ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ลอบเข้าวัง
          บ้านทุกหลังในเมืองหลวงวันนี้ถูกประดับประดาไปด้วยธงเกือบทุกหลัง  ตึกอาคารต่างก็มีคำถวายพระพรกษัตริย์ที่ประดิด
ประดอยอย่างสวยงามประดับไว้  ซาย่ามองรอบๆตัวเธอด้วยความสนใจ  เพราะเธอไม่ค่อยได้เข้ามาในตัวเมืองเสียเท่าใดนัก 
หญิงสาวเดินไปจ้องมองลูกโป่งหลากสีที่คนแม่ค้าผูกไว้ขายเด็กๆที่หัวมุมถนนอย่างสนอกสนใจ  อเล็กซ์มองตามสาวน้อยด้วยแวว
ตาเอ็นดูก่อนที่เอทัวล์จะวิ่งไปตามตัวเธอออกมาจากแผงขายลูกโป่งนั้น
          “ซาย่า  อย่ามัวชักช้าสิ เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก ”  เสียงดุๆดังขึ้นว่าคนที่มัวโอ้เอ้  เจ้าตัวชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจเล็ก
น้อยก่อนที่จะรีบเดินจ้ำอ้าวตรงไปยังฝูงชนที่ลานกว้างอันเป็นสถานที่จัดงานออกร้านขายของโดยไม่ฟังเสียงเรียกตัวเธอที่ดังจาก
ด้านหลังเอาเสียเลย
                    จะให้เที่ยวเสียหน่อยก็ไม่ได้  ต่อไปนี้ก็จะไม่มีโอกาสแล้วแท้ๆ
          “สาวน้อยตรงนั้นน่ะ  รับขนมนี่สักหน่อยไหมล่ะขอรับ”  สิ้นเสียงเรียกนี้เธอก็หันขวับมามองด้านข้าง  ชายวัยกลางคนกำลัง
ยื่นขนมที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆให้เธอ  เจ้าตัวควักหาเงินติดตัวอยู่ชั่วครู่  ก่อนที่เธอจะมองอย่างเสียดายเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัว
ปฏิเสธ
                    ก็เธอพกเงินติดตัวมาซะที่ไหนเล่า    เงินทั้งหมดอยู่ที่อเล็กซ์หมดเลย
          คนขายเห็นเธอทำหน้าเช่นนั้นจึงจับมือเธอขึ้นมาก่อนจะวางขนมชิ้นนั้นลงบนมือเธอ  เจ้าตัวมองขนมในมือด้วยสีหน้างงงวย
เล็กน้อยแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายเบื้องหน้า  ซึ่งบัดนี้ได้ยิ้มอย่างเอ็นดูตัวเธอและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงใจดี
          “อันนี้ลุงให้ละกัน  วันนี้เป็นวันดี  ขอให้เที่ยวงานอย่างสนุกนะคุณหนู”  เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังกลับไปทำขนมชิ้นใหม่ต่อ
ไป  เธอยิ้มหวานและกล่าวขอบคุณชายคนนั้นก่อนจะออกเดินดูร้านต่อไปพร้อมกับกัดกินขนมในมือของเธอ
          “เห็นเขาว่าวันนี้ในวังจะมีการแสดงยิ่งใหญ่เลยล่ะ  รู้สึกจะคัดตัวเอาเหล่านักแสดงฝีมือเก่งๆเข้าไปแสดงถวายหน้าที่
ประทับเสียด้วย”  เสียงหญิงชาวบ้านที่จับกลุ่มคุยกันลอยแว่วเข้าหูซาย่า  เธอชะงักฝีเท้าเล็กน้อยและหยุดยืนฟังอยู่ด้านหลัง
          “จริงหรือ  แหม..อยากจะเข้าไปดูกับเขาบ้างจัง”  เสียงตอบรับมาจากหญิงสาวอีกคนที่จับกลุ่มคุยอยู่ด้วย  เจ้าตัวคนแอบยืน
ฟังนั้นยังคงฟังต่อไปโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
          “อะไรกันยะหล่อน   ฉันรู้นะว่าเธอหวังอะไร    ไม่ได้ต้องการแค่เข้าไปชมการแสดงแน่ๆเลย”  เสียงหยอกเย้าดังขึ้นมา
และมีเสียงวีดว้ายพร้อมๆกับที่เจ้าตัวคนถูกแซวหัวเราะเก้อเก้อก่อนจะพูดขึ้น
          “ก็แหม ท่านเท่ออกปานนั้น  ใครจะไม่อยากเข้าไปอยู่ใกล้ๆบ้างล่ะ”  สิ้นคำพูดนี้เสียงแซวก็ดังขึ้นยกใหญ่  แต่ขณะเดียว
กันซาย่าก็เดินออกจากกลุ่มหญิงสาวที่จับกลุ่มคุยกันนั้น
                    เท่เรอะ   เฮอะ  ก็แค่คนทรยศ
                    แต่งานแสดงต่อหน้าพระพักตร์เหรอ  อันนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย
          สาวน้อยคิดพลางเดินต่อเล่นต่อ  หากเพียงแค่ว่าไม่มีคนมาจับไหล่เธอให้หยุดอยู่นิ่งในตอนนั้น  เสียงดุปรามขึ้นจากด้าน
หลังให้เจ้าตัวยิ้มแหยๆเล็กน้อย
          “อย่าเที่ยวเดินซนไม่เข้าเรื่อง  ดีไม่ดีเดี๋ยวก็หลงทางหรอก”  เอทัวล์ตำหนิ
          “ไม่หลงหรอกน่า  แถมได้ข่าวน่าสนใจอีกต่างหาก”  เจ้าตัวคนถูกตำหนิรีบแก้ตัว  ก่อนที่จะอธิบายแผนที่เธอคิดขึ้นมาเดี๋ยว
นั้นให้อีกฝ่ายฟัง  ครั้งแรกที่ฟังเอทัวล์ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด  ไม่รู้จะยอมรับแผนที่คนตรงหน้าเพียรพยายามจะเอาให้ได้ดีหรือไม่ 
สุดท้ายคนร้องคิดแผนจึงหันหนจ้ามาจ้องบุคคลที่ยังไม่ได้ออกความคิดเห็น
          “อเล็กซ์ว่าไหม  แผนนี้ดีจะตายไป  เอาแบบนี้เถอะนะ”  น้ำเสียงที่แฝงแววนึกสนุกเอ่ยขึ้นจากสาวน้อยตรงหน้า  ทำเอาคน
ที่ถูกยัดเยียดให้เป็นคนตัดสินต้องตีสีหน้าเคร่งเครียดให้เจ้าตัวรู้สึกเสียบ้าง
          “ซาย่า  เรื่องวันนี้ไม่ใช่เล่นๆนะ ” น้ำเสียงเคร่งเครียดที่หาฟังได้ยากจากชายหนุ่มที่ปกติเป็นคนร่าเริงเสมอ 
          “ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆน่ะสิ  ฉันไม่อยากให้พวกเธอไปเสี่ยงด้วย ” เจ้าตัวแสร้งพูดเสียดิบดีพร้อมตีสีหน้าเคร่งเครียดพลางส่ง
สายตาเศร้าๆประกอบเล็กน้อย  แต่อีกฝ่ายรู้ดีว่าความจริงแล้วสาวน้อยตรงหน้าพูดเพื่อให้พวกเขาปล่อยเธอเข้าไปคนเดียว
                    นิสัยรักสนุกทั้งปี    จะมีสักทางไหมที่จะแก้นิสัยนี้เจ้าหล่อนได้
          แต่ก่อนที่เอทัวล์จะได้ทักท้วงอะไรนั้น  อเล็กซ์ก็ได้พยักหน้ายอมรับความคิดเห็นของเจ้าตัวเสียก่อน  คนที่จะทักท้วงจึงหัน
ไปส่งสายตาที่ฉายแววแห่งความไม่พอใจชัดให้คนยอมรับแผนนั้นรู้สึกเย็นวาบขึ้น  ในขณะที่คนเสนอแผนนั้นยืนยิ้มร่าอยู่ด้านข้าง
ก่อนที่จะเอ่ยปากขึ้น
          “ตกลงนะ  แยกกันตรงนี้ละกัน  ที่เหลือฉันจัดการเองได้”  สิ้นเสียงพูดสาวน้อยตรงหน้าก็เผ่นหายแวบไปในฝูงชนแถวนั้น 
ปล่อยให้คนหนึ่งยืนโกรธจนทำอะไรไม่ถูกจนต้องหันไปโวยกับคนด้านข้างซึ่งยังยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้
เขาต้องเป็นที่รับอารมณ์อันหงุดหงิดของเพื่อนสาวข้างตัว
=============================
          ในขณะที่อีกด้านองค์หญิงแสนซนกำลังเดินดูสภาพรอบๆราชวังอย่างสนอกสนใจพลางนึกถึงความหลัง  เมื่อครั้งที่เธอยังคง
อยู่ในสถานที่แห่งนี้  นึกไปพลางจ้องหาทางลอบเข้าไปด้านในไปพลาง  พลันสายตาเจ้าหล่อนก็มองไปเห็นเหล่าคณะนักแสดงที่
กำลังจะผ่านประตูเข้าไปด้านใน  ท่าทางทุกคนกำลังรีบเร่งกันเดินเข้าไป  เหล่าทหารยามแถวนั้นต่างก็ต่างมาตรวจนักแสดงทุกคน
ก่อนจะยอมให้ผ่านเข้าไปทีละคนๆ  และแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาที่ริมปากก่อนที่เธอกระโดดทีเดียวขึ้นไปบนกำแพงก่อนที่จะ
ลอบเข้าไปด้านในโดยที่ไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น
                    สนุก  น่าสนุกจริงๆ  ดีแล้วที่ไม่ปล่อยให้พวกนั้นตามเข้ามาด้วย
          ความคิดที่เกินขึ้นในใจสาวน้อยเมื่อการแอบลอบเข้าวังสำเร็จได้อย่างง่ายดาย  มีเหล่าคณะนักแสดงเข้ามามากมายจึงไม่
มีใครรู้ว่าใครเป็นคนแปลกหน้าผิดสังเกต  ทำให้เธอสามารถเดินเล่นดูรอบๆตัวได้อย่างไม่ต้องคอยหลบซ่อนตัว  เธอเดินไปทั่ว
อย่างไม่กลัวหลงทาง  ก็เธอรู้จักสถานที่นี้น้อยไปกว่าใครที่ไหนกัน  คิดพลางเดินไปหยิบแก้วน้ำที่เตรียมไว้ให้เหล่านักแสดงที่มี
มากมายได้ดื่มแก้กระหาย  และแล้วสายตาก็ไปพบกับสิ่งๆหนึ่งที่ขัดตาเธอเป็นอย่างยิ่ง
          ตรงหน้าเธอคือรูปขององค์กษัตริย์องค์ปัจจุบัน  ความหงุดหงิดแล่นเข้าจับใจเธอทันทีเมื่อได้หันมาเห็นรูปที่ได้เพียรบอกตัว
เองตลอดมาว่าเป็นคนทรยศ  และแล้วเธอก็ทำการบางสิ่งลงไปก่อนจะเดินจากที่นั้นไปด้วยสีหน้าบ่งบอกถึงความโกรธเสียเต็ม
ประดา  ทิ้งให้เหล่าทหารยามสองนายที่เดินผ่านหลังจากนั้นไม่นานสงสัยอย่างยิ่งว่า  ทำไมรูปองค์กษัตริย์ของพวกเขาถึงได้เปียก
โชกราวกับโดนใครเอาน้ำสาดเช่นนั้น
                    ฮึ คนแบบนั้นน่ะหรือเป็นกษัตริย์กับเขาได้
          คิดไปพลางเหตุการณ์ในอดีตก็ลอยเข้ามาในหัว  ภาพทหารหัวหน้าองครักษ์ที่แสนใจดีคนนั้น  คนที่เป็นคนสอนดาบให้ตัว
เธอเป็นคนแรกก่อนที่จะโดนเสด็จพ่อลงโทษเพียงเพราะว่าเธอได้รับบาดเจ็บในเรื่องไม่เป็นเรื่องในขณะที่เรียนฟันดาบกับเขา 
คนที่เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าเป็นคนที่ทรยศกับราชวงศ์ได้  แต่ในเมื่อมันเป็นไปแล้วก็ต้องทำใจให้ยอมรับความเป็นจริงอย่างยาก
ลำบาก  คิดได้เพียงเท่านี้ก็ต้องสลัดความคิดออกจากหัวแล้วรีบปาดหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนจะเริ่มดำเนินการตาม
แผนที่คิดไว้
                    สำเร็จ  ทุกสิ่งสำเร็จได้อย่างง่ายดาย  จนน่าคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน
                    ทีนี้ก็เหลือแค่รอให้ถึงเวลาที่ตัวเธอจะได้ขึ้นแสดงต่อหน้าคนทรยศเท่านั้น
                    สิ่งสุดท้ายที่จะชี้ขาดว่าแผนที่เธอดำเนินมาตลอดนั้นจะจบลงอย่างไร
          ซาย่าซึ่งนั่งอยู่ในห้องรอเพียงเวลาที่ตัวเธอจะโดนเรียกตัวไปแสดง  ซึ่งไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงเรีpกตัวเธอดังขึ้นจากทาง
ที่เชื่อมต่อไปยังเวที
          “ผู้ที่จะแสดงต่อหน้าพระพักตร์ต่อไปคือ  นักแสดงซารีเม่”  สิ้นเสียงประกาศก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นพอเป็นพิธี  สาวน้อยซึ่ง
ตอนนี้แสดงตนว่าชื่อซารีเม่เดินก้าวออกจากห้องและเดินขึ้นไปบนเวที  ถอนสายบัวให้บุคคลผู้ซึ่งสูงศักดิ์กว่าที่นั่งชมการแสดงอยู่ที่
เบื้องบน  ก่อนที่จะเริ่มขยับเท้าพร้อมจับกระชับอาวุธในมือและเริ่มร่ายรำเพลงดาบอันเป็นสุดยอดของเธอ  การแสดงที่ทำให้ผู้ชม
รอบข้างนิ่งไปเหมือนต้องมนต์สะกดจากการร่ายรำเพลงดาบด้านหน้าส่งผลให้เสียงที่ได้ยินมีเพียงแค่เสียงดาบที่วาดผ่าน
อากาศ  การร่ายรำที่รวดเร็ว  เงียบกริบ  และสง่างาม
          สายตาสีหมอกที่เหม่อมองไปอย่างไร้ทิศของบุรุษหนุ่มผมดำได้ทอดลงมามองภาพการแสดงเบื้องหน้าเป็นครั้งแรกหลังจาก
ที่นั่งชมการแสดงอย่างไม่ใส่ใจมาเป็นเวลานาน  ร่างบางที่ร่ายรำเพลงดาบอยู่เบื้องล่างนั่นสร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้เขาอย่างน่า
ประหลาด  ก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มข้างกาย
          “เด็กสาวนั่น ”  คำถามที่ถูกเอ่ยมาจากปากองค์กษัตริย์ที่นั่งนิ่งมาเป็นเวลาสร้างความประหลาดให้ทหารผู้ที่มียศศักดิ์เป็น
น้องพอควร  เขาปัดผมสีทองที่ปรกลงมาด้านหน้าก่อนจะตอบกลับไป
          “นักแสดงที่ชื่อซารีเม่น่ะขอรับ  ท่านไม่ใส่ใจต่อการแสดงที่เหล่าเสนาจัดให้ท่านเหมือนเช่นทุกทีสินะ”  คำพูดที่แฝงไปด้วย
น้ำเสียงตำหนิทำให้คนถามส่งแววตาเย็นชากลับคืนไปพักใหญ่  ก่อนที่จะหันกลับไปมองการแสดงตรงหน้าพร้อมกับใช้ความคิดต่อ
ไป  ฉับพลันก็มีเสียงร้องเอะอะด้านล่างด้วยความตกใจ  สาวน้อยนักแสดงเบื้องล่างกระโดดวูบเดียวขึ้นมาปรากฏตัวต่อหน้า
เขา  ดาบในมือเธอถูกจ่อมาที่คอของชายหนุ่ม  แววตาแสดงถึงความโกรธอย่างรุนแรง  ก่อนที่ริมฝีปางบางจะเอ่ยประโยคให้ได้ยิน
          “รอมาตลอด  ในที่สุดฉันก็จะได้ล้างแค้นเสียที”  แต่ก่อนที่เธอจะได้ตวัดดาบนั้นเหล่าทหารราชองครักษ์ก็เข้ามาขวางเธอไว้
เสียก่อน  แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่จะมีฝีมือดาบเหนือไปกว่าสาวน้อยร่างบางที่แสดงตนว่าเป็นนักแสดงคนนี้  เพลงดาบที่เขาคุ้น
เคยหากแต่ยังนึกไม่ออก  แต่ตอนนี้เบื้องหน้ากษัตริย์หนุ่ม  เหล่าทหารได้บาดเจ็บล้มลงเพราะสาวน้อยที่พวกเขาเข้าใจกันเองว่า
เป็นนักแสดงที่ตอนนี้กำลังจะลอบปลงพระชนม์  เจ้าหล่อนมองร่างทหารที่ล้มนอนเจ็บอยู่รอบตัวและกล่าวเสียงหวานใสที่แฝงไป
ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าจนสัมผัสได้ขึ้น
          “ขอโทษนะ  แต่อย่าเข้ามาขวาง  ฉันไม่อยากให้มีคนตายมากกว่าหนึ่ง”  วรรคสุดท้ายที่ดูเหมือนจะจงใจมอบให้คนๆเดียวที่
ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยทั้งที่ยืนอยู่ที่นั้น  ซึ่งทำให้คนคนนั้นยิ้มขึ้นมาที่มุมปากก่อนจะเอ่ยคำพูดขึ้น
          “ก็เข้ามาสิ  แล้วดูสิว่าเธอมีฝีมือดีพอจะล้มฉันคนนี้ได้ไหม”  คำพูดที่ยั่วให้สาวน้อยตรงหน้าโกรธจนไม่ทนรออะไรแล้ว  พุ่ง
เข้ามาพร้อมกับเอาดาบในมือฟันลงไปทันที  แต่สิ่งที่เธอแทบจะไม่เชื่อคือชายหนุ่มตรงหน้าเธอหลบดาบเธอได้แล้วยังเอาดาบที่
ปรากฏขึ้นมาในมือเมื่อไรไม่รู้ฟันเข้าใส่เธออีก  ถึงเธอจะหลบพ้นแต่ปลายดาบได้ตัดเอาเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนขาดไปส่วน
หนึ่ง  ก่อนที่ลำคออันเล็กบอบบางของเธอจะมีดาบมาทาบเอาไว้อย่างรวดเร็ว  ดาบในมือจำต้องทิ้งอยู่ข้างตัว  เพราะรู้แล้วว่าสู้ไม่
ได้จริงๆ  แต่ดวงตาคู่สีฟ้าใสกลับยิ่งฉายแววไม่ยอมแพ้ท้ากลับไปยังองค์กษัตริย์หนุ่มผู้ซึ่งสามารถเอาชนะตัวเธออย่างไม่ยาก
เย็น  แล้วเสียงใสจะถูกเอ่ยเปรยคำถามขึ้นอย่างท้าทายท่ามกลางเหล่าทหารและเสนาอำมาตย์ที่เข้ามายืนล้อมพร้อมถวายการ
อารักขา
          “ทำไมไม่ฆ่าฉันเสียล่ะ  องค์กษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของทุกคน  แค่ฆ่าฉันเสียก็จบเรื่อง  เหมือนที่ทำกับองค์กษัตริย์องค์
ก่อน”  สิ้นเสียงท้าทายไม่สมตัวของสาวน้อยก็มีเสียงฮือฮาเกิดขึ้นจากรอบด้าน  ก่อนที่เหล่าทหารราชองครักษ์ที่เหลือจะเข้ามาล้อม
จับเธอไว้  แต่ดาบในมือเธอยังไม่สิ้นฤทธิ์  ยังคงแกว่งไกวไปรอบด้านไม่ให้เหล่าทหารเข้าไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเธอได้มากกว่า
นั้น  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นสร้างความประหลาดใจให้เธอเป็นอันมาก  เพราะดาบที่เดิมถูกทาบไว้กับต้นคอเธอถูกเก็บเข้าฝัก
ดาบ  และมีเสียงสั่งให้เหล่าทหารถอยหลังออกไป  สายตาแห่งความสงสัยจับจ้องไปยังร่างชายหนุ่มผู้ที่เธอไม่เคยเข้าใจตรง
หน้า  ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย
          “เก็บดาบทำไม  นายจะปล่อยฉันหรือไง”  เสียงหวานใสแสดงถึงความแปลกใจดังขึ้น  ทำให้กษัตริย์หนุ่มตรงหน้ามองหน้า
เธอชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นแต่ไม่ใช่คำตอบที่ให้กับเธอ  แต่เป็นคำสั่ง
          “ทหารทุกคนถอยออกไปได้แล้ว  แล้วให้พวกสาวใช้เตรียมห้องพักด้วยห้องหนึ่ง”  คำสั่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุก
คนรอบด้าน  ทั้งที่มีหลายคนอยากค้านเต็มทีแต่ค้านไม่ได้นอกจากรีบดำเนินตามกระแสรับสั่งเพราะรู้ว่าหากไม่ได้ตามที่ต้องการ
จะเกิดอะไรขึ้น  ทิ้งให้สาวน้อยตัวต้นเรื่องยังคงไม่เข้าใจต่อไป  จนต้องถามกลับไปอีกครั้งด้วยเสียงที่แสดงให้รู้ว่าเริ่มโมโหที่ไม่
ได้รับคำตอบจากคำถามครั้งแรก
          “ฉันถามว่าทำไมไม่ฆ่าฉัน  ในเมื่อแผนฉันพลาด  อยู่ต่อไปก็เท่านั้น  หรือนายจะยอมให้ฉันลอบปลงพระชนม์วันหลัง”  คำ
กล่าวที่สร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าเสนาอำมาตย์รอบข้าง  และพากับต่อว่าด้วยความไม่ชอบในวาจาคำพูดของสาวน้อยแต่ก็ต้อง
เงียบเสียงลงเมื่อเจ้าหล่อนส่งแววตาเอาเรื่องกลับมาให้  ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้านึกชอบขึ้นในใจก่อนที่จะตอบคำถามกลับไปตรงๆ
          “ไม่มีเหตุผลที่จะต้องฆ่าท่าน  องค์หญิงโซมารีน่า  เด  แซคซิฟริจ”  สิ้นเสียงขององค์กษัตริย์หนุ่มตรง
หน้า  สร้างความแปลกใจให้สาวน้อยองค์หญิงตรงหน้าและเรียกเสียงฮือฮารอบข้างให้ดังขึ้นกว่าเก่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น