ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Princess of Rossignol

    ลำดับตอนที่ #5 : เอริค

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 47




              “ไม่ได้นะเพคะ   อย่าทรงฉลองพระองค์เช่นนั้นเลยนะเพคะ”  เสียงนางกำนัลดังขึ้นด้วยความตกใจ   ในเมื่อสาวน้อยตรง



    หน้าที่เธอได้รับคำสั่งจากองค์กษัตริย์ให้มาถวายการรับใช้เลือกที่จะใส่ชุดที่ดูทะมัดทะแมงไม่ใช่อย่างที่องค์หญิงควรจะเลือกกัน





              “ทำไมถึงไม่ได้   ฉันก็ใส่ของฉันแบบนี้มาตลอด  แล้วเลิกใช้คำราชาศัพท์กับฉันเสียที   ตอนนี้ฉันไม่ใช่องค์หญิง



    แล้ว !!”  เจ้าตัวพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้นางกำนัลคนนั้นอึกอักอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรีบวิ่งตามเธอไป





              “รีบกลับห้องเถอะเพคะ   เดี๋ยวองค์กษัตริย์มาเห็นเข้าจะทรงกริ้วเอานะเพคะ”  เสียงร้องขอดังขึ้นจากนางกำนัลผู้ซึ่งในที่สุด



    ก็วิ่งตามองค์หญิงที่ทำตัวไม่สมกับเป็นองค์หญิงเท่าไรนัก   นางกำนัลมองบุคคลตรงหน้าด้วยความอ่อนใจ   ผมสีน้ำตาลอ่อนที่เดิม



    เคยยาวคลอเคลียบ่าไปจนถึงกลางหลังถูกเจ้าตัวตัดออกไปจนเหลือแค่ประบ่าเท่านั้น  ชุดที่เธอเลือกเฟ้นมาให้เปลี่ยนก็ถูกตอบ



    ปฏิเสธลั่นจากเจ้าตัวก่อนที่จะเลือกเอาเอง  แล้วชุดที่นายหญิงของเธอเลือกได้นั้น  สำหรับเธอดูสภาพแล้วไม่ต่างไปจากชุดทหาร



    เสียเท่าไรนัก  







                        แต่ทำไมองค์หญิงองค์นี้ถึงทำท่าชอบอกชอบใจนักก็ไม่รู้…







              “มาทำอะไรตรงนี้”  เสียงดุเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ทั้งสองสะดุ้งด้วยความตกใจ   เมื่อหันไปทางต้นเสียงก็พบกับชายหนุ่มผู้ได้



    ชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งประเทศนี้   นางกำนัลรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันทีที่ได้รับรู้ว่าสายตาดุๆจ้องมองมาทางเธอ  แต่องค์หญิงต้นเรื่อง



    ยังคงเชิดหน้าเผชิญกับสายตานั้นอย่างไม่กลัวเกรงก่อนจะเอ่ยตอบคำถามขึ้น





              “ออกมาเดินเล่น  หรือว่าฉันไม่มีสิทธิ์ออกมาเดินนอกห้องตั้งแต่โดนจับคราวนั้น”  คำตอบกำปั้นทุบดินที่ทำให้คนรับคำตอบ



    โกรธยิ่งขึ้น   นางกำนัลด้านข้างได้แต่จ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างแปลกใจเล็กน้อยที่สาวน้อยตรงหน้าไม่มีวี่แววว่าจะกลัวอีก



    ฝ่ายเอาเสียเลย





              “เราไม่ได้จับกุมใคร”  คำกล่าวที่พยายามอดกลั้นความโกรธหลุดออกมาจากปากชายหนุ่มตรงหน้า  แต่กลับทำให้ซาย่า



    มองกลับไปด้วยสายตาไม่พอใจยิ่งขึ้น





              “ไม่ได้จับ..??   แล้วที่ให้ฉันต้องอยู่แต่ในนี้น่ะหมายความว่าอย่างไร   แถมยังต้องให้คนมาตามติดฉันแบบนี้ตลอดเนี่ย



    นะ…”  พูดมาได้ถึงแค่นี้ก็โดนนางกำนัลที่ทนฟังมาตลอดจนทนไม่ไหวลากเธอเดินกลับห้องไป  และมีเสียงดุไล่หลังเธอให้ได้ยินว่า





              “ดอร์ร่า   หาเสื้อผ้าที่ดีกว่านี้ให้องค์หญิงใส่ด้วย !!”





    =================================





              “อะไรกัน   ทำไมเธอต้องลากฉันกลับมาห้องด้วย”  ซาย่าพูดด้วยความโมโหเมื่อเข้าห้องมาแล้ว  ดอร์ร่าได้แต่มองนายหญิง



    ของตนแล้วถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะพูดตอบ





              “องค์หญิงทรงกล้ามากนะเพคะ  ไปต่อปากต่อคำกับพระองค์ได้  ไม่มีใครเคยกล้าทำมาก่อนเลยนะเพคะ” สิ้นคำพูดที่คนฟัง



    ทำหน้าไม่ถูก   ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรือประชดกันแน่





              “ดุขนาดนั้นเชียวหรือ  เฟรเดคริกซ์ น่ะ..” สิ้นเสียงคำถามที่ทำให้อีกฝ่ายทำสีหน้าตกใจก่อนที่จะรีบยกมือห้ามองค์หญิงขึ้น





              “อย่าตรัสชื่อเรียกพระองค์ง่ายๆเช่นนั้นสิเพคะ   ใครได้ยินเข้าหม่อมฉันจะแย่เอานะเพคะ” เสียงร้องขอดังขึ้นทำให้ซาย่า



    อมยิ้มขึ้นมาอย่างนึกสนุกตามนิสัย   ก่อนโดนสายตาดุๆปรามตัวเธอจนต้องนั่งปล่อยให้ดอร์ร่าเล่าเรื่องราวต่างๆให้เธอฟัง





              “ถ้าใครทำให้พระองค์ทรงกริ้วล่ะก็  คนๆนั้นจะโดนลงโทษตามกฏของทหารโดยไม่คำนึงว่าเป็นใครเลยนะเพคะ”  เสียงของ



    คนเล่าแฝงไปด้วยความกลัว   แต่คนฟังกลับอมยิ้มด้วยความสนุกซึ่งทำให้คนเล่าต้องส่ายหัวอย่างปลงๆด้วยว่าไม่สามารถทำให้



    องค์หญิงองค์นี้กลัวในเรื่องปกติที่องค์หญิงทั่วๆไปกลัวได้เอาเสียเลย  คนฟังเห็นคนเล่าเงียบไปจึงทักขึ้น





              “อ้าว..จบแล้วหรอกหรือ   แค่นี้ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย  เฟรเดคริกซ์น่ะ  เขาก็ทำแบบทุกทีเมื่อเป็นหัวหน้าราชองครักษ์



    นี่…”  เสียงคนฟังที่ยังเริงร่าเหมือนเดิม





              “องค์หญิงเพคะ…!!” เสียงร้องขอจากดอร์ร่าดังขึ้นอีกครั้ง  ทำให้เจ้าตัวหัวเราะขึ้นเบาๆก่อนจะตอบรับคำ





              “จ้าๆ   ต้องไม่เรียกว่าเฟรเดคริกซ์ก็พอใช่ไหม..  แล้วจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ  คนทรยศดีไหม…??”  วรรคสุดท้ายของประโยค



    แฝงไปด้วยน้ำเสียงที่แปลกจากเดิม   ส่งผลให้คนฟังต้องหน้าถอดสีก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามาสบตากับนายหญิงของตนผู้ซึ่งตอนนี้



    แววแห่งสนุกสนานได้เลือนหายไปจากดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้นแล้ว   เหลือเพียงความโกรธที่ยังคงฝังรากลึกอย่างที่ไม่มีใครหยั่งถึง





              “ฉันออกไปข้างนอกนะ”  ซาย่ากล่าวขึ้นในที่สุดและรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ดอร์ร่ายังคงตะลึงกับ



    ประโยคพูดและแววตาเมื่อครู่ยังไม่หาย  ก่อนที่จะ…





              “องค์หญิง….!!!”  เสียงดอร์ร่าเรียกตัวองค์หญิงผู้ไม่เคยพูดจาให้สมกับฐานะอีกครา…





    =====================================





                        เฮ้อ….สลัดทิ้งออกมาได้เสียที   ต้องใช้วิธีนี้สินะ…







              ซาย่าคิดพลางรีบสาวเท้าไปยังที่ๆเธอคิดว่าแม่นางกำนัลคนนั้นจะไม่สามารถหาตัวเธอได้อย่างรวดเร็วนัก  เธอคงจะเดินลิ่ว



    ออกไปยังสวนด้านหลังเขตราชฐานหากไม่มีเสียงหนึ่งเรียกตัวเธอให้หยุดเสียก่อน





              “อ้าว…  องค์หญิงโซมารีน่า  จะรีบเสด็จไปไหนพะย่ะค่ะ”  สิ้นเสียงทักที่เธอไม่คุ้นเคย  ซาย่าหันกลับไปมองบุคคลที่ทักเธอ



    เมื่อครู่  เขาเป็นชายที่เธอเห็นอยู่ด้านข้างบัลลังก์เมื่อครั้งงานเฉลิมฉลองที่ผ่านมา  ตอนนี้ผมสีทองของเขาถูกรวบไว้อย่างดีด้าน



    หลัง  ดวงตาสีน้ำทะเลมีแววสงสัยในตัวเธอเล็กน้อยแต่ก็ยังคงยิ้มให้  จากชุดที่ใส่แสดงให้เห็นว่าคนๆนี้มีตำแหน่งไม่ธรรมดา





              “ฉันว่าจะออกมาเดินเล่นเสียหน่อย   หรือคุณทหารจะว่าหากฉันก้าวออกจากห้องมา…”  เสียงหวานใสกล่าวขึ้นอย่างแฝงขอ



    ร้องเล็กน้อย  ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าอดยิ้มไม่ได้ก่อนจะกล่าวตอบเธอ





              “กระหม่อมไม่มีสิทธิ์ห้ามในการตัดสินพระทัยขององค์หญิงหรอกพะย่ะค่ะ   หากแต่กระหม่อมสงสัยว่านางกำนัลที่ได้รับพระ



    ราชทานหายไปไหนเสียพะย่ะค่ะ”  สิ้นคำถามตรงๆจากคนตรงหน้าทำให้คนที่บอกว่าจะไปเดินเล่นต้องชะงักไปชั่วครู่  ก่อนจะแต่ง



    เรื่องตอบกลับไป





              “ฉันสั่งให้ไปหาของให้ฉันนิดเดียวเท่านั้นเอง  เดี๋ยวก็มาแล้วล่ะ”  ตอบกลับพร้อมกับยิ้มหวาน  พลางภาวนาให้เรื่องที่เธอ



    แต่งไปนี่ฟังดูเข้าที





              “แต่เมื่อครู่กระหม่อมเห็นเจ้าหล่อนตามหาตัวพระองค์ให้วุ่นไปนะพะย่ะค่ะ”  คำตอบกลับมาทำให้คนแต่งเรื่องต้องหน้าเสีย



    ก่อนที่จะคิดข้อตกลงขึ้นมากระทันหัน





              “คุณทหาร    ฉันขอออกไปเดินเล่นชมสวนนิดเดียวเท่านั้นเองนะ   ขอฉันไปคิดอะไรคนเดียวบ้างไม่ได้หรือ…”  สิ้นคำขอร้อง



    ของสาวน้อยที่ทำให้เขาต้องคิดหนัก





              “แต่…”  คำกล่าวห้ามกำลังจะถูกกล่าว  แต่ไม่ทันจะได้พูดออกไป  ซาย่าก็ชิงพูดขึ้นก่อน



              “ไม่มีใครบอก  ไม่มีใครรู้   ขอครั้งนี้ครั้งเดียวเองนะ  ไม่ได้หรือ..??”  คำขอที่ออกจะเอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้ทำให้ชายหนุ่ม



    ตรงหน้าต้องคิดหนักก่อนที่จะยิ้มกลับไปพร้อมคำตอบ





              “ก็ได้พะย่ะค่ะ  หากแต่องค์หญิงจะต้องให้กระหม่อมตามเสด็จด้วย…”  สิ้นเสียงคำตอบคราวนี้ทำให้คนร้องขอต้องตาโตกับคำ



    ขอที่กลับมา





              “แต่…” คำที่จะกล่าวออกมาแต่ก็พูดได้ไม่จบ   ก็เธอจะเปิดปากบอกทหารตรงหน้าได้อย่างไรว่าจริงๆเธอจะหาทางหนีออก



    จากที่นี่น่ะ  จนในที่สุดก็ต้องยอมเลยตามเลยไป  แล้วรีบเดินออกจากที่ตรงนั้นโดยมีชายหนุ่มคนนั้นเดินตามหลังไป





              “เธอชื่ออะไรน่ะ   ฉันไม่เคยรู้จักเธอเลยใช่ไหม”  คำถามที่หลุดออกมาจากปากสาวน้อยหลังจากที่เงียบมานาน  คำถามที่



    ให้คนตอบยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับไป





              “เอริค  พะย่ะค่ะ”  คำตอบที่ให้คนฟังพยักหน้าหงึกๆรับคำก่อนที่จะเอ่ยถามต่อไป



              “แล้วยศของเธอล่ะ   ฉันดูแล้วคงไม่ใช่แค่ทหารปลายแถวธรรมดาแน่”  คำถามนี้เรียกเสียงหัวเราะจากคนถูกถามได้ระยะ



    หนึ่งก่อนที่จะรีบกลั้นเสียงหัวเราะไป  แล้วตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่อดไม่ไหว





              “หม่อมฉันก็เป็นเพียงทหารราชองครักษ์ธรรมดาๆนั่นแหละพะย่ะค่ะ   เพียงแต่…” คำพูดทิ้งท้ายไว้เล็กน้อยส่งผลให้คนฟัง



    ต้องหันกลับมาจ้องมองเล็กน้อย  ก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อไป  “เพียงแต่หม่อมฉันมีฐานะเป็นน้องชายขององค์กษัตริย์องค์ปัจจุบันเท่า



    นั้นเอง…”





              “เอ๋…  แต่ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเฟรเดคริกซ์มีน้องด้วย...” พูดได้เท่านี้ก็ต้องรีบเอามือปิดปากตัวเอง  เพราะคนฟัง



    จ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจ  แล้วจึงอธิบายให้เธอฟังเล็กน้อย





              “กระหม่อมเป็นลูกคนละแม่กับองค์กษัตริย์น่ะพะย่ะค่ะ   และได้เข้ามามีตำแหน่งในวังจริงๆจังๆก็หลังกบฏเมื่อคราวนั้น  



    องค์หญิงไม่รู้จักกระหม่อมก็สมควรอยู่พะย่ะค่ะ”  คนพูดพูดด้วยน้ำเสียงที่เธอฟังไม่ออกว่ามันมีความหมายแฝงอะไรไว้หรือ



    เปล่า  แต่ก็เอ่ยปากบอกกับเขาว่า





              “เลิกใช้คำลงท้ายแบบนั้นกับฉันเถอะ  รู้สึกแปลกๆ  ตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้เป็นองค์หญิงสักหน่อย”  ซาย่าพูดส่งท้ายให้ชาย



    หนุ่มรับคำก่อนที่จะเดินต่อไปจนกระทั่งถึงสวนที่เธออ้างว่าจะออกมาเดินเล่น





              สวนที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์   ที่ๆเธอชอบออกมาเล่นเสมอยามที่เคยอยู่ที่นี่ในสมัยก่อน  เสียงน้ำไหลดังแว่วมาจาก



    น้ำพุตรงกลางสวนที่เสด็จพ่อของเธอสั่งให้สร้างให้ตอนวันเกิดของเธอเมื่อสิบปีที่แล้ว  ภาพต่างๆในอดีตที่เธอยังจำได้ติดตา   คิด



    พลางเดินตรงไปที่น้ำพุนั้นซึ่งยังได้รับการดูแลอย่างดี  ไม่เสื่อมไปตามกาลเวลาอย่างที่เธอนึกเท่าไรนัก  โลมาหินอ่อนที่เธอนึกชอบ



    เสมอยังคงดูสวยงามเหมือนเดิม  ไม่มีตะไคร้นำเกาะแม้เพียงนิดเดียว





              “แอบหนีมาอยู่ที่นี่เอง…”  เสียงดุๆดังขึ้นด้านหลัง  เสียงที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีก่อนที่จะหันกลับไปพบกับดวงตา



    สีหมอกที่มีแววแห่งความไม่พอใจฉายชัด   ด้านหลังเขาคือนางกำนัลดอร์ร่าที่มีท่าทางหวาดหวั่นเล็กน้อยกับสายตาที่เธอจ้องกลับ



    ไป





              “องค์หญิงอย่าทรงทำเรื่องยุ่งมากเลยจะดีกว่า    ดอร์ร่าต้องเสียเวลาวิ่งเที่ยวตามหาพระองค์เสียนาน”  ชายหนุ่มยังคงพูดต่อ



    ไป  ซาย่ายังคงจ้องกลับด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์ก่อนจะพูดขึ้น





              “ฉันไม่ใช่คนที่เธอจะมานั่งสั่งสอนได้  เฟรเดคริกซ์”  น้ำเสียงใสๆที่แสดงให้รู้ว่ากำลังโกรธ  “แล้วเธอ…ดอร์ร่า  ฉันไม่ได้ขอ



    ให้เธอเที่ยววิ่งตามหาฉันไปทั่ว  หรือต้องรายงานทุกฝีก้าวของฉันให้คนๆนี้..??”  ดอร์ร่ามองกลับนายหญิงของตนด้วยแววตาหวาด



    กลัว   ในขณะที่เอริคที่อยู่ในที่นั้นด้วยจ้องมองเหตุการณ์ด้วยความสนอกสนใจ   ไม่เคยมีใครในวังนี้กระทั่งตัวเขาเองกล้าขัดใจ



    บุรุษตรงหน้าเลย





              “ขอประทานอภัย  แต่กระหม่อมเห็นควรว่าทรงปล่อยองค์หญิงได้ทำตามพระทัยบ้างเถิดพะย่ะค่ะ”  เอริคกล่าวขึ้นในที่



    สุด  ทำให้ทั้งคู่ชะงักอยู่แค่นั้นก่อนที่จะหันมามองคนห้ามครั้งนี้





              “ปล่อยเดี๋ยวก็ทรงทำอะไรตามใจอีก”  เสียงเข้มๆดังขึ้นจากชายหนุ่มผู้เป็นกษัตริย์





              “แต่ครั้งนี้องค์หญิงก็อยู่ในสายตากระหม่อมตลอดเวลา   ครั้งนี้ทรงยุติการคาดโทษเถิดพะย่ะค่ะ”  คนค้านยังคงใช้เหตุผล



    สนับสนุนช่วยต่อไป  ทำให้คนที่ถูกขัดนั้นอารมณ์เสียยิ่งขึ้น





              “ข้าจำไม่ได้ว่าได้พูดออกไปว่าจะคาดโทษองค์หญิงตั้งแต่เมื่อไร   หรือเจ้าอ่านใจข้าได้  เอริค” คำกล่าวห้วนๆดังขึ้นมาทำ



    ให้คนค้านต้องชะงักไปเล็กน้อย  “แต่ก็ช่างเถอะ   ดอร์ร่า  นำทางองค์หญิงกลับห้อง”





              “เพคะ”  เจ้าตัวรับคำและกำลังจะพาองค์หญิงผู้ที่ยังอารมณ์เสียกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เลิกและพูดโพล่งออกไป





              “ไม่ต้อง   ฉันเดินกลับเองได้ไม่ต้องให้คนช่วย”  กล่าวพลางรีบเดินออกหน้านางกำนัลจนทำให้เจ้าหล่อนต้องวิ่งตามไป  และ



    ยังคงมีเสียงตะโกนทิ้งท้ายให้คนด้านหลังได้ฟังอีก





              “นายไม่มีสิทธิ์มาสอนฉัน  เข้าใจไหม   ฉันจะรับฟังคำสอนก็ต่อเมื่อนายตายไปแล้วเท่านั้น”  สิ้นเสียงพูดนี้ก็ยังคงมีเสียงนาง



    กำนัลที่ต้องวิ่งตามนายหญิงของตนไปเอะอะให้ได้ยินกันต่อเรื่องที่องค์หญิงพูดอะไรที่ไม่สมควรพูด   เอริคหันมามองหน้าพี่ชาย



    ต่างแม่ของตนซึ่งตอนนี้มีสีหน้าที่ใครก็อ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่





              “เป็นองค์หญิงที่กล้ามากเลยนะพะย่ะค่ะ”  เสียงฝ่ายหนึ่งพูดขึ้นหลังจากเงียบได้สักพัก  ซึ่งทำให้อีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย



    ก่อนกล่าวเสริมขึ้น





              “กล้ามาก   แบบไม่มีองค์หญิงที่ไหนเสมอเหมือนด้วย”  พูดจบก็เดินจากสถานที่นั้นไป  ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องตี



    ความหมายคำพูดนั้นเอาเอง  แล้วเงยหน้าจ้องมองไปยังทิศทางที่ซาย่าเดินกลับไปพร้อมนางกำนัลพร้อมกับรอยยิ้ม



    ที่ปรากฏขึ้นที่มุมปาก   ก่อนที่จะผิวปากขึ้นมาด้วยความพอใจ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×