ลำดับตอนที่ #19
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : สามสาวพี่น้อง (Second Edition)
          “ท่านเฟรเดคริกซ์เพคะ  ทางนี้เพคะ”  เสียงขององค์หญิงเอรีสเร่งให้ชายหนุ่มเดินตามเธอเร็วขึ้น  ในขณะที่เจ้าหล่อนเดิน
เข้าร้านนี้ออกร้านนั้นอย่างรวดเร็ว  จะหยุดก็ต่อเมื่อมีของที่ถูกใจเธอเท่านั้น
          ชายหนุ่มมองตามเธออย่างเบื่อหน่าย  แต่ก็ไม่ได้ขัดใจอะไร  ในเมื่อเธอมาที่นี่ในฐานะราชอาคันตุกะของเขา  และแล้วก็มี
สิ่งหนึ่งโฉบลงมาหาเขา  นกสีดำตัวมหึมาตัวหนึ่งบินลงมาเกาะที่ไหล่ขององค์กษัตริย์แห่งรอซินยอล 
          ดวงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า  แสงแดดยามเย็นสีส้มส่องทาบร่างของทั้งคู่ให้ปรากฏเงาบนพื้น  หากแต่บนพื้นนั้นไม่มีเงาของนก
ยักษ์นั่น  มีเพียงแค่เงาชายหนุ่มยืนอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
          “กลับมาแล้วหรือ  แล้วมีเรื่องอะไรกันล่ะ..??”  เฟรเดคริกซ์เอ่ยเสียงเบากับนกดำตัวนั้น  มันผงกหัวมองตานายก่อนที่ดวง
ตาดวงที่สามของมันจะฉายภาพเหตุการณ์ที่ร้านอาหารยูโทเปียให้เขาได้รับรู้  นัยน์ตาสีหมอกเบิกกว้างก่อนที่เท้าทั้งคู่จะพาร่างนี้
ไปหาสาวน้อยผู้นั้น
          “อ้าว  จะไปไหนหรือพะย่ะค่ะ”  เสียงเอ่ยทักจากทหารราชองครักษ์ผู้น้อง  หากแต่ไร้คำตอบจากเฟรเดคริกซ์  มีเพียงคำ
เดียวที่เอ่ยออกมาให้ได้ยิน
          “ฝากองค์หญิงองค์นั้นด้วย..!!”  เขาพูดก่อนจะรีบวิ่งฝ่าฝูงชนที่เดินขวักไขว่อยู่บริเวณนั้นไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งให้เอริคยืนเลิก
คิ้วด้วยความงงงวยอยู่เล็กน้อย
          “ท่านเฟรเดคริกซ์ว่าชุดนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ”  องค์หญิงเอรีสพูดพลางหยิบชุดกระโปรงตัวหนึ่งขึ้นทาบตัวและหันกลับมาหวัง
ให้อีกฝ่ายมอง  หากแต่คนๆนั้นไม่อยู่ที่นั่นเสียแล้ว  มีเพียงแค่เอริคยืนอยู่คนเดียวทำให้เจ้าหล่อนอารมณ์เสียใส่ ‘คนขับรถม้า’  ผู้
นี้มากทีเดียว
========================================
                    ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว
          ซาย่านึกพลางมองดวงตะวันที่ค่อยๆหายลับขอบฟ้าไป  เงาแห่งรัตติกาลเริ่มปกคลุมไปทั่ว  แสงไฟจากบ้านแต่ละหลัง
ค่อยๆปรากฏขึ้นตามความมืดที่เพิ่มมากขึ้นทุกที  และแล้วก็มีมือหนึ่งมาจับไหล่เธอที่นั่งเฝ้าดูวิวด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อ
          “เดี๋ยวก็ถึงเวลาแล้วนะ  ไปเตรียมตัวกันเถอะ...”  เสียงเอทัวล์ดังขึ้น  ซาย่าหันกลับไปมองเธอเพราะจับได้ว่าเสียงนี้ดูสั่นกว่า
ทุกที  ดวงตาของอีกฝ่ายดูมีน้ำใสๆคลอหากแต่ไม่รินไหลออกมา  ซาย่าลุกไปอย่างว่าง่าย  ดวงตาจับจ้องไปที่ฝาผนังที่มีสาร์ส
เลือดท้าไว้
                    แล้วเราจะเห็นดีกัน..!!
=======================================
          ท่ามกลางความมืดมิดในบริเวณป่าท้ายหมู่บ้าน  ที่มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่เป็นแหล่งกำเนิดแสง  ซาย่าเดินไปจนกระทั่ง
ถึงลานแห่งหนึ่งที่เป็นจุดนัดพบ  ที่นั่นไม่มีเงาผู้ใดเลย  สาวน้อยเพ่งพิจดูรอบข้างอย่างระมัดระวังกับศัตรูที่ไม่ปรากฏกาย
          “อ๊ะ  มาแล้วๆ”  เสียงหนึ่งดังขึ้นให้สาวน้อยหันซ้ายขวาเพื่อจับที่มาของเสียง  ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้นอีก  แต่ไม่ใช่เสียงเดิม
          “โธ่  ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเบียดมาทางนี้  เดี๋ยวก็จบเห่กันหมดพอดี”  เสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความหงุดหงิดก่อนจะมีเสียง
ทะเลาะกันเล็กน้อยให้ซาย่างุนงงกับศัตรูกลุ่มนี้ยิ่งนัก
          “โอ๊ย  นี่เลิกทะเลาะกันเสียทีเถอะ  งานล่มหมดพอดี”  เสียงหนึ่งที่ฟังดูมีอำนาจที่สุดในทั้งหมดดุพรรคพวกตนอย่างสุด
ทน  ก่อนจะปรากฏกายสตรีสามคนบนก้อนหินใหญ่กลางลานนั้น
          “พวกเธอ...  คนที่เขียนตัวหนังสือพวกนั้นใช่ไหม..??”  ซาย่าถามขึ้นหลังจากหายงุนงง  ในขณะที่อีกฝ่ายทำหน้าตายิ้มแย้ม
แล้วพยักหน้าอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
          “ป้าเมเรียอยู่ไหน”  ซาย่าถามเสียงเข้ม  แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นเพียงแค่รอยยิ้มที่ดูยากจะเชื่อใจ  “พวกเธอทำแบบนี้
แล้วได้อะไร..??”  คำถามที่สามสาวมองหน้ากันก่อนยิ้มตอบ
          “เงิน...”  คำตอบที่ได้รับทำเอาซาย่าแทบจะอดกลั้นไม่ไหว  นี่พวกหล่อนเป็นพวกกลุ่มคนรับจ้างหรอกหรือ  พวกที่จะทำอะไร
ก็ได้หากมีคนจ้างมา  แล้วรอยยิ้มเย็นก็ฉาบขึ้นมามุมปากของสาวน้อย
          “ใคร..  ให้เงินพวกเธอมา..”  คำถามที่เจ้าตัวแทบจะอดกลั้นความโมโหไว้ไม่อยู่  แต่คำถามนี้กลับไม่ได้คำตอบที่ดีนัก
          “เขาจ้างพวกเรามาน่ะ ..”  หนึ่งในบรรดาสตรีทั้งสามตอบขึ้นขณะที่เอามือปัดผมไปด้านหลัง  ดวงตาสีม่วงของหล่อนจับจ้อง
มาที่ซาย่าอย่างสงสัยในคำถาม
          “ใครกัน..??”  ซาย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงคาดคั้น  แต่อีกฝ่ายมองหน้ากันไปมา  แล้วก็ส่ายหัวตอบกลับ
          “ไม่รู้  ใครก็ตามที่ให้ค่าจ้างเราเราก็ทำงานนั้นทั้งนั้นแหละ  ไม่เห็นต้องรู้จักเลย”  หญิงสาวพูดจบแล้วเว้นจังหวะไปเสียเล็ก
น้อย  ก่อนเอ่ยเสียงเข้ม  “ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีเธอมาแค่คนเดียวเสียแล้ว”  พูดจบเธอก็ดีดนิ้วเปาะ 
          หญิงสาวอีกสองคนด้านหลังก้ขว้างมีดสั้นของตนตรงไปยังพุ่มไม้ด้านข้างทันที  ซึ่งมันสั่นไหวเล็กน้อยและปรากฏร่างของคน
สองคนอยู่ ณ ที่นั้น
          “รู้ได้อย่างไรกันว่าพวกเราตามมาด้วย”  เสียงเอทัวล์เอ่ยถามหลังจากที่ต้องเผยตัวออกมาจากที่ซ่อนนั้น  ศัตรูตรงหน้าไม่
ตอบคำถามหากแต่พุ่งตัวเข้าปะทะทันที
          “เคร้ง..”  เสียงดาบปะทะกัน  ผู้ที่จู่โจมเข้าหาชะงักชั่วครู่และกระโดดถอยกลับไป  ริมปากนั้นฉาบด้วยรอยยิ้มแห่งความถูก
ใจ  มือเอทัวล์ที่กำดาบแน่นมีเลือดไหลซิบๆเป็นผลจากการปะทะเมื่อครู่  ทางด้านอเล็กซ์กำลังถูกหนึ่งในสตรีชุดดำทั้งสามจู่โจม
อย่างไม่ยั้ง  เนื่องจากฝ่ายศัตรูเน้นเรื่องความเร็วเป็นหลักในการโจมตี  อเล็กซ์จึงมักฟันดาบพลาดไปเสมอ  หลายครั้งหลายคราที่
สิ่งที่ถูกฟาดฟันลงไปนั้นเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ  และยิ่งนานเท่าใด  ตามตัวของอเล็กซ์ยิ่งมีบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ
          “อย่าไปสนใจพวกน้องๆของฉันเลย  เธอมาสู้กับฉันดีกว่า”  เสียงเรียกให้ซาย่าตื่นจากภวังค์  หญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นพี่
คนโตสุดภายในกลุ่มยกมีดสั้นของตนขึ้นชี้หน้าซาย่า  แววตาสีม่วงส่องประกายท้าทาย  ซาย่ากระชับดาบในมือแน่นขึ้น  รอจังหวะที่
อีกฝ่ายจะเปิดช่องให้โจมตี
          “เฟี้ยว...!”  เจ้าหล่อนลงมือจู่โจมรวดเร็วดั่งสายลม  หากแต่ซาย่าที่เตรียมรับมืออยู่แล้วหลบทันอย่างหวุดหวิด  นัยน์ตาสีม่วง
ของหญิงสาวผู้นี้กลับยิ่งมีแววดีใจปรากฏขึ้นอย่างที่ซาย่าไม่เข้าใจ  แล้วมีดสั้นเล่มนั้นก็กวัดแกว่อีกหลายครั้งหลายครา  ถึงซาย่าจะ
หลบได้ตลอดแต่ระยะทางของใบมีดนั้นยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  เจ้าหล่อนเพิ่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง  แต่แล้วแววตา
ซาย่าที่รับแสงสะท้อนจากแสงจันทร์ก็พลันประกายประหลาด  เธอหยุดหนีและรออะไรบางอย่าง
          “เทพแห่งวารี  โปรดประทานพลังให้ข้า  กำจัดศัตรูให้สิ้น...!!” ขาดคำร่ายเวทย์ของซาย่า  สายน้ำก็หลั่งไหลเข้ามาทำให้การ
ต่อสู้บริเวณนั้นชะงักลงไป  เมื่อน้ำลดระดับลงไป  ซาย่าก็พบว่าเพื่อนทั้งสองของเธอได้รับบาดเจ็บจาการต่อสู้เมื่อครู่เป็นอันมาก 
อย่างที่เธอไม่เชื่อว่าจะมีใครเหนือกว่าคนทั้งคู่ได้หลายชั้นเช่นนี้  ทางด้านสามสาวเองก็มีบาดแผลกันบ้างประปราย  แต่ที่ยิ่งกว่านั้น
ทั้งหมดเริ่มหอบแสดงถึงความเหนื่อยที่ต้องใช้ความเร็วติดต่อกัน
                    ไม่ไหว  ถ้าต้องสู้ต่อทั้งสองคนนี่ต้องไม่ไหวแน่ๆ  ทางนั้นแค่หอบ...
                    แต่ทางนี้บาดเจ็บถึงขนาดนี้...  เอทัวล์  อเล็กซ์..
          “เหลือเพียงแค่เธอเท่านั้น  จะสู้พวกเราได้ไหวเรอะ...??”  เสียงเย้ยดังมาจากหนึ่งในสามคนนั่น  หากแต่ในเสียงนั้นแสดง
ถึงความเหนื่อยอ่อนจากการต่อสู่เมื่อครู่มากพอดู
                    หรือว่าเราจะลองเสี่ยงดู...
          “ว๊าย...  เจ้านกนี่มันอะไรกัน..??”  เสียงเอะอะดังขึ้นจากอีกฝ่าย  เพราะขณะนั้นมีนกสีดำขนาดใหญ่บินโฉบไปโฉบมา
พลางจิกทึ้งผมของพวกเธอ  และแล้วก็มีเงาคนปรากฏขึ้นด้านข้าง  นกตัวนั้นหยุดดึงผมพวกเธอและบินกลับไปหาเจ้านายของมัน
ทันที
          “เฟรเดคริกซ์...??”  เสียงเอ่ยด้วยความประหลาดใจเป็นล้นพ้นที่คนๆนี้มาปรากฏตัวขึ้นในเวลาเช่นนี้  เฟรเดคริกซ์มอง
สภาพคนพวกซาย่าก่อนจะจ้องกลับไปที่สามสาวนั้นด้วยท่าทีนิ่งเงียบ  หากแต่สร้างความกดดันกับพวกเธอชนิดไม่มีใครกล้าขยับ
ตัว  นกสีดำนั้นส่งเสียงร้องดังขึ้นมาหนึ่งครั้งก่อนที่ชายหนุ่มจะขยับแขนให้มันบินขึ้นไปด้านบน  และแล้วก็มีแสงสีเงินสว่างออกมา
จากตัวมัน  รูปร่างของเจ้าสัตว์ตัวนี้ค่อยๆเปลี่ยนไป  ปีกหดหายลงไป  ลำตัวเรียวยาวขึ้น  จนในที่สุดก็เป็นดาบเล่มงามตกลงมาที่
มือชายหนุ่มผู้เป็นนาย
          “พวกเธอกล้าลงมือในอาณาจักรของฉัน  ช่างไม่กลัวตายเลยจริงๆนะ...”  เสียงเย็นเอ่ยขึ้นจากปากชายหนุ่มผู้นี้  หญิงสาว
ทั้งสามได้แต่นิ่งเงียบด้วยคาดไม่ถึงว่าจะมีผู้ปรากฏตัวเหนือที่คาดหมายไว้  และด้วยพวกเธอใช้แรงไปจากการต่อสู้เมื่อครู่จน
เหนื่อยหอบปานนี้  แต่กษัตริย์หนุ่มตรงหน้าไม่มีแววแห่งความปราณีปรากฏขึ้นเลย  และแล้วดาบเล่มใหญ่ในมือนั้นก็ถูกฟันลงไปที่
พี่คนโตในบรรดาสามคนนั่น
          “ฉึก...”  เสียงดาบถูกปักลงทีพื้นดิน  ภาพเบื้องหน้าเฟรเดคริกซ์คือซาย่าที่เอาตัวบังศัตรูสาวผู้นั้นไว้  นัยน์ตาคู่ฟ้าฉายแวว
กล้าแกร่งไม่ยอมใครอย่างที่ชายหนุ่มไม่เข้าใจในความคิดเธอ
          “บังหล่อนไว้ทำไม  เมื่อครู่พวกเธอทำร้ายท่านนะ  ถอยไป...”  เสียงเข้มเอ่ยถามด้วยความสงสัย  แต่สาวน้อยตรงหน้าเขา
กลับส่ายศีรษะ  และแล้วมีดในมือของหญิงสาวด้านหลังก็ถูกจับจ่อขึ้นที่คอของซาย่า  พร้อมกับที่มืออีกข้างก็จับแขนเธอไพล่หลังไว้
ด้วย
          “พวกเราไม่ต้องการให้ศัตรูมาสงสารหรอกนะ...!!  พวกเราเองก็มีศักดิ์ศรีพอ”  เสียงตะโกนดังขึ้นจากปากหญิงสาวผู้นั้น 
ซาย่าที่ถือแม้จะโดนจับล็อคคออยู่เช่นนั้นกลับไม่มีทีท่าเกรงกลัวต่อศัตรูด้านหลัง
          “พวกเธอทำเพราะมีคนจ้าง  ฉันไม่ถือเป็นความผิดของพวกเธอกลุ่มเดียวหรอกนะ  ถ้าจะโทษก็ต้องเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง
ต่างหาก...”  ซาย่ากล่าวขึ้นในที่สุด  ทำให้หญิงสาวด้านหลังเธอชะงักไปกับคำพูดนี้  และเริ่มชั่งใจบางอย่างในหัว  ชายหนุ่มตรง
หน้าส่ายศีรษะกับความคิดของสาวน้อย
          “เอาแต่คิดสงสารคนอื่นไม่เป็นเรื่อง  ลงท้ายก็เป็นแบบคราวไอ้เด็กหัวขโมยนั่น”  คำพูดว่าดังมาจากปากชายหนุ่มด้าน
หน้า  หากแต่เขาก็ยอมลดดาบลงถึงแม้จะไม่เก็บเข้าฝักก็ตามที  จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าหญิงสาวด้านหลังของซาย่าจะตัดสินใจ
บางอย่างขึ้นได้จึงลุกขึ้นก่อนที่จะเรียกพวกของเธอทั้งหมดเข้ามาหา  และพูดตกลงอะไรบางอย่างกันโดยที่ซาย่ายืนมองด้วยความ
สงสัย  จนเมื่อได้ข้อสรุปพวกเธอก็เดินตรงเข้ามาหาซาย่า  เฟรเดคริกซ์กุมดาบในมือแน่นเตรียมตัวหากต้องใช้มัน
          “พวกเราขออภัยด้วยค่ะ”  เสียงทั้งสามพูดพร้อมกัน  ซาย่ายืนมองกับเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงงงวย  แต่หญิงสาวทั้ง
สามมิได้มีทีท่าที่แสดงให้เห็นว่าเป็นศัตรูเช่นเมื่อครู่อีกแล้ว
          “พวกเราคิดว่าจะไม่ทำงานตามที่จ้างมาแล้วค่ะ”  หนึ่งในนั้นพูดขึ้น
          “เพราะเรารู้ดีว่าหากงานนี้พลาดไปพวกเราก็คงไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือเขาอยู่ดี  และเขาคงไม่ใส่ใจว่าพวกเราจะเป็นอย่าง
ไรเหมือนกับองค์หญิงด้วย”  อีกคนพูดต่อขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
          “พวกเราชอบคนที่แข็งแกร่ง  คนๆนั้นเขาเก่งมาก  เราจึงยอมรับคำว่าจ้างจากเขา  แต่เราเปลี่ยนใจแล้ว    พวกคุณเมื่ออยู่
รวมกันแล้วแข็งแกร่งกว่าเขาอีก”
          “ดังนั้นหากมีอะไรก็เรียกใช้พวกเราได้นะคะ  พวกเรา  สามคนยินดีช่วยเสมอ”  เมื่อพูดจบทั้งสามก็หายตัวไป  ทิ้งให้คนที่
เหลือยืนงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก  ไม่รู้ว่าหญิงสาวทั้งสามนั้นจะเป็นมิตรหรือศัตรูของพวกเขากันแน่
=========================================
          “อะไรกัน  สามพี่น้องนี่ก็ไม่สำเร็จเรอะ..??”  เสียงเอะอะด้วยความโกรธดังขึ้นจากผู้ว่าจ้างสามสาวไปสังหารองค์หญิง
          “หรือคงจวนเป็นเวลาที่ข้าต้องออกโรงจัดการด้วยตัวเองเสียแล้ว...”  เสียงพึมพำดังขึ้นในความมืด  พร้อมๆกับเสียงสายลมที่พัดอย่างรุนแรงบ่งบอกถึงลมพายุกำลังจะมาเยือน
=========================================
          หลังจากที่สามพี่น้องนั้นหายตัวไปแล้ว  พวกซาย่าก็ค้นพบว่าป้าเมเรียถูกซ่อนไว้หลังกองหินนั้นเอง  แล้วไม่ได้รับบาดเจ็บ
อะไรมากนัก  มีเพียงแค่แผลฟกช้ำเท่านั้น  ทั้งหมดจึงพากันมุ่งหน้ากลับวังโดยเวทย์วาร์ปของเฟรเดคริกซ์  โดยลืมนึกถึงบุคคลที่
ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
          “อะไรกัน  ท่านเฟรเดคริกซ์ยังไม่กลับมาอีกหรือไง  นี่มันดึกมากแล้วนะ...!!”  เสียงเอะอะอย่างอารมณ์เสียดังมาจากองค์
หญิงผู้นั่งรออยู่บนรถม้ามาหลายชั่วโมง
          “ถ้าพระองค์เหนื่อยก็บรรทมไปก่อนก็ได้นะพะย่ะค่ะ  หรือจะเสด็จกลับวังก่อน...”  เสียงตอบอย่างอารมณ์ดีเสมอไม่เปลี่ยน
ดังมาจากชายหนุ่มผมทองที่ถูกพี่ชายสั่งให้เฝ้าองค์หญิงอารมณ์แปรปรวนนี่ไว้
          “เชอะ  เป็นแค่ทหารองครักษ์ไม่ต้องถือดีมาบอกฉันหรอกย่ะ  ถ้าท่านเฟรเดคริกซ์ยังไม่กลับมาฉันก็จะรออยู่อย่างนี้  รู้ไว้ซะ
ด้วย”  เสียงว่าดังมาเป็นชุดให้คนฟังเลิกคิ้วก่อนนึกขำในใจ
          “ครับๆ  องค์หญิงต้องการอะไรก็บอกนะครับ”  เสียงของเอริคดังขึ้นมาอีก  จวบจนเกือบรุ่งสางกว่าที่องค์หญิงเอรีสจะรู้ว่า
เฟรเดคริกซ์เสด็จกลับวังไปนานแล้ว  แน่นอนเสียยิ่งกว่าแน่ว่าระหว่างทางเสด็จกลับวังด้วยรถม้านี่  เอริคนั้นแทบหูอื้อจากการบ่น
แบบไม่หยุดขององค์หญิงที่ซาย่ามักจะเรียกเสมอว่า  ‘องค์หญิงเฉิดฉาย’
เข้าร้านนี้ออกร้านนั้นอย่างรวดเร็ว  จะหยุดก็ต่อเมื่อมีของที่ถูกใจเธอเท่านั้น
          ชายหนุ่มมองตามเธออย่างเบื่อหน่าย  แต่ก็ไม่ได้ขัดใจอะไร  ในเมื่อเธอมาที่นี่ในฐานะราชอาคันตุกะของเขา  และแล้วก็มี
สิ่งหนึ่งโฉบลงมาหาเขา  นกสีดำตัวมหึมาตัวหนึ่งบินลงมาเกาะที่ไหล่ขององค์กษัตริย์แห่งรอซินยอล 
          ดวงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า  แสงแดดยามเย็นสีส้มส่องทาบร่างของทั้งคู่ให้ปรากฏเงาบนพื้น  หากแต่บนพื้นนั้นไม่มีเงาของนก
ยักษ์นั่น  มีเพียงแค่เงาชายหนุ่มยืนอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
          “กลับมาแล้วหรือ  แล้วมีเรื่องอะไรกันล่ะ..??”  เฟรเดคริกซ์เอ่ยเสียงเบากับนกดำตัวนั้น  มันผงกหัวมองตานายก่อนที่ดวง
ตาดวงที่สามของมันจะฉายภาพเหตุการณ์ที่ร้านอาหารยูโทเปียให้เขาได้รับรู้  นัยน์ตาสีหมอกเบิกกว้างก่อนที่เท้าทั้งคู่จะพาร่างนี้
ไปหาสาวน้อยผู้นั้น
          “อ้าว  จะไปไหนหรือพะย่ะค่ะ”  เสียงเอ่ยทักจากทหารราชองครักษ์ผู้น้อง  หากแต่ไร้คำตอบจากเฟรเดคริกซ์  มีเพียงคำ
เดียวที่เอ่ยออกมาให้ได้ยิน
          “ฝากองค์หญิงองค์นั้นด้วย..!!”  เขาพูดก่อนจะรีบวิ่งฝ่าฝูงชนที่เดินขวักไขว่อยู่บริเวณนั้นไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งให้เอริคยืนเลิก
คิ้วด้วยความงงงวยอยู่เล็กน้อย
          “ท่านเฟรเดคริกซ์ว่าชุดนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ”  องค์หญิงเอรีสพูดพลางหยิบชุดกระโปรงตัวหนึ่งขึ้นทาบตัวและหันกลับมาหวัง
ให้อีกฝ่ายมอง  หากแต่คนๆนั้นไม่อยู่ที่นั่นเสียแล้ว  มีเพียงแค่เอริคยืนอยู่คนเดียวทำให้เจ้าหล่อนอารมณ์เสียใส่ ‘คนขับรถม้า’  ผู้
นี้มากทีเดียว
========================================
                    ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว
          ซาย่านึกพลางมองดวงตะวันที่ค่อยๆหายลับขอบฟ้าไป  เงาแห่งรัตติกาลเริ่มปกคลุมไปทั่ว  แสงไฟจากบ้านแต่ละหลัง
ค่อยๆปรากฏขึ้นตามความมืดที่เพิ่มมากขึ้นทุกที  และแล้วก็มีมือหนึ่งมาจับไหล่เธอที่นั่งเฝ้าดูวิวด้านนอกอย่างใจจดใจจ่อ
          “เดี๋ยวก็ถึงเวลาแล้วนะ  ไปเตรียมตัวกันเถอะ...”  เสียงเอทัวล์ดังขึ้น  ซาย่าหันกลับไปมองเธอเพราะจับได้ว่าเสียงนี้ดูสั่นกว่า
ทุกที  ดวงตาของอีกฝ่ายดูมีน้ำใสๆคลอหากแต่ไม่รินไหลออกมา  ซาย่าลุกไปอย่างว่าง่าย  ดวงตาจับจ้องไปที่ฝาผนังที่มีสาร์ส
เลือดท้าไว้
                    แล้วเราจะเห็นดีกัน..!!
=======================================
          ท่ามกลางความมืดมิดในบริเวณป่าท้ายหมู่บ้าน  ที่มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่เป็นแหล่งกำเนิดแสง  ซาย่าเดินไปจนกระทั่ง
ถึงลานแห่งหนึ่งที่เป็นจุดนัดพบ  ที่นั่นไม่มีเงาผู้ใดเลย  สาวน้อยเพ่งพิจดูรอบข้างอย่างระมัดระวังกับศัตรูที่ไม่ปรากฏกาย
          “อ๊ะ  มาแล้วๆ”  เสียงหนึ่งดังขึ้นให้สาวน้อยหันซ้ายขวาเพื่อจับที่มาของเสียง  ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้นอีก  แต่ไม่ใช่เสียงเดิม
          “โธ่  ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเบียดมาทางนี้  เดี๋ยวก็จบเห่กันหมดพอดี”  เสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยความหงุดหงิดก่อนจะมีเสียง
ทะเลาะกันเล็กน้อยให้ซาย่างุนงงกับศัตรูกลุ่มนี้ยิ่งนัก
          “โอ๊ย  นี่เลิกทะเลาะกันเสียทีเถอะ  งานล่มหมดพอดี”  เสียงหนึ่งที่ฟังดูมีอำนาจที่สุดในทั้งหมดดุพรรคพวกตนอย่างสุด
ทน  ก่อนจะปรากฏกายสตรีสามคนบนก้อนหินใหญ่กลางลานนั้น
          “พวกเธอ...  คนที่เขียนตัวหนังสือพวกนั้นใช่ไหม..??”  ซาย่าถามขึ้นหลังจากหายงุนงง  ในขณะที่อีกฝ่ายทำหน้าตายิ้มแย้ม
แล้วพยักหน้าอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
          “ป้าเมเรียอยู่ไหน”  ซาย่าถามเสียงเข้ม  แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นเพียงแค่รอยยิ้มที่ดูยากจะเชื่อใจ  “พวกเธอทำแบบนี้
แล้วได้อะไร..??”  คำถามที่สามสาวมองหน้ากันก่อนยิ้มตอบ
          “เงิน...”  คำตอบที่ได้รับทำเอาซาย่าแทบจะอดกลั้นไม่ไหว  นี่พวกหล่อนเป็นพวกกลุ่มคนรับจ้างหรอกหรือ  พวกที่จะทำอะไร
ก็ได้หากมีคนจ้างมา  แล้วรอยยิ้มเย็นก็ฉาบขึ้นมามุมปากของสาวน้อย
          “ใคร..  ให้เงินพวกเธอมา..”  คำถามที่เจ้าตัวแทบจะอดกลั้นความโมโหไว้ไม่อยู่  แต่คำถามนี้กลับไม่ได้คำตอบที่ดีนัก
          “เขาจ้างพวกเรามาน่ะ ..”  หนึ่งในบรรดาสตรีทั้งสามตอบขึ้นขณะที่เอามือปัดผมไปด้านหลัง  ดวงตาสีม่วงของหล่อนจับจ้อง
มาที่ซาย่าอย่างสงสัยในคำถาม
          “ใครกัน..??”  ซาย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงคาดคั้น  แต่อีกฝ่ายมองหน้ากันไปมา  แล้วก็ส่ายหัวตอบกลับ
          “ไม่รู้  ใครก็ตามที่ให้ค่าจ้างเราเราก็ทำงานนั้นทั้งนั้นแหละ  ไม่เห็นต้องรู้จักเลย”  หญิงสาวพูดจบแล้วเว้นจังหวะไปเสียเล็ก
น้อย  ก่อนเอ่ยเสียงเข้ม  “ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีเธอมาแค่คนเดียวเสียแล้ว”  พูดจบเธอก็ดีดนิ้วเปาะ 
          หญิงสาวอีกสองคนด้านหลังก้ขว้างมีดสั้นของตนตรงไปยังพุ่มไม้ด้านข้างทันที  ซึ่งมันสั่นไหวเล็กน้อยและปรากฏร่างของคน
สองคนอยู่ ณ ที่นั้น
          “รู้ได้อย่างไรกันว่าพวกเราตามมาด้วย”  เสียงเอทัวล์เอ่ยถามหลังจากที่ต้องเผยตัวออกมาจากที่ซ่อนนั้น  ศัตรูตรงหน้าไม่
ตอบคำถามหากแต่พุ่งตัวเข้าปะทะทันที
          “เคร้ง..”  เสียงดาบปะทะกัน  ผู้ที่จู่โจมเข้าหาชะงักชั่วครู่และกระโดดถอยกลับไป  ริมปากนั้นฉาบด้วยรอยยิ้มแห่งความถูก
ใจ  มือเอทัวล์ที่กำดาบแน่นมีเลือดไหลซิบๆเป็นผลจากการปะทะเมื่อครู่  ทางด้านอเล็กซ์กำลังถูกหนึ่งในสตรีชุดดำทั้งสามจู่โจม
อย่างไม่ยั้ง  เนื่องจากฝ่ายศัตรูเน้นเรื่องความเร็วเป็นหลักในการโจมตี  อเล็กซ์จึงมักฟันดาบพลาดไปเสมอ  หลายครั้งหลายคราที่
สิ่งที่ถูกฟาดฟันลงไปนั้นเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ  และยิ่งนานเท่าใด  ตามตัวของอเล็กซ์ยิ่งมีบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ
          “อย่าไปสนใจพวกน้องๆของฉันเลย  เธอมาสู้กับฉันดีกว่า”  เสียงเรียกให้ซาย่าตื่นจากภวังค์  หญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นพี่
คนโตสุดภายในกลุ่มยกมีดสั้นของตนขึ้นชี้หน้าซาย่า  แววตาสีม่วงส่องประกายท้าทาย  ซาย่ากระชับดาบในมือแน่นขึ้น  รอจังหวะที่
อีกฝ่ายจะเปิดช่องให้โจมตี
          “เฟี้ยว...!”  เจ้าหล่อนลงมือจู่โจมรวดเร็วดั่งสายลม  หากแต่ซาย่าที่เตรียมรับมืออยู่แล้วหลบทันอย่างหวุดหวิด  นัยน์ตาสีม่วง
ของหญิงสาวผู้นี้กลับยิ่งมีแววดีใจปรากฏขึ้นอย่างที่ซาย่าไม่เข้าใจ  แล้วมีดสั้นเล่มนั้นก็กวัดแกว่อีกหลายครั้งหลายครา  ถึงซาย่าจะ
หลบได้ตลอดแต่ระยะทางของใบมีดนั้นยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  เจ้าหล่อนเพิ่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง  แต่แล้วแววตา
ซาย่าที่รับแสงสะท้อนจากแสงจันทร์ก็พลันประกายประหลาด  เธอหยุดหนีและรออะไรบางอย่าง
          “เทพแห่งวารี  โปรดประทานพลังให้ข้า  กำจัดศัตรูให้สิ้น...!!” ขาดคำร่ายเวทย์ของซาย่า  สายน้ำก็หลั่งไหลเข้ามาทำให้การ
ต่อสู้บริเวณนั้นชะงักลงไป  เมื่อน้ำลดระดับลงไป  ซาย่าก็พบว่าเพื่อนทั้งสองของเธอได้รับบาดเจ็บจาการต่อสู้เมื่อครู่เป็นอันมาก 
อย่างที่เธอไม่เชื่อว่าจะมีใครเหนือกว่าคนทั้งคู่ได้หลายชั้นเช่นนี้  ทางด้านสามสาวเองก็มีบาดแผลกันบ้างประปราย  แต่ที่ยิ่งกว่านั้น
ทั้งหมดเริ่มหอบแสดงถึงความเหนื่อยที่ต้องใช้ความเร็วติดต่อกัน
                    ไม่ไหว  ถ้าต้องสู้ต่อทั้งสองคนนี่ต้องไม่ไหวแน่ๆ  ทางนั้นแค่หอบ...
                    แต่ทางนี้บาดเจ็บถึงขนาดนี้...  เอทัวล์  อเล็กซ์..
          “เหลือเพียงแค่เธอเท่านั้น  จะสู้พวกเราได้ไหวเรอะ...??”  เสียงเย้ยดังมาจากหนึ่งในสามคนนั่น  หากแต่ในเสียงนั้นแสดง
ถึงความเหนื่อยอ่อนจากการต่อสู่เมื่อครู่มากพอดู
                    หรือว่าเราจะลองเสี่ยงดู...
          “ว๊าย...  เจ้านกนี่มันอะไรกัน..??”  เสียงเอะอะดังขึ้นจากอีกฝ่าย  เพราะขณะนั้นมีนกสีดำขนาดใหญ่บินโฉบไปโฉบมา
พลางจิกทึ้งผมของพวกเธอ  และแล้วก็มีเงาคนปรากฏขึ้นด้านข้าง  นกตัวนั้นหยุดดึงผมพวกเธอและบินกลับไปหาเจ้านายของมัน
ทันที
          “เฟรเดคริกซ์...??”  เสียงเอ่ยด้วยความประหลาดใจเป็นล้นพ้นที่คนๆนี้มาปรากฏตัวขึ้นในเวลาเช่นนี้  เฟรเดคริกซ์มอง
สภาพคนพวกซาย่าก่อนจะจ้องกลับไปที่สามสาวนั้นด้วยท่าทีนิ่งเงียบ  หากแต่สร้างความกดดันกับพวกเธอชนิดไม่มีใครกล้าขยับ
ตัว  นกสีดำนั้นส่งเสียงร้องดังขึ้นมาหนึ่งครั้งก่อนที่ชายหนุ่มจะขยับแขนให้มันบินขึ้นไปด้านบน  และแล้วก็มีแสงสีเงินสว่างออกมา
จากตัวมัน  รูปร่างของเจ้าสัตว์ตัวนี้ค่อยๆเปลี่ยนไป  ปีกหดหายลงไป  ลำตัวเรียวยาวขึ้น  จนในที่สุดก็เป็นดาบเล่มงามตกลงมาที่
มือชายหนุ่มผู้เป็นนาย
          “พวกเธอกล้าลงมือในอาณาจักรของฉัน  ช่างไม่กลัวตายเลยจริงๆนะ...”  เสียงเย็นเอ่ยขึ้นจากปากชายหนุ่มผู้นี้  หญิงสาว
ทั้งสามได้แต่นิ่งเงียบด้วยคาดไม่ถึงว่าจะมีผู้ปรากฏตัวเหนือที่คาดหมายไว้  และด้วยพวกเธอใช้แรงไปจากการต่อสู้เมื่อครู่จน
เหนื่อยหอบปานนี้  แต่กษัตริย์หนุ่มตรงหน้าไม่มีแววแห่งความปราณีปรากฏขึ้นเลย  และแล้วดาบเล่มใหญ่ในมือนั้นก็ถูกฟันลงไปที่
พี่คนโตในบรรดาสามคนนั่น
          “ฉึก...”  เสียงดาบถูกปักลงทีพื้นดิน  ภาพเบื้องหน้าเฟรเดคริกซ์คือซาย่าที่เอาตัวบังศัตรูสาวผู้นั้นไว้  นัยน์ตาคู่ฟ้าฉายแวว
กล้าแกร่งไม่ยอมใครอย่างที่ชายหนุ่มไม่เข้าใจในความคิดเธอ
          “บังหล่อนไว้ทำไม  เมื่อครู่พวกเธอทำร้ายท่านนะ  ถอยไป...”  เสียงเข้มเอ่ยถามด้วยความสงสัย  แต่สาวน้อยตรงหน้าเขา
กลับส่ายศีรษะ  และแล้วมีดในมือของหญิงสาวด้านหลังก็ถูกจับจ่อขึ้นที่คอของซาย่า  พร้อมกับที่มืออีกข้างก็จับแขนเธอไพล่หลังไว้
ด้วย
          “พวกเราไม่ต้องการให้ศัตรูมาสงสารหรอกนะ...!!  พวกเราเองก็มีศักดิ์ศรีพอ”  เสียงตะโกนดังขึ้นจากปากหญิงสาวผู้นั้น 
ซาย่าที่ถือแม้จะโดนจับล็อคคออยู่เช่นนั้นกลับไม่มีทีท่าเกรงกลัวต่อศัตรูด้านหลัง
          “พวกเธอทำเพราะมีคนจ้าง  ฉันไม่ถือเป็นความผิดของพวกเธอกลุ่มเดียวหรอกนะ  ถ้าจะโทษก็ต้องเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง
ต่างหาก...”  ซาย่ากล่าวขึ้นในที่สุด  ทำให้หญิงสาวด้านหลังเธอชะงักไปกับคำพูดนี้  และเริ่มชั่งใจบางอย่างในหัว  ชายหนุ่มตรง
หน้าส่ายศีรษะกับความคิดของสาวน้อย
          “เอาแต่คิดสงสารคนอื่นไม่เป็นเรื่อง  ลงท้ายก็เป็นแบบคราวไอ้เด็กหัวขโมยนั่น”  คำพูดว่าดังมาจากปากชายหนุ่มด้าน
หน้า  หากแต่เขาก็ยอมลดดาบลงถึงแม้จะไม่เก็บเข้าฝักก็ตามที  จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าหญิงสาวด้านหลังของซาย่าจะตัดสินใจ
บางอย่างขึ้นได้จึงลุกขึ้นก่อนที่จะเรียกพวกของเธอทั้งหมดเข้ามาหา  และพูดตกลงอะไรบางอย่างกันโดยที่ซาย่ายืนมองด้วยความ
สงสัย  จนเมื่อได้ข้อสรุปพวกเธอก็เดินตรงเข้ามาหาซาย่า  เฟรเดคริกซ์กุมดาบในมือแน่นเตรียมตัวหากต้องใช้มัน
          “พวกเราขออภัยด้วยค่ะ”  เสียงทั้งสามพูดพร้อมกัน  ซาย่ายืนมองกับเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงงงวย  แต่หญิงสาวทั้ง
สามมิได้มีทีท่าที่แสดงให้เห็นว่าเป็นศัตรูเช่นเมื่อครู่อีกแล้ว
          “พวกเราคิดว่าจะไม่ทำงานตามที่จ้างมาแล้วค่ะ”  หนึ่งในนั้นพูดขึ้น
          “เพราะเรารู้ดีว่าหากงานนี้พลาดไปพวกเราก็คงไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือเขาอยู่ดี  และเขาคงไม่ใส่ใจว่าพวกเราจะเป็นอย่าง
ไรเหมือนกับองค์หญิงด้วย”  อีกคนพูดต่อขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
          “พวกเราชอบคนที่แข็งแกร่ง  คนๆนั้นเขาเก่งมาก  เราจึงยอมรับคำว่าจ้างจากเขา  แต่เราเปลี่ยนใจแล้ว    พวกคุณเมื่ออยู่
รวมกันแล้วแข็งแกร่งกว่าเขาอีก”
          “ดังนั้นหากมีอะไรก็เรียกใช้พวกเราได้นะคะ  พวกเรา  สามคนยินดีช่วยเสมอ”  เมื่อพูดจบทั้งสามก็หายตัวไป  ทิ้งให้คนที่
เหลือยืนงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก  ไม่รู้ว่าหญิงสาวทั้งสามนั้นจะเป็นมิตรหรือศัตรูของพวกเขากันแน่
=========================================
          “อะไรกัน  สามพี่น้องนี่ก็ไม่สำเร็จเรอะ..??”  เสียงเอะอะด้วยความโกรธดังขึ้นจากผู้ว่าจ้างสามสาวไปสังหารองค์หญิง
          “หรือคงจวนเป็นเวลาที่ข้าต้องออกโรงจัดการด้วยตัวเองเสียแล้ว...”  เสียงพึมพำดังขึ้นในความมืด  พร้อมๆกับเสียงสายลมที่พัดอย่างรุนแรงบ่งบอกถึงลมพายุกำลังจะมาเยือน
=========================================
          หลังจากที่สามพี่น้องนั้นหายตัวไปแล้ว  พวกซาย่าก็ค้นพบว่าป้าเมเรียถูกซ่อนไว้หลังกองหินนั้นเอง  แล้วไม่ได้รับบาดเจ็บ
อะไรมากนัก  มีเพียงแค่แผลฟกช้ำเท่านั้น  ทั้งหมดจึงพากันมุ่งหน้ากลับวังโดยเวทย์วาร์ปของเฟรเดคริกซ์  โดยลืมนึกถึงบุคคลที่
ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
          “อะไรกัน  ท่านเฟรเดคริกซ์ยังไม่กลับมาอีกหรือไง  นี่มันดึกมากแล้วนะ...!!”  เสียงเอะอะอย่างอารมณ์เสียดังมาจากองค์
หญิงผู้นั่งรออยู่บนรถม้ามาหลายชั่วโมง
          “ถ้าพระองค์เหนื่อยก็บรรทมไปก่อนก็ได้นะพะย่ะค่ะ  หรือจะเสด็จกลับวังก่อน...”  เสียงตอบอย่างอารมณ์ดีเสมอไม่เปลี่ยน
ดังมาจากชายหนุ่มผมทองที่ถูกพี่ชายสั่งให้เฝ้าองค์หญิงอารมณ์แปรปรวนนี่ไว้
          “เชอะ  เป็นแค่ทหารองครักษ์ไม่ต้องถือดีมาบอกฉันหรอกย่ะ  ถ้าท่านเฟรเดคริกซ์ยังไม่กลับมาฉันก็จะรออยู่อย่างนี้  รู้ไว้ซะ
ด้วย”  เสียงว่าดังมาเป็นชุดให้คนฟังเลิกคิ้วก่อนนึกขำในใจ
          “ครับๆ  องค์หญิงต้องการอะไรก็บอกนะครับ”  เสียงของเอริคดังขึ้นมาอีก  จวบจนเกือบรุ่งสางกว่าที่องค์หญิงเอรีสจะรู้ว่า
เฟรเดคริกซ์เสด็จกลับวังไปนานแล้ว  แน่นอนเสียยิ่งกว่าแน่ว่าระหว่างทางเสด็จกลับวังด้วยรถม้านี่  เอริคนั้นแทบหูอื้อจากการบ่น
แบบไม่หยุดขององค์หญิงที่ซาย่ามักจะเรียกเสมอว่า  ‘องค์หญิงเฉิดฉาย’
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น