ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Princess of Rossignol

    ลำดับตอนที่ #6 : ความจริง...??

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 47




              “องค์หญิงโซมารีน่าที่หายสาบสูญไปกลับมาที่วังแล้ว…??”  เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นทำให้อีกคนต้องรีบทำมือให้ลดระดับ



    เสียงลงหน่อย



              “งั้นจะทำอย่างไรกันดีล่ะ”  เสียงชายคนเดิมถามอีกฝ่ายขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเมื่อครู่  ทำให้อีกฝ่ายตรงหน้ามีรอยยิ้มอัน



    หาดูได้ยากปรากฏที่มุมปาก  เป็นรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นเสียเหลือเกินสำหรับเขา



              “ก็ไม่เห็นต้องด่วนรีบร้อน   ไม่ว่าอย่างไรเจ้าหล่อนก็หนีไม่พ้นอีกแล้วในคราวนี้   เมื่อถึงเวลาก็ส่งคนไปจัดการเสียก็สิ้น



    เรื่อง”  คำตอบที่ได้กลับมาทำให้สีหน้าคนฟังซีดเผือด  จ้องมองคนตรงหน้าที่เขาคิดว่ารู้จักดี  แต่ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือน



    แค่เคยรู้จักเท่านั้น



              “แต่ก่อนหน้านั้น   อย่าให้เรื่องนี้ได้รั่วไหลออกไปนะ  คงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม”  สิ้นคำพูดที่ไม่มีแววแห่งความเมตตา



    ปราณีปรากฏขึ้นอยู่เลยเจ้าตัวก็เดินออกจากห้องไป  ทิ้งให้ชายวัยกลางคนนั่งทรุดลงไปกับพื้นด้วยเพราะคำพูดเมื่อครู่





    ======================================





              “เบื่อๆๆๆ….”  เสียงองค์หญิงผู้ซึ่งตอนนี้ถูกขังให้อยู่แต่ในห้องดังขึ้นเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้  ทำให้ดอร์ร่านางกำนัลประจำกาย



    ต้องวิ่งวุ่นไปกับสิ่งที่เจ้าหล่อนทำแก้เบื่อ   เพราะว่าสภาพห้องในตอนนี้รกจนดูไม่ออกว่านี่เป็นห้องนอน  ทั้งผ้าคลุมเตียงหรือหมอน



    ต่างก็ถูกวางอยู่สะเปะสะปะเพราะฝีมือของใครบางคน





              “ดอร์ร่า  ให้ฉันออกไปข้างนอกหน่อยไม่ได้หรือ”  ในที่สุดก็จนใจต้องหันมาขอร้องคนข้างตัวแล้วก็ถูกปฏิเสธเหมือนเช่น



    ทุกที





              “ไม่ได้เพคะ  เดี๋ยวองค์หญิงทำเรื่องยุ่งแบบคราวที่แล้วอีก  ตอนนั้นหม่อมฉันต้องตามหาไปทั่วเลยนะเพคะ”  นางกำนัลยก



    เหตุผลให้คนขอต้องสะอึกก่อนจะรีบแก้ตัว



              “ครั้งนั้นไม่เกี่ยวนะ   อีกอย่างมันไม่ใช่เรื่องยุ่งเสียหน่อย  แต่คราวนี้ฉันเบื่อมากๆๆๆเลยนี่นา  รับรองว่าจะไม่ก่อเรื่องอีก



    แล้ว  ขอออกไปเถอะนะ”  ย้อนกลับมาเรื่องเดิมจนได้ทำให้ดอร์ร่าต้องเหนื่อยใจกับนายหญิงของตน  ก่อนที่จะพูดถามย้ำขึ้น





              “แน่นะเพคะ  ไม่ก่อเรื่องแน่นะเพคะ” คำถามที่ทำให้คนฟังยิ้มออกก่อนที่ตกปากรับคำ  ทำให้เจ้าตัวคนถามนึกขอให้ไม่ได้



    ถามคำถามนั้นออกไปเลย  ก่อนจะรีบตามนายหญิงของตนออกไปเพราะทันทีที่เธอยอมให้ออกไปเจ้าหล่อนก็รีบเดินออกจากห้อง



    ไปทันที





              “อย่าไปไกลนะเพคะ  เดี๋ยวองค์หญิงต้องเสวยกับองค์กษัตริย์นะเพคะ”  สิ้นเสียงคนพูดทำให้องค์หญิงต้องตาโตกับคำพูดนั้น





              “หา…!!  ทำไมฉันต้องไปกินกับหมอนั่นด้วย…”พูดได้แค่นี้ก็โดนมือของอีกฝ่ายคว้าปิด ปากเสียก่อนที่จะมีคำพูดที่เลวร้ายกว่านี้



    ออกมาจากปากของเธอ  ทำให้คนถูกปิดปากต้องดิ้นขลุกขลักจนกระทั่งมือของอีกฝ่ายคลายออก



              “อะไรกัน  ฉันยังไม่ได้พูดอะไรแย่มากออกมาเสียหน่อย…”เสียงหวานใสบ่นอุบขึ้นมาหลังจากที่อีกฝ่ายเอามือออกจากการปิด



    ปากเธอแล้ว





              “นั่นก็แย่พอแล้วนะเพคะ   องค์หญิง…อย่าทำให้หม่อมฉันต้องเดือดร้อนไปมากกว่านี้เลยนะเพคะ  สัญญาแล้วไงเพคะว่าจะ



    ไม่ก่อเรื่อง”  คำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายเงียบไปก่อนที่จะยิ้มออกพร้อมกับเอ่ยปากขึ้น





              “ฉันสัญญาว่าจะไม่ก่อเรื่องยุ่ง   แต่ฉันไม่ได้สัญญาว่าจะเลิกพูดว่าองค์กษัตริย์ของเธอนี่นา”  พูดจบก็ทำให้คนฟังหน้าซีดลง



    ถนัดใจก่อนที่จะร้องขอ





              “แต่องค์หญิงเพคะ   อย่าพูดแบบนั้นอีกนะเพคะ”  คำพูดที่ทำให้สาวน้อยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะรับคำขึ้นมา





              “จ้าๆ  ไม่พูดก็ไม่พูด  แต่ฉันไม่รับรองว่าจะทนไปจนถึงเมื่อไรนะ”  คำตกลงดังขึ้นจากปากสาวน้อยตรงหน้าไม่ได้ทำให้คน



    ฟังรู้สึกดีขึ้นเท่าไรนัก  แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย  คิดเช่นนั้นก่อนจะตามนายหญิงของตนที่ตอนนี้เริ่มออกเดินไปอีกแล้ว







              “ดอร์ร่า  เอาชุดแบบเดิมมาให้ฉันใส่ไม่ได้หรือ..??”  เสียงองค์หญิงเอ่ยถามขึ้นทั้งที่รู้ว่าคำตอบที่ได้รับจะต้องเป็น…





              “ไม่ได้เพคะ   ตอนนี้องค์หญิงกลับมาอยู่ที่วังแล้ว  ก็ต้องแต่งแบบที่องค์หญิงควรจะแต่งกัน  คราวหน้าหม่อมฉันคิดว่าจะต้อง



    สอนมารยาทในวังให้องค์หญิงด้วย”  คำพูดที่เล่นเอาคนฟังแทบกลืนน้ำลายไม่ลง







                        สอนมารยาทในวังให้เธอเนี่ยนะ   ฝันเกินไปแล้ว…







              “ไม่ต้องก็ได้มั้ง   มารยาทในวังน่ะยุ่งยากจะตาย”  เสียงค้านดังขึ้นแผ่วๆจากปากองค์หญิงผู้ไม่เคยคิดจะฝึกมารยาทให้สม



    กับฐานะของตน   คำพูดที่ให้คนฟังต้องถอนใจกับความคิดของนายหญิงของตน





              “องค์หญิงไปอยู่ข้างนอกเสียนาน   จนนิสัยออกจะเหมือนเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาแล้วด้วยซ้ำ  ถ้าไม่ฝึกแล้วจะทำได้อย่างไร



    ล่ะเพคะ”  เสียงบ่นดังขึ้นก่อนจะเงียบไปด้วยความตกใจ  เพราะสาวน้อยตรงหน้าเธอกำลังจัดแจงดึงชายกระโปรงที่ยาวกร่อมเท้า



    ขึ้นมาผูกเพื่อให้สั้นลง  แล้วยังเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีก





              “เอาล่ะ  แบบนี้ยังจะเดินสะดวกกว่าเลย…”  คำพูดที่ถูกเอ่ยขึ้นที่ทำให้คนฟังแทบจะลมใส่กับความคิดขององค์หญิงพระองค์นี้





              “อย่าทรงทำอะไรแบบนั้นสิเพคะ   ปล่อยชายกระโปรงมาเป็นแบบเดิมเถอะเพคะ”  เสียงร้องค้านดังขึ้นทันทีที่เจ้าตัวเรียก



    สติกลับคืนมาได้  สิ่งที่ขอกับสาวน้อยตรงหน้าดูจะเป็นไปได้ยากเสียเหลือเกิน  ในเมื่อเจ้าตัวยิ้มหวานออกมาและเอ่ยปากขึ้นเบาๆ





              “ไม่เอา…ถ้าในเมื่อเอาชุดแบบเก่ามาใส่ไม่ได้  ก็จะขอทำแบบนี้ให้เหมาะสมกับตัวฉันหน่อยล่ะ”  คำพูดเอาแต่ใจทำให้



    ดอร์ร่าต้องส่ายหัวกับนิสัยของนายหญิงของตน  ก่อนที่จะรีบหาเรื่องขึ้นมาพูดหวังให้เจ้าหล่อนรีบเอาชายกระโปรงลงเหมือน



    เดิมก่อนที่จะมีใครเดินผ่านไปมาเห็นเข้า







              “อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลาที่จะต้องไปเสวยแล้วนะเพคะ   รีบไปก่อนจะทำให้องค์กษัตริย์ทรงกริ้วดีกว่านะเพคะ”  คำพูดของนาง



    กำนัลประจำตัวทำให้คนฟังแทบจะสะดุดเท้าตนเองก่อนที่จะตอบกลับไป





              “ทำไมถึงจะต้องไปกินกับองค์กษัตริย์ของเธอด้วย   ไปบอกว่าฉันไม่กิน”  เสียงหวานใสเริ่มแปรเปลี่ยนไปด้วยความหงุด



    หงิด  คำพูดที่ถูกเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันดังทำให้เหล่าทหารยามแถวนั้นหันมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่เดิม



    ของตนเนื่องด้วยชินกับเรื่องเช่นนี้เสียแล้ว  ตั้งแต่สามวันก่อนมีเรื่องทำนองนี้เกิดอยู่ทุกวัน  นึกๆดูแล้วก็หนักใจแทนองค์กษัตริย์



    ของพวกเขา  จะรั้งตัวเธอไปทำไมกันทั้งๆที่บอกว่าเรื่องจบไปแล้ว





              “แต่ว่าองค์หญิงเพคะ   องค์กษัตริย์เป็นผู้สั่งมาเองเลยนะเพคะ   ไปเถอะนะเพคะ  อย่าให้ต้องเกิดเรื่องวุ่นๆอีกเลยนะเพ



    คะ”  เสียงค้านที่คนที่สมควรจะฟังกลับดื้อด้านไม่ยอมรับฟังเอาเฉยๆ  ในที่สุดคนพูดก็ต้องปลงเสียเองและถามขึ้นอีก





              “องค์หญิงจะไม่เสวยแน่นะเพคะ”  สิ้นคำถามที่ให้คนฟังนั่งนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับเบาๆ





              “เอาอาหารมาให้ฉันที่ห้องละกัน”  พูดจบเจ้าตัวก็เดินกลับห้องของตนโดยทันที  ปล่อยให้ดอร์ร่ายืนอมยิ้มอยู่ชั่วครู่ก่อนจะ



    ออกวิ่งตามเธอไป





    ================================





              เมื่อกลับมาถึงห้องซาย่าได้ทิ้งตัวนั่งบนเตียงซึ่งตอนนี้อยู่ในสภาพเรียบร้อยอย่างที่ควรจะเป็นแล้วด้วยฝีมือของดอร์ร่า  สาย



    ตาเหลือบมองผ่านหน้าต่างขึ้นไปบนฟากฟ้าเบื้องบนซึ่งดูปลอดโปร่งไม่มีวี่แววครึ้มฟ้าครึ้มฝน  และแล้วก็หวนกลับไปคิดถึงบ้านร้าน



    อาหารของเธอเข้าจนได้







                        ไม่รู้ป่านนั้นพวกนั้นจะทำอะไรกันอยู่…





                        คุณป้าเมเรียจะเป็นห่วงเธอไหมนะ…





                        แล้วจะมีใครรู้ว่าเธอถูกจับให้อยู่แต่ในวังนี่   ข่าวจะรั่วออกไปถึงด้านนอกไหมนะ…







              ยิ่งคิดก็ยิ่งพาลคิดถึงคนด้านนอก   ดอร์ร่าก็ดูน่าสนุกอยู่หรอก  แต่สู้คนที่สามารถเถียงเธอกลับได้ชนิดทำให้เธอต้อง



    เงียบอย่างเอทัวล์ไม่ได้  แล้วยังมีอเล็กซ์อีก  ป่านนี้ไม่รู้โดนเอทัวล์ต่อว่าต่อขานอะไรเข้าให้อีกหรือไม่  แต่คิดได้ถึงเท่านี้ก็มีเสียง



    เคาะประตูห้องเธอดังขึ้น





              “ดอร์ร่า..??  เอาอาหารเข้ามาเลย  ประตูมันไม่ได้ล็อค”  เสียงตอบกลับไปทันทีโดยไม่คิดแม้แต่จะหันมามองบุคคลที่เดิน



    เข้ามาเลยแม้เพียงนิดเดียว  จนกระทั่งเสียงทักดังขึ้น





              “ทำไมไม่ลงไปทานอาหารด้วยกัน..?” สิ้นเสียงคนทักที่ไม่ใช่เสียงของคนที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นทำให้เธอสะดุ้งเฮือก



    ใหญ่  ก่อนที่จะหันกลับไปมองคนที่เดินเข้าห้องมา





              “ฉันไม่กิน” คำตอบสั้นๆหลุดออกมาจากปากสาวน้อยที่ตอนนี้หน้างอลงไปถนัดหลังจากรู้ตัวคนที่เข้ามาในห้องของเธอแล้ว





              “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน   แล้วไปขอให้ดอร์ร่ายกอาหารขึ้นมาที่ห้องทำไม”  เสียงถามที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่เคย



    เป็นเมื่อนานมาแล้ว  แต่คนฟังกลับไม่รับรู้เอาเสียอย่างนั้น  ยังคงเถียงกลับไป





              “ฉันจะกินถ้าไม่ใช่จะต้องกินร่วมโต๊ะกับคนทรยศอย่างนาย…”  คำพูดนี้ทำเอาคนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย   ก่อนที่จะเอ่ยปาก



    ตอบกลับ





              “ข้าไม่เคยทรยศต่อราชวงศ์…”  คำกล่าวออกมาที่ทำให้อีกฝ่ายเงียบลงไปทันที  ก่อนที่จะมองหน้าชายหนุ่มด้านหน้าด้วยแวว



    ตาที่สื่อชัดเจนว่าไม่เชื่อเรื่องที่เขาบอก





              “มาบอกตอนนี้ใครเขาจะเชื่อ  ถ้านายไม่ทรยศแล้วจะมาอยู่ในฐานะกษัตริย์ได้อย่างไร  ไหนลองบอกให้ฉันฟังหน่อยสิ”  น้ำ



    เสียงที่แฝงแววสนุกเล็กน้อย  แต่คนฟังนึกทบทวนดูตอนหลังดูเหมือนว่าจะน้ำเสียงที่แสดงถึงความเคลือบแคลงสงสัยในตัวตนของ



    เขาด้วย





              “ตอนนี้ถึงจะอธิบายอย่างไร  ข้าว่าองค์หญิงต้องไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูดแน่   สู้ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า  ว่าใครกันแน่ที่



    เป็นคนร้าย…”  พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทิ้งให้คนฟังต้องนั่งทบทวนเรื่องราวใหม่   สักพักดอร์ร่าก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาด



    อาหาร   ทันทีที่เจ้าหล่อนปิดประตูก็เริ่มโอดครวญให้นายหญิงของตนฟัง





              “คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกเลยนะเพคะ…องค์หญิง  เมื่อครู่ที่ไปบอกองค์กษัตริย์ตามที่องค์หญิงบอก  พระองค์ดูกริ้วมากเลย



    นะเพคะ  คราวหลังอย่าปฏิเสธรับสั่งเลยนะเพคะ   ถือว่าหม่อมฉันขอร้อง”  สิ้นเสียงบ่นคราวนี้กลับไม่มีการตอบกลับเช่นทุกทีทำให้



    เจ้าตัวแปลกใจ  แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับเหตุผลว่าทำไมคราวนี้คนช่างเถียงถึงเงียบลง   เพราะตรงหน้าเธอสาวน้อยกำลังกิน



    อาหารที่เธอเพิ่งวางลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว





              “โธ่…องค์หญิง  ไม่งามเลยนะเพคะ”  เสียงบ่นด้วยความหน่ายใจดังขึ้นอีกครั้งกับการกระทำขององค์หญิงผู้ซึ่งไม่เคยทำ



    อะไรได้สมกับฐานะของตน  ก่อนที่เจ้าตัวคนฟังจะรีบกลืนอาหารในปากลงคอไปแล้วพูดขึ้น



              “มารยาทอีกแล้ว  มาที่นี่อะไรๆก็ว่าโยงไปถึงเรื่องมารยาท  ฉันไม่กินไปพูดไปก็ดีเท่าไหนแล้ว…”  คำพูดตอบกลับที่ทำให้คน



    ฟังนึกเป็นห่วงหากว่าองค์หญิงตรงหน้าเธอต้องกลับคืนสู่ฐานะอย่างแท้จริงเข้าสักวัน   เมื่อถึงเวลานั้นทุกคนจะต้องปวดหัวกันแน่ๆ





               “เพราะอย่างนั้นถึงต้องรีบฝึกไงเพคะ   เวลาเสวยก็ไม่ต้องรีบร้อนมาก  ค่อยๆตักแค่พอดีคำ…”  คำอธิบายยังคงถูก



    พล่ามออกไปจนยาวเหยียด  ส่วนตัวคนฟังได้แค่นั่งยิ้มอยู่ในช่วงแรกเนื่องด้วยมาฝึกตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะอาหารถูกเธอทาน



    เข้าไปจนหมดแล้ว   จนสักพักเมื่อเธอตระหนักขึ้นได้ว่าเล็คเชอร์วิชามารยาทในวังที่แม่นางกำนัลดอร์ร่าพยายามจะให้เธอฝึกไว้



    นั้นคงไม่จบลงง่ายๆแน่ก็เริ่มหันเหไปมองออกนอกหน้าต่างอีก





              “องค์หญิง…!!  ฟังที่หม่อมฉันพูดบ้างหรือเปล่าเพคะ”  เสียงตะโกนดังขึ้นเมื่อจับได้ว่าคนที่เธอพยายามพูดเสียยาวให้ฟังนั้น



    สายตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง





              “อ๋อ…อืม…เวลากินต้องตักเข้าปากช้าๆสินะ”  คำตอบกลับจากคนที่เพิ่งเรียกสติตนกลับมาเพราะเสียงตะโกนที่ดังขึ้น  ในขณะ



    ที่อีกฝ่ายทำหน้านิ่ว





              “นั่นมันผ่านไปนานแล้วนะเพคะ  องค์หญิงไม่ได้ฟังที่หม่อมฉันพูดจริงๆด้วยสินะเพคะ”  น้ำเสียงแสดงถึงความเหนื่อยเต็ม



    ทนกับสาวน้อยตรงหน้า





              “โธ่…ก็บอกแล้วไง  ว่าไม่ต้องมาสอนมารยาทในวังให้ฉันเรียนหรอก   มันน่าเบื่อจะตาย…”  น้ำเสียงที่ตอบกลับมานั้นบ่งบอก



    ถึงความเบื่อเสียเต็มประดา  





              “อีกอย่างนะ   วันนี้ฟ้าออกจะปลอดโปร่งแบบนี้  ไปเดินเล่นที่สวนด้านหลังกันเถอะ”  เสียงหวานใสยังคงเอ่ยขึ้นต่อไปในเมื่อ



    อีกฝ่ายหนึ่งไม่พูดตอบกลับ  พูดจบก็ไม่รีรออะไรต่อไปรีบเดินไปเปิดประตูและเดินออกจากห้องไปทันที





              “องค์หญิง…!!”  เสียงดอร์ร่าดังขึ้นเมื่อรู้ว่าเจ้าตัวได้เดินออกจากห้องไปอีกครา…







              ทางเดินไปยังสวนด้านหลังวังนั้นมีทหารเฝ้าอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ซึ่งเป็นผลดีกับตัวเธอเพราะไม่อยากให้ใครเอาเรื่องไป



    รายงานองค์กษัตริย์นั่น  แต่ก่อนที่จะได้เดินไปถึงสวนนั้นก็มีเสียงทักเธอขึ้นมาก่อน





              “เสด็จออกมาพระองค์เดียวอีกแล้วนะพะย่ะค่ะ   เดี๋ยวองค์กษัตริย์รู้เข้าจะทรงกริ้วเอาอีกพะย่ะค่ะ”  เสียงชายหนุ่มผมทองที่



    มักโผล่ออกมาได้จังหวะเสียทุกทีทำให้สาวน้อยต้องหันกลับไปตอบแบบเดิม





              “จะออกไปเดินเล่น   ที่สวนด้านหลัง  เอาล่ะ..ตอบครบแล้วฉันไปนะ”  แต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าออกเดินต่อไปก็มีคำถามมาให้



    ได้ยินอีก





              “จะไปเดินเล่น  ทำไมไม่เอาดอร์ร่าไม่ด้วยล่ะพะย่ะค่ะ”  น้ำเสียงยังคงแฝงไปด้วยความสงสัยในคำอ้างของเธอ  ทำให้เจ้าตัว



    ต้องรีบตอบกลับไป





              “ก็น่าเบื่อจะตาย  ไปไหนมาไหนก็ต้องโดนตามอยู่แบบนั้น  แถมช่วงหลังๆนี้ยังพยายามจับฉันเรียนมารยาทใหม่หมดอีก



    ด้วย”  เสียงบ่นจากปากสาวน้อยตรงหน้าที่ทำให้คนฟังต้องทวนอย่างงงๆ





              “มารยาท..??” เอริคทวนขึ้นมา





              “ใช่  น่าเบื่อจะตาย…” คำพูดที่รีบตอบหวังว่าอีกฝ่ายจะปล่อยให้เธอไปเร็วขึ้น  แต่คำตอบที่ได้กลับมานั้นยิ่งทำให้เธอโมโห



    ขึ้นอีก





              “ก็ดีพะย่ะค่ะ  องค์หญิงจะได้ศึกษามารยาทในวังที่ต้องใช้อย่างจริงๆจังๆด้วย…” พูดยังไม่ทันจบสาวน้อยตรงหน้าก็ทนต่อไป



    ไม่ไหวแล้ว





              “พอกันที…”  สิ้นคำพูดของเธอก็มีน้ำมาจากไหนไม่รู้สาดเข้าใส่หน้าชายหนุ่มตรงๆ  ก่อนที่เธอจะเดินจากไป



    ทิ้งให้เขานึกเอาเองต่อไปว่าเธอไปอารมณ์เสียมาจากที่ไหน  แต่จนแล้วจนรอดก็นึกไม่ออกเสียทีจำต้องกลับไป



    เปลี่ยนชุดที่เปียกปอนจากเวทย์น้ำเมื่อครู่






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×