ต้องวุ่นวายกันยกใหญ่เมื่อสาวน้อย



    ใช้เวทย์เรียกน้ำขึ้นมา  ทำให้ห้องทั้งห้องรวมถึงผู้คนในห้องนั้นเปียกชุ่มไปตามๆกันเว้นแต่เจ้าตัวผู้ใช้เวทย์ซึ่งเดินปึงปังออกจาก



    ห้องไปเรียบร้อยแล้ว   เอริคมองหน้าบุคคลผู้เป็นทั้งพี่และนายของตนอย่างหวั่นใจเมื่อเห็นสภาพอารมณ์เจ้าตัวเริ่มสุดกลั้นเช่นกัน





              “ไปบอกคนให้มาทำให้ห้องนี้กลับคืนสู่รูปแบบเดิมภายใน1ชั่วโมง   แล้วนายไปเตรียมตัวเสด็จกับองค์หญิงจอมเอาแต่ใจนั่น



    ด้วย”  สั่งเสร็จก็เดินออกไปอีกคนทิ้งให้คนรับคำสั่งยืนอมยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะรีบทำตามรับสั่ง  แต่ก่อนที่เขาจะทำตามคำสั่งนั้น



    ได้พึมพำขึ้นมาก่อน





              “คนแบบนี้เจอแบบองค์หญิงแหละเหมาะสมที่สุดแล้ว”  พูดได้แค่นี้ก็ต้องร้องขึ้นด้วยความตกใจ  เพราะอยู่ๆที่มือเขาก็มี



    เปลวไฟสีน้ำเงินลุกไหม้ขึ้นมา   เขาได้แต่ยิ้มแห้งๆพลางมองแผ่นหลังของกษัตริย์หนุ่มผู้ซึ่งเดินออกไปได้พอสมควร  และแล้ว…





              “อย่าพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง”  เสียงดุๆดังแว่วขึ้นให้เขาโดยที่เจ้าตัวคนพูดไม่ได้หันกลับมาเสียด้วยซ้ำ  เขาได้แต่ยิ้มก่อนร่าย



    เวทย์อะไรบางอย่างดับไฟสีน้ำเงินนั่นและรีบไปทำตามรับสั่งโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวอีก





    ================================





              “ได้มาขี่ม้าอย่างที่อยากแล้วยังจะเอาอะไรอีก”  เสียงเอทัวล์ดังถามขึ้นเมื่อองค์หญิงผู้เรียกร้องอยากจะออกมาขี่ม้าตั้งแต่



    เมื่อวานได้นั่งอยู่บนหลังม้าสมใจแล้วแต่ยังคงมีสีหน้าบูดบึ้ง  ขณะที่ปล่อยให้ม้าสาวสีน้ำตาลทองของตนเดินไปเรื่อยๆอย่างที่มันนึก



    อยาก





              “ถ้ารู้ว่าหมอนั่นยังจะตามมาด้วยไม่ขอมาหรอก   ตามมาทำไมก็ไม่รู้   ไม่มีงานทำหรือไง”  พูดพลางพยักเพยิดไปยังบุรุษ



    ผู้ทรงม้าสีดำสนิทที่ตามอยู่เบื้องหลัง   เอทัวล์มองตามที่เธอว่าแล้วก็อมยิ้มเล็กน้อย   ซาย่ามองอย่างไม่ค่อยพอใจนักก่อนหันไปพูด



    กับอเล็กซ์ซึ่งขี่ม้าอยู่อีกด้าน





              “นี่…  ถ้าควบม้าให้เร็วหน่อยจะได้ไหม”  สิ้นคำถามของสาวน้อยทำให้คิ้วอเล็กซ์เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ  แต่ก็ตอบออกไป





              “ได้น่ะมันก็ได้   ม้านี่ซาย่าขี่เองอยู่แล้วนี่  อ้าว…เฮ้ย…”  เสียงอเล็กซ์ดังขึ้นด้วยความตกใจ  เพราะหลังเขาพูดออกไปซาย่าได้



    เตะที่สีข้างของม้าที่ขี่อยู่เต็มแรงจนมันวิ่งตะบึงไปด้านหน้า  ทำให้คนที่เหลือต้องเร่งม้าของตนตามไปด้วย





              ม้าสาวสีทองวิ่งตระหนกไปตามทุ่งราบมุ่งเข้าสู่ป่าด้านข้างด้วยการบังคับของนายหญิงบนหลังของตน  โดยไม่มีใครรับรู้ถึง



    สายตาผู้ซึ่งจ้องมองรอคอยจังหวะที่ดีในการลงมือคราวนี้  ทันทีที่เท้าม้าสาวก้าวเข้าไปในป่าก็มีเสียงหวีดหวิวผ่านอากาศลงมาพอ



    ดี  มีดสีเงินปักลงมาตรงจุดที่เท้าม้าสาวเตรียมจะวางลงไปพอดิบพอดีทำให้เจ้าม้ายกขาหน้าทั้งคู่ขึ้นตะกุยกลางอากาศด้วยความ



    ตกใจพร้อมๆกับคนบนหลังซึ่งพยายามปลอบให้มันหายกลัว   พลันรอบข้างก็มืดมิดราวกับยามค่ำคืน  สาวน้อยมองไปรอบด้านอย่าง



    ระแวดระวัง







                        เขตอาคม…??





                        ใครกัน..??  ศัตรู…







              ซาย่านึกในใจพลางรีบหยิบมีดสั้นคู่ใจ  อาวุธเล่มเดียวที่เธอเก็บไว้กับตัวเธอตลอดโดยไม่ให้ใครรู้  ขณะที่ยังคงสอดส่องสาย



    ตาหาบุคคลผู้ที่กล้าใช้เขตอาคมนี้กับตัวเธอ  ม้าสาวที่เธอขี่อยู่ก็ยังคงมีทีท่าตื่นตระหนกจากเหตุการณ์เมื่อครู่  ถ้าศัตรูออกมาตอน



    นี้เธอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ   ความเงียบยังคงปกคลุมรอบๆบริเวณนั้นอยู่ชั่วครู่จนกระทั่ง  เบื้องหน้าของเธอ…





              “เสด็จพ่อ…?!?”  เสียงที่ถูกเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาและไม่เชื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้า   กษัตริย์องค์ก่อนยืนอยู่ตรงหน้าเธอมองมา



    ที่ตัวเธอและยิ้มให้เหมือนอย่างเมื่อสมัยที่เธอยังเป็นเด็กไม่มีผิด   เธอคงจะวิ่งเข้าไปหาคนตรงหน้านี้เดี๋ยวนี้  ถ้าไม่เพียงแต่ว่าเขา



    ตายไปแล้ว..!!  หรือว่า…





              “เสด็จพ่อ…ยังมีชีวิตอยู่..??”  เสียงที่บอกถึงความลังเลที่เกิดขึ้นในใจกับภาพตรงหน้า   ในขณะที่ม้าสาวเดินถอยหลังออกไป



    เรื่อยๆจนเธอต้องสั่งให้มันหยุด  มันก็ทำตามอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนักจนเธอต้องลงไปยืนพื้นแล้วเผชิญกับบุคคลเบื้องหน้า





              “ซาย่า   ลูกมาอยู่กับพ่อเถอะ”  ร่างตรงหน้าเอ่ยขึ้นในที่สุด  ในขณะที่สาวน้อยต้องยืนคิดว่าควรจะเชื่อในร่างตรงหน้าหรือ



    ไม่  “ไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อหรือ…” อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นอีกเมื่อเห็นเธอเงียบไปนาน   เจ้าหล่อนส่ายหัว





              “ไม่  ลูกเชื่อในตัวเสด็จพ่อมาตลอด…  แต่ถ้าท่านยังอยู่  ทำไมไม่เคยติดต่อให้รู้บ้าง”  พูดขึ้นพลางเดินเข้าไปหาแล้วปล่อยให้



    อีกฝ่ายกอดพลางพูดปลอบใจ





              “ต้องหนีหลบซ่อนตัวไปเรื่อยๆ  ลำบากลำบนตลอดมา   เลยไม่อยากให้ลูกรู้แล้วต้องมาเป็นห่วงพ่อ   ทีนี้เราไปอยู่กันสองคน



    พ่อลูกเถอะนะ  ซาย่า…”  สาวน้อยมองคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตาและเอ่ยขึ้นต่อไป





              “ใช่  ไปอยู่กันสองคนพ่อลูก   หากว่าแกเป็นเสด็จพ่อของฉันจริงๆ…!!”  ประโยคพูดวรรคสุดท้ายแข็งกร้าวขึ้นมาทันที   ฉับ



    พลันคนตรงหน้าก็เลือนหายไปพร้อมกับหมอกควัน  เหลือเพียงเธอ  ม้าสาว  และเบื้องหน้า   ตุ๊กตาดินตัวหนึ่งตกอยู่บนพื้นหญ้า  



    ซาย่าถอนหายใจและรีบเอามือปาดน้ำตาออกไป  ความมืดยังคงปกคลุมอยู่  เขตอาคมยังไม่เสื่อมจนกว่าเจ้าของจะยอมถอนหรือ



    เป็นอะไรไป   และแล้วก็มีเสียงทักเธอดังขึ้นจากเบื้องบน





              “ตาดีจริงๆ  องค์หญิง…รู้ได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่เสด็จพ่อของพระองค์”  คำถามที่ทำให้สาวน้อยผู้ถูกถามมองขึ้นไปเบื้อง



    พยายามเพ่งหาบุคคลผู้ที่ถามคำคำถามนั้นพลางตอบกลับไป





              “ง่ายมาก   เจ้าตุ๊กตาเวทย์อ่อนหัดนี่อ่านใจฉันได้ก็จริง  แต่อ่านยังไม่ดีพอ   เสด็จพ่อไม่เรียกตัวฉันเช่นนั้น”  มีเสียงหัวเราะ



    อย่างแผ่วเบาดังขึ้นเมื่อคำตอบถูกเอ่ยออกไป  ความมืดเป็นเครื่องซ่อนตัวที่ดีสำหรับคนที่อยู่ด้านบน





              “ดูเหมือนด้านนอกจะวุ่นวายอยู่มากพอดู   ครั้งนี้ข้าขอแค่มาทักทายท่านเท่านั้น”  พอเสียงนั้นพูดจบก็มีเสียงคล้ายลมพัดวูบ



    หนึ่ง  ความมืดที่ปกคลุมบริเวณนั้นหายไปในทันที  ซาย่ามองขึ้นไปเบื้องบนจุดที่เสียงนั้นเคยดังขึ้น  แสงแดดส่องประกายผ่าน



    ใบไม้ลงมายังเบื้องล่างตามปกติ  ไม่มีแม้วี่แววว่าเคยมีใครอีกสักคนอยู่บริเวณนี้มาก่อน   สักพักก็มีเสียงเอะอะวุ่นวายดังขึ้นด้าน



    ข้าง   และแล้วก็ปรากฏมีม้าสีดำวิ่งตรงเข้ามายังตัวเธอ  เจ้าหล่อนมองไปยังคนที่ขี่มาด้วยสายตาที่เฉยเมยก่อนที่จะถูกคนบนหลัง



    ม้าว่า





              “ทรงทำเรื่องยุ่งได้เก่งเหลือเกิน”  คำต่อว่าที่คนฟังสะบัดหน้าใส่  ทำให้คนพูดถอนใจแล้วมองไปเห็นเจ้าตุ๊กตาเวทย์ที่อยู่ตรง



    พื้นหญ้าเบื้องหน้า  “ตุ๊กตาเวทย์…  เมื่อครู่แถวนี้โดนวางเขตอาคม”  คราวนี้สายตาขององค์หญิงผู้ถูกต่อว่าเมื่อครู่เริ่มหันกลับมา



    มอง  พลางว่ากลับ





              “ใช่  เขตอาคมดีเสียด้วย   แต่เสียใจด้วยที่เล่นงานฉันไม่สำเร็จ”  ว่าพลางจ้องเขม็งไปยังหน้าของอีกฝ่าย   ชายหนุ่มยังคงมี



    สีหน้าเรียบเฉยดังทุกที   สาวน้อยที่ตอนนี้เริ่มขึ้นมาขี่ม้าสาวของตนจึงได้เอ่ยขึ้นอีก





              “คราวหน้าคราวหลังจะฆ่าฉันก็แสดงฝีมือให้มันมากกว่านี้”  เสียงสาวน้อยดังก้องขึ้นอีกครั้งพร้อมกับควบม้าของตนออกไป  



    ทิ้งให้ชายหนุ่มเบื้องหลังพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา





              “ข้าไม่เคยคิดจะฆ่าพระองค์เลย…”  เสียงแผ่วๆดังแว่วมา  โดยที่ไม่มีใครได้ยินแม้กระทั่งคนที่เขาอยากให้ได้รับรู้





    ======================================





              “มีคนร้ายหรือเพคะ”  เสียงนางกำนัลดอร์ร่าดังเอะอะขึ้นในห้องเมื่อองค์หญิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หล่อนฟังเมื่อกลับมาถึง  



    โดยที่มีเอทัวล์มองอย่างเฉยเมยและนึกสงสัยว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงต้องทำท่าตกอกตกใจเกินเหตุแบบนั้น   ส่วนซาย่านั้นเริ่มนึก



    ตรึกตรองใหม่ว่าเธอทำถูกไหมที่เล่าให้ดอร์ร่าฟังเพราะหลังจากนั้นเธอก็โดนหมายกำหนดการต่างๆจากเจ้าตัวคนช่างเป็นห่วงจน



    เกินเหตุในความคิดของเธอที่สั่งห้ามไปไหนมาในคนเดียวและแน่นอนว่าห้ามออกนอกเขตพระราชฐาน





              “มากไปมั้ง…ดอร์ร่า   ฉันไม่อ่อนแอขนาดโดนเล่นงานง่ายๆแบบนั้นหรอกน่า…”  เสียงค้านอ่อยๆดังขึ้นเมื่อเห็นข้อห้ามยาว



    เหยียด  แต่แน่นอนว่า





              “ไม่มากไปหรอกเพคะ   ยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ   หม่อมฉันยังสงสัยว่าทำไมองค์กษัตริย์ถึงไม่มีรับสั่งให้องค์หญิงประทับอยู่



    แต่ในห้องบรรทมนี้ก็ไม่รู้”  ประโยคสุดท้ายทำให้คนถูกสั่งห้ามต่างๆนานาตาขวางขึ้นมาทันที





              “เขาเกี่ยวอะไรด้วย…”  เสียงเข้มถามขึ้นทันที  ดอร์ร่าหันมามองนายหญิงของตนอย่างงงๆก่อนจะตอบคำถามไป





              “พระองค์ทรงเป็นห่วงท่านมากนะเพคะ   กฏส่วนใหญ่นี้พระองค์ดำริให้ท่านด้วยพระองค์เองด้วยซ้ำ”  คำตอบนี้กลับทำให้คน



    ที่ถูกเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยหน้าง้ำลงไปอีก





              “ทำไมความปลอดภัยของฉันต้องขึ้นต่อคนที่จะทำให้ฉันไม่ปลอดภัยมากที่สุดด้วย…”  สาวน้อยพูดพลางยกผ้าห่มขึ้นห่ม



    ตัวแล้วหลับตานอนลงไป  ดอร์ร่ามองนายหญิงของตนแล้วถอนหายใจให้กับความคิดของเจ้าตัว  แล้วหันไปถามหญิงสาวอีกคนที่



    ยืนอยู่ในห้อง





              “ไม่มีทางให้องค์หญิงเปลี่ยนแปลงความคิดบ้างหรือคะ  ท่านเอทัวล์”  ดอร์ร่าถามขึ้น  คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อยก่อน



    ตอบพร้อมกับอมยิ้ม





              “ยาก…”  คำตอบที่ได้รับช่างตรงกับที่คาดไว้ตั้งแต่ก่อนถาม   ดอร์ร่าได้แต่นึกปลงให้องค์กษัตริย์ของตน  ในขณะที่



    เอทัวล์เดินออกไปนอกห้องเพื่อไปหาอเล็กซ์ซึ่งถวายการอารักขาอยู่ด้านนอก





    ===================================





              ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนในเขตราชฐานชั้นนอก   ชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีดำยืนจ้องมองฝ่าความมืดเบื้องหน้าไป



    ยังต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ตรงหน้า





              “เมื่อตอนกลางวันทำไมไม่จัดการให้เรียบร้อย…”  เอ่ยขึ้นมาทั้งที่ยังอยู่คนเดียว  แต่ทันใดนั้นก็มีเงาตะคุ่มขยับบนต้นไม้



    ใหญ่นั้นแล้วมีเสียงตอบกลับ





              “โธ่…  ให้ข้าได้เล่นกับเหยื่อบ้างเถอะ   ไม่ใช่เอะอะไปถึงก็จัดการเลย  แบบนั้นจะไปสนุกที่ไหน”  เสียงตอบกลับแฝงแวว



    แสดงถึงความเสียดายในตัวของเล่น  แต่นายจ้างไม่ว่าอย่างนั้นกลับจ้องไปพร้อมกับพูดต่อ





              “เจ้าได้เล่นกับเหยื่อแล้วนี่…  ทีนี้งานคงสำเร็จได้ในไม่ช้านี้ใช่ไหม…”  เสียงคาดคั้นที่แฝงถึงความเอาจริงหากไม่ได้ตามต้อง



    การ





              “สำเร็จแน่นอน   ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”   สิ้นเสียงตอบก็มีลมพัดมาวูบใหญ่  แล้วเงาคนบนต้นไม้นั้นก็หายไป  เหลือเพียงชาย



    หนุ่มยืนอยู่ในความมืดมิดยามค่ำคืนนั้น





    ===================================



    >> อีกครั้งเผื่อมีคนอ่านตอนที่แล้วก่อนเราประกาศลง..^ ^

    Gellery เสร็จแล้วนะคะ...ดูได้ที่

    http://www.geocities.com/story_tree

    อญุ่ในหมวดGelleryนะคะ ^ ^ ตอนนี้มีภาพซาย่ากับอเล็กซ์ลงอยู่  คนอื่นจะทยอยเอาลงให้ค่า..^ ^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×