ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Destiny Journey

    ลำดับตอนที่ #4 : Lunar Crusander, the princess of Arentia -ลูน่าร์ ครูซานเดอร์

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 47




              บรรยากาศอันคึกคักเป็นสิ่งที่พบเห็นได้อย่างชินตาในกาเรน  มหานครอันเป็นเมืองหลวงของเอเรนเทีย   หากแต่สำหรับผู้ที่เป็นนักเดินทางบรรยากาศเช่นนี้ช่างน่าดึงดูดสายตาเสียยิ่งกว่าสิ่งใด  สองฝากฝั่งถนนเต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายแทบทุกสิ่งตั้งแต่ของทานเล่นเรื่อยไปจนถึงอัญมณีแปลกตา  ผู้คนที่ออกมาเดินจับจ่ายซื้อของอย่างไม่ใคร่จะเร่งรีบนักและเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า  เสียงหัวเราะอย่าครื้นเครงดังมาจากร้านอาหารข้างทาง  เด็กสาวหันมองบรรยากาศรอบข้างด้วยความสนใจ  เธอไม่ค่อยได้มาที่เมืองหลวงนัก  หรือถ้าจะพูดให้ถูกเสียทีเดียวคือครั้งสุดท้ายที่เธอเคยมาที่นี่นั้นคือช่วงที่เกิดสงครามเมื่อสิบปีที่แล้ว  บรรยากาศในตอนนั้นจึงช่างหม่นหมองมากกว่าในปัจจุบันนี้หลายเท่านัก  เธอเดินเข้าไปดูร้านขายขนมด้านข้างทางด้วยความสนอกสนใจ



              \"จะรับอะไรดีครับ  คุณหนู..??\"  พ่อค้ายิ้มมองมาทางมิราเคิล  ซึ่งบัดนี้มองดูขนมเค้กหลายชิ้นตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ



              \"อันนี้เป็นช็อคโกแลตฟัดจ์ครับ  ส่วนทางนี้คือชีสเค้ก  แล้วชิ้นขาวๆตรงนั้นคือวนิลาเค้กครับ\"  เขาพูดเกี่ยวกับเค้กของตนอย่างตั้งอกตั้งใจหวังว่าเธอคงจะซื้อกลับไปสักชิ้น  แต่ก่อนที่เด็กสาวจะได้ทันทำอะไรนั้นก็มีมือมาจับไหล่เธอไว้เสียก่อน  เมื่อเธอหันกลับไปก็พบนัยน์ตาสีฟ้าดุๆจ้อมมาที่เธออย่างโกรธๆก่อนจะหันไปพูดกับคนขาย



              \"ขอโทษครับ  เรามีธุระต้องรีบทำ...\"  ยูริสเทอุสพูดอย่างเร่งรีบก่อนลากตัวเด็กสาวออกจากร้านเค้กทันที  มิราเคิลทำหน้าไม่ค่อยจะพอใจนักที่โดนลากตัวออกมาเช่นนั้น  จนเมื่อถึงที่ที่คนค่อนข้างจะบางตาบ้างแล้วยูริสเทอุสจึงหันกลับมาส่งสายตาดุๆให้  ก่อนเริ่มพูดขึ้น



              \"นายหญิง...  ข้าบอกให้รอเฉยๆตรงข้างน้ำพุไง  ออกเดินไปเองแบบนั้นเดี๋ยวหลงทางแล้วจะยุ่งเอา\"  คำพูดดุๆที่แฝงด้วยความเป็นห่วงในตัวเด็กสาวดังขึ้น  มิราเคิลยิ้มเจื่อนๆเล็กน้อยก่อนพูดแก้ขึ้น



              \"ก็เดินไปแค่นั้นเอง  ไม่หลงหรอก  ยูริสน่ะเป็นห่วงมากเกินไปต่างหาก...\"



              \"ก็เพราะคิดแบบนี้น่ะสิครับ  ถึงยิ่งน่าห่วง...นี่  ถ้าหาก....\"  บทสนทนาที่ดูจะยืดยาวออกไปกลายเป็นการเทศนากัณฑ์ย่อยๆอีกเสียแล้ว  เด็กสาวเริ่มยิ้มแห้งๆอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ให้ไม่ต้องมาฟังเรื่องอบรมกันในตอนนี้



              \"นี่น่ะ  เรารีบกันไม่ใช่เหรอ  งั้นรีบไปที่พระราชวังกันเถอะนะ  ยูริส..\"  มิราเคิลพูดขึ้นพร้อมกับออกวิ่งตรงไปตามทาง  ให้คนด้านหลังมองตามอย่างอ่อนใจก่อนเร่งฝีเท้าเดินตามอย่างรวดเร็ว



    ************************************************************



              \"เข้าใจไหมครับ  ครั้งนี้ห้ามเดินไปไหนคนเดียวอีก  เดี๋ยวข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องเวลาสักครู่  ครั้งนี้อย่าไปไหนคนเดียวอีกนะครับ\"  คำสั่งเสียงเฉียบขาดดังมาจากปากชายหนุ่มร่างสูงผู้ซึ่งมีผมยาวสีเงินยวง  นัยน์ตาดุจับจ้องที่ร่างเด็กสาวตรงหน้า



              \"จ้า...  ไม่ต้องย้ำนักหนาก็ได้  ไปติดต่อธุระอะไรนั่นให้เสร็จๆเถอะ...\"  เธอพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มให้  ก่อนมองร่างของอีกฝ่ายเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะซึ่งมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่อย่างนึกโล่งใจ  ก่อนหันมองบรรยากาศรอบๆ  จุดที่เธอยืนอยู่ขณะนี้คือด้านหน้าของพระราชวังกาเรน่า  ตัวกำแพงอิฐสีขาวสูงรายล้อมรอบสวนขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณ  ฝูงนกบินร่อนตรงไปยังศูนย์กลางของสวนนั้น  หายเข้าไปหลังแนวรั้วไม้



              \"เสียงคนนี่..??\"  มิราเคิลพูดกับตัวเองอย่างนึกพิศวง  ก่อนจะเหลือบไปมองยูริสเทอุสซึ่งตอนนี้ยังคงพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ยังไม่เสร็จสิ้น  แล้วจึงตัดสินใจเดินออกไปดูต้นเสียงที่แว่วมานั้น



              ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏในสายตาหลังจากเดินผ่านรั้วไม้นั้นมาแล้ว  คือเด็กสาวผู้หนึ่ง  ผมสีเงินอมฟ้ายาวสลวย  นัยน์ตาสีฟ้าจับจ้องอยู่ที่หนังสือคาถาในมือ  ฝูงนกที่บินมานั้นต่างเกาะอยู่บนกิ่งไม้เบื้องบนพลางส่งเสียงร้องเป็นทำนองราวกับจะขับกล่อมคนด้านล่าง  นิ้วเรียวถูกยกขึ้นก่อนจะวาดสัญลักษณ์เวทบนอากาศให้ปรากฏเป็นอักษรรูนสีฟ้าใส  แล้วพลันก็ปรากฏเป็นสายน้ำไหลออกมาก่อนที่จะหายไปหลังจากสัญลักษณ์เวทย์ถูกลบเลือน  แล้วนัยน์ตาคู่ฟ้านั้นก็หันมาจับจ้องผู้ที่ถือวิสาสะมายืนดูด้านหลังรั้วไม้



              \"เอ่อ...ขอโทษนะ  ฉันไม่ได้ตั้งใจมาแอบดูหรอกนะ..\"  มิราเคิลพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองมายังเธอ  แต่เธอผู้นั้นยิ้มให้แสดงว่าไม่ได้โกรธ  ก่อนเอ่ยขึ้นบ้าง



              \"ไม่เป็นไร  ที่นี่ใครจะเข้ามาก็ได้อยู่แล้ว  ไม่ใช่ที่ส่วนตัวใคร  และอีกอย่าง  ฉันแค่มาลองเวทเล่นๆเท่านั้นเอง..\"  เธอพูดขึ้นในขณะมองหน้าของผู้มาเยือนอย่างนึกคุ้นตา  แต่ไม่ทันได้กล่าวถามอะไรมากว่านั้นก็มีเสียงเรียกหาใครบางคนดังขึ้น  มิราเคิลมองกลับไปด้านหลังพบว่ายูริสเทอุสนั้นเดินหาเธอและจวนมาถึงตรงนี้อยู่แล้ว  คิ้วทั้งคู่มุ่นเข้าหากันอย่างนึกเบื่อให้อีกฝ่ายมองด้วยความสงสัย



              \"ขอโทษนะ  คงต้องไปแล้วล่ะ  ถ้าเสร็จธุระที่นี่เร็วคงได้เจอกันอีกนะ...\"  เสียงพูดอย่างเร่งรีบก่อนที่ขาทั้งคู่จะรีบวิ่งไปยังจุดที่ชายหนุ่มกำลังมองหาตัวเธออยู่   ด้านหลังเด็กสาวผู้นั้นยังคงมองตามด้วยความสงสัย  ก่อนถอนใจและเริ่มเดินกลับเข้าประตูด้านข้างของพระราชวังที่ใช้เฉพาะเชื้อพระวงศ์เท่านั้น  โดยคิดคำนึงถึงผู้มาเยือนเมื่อครู่อย่างนึกแปลกใจ  ก่อนเอ่ยชื่อที่ได้ยินผู้เรียกตามตัวเมื่อครู่ออกมาอย่างแผ่วเบา



              \"มิราเคิล..??\"  นางกำนัลซึ่งทำความสะอาดอยู่บริเวณนั้นได้ยินคำเอ่ยนี้จึงหันมามองเด็กสาว  ก่อนเอ่ยถาม



              \"มีอะไรหรือเปล่าเพคะ  องค์หญิงลูน่าร์..??\"  เมื่อได้ยินคำถามนี้  เด็กสาวผู้นี้ส่ายศีรษะเบาๆก่อนที่จะตอบกลับ



              \"ไม่มีอะไรหรอก   ฉันแค่พูดกับตัวเองน่ะ\"  เมื่อได้ยินเช่นนี้นางกำนัลจึงหันไปทำหน้าที่ตนเองต่อไป  ลูน่าร์จึงเดินไปยังท้องพระโรง  เธอคุ้นหน้าแขกผู้มาเยือนเมื่อครู่เกินกว่าที่จะนึกไปเอง  เมื่อเจ้าตัวบอกว่ามีธุระที่นี่ก็คงไม่พ้นเรื่องการเข้าเฝ้าเสด็จพ่อของเธอ  งั้นทางที่จะพบอีกครั้งให้เร็วที่สุดและไม่พลาดคือต้องอยู่ ณ ท้องพระโรงด้วยเช่นเดียวกัน



    *************************************************************



              บรรยากาศรอบท้องพระโรงเงียบกริบจนดูน่ากลัวสำหรับเธอที่ไม่คุ้นเกี่ยวกับแบบแผนพิธีการ  มิราเคิลเหลือบมองซ้ายขวาซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาทหารราชองครักษ์ยืนเรียงรายเพื่อถวายความอารักขาเผื่อเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นอย่างนึกหวั่นในอำนาจของกษัตริย์  แต่ยังคงอุ่นใจเมื่อยูริสเทอุสเดินนำอยู่ด้านหน้าเธอ  เบื้องหน้าเป็นบังลังก์สูง  บุคคลที่ประทับอยู่ ณ ที่นั้นเป็นบุรุษวัยกลางคน  เกศาสีทองถูกเสยไปด้านหลังเพื่อไม่ให้ตกลงมาบังจักษุสีน้ำตาลที่ฉายแววใจดี  รอยยิ้มที่มุมปากบ่งบอกให้รู้ว่าคนๆนี้ไม่ใช่คนน่ากลัวอย่างที่คิด  เด็กสาวจึงค่อยยิ้มออก  ส่วนด้านข้างนั้นคือสตรีนางหนึ่งผู้มีผมสีเงินยวงดุจแสงจันทร์  นัยน์ตาสีฟ้านั้นแฝงถึงความดีใจ  ริมฝีปากสีอมชมพูเผยรอยยิ้มให้เห็น  จนเมื่อเธอเดินมาถึงจุดหนึ่งที่ยูริสเทอุสหยุดและถอยไปยืนด้านข้าง  เพื่อเผยให้บุรุษบนบังลังก์เพ่งพิจเห็นเด็กสาวด้านหลัง



              \"โตขึ้นมากเลยนะ  มิราเคิล\"  คำพูดแรกที่ตรัสออกมาจากพระโอษฐ์เมื่อเห็นเด็กสาวผู้มีผมและนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม  มิราเคิลมองผู้เอ่ยทักเธออย่างแปลกใจ



              \"ท่าน..  พระองค์รู้จักชื่อหม่อมฉันได้อย่างไรเพคะ..??\"



              \"พวกเราเคยพบกันแล้วนี่นา   เมื่อนานแสนนานมาแล้ว  เธอคงจำฉันไม่ได้...  ยิ่งดูยิ่งคล้ายอัสลานนะ...  จริงไหม  ลอเรีย\"  ประโยคสุดท้ายนั้นเขาถามหญิงที่ประทับอยู่ด้านข้าง  ผู้ที่เป็นราชินีของเอเรนเทียยิ้มรับ  ก่อนตรัสเสริม



              \"จริงเพคะ  เธอได้สีตาและสีผมของอัสลานไป  แต่โครงหน้าเหมือนจูเรียนะเพคะ\"  เธอเอ่ยหลังจากเพ่งพิจมองเด็กสาวเบื้องหน้าอย่างรำลึก  จูเรีย  ลูกสาวของเธอเติบโตมาถึงขนาดนี้แล้วนะ  เห็นบ้างหรือเปล่า  น้องสาวที่รักของฉัน..



              \"รู้จักท่านพ่อกับท่านแม่ด้วยหรือเพคะ..??\"  มิราเคิลเอ่ยถามหลังจากเงียบมานาน  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นี้แฝงความสงสัยไว้เต็มที่  หากแต่เก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ลึกลงไปภายใน



              \"จ้ะ  ฉันเป็นเพื่อนสนิทของแม่เธอ  พวกเรารักกันมากจนเหมือนเป้นพี่น้องกันมากกว่าเพียงแค่เพื่อนสนิท  เหตุการณ์เมื่อสิบปีที่แล้ว  จนถึงวันนี้ฉันเองก็ยังทำใจให้เชื่อในการจากไปของเธอไม่ได้\"  เธอหยุดพูดไปพร้อมด้วยความเศร้าที่ฉาบในตาคู่ฟ้างามนั้น



              \"พวกเราไม่เคยลืมว่าเป็นเพราะพวกเขาสองคน  เอเรนเทียจึงร้อนพ้นจากการรุกรานของพวกปีศาจในครานั้นไปได้...\"



              \"มันเป็นสิ่งที่ท่านทั้งคู่ยินดีทำเพคะ  หม่อมฉันคิดว่าพวกท่านคงพอใจและยินดีถึงแม้ผลจะออกมาในรูปแบบนี้ก็ตาม\"  มิราเคิลก้มหน้าพูดโดยไม่สบตาใครทั้งสิ้น  จนเมื่อเธอแน่ใจว่าความรู้สึกที่เอ่อล้นมานั้นถูกเก็บซ่อนไว้แล้วจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มสบตากับทั้งสองพระองค์



              \"เธอเป็นเด็กที่เข้มแข็งดีนะ...  ยูริสเทอุสคงดูแลเธอมาอย่างดี\"  คำตรัสชมดังขึ้นจากปากกษัตริย์  เด็กสาวหันไปมองหน้าชายหนุ่มด้านข้างชั่วครู่ก่อนหันมาพูดตอบ



              \"เพคะ  ยูริสเทอุสดูแลหม่อมฉันมาอย่างดีมาก....เลยเพคะ\"  คำพูดแฝงแววประชดเล็กน้อย  หากแต่ไม่มีใครจับได้ถึงความหมายแฝงในนั้น  ทั้งสองพระองค์ต่างก็สรวลออกมา  จนเมื่อองค์ราชินีทอดพระเนตรเห็นคนที่แอบดูอยู่หลังม่านแดงด้านข้างท้องพระโรง



              \"อ้าว...  ลูน่าร์  ลูกไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ  เข้ามาสิ\"  สิ้นเสียงเรียกเด็กสาวที่ยืนดูอยู่หลังม่านจึงค่อยๆเดินออกมา  และเดินตรงเข้ามายืนอยู่ด้านข้างมิราเคิลซึ่งมองมาที่เธอด้วยความดีใจ



              \"เจอกันอีกแล้วนะ..  เพคะ\"  เด็กสาวพูดขึ้นอย่างไม่ถนัดปาก  ถึงอย่างไรเธอก็ไม่คล่องเรื่องการใช้ราชาศัพท์เอาเสียทีเดียว  ส่วนองค์หญิงนั้นหน้ามุ่ยลงเล็กน้อยเมื่อฟังเธอพูดเช่นนั้น  ก่อนจะพูดขึ้น



              \"ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์กับฉันก็ได้  ไม่ต้องมีคำลงท้ายด้วย  พูดให้เหมือนกับที่เจอกันครั้งแรกนั่นแหละ\"



              \"ถ้าว่าอย่างนั้นก็ได้  เจอกันอีกแล้วนะ..\"  คราวนี้มิราเคิลพูดพลางหัวเราะเล็กน้อย  อีกฝ่ายยิ้มรับ  ก่อนที่จะหยุดบทสนทนานี้ลงเพราะคำถามดังขึ้นจากกษัตริย์



              \"พวกเธอเจอกันแล้วหรือ..??\"  น้ำเสียงมีแววแปลกพระทัยเล็กน้อย  ในขณะที่องค์หญิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว



              \"เพคะ  เจอกันเมื่อครู่นี้เองเพคะ  ลูกลงไปทดลองใช้เวทย์ที่สวนมาเพคะ\"



              \"แม่คิดว่าลูกจำเธอได้เสียอีก  สงสัยตอนนั้นทั้งคู่คงจะยังเด็กเกินไปจริงๆล่ะมัง...\"  เสียงพูดอย่างผิดหวังเล็กน้อยมาจากองค์ราชินีให้เด็กสาวทั้งคู่มองหน้ากันอย่างไม่เข้าในในความหมาย



              \"ลูน่าร์  ลูกเคยบอกว่าอยากออกเดินทางฝึกฝนเวทใช่ไหม..??\"  เสียงตรัสถามดังขึ้นอีกจากองค์กษัตริย์ซึ่งบัดนี้ดูเหมือนจะนึกอะไรได้



              \"เพคะ  ลูกอยากใช้เวทย์ได้เก่งอย่างจอมเวทจูเรียเพคะ  เสด็จแม่เล่าให้ลูกฟังอยู่เสมอเรื่องความเก่งกาจของเธอนี่เพคะ\"  ลูน่าร์พูดด้วยความแปลกใจกับคำถามนั้น



              \"ดี  เด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างลูกน่ะ  คือลูกสาวของจอมเวทจูเรียคนนั้น  พ่อให้อนุญาตให้ลูกเดินทางฝึกเวทกับเธอได้..\"  คำตรัสที่ทำเอาเด็กสาวจ้องมองบิดาตนอย่างแปลกใจระคนดีใจ  แต่กับมิราเคิลนั้นยังคงแปลกใจในคำพูดนั้นอยู่ก่อนเอ่ยถามขึ้นมา



              \"แต่...  พอจบจากที่นี่แล้วหม่อมฉันก็กลับบ้านเลยนะเพคะ  ไม่ได้จะเดินทางไปไหนนี่..??  ใช่ไหม  ยูริส..??\"  มิราเคิลหันมาถามคนข้างตัวซึ่งบัดนี้แววตาสีฟ้านั้นจับจ้องไปยังผู้ที่ประทับอยู่บนบัลลังก์อย่างไม่กลัวเกรง



              \"อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลาที่เธอต้องเดินทางแล้ว  มิราเคิล  เมื่อถึงตอนนั้นเวทของลูน่าร์คงเป็นประโยชน์กับเธอได้บ้างไม่มากก็น้อยล่ะ..\"  องค์ราชินีเอ่ยด้วยแววตาเศร้าสร้อยซึ่งตอนนี้เด็กสาวทั้งคู่ไม่อาจรู้ได้ว่าเพราะเหตุใด  ในขณะที่นัยน์ตาสีน้ำตาลของกษัตริย์นั้นจ้องมองไปยังร่างของยูริสเทอุสอย่างไม่วางตา



              \"เพราะมันจะลำบากมากทีเดียวล่ะ...\"  คำตรัสสุดท้ายดังอย่างแผ่วเบา





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×