ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : เวทย์คำสาป
          “เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ”  คำแรกที่ถูกเอ่ยมาจากปากองค์หญิงผู้ลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงรบกวนเมื่อครู่  ภาพตรงหน้าคือแรนดัล
กำลังโดนเอริคจับตัวไว้อย่างแน่นหนา  อเล็กซ์ที่จับดาบขึ้นในท่าเตรียมพร้อมจะฟาดฟันลงมาที่ตัวเด็กชายตรงหน้า  มีดสีเงินวาว
เล่มหนึ่งตกอยู่บนพื้นข้างเตียง
          “เด็กนี่มันจะทำร้ายเธอ”  อเล็กซ์ตอบขึ้นมาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่คนต้นเหตุ  คนที่ตกเป็นผู้สงสัยในที่นี้ยังคง
พยายามดิ้นให้หลุดจากมือของชายที่จับตนเองอย่างสุดกำลังแต่ก็ไร้ผล  ก่อนที่เขาจะขยับปากพูดขึ้นในที่สุด
          “ผมแค่พยายามจะปอกแอปเปิ้ลให้องค์หญิงเท่านั้นเอง  แล้วพวกท่านก็เข้ามาจับผมแบบนี้ ”  แรนดัลพูดพลางเบะปากทำ
หน้าราวกับจะร้องไห้  เขามองไปที่พื้นอีกจุดหนึ่ง  แอปเปิ้ลลูกหนึ่งที่ยังปอกไปได้แค่ครึ่งลูกกำลังกลิ้งไปตามพื้นห้อง  ซาย่าหันกลับ
ไปมองหน้าทุกๆคนที่อยู่ในที่นั้นด้วยสายตาที่เค้นหาความจริงก่อนจะเอ่ยปากขึ้น
          “ปล่อยแรนดัลได้แล้ว  เอริค”  คำสั่งถูกเอ่ยขึ้นมาโดยที่คนรับมีสีหน้าไม่เห็นด้วยขึ้นทันทีที่ได้ฟัง  แต่เธอยังคงเน้นย้ำ
เดิมเมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมปล่อยตัวเด็กชาย  “ปล่อยเขาซะ”  เสียงคำสั่งที่เน้นย้ำขึ้นอีกทีคราวนี้ทำให้เอริคต้องปล่อยตัว
แรนดัลอย่างเสียไม่ได้  เมื่อถูกปล่อยตัวเด็กชายก็เริ่มปล่อยโฮขึ้นมาทันที  ซาย่ามองหน้าคนที่เหลืออีกสามคนในห้องด้วยว่าต้อง
การเหตุผลที่เข้ามาจับคนในห้องของเธอ
          “ทำไมอยู่ๆถึงต้องมาจับเด็กคนนี้”  เสียงที่กล่าวประโยคนี้สร้างบรรยากาศในห้องให้ดูเย็นเยียบขึ้นมาทันที  เอทัวล์ซึ่งทนไม่
ไหวจึงโพล่งขึ้นมาก่อนคนแรก
          “เพราะเจ้าเด็กคนนี้น่าสงสัยน่ะสิ”  คำพูดที่ดังขึ้นจากปากหญิงสาวอีกคนในห้อง  เด็กชายผู้ถูกกล่าวหามองหน้าเอทัวล์ด้วย
ความไม่พอใจก่อนที่จะพูดเถียงกลับ
          “ผมทำอะไรผิดอีกหรือครับ  ครั้งนี้ผมแค่จะปอกแอปเปิ้ลให้องค์หญิงเท่านั้นเอง”  เจ้าตัวพูดทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้าอยู่  ในที่
สุดอเล็กซ์ก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
          “ในห้องนี้จริงๆแล้วไม่มีแอปเปิ้ลอยู่ในห้องเลยไม่ใช่หรือ  แล้วไปค้นแอปเปิ้ลมาจากไหน ”  ชายหนุ่มพูดมาได้ถึงตรงนี้ก็มี
เสียงประตูปิดดังขึ้นจากด้านหลัง  ดอร์ร่าผู้ซึ่งก้าวเข้าห้องมาใหม่นั้นมีสีหน้างงงวยต่อภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าเป็นอย่างยิ่ง  ก่อนที่
จะเอ่ยปากถามขึ้น
          “เกิดอะไรกันขึ้นหรือคะ  แล้วแรนดัลร้องไห้ทำไมกันน่ะ  ปอกแอปเปิ้ลให้องค์หญิงเสร็จแล้วหรือยัง”  ประโยคนี้ทำให้
ซาย่าจ้องกลับไปยังผู้ที่กล่าวหาเด็กชายอยู่ชั่วขณะใหญ่ก่อนที่จะเอ่ยปากขึ้นต่อไป
          “ทีนี้ก็รู้กันแล้วนะว่าเด็กคนนี้ไม่น่าสงสัย  ถ้าจะสงสัยใครว่าจะทำร้ายฉันไปสงสัยเฟรเดคริกซ์ยังจะดีเสียกว่า  ทีหลังอย่าตี
ความอะไรเอาง่ายๆสิ”  คำตัดสินสุดท้ายถูกเอ่ยขึ้นมาในที่สุด  และองค์หญิงผู้ตัดสินความในครานี้ก็เริ่มนอนลงอีกครั้งด้วยอารมณ์
ที่ไม่ค่อยดีนัก  ในขณะที่คนที่เหลือมองหน้ากันอย่างไม่ค่อยชอบใจในคำตัดสินขององค์หญิงเจ้าปัญหาเท่าไหร่นัก  แต่ก็ไม่
สามารถขัดอะไรได้ในเมื่อเจ้าตัวหลับไปแล้ว  แรนดัลมองหน้าทุกคนก่อนจะเริ่มนั่งลงที่เก้าอี้และเริ่มปอกแอปเปิ้ลอีกครั้ง  เมื่อ
เป็นเช่นนี้ทุกคนจึงต้องเดินออกจากห้องไปในที่สุด  เหลือไว้เพียงดอร์ร่ากับแรนดัลซึ่งยังคงอยู่ในห้องกับซาย่าต่อไป 
          “เจ้าเด็กนั่น !!”  เสียงอเล็กซ์บ่นพึมพำระหว่างทางเดินหน้าห้อง  เอทัวล์ได้แต่มองเพื่อนชายของตนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดย
ไม่ได้พูดว่าอะไร  เอริคมองไปมองมาระหว่างทั้งคู่ก่อนที่จะพูดเสนอความเห็นออกมา
          “พวกคุณสงสัยตัวเด็กคนนั้นว่าเป็นคนร้ายอย่างนั้นหรือ..??”  คำถามที่แทงใจดำคนแถวนั้นจนต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาชาย
หนุ่มผู้ที่มักยิ้มเป็นเนืองนิจเบื้องหน้า  บัดนี้แววตาที่อยู่หลังกรอบแว่นที่เจ้าตัวมักสวมเฉพาะเวลาอ่านหนังสือมีแววประกาย
ประหลาดออกมาอย่างที่อเล็กซ์บอกไม่ถูกว่าเขารู้สึกเช่นไร  “ในเมื่อยังจับไม่ได้คาหนังคาเขาอย่างแท้จริงก็อย่าไปกล่าวหาอะไร
กันเลยนะครับ”  คำกล่าวตัดให้เรื่องตรงนี้จบไปถูกเอ่ยดังขึ้นในที่นั้น  คนกล่าวยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะก้มหัวให้แล้วเดินจากไปตาม
ทาง  เอทัวล์มองตามร่างนั้นก่อนที่จะเดินเข้ามาหาบุคคลอีกคนที่ยังยืนอยู่ในที่นั้น  อเล็กซ์ยังคงยืนเฉยอยู่ท่าเดิมก่อนที่จะรู้สึกตัว
เมื่อเอทัวล์เอามือไปแตะไหล่  เขาบ่นอะไรพึมพำออกมาอีกสองสามคำก่อนที่จะเดินไปปักหลักนั่งอยู่ที่หน้าประตูห้องของซาย่า 
เอทัวล์มองตามแล้วก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องเข้าไปด้านในโดยทิ้งให้คนคิดไม่ตกนั่งอยู่ตรงนั้นต่อไป
====================================
          “อเล็กซ์   มาทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ  ไม่กลับไปนอนดีๆที่ห้องล่ะ”  เสียงหนึ่งดังขึ้นในยามดึกของค่ำคืนนั้น  เป็นคำถามที่ถาม
กับราชองครักษ์ผู้ซึ่งมานั่งเฝ้าประตูจนถึงยามวิกาลเช่นนี้  ชายหนุ่มที่พยายามฝืนตาให้ลืมอยู่ทั้งๆที่ยังงัวเงียตอบกลับไปโดยไม่ได้
คิดอะไร
          “มานั่งเฝ้าเผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับซาย่าน่ะสิ”  เมื่อเขาตอบไปก็เริ่มรู้สึกตัวว่าเสียงที่ถามเขาเมื่อครู่นั้นช่างฟังดูคุ้นหูเกิน
กว่าจะเป็นเสียงคนอื่น  นี่เขาง่วงจนจำเจ้าของเสียงนี้ไม่ได้แล้วหรือ   เมื่อหันกลับไปพบสาวน้อยในชุดนอนสีขาวยาว  สีหน้าที่ดูแย่
เพราะพิษไข้เมื่อตอนเย็นค่อยดูดีขึ้นเล็กน้อย  หากแต่ริมฝีปากยังคงแห้งผากอยู่เช่นเดิม นัยน์ตาคู่ฟ้าซึ่งตอนนี้มีแววสงสัยเต็มที่ 
อเล็กซ์จ้องมองคนตรงหน้าเขาก่อนที่จะเผลอตัวตะโกนออกไปเสียงดัง
          “ซาย่า..!!!”  คนถูกเรียกทำหน้าดุขึ้นมาทันทีและรีบทำมือเป็นสัญญาณให้เขาเงียบเสียงลง  ทำให้อเล็กซ์ต้องรีบเอามือปิด
ปากทันทีเพราะเสียงเมื่อครู่ดังพอที่จะปลุกใครในบริเวณนั้นได้หมด  ก่อนที่จะมีคำถามด้วยความไม่พอใจดังขึ้น
          “ทำไมถึงจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน  ถึงมีจริงๆฉันก็ป้องกันตัวได้หรอกน่ะ”  สาวน้อยพูดพลางขมวดคิ้ว  มือทั้งคู่ตอนนี้อยู่ใน
ท่ากอดอกเรียบร้อยแล้ว 
          “ถึงอย่างไรก็เถอะ  ผมยังไม่ไว้ใจเด็กคนนั้นหรอกนะ”  อเล็กซ์พูดในขณะที่เงยหน้ามองซาย่า  เธอถอนหายใจแล้วสะบัด
เดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีกเลย  เสียงประตูห้องปิดเบาๆพร้อมๆกับที่อเล็กซ์นั่งเอาหัวพิงกำแพงครุ่นคิดถึง
เหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน
                    หรือต้องปล่อยให้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อนหรืออย่างไร  ถึงจะรู้สึกตัวเสียที
          และเจ้าเหตุการณ์ที่ว่านั้นก็มาถึงเร็วกว่าที่เขาคิด  เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นภายในห้องปลุกให้อเล็กซ์ซึ่ง
เผลอหลับไปโดยที่ไม่รู้ตัวให้ตื่นขึ้นและรีบเปิดประตูห้องเข้าไปดูสาเหตุของเสียงเอะอะวุ่นวายนั้น  ภาพตรงหน้าทำให้ใครก็ตามที่
มาเห็นคงต้องตะลึงไปแน่  เอทัวล์กับดอร์ร่ายืนล้อมรอบคนๆหนึ่งซึ่งดูร่างเล็กลงไปถนัดตา  ชุดนอนสีขาวที่เคยสวมใส่อยู่ได้พอดี
เมื่อคืนตอนนี้หลวมโครกจนแทบจะลงไปกองที่พื้นได้หมด  ดวงหน้าซึ่งตอนนี้กลับดูเด็กลงไปมากมีสีหน้าตกใจในสภาพของตน
เอง  ริมฝีปากที่ดูเหมือนจะขยับเพื่อพูดอะไรสักอย่างออกมา  หากแต่ ไม่มีเสียงหลุดลอดออกมาแม้สักนิด
          “เจ้าเด็กนั่น..!!”  คนแรกที่อเล็กซ์คิดถึงเมื่อต้องการจะรู้ตัวคนทำเรื่องแบบนี้  แถมตอนนี้เจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่ในที่นั้นเสียแล้ว 
มันออกไปตั้งแต่เมื่อไรกันและแม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ตัวด้วย
                    เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้   แล้วจะทำอย่างไรกันล่ะ
          อเล็กซ์คิดในใจขณะมองภาพตรงหน้า  ใช่ แล้วจะทำอย่างไรกันดีในเมื่อองค์หญิงกลับกลายเป็นเด็กไปเสียแล้ว  แถมดูท่า
จะโดนเวทย์ไซเลนซ์อีกต่างหาก  ดูท่าวันนี้คงจะวุ่นกันแน่ๆ (silence  n. vt. in.= เงียบ,ระงับเสียง,ห้ามไม่ให้พูด)
===========================================
          “เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ”  เสียงบ่นดังเล็ดลอดออกมาจากปากของเฟรเดคริกซ์ซึ่งตอนนี้มาดูอาการของคนโดนเวทย์ที่ยังไม่
ค่อยจะยอมรับสภาพตนเองในตอนนี้  สีหน้าบูดบึ้งยังคงปรากฏขึ้นตลอดเวลาบนใบหน้าเด็กๆนั้น  ตอนนี้เจ้าตัวสวมชุดที่เคยใส่เมื่อ
ครั้งตอนที่ยังอยู่ที่วังนี้ในสมัยก่อนซึ่งดอร์ร่าไปค้นมาให้  เฟรเดคริกซ์ถอนหายใจเบาๆกับภาพตรงหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ
          “เวทย์ไซเลนซ์ยังพอว่า  เพราะอีกไม่นานมันก็จะเสื่อมลงไปเองได้  แต่อีกเวทย์หนึ่งนี่สิ ”  เฟรเดคริกซ์หยุดพูดเล็ก
น้อยก่อนจะชำเลืองไปดูร่างเด็กน้อยอีกที  “อันนี้ไม่รู้จะแก้อย่างไรเพราะไม่รู้ตัวบทคาถาที่ใช้  คงต้องปล่อยให้อยู่ในสภาพนี้
ไปจนกว่าจะหาวิธีแก้ได้”  คำตอบที่คนฟังแทบอยากจะฆ่าคนพูด  แต่ร่างนี้ก็ช่างเล็กเกินกว่าที่จะจับดาบที่มีอยู่ตอนนี้ได้ถนัดมือ
นัก  ทำได้แค่ส่งแววตาโกรธเคืองไปให้เท่านั้นเพราะตอนนี้แม้แค่จะพูดยังทำไม่ได้
          “ข้าเคยบอกท่านแล้วใช่ไหมองค์หญิง  ว่ามีคนจ้องจะทำร้ายท่าน  ข้าขอให้ท่านระวังตัวให้มากกว่านี้  ก่อนที่ชีวิตของท่าน
จะดับสูญเสียเอง”  พูดจบเจ้าตัวก็ยกมือขึ้นร่ายเวทย์อะไรบางอย่างออกมา  มีสีแดงเรืองๆปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวซาย่าอยู่ครู่หนึ่งก็
ที่จะหายไปโดยที่ดูคล้ายกับถูกดูดกลืนเข้าไปในร่างของตัวเธอเอง
          “เวทย์นี้คงจะอยู่ได้ระยะหนึ่ง  ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นมันคงช่วยท่านได้บ้าง  แต่ทางที่ดีท่านอยู่เฉยๆคงไม่เกิดเรื่อง”  พูดจบ
ก่อนที่จะเริ่มเดินออกจากห้อง  แต่ก็ชะงักก่อนที่จะเปิดประตูออกไปและหันกลับมาพูดกันไว้ก่อน  “แล้วอย่าทรงนึกว่าตัวท่าน
เก่งกล้าสามารถพอที่จะสู้ศัตรูไหว  เพราะตอนนี้แม้แค่จับดาบยังไม่รู้ว่าท่านจะทำไหวหรือไม่เลย”  พูดจบก็มีเสียงปิดประตูดัง
ขึ้น  คนๆนั้นเดินออกจากห้องไปแล้วและมีเสียงเดินแว่วมาให้ได้ยินและห่างออกไปเรื่อยๆ 
          องค์หญิงผู้ที่ต้องกลับกลายไปเป็นเด็กเพราะเวทย์คำสาปมองไปที่ประตูด้วยสายตาที่ไม่ค่อยยินดีกับคำพูดเมื่อครู่  คนๆนั้น
เป็นใครและมีสิทธิ์อะไรมาว่าเธอ  คิดพลางเดินเข้าไปหยิบดาบของเธออย่างไม่ยอมรับในคำพูดเมื่อครู่ที่หาว่าเธอแม้จะจับดาบยัง
ทำไม่ไหว  ตอนนี้ด้ามดาบอยู่ในมือเธอเรียบร้อยแล้ว  แต่ไม่ว่าจะพยายามยกขึ้นเท่าไรมันก็ลอยสูงเหนือพื้นไม่ถึงฟุต  ดาบเล่มนี้ที่
เคยดูเบาเสมอ  ฟาดฟันได้รวดเร็วดุจสายลม  ตอนนี้แม้เพียงจะยกเธอยังไม่สามารถทำได้เลย  เวทย์ก็ใช้ไม่ได้  แล้วจะเชื่อใน
เวทย์ที่คนๆนั้นร่ายใส่ตัวเธอได้แค่ไหนกัน  น้ำใสๆเริ่มคลอเต็มเบ้าตาก่อนที่จะไหลรินลงมา
          ด้านนอกหน้าต่างมีเงาๆหนึ่งที่จ้องมองภาพด้านในพร้อมกับรอยยิ้ม  ผ้าดำที่แฝงกายไปได้ดีไปกับเงามืดที่เกิดจากเมฆฝน
ที่ตั้งเค้าพร้อมที่จะตกลงมาอีกระลอกใหญ่  ลมพัดแรงทำให้เส้นผมสีเงินพลิ้วไปบดบังตาสีดำมืดแห่งรัตติกาลบ้าง  แต่สายตาก็ยัง
คงจับจ้องร่างด้านในอย่างสนอกสนใจ
          “องค์หญิงโซมารีน่า  ขอให้ท่านสนุกกับร่างนั้นนะ   ก่อนที่ผมจะทำงานชิ้นนี้ต่อไป”  เสียงกระซิบเบาๆที่แทบจะถูกกลืนหาย
ไปในสายลมที่พัดอย่างรุนแรง
=======================================
          “องค์หญิงเสวยหน่อยเถิดนะเพคะ”  เสียงแม่นางกำนัลดอร์ร่าดังขึ้นเมื่อเห็นถาดอาหารที่ตนยกมาให้ซาย่าไม่ได้พร่องลงไป
เลยแม้เพียงนิดเดียว  คนถูกร้องขอได้แต่มองหน้าคนขอด้วยสายตาแปลกๆที่บ่งบอกให้รู้ว่าไม่รู้จักคนตรงหน้านี่เลยสักนิด  ก่อนที่
จะลุกขึ้นเดินออกไปที่ประตู  แต่มีมือมาขวางไว้เสียก่อน
          “จะไปไหนกันครับ  ซาย่า..??”  เสียงคนที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาทักเข้าพอดีและเอามือกดลงที่ไหล่  ซาย่ามองหน้าคนตรง
หน้าด้วยความไม่เข้าใจ  คนพวกนี้เป็นใครกันสำหรับเธอแล้วเธอไม่รู้จักเลยสักคน
          “เวทย์นี้ดูเหมือนว่าจะรุนแรงกว่าที่เห็น  นอกจากร่างเธอจะกลายเป็นเด็กแล้ว  ความทรงจำของเธอก็ถูกย้อนเวลากลับไป
ด้วย  ดังนั้นสำหรับตัวเธอพวกเราคือคนที่เธอไม่รู้จักมาก่อน”  เสียงเฟรเดคริกซ์ที่เพิ่งเดินเข้ามาตอบให้ทุกคนได้ยิน  ทุกคนต่างก็
หนักใจกับสถานการณ์เช่นนี้  จะแก้เวทย์ก็แก้ไม่ได้เพราะไม่มีใครรู้ว่าที่แท้จริงแล้วเป็นเวทย์อะไรกันแน่
          “เท่าที่ทำได้ตอนนี้ก็คือคอยอยู่กับเธอไว้ตลอด  อย่าให้คนร้ายเข้าใกล้ตัวเธอได้จนกว่าเวทย์จะคลาย ”  เฟรเดคริกซ์สั่ง
ทุกคนไว้ก่อนที่จะมองร่างเด็กหญิงตรงหน้า  ภาพในอดีตผุดขึ้นมาในหัวเล็กน้อยเมื่อครั้งเขาเป็นคนสอนดาบให้เธอ  เวลาผ่านมา
นานแสนนาน  ไม่คิดว่าจะต้องพบเจอร่างนี้อีกด้วยสถานการณ์เช่นนี้
======================================
          ซาย่าในร่างเด็กน้อยนั่งแกว่งขาไปมาบนเตียง  สายตามองออกไปด้านนอกที่มีสายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง 
แสงฟ้าแลบสว่างวาบขึ้นมาก่อนจะตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังขึ้นครืนใหญ่
          “ว๊าย..!!”  เสียงร้องด้วยความกลัวดังมาจากดอร์ร่า  แต่บุคคลที่แสดงความกลัวออกมามากกว่ากลับเป็นซาย่า  เด็กหญิงเอา
ผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวทันที  แววตาที่ดูหวาดกลัวปนสงสัยเล็กน้อย
                    เธอซึ่งไม่เคยกลัวฟ้าร้องมาก่อน   แต่ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกกลัวขึ้นมานะ
                    เหมือนมีอะไรที่ฝังอยู่ในหัวแต่นึกไม่ออก  ในค่ำคืนที่มีฟ้าร้องมันเกิดอะไรขึ้นกัน .
          และแล้วอยู่ๆแสงเทียนทุกเล่มที่จุดในห้องก็พลันดับวูบลงอย่างไม่มีสาเหตุ    ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืดทันที  มีเสียงวูบ
ดังอยู่ครั้งใหญ่ก่อนที่จะมีเสียงดอร์ร่าร้องกรี๊ดด้วยความตกดังขึ้นก่อนที่จะเงียบเสียงลง  ซาย่าเพ่งมองผ่านความมืดเพื่อหาต้นเสียง
ที่ดังมานั้น  ตรงหน้าเธอมีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง  ผมสีเงินสะท้อนกับแสงสายฟ้าที่สว่างขึ้นเป็นระยะๆ  นัยน์ตาคู่ดำซึ่งตอนนี้ดูเย็นชา
เสียเกินกว่าที่จะมีในตัวคนๆหนึ่ง  ริมฝีปากซึ่งตอนนี้ขยับขึ้นลงเบาๆและด้วยเสียงที่เล็ดลอดออกมาดังเพียงแค่เสียงสายลมดังให้
เธอได้ยิน
          “ถึงเวลาที่ผมต้องมาขอรับชีวิตท่านไปอย่างแท้จริงแล้วนะครับ ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น