ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ความจริง...??
          “องค์หญิงโซมารีน่าที่หายสาบสูญไปกลับมาที่วังแล้ว ??”  เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นทำให้อีกคนต้องรีบทำมือให้ลดระดับ
เสียงลงหน่อย
          “งั้นจะทำอย่างไรกันดีล่ะ”  เสียงชายคนเดิมถามอีกฝ่ายขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเมื่อครู่  ทำให้อีกฝ่ายตรงหน้ามีรอยยิ้มอัน
หาดูได้ยากปรากฏที่มุมปาก  เป็นรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นเสียเหลือเกินสำหรับเขา
          “ก็ไม่เห็นต้องด่วนรีบร้อน  ไม่ว่าอย่างไรเจ้าหล่อนก็หนีไม่พ้นอีกแล้วในคราวนี้  เมื่อถึงเวลาก็ส่งคนไปจัดการเสียก็สิ้น
เรื่อง”  คำตอบที่ได้กลับมาทำให้สีหน้าคนฟังซีดเผือด  จ้องมองคนตรงหน้าที่เขาคิดว่ารู้จักดี  แต่ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือน
แค่เคยรู้จักเท่านั้น
          “แต่ก่อนหน้านั้น  อย่าให้เรื่องนี้ได้รั่วไหลออกไปนะ  คงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม”  สิ้นคำพูดที่ไม่มีแววแห่งความเมตตา
ปราณีปรากฏขึ้นอยู่เลยเจ้าตัวก็เดินออกจากห้องไป  ทิ้งให้ชายวัยกลางคนนั่งทรุดลงไปกับพื้นด้วยเพราะคำพูดเมื่อครู่
======================================
          “เบื่อๆๆๆ .”  เสียงองค์หญิงผู้ซึ่งตอนนี้ถูกขังให้อยู่แต่ในห้องดังขึ้นเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้  ทำให้ดอร์ร่านางกำนัลประจำกาย
ต้องวิ่งวุ่นไปกับสิ่งที่เจ้าหล่อนทำแก้เบื่อ  เพราะว่าสภาพห้องในตอนนี้รกจนดูไม่ออกว่านี่เป็นห้องนอน  ทั้งผ้าคลุมเตียงหรือหมอน
ต่างก็ถูกวางอยู่สะเปะสะปะเพราะฝีมือของใครบางคน
          “ดอร์ร่า  ให้ฉันออกไปข้างนอกหน่อยไม่ได้หรือ”  ในที่สุดก็จนใจต้องหันมาขอร้องคนข้างตัวแล้วก็ถูกปฏิเสธเหมือนเช่น
ทุกที
          “ไม่ได้เพคะ  เดี๋ยวองค์หญิงทำเรื่องยุ่งแบบคราวที่แล้วอีก  ตอนนั้นหม่อมฉันต้องตามหาไปทั่วเลยนะเพคะ”  นางกำนัลยก
เหตุผลให้คนขอต้องสะอึกก่อนจะรีบแก้ตัว
          “ครั้งนั้นไม่เกี่ยวนะ  อีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องยุ่งเสียหน่อย  แต่คราวนี้ฉันเบื่อมากๆๆๆเลยนี่นา  รับรองว่าจะไม่ก่อเรื่องอีก
แล้ว  ขอออกไปเถอะนะ”  ย้อนกลับมาเรื่องเดิมจนได้ทำให้ดอร์ร่าต้องเหนื่อยใจกับนายหญิงของตน  ก่อนที่จะพูดถามย้ำขึ้น
          “แน่นะเพคะ  ไม่ก่อเรื่องแน่นะเพคะ” คำถามที่ทำให้คนฟังยิ้มออกก่อนที่ตกปากรับคำ  ทำให้เจ้าตัวคนถามนึกขอให้ไม่ได้
ถามคำถามนั้นออกไปเลย  ก่อนจะรีบตามนายหญิงของตนออกไปเพราะทันทีที่เธอยอมให้ออกไปเจ้าหล่อนก็รีบเดินออกจากห้อง
ไปทันที
          “อย่าไปไกลนะเพคะ  เดี๋ยวองค์หญิงต้องเสวยกับองค์กษัตริย์นะเพคะ”  สิ้นเสียงคนพูดทำให้องค์หญิงต้องตาโตกับคำพูดนั้น
          “หา !!  ทำไมฉันต้องไปกินกับหมอนั่นด้วย ”พูดได้แค่นี้ก็โดนมือของอีกฝ่ายคว้าปิด ปากเสียก่อนที่จะมีคำพูดที่เลวร้ายกว่านี้
ออกมาจากปากของเธอ  ทำให้คนถูกปิดปากต้องดิ้นขลุกขลักจนกระทั่งมือของอีกฝ่ายคลายออก
          “อะไรกัน  ฉันยังไม่ได้พูดอะไรแย่มากออกมาเสียหน่อย ”เสียงหวานใสบ่นอุบขึ้นมาหลังจากที่อีกฝ่ายเอามือออกจากการปิด
ปากเธอแล้ว
          “นั่นก็แย่พอแล้วนะเพคะ  องค์หญิง อย่าทำให้หม่อมฉันต้องเดือดร้อนไปมากกว่านี้เลยนะเพคะ  สัญญาแล้วไงเพคะว่าจะ
ไม่ก่อเรื่อง”  คำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายเงียบไปก่อนที่จะยิ้มออกพร้อมกับเอ่ยปากขึ้น
          “ฉันสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่องยุ่ง  แต่ฉันไม่ได้สัญญาว่าจะเลิกพูดว่าองค์กษัตริย์ของเธอนี่นา”  พูดจบก็ทำให้คนฟังหน้าซีดลง
ถนัดใจก่อนที่จะร้องขอ
          “แต่องค์หญิงเพคะ  อย่าพูดแบบนั้นอีกนะเพคะ”  คำพูดที่ทำให้สาวน้อยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะรับคำขึ้นมา
          “จ้าๆ  ไม่พูดก็ไม่พูด  แต่ฉันไม่รับรองว่าจะทนไปจนถึงเมื่อไรนะ”  คำตกลงดังขึ้นจากปากสาวน้อยตรงหน้าไม่ได้ทำให้คน
ฟังรู้สึกดีขึ้นเท่าไรนัก  แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย  คิดเช่นนั้นก่อนจะตามนายหญิงของตนที่ตอนนี้เริ่มออกเดินไปอีกแล้ว
          “ดอร์ร่า  เอาชุดแบบเดิมมาให้ฉันใส่ไม่ได้หรือ..??”  เสียงองค์หญิงเอ่ยถามขึ้นทั้งที่รู้ว่าคำตอบที่ได้รับจะต้องเป็น
          “ไม่ได้เพคะ  ตอนนี้องค์หญิงกลับมาอยู่ที่วังแล้ว  ก็ต้องแต่งแบบที่องค์หญิงควรจะแต่งกัน  คราวหน้าหม่อมฉันคิดว่าจะต้อง
สอนมารยาทในวังให้องค์หญิงด้วย”  คำพูดที่เล่นเอาคนฟังแทบกลืนน้ำลายไม่ลง
                    สอนมารยาทในวังให้เธอเนี่ยนะ  ฝันเกินไปแล้ว
          “ไม่ต้องก็ได้มั้ง  มารยาทในวังน่ะยุ่งยากจะตาย”  เสียงค้านดังขึ้นแผ่วๆจากปากองค์หญิงผู้ไม่เคยคิดจะฝึกมารยาทให้สม
กับฐานะของตน  คำพูดที่ให้คนฟังต้องถอนใจกับความคิดของนายหญิงของตน
          “องค์หญิงไปอยู่ข้างนอกเสียนาน  จนนิสัยออกจะเหมือนเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาแล้วด้วยซ้ำ  ถ้าไม่ฝึกแล้วจะทำได้อย่างไร
ล่ะเพคะ”  เสียงบ่นดังขึ้นก่อนจะเงียบไปด้วยความตกใจ  เพราะสาวน้อยตรงหน้าเธอกำลังจัดแจงดึงชายกระโปรงที่ยาวกร่อมเท้า
ขึ้นมาผูกเพื่อให้สั้นลง  แล้วยังเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีก
          “เอาล่ะ  แบบนี้ยังจะเดินสะดวกกว่าเลย ”  คำพูดที่ถูกเอ่ยขึ้นที่ทำให้คนฟังแทบจะลมใส่กับความคิดขององค์หญิงพระองค์นี้
          “อย่าทรงทำอะไรแบบนั้นสิเพคะ  ปล่อยชายกระโปรงมาเป็นแบบเดิมเถอะเพคะ”  เสียงร้องค้านดังขึ้นทันทีที่เจ้าตัวเรียก
สติกลับคืนมาได้  สิ่งที่ขอกับสาวน้อยตรงหน้าดูจะเป็นไปได้ยากเสียเหลือเกิน  ในเมื่อเจ้าตัวยิ้มหวานออกมาและเอ่ยปากขึ้นเบาๆ
          “ไม่เอา ถ้าในเมื่อเอาชุดแบบเก่ามาใส่ไม่ได้  ก็จะขอทำแบบนี้ให้เหมาะสมกับตัวฉันหน่อยล่ะ”  คำพูดเอาแต่ใจทำให้
ดอร์ร่าต้องส่ายหัวกับนิสัยของนายหญิงของตน  ก่อนที่จะรีบหาเรื่องขึ้นมาพูดหวังให้เจ้าหล่อนรีบเอาชายกระโปรงลงเหมือน
เดิมก่อนที่จะมีใครเดินผ่านไปมาเห็นเข้า
          “อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลาที่จะต้องไปเสวยแล้วนะเพคะ  รีบไปก่อนจะทำให้องค์กษัตริย์ทรงกริ้วดีกว่านะเพคะ”  คำพูดของนาง
กำนัลประจำตัวทำให้คนฟังแทบจะสะดุดเท้าตนเองก่อนที่จะตอบกลับไป
          “ทำไมถึงจะต้องไปกินกับองค์กษัตริย์ของเธอด้วย  ไปบอกว่าฉันไม่กิน”  เสียงหวานใสเริ่มแปรเปลี่ยนไปด้วยความหงุด
หงิด  คำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันดังทำให้เหล่าทหารยามแถวนั้นหันมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่เดิม
ของตนเนื่องด้วยชินกับเรื่องเช่นนี้เสียแล้ว  ตั้งแต่สามวันก่อนมีเรื่องทำนองนี้เกิดอยู่ทุกวัน  นึกๆดูแล้วก็หนักใจแทนองค์กษัตริย์
ของพวกเขา  จะรั้งตัวเธอไปทำไมกันทั้งๆที่บอกว่าเรื่องจบไปแล้ว
          “แต่ว่าองค์หญิงเพคะ  องค์กษัตริย์เป็นผู้สั่งมาเองเลยนะเพคะ  ไปเถอะนะเพคะ  อย่าให้ต้องเกิดเรื่องวุ่นๆอีกเลยนะเพ
คะ”  เสียงค้านที่คนที่สมควรจะฟังกลับดื้อด้านไม่ยอมรับฟังเอาเฉยๆ  ในที่สุดคนพูดก็ต้องปลงเสียเองและถามขึ้นอีก
          “องค์หญิงจะไม่เสวยแน่นะเพคะ”  สิ้นคำถามที่ให้คนฟังนั่งนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับเบาๆ
          “เอาอาหารมาให้ฉันที่ห้องละกัน”  พูดจบเจ้าตัวก็เดินกลับห้องของตนโดยทันที  ปล่อยให้ดอร์ร่ายืนอมยิ้มอยู่ชั่วครู่ก่อนจะ
ออกวิ่งตามเธอไป
================================
          เมื่อกลับมาถึงห้องซาย่าได้ทิ้งตัวนั่งบนเตียงซึ่งตอนนี้อยู่ในสภาพเรียบร้อยอย่างที่ควรจะเป็นแล้วด้วยฝีมือของดอร์ร่า  สาย
ตาเหลือบมองผ่านหน้าต่างขึ้นไปบนฟากฟ้าเบื้องบนซึ่งดูปลอดโปร่งไม่มีวี่แววครึ้มฟ้าครึ้มฝน  และแล้วก็หวนกลับไปคิดถึงบ้านร้าน
อาหารของเธอเข้าจนได้
                    ไม่รู้ป่านนั้นพวกนั้นจะทำอะไรกันอยู่
                    คุณป้าเมเรียจะเป็นห่วงเธอไหมนะ
                    แล้วจะมีใครรู้ว่าเธอถูกจับให้อยู่แต่ในวังนี่  ข่าวจะรั่วออกไปถึงด้านนอกไหมนะ
          ยิ่งคิดก็ยิ่งพาลคิดถึงคนด้านนอก  ดอร์ร่าก็ดูน่าสนุกอยู่หรอก  แต่สู้คนที่สามารถเถียงเธอกลับได้ชนิดทำให้เธอต้อง
เงียบอย่างเอทัวล์ไม่ได้  แล้วยังมีอเล็กซ์อีก  ป่านนี้ไม่รู้โดนเอทัวล์ต่อว่าต่อขานอะไรเข้าให้อีกหรือไม่  แต่คิดได้ถึงเท่านี้ก็มีเสียง
เคาะประตูห้องเธอดังขึ้น
          “ดอร์ร่า..??  เอาอาหารเข้ามาเลย  ประตูมันไม่ได้ล็อค”  เสียงตอบกลับไปทันทีโดยไม่คิดแม้แต่จะหันมามองบุคคลที่เดิน
เข้ามาเลยแม้เพียงนิดเดียว  จนกระทั่งเสียงทักดังขึ้น
          “ทำไมไม่ลงไปทานอาหารด้วยกัน..?” สิ้นเสียงคนทักที่ไม่ใช่เสียงของคนที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นทำให้เธอสะดุ้งเฮือก
ใหญ่  ก่อนที่จะหันกลับไปมองคนที่เดินเข้าห้องมา
          “ฉันไม่กิน” คำตอบสั้นๆหลุดออกมาจากปากสาวน้อยที่ตอนนี้หน้างอลงไปถนัดหลังจากรู้ตัวคนที่เข้ามาในห้องของเธอแล้ว
          “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน  แล้วไปขอให้ดอร์ร่ายกอาหารขึ้นมาที่ห้องทำไม”  เสียงถามที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่เคย
เป็นเมื่อนานมาแล้ว  แต่คนฟังกลับไม่รับรู้เอาเสียอย่างนั้น  ยังคงเถียงกลับไป
          “ฉันจะกินถ้าไม่ใช่จะต้องกินร่วมโต๊ะกับคนทรยศอย่างนาย ”  คำพูดนี้ทำเอาคนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย  ก่อนที่จะเอ่ยปาก
ตอบกลับ
          “ข้าไม่เคยทรยศต่อราชวงศ์ ”  คำกล่าวออกมาที่ทำให้อีกฝ่ายเงียบลงไปทันที  ก่อนที่จะมองหน้าชายหนุ่มด้านหน้าด้วยแวว
ตาที่สื่อชัดเจนว่าไม่เชื่อเรื่องที่เขาบอก
          “มาบอกตอนนี้ใครเขาจะเชื่อ  ถ้านายไม่ทรยศแล้วจะมาอยู่ในฐานะกษัตริย์ได้อย่างไร  ไหนลองบอกให้ฉันฟังหน่อยสิ”  น้ำ
เสียงที่แฝงแววสนุกเล็กน้อย  แต่คนฟังนึกทบทวนดูตอนหลังดูเหมือนว่าจะน้ำเสียงที่แสดงถึงความเคลือบแคลงสงสัยในตัวตนของ
เขาด้วย
          “ตอนนี้ถึงจะอธิบายอย่างไร  ข้าว่าองค์หญิงต้องไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูดแน่  สู้ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า  ว่าใครกันแน่ที่
เป็นคนร้าย ”  พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทิ้งให้คนฟังต้องนั่งทบทวนเรื่องราวใหม่  สักพักดอร์ร่าก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาด
อาหาร  ทันทีที่เจ้าหล่อนปิดประตูก็เริ่มโอดครวญให้นายหญิงของตนฟัง
          “คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกเลยนะเพคะ องค์หญิง  เมื่อครู่ที่ไปบอกองค์กษัตริย์ตามที่องค์หญิงบอก  พระองค์ดูกริ้วมากเลย
นะเพคะ  คราวหลังอย่าปฏิเสธรับสั่งเลยนะเพคะ  ถือว่าหม่อมฉันขอร้อง”  สิ้นเสียงบ่นคราวนี้กลับไม่มีการตอบกลับเช่นทุกทีทำให้
เจ้าตัวแปลกใจ  แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับเหตุผลว่าทำไมคราวนี้คนช่างเถียงถึงเงียบลง  เพราะตรงหน้าเธอสาวน้อยกำลังกิน
อาหารที่เธอเพิ่งวางลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
          “โธ่ องค์หญิง  ไม่งามเลยนะเพคะ”  เสียงบ่นด้วยความหน่ายใจดังขึ้นอีกครั้งกับการกระทำขององค์หญิงผู้ซึ่งไม่เคยทำ
อะไรได้สมกับฐานะของตน  ก่อนที่เจ้าตัวคนฟังจะรีบกลืนอาหารในปากลงคอไปแล้วพูดขึ้น
          “มารยาทอีกแล้ว  มาที่นี่อะไรๆก็ว่าโยงไปถึงเรื่องมารยาท  ฉันไม่กินไปพูดไปก็ดีเท่าไหนแล้ว ”  คำพูดตอบกลับที่ทำให้คน
ฟังนึกเป็นห่วงหากว่าองค์หญิงตรงหน้าเธอต้องกลับคืนสู่ฐานะอย่างแท้จริงเข้าสักวัน  เมื่อถึงเวลานั้นทุกคนจะต้องปวดหัวกันแน่ๆ
          “เพราะอย่างนั้นถึงต้องรีบฝึกไงเพคะ  เวลาเสวยก็ไม่ต้องรีบร้อนมาก  ค่อยๆตักแค่พอดีคำ ”  คำอธิบายยังคงถูก
พล่ามออกไปจนยาวเหยียด  ส่วนตัวคนฟังได้แค่นั่งยิ้มอยู่ในช่วงแรกเนื่องด้วยมาฝึกตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะอาหารถูกเธอทาน
เข้าไปจนหมดแล้ว  จนสักพักเมื่อเธอตระหนักขึ้นได้ว่าเล็คเชอร์วิชามารยาทในวังที่แม่นางกำนัลดอร์ร่าพยายามจะให้เธอฝึกไว้
นั้นคงไม่จบลงง่ายๆแน่ก็เริ่มหันเหไปมองออกนอกหน้าต่างอีก
          “องค์หญิง !!  ฟังที่หม่อมฉันพูดบ้างหรือเปล่าเพคะ”  เสียงตะโกนดังขึ้นเมื่อจับได้ว่าคนที่เธอพยายามพูดเสียยาวให้ฟังนั้น
สายตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง
          “อ๋อ อืม เวลากินต้องตักเข้าปากช้าๆสินะ”  คำตอบกลับจากคนที่เพิ่งเรียกสติตนกลับมาเพราะเสียงตะโกนที่ดังขึ้น  ในขณะ
ที่อีกฝ่ายทำหน้านิ่ว
          “นั่นมันผ่านไปนานแล้วนะเพคะ  องค์หญิงไม่ได้ฟังที่หม่อมฉันพูดจริงๆด้วยสินะเพคะ”  น้ำเสียงแสดงถึงความเหนื่อยเต็ม
ทนกับสาวน้อยตรงหน้า
          “โธ่ ก็บอกแล้วไง  ว่าไม่ต้องมาสอนมารยาทในวังให้ฉันเรียนหรอก  มันน่าเบื่อจะตาย ”  น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นบ่งบอก
ถึงความเบื่อเสียเต็มประดา 
          “อีกอย่างนะ  วันนี้ฟ้าออกจะปลอดโปร่งแบบนี้  ไปเดินเล่นที่สวนด้านหลังกันเถอะ”  เสียงหวานใสยังคงเอ่ยขึ้นต่อไปในเมื่อ
อีกฝ่ายหนึ่งไม่พูดตอบกลับ  พูดจบก็ไม่รีรออะไรต่อไปรีบเดินไปเปิดประตูและเดินออกจากห้องไปทันที
          “องค์หญิง !!”  เสียงดอร์ร่าดังขึ้นเมื่อรู้ว่าเจ้าตัวได้เดินออกจากห้องไปอีกครา
          ทางเดินไปยังสวนด้านหลังวังนั้นมีทหารเฝ้าอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ซึ่งเป็นผลดีกับตัวเธอเพราะไม่อยากให้ใครเอาเรื่องไป
รายงานองค์กษัตริย์นั่น  แต่ก่อนที่จะได้เดินไปถึงสวนนั้นก็มีเสียงทักเธอขึ้นมาก่อน
          “เสด็จออกมาพระองค์เดียวอีกแล้วนะพะย่ะค่ะ  เดี๋ยวองค์กษัตริย์รู้เข้าจะทรงกริ้วเอาอีกพะย่ะค่ะ”  เสียงชายหนุ่มผมทองที่
มักโผล่ออกมาได้จังหวะเสียทุกทีทำให้สาวน้อยต้องหันกลับไปตอบแบบเดิม
          “จะออกไปเดินเล่น  ที่สวนด้านหลัง  เอาล่ะ..ตอบครบแล้วฉันไปนะ”  แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าออกเดินต่อไปก็มีคำถามมาให้
ได้ยินอีก
          “จะไปเดินเล่น  ทำไมไม่เอาดอร์ร่าไม่ด้วยล่ะพะย่ะค่ะ”  น้ำเสียงยังคงแฝงไปด้วยความสงสัยในคำอ้างของเธอ  ทำให้เจ้าตัว
ต้องรีบตอบกลับไป
          “ก็น่าเบื่อจะตาย  ไปไหนมาไหนก็ต้องโดนตามอยู่แบบนั้น  แถมช่วงหลังๆนี้ยังพยายามจับฉันเรียนมารยาทใหม่หมดอีก
ด้วย”  เสียงบ่นจากปากสาวน้อยตรงหน้าที่ทำให้คนฟังต้องทวนอย่างงงๆ
          “มารยาท..??” เอริคทวนขึ้นมา
          “ใช่  น่าเบื่อจะตาย ” คำพูดที่รีบตอบหวังว่าอีกฝ่ายจะปล่อยให้เธอไปเร็วขึ้น  แต่คำตอบที่ได้กลับมานั้นยิ่งทำให้เธอโมโห
ขึ้นอีก
          “ก็ดีพะย่ะค่ะ  องค์หญิงจะได้ศึกษามารยาทในวังที่ต้องใช้อย่างจริงๆจังๆด้วย ” พูดยังไม่ทันจบสาวน้อยตรงหน้าก็ทนต่อไป
ไม่ไหวแล้ว
          “พอกันที ”  สิ้นคำพูดของเธอก็มีน้ำมาจากไหนไม่รู้สาดเข้าใส่หน้าชายหนุ่มตรงๆ  ก่อนที่เธอจะเดินจากไป
ทิ้งให้เขานึกเอาเองต่อไปว่าเธอไปอารมณ์เสียมาจากที่ไหน  แต่จนแล้วจนรอดก็นึกไม่ออกเสียทีจำต้องกลับไป
เปลี่ยนชุดที่เปียกปอนจากเวทย์น้ำเมื่อครู่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น