ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เอริค
          “ไม่ได้นะเพคะ  อย่าทรงฉลองพระองค์เช่นนั้นเลยนะเพคะ”  เสียงนางกำนัลดังขึ้นด้วยความตกใจ  ในเมื่อสาวน้อยตรง
หน้าที่เธอได้รับคำสั่งจากองค์กษัตริย์ให้มาถวายการรับใช้เลือกที่จะใส่ชุดที่ดูทะมัดทะแมงไม่ใช่อย่างที่องค์หญิงควรจะเลือกกัน
          “ทำไมถึงไม่ได้  ฉันก็ใส่ของฉันแบบนี้มาตลอด  แล้วเลิกใช้คำราชาศัพท์กับฉันเสียที  ตอนนี้ฉันไม่ใช่องค์หญิง
แล้ว !!”  เจ้าตัวพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้นางกำนัลคนนั้นอึกอักอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรีบวิ่งตามเธอไป
          “รีบกลับห้องเถอะเพคะ  เดี๋ยวองค์กษัตริย์มาเห็นเข้าจะทรงกริ้วเอานะเพคะ”  เสียงร้องขอดังขึ้นจากนางกำนัลผู้ซึ่งในที่สุด
ก็วิ่งตามองค์หญิงที่ทำตัวไม่สมกับเป็นองค์หญิงเท่าไรนัก  นางกำนัลมองบุคคลตรงหน้าด้วยความอ่อนใจ  ผมสีน้ำตาลอ่อนที่เดิม
เคยยาวคลอเคลียบ่าไปจนถึงกลางหลังถูกเจ้าตัวตัดออกไปจนเหลือแค่ประบ่าเท่านั้น  ชุดที่เธอเลือกเฟ้นมาให้เปลี่ยนก็ถูกตอบ
ปฏิเสธลั่นจากเจ้าตัวก่อนที่จะเลือกเอาเอง  แล้วชุดที่นายหญิงของเธอเลือกได้นั้น  สำหรับเธอดูสภาพแล้วไม่ต่างไปจากชุดทหาร
เสียเท่าไรนัก 
                    แต่ทำไมองค์หญิงองค์นี้ถึงทำท่าชอบอกชอบใจนักก็ไม่รู้
          “มาทำอะไรตรงนี้”  เสียงดุเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ทั้งสองสะดุ้งด้วยความตกใจ  เมื่อหันไปทางต้นเสียงก็พบกับชายหนุ่มผู้ได้
ชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งประเทศนี้  นางกำนัลรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันทีที่ได้รับรู้ว่าสายตาดุๆจ้องมองมาทางเธอ  แต่องค์หญิงต้นเรื่อง
ยังคงเชิดหน้าเผชิญกับสายตานั้นอย่างไม่กลัวเกรงก่อนจะเอ่ยตอบคำถามขึ้น
          “ออกมาเดินเล่น  หรือว่าฉันไม่มีสิทธิ์ออกมาเดินนอกห้องตั้งแต่โดนจับคราวนั้น”  คำตอบกำปั้นทุบดินที่ทำให้คนรับคำตอบ
โกรธยิ่งขึ้น  นางกำนัลด้านข้างได้แต่จ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างแปลกใจเล็กน้อยที่สาวน้อยตรงหน้าไม่มีวี่แววว่าจะกลัวอีก
ฝ่ายเอาเสียเลย
          “เราไม่ได้จับกุมใคร”  คำกล่าวที่พยายามอดกลั้นความโกรธหลุดออกมาจากปากชายหนุ่มตรงหน้า  แต่กลับทำให้ซาย่า
มองกลับไปด้วยสายตาไม่พอใจยิ่งขึ้น
          “ไม่ได้จับ..??  แล้วที่ให้ฉันต้องอยู่แต่ในนี้น่ะหมายความว่าอย่างไร  แถมยังต้องให้คนมาตามติดฉันแบบนี้ตลอดเนี่ย
นะ ”  พูดมาได้ถึงแค่นี้ก็โดนนางกำนัลที่ทนฟังมาตลอดจนทนไม่ไหวลากเธอเดินกลับห้องไป  และมีเสียงดุไล่หลังเธอให้ได้ยินว่า
          “ดอร์ร่า  หาเสื้อผ้าที่ดีกว่านี้ให้องค์หญิงใส่ด้วย !!”
=================================
          “อะไรกัน  ทำไมเธอต้องลากฉันกลับมาห้องด้วย”  ซาย่าพูดด้วยความโมโหเมื่อเข้าห้องมาแล้ว  ดอร์ร่าได้แต่มองนายหญิง
ของตนแล้วถอนหายใจเบาๆก่อนที่จะพูดตอบ
          “องค์หญิงทรงกล้ามากนะเพคะ  ไปต่อปากต่อคำกับพระองค์ได้  ไม่มีใครเคยกล้าทำมาก่อนเลยนะเพคะ” สิ้นคำพูดที่คนฟัง
ทำหน้าไม่ถูก  ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรือประชดกันแน่
          “ดุขนาดนั้นเชียวหรือ  เฟรเดคริกซ์ น่ะ..” สิ้นเสียงคำถามที่ทำให้อีกฝ่ายทำสีหน้าตกใจก่อนที่จะรีบยกมือห้ามองค์หญิงขึ้น
          “อย่าตรัสชื่อเรียกพระองค์ง่ายๆเช่นนั้นสิเพคะ  ใครได้ยินเข้าหม่อมฉันจะแย่เอานะเพคะ” เสียงร้องขอดังขึ้นทำให้ซาย่า
อมยิ้มขึ้นมาอย่างนึกสนุกตามนิสัย  ก่อนโดนสายตาดุๆปรามตัวเธอจนต้องนั่งปล่อยให้ดอร์ร่าเล่าเรื่องราวต่างๆให้เธอฟัง
          “ถ้าใครทำให้พระองค์ทรงกริ้วล่ะก็  คนๆนั้นจะโดนลงโทษตามกฏของทหารโดยไม่คำนึงว่าเป็นใครเลยนะเพคะ”  เสียงของ
คนเล่าแฝงไปด้วยความกลัว  แต่คนฟังกลับอมยิ้มด้วยความสนุกซึ่งทำให้คนเล่าต้องส่ายหัวอย่างปลงๆด้วยว่าไม่สามารถทำให้
องค์หญิงองค์นี้กลัวในเรื่องปกติที่องค์หญิงทั่วๆไปกลัวได้เอาเสียเลย  คนฟังเห็นคนเล่าเงียบไปจึงทักขึ้น
          “อ้าว..จบแล้วหรอกหรือ  แค่นี้ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย  เฟรเดคริกซ์น่ะ  เขาก็ทำแบบทุกทีเมื่อเป็นหัวหน้าราชองครักษ์
นี่ ”  เสียงคนฟังที่ยังเริงร่าเหมือนเดิม
          “องค์หญิงเพคะ !!” เสียงร้องขอจากดอร์ร่าดังขึ้นอีกครั้ง  ทำให้เจ้าตัวหัวเราะขึ้นเบาๆก่อนจะตอบรับคำ
          “จ้าๆ  ต้องไม่เรียกว่าเฟรเดคริกซ์ก็พอใช่ไหม..  แล้วจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ  คนทรยศดีไหม ??”  วรรคสุดท้ายของประโยค
แฝงไปด้วยน้ำเสียงที่แปลกจากเดิม  ส่งผลให้คนฟังต้องหน้าถอดสีก่อนจะค่อยๆเงยหน้ามาสบตากับนายหญิงของตนผู้ซึ่งตอนนี้
แววแห่งสนุกสนานได้เลือนหายไปจากดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้นแล้ว  เหลือเพียงความโกรธที่ยังคงฝังรากลึกอย่างที่ไม่มีใครหยั่งถึง
          “ฉันออกไปข้างนอกนะ”  ซาย่ากล่าวขึ้นในที่สุดและรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ดอร์ร่ายังคงตะลึงกับ
ประโยคพูดและแววตาเมื่อครู่ยังไม่หาย  ก่อนที่จะ
          “องค์หญิง .!!!”  เสียงดอร์ร่าเรียกตัวองค์หญิงผู้ไม่เคยพูดจาให้สมกับฐานะอีกครา
=====================================
                    เฮ้อ .สลัดทิ้งออกมาได้เสียที  ต้องใช้วิธีนี้สินะ
          ซาย่าคิดพลางรีบสาวเท้าไปยังที่ๆเธอคิดว่าแม่นางกำนัลคนนั้นจะไม่สามารถหาตัวเธอได้อย่างรวดเร็วนัก  เธอคงจะเดินลิ่ว
ออกไปยังสวนด้านหลังเขตราชฐานหากไม่มีเสียงหนึ่งเรียกตัวเธอให้หยุดเสียก่อน
          “อ้าว   องค์หญิงโซมารีน่า  จะรีบเสด็จไปไหนพะย่ะค่ะ”  สิ้นเสียงทักที่เธอไม่คุ้นเคย  ซาย่าหันกลับไปมองบุคคลที่ทักเธอ
เมื่อครู่  เขาเป็นชายที่เธอเห็นอยู่ด้านข้างบัลลังก์เมื่อครั้งงานเฉลิมฉลองที่ผ่านมา  ตอนนี้ผมสีทองของเขาถูกรวบไว้อย่างดีด้าน
หลัง  ดวงตาสีน้ำทะเลมีแววสงสัยในตัวเธอเล็กน้อยแต่ก็ยังคงยิ้มให้  จากชุดที่ใส่แสดงให้เห็นว่าคนๆนี้มีตำแหน่งไม่ธรรมดา
          “ฉันว่าจะออกมาเดินเล่นเสียหน่อย  หรือคุณทหารจะว่าหากฉันก้าวออกจากห้องมา ”  เสียงหวานใสกล่าวขึ้นอย่างแฝงขอ
ร้องเล็กน้อย  ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าอดยิ้มไม่ได้ก่อนจะกล่าวตอบเธอ
          “กระหม่อมไม่มีสิทธิ์ห้ามในการตัดสินพระทัยขององค์หญิงหรอกพะย่ะค่ะ  หากแต่กระหม่อมสงสัยว่านางกำนัลที่ได้รับพระ
ราชทานหายไปไหนเสียพะย่ะค่ะ”  สิ้นคำถามตรงๆจากคนตรงหน้าทำให้คนที่บอกว่าจะไปเดินเล่นต้องชะงักไปชั่วครู่  ก่อนจะแต่ง
เรื่องตอบกลับไป
          “ฉันสั่งให้ไปหาของให้ฉันนิดเดียวเท่านั้นเอง  เดี๋ยวก็มาแล้วล่ะ”  ตอบกลับพร้อมกับยิ้มหวาน  พลางภาวนาให้เรื่องที่เธอ
แต่งไปนี่ฟังดูเข้าที
          “แต่เมื่อครู่กระหม่อมเห็นเจ้าหล่อนตามหาตัวพระองค์ให้วุ่นไปนะพะย่ะค่ะ”  คำตอบกลับมาทำให้คนแต่งเรื่องต้องหน้าเสีย
ก่อนที่จะคิดข้อตกลงขึ้นมากระทันหัน
          “คุณทหาร    ฉันขอออกไปเดินเล่นชมสวนนิดเดียวเท่านั้นเองนะ  ขอฉันไปคิดอะไรคนเดียวบ้างไม่ได้หรือ ”  สิ้นคำขอร้อง
ของสาวน้อยที่ทำให้เขาต้องคิดหนัก
          “แต่ ”  คำกล่าวห้ามกำลังจะถูกกล่าว  แต่ไม่ทันจะได้พูดออกไป  ซาย่าก็ชิงพูดขึ้นก่อน
          “ไม่มีใครบอก  ไม่มีใครรู้  ขอครั้งนี้ครั้งเดียวเองนะ  ไม่ได้หรือ..??”  คำขอที่ออกจะเอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้ทำให้ชายหนุ่ม
ตรงหน้าต้องคิดหนักก่อนที่จะยิ้มกลับไปพร้อมคำตอบ
          “ก็ได้พะย่ะค่ะ  หากแต่องค์หญิงจะต้องให้กระหม่อมตามเสด็จด้วย ”  สิ้นเสียงคำตอบคราวนี้ทำให้คนร้องขอต้องตาโตกับคำ
ขอที่กลับมา
          “แต่ ” คำที่จะกล่าวออกมาแต่ก็พูดได้ไม่จบ  ก็เธอจะเปิดปากบอกทหารตรงหน้าได้อย่างไรว่าจริงๆเธอจะหาทางหนีออก
จากที่นี่น่ะ  จนในที่สุดก็ต้องยอมเลยตามเลยไป  แล้วรีบเดินออกจากที่ตรงนั้นโดยมีชายหนุ่มคนนั้นเดินตามหลังไป
          “เธอชื่ออะไรน่ะ  ฉันไม่เคยรู้จักเธอเลยใช่ไหม”  คำถามที่หลุดออกมาจากปากสาวน้อยหลังจากที่เงียบมานาน  คำถามที่
ให้คนตอบยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับไป
          “เอริค  พะย่ะค่ะ”  คำตอบที่ให้คนฟังพยักหน้าหงึกๆรับคำก่อนที่จะเอ่ยถามต่อไป
          “แล้วยศของเธอล่ะ  ฉันดูแล้วคงไม่ใช่แค่ทหารปลายแถวธรรมดาแน่”  คำถามนี้เรียกเสียงหัวเราะจากคนถูกถามได้ระยะ
หนึ่งก่อนที่จะรีบกลั้นเสียงหัวเราะไป  แล้วตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่อดไม่ไหว
          “หม่อมฉันก็เป็นเพียงทหารราชองครักษ์ธรรมดาๆนั่นแหละพะย่ะค่ะ  เพียงแต่ ” คำพูดทิ้งท้ายไว้เล็กน้อยส่งผลให้คนฟัง
ต้องหันกลับมาจ้องมองเล็กน้อย  ก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อไป  “เพียงแต่หม่อมฉันมีฐานะเป็นน้องชายขององค์กษัตริย์องค์ปัจจุบันเท่า
นั้นเอง ”
          “เอ๋   แต่ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเฟรเดคริกซ์มีน้องด้วย...” พูดได้เท่านี้ก็ต้องรีบเอามือปิดปากตัวเอง  เพราะคนฟัง
จ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจ  แล้วจึงอธิบายให้เธอฟังเล็กน้อย
          “กระหม่อมเป็นลูกคนละแม่กับองค์กษัตริย์น่ะพะย่ะค่ะ  และได้เข้ามามีตำแหน่งในวังจริงๆจังๆก็หลังกบฏเมื่อคราวนั้น 
องค์หญิงไม่รู้จักกระหม่อมก็สมควรอยู่พะย่ะค่ะ”  คนพูดพูดด้วยน้ำเสียงที่เธอฟังไม่ออกว่ามันมีความหมายแฝงอะไรไว้หรือ
เปล่า  แต่ก็เอ่ยปากบอกกับเขาว่า
          “เลิกใช้คำลงท้ายแบบนั้นกับฉันเถอะ  รู้สึกแปลกๆ  ตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้เป็นองค์หญิงสักหน่อย”  ซาย่าพูดส่งท้ายให้ชาย
หนุ่มรับคำก่อนที่จะเดินต่อไปจนกระทั่งถึงสวนที่เธออ้างว่าจะออกมาเดินเล่น
          สวนที่เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์  ที่ๆเธอชอบออกมาเล่นเสมอยามที่เคยอยู่ที่นี่ในสมัยก่อน  เสียงน้ำไหลดังแว่วมาจาก
น้ำพุตรงกลางสวนที่เสด็จพ่อของเธอสั่งให้สร้างให้ตอนวันเกิดของเธอเมื่อสิบปีที่แล้ว  ภาพต่างๆในอดีตที่เธอยังจำได้ติดตา  คิด
พลางเดินตรงไปที่น้ำพุนั้นซึ่งยังได้รับการดูแลอย่างดี  ไม่เสื่อมไปตามกาลเวลาอย่างที่เธอนึกเท่าไรนัก  โลมาหินอ่อนที่เธอนึกชอบ
เสมอยังคงดูสวยงามเหมือนเดิม  ไม่มีตะไคร้นำเกาะแม้เพียงนิดเดียว
          “แอบหนีมาอยู่ที่นี่เอง ”  เสียงดุๆดังขึ้นด้านหลัง  เสียงที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีก่อนที่จะหันกลับไปพบกับดวงตา
สีหมอกที่มีแววแห่งความไม่พอใจฉายชัด  ด้านหลังเขาคือนางกำนัลดอร์ร่าที่มีท่าทางหวาดหวั่นเล็กน้อยกับสายตาที่เธอจ้องกลับ
ไป
          “องค์หญิงอย่าทรงทำเรื่องยุ่งมากเลยจะดีกว่า    ดอร์ร่าต้องเสียเวลาวิ่งเที่ยวตามหาพระองค์เสียนาน”  ชายหนุ่มยังคงพูดต่อ
ไป  ซาย่ายังคงจ้องกลับด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์ก่อนจะพูดขึ้น
          “ฉันไม่ใช่คนที่เธอจะมานั่งสั่งสอนได้  เฟรเดคริกซ์”  น้ำเสียงใสๆที่แสดงให้รู้ว่ากำลังโกรธ  “แล้วเธอ ดอร์ร่า  ฉันไม่ได้ขอ
ให้เธอเที่ยววิ่งตามหาฉันไปทั่ว  หรือต้องรายงานทุกฝีก้าวของฉันให้คนๆนี้..??”  ดอร์ร่ามองกลับนายหญิงของตนด้วยแววตาหวาด
กลัว  ในขณะที่เอริคที่อยู่ในที่นั้นด้วยจ้องมองเหตุการณ์ด้วยความสนอกสนใจ  ไม่เคยมีใครในวังนี้กระทั่งตัวเขาเองกล้าขัดใจ
บุรุษตรงหน้าเลย
          “ขอประทานอภัย  แต่กระหม่อมเห็นควรว่าทรงปล่อยองค์หญิงได้ทำตามพระทัยบ้างเถิดพะย่ะค่ะ”  เอริคกล่าวขึ้นในที่
สุด  ทำให้ทั้งคู่ชะงักอยู่แค่นั้นก่อนที่จะหันมามองคนห้ามครั้งนี้
          “ปล่อยเดี๋ยวก็ทรงทำอะไรตามใจอีก”  เสียงเข้มๆดังขึ้นจากชายหนุ่มผู้เป็นกษัตริย์
          “แต่ครั้งนี้องค์หญิงก็อยู่ในสายตากระหม่อมตลอดเวลา  ครั้งนี้ทรงยุติการคาดโทษเถิดพะย่ะค่ะ”  คนค้านยังคงใช้เหตุผล
สนับสนุนช่วยต่อไป  ทำให้คนที่ถูกขัดนั้นอารมณ์เสียยิ่งขึ้น
          “ข้าจำไม่ได้ว่าได้พูดออกไปว่าจะคาดโทษองค์หญิงตั้งแต่เมื่อไร  หรือเจ้าอ่านใจข้าได้  เอริค” คำกล่าวห้วนๆดังขึ้นมาทำ
ให้คนค้านต้องชะงักไปเล็กน้อย  “แต่ก็ช่างเถอะ  ดอร์ร่า  นำทางองค์หญิงกลับห้อง”
          “เพคะ”  เจ้าตัวรับคำและกำลังจะพาองค์หญิงผู้ที่ยังอารมณ์เสียกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เลิกและพูดโพล่งออกไป
          “ไม่ต้อง  ฉันเดินกลับเองได้ไม่ต้องให้คนช่วย”  กล่าวพลางรีบเดินออกหน้านางกำนัลจนทำให้เจ้าหล่อนต้องวิ่งตามไป  และ
ยังคงมีเสียงตะโกนทิ้งท้ายให้คนด้านหลังได้ฟังอีก
          “นายไม่มีสิทธิ์มาสอนฉัน  เข้าใจไหม  ฉันจะรับฟังคำสอนก็ต่อเมื่อนายตายไปแล้วเท่านั้น”  สิ้นเสียงพูดนี้ก็ยังคงมีเสียงนาง
กำนัลที่ต้องวิ่งตามนายหญิงของตนไปเอะอะให้ได้ยินกันต่อเรื่องที่องค์หญิงพูดอะไรที่ไม่สมควรพูด  เอริคหันมามองหน้าพี่ชาย
ต่างแม่ของตนซึ่งตอนนี้มีสีหน้าที่ใครก็อ่านไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
          “เป็นองค์หญิงที่กล้ามากเลยนะพะย่ะค่ะ”  เสียงฝ่ายหนึ่งพูดขึ้นหลังจากเงียบได้สักพัก  ซึ่งทำให้อีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย
ก่อนกล่าวเสริมขึ้น
          “กล้ามาก  แบบไม่มีองค์หญิงที่ไหนเสมอเหมือนด้วย”  พูดจบก็เดินจากสถานที่นั้นไป  ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องตี
ความหมายคำพูดนั้นเอาเอง  แล้วเงยหน้าจ้องมองไปยังทิศทางที่ซาย่าเดินกลับไปพร้อมนางกำนัลพร้อมกับรอยยิ้ม
ที่ปรากฏขึ้นที่มุมปาก  ก่อนที่จะผิวปากขึ้นมาด้วยความพอใจ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น