ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : คำทักทาย
          “ฉันอยากขี่ม้า..!!”  คำขาดถูกยื่นขึ้นจากปากองค์หญิงผู้ไม่เคยคิดจะอยู่นิ่งๆเสียสักวันในขณะที่นั่งโต๊ะอยู่กับ
เฟรเดคริกซ์  กษัตริย์หนุ่มแห่งประเทศรอซินยอล  คำขอที่ทำให้เขาต้องนั่งเงียบยิ่งขึ้นทั้งที่แต่เดิมก็เงียบมากพออยู่แล้ว  พลาง
ปราดสายตามองคนขออย่างหวังให้เจ้าตัวคำนึงถึงสภาพตอนนี้ของตนบ้าง  เมื่อคนขอเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่พูดว่าอะไรจึงพูดต่อไป
          “อยู่แต่ในนี้น่าเบื่อจะตายไป    หาอะไรสนุกๆทำบ้างเถอะ..”  พูดพลางมองสบตาอีกฝ่ายที่ยังคงมีแววตาดุฉาบอยู่  และแล้วก็
มีเสียงช่วยเธอดังขึ้น
          “เสด็จออกไปทรงม้าก็ดีนะพะย่ะค่ะ  เป็นการผ่อนคลายความเครียดได้ระดับหนึ่ง”  เสียงพูดช่วยสนับสนุนสาวน้อยดังมาจาก
ปากชายหนุ่มผมทองผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายต่างมารดาขององค์กษัตริย์  วันนี้เขาได้มาร่วมโต๊ะด้วยทั้งที่ปกติจะมีเพียงเธอกับ
เฟรเดคริกซ์เท่านั้น  คนถูกขอยิ่งลำบากใจยิ่งขึ้นก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป
          “ท่านควรจะระวังพระองค์เองไว้บ้าง  เมื่อคราวนั้นเกือบโดนลอบสังหาร  ถึงจะรอดมาแต่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะไม่ส่งคนมา
อีก”  เสียงตอบดุหากแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง  แต่คนถูกขัดใจก็ไม่ยอมที่จะฟังเหตุผล
          “แต่ฉันเอาตัวรอดเองได้น่ะ  ไม่เห็นหรือไง..!!”  พูดพลางเอามือแตะที่อกตัวเองเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตัวเธอก็เอาตัว
รอดได้ไม่จำเป็นต้องได้รับความคุ้มครองจากใคร  ก่อนจะว่าต่อ “หรือหากจะมีใครส่งคนมาอีก  คนๆนั้นน่าจะเป็นนายไม่ใช่หรือ
ไง  ถ้าฆ่าฉันเสียได้  นายก็เป็นกษัตริย์อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีใครมาแย่งเอาตำแหน่งนี้ได้แล้วสิ”  คำพูดสุดท้ายนี้ทำให้คนถูกว่าทำ
หน้าปั้นยากขึ้นมาทันที  เป็นหน้าที่บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ระหว่างโกรธหรือเศร้า  ในขณะที่เอริคอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้า
เล็กน้อย  ก็ปกติจะหาใครกล้าพูดกับองค์กษัตริย์เบื้องหน้านี่ก็ยากเต็มทีแล้ว  แต่สาวน้อยน่ารักตรงหน้านี่กลับทำให้บุคคลผู้มีศักดิ์
เป็นพี่เขาเงียบอย่างชนิดไม่เคยเป็นมาก่อน  และเท่าที่ดูมันไม่ใช่เงียบเพราะความโกรธอย่างเช่นทุกทีที่ควรจะเป็น  หากแต่มัน
ต่างไปจากนั้น
          “ได้  จะเสด็จไปก็ได้”  รับสั่งตอบดังขึ้นด้วยความเหนื่อยใจหลังจากที่สาวน้อยตรงหน้าเขาเพียรพยายามพูดขอออกไปให้
ได้  เพราะเธอรู้ว่าขืนออกไปโดยไม่ได้รับคำอนุญาตจากคนตรงหน้าเธอต้องโดนใครสักคนขวางเอาแน่ๆ  อย่างน้อยก็คนผมทองที่
นั่งดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้างขณะนี้  เมื่อได้คำตอบที่ถูกใจเจ้าตัวก็ยิ้มหวานออกมา  แต่ก็หุบลงเพราะประโยคต่อไป
          “แต่ท่านต้องมีคนตามเสด็จไปด้วย  อเล็กซ์กับเอทัวล์เพื่อนของท่านคงไปด้วยแน่นอน  นอกจากนี้ ”  เงียบลงไปพักหนึ่ง
ก่อนจะเอ่ยต่อ  “ข้ากับเอริคจะตามเสด็จด้วย”  รอยยิ้มจางหายไปจากหน้าซาย่าหลังจากได้ยินประโยคนี้  ก่อนจะหันไปมองคนพูด
อย่างไม่พอใจ
          “ทำไมนายถึงต้องไปด้วย”  น้ำเสียงหวานใสเริ่มมีแววแห่งความไม่พอใจเข้ามาปนให้คนฟังต้องชายตามามองก่อนจะพูด
ขึ้นในที่สุด
          “กันองค์หญิงหนี ”  ประโยคที่ให้องค์หญิงตรงหน้าโกรธทะลุถึงขีดสุด  หลังจากนี้ทั้งห้องก็ต้องวุ่นวายกันยกใหญ่เมื่อสาวน้อย
ใช้เวทย์เรียกน้ำขึ้นมา  ทำให้ห้องทั้งห้องรวมถึงผู้คนในห้องนั้นเปียกชุ่มไปตามๆกันเว้นแต่เจ้าตัวผู้ใช้เวทย์ซึ่งเดินปึงปังออกจาก
ห้องไปเรียบร้อยแล้ว  เอริคมองหน้าบุคคลผู้เป็นทั้งพี่และนายของตนอย่างหวั่นใจเมื่อเห็นสภาพอารมณ์เจ้าตัวเริ่มสุดกลั้นเช่นกัน
          “ไปบอกคนให้มาทำให้ห้องนี้กลับคืนสู่รูปแบบเดิมภายใน1ชั่วโมง  แล้วนายไปเตรียมตัวเสด็จกับองค์หญิงจอมเอาแต่ใจนั่น
ด้วย”  สั่งเสร็จก็เดินออกไปอีกคนทิ้งให้คนรับคำสั่งยืนอมยิ้มอยู่คนเดียวก่อนจะรีบทำตามรับสั่ง  แต่ก่อนที่เขาจะทำตามคำสั่งนั้น
ได้พึมพำขึ้นมาก่อน
          “คนแบบนี้เจอแบบองค์หญิงแหละเหมาะสมที่สุดแล้ว”  พูดได้แค่นี้ก็ต้องร้องขึ้นด้วยความตกใจ  เพราะอยู่ๆที่มือเขาก็มี
เปลวไฟสีน้ำเงินลุกไหม้ขึ้นมา  เขาได้แต่ยิ้มแห้งๆพลางมองแผ่นหลังของกษัตริย์หนุ่มผู้ซึ่งเดินออกไปได้พอสมควร  และแล้ว
          “อย่าพูดอะไรไม่เข้าเรื่อง”  เสียงดุๆดังแว่วขึ้นให้เขาโดยที่เจ้าตัวคนพูดไม่ได้หันกลับมาเสียด้วยซ้ำ  เขาได้แต่ยิ้มก่อนร่าย
เวทย์อะไรบางอย่างดับไฟสีน้ำเงินนั่นและรีบไปทำตามรับสั่งโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวอีก
================================
          “ได้มาขี่ม้าอย่างที่อยากแล้วยังจะเอาอะไรอีก”  เสียงเอทัวล์ดังถามขึ้นเมื่อองค์หญิงผู้เรียกร้องอยากจะออกมาขี่ม้าตั้งแต่
เมื่อวานได้นั่งอยู่บนหลังม้าสมใจแล้วแต่ยังคงมีสีหน้าบูดบึ้ง  ขณะที่ปล่อยให้ม้าสาวสีน้ำตาลทองของตนเดินไปเรื่อยๆอย่างที่มันนึก
อยาก
          “ถ้ารู้ว่าหมอนั่นยังจะตามมาด้วยไม่ขอมาหรอก  ตามมาทำไมก็ไม่รู้  ไม่มีงานทำหรือไง”  พูดพลางพยักเพยิดไปยังบุรุษ
ผู้ทรงม้าสีดำสนิทที่ตามอยู่เบื้องหลัง  เอทัวล์มองตามที่เธอว่าแล้วก็อมยิ้มเล็กน้อย  ซาย่ามองอย่างไม่ค่อยพอใจนักก่อนหันไปพูด
กับอเล็กซ์ซึ่งขี่ม้าอยู่อีกด้าน
          “นี่   ถ้าควบม้าให้เร็วหน่อยจะได้ไหม”  สิ้นคำถามของสาวน้อยทำให้คิ้วอเล็กซ์เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ  แต่ก็ตอบออกไป
          “ได้น่ะมันก็ได้  ม้านี่ซาย่าขี่เองอยู่แล้วนี่  อ้าว เฮ้ย ”  เสียงอเล็กซ์ดังขึ้นด้วยความตกใจ  เพราะหลังเขาพูดออกไปซาย่าได้
เตะที่สีข้างของม้าที่ขี่อยู่เต็มแรงจนมันวิ่งตะบึงไปด้านหน้า  ทำให้คนที่เหลือต้องเร่งม้าของตนตามไปด้วย
          ม้าสาวสีทองวิ่งตระหนกไปตามทุ่งราบมุ่งเข้าสู่ป่าด้านข้างด้วยการบังคับของนายหญิงบนหลังของตน  โดยไม่มีใครรับรู้ถึง
สายตาผู้ซึ่งจ้องมองรอคอยจังหวะที่ดีในการลงมือคราวนี้  ทันทีที่เท้าม้าสาวก้าวเข้าไปในป่าก็มีเสียงหวีดหวิวผ่านอากาศลงมาพอ
ดี  มีดสีเงินปักลงมาตรงจุดที่เท้าม้าสาวเตรียมจะวางลงไปพอดิบพอดีทำให้เจ้าม้ายกขาหน้าทั้งคู่ขึ้นตะกุยกลางอากาศด้วยความ
ตกใจพร้อมๆกับคนบนหลังซึ่งพยายามปลอบให้มันหายกลัว  พลันรอบข้างก็มืดมิดราวกับยามค่ำคืน  สาวน้อยมองไปรอบด้านอย่าง
ระแวดระวัง
                    เขตอาคม ??
                    ใครกัน..??  ศัตรู
          ซาย่านึกในใจพลางรีบหยิบมีดสั้นคู่ใจ  อาวุธเล่มเดียวที่เธอเก็บไว้กับตัวเธอตลอดโดยไม่ให้ใครรู้  ขณะที่ยังคงสอดส่องสาย
ตาหาบุคคลผู้ที่กล้าใช้เขตอาคมนี้กับตัวเธอ  ม้าสาวที่เธอขี่อยู่ก็ยังคงมีทีท่าตื่นตระหนกจากเหตุการณ์เมื่อครู่  ถ้าศัตรูออกมาตอน
นี้เธอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ  ความเงียบยังคงปกคลุมรอบๆบริเวณนั้นอยู่ชั่วครู่จนกระทั่ง  เบื้องหน้าของเธอ
          “เสด็จพ่อ ?!?”  เสียงที่ถูกเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาและไม่เชื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้า  กษัตริย์องค์ก่อนยืนอยู่ตรงหน้าเธอมองมา
ที่ตัวเธอและยิ้มให้เหมือนอย่างเมื่อสมัยที่เธอยังเป็นเด็กไม่มีผิด  เธอคงจะวิ่งเข้าไปหาคนตรงหน้านี้เดี๋ยวนี้  ถ้าไม่เพียงแต่ว่าเขา
ตายไปแล้ว..!!  หรือว่า
          “เสด็จพ่อ ยังมีชีวิตอยู่..??”  เสียงที่บอกถึงความลังเลที่เกิดขึ้นในใจกับภาพตรงหน้า  ในขณะที่ม้าสาวเดินถอยหลังออกไป
เรื่อยๆจนเธอต้องสั่งให้มันหยุด  มันก็ทำตามอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนักจนเธอต้องลงไปยืนพื้นแล้วเผชิญกับบุคคลเบื้องหน้า
          “ซาย่า  ลูกมาอยู่กับพ่อเถอะ”  ร่างตรงหน้าเอ่ยขึ้นในที่สุด  ในขณะที่สาวน้อยต้องยืนคิดว่าควรจะเชื่อในร่างตรงหน้าหรือ
ไม่  “ไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อหรือ ” อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นอีกเมื่อเห็นเธอเงียบไปนาน  เจ้าหล่อนส่ายหัว
          “ไม่  ลูกเชื่อในตัวเสด็จพ่อมาตลอด   แต่ถ้าท่านยังอยู่  ทำไมไม่เคยติดต่อให้รู้บ้าง”  พูดขึ้นพลางเดินเข้าไปหาแล้วปล่อยให้
อีกฝ่ายกอดพลางพูดปลอบใจ
          “ต้องหนีหลบซ่อนตัวไปเรื่อยๆ  ลำบากลำบนตลอดมา  เลยไม่อยากให้ลูกรู้แล้วต้องมาเป็นห่วงพ่อ  ทีนี้เราไปอยู่กันสองคน
พ่อลูกเถอะนะ  ซาย่า ”  สาวน้อยมองคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตาและเอ่ยขึ้นต่อไป
          “ใช่  ไปอยู่กันสองคนพ่อลูก  หากว่าแกเป็นเสด็จพ่อของฉันจริงๆ !!”  ประโยคพูดวรรคสุดท้ายแข็งกร้าวขึ้นมาทันที  ฉับ
พลันคนตรงหน้าก็เลือนหายไปพร้อมกับหมอกควัน  เหลือเพียงเธอ  ม้าสาว  และเบื้องหน้า  ตุ๊กตาดินตัวหนึ่งตกอยู่บนพื้นหญ้า 
ซาย่าถอนหายใจและรีบเอามือปาดน้ำตาออกไป  ความมืดยังคงปกคลุมอยู่  เขตอาคมยังไม่เสื่อมจนกว่าเจ้าของจะยอมถอนหรือ
เป็นอะไรไป  และแล้วก็มีเสียงทักเธอดังขึ้นจากเบื้องบน
          “ตาดีจริงๆ  องค์หญิง รู้ได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่เสด็จพ่อของพระองค์”  คำถามที่ทำให้สาวน้อยผู้ถูกถามมองขึ้นไปเบื้อง
พยายามเพ่งหาบุคคลผู้ที่ถามคำคำถามนั้นพลางตอบกลับไป
          “ง่ายมาก  เจ้าตุ๊กตาเวทย์อ่อนหัดนี่อ่านใจฉันได้ก็จริง  แต่อ่านยังไม่ดีพอ  เสด็จพ่อไม่เรียกตัวฉันเช่นนั้น”  มีเสียงหัวเราะ
อย่างแผ่วเบาดังขึ้นเมื่อคำตอบถูกเอ่ยออกไป  ความมืดเป็นเครื่องซ่อนตัวที่ดีสำหรับคนที่อยู่ด้านบน
          “ดูเหมือนด้านนอกจะวุ่นวายอยู่มากพอดู  ครั้งนี้ข้าขอแค่มาทักทายท่านเท่านั้น”  พอเสียงนั้นพูดจบก็มีเสียงคล้ายลมพัดวูบ
หนึ่ง  ความมืดที่ปกคลุมบริเวณนั้นหายไปในทันที  ซาย่ามองขึ้นไปเบื้องบนจุดที่เสียงนั้นเคยดังขึ้น  แสงแดดส่องประกายผ่าน
ใบไม้ลงมายังเบื้องล่างตามปกติ  ไม่มีแม้วี่แววว่าเคยมีใครอีกสักคนอยู่บริเวณนี้มาก่อน  สักพักก็มีเสียงเอะอะวุ่นวายดังขึ้นด้าน
ข้าง  และแล้วก็ปรากฏมีม้าสีดำวิ่งตรงเข้ามายังตัวเธอ  เจ้าหล่อนมองไปยังคนที่ขี่มาด้วยสายตาที่เฉยเมยก่อนที่จะถูกคนบนหลัง
ม้าว่า
          “ทรงทำเรื่องยุ่งได้เก่งเหลือเกิน”  คำต่อว่าที่คนฟังสะบัดหน้าใส่  ทำให้คนพูดถอนใจแล้วมองไปเห็นเจ้าตุ๊กตาเวทย์ที่อยู่ตรง
พื้นหญ้าเบื้องหน้า  “ตุ๊กตาเวทย์   เมื่อครู่แถวนี้โดนวางเขตอาคม”  คราวนี้สายตาขององค์หญิงผู้ถูกต่อว่าเมื่อครู่เริ่มหันกลับมา
มอง  พลางว่ากลับ
          “ใช่  เขตอาคมดีเสียด้วย  แต่เสียใจด้วยที่เล่นงานฉันไม่สำเร็จ”  ว่าพลางจ้องเขม็งไปยังหน้าของอีกฝ่าย  ชายหนุ่มยังคงมี
สีหน้าเรียบเฉยดังทุกที  สาวน้อยที่ตอนนี้เริ่มขึ้นมาขี่ม้าสาวของตนจึงได้เอ่ยขึ้นอีก
          “คราวหน้าคราวหลังจะฆ่าฉันก็แสดงฝีมือให้มันมากกว่านี้”  เสียงสาวน้อยดังก้องขึ้นอีกครั้งพร้อมกับควบม้าของตนออกไป 
ทิ้งให้ชายหนุ่มเบื้องหลังพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
          “ข้าไม่เคยคิดจะฆ่าพระองค์เลย ”  เสียงแผ่วๆดังแว่วมา  โดยที่ไม่มีใครได้ยินแม้กระทั่งคนที่เขาอยากให้ได้รับรู้
======================================
          “มีคนร้ายหรือเพคะ”  เสียงนางกำนัลดอร์ร่าดังเอะอะขึ้นในห้องเมื่อองค์หญิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หล่อนฟังเมื่อกลับมาถึง 
โดยที่มีเอทัวล์มองอย่างเฉยเมยและนึกสงสัยว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงต้องทำท่าตกอกตกใจเกินเหตุแบบนั้น  ส่วนซาย่านั้นเริ่มนึก
ตรึกตรองใหม่ว่าเธอทำถูกไหมที่เล่าให้ดอร์ร่าฟังเพราะหลังจากนั้นเธอก็โดนหมายกำหนดการต่างๆจากเจ้าตัวคนช่างเป็นห่วงจน
เกินเหตุในความคิดของเธอที่สั่งห้ามไปไหนมาในคนเดียวและแน่นอนว่าห้ามออกนอกเขตพระราชฐาน
          “มากไปมั้ง ดอร์ร่า  ฉันไม่อ่อนแอขนาดโดนเล่นงานง่ายๆแบบนั้นหรอกน่า ”  เสียงค้านอ่อยๆดังขึ้นเมื่อเห็นข้อห้ามยาว
เหยียด  แต่แน่นอนว่า
          “ไม่มากไปหรอกเพคะ  ยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ  หม่อมฉันยังสงสัยว่าทำไมองค์กษัตริย์ถึงไม่มีรับสั่งให้องค์หญิงประทับอยู่
แต่ในห้องบรรทมนี้ก็ไม่รู้”  ประโยคสุดท้ายทำให้คนถูกสั่งห้ามต่างๆนานาตาขวางขึ้นมาทันที
          “เขาเกี่ยวอะไรด้วย ”  เสียงเข้มถามขึ้นทันที  ดอร์ร่าหันมามองนายหญิงของตนอย่างงงๆก่อนจะตอบคำถามไป
          “พระองค์ทรงเป็นห่วงท่านมากนะเพคะ  กฏส่วนใหญ่นี้พระองค์ดำริให้ท่านด้วยพระองค์เองด้วยซ้ำ”  คำตอบนี้กลับทำให้คน
ที่ถูกเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยหน้าง้ำลงไปอีก
          “ทำไมความปลอดภัยของฉันต้องขึ้นต่อคนที่จะทำให้ฉันไม่ปลอดภัยมากที่สุดด้วย ”  สาวน้อยพูดพลางยกผ้าห่มขึ้นห่ม
ตัวแล้วหลับตานอนลงไป  ดอร์ร่ามองนายหญิงของตนแล้วถอนหายใจให้กับความคิดของเจ้าตัว  แล้วหันไปถามหญิงสาวอีกคนที่
ยืนอยู่ในห้อง
          “ไม่มีทางให้องค์หญิงเปลี่ยนแปลงความคิดบ้างหรือคะ  ท่านเอทัวล์”  ดอร์ร่าถามขึ้น  คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อยก่อน
ตอบพร้อมกับอมยิ้ม
          “ยาก ”  คำตอบที่ได้รับช่างตรงกับที่คาดไว้ตั้งแต่ก่อนถาม  ดอร์ร่าได้แต่นึกปลงให้องค์กษัตริย์ของตน  ในขณะที่
เอทัวล์เดินออกไปนอกห้องเพื่อไปหาอเล็กซ์ซึ่งถวายการอารักขาอยู่ด้านนอก
===================================
          ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืนในเขตราชฐานชั้นนอก  ชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีดำยืนจ้องมองฝ่าความมืดเบื้องหน้าไป
ยังต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ตรงหน้า
          “เมื่อตอนกลางวันทำไมไม่จัดการให้เรียบร้อย ”  เอ่ยขึ้นมาทั้งที่ยังอยู่คนเดียว  แต่ทันใดนั้นก็มีเงาตะคุ่มขยับบนต้นไม้
ใหญ่นั้นแล้วมีเสียงตอบกลับ
          “โธ่   ให้ข้าได้เล่นกับเหยื่อบ้างเถอะ  ไม่ใช่เอะอะไปถึงก็จัดการเลย  แบบนั้นจะไปสนุกที่ไหน”  เสียงตอบกลับแฝงแวว
แสดงถึงความเสียดายในตัวของเล่น  แต่นายจ้างไม่ว่าอย่างนั้นกลับจ้องไปพร้อมกับพูดต่อ
          “เจ้าได้เล่นกับเหยื่อแล้วนี่   ทีนี้งานคงสำเร็จได้ในไม่ช้านี้ใช่ไหม ”  เสียงคาดคั้นที่แฝงถึงความเอาจริงหากไม่ได้ตามต้อง
การ
          “สำเร็จแน่นอน  ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”  สิ้นเสียงตอบก็มีลมพัดมาวูบใหญ่  แล้วเงาคนบนต้นไม้นั้นก็หายไป  เหลือเพียงชาย
หนุ่มยืนอยู่ในความมืดมิดยามค่ำคืนนั้น
===================================
>> อีกครั้งเผื่อมีคนอ่านตอนที่แล้วก่อนเราประกาศลง..^ ^
Gellery เสร็จแล้วนะคะ...ดูได้ที่
http://www.geocities.com/story_tree
อญุ่ในหมวดGelleryนะคะ ^ ^ ตอนนี้มีภาพซาย่ากับอเล็กซ์ลงอยู่  คนอื่นจะทยอยเอาลงให้ค่า..^ ^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น