ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Princess of Rossignol

    ลำดับตอนที่ #17 : สาร์สเลือด

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 47




              หลังจากงานเลี้ยงครานั้นผ่านไปสองวัน  พระราชอาคันตุกะทั้งหลายต่างก็ทยอยกันเดินทางกลับเมืองหรือประเทศของตน



    ไป  ส่วนองค์หญิงเอรีสก็ได้ตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะประทับอยู่ที่รอซินยอลต่อไปอีกสักระยะตามที่เจ้าหล่อนบอกว่าเพื่อนสานสัมพันธ์



    อันดีระหว่างรอซินยอลกับเดฟีเอ    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหล่านางกำนัลต่างซุบซิบกันว่าแท้จริงแล้วเพื่อที่จะประกาศตัวเป็นพระคู่หมั้นกับ



    เฟรเดคริกซ์อย่างแท้จริงต่างหาก





              “เชอะ  ยัยคุณหญิงเฉิดฉายนั่นเรื่องมากเสียจริงๆ”  เสียงสาวน้อยผมสีน้ำตาลอ่อนบ่นอุบด้วยความหงุดหงิดใจ  ก็ช่วงนี้



    แม่องค์หญิงนั่นเอาแต่ตามเกาะเฟรเดคริกซ์แจทั้งวัน  แม้จะไม่เข้าใจตัวเองว่าจะหงุดหงิดตามไปทำไม  แต่น่าจะเพราะเธอไม่ชอบ



    เจ้าหล่อนอยู่แล้วด้วยมั้ง  คนฟังคำบ่นถึงกับตาโตกับคำเรียกที่เธอขนานนามให้องค์หญิงผู้นั้น





              “อย่าตรัสแบบนั้นสิเพคะ  ฟังดูไม่ดีเลยนะเพคะ”  เสียงร้องห้ามดังมาจากนางกำนัลซึ่งนั่งอยู่ข้างกายเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง  



    แต่ซาย่ากลับทำหูทวนลมไปเสียอย่างนั้น  ก่อนที่จะพูดต่อ





              “ก็คุณเธอเรื่องเยอะจริงๆนะ   เจอหน้าฉันทีไรมีแต่ส่งสายตาเหยียดๆมาให้ทุกทีเลย  แถมชอบแต่งตัวด้วยชุดฟูฟ่องชวน



    เดินลำบากแบบนั้น  แล้วไหนจะยังใส่พวกเครื่องประดับเสียเต็มตัวแบบนั้น  เรียกคุณหญิงเฉิดฉายนี่แหละเหมาะแล้ว”   ซาย่าพูด



    บ่นเสียยืดยาวพลางมองผ่านหน้าต่างห้องเธอลงไปด้านล่าง   เฟรเดคริกซ์กำลังเดินอย่างเร่งรีบดังเช่นทุกทีที่เป็น  แต่ไม่รู้เธอคิด



    ไปเองหรือเปล่าว่าช่วงนี้คนที่ดีแต่ดุผู้นี้ออกจะเดินเร็วกว่าปกติทุกที  แล้วคนที่พยายามเร่งฝีเท้าให้ทันคนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือหญิง



    สาวในชุดกระโปรงยางลากพื้นสีแดงเข้มที่มีลูกไม้ดำติดประแซมตามชายกระโปรงและแขนเสื้อ   เจ้าหล่อนพยายามเร่งฝีเท้าที่ทำ



    อย่างไม่เห็นผลแตกต่างจากการเดินธรรมดาเท่าไรนัก  ทิ้งให้ระยะห่างของคนทั้งคู่มีมากขึ้นเรื่อยๆ  ซาย่ามองภาพนี้แล้วนึกขำ



    ในใจอย่างสมน้ำหน้าคุณหญิงเฉิดฉายในใจ





              “ตายแล้ว  ช่วงนี้แม่เจ้าหญิงองค์นี้ออกจะทำเกินไปหน่อยแล้วนะ  องค์กษัตริย์ก็ไม่รู้ทรงยอมให้เธอประทับที่นี่ต่อทำไม  



    เป็นแค่องค์หญิงประเทศเล็กๆที่ต้องมาพึ่งใบบุญรอซินยอลเสมอๆ  แต่ทำตนราวกับตัวเองใหญ่เสียเต็มประดา”  คำกล่างของดอร์



    ร่าที่สังเกตเห็นภาพนั้นด้วยเช่นกันทำให้ซาย่าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย  ดอร์ร่าซึ่งสังเกตเห็นอาการนี้จึงอธิบายต่อให้ฟัง





              “คืออย่างนี้เพคะ   ประเทศเดฟีเอเป็นประเทศเล็กๆที่อยู่ทางตะวันตกของรอซินยอล…”  คำอธิบายยังไม่ทันจบ   คนฟังที่เห็น



    แววว่าการอธิบายนี้ทำท่าจะยืดยาวจึงร้องปรามขึ้นมาก่อน





              “เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วล่ะ   แต่ทำไมเดฟีเอต้องมาพึ่งเราด้วยล่ะ”





              “ช่วงนี้เดฟีเอถูกประเทศใหญ่ๆรุกรานหนักเข้าทุกทีเพคะ   ทั้งเมราน   ลินด์บลัน   ซารีส  และไหนจะมีข่าวลือมาว่าการ



    เมืองภายในมีปัญหาด้วย   ใครๆก็เลยรู้กันว่าที่องค์หญิงเอรีสมาที่นี่เพราะหมายหมั้นปั้นมือว่าจะเป็นพระคู่หมั้นให้ได้”  ซาย่าฟัง



    ดอร์ร่าพลางถอนหายใจ  พระคู่หมั้น  กับคนแบบนี้จะไปดีอะไรกัน  แต่ไม่รู้ทำไมถึงยังมีความหงุดหงิดเกิดขึ้นในใจอยู่  ทันใดนั้นก็



    มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น  แล้วบุคคลที่กำลังอยู่ในความคิดสาวน้อยก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีที่ยังเคร่งขรึมอยู่เช่นเดิม





              “เดี๋ยวข้าจะเข้าไปในเมืองน่ะ   องค์หญิงจะไปกับข้าด้วยไหม”    คนฟังยังไม่ทันได้ตอบอะไรก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น



    เสียก่อน  





              “ท่านเฟรเดคริกซ์ไปกับหญิงแค่สองคนก็ได้นี่เพคะ   องค์หญิงโซมารีน่าคงจะโปรดประทับอยู่ที่วังมากกว่านะเพคะ”  องค์



    หญิงแห่งเดฟีเอพูดด้วยน้ำเสียงที่ซาย่าฟังดูแล้วรู้สึกหมั่นไส้ในใจ   เจ้าหล่อนมองมายังเธอด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะเยาะเย้ยใน



    ขณะที่เอามือเกาะแขนเฟรเดคริกซ์ติดหนึบชนิดที่ว่าเขาสะบัดไม่หลุด





              “ดีเลยค่ะ   ฉันเองก็อยากออกไปยืดเส้นยืดสายอยู่เหมือนกัน  เอทัวล์  อเล็กซ์  ไปด้วยกันนะ”  ซาย่าพูดขึ้นพลางส่งสายตา



    ประกายกร้าวกลับไปให้เจ้าหล่อน  ก่อนหันไปพยักหน้าใสองเพื่อนสนิทซึ่งยืนคุยกันอยู่มุมห้อง





              “อีกสักครู่รถม้าก็จะจัดเตรียมเสร็จ   เตรียมตัวให้พร้อมด้วย”  พูดจบชายหนุ่มก็สลัดแขนอย่างแรงให้หลุดพ้นจากพันธการ



    ขององค์หญิงแห่งเดฟีเอ  ก่อนที่จะเดินจ้ำอ้าวออกไปตามทาง





              เมื่อสิ่งที่หวังไว้ไม่สำเร็จ  องค์หญิงเอรีสก็เริ่มมีอารมณ์  ก่อนที่จะหันมาหาสาวน้อยผู้ที่ทำให้แผนการเธอพังลงทันทีที่เจ้าตัว



    เอ่ยปากว่าจะออกไปด้วย





              “มันเรื่องอะไรกันที่เธอจะต้องไปด้วยกัน   เป็นองค์หญิงก็นั่งเฉยๆอยู่ที่วังก็พอแล้ว..!!”   น้ำเสียงขุ่นมัวดังขึ้นจากปากหญิง



    สาวที่ตอนนี้คิ้วทั้งคู่มุ่นเข้าหากัน  ซาย่ามองคนตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉยก่อนจะเผยรอยยิ้มใสที่แฝงด้วยแววเจ้าเล่ห์





              “อ้าว  ก็ไม่บอกล่ะคะ  ว่าไม่ให้ฉันไปด้วย  และอีกอย่าง  ฉันว่าคนที่ชวนฉันคือเฟรเดคริกซ์นะ  ไม่ใช่คุณ   ดังนั้นหากจะมี



    ใครยกเลิกไม่ให้ฉันไป  ก็น่าจะเป็นเขาผู้นั้น  ไม่ใช่คุณนะ  องค์หญิงเอรีส”  ซาย่าพูดพลางจ้องมองดวงตาที่ฉาบไปด้วยความโกรธ



    ของอีกฝ่าย  เมื่อสุดทนด้วยว่าไม่มีเหตุผลใดจะยกมาว่าสาวน้อยตรงหน้าได้ก็คงต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือบ้าง  แต่ทันทีที่แขนเรียวข้าง



    หนึ่งได้ยกขึ้นและกำลังจะทิ้งลงมาสัมผัสกับซาย่า  ก็มีด้ามดาบเล่มหนึ่งขวางไว้เสียก่อน  ตามด้วยเสียงที่มีแววแห่งความเอาจริง





              “ผมไม่คิดว่าองค์หญิงที่ไหนจะหาเรื่องทะเลาะตามแบบแม่ค้าตามตลาดหรอกนะ”  อเล็กซ์พูดทอดเสียงที่มักทำเวลาที่ไม่



    สบอารมณ์   ทิ้งให้หญิงสาวหน้าซีด  ขยับปากขึ้นลงแต่ไม่มีเสียงลอดออกมาเพราะความตกใจ  จนเค้นเสียงออกมาได้ในที่สุด





              “อ…  อะไรกัน  เป็นแค่องครักษ์มีสิทธิ์อะไรมาถือดีสั่งสอนฉัน”  เสียงสั่นๆบ่งบอกว่าเจ้าหล่อนยังคงตกใจอยู่  แล้วดาบที่



    ตอนนี้ถูกชักออกมาจากฝักเรียบร้อยแล้วก็จ่อตรงมาที่หน้าเธอ  ในขณะที่ฝ่ายชายหนุ่มตรงหน้านั้นเผยรอยยิ้มร่าเริงให้เห็น





              “ครับ  ผมมันก็เป็นแค่องครักษ์   แต่ก็เพราะว่าผมไม่อยากให้ใครมาหาว่าผมลงมือโดยไม่ได้กล่าวเตือนให้รู้ล่วงหน้า   หน้า



    ที่ผมคือปกป้ององค์หญิงโซมารีน่า  เด  แซคซิฟริจจากใครก็ตามที่หวังร้าย  ผมมีเรื่องจะบอกคุณเพียงเท่านี้  ถ้าหากคุณอยาก



    ลงมือกระทำตามที่ตั้งใจไว้เมื่อครู่ก็เชิญตามสบายครับ   แต่หลังจากนั้นผมไม่คิดว่าดาบเล่มนี้จะปล่อยให้คุณกลับเดฟีเอได้โดย



    ง่ายหรอกนะครับ”  คำพูดที่ฟังเหมือนเล่นๆจากคนที่มักจะร่าเริงอยู่เสมอในสายตาทุกๆคน   แต่บัดนี้กลับไม่มีแววแห่งความขี้เล่น



    ปรากฏในนัยน์ตาสีมรกตคู่นี้เลย





              เอรีสได้เพียงแค่กัดฟันก่อนที่จะเดินลงส้นออกไปจากห้องด้วยความเจ็บใจ  ซาย่ามองตามแผ่นหลังเธอผ่านช่องประตูที่เปิด



    แง้มไว้เสียกว้าง  เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินไปได้ไกลระยะหนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้นลอยๆ





              “ขอให้เปลี่ยนเสื้อให้ทันนะคะ  องค์หญิงเอรีส”  สิ้นคำพูดของสาวน้อย  ร่างขององค์หญิงเอรีสก็เปียกโชกไปด้วยน้ำ  เจ้า



    หล่อนมองซ้ายขวาอย่างต้องการหาตัวคนทำ  แต่ไม่เจอใครเลยนอกจากทหารยามแถวนั้นที่พยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดความ



    สามารถ  เธอจึงเดินปึงปังตรงกลับห้องเพื่อนเปลี่ยนชุดให้ทันก่อนที่รถม้าจะออก





    ====================================





              รถม้าคันโตแล่นไปตามถนนเส้นใหญ่ในเมือง  เสียงเอะอะจอแจที่มีอยู่เป็นเนืองนิจบัดนี้กลับดูดังกว่าทุกที  เพราะทุกคน



    ล้วนรู้กันดีว่ารถม้านี้มาจากราชวัง





              “ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลยนี่เพคะ   มีแต่พวกชาวบ้านธรรมดาๆ  ตลาดก็ดูท่าจะสกปรก”  เสียงวิจารณ์ดังแว่วให้ได้ยินอยู่



    ตลอดจากปากองค์หญิงแห่งเดฟีเอ  เฟรเดคริกซ์ได้แต่นั่งเงียบไม่ได้ว่ากล่าวอะไรออกมาจนเจ้าหล่อนบ่นอุบอิบว่าเขาไม่ได้ให้



    ความใส่ใจกับเธอเท่าที่ควร  ซาย่ามองอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีกับบรรยากาศที่ดูแตกต่างในรถม้าคันนี้   เอริคก็เป็นคนบังคับรถม้า



    ไปเสียนี่   แถมเอทัวล์กับอเล็กซ์ก็ไปเป็นคนที่ขี่ม้าขนาบข้างรถม้านี้เสียอีก





              “เดี๋ยวพอไปถึงที่จอดรถม้าแล้ว  ขอฉันแยกไปหาคุณป้าเมเรียนะ”  ซาย่าพูดขึ้นทำลายเสียงบ่นในที่สุด  เฟรเดคริกซ์



    จ้องกลับมาที่เธอก่อนที่จะเอ่ยถาม





              “ป้าเมเรีย..??”





              “อ๋อ  คนที่ดูแลฉันมาตลอดสิบปีน่ะ   ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง…”  พูดมาถึงตรงนี้รถม้าก็หยุดสั่นสะเทือนซึ่งหมายความ



    ได้จอดลงแล้ว   ซาย่าแหวกม่านออกดูด้านนอกแล้วกระโดดลงไปที่พื้นหญ้า  ก่อนที่จะวิ่งไปหาอเล็กซ์และเอทัวล์  แต่แล้วก็นึกถึง



    บางเรื่องขึ้นได้จึงหันไปหาชายหนุ่มที่เอาแต่ยืนหน้าเคร่งเครียดด้านหลัง





              “เฟรเดคริกซ์จะไปด้วยกันไหม”  คำถามนี้ชายหนุ่มยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากตอบ  หญิงสาวที่มัวแต่เกาะแกะด้านข้างก็ชิงตอบ



    ขึ้นเสียก่อน





              “ไม่หรอก  ท่านเฟรเดคริกซ์สัญญาว่าจะพาหญิงชมตลาดนี่เพคะ  รีบๆไปเถอะเพคะ”  เจ้าหล่อนพูดพลางส่งสายตาที่อ่านได้



    เป็นนัยๆมาให้สาวน้อย  ซาย่าเผยยิ้มที่ดูแปลกตาให้ทั้งคู่ก่อนจะพูดตอบกลับ





              “อ๋อ  เหรอคะ  งั้นขอให้สนุกนะคะ องค์หญิงเอรีส  กับเฟรเดคริกซ์”  สาวน้อยพูดประชดก่อนที่จะปีนขึ้นม้าตัวเดียวกับเอทัวล์



    และกระชากบังเหียนให้ม้าขาววิ่งตะบึงไปอีกทาง  เอรีสมองตามพวกเธอที่ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆอย่างนึกดีใจ  และหันมาพูด



    กับชายหนุ่มด้านข้างตัวต่อไป  หากแต่เขาไม่ได้สนใจที่เธอพูดแม้แต่น้อย   นัยน์ตาคู่เทายังคงจับจ้องร่างของคนที่เพิ่งจากไปอย่าง



    ไม่วางตา





    ====================================





              “อ้าว…  หนูซาย่าไม่ใช่หรือนั่น”  เสียงทักจากหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่รู้จักเธอเมื่อยามอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้    เธอยิ้มรับคำทัก



    และยอมให้หล่อนเข้ามากอดแต่โดยดี   ก่อนที่ข่าวนี้จะแพร่ไปในเวลาไม่นานนัก  แล้วซาย่าก็ต้องอยู่พบกับทุกคนในหมู่บ้านโดยไม่



    มีอันต้องขยับไปไหนเลย





              “ป้าได้ยินมาว่าหนูต้องเข้าไปในวังนี่นา   ไปเป็นอะไรหรือจ๊ะ..??”  คำถามหนึ่งดังขึ้น  ซาย่าได้แต่ยิ้มเพราะหวังจะเลี่ยงคำ



    ตอบ  เด็กชายคนหนึ่งจะลองทายคำตอบดู





              “ไปเป็นทหารราชองครักษ์ใช่ไหมครับ  พี่ซาย่าฝีมือดาบดีที่สุดในหมู่บ้านเลยนี่ครับ”  เมื่อเด็กชายพูดจบก็มีมือหนึ่งที่เขกหัว



    เขาเข้าเต็มๆ





              “เฮ้ยๆ  นี่นายลืมพี่ชายตัวเองไปแล้วหรือไง  คนที่ฝีมือดาบดีที่สุดน่ะฉันนะ”  เสียงอเล็กซ์พูดดังขึ้น  จริงๆแล้วเด็กชายคนนี้



    เป็นน้องชายคนเล็กของเขาเอง  ซาย่ามองทั้งคู่อย่างนึกขำในใจ  ก่อนจะเอ่ยตอบเด็กชายที่ทำหน้าบูดบึ้งใส่พี่ชายตัว





              “ฉันไปเป็นราชองครักษ์ไม่ได้หรอกนะ  เพราะตำแหน่งนี้มีไว้ให้พวกผู้ชายเท่านั้น  แต่พี่ชายเธอน่ะใช่…  ว่าแต่ไม่ยักรู้ว่านาย



    ก็อวดตัวเองเป็นด้วยนะ  อเล็กซ์”  คำพูดนี้เรียกเสียงหัวเราะจากชาวบ้านแถวนั้นรวมทั้งอเล็กซ์กับเอทัวล์ได้เยอะพอดู   ก่อนที่



    ซาย่าจะสังเกตเห็นบางสิ่ง  ในพวกชาวบ้านไม่มีคนที่เธออยากพบเจอที่สุดตอนนี้อยู่ด้วยเลย





              “ป้าเมเรียล่ะคะ  ไม่ได้ออกมาด้วยหรอกหรือ..??”  ซาย่าเอ่ยถามขึ้น  พวกชาวบ้านต่างก็ชะงักก่อนหันสำรวจผู้คนแถว



    นั้น  เมื่อเห็นว่าจริงตามที่ซาย่าพูดก็ตกลงว่าให้เธอกลับไปเจอเมเรียเสียก่อนแล้วค่อยมาคุยกันใหม่





              ซาย่าวิ่งนำเอทัวล์กับอเล็กซ์มาจนถึงหน้าร้านอาหารยูโทเปีย  เธอยิ้มเมื่อแหงนดูป้ายร้าน  บ้านที่เธอคิดถึง  ซาย่าก้าวตรงไป



    เปิดประตู  แต่สิ่งที่เธอพบด้านในกลับทำให้เธอยืนแข็ง  ส่งผลให้เอทัวล์ที่เดินตามมาติดชนเธอเข้าอย่างจัง





              “มันอะไรกันที่ต้องหยุดกระทันหันด้วยล่ะ  ซาย่า”  เอทัวล์ร้องขึ้น  แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้าเธอก็แทบช็อค





              เศษจานที่แตกกระจายอยู่เกลื่อนพื้น  เก้าอี้ภายในล้มระเนระนาด  โต๊ะขาหักไปสองตัว  แสดงถึงร่อยรอยการต่อสู้ที่เกิดภาย



    ในนี้   ที่พื้นจุดหนึ่งมีรอยเลือดเปื้อนเป็นคราบปรากฏอยู่   ที่ผนังด้านข้างมีข้อความหนึ่งถูกเขียนไว้





              อเล็กซ์เดินตรงเข้าไปดูข้อความนั้น  ตัวหนังสือสีแดงเพราะถูกเขียนด้วยเลือดของใครบางคน  เนื้อหาของข้อความเลือดนั้น



    เป็นดังนี้







                        ถ้าต้องการช่วยผู้หญิงคนนี้  ขอให้องค์หญิงโซมารีน่ามาพบข้าเพียงคนเดียวคืนนี้   ที่ลานฝึกในป่าหลังหมู่บ้าน







              เมื่อซาย่ารู้ถึงข้อความนี้เธอจึงดึงดันที่จะออกไปตามที่ข้อความเขียนบอกไว้   แต่เพื่อนทั้งคู่ของเธอต่างก็คัดค้านอย่างถึงที่



    สุด





              “มันอะไรกันที่ป้าเมเรียต้องถูกจับตัวไปเพื่อเรียกให้ฉันออกไปด้วย   ถ้าฉันไปหามันเสียเรื่องมันก็จบใช่ไหม..??”  เสียง



    ซาย่าตะโกนลั่นเมื่อเอทัวล์ดึงแขนเธอแน่นไม่ให้ออกไปด้านนอก  เอทัวล์จ้องมองเธอด้วยนัยน์ตาแดงๆราวกับจะร้องไห้แต่ก็กลั้นไว้





              “แล้วคิดว่ามันจะจบแค่นั้นจริงๆหรือไง   ตอนนี้แม่ฉันอาจจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้วก็ได้  มันแค่ต้องการให้เธอออกไปหามัน



    เท่านั้น  แต่ไม่ได้ยืนยันว่าจะคืนตัวแม่ฉันกลับมานี่ !!”  ซาย่าได้แต่สงบอารมณ์ทนฟังและทำตามที่พี่สาวเธอว่า   อเล็กซ์มองเพื่อน



    ของตนทั้งคู่ก่อนที่จะเอ่ยปากบ้าง





              “แต่ถ้าไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง  เผื่อถ้าตอนนี้คุณป้าเมเรียอาจจะยังไม่โดนฆ่า  เดี๋ยวจะไม่ทันการเสียเอานะครับ   ผมว่า



    แผนอะไรรับมือเสียหน่อยก็ดี”  ซาย่ามองตาชายหนุ่มชั่วครู่ก่อนที่จะนิ่งคิด  แล้วเอ่ยเสียงเข้ม





              “ได้   มันต้องเสียใจแน่ที่กล้ามาเป็นศัตรูกับฉันอย่างจริงจังแบบนี้”  คำประกาศดังขึ้นจากสาวน้อยที่บัดนี้แววตามีประกาย



    แห่งความมุ่งมั่น   เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของนกสีดำตัวหนึ่งที่เกาะอยู่ที่กิ่งไม้ข้างหน้าต่างตลอดเวลา   หากดูเผินๆมัน



    ก็เหมือนนะทั่วๆไปหากแต่มันมีตาอีกดวงปรากฏตรงกลางระหว่างดวงตาปกติ  มันเกาะอยู่อีกครู่เดียวแล้วจึงเริ่มขยับปีกบินขึ้นไป



    เพื่อกลับไปหานายของตน  





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×