ลำดับตอนที่ #20
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : การเปลี่ยนแปลงของอเล็กซ์ (first edition)
          เพราะการต่อสู้นั้นทำให้อเล็กซ์และเอทัวล์เจ็บหนัก  จนต้องหยุดพักรักษาตัวไปหลายวัน  ทำให้ซาย่าออกอาการเบื่ออย่าง
สุดๆเมื่อไม่มีเพื่อนสนิททั้งคู่อยู่ข้างๆ  แต่เพราะเช่นนี้เธอจึงมักจะแวะไปเยี่ยมเยียนเพื่อนของเธอที่ห้องเสมอๆ
          “เป็นไงบ้าง  เอทัวล์”  ซาย่าเอ่ยทักเสียงใส  หญิงสาวผู้นั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับผ้าพันแผลพันตามแขนขาแสดงให้เห็นว่าผ่าน
การต่อสู้มาอย่างหนักหน่วง
          “แล้วอเล็กซ์ล่ะ”  ซาย่าเอ่ยถามขึ้นเมื่อเหลียวมองรอบห้องก็ไม่พบเพื่อนชายผู้อารมณ์ดีอยู่เป็นเนืองนิจ  ผู้ถูกถามมุ่นหัวคิ้ว
เข้าหากันก่อนตอบเสียงเซ็ง
          “นายนั่นไม่รู้หายไปไหนตั้งแต่เช้า  ขากระเผลกขนาดนั้นยังจะถ่อสังขารออกไปอีก  เดี๋ยวก็หกล้มกลับมา”  เสียงบ่นดังออก
มาจากปากเอทัวล์  แต่สาวน้อยผู้ยืนฟังอยู่ด้านข้างกลับมองใบหน้าผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่สาวของตนด้วยรอยยิ้ม  เธอรู้ว่าหล่อนไม่
ได้หมายความเช่นนั้นหรอก  และแล้วก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา  อเล็กซ์เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่บอกความรู้สึกใดๆทั้ง
สิ้น  ราวกับเขาไม่ใช่ตัวเขาเช่นทุกที
          “อเล็กซ์...  อเล็กซ์  เฮ้  ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง..”  เสียซาย่าตะโกนลั่นห้อง  เพราะว่าบุคคลที่เดินเข้ามานั้นมีสีหน้านิ่งเฉย
ราวกับไม่สังเกตเลยว่ามีเธออยู่ในห้อง  ชั่วครู่เจ้าตัวคนถูกเรียกจึงสะดุ้งและหันไปมองซาย่า  ก่อนเอ่ยทัก
          “อ้าว  ซาย่า  มาตั้งแต่เมื่อไรล่ะครับ”  คำเอ่ยทักที่คนฟังอยากจะเอามือเขกหัวคนพูดให้รู้แล้วรู้รอด  นี่เขาไม่ได้สังเกตเห็น
เธอตั้งแต่ต้นเลยหรือไงกัน
          “อ้าว  ทำหน้าแบบนั้นทำไมล่ะครับ  นี่ผมพูดอะไรผิดไป...”พูดยังไม่ทันขาดคำกำปั้นของสาวน้อยก็เขกเข้าที่หัวของชาย
หนุ่มอย่างสุดทน  แล้วก็เดินตึงตังออกจากห้องนี้ไปทันที  เอทัวล์มองตามหลังซาย่าไปก่อนจะหันกลับมามองบุคคลผู้เคราะห์ร้าย
แล้วถอนหายใจเบาๆ
          “ไปทำอะไรมาก็ไม่รู้  กลับมาก็นั่งเหม่ออย่างไม่สมเหตุผล  สมควรแล้วที่โดนแบบนั้น”  คำเหน็บเล็กๆดังขึ้นให้กับชายหนุ่ม
ผมทองผู้ลูบหัวตนเองป้อยๆด้วยเจ็บจากกำปั้นเมื่อครู่
                    เมื่อกี้เกือบไปแล้ว  คราวหน้าต้องให้ได้ดีกว่านี้
          อเล็กซ์นั่งคิดในใจขณะทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อครู่  เอทัวล์มองเพื่อนชายคนนี้ด้วยความรู้สึกแปลกๆก่อนที่จะเอ่ยทัก
          “เป็นอะไรหรือเปล่า  อเล็กซ์  นั่งท่านั้นมานานแล้วนะ”
          “ไม่มีอะไรหรอก  ผมนอนล่ะ”  พูดจบเจ้าตัวก็ล้มตัวนอนบนเตียงและยกผ้าขึ้นห่มอย่างรวดเร็ว  ทิ้งให้หญิงสาวด้านข้างมอง
ด้วยความสงสัยในพฤติกรรมที่ผิดแผกจากเดิม  แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อจากนั้น
======================================
          หลังจากนั้นทุกวันอเล็กซ์ก็ทำตัวแปลกขึ้นทุกวัน  เขามักจะหายตัวออกจากห้องอยู่เสมอ  และเวลาที่พูดคุยกับเจ้าตัวมักจะ
ออกอาการเหม่อ  ต้องหึคนพูดตวาดดังขึ้นถึงจะสะดุ้งรู้ตัวก่อนจะยิ้มกว้างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
          “อเล็กซ์  เป็นอะไรไปน่ะ”  ซาย่าเอ่ยถามเอทัวล์ขึ้นในวันหนึ่ง  ขณะนั้นอเล็กซ์ไม่ได้อยู่ในห้องนี้อีกเช่นเคย  เอทัวล์ทำหน้า
นิ่วก่อนตอบคำถามนี้ด้วยน้ำเสียงไม่ใคร่จะพอใจนัก
          “ไม่รู้สิ  ตานั่นเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่หลังการต่อสู้กับแม่สามสาวนั่นแน่ะ  คงไปหลงชอบหนึ่งในนั้นเข้าล่ะมัง”  น้ำเสียงตอบ
ฟังดูประชดประชันเล็กน้อย  สาวน้อยเลิกคิ้วขึ้นกับคำตอบนี้ก่อนที่จะเอ่ยตอบ
          “ไม่ล่ะมั้ง  อเล็กซ์ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้นนี่นา”
          “แล้วเธอเคยเห็นตานั่นเป็นแบบนี้หรือเปล่าล่ะ”  เอทัวล์ถามเสียงหนักแน่น  ซาย่าส่ายหัวตอบแทนคำพูด
          “ก็นั่นแหละ  พวกเราไม่เคยเห็นอเล็กซ์เป็นแบบนี้เลย  ดังนั้นข้อสัณนิษฐานใดๆก็เป็นได้ทั้งนั้นแหละ” เอทัวล์พูดเสียง
เบา  ก่อนจะจับมือซาย่าและดึงตัวเธอมาใกล้ๆ
          “นี่นะ  ฉันบอกอะไรให้  ช่วงนี้เธอไม่ควรจะไว้ใจอเล็กซ์มากนักนะ  เขาแปลกไปมากเลย  หรือให้พูดอีกที  เธอไม่ควรไว้ใจ
ใครสักคน  แม้กระทั่งฉัน ”  คำกระซิบที่ทำเอาคนฟังเบิกตากว้างก่อนจะหันกลับไปมองหน้าของหญิงสาวผู้พูดตรงหน้า  สีหน้า
เอทัวล์ดูจริงจังกว่าทุกที
          “เธอคงไม่ได้หมายความว่า  อเล็กซ์อาจจะเป็น...”  ซาย่าไม่กล้าพูดต่อ  ซึ่งดูเหมือนเอทัวล์จะจับความรู้สึกเธอได้จึงพยัก
หน้าเบาๆ
          “อาจจะ...  ก็แค่นั้น  ทางที่ดีเธอก็ควรระวังตัวก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นมากกว่า”  เอทัวล์พูด  หากแต่ตอนนี้ซาย่าไม่อยู่ฟังเสีย
แล้ว  เธอวิ่งออกจากห้องไปตั้งแต่ที่เห็นอีดฝ่ายพยักหน้า  โดยมีนัยน์ตาสีมรกตคู่หนึ่งจับจ้องมองดูเธอวิ่งออกไปอย่างเร่ง
รีบ  อเล็กซ์ก้าวออกมาจากมุมมืดด้านหลังเสาที่ทางระเบียงนั้น  สายตาทอดไกลไปยังร่ายสาวน้อยที่วิ่งห่างออกไปทุกที  ก่อนจะ
เดินเลี้ยวเข้าห้องของตนไป  หากแต่มีมือๆหนึ่งมาคว้าไหล่เขาไว้เสียก่อน
          “แผลหายแล้วหรือยัง...”  เสียงเอ่ยถามที่ฟังดูแปลกหูเมื่อออกมาจากปากเฟรเดคริกซ์  สายตาของเขาดูเหมือนระแวง
มากกว่าที่จะแสดงถึงความห่วงใยในอาการบาดเจ็บเสียอีก
          “ก็จวบจวนแล้วครับ  แต่ปล่อยผมเถอะครับ  เพราะที่ทรงจับอยู่คือแผลที่ไหล่ของกระหม่อม”  อเล็กซ์พูดเสียงเย็นพร้อมรอย
ยิ้มกว้าง  ชายหนุ่มตรงหน้ายอมปล่อยมือแต่โดยดีและให้เขาก้าวเข้าห้องต่อไป
          “หากว่าคิดจะทำการใหญ่อะไรที่นี่  ก็ระวังคอของนายไว้บ้าง”  เฟรเดคริกซ์พูดทิ้งท้ายก่อนเดินจากไป  อเล็กซ์มองตามเขา
ไปชั่วครู่ใหญ่ก่อนเอ่ยพึมพำเบาๆ
          “หากว่าการนั้นสำเร็จลุล่วง  คงไม่ใช่ผมที่เป็นฝ่ายระวังนะครับ”  และในจังหวะที่เขาจะก้าวเข้าห้องอีกครั้งนั้น  ก็ถูกมือๆ
หนึ่งขัดจังหวะเช่นเดิม
          “อเล็กซ์...”  เสียงหนึ่งทักขึ้นด้านหลังทำให้เขาต้องถอนหายใจเบาๆและหันหน้ากลับไปหาต้นเสียงที่เรียกเขาเมื่อครู่
          “มีอะไรหรือครับ  ซาย่า”  เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นทุกที  สาวน้อยตรงหน้าเขาดูสีหน้าดีขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตน
ยังคงเป็นเหมือนเดิม
          “ช่วงนี้อเล็กซ์แปลกไปมากเลย  หายไปไหนบ่อยๆน่ะ  แถมบางทีพูดด้วยก็ไม่ฟังเอาเสียอย่างนั้น  มีอะไรไม่สบายใจหรือ
ไง...”  เธอร่ายยาวก่อนจะเงยหน้าถามตรงๆ  ชายหนุ่มหลบสายตาจากดวงตาคู่ฟ้านี้เล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยตอบ
          “ผมแค่ไปหาหมอเท่านั้นเอง  ผมอยากให้แผลที่ไหล่นี่หายเร็วๆน่ะ  จับดาบไม่ได้มันไม่สบายใจ”  เขาตอบพร้อมกับ
หัวเราะ  ก่อนที่มือจะหมุนลูกบิดและเปิดประตูห้องก้าวเข้าไป  ซาย่ามองตามอย่างไม่ค่อยนึกเชื่อในคำพูดนี้มากนัก
          “อย่าห่วงเลย  ซาย่า  ผมไม่เป็นอะไรหรอก  กลับไปพักผ่อนเถอะ  เดี๋ยวก็มืดแล้ว...”  อเล็กซ์พูดก่อนจะปิดประตู  สาวน้อย
มองประตูนั้นชั่วครู่ก่อนจะเดินจากไป  ในขณะที่ชายหนุ่มที่ยืนพิงประตูอยู่ด้านในห้องยืนหนักใจอยู่ในห้อง
                    ขอโทษนะ  ซาย่า...
          “จะยืนท่านั้นไปอีกนานไหมน่ะ  อเล็กซ์”  เสียงหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในห้องแหวใส่  ทั้งนี้เพราะอีกฝ่ายยืนในท่านั้นมาได้หลาย
นาทีแล้ว  อเล็กซ์ยิ้มให้เธอก่อนจะเดินมานั่งอยู่ที่เตียงชั่วครู่ก่อนจะล้มตัวนอนไปโดยไม่ปริปากพูดอะไร  ทิ้งให้เอทัวล์จ้องมองด้วย
ความไม่สบายใจในความลับที่เขาพยายามจะปกปิดให้มิดจากทุกๆคน
========================================
          “นี่  ดอร์ร่า  เขาว่าคนเราเมื่อมีความลับอะไรก็มักจะแสดงออกมาให้จับพิรุธได้ใช่ไหม”  เสียงเอ่ยถามดังขึ้นในห้องบรรทม
ขององค์หญิง  ดอร์ร่าทำหน้างงๆกับคำถามแปลกๆนี้  แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักและตอบกลับไป
          “เพคะ  เขาว่ากันอย่างนั้น  ว่าแต่องค์หญิงมีเรื่องอะไรหรือเพคะ”  เจ้าหล่อนตอบขึ้นและยังโยงถามกลับให้ซาย่านั่งนึกใคร่
ครวญ  ก่อนจะตอบกลับในขณะที่ล้มตัวนอน
          “ไม่มีอะไรหรอก  แค่จะไปจับหมาเลี้ยงที่หยิบเอาหนังจิ้งจอกมาสวม”  คำตอบที่ทำให้แม่นางกำนัลประจำกายยิ่งงงยิ่งขึ้นไป
ใหญ่
          “หมาเลี้ยง..??  หนังจิ้งจอกหรือเพคะ  องค์หญิงตรัสเรื่องอะไรกันนะเพคะ”  ดอร์ร่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงงงงวย  หากแต่ไร้คำ
ตอบกลับจากนายหญิงของตน  เพราะเจ้าตัวหลับสนิทไปเสียแล้ว
=========================================
                    อีกนิดเดียวจะสำเร็จแล้ว  เหลือเพียงแค่ทำตามแผนที่วางไว้ให้สำเร็จเท่านั้น...
          อเล็กซ์คิดในใจขณะที่แอบตามใครบางคนไปตามระเบียงที่ทอดยาวตรงไปยังเขตพระราชฐานด้านใน  จนเมื่อคนๆนั้น
เลี้ยวที่มุมตรงหน้า  เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะก้าวตามไป
          “อเล็กซ์...!!”  เสียงเอ่ยทักดังขึ้นจากตรงหน้าของชายหนุ่ม  ซาย่ายืนจ้องมองเขาด้วยความแปลกใจในการปรากฏกาย
เช่นนี้
          “นายใช่ไหมที่ตามฉันมาตลอดช่วงนี้  มีอะไรก็พูดมาสิ  มัวยืนอึ้งอะไรอยู่ได้”  ซาย่าว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายมัวแต่ยืนตะลึงอยู่
อย่างเดียวเท่านั้น  สายตาล่อกแล่กมองซ้ายทีขวาทีราวกับจะหาใครบางคน  ซึ่งอาการเช่นนี้ยิ่งทำให้ความอดทนของสาวน้อยตรง
หน้าเขาขาดลงในที่สุด
          “ก็ได้  ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก...!!”  พูดจบเธอก็เดินจากไป  และเบื้องหลังนั้น  อเล็กซ์ยืนเปียกชุ่มโชกเป็นผลพวงจาก
เวทย์ที่เกิดจากความโมโหของสาวน้อย
          “อ้าว  เปียกชุ่มเชียวนะครับ  ระวังบาดแผลจะไม่หายเอานะครับ  ท่านอเล็กซ์”  เสียงหนึ่งทักขึ้นจากด้านข้างให้คนถูกเรียก
สะดุ้งก่อนหันกลับไปมอง  เอริคเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือในมืออีกสองเล่ม
          “ก็ชินแล้วล่ะครับ  ว่าแต่คุณนี่ขยันจังนะครับ  เห็นมักจะอ่านหนังสือทุกวันแบบนี้”
          “ก็ดีกว่าที่จะเที่ยวเดินไปทั่ว  จนโดนเวทย์แบบนี้ไม่ใช่หรือครับ”  เอริคพูดพร้อมกับรอยยิ้ม  อเล็กซ์ยิ้มตอบกลับและรอจน
กว่าเขาจะเดินจากไป  จากนั้นตาคู่มรกตนี้จึงจับจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความไม่เป็นมิตรจากใจ
=======================================         
          การสู้กับสามพี่น้องกลุ่มนั้นล่วงเลยผ่านมาสองอาทิตย์เต็ม  ก็ถึงเวลาที่องค์หญิงเอรีสจะต้องเสด็จกลับประเทศของตน
แล้ว  เจ้าหล่อนโวยวายไม่ยอมกลับหากว่ากษัตริย์แห่งรอซินยอลพระองค์นี้ไม่เสด็จไปส่งเธอด้วยพระองค์เอง  ซึ่งอาการโวยวายนี้
สำหรับสาวน้อยผู้เป็นองค์หญิงแห่งรอซินยอลพูดบ่นให้นางกำนัลประจำกายฟังเสมอว่า
          “น่าเบื่อจริงๆ  จะกลับก็รีบๆกลับเสียทีสิ  มาเอะอะแบบนี้จนผ่านไปสองวันแล้วนะ”  คำบ่นหลุดออกจากปากซาย่าที่มุ่นหัวคิ้ว
ขณะจ้องมองภาพตรงหน้า  องค์หญิงเอรีสกำลังร้องขอให้ชายหนุ่มไปส่งเธอที่เขตชายแดนที่เชื่อมระหว่างประเทศทั้งสองด้วยน้ำ
เสียงออดอ้อนเต็มกำลัง
          “ก็ได้  หม่อมฉันไปส่งพระองค์ดังเช่นที่ขอก็ได้”  เฟรเดคริกซ์ตอบรับด้วยความเหนื่อยหน่ายในการตื้ออย่างไม่ลดละของ
องค์หญิงผู้นี้  ซึ่งทำให้เจ้าหล่อนดีใจจนออกนอกหน้าและรีบสั่งนางกำนัลของตนให้ไปเก็บของทันที
          “เฮอะ  จะกลับตั้งแต่สองวันที่แล้วยังไม่ได้จัดของอีกหรือไงนะ”  ซาย่าบ่นพลางนึกทบทวนอะไรในใจ  ก่อนที่จะนึกตกลงกับ
ตัวเองก่อนที่จะลุกพรวดขึ้นและวิ่งไปหาคนๆหนึ่ง
          “เอ๋  พระองค์จะไปส่งองค์หญิงเอรีสด้วยหรือพะยะค่ะ..??”  เอริคพูดด้วยความประหลาดใจ  หากแต่ซาย่าพยักหน้าอย่าง
หนักแน่น  เอริคอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะมีเสียงดังจากด้านหลัง
          “ให้พระองค์ไปด้วยก็ดี  จะได้ตรวจดูสภาพชายแดนไปพร้อมๆกันเลย”  เฟรเดคริกซ์พูดขึ้น  เอริคจึงไม่ได้ว่าอะไร  หากแต่
บอกกับพี่ชายของตน
          “กระหม่อมไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะพะยะค่ะ  เพียงแต่ว่าคราวนี้กระหม่อมคงไม่มีโอกาสตามเสด็จได้  เพราะมีเรื่องที่ต้อง
สะสางในวังนี้ให้เสร็จสิ้น  หวังว่าพระองค์คงไม่ว่าอะไร”  เอริคพูดก่อนถวายบังคมแล้วเดินกลับเข้าห้องไป
========================================
          “อเล็กซ์...  เฮ้  อเล็กซ์”  เสียงเอทัวล์เรียกเพื่อนของตนด้วยเสียงอันดัง  จนเจ้าตัวรู้สึกตัวก่อนจะหันมาหาต้นเสียงด้วยสีหน้า
งงงวย  ทำให้เอทัวล์มีสีหน้าเบื่อหน่ายปรากฏให้เห็น  ซาย่ามองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ค่อยีนัก  เพราะต้อง
พูดซ้ำใหม่ทั้งหมด
          “ฉันบอกว่าจะไปส่งยัยคุณหญิงนั่นกลับประเทศ  อยากจะให้ทุกคนไปด้วย  จะได้ถือโอกาสออกนอกวังนี่ด้วย  ส่วน
นาย...  อเล็กซ์  ไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าง  เผื่อจะหายจากอาการบ้าๆนี่...”  ซาย่าพูดยาวเป็นชุด  หากแต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่
ได้มีทีท่าแสดงออกว่าฟังที่เธอพูดเอาเสียเลย  เมื่อสุดจะทนแล้วสาวน้อยจึงถามเสียงสั่นระริกอย่างอดทนเต็มที่
          “อเล็กซ์  นายฟังที่ฉันพูดอยู่บ้างหรือเปล่า..??”  คำถามที่ปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นจากภวังค์  ก่อนที่จะพยักหน้ารับหงึกๆ
          “ก็ดี  งั้นบอกสิ  เมื่อกี้ฉันพูดว่าอะไรบ้าง”  น้ำเสียงหวานหากแต่แฝงไปด้วยความเย็นเยียบ  เล่นเอาคนฟังเสียวสันหลัง
          แล้ววันรุ่งขึ้น  ทั้งหมดก็มาพร้อมกันที่รถม้าและขนของที่จำเป็นไปบรรทุกไว้ด้านหลัง  ซาย่านั้นยังคงมีสีหน้าบูดบึ้งจากเมื่อ
วาน  และวันนี้ยิ่งเป็นมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นภาพองค์หญิงเอรีสตามเกาะเฟรเดคริกซ์แจไม่ยอมปล่อย
          “ทำตัวเป็นตุ๊กแกที่เกาะเหนียวแน่น  ไม่ยอมปล่อย  หรือว่าคงต้องเอากาวมาทาติดกันล่ะมั้ง  จะได้สมใจ”  คำเปรยเบาๆให้
องค์หญิงเอรีสได้ยิน  เจ้าหล่อนแสดงสีหน้าว่าโกรธขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นปกติเพราะว่าเฟรเดคริกซ์อยู่ใกล้ๆ  ซาย่า
จึงยิ้มหวานให้เธออย่างรู้ทันก่อนที่จะเดินก้าวขึ้นรถม้าไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น