ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ภาคพิเศษ ~Memories of Love~
                        I realized who my beloved was.
                    More and more I felt in love.
                    Gradually, finally, you\'re the only one.
                    Always call me, because I will believe in you.
                    ได้ตระหนักแล้วว่าใครคือคนที่รักที่สุด
                    ทุกวัน...ความรักที่เพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ
                    ทีละเล็กทีละน้อย...จนมีเธอเพียงคนเดียว
                    เรียกหาได้เสมอ...เพราะฉันเชื่อในตัวเธอ
                            ********************
          แสงแดดอ่อนๆยามเช้าส่องผ่านม่านบางเข้ามากระทบใบหน้าผู้ที่บรรทมหลับอยู่เตียง  ผมสีน้ำตาลเข้มที่ดูยุ่งไปบ้างจากการนอนหลับ  ใบหน้าที่ดูคมคายจัดเข้าขั้นหล่อเสียด้วยซ้ำ  เขาเอามือขยี้ตาเนื่องด้วยเคืองแสงที่แยงเข้ามานั้นแล้วลุกขึ้นออกจากเตียง  นางกำนัลสองนางที่คอยอยู่ด้านนอกห้องนำอ่างล้างหน้าเข้ามาถวายด้านในห้อง  แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะได้ทันทำอะไรนั้นก็ได้มีบุคคลสองคนวิ่งเข้ามาในลักษณะที่ดูคล้ายกับวิ่งแข่งกันพร้อมๆกับทุ่มเถียงกันไปด้วย
          \"ถวายบังคมพะย่ะค่ะ...!!\"  ทั้งสองพูดออกมาเกือบจะเป็นเสียงเดียวกันขณะคุกเข่าลงต่อหน้าชายผู้มียศเป็นองค์กษัตริย์แห่งประเทศรอซินยอล  พระองค์ทรงมีสีหน้ายุ่งยากใจเมื่อเห็นผู้ที่รีบร้อนมาเข้าเฝ้าตั้งแต่เช้าเช่นนี้  ในขณะที่ยังไม่ได้ตรัสอะไรออกไปนั้นชายวัยกลางคนผู้รีบเร่งมาเข้าเฝ้านั้นยังคงเถียงกันอยู่อย่างไม่เลิกรา...
          \"ท่านทั้งสองมีธุระอะไรเร่งด่วนหรือ  ท่านเสนาธิการฝ่ายกลาโหม  ท่านเจ้าคุณท้องพระคลัง...\"  องค์กษัตริย์ทรงตรัสด้วยสุรเสียงเหนื่อยหน่ายเพราะคนทั้งคู่มักจะมีเรื่องทะเลาะได้ทุกเวลา  และทรงประทับนั่งเพื่อพร้อมฟังเรื่องที่ทั้งคู่จะทูลถวาย
          \"กระหม่อมเห็นควรว่า  เราควรจะมีการรับและฝึกทหารเพิ่มขึ้นพะย่ะค่ะ...!!\"  เสนาธิการฝ่ายกลาโหมเริ่มทูลขึ้นก่อน  และอีกคนก็รีบชิงทูลต่อขึ้นทันที
          \"แต่ถ้าเช่นนั้นเงินหลวงมีไม่เพียงพอเป็นเบี้ยเลี้ยงให้พวกทหารเหล่านั้นแน่ๆพะย่ะค่ะ...!!  ถ้าเก็บภาษีเพิ่มพวกไพร่ฟ้าประชาชนต้องไม่พอใจแน่ๆพะย่ะค่ะ...!!\"  และแล้วคนทั้งคู่ก็หันไปจ้องหน้ากันด้วยความโมโหก่อนจะเริ่มทุ่มเถียงกันใหม่ทั้งๆที่ยังอยู่ต่อหน้าพระพักตร์แท้ๆ  องค์กษัตริย์มองดูชายทั้งสองและถอนหายใจอย่างปลงๆ  จนเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยังคงไม่เลิกเถียงกันง่ายๆแน่จึงตรัสขึ้นในที่สุด
          \"งั้นพวกท่านเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมในครั้งต่อไป  เรายังไม่พร้อมที่จะมานั่งรับฟังพวกท่านเถียงกันเช่นนี้\"  สุรเสียงเด็ดขาดตัดบทเถียงของคนทั้งคู่ได้ชะงัก  ก่อนที่จะเดินไปยืนตรงริมระเบียงที่ทอดยาวออกไปด้านนอกอย่างแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่ต้องการรับฟังเรื่องใดๆทั้งสิ้นในช่วงเวลานี้  ทำให้คนทั้งคู่ต้องยอมออกจากห้องไปในที่สุด  และมีเสียงเถียงกันไปตามทางเดินแว่วมาให้ได้ยินและห่างออกไปทุกๆที  ทิ้งให้ชายผู้เป็นกษัตริย์หนุ่มมองออกไปยังเบื้องล่างอย่างไร้จุดหมายพลางปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป
                    เสด็จพ่อ...  นี่ลูกทำหน้าที่นี้ได้ดีพอหรือยัง....
============================================
          บรรยากาศที่วุ่นวายคึกคักอันเป็นปกติเช่นทุกวันของย่านตลาดแห่งเมืองฟัวร์  เสียงเร่ขายสินค้าดังแจ้วๆมาทุกๆนาที  ผู้คนมากมายต่างพากันเดินเลือกซื้อของที่ตนต้องการ  เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกวัน  หากแต่วันนี้...
          \"เฮ้ย...!!  ไอ้หนูชนข้าแล้วไม่ขอโทษเรอะ...\"  เสียงเอะอะดังขึ้นเรียกให้ผู้คนแถวนั้นหันไปมองต้นเสียง  ชายร่างยักษ์ผู้หนึ่งซึ่งทุกคนที่อยู่ที่นี่รู้กันว่าเป็นอันธพาลที่ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย  ด้านหลังมีพรรคพวกซึ่งเป็นลูกน้องยืนสมทบอยู่อย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด  ด้านหน้าของพวกอันธพาลเหล่านั้น  ชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหานั้นยืนจ้องหน้าอย่างไม่นึกเกรงกลัวต่อคนตรงหน้าอย่างที่ทุกคนนึกคิดกัน  ผ้าฮู้ดที่พันรอบตัวบ่งบอกให้คนอื่นรู้ว่าเขาเป็นนักเดินทาง  เสียงเดียวที่ปรากฏในใจของผู้คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์คืออยากให้ชายหนุ่มผู้นั้นรอดจากการวิวาทที่ดูแล้วหาทางชนะได้น้อยนิด
          \"อะไรกัน...  ยังไม่คิดจะก้มหัวขอโทษอีก  แต่ยังไงข้าก็ไม่คิดจะรับคำขอโทษจากเจ้าอยู่ดี  ต้องมีค่าทำขวัญเล็กน้อยๆเสียก่อน...\"  เสียงหาเรื่องยังคงดังขึ้นต่อมาไม่หยุดหย่อน  แต่อีกฝ่ายไม่คิดจะทำอะไรแม้เพียงขยับตัว  นอกจากจ้องกลับอย่างดูแคลนเท่านั้น  ซึ่งการกระทำนี้ยิ่งยั่วให้ชายร่างยักษ์โมโหมากยิ่งขึ้นก่อนที่จะเริ่มชกกำปั้นเข้าสู่ร่างตรงหน้าทันที  ในขณะที่ไม่มีใครสังเกตว่ามือของร่างนั้นเริ่มกุมไปที่ดาบ...
          \"โอ๊ย..!!!\"  เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น  หากแต่ไม่ได้มาจากชายหนุ่มผู้ที่ชาวบ้านเห็นเขากำลังจะถูกชก  แต่มาจากกลุ่มอันธพาลเหล่านั้น  และไม่ใช่เพราะดาบในมือชายผู้นั้นที่ตอนนี้ถูกดึงขึ้นมาพร้อมสู้แล้ว  แต่เป็นเพราะ...
          \"พวกงี่เง่าชอบรังแกชาวบ้าน...!!!\"  เสียงหญิงสาวผู้ซึ่งเป็นฝ่ายทำให้พวกอัธพาลร้องโอดครวญเมื่อครู่  ในมือของเธอคือฟืนดุ้นใหญ่ซึ่งใช้ขว้างไปที่กลุ่มอันธพาลเมื่อครู่  เมื่อรู้ตัวว่าฝ่ายที่ทำร้ายพวกตนเมื่อครู่เป็นเพียงสาวร่างบางนางหนึ่งที่ดูไม่น่าจะมีพิษสงใดๆทั้งนั้นพวกมันก็ปรี่เข้าใส่หวังจะแก้แค้นกลับคืนให้สาสม  แต่สาวน้อยผู้นั้นกลับเป็นฝ่ายเล่นงานพวกมันเสียจนต้องยอมแพ้ล่าถอยไปเองในที่สุด  เสียงปรบมือและโห่ร้องด้วยความยินดีดังมาจากพวกชาวบ้านที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ทำให้เธอหันมายิ้มรับด้วยท่าทีเขินอายก่อนที่จะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มผู้ยังคงยืนงงกับเหตุการณ์เมื่อครู่
          \"พวกนั้นมันจ้องเล่นงานพวกนักเดินทางที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเท่านั้นแหละ  คราวหลังระวังตัวด้วยนะ  อย่าเข้าใกล้มันก็พอแล้ว\"  เสียงสาวน้อยพูดแจ้วๆขณะที่มองสำรวจร่างกายของอีกฝ่ายแต่เมื่อไม่เห็นว่ามีร่องรอยบาดเจ็บใดๆจึงเอามือตบบ่าอีกฝ่ายราวกับกิริยาที่เพื่อนทำให้กัน
          \"ท่านหญิงเก่งจริงๆ  เล่นพวกนั้นเสียหมอบไปเลย\"  เสียงชมเชยสาวน้อยดังมาจากชายชราคนหนึ่งในที่นั้น  ชายหนุ่มมองหน้าสาวน้อยตรงหน้าอย่างสะดุดหูกับคำเรียกที่ชาวบ้านเรียกเธอว่า ท่านหญิง สาวน้อยยิ้มหวานรับคำชมที่ชายแก่ชมเธอ  ก่อนใช้มือปัดผมสีน้ำตาลประกายทองของเธอไปด้านหลังและยืดอกพูดด้วยน้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย
          \"พวกนั้นมันสู้ฉันไม่ได้หรอกน่า  ลุงก็เห็น  โดนเล่นงานนิดเดียวก็แพ้วิ่งหนีเป็นหมาหางจุกตูดไปแล้ว\"  คำพูดนี้เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างได้เป็นอันมาก  ก่อนที่เธอจะกล่าวลาทุกคนในที่นั้นและรีบวิ่งออกไปโดยที่สายตาชายหนุ่มผู้ซึ่งรู้กสึกติดใจในนิสัยของเธอตั้งแต่แรกเห็นนั้น
          \"เธอเป็นท่านหญิงตระกูลใดหรือ..??\"  เขาหันมาถามชายชราเมื่อครู่ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเขาในขณะนี้  ชายชราหันมามองตัวเขาและอมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะตอบคำถาม
          \"พ่อหนุ่มสนใจเธอขึ้นมาล่ะสิ  เธอผู้นั้นเป็นบุตรีของท่านนายพลรีเกอร์น่ะ  ท่านหญิงเป็นที่รักใคร่ของพวกเราก็เพราะท่านไม่เคยถือตัวเลยแม้สักนิดเดียว  ผิดกับบิดาของท่านหญิงโดยสิ้นเชิง  แต่เพราะแบบนี้บิดาท่านจึงมักจะว่าท่านอยู่เสมอๆ  ถึงแม้จะดูร่าเริงออกปานนั้น  แต่จริงๆแล้วท่านน่าสงสารนะ...\"  ชายชราพูดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจเบาๆ  ก่อนจะพูดต่อไป  \"ถ้าหากท่านหญิงได้ออกจากบ้านหลังนั้นเร็วเท่าไร  พวกเราคงจะยินดีกับท่านหญิงมากเลยจริงๆ...\"  เสียงรำพึงของชายชราดังมาถึงตรงนี้ก่อนที่จะหยุดเงียบไป  ชายหนุ่มทอดสายตามองตามไป  คฤหัสถ์หลังใหญ่สีขาวนั้นที่ชายชราพูดถึง...
===========================================
          \"แกออกไปก่อเรื่องที่ตลาดมาใช่ไหม ?!?\"  เสียงชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นนายพลรีเกอร์เอ็ดบุตรีของตนดังลั่นห้อง  ในขณะที่สาวเจ้าไม่มีทีท่าหยี่ระในคำต่อว่าจากปากบิดาของตนเลยแม้เพียงนิดจนเขาเงื้อมือขึ้น  และ...
          เพี๊ยะ..!!!
          \"แกต้องรู้จักวางตัวให้สมกับเป็นบุตรีของข้า  ไม่ใช่ไปหาเรื่องกับพวกอัธพาลในตลาดไปวันๆ...\"  คำพูดทิ้งท้ายก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องโดยทิ้งให้บุตรสาวของตนทอดสายตามองตามแผ่นหลังที่เดินออกไปที่ไม่มีร่องรอยแห่งความปราณีอย่างที่ซึ่งพ่อควรมีต่อลูกเลยด้วยซ้ำ  ไม่มีแม้เพียงน้ำคำที่เหมาะสมกับการใช้เรียกลูกเสียด้วยซ้ำ  สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเข้ามาประคองคุณหนูของตนเมื่อเห็นว่านายผู้เข้มงวดเดินออกไปแล้ว
          \"คุณหนูเป็นอะไรมากเจ้าคะ\"  เสียงสาวใช้ถามขึ้นเมื่อสีหน้าของเจ้าตัวดูไร้ความรู้สึกอย่างที่สุด  ดวงตาสีน้ำตาลคู่งามที่มักจะมีประกายแห่งความร่าเริงอยู่เสมอๆบัดนี้ไม่ฉายแววอารมณ์ใดๆออกมาเลย  และแล้วเธอก็แปรเปลี่ยนอารมณ์โดยทันที  รอยยิ้มเผยให้เห็นบนใบหน้าซึ่งมีรอยแดงปรากฏที่แก้มด้านหนึ่งซึ่งเป็นผลจากการลงโทษเมื่อครู่
          \"ฉันไม่เป็นไรหรอก  ขอบใจที่เป็นห่วงนะ...\"  เสียงตอบกลับอย่างแผ่วเบาของคุณหนูทำให้สาวใช้อุ่นใจขึ้นมาบ้างก่อนที่จะรีบไปทำงานของตนต่อไป  หญิงสาวเอามือลูบจุดที่เธอโดนบิดาตบเอาเมื่อครู่ก่อนที่จะเดินกลับเข้าห้องของเธอไปโดยไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอีกเลย
==========================================
          \"เมื่อวานต้องขอขอบคุณท่านมากนะ  ท่านหญิง...\"  เสียงที่ทักขึ้นจากด้านหลังทำให้สาวเจ้าต้องหันกลับไปหาบุคคลผู้นั้น  ชายหนุ่มนักเดินทางซึ่งยังคงพันฮู้ดอยู่รอบหน้าของตนอยู่เหมือนเดิม  เธอยิ้มกลับและพูดขึ้น
          \"ไม่เป็นไรนี่  พวกนั้นก็มักจะหาเรื่องชาวบ้านไปวันๆแบบนี้แหละ  แต่เพราะไม่มีใครกล้าหือกับพวกมันจนมันได้ใจใหญ่เลยแบบนี้\"  หญิงสาวพูดพร้อมกับหัวเราะขึ้นในภายหลัง  ชายหนุ่มยืนยิ้มให้ก่อนจะพูดต่อขึ้น
          \"แต่ก็ยกเว้นแต่ท่านที่เล่นงานมันเสียแตกกระเจิงไปเช่นนั้น...ท่านหญิง\"  หญิงสาวยิ้มพลางแลบลิ้นให้คำชมนี้  ก่อนจะถอนหายใจขึ้นมาและเอ่ยขึ้นในที่สุด
          \"ท่านอาจจะคิดว่าฉันคงไม่เหมาะที่จะเป็นท่านหญิงเลยใช่ไหมล่ะ  ทั้งการแต่งกายและที่ฉันไปมีเรื่องกับเจ้าพวกนั้น...\"
          \"ไม่เลยท่าน  ท่านเป็นผู้ที่เหมาะสมกับที่พวกชาวบ้านรักใคร่และยกย่องแล้วล่ะ\"
          \"แหม..เล่นชมกันต่อหน้าแบบนี้ฉันเขินแย่เลย  แต่ฉันยังไม่รู้ชื่อท่านเลยนะ  ท่านนักเดินทาง...\"  หญิงสาวพูดขึ้นและยกมือแตะอกตนเองเพื่อแนะนำตัวอย่างง่ายๆก่อน  \"ฉันชื่อ เดแอส  เด  รีเกอร์  น่ะ  แต่เรียกฉันสั้นๆว่าแดสดีกว่านะ\"  เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มก่อนส่งมือยืนมาพร้อมจับมือทักทาย  อีกฝ่ายยื่นมือออกจับก่อนเอ่ยขึ้น
          \"กระผมชื่อราสเอลขอรับท่านหญิง...\"  สิ้นคำพูดของฝ่ายชายสาวเจ้าก็รีบพูดขึ้นมาทันที
          \"อย่าเรียกแทนฉันว่าท่านหญิง  เพราะฉันเองไม่เคยนึกชอบตนเองในตำแหน่งนั้นแม้เพียงนิดเดียว\"  หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าซึมลงเล็กน้อยก่อนที่จะรีบกลบเกลื่อนด้วยการแย้มรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยให้อีกฝ่ายไม่ทุกข์ใจไปด้วย  และชักชวนให้เขาเดินเป็นเพื่อนเธอโดยถือว่าเป็นการที่เธอพาชมเมืองนี้
          \"เดแอสที่แปลว่าเทพธิดาสินะ  เป็นชื่อที่ไพเราะดีนะ\"  คำชมจากปากชายหนุ่มทำให้เธอหัวเราะออกมาเบาๆเล็กน้อย  ก่อนที่จะตอบกลับไป
          \"ใช่  เพราะดีนะ  ชื่อที่ฉันชอบที่สุดและเกลียดที่สุดในเวลาเดียวกัน...\" คำพูดที่สะกิดใจชายหนุ่มที่เดินอยู่ด้านข้างว่าตนเองถามคำถามอะไรที่ไม่สมควรเข้าหรือเปล่า  แต่เธอก็ยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรต่อไป  ทำให้เกิดบรรยากาศที่เรียกได้ว่าเงียบจนถึงขั้นอึดอัดขึ้นมาชั่วขณะใหญ่จนฝ่ายหนึ่งต้องเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
          \"ผมถามอะไรที่สมควรถามหรือเปล่า..??\"
          \"ไม่หรอก...  ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง  นิทานน่ะ\"  หญิงสาวพูดพลางหยุดซื้อแอ๊ปเปิ้ลและโยนส่งมาให้เขา  ก่อนจะพามาหยุดนั่งพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนที่จะเริ่มต้นเล่าเรื่องให้ฟัง
          \"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...  มีสาวน้อยนางหนึ่งเป็นคนรับใช้ในคฤหัสถ์หลังใหญ่โต  และแล้วก็พบรักกับลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของคฤหัสถ์นั้น  ทั้งๆรู้ว่าเป็นรักที่ไม่มีทางเป็นไปได้  แต่เธอก็รักเข้าไปเสียแล้ว  ส่วนเขาเองก็ดูเหมือนจะมีใจให้เธอด้วยเช่นกัน  แน่นอนว่าความรักนั้นต้องโดนพวกญาติๆของฝ่ายชายคัดค้านแน่ๆ  เอาล่ะ...ไหนลองทายสิว่าความรักพวกเขาสมหวังไหม..??\"  เธอถามขึ้นหลังจากเล่าเรื่องที่เธอบอกว่าเป็นนิทานนั้นให้ฟังได้ชั่วครู่
          \"ถ้าเป็นนิทานก็น่าจะสมหวังนะ...\"  ชายหนุ่มตอบกลับหลังจากมีสีหน้าเคร่งเครียดในการคิดจนทำให้หญิงสาวด้านข้างอดหัวเราะออกมาไม่ได้
          \"แต่เสียใจด้วยนะ  นิทานเรื่องนี้ยังไม่สมหวังง่ายๆขนาดนั้น  ลงท้ายหญิงสาวคนนั้นก็ต้องถูกไล่ออกจากบ้านหลังนั้น  คนรักของเธอถูกพ่อแม่จับให้แต่งงานใหม่  และแล้วตอนหลังหญิงสาวถึงรู้ว่าเธอมีลูกกับเขาคนนั้นแต่เธอก็ไม่ติดต่อไปหาเขาอีกเลย  และเขาก็ไม่ได้ติดต่อเธออีกเลยเช่นกัน  เวลาผ่านไปหลายเดือนในที่สุดเธอก็ได้ให้กำเนิดบุตรสาว  เป็นช่วงขณะเดียวกันที่ครอบครัวในคฤหัสถ์นั้นแยกทางกัน  ฝ่ายนั้นจึงติดต่อขอรับตัวเธอและลูกเข้าไปอยู่ด้วยกันที่นั่น  แล้วครั้งนี้คิดว่าจะลงเอยด้วยดีไหม..??\" หญิงสาวถามขึ้นหลังจากที่เห็นชายหนุ่มนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่ออย่างที่เธอไม่คาดคิด
          \"คงสมหวังกันแล้วสิ\"  เธอยิ้มให้กับคำตอบของเขาก่อนจะพูดต่อไป
          \"และแล้วเรื่องก็จบโดยที่เธอทนอยู่ที่นั่นต่อไปไม่ได้  และออกมาจากที่นั่นโดยทิ้งลูกไว้...\"  พอสิ้นคำพูดเธอก็หันมามองหน้าชายหนุ่มด้านข้างแล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่  ก็ในเมื่อเขาทำหน้าเศร้าขึ้นมาจริงๆอย่างที่เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนฟังเรื่องเช่นนี้แล้วเศร้าตามเลย  \"นิทานเรื่องนี้ก็จบลงแบบนี้ล่ะ  ไม่ต้องเศร้าขนาดนั้นก็ได้\"  เธอพูดขึ้นในที่สุดเมื่อเห็นว่าสีหน้าเศร้าๆนั้นยังไม่จางหายไปจากดวงหน้าอีกฝ่าย
          \"ผมเสียใจ...\"  คำพูดหลุดออกมาจากปากของราสเอล  เมื่อเขาเห็นสีหน้าของคนเล่าเรื่องที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นนิทานนั้นมีสีหน้าร่าเริงกว่าที่ควรจะเป็น  เธอหัวเราะขึ้นเบาๆอีกครั้งก่อนที่จะเอ่ยขึ้น
          \"ไม่เห็นต้องขอโทษเลย  นี่เป็นแค่นิทานเท่านั้นนี่นา\"  เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม  แม้จะดูร่าเริงเพียงใดแต่ราสเอลกลับเห็นแววตาที่มีความเศร้าแฝงอยู่แม้เพียงชั่วขณะหนึ่ง  หากแต่เป็นช่วงที่เขาคิดในใจว่าไม่ควรที่จะวางใจให้เธออยู่เพียงคนเดียวแม้เพียงชั่วครู่  เพราะนั่นเป็นแววตาที่บ่งบอกว่าพร้อมที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่สนใจใครอีกต่อไป
          \"มัวแต่จ้องหน้าฉันอยู่นั่นแหละ  มีอะไรติดอยู่ที่หน้าฉันหรืออย่างไรกัน..??\"  เสียงแดสพูดขึ้นเมื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายเงียบไปนานและเหม่อมองมาที่หน้าเธอตลอด  ทำให้ราสเอลต้องรีบส่ายศีรษะและตอบปฏิเสธออกไป  เธอหัวเราะพลางพูดขึ้นมาในที่สุด  \"เธอนี่เป็นคนตลกดีนะ  วันนี้ฉันกลับก่อนดีกว่า  แล้วเจอกันใหม่นะ\"  เมื่อพูดจบเธอก็ลุกขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ก่อนที่จะออกเดินปนวิ่งไปตามถนนที่นำพาตัวเธอกลับ คฤหัสถ์ นั้น  ราสเอลมองตามจนร่างเธอหายไปกับฝูงชนที่เดินจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดนั้น
=============================================
          เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามรัตติกาลอันมืดมิด  เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในความมืดเสียส่วนใหญ่  จะมีแสงไฟเล็ดลอดออกมาบ้างก็แต่เพียงร้านค้าหรือโรงแรมที่เปิดให้บริการในช่วงเวลากลางคืนด้วย  บุคคลผู้ทอดมองออกไปยังภาพเบื้องหน้าและแล้วก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างอดไม่ได้เมื่อนึกถึงบางสิ่งภายในใจ
          \"ไม่ทราบว่าท่านยิ้มด้วยเหตุอันใดหรือ\"  เสียงบุรุษในชุดขาวเอ่ยขึ้นกับผู้เป็นนายของตน
          \"เพราะเรานึกเรื่องดีๆออกเรื่องหนึ่ง...\"  เสียงตอบกลับมาจากนายซึ่งผู้ที่เป็นลูกน้องไม่ได้อาจเข้าใจอะไรเพิ่มได้เลย
=============================================
          \"ในวันพรุ่งนี้ที่ราชวังจะมีงาน  แกต้องไปกับข้าด้วย\"  คำประกาศิตที่ดังขึ้นในตอนเช้าหลังจากวันนั้นเพียงไม่กี่วัน    เดแอสมองหน้าพ่อเธออย่างไร้ความรู้สึกก่อนที่จะตอบปฏิเสธเสียงแข็งออกไป
          \"ฉันไม่ไป  หากท่านพ่ออยากไปขอเชิญท่านไปเพียงคนเดียวเถอะ\"  คำตอบที่ทำให้ท่านพ่อของเธอหันมาทำหน้าดุใส่อย่างเช่นทุกที  ก่อนที่เขาจะพูดต่อไป
          \"ถึงไม่อยากไปก็ต้องไป  งานนี้พวกบ้านอื่นๆก็พาลูกสาวของตนไปกันทั้งนั้นแหละ  ใครๆก็อยากเกี่ยวดองกับองค์กษัตริย์ทั้งนั้น...\"  คำพร่ำพรรณนาถึงแผนการที่สำหรับตัวเดแอสเองนั้นมันช่างดูเหลวไหลสิ้นดี  แต่เธอก็ทนเป็นนั่งเฉยไปเรื่อยจนบิดาเธอหยุดพูดและหันมาย้ำ  \"เพราะฉะนั้นแกต้องไปกับข้าด้วย  ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเดี๋ยวข้าจัดการหาให้เอง!!\"  คำพูดที่หญิงสาวพยักหน้าเออออไปตามเรื่องก่อนแล้วรีบปลีกตัวออกจากที่นั้นโดยทันที
=============================================
          \"แดส...\"  เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้หญิงสาวตื่นจากอาการเหม่อเมื่อครู่  ก่อนหันหน้าไปพบราสเอลที่มองเธอด้วยความเป็นห่วง
          \"อ๊ะ  ขอโทษที  พอดีฉันคิดเรื่องอื่นมากไปหน่อยน่ะ...\"  เธอตอบพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย
          \"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า..??\"  อีกฝ่ายถามเมื่อเห็นว่าสีหน้าเธอยังไม่ดีขึ้น
          \"ก็แค่คำสั่งบ้าๆจากท่านพ่อ  และความคิดงี่เง่าขององค์กษัตริย์น่ะสิ\"  คำพูดนี้เล่นเอาอีกฝ่ายแทบหน้าคว่ำ  เธอสังเกตเห็นจึงรีบบอกขึ้นทันที  \"ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้  ฉันแค่พูดเล่นๆ  ใครจะไปมีสิทธิ์ต่อว่าต่อขานองค์กษัตริย์ได้ถึงขนาดนั้นกันล่ะ\"  ชายหนุ่มยิ้มให้ความคิดของเธอแต่ยังไม่วายมีแววตาตื่นๆเล็กน้อยจากคำพูดนั้น  แล้วในที่สุดเขาก็พูดขึ้น
          \"แดสไปเถอะ  งานในนั้นสนุกแน่ๆ  รับรองได้เลย...\"  คำพูดนี้สะกิดใจอีกฝ่ายจนต้องเอ่ยถาม
          \"แล้วราสเอลรู้ได้อย่างไร  ฉันยังไม่ทันบอกเลยว่ามันมีงานเลี้ยงในวัง...\"  เมื่อสิ้นคำถามนี้ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆก่อนที่จะตอบกลับ
          \"เรื่องนี้ใครๆก็รู้หากมีแหล่งข่าวที่ดี  เพื่อนผมทำงานในวังน่ะ  แดสไปเถอะ  ผมรับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่ๆ...\"
=============================================
          \"องค์กษัตริย์ราดิเออแห่งประเทศรอซินยอลเสด็จ\"  เสียงนายทหารยศสูงท่านหนึ่งประกาศดังก้องท้องพระโรงอันเป็นสถานที่จัดงานนี้  เหล่าหญิงสาวผู้เป็นบุตรสาวในตระกูลมีชื่อทั้งหลายต่างพากันก้มหัวแสดงความเคารพและเริ่มแสดงตนให้ต้องตาต้องใจองค์กษัตริย์ตามที่ได้รับการสั่งสอนมา  แต่สำหรับแดสแล้วเธอไม่สนใจที่จะทำตนให้เป็นจุดเด่นของงานอย่างพวกเธอเหล่านั้น  ตอนนี้พ่อของเธอไปพูดคุยอยู่กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นนายของเขาอีกที  ตัวเธอเมื่อเหลียวไปมองมาก็พบบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตาเธอยืนอยู่ระเบียง  เธอรีบเดินไปเท่าที่ชุดกระโปรงที่ดูหรูหรานั้นจะทำได้  ซึ่งเธอนึกในใจตลอดเลยว่ามันทำให้เธอเคลื่อนไหวไม่สะดวกเลย
          \"ราสเอล ?!?\"  เสียงทักที่ชายหนุ่มหันมายิ้มให้แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันได้พูดอะไรออกมานั้นหญิงสาวก็ถามขึ้นมาก่อน  \"เธอเข้ามาทำอะไรที่นี่  เข้ามาได้ด้วยหรือ..?? แล้วนี่น่ะหรือที่บอกว่าสนุก  ไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหนเลย\" 
          \"ใจเย็นๆแล้วค่อยๆถามสิครับ  ผมตอบไม่ทันหรอก  แดส..\"  เขาพูดขึ้นในที่สุด  หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วก็หัวเราะออกมาก่อนที่จะบอกให้เขาค่อยๆตอบทีละคำถามก็ได้
          \"ผมเข้ามาได้ก็เพราะเพื่อนผมคนนั้นนี่แหละ  ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ได้เข้มงวดเรื่องคนเข้าออกเสียเท่าไหร่หากไม่ใช่เขตราชฐานชั้นใน\"  เขาหยุดไปสักพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ \"แดสว่ามันไม่สนุกหรอกหรือ  งานนี้นะ  ทุกคนเหมือนใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดเหมือนเป็นโรงละครขนาดใหญ่  สำหรับตัวผมที่ไม่ได้ใส่ชุดที่ดูหรูแบบพวกเขา  นอกจากไม่ได้รับการต้อนรับด้วยความยินดีแล้ว  แม้จะพูดด้วยก็ไม่ได้รับคำตอบด้วยดี  ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขาอาจจะไม่ได้รวยล้นฟ้าแต่แค่ต้องการมาเกี่ยวดองปรองญาติกับองค์กษัตริย์  และผมก็อาจไม่ได้เป็นเช่นแบบที่เห็นนี่ก็ได้\"  คำพูดที่ฟังดูไม่น่าจะเป็นคำพูดของนักเดินทางธรรมดาๆหลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มตรงหน้า  แดสเองได้แต่ยืนฟังและหัวเราะออกมาเบาๆเล็กน้อยตรงท้าย
        \"ก็นี่เป็นงานที่เกิดจากความคิดขององค์กษัตริย์นี่  มีใครหรือที่กล้าขัดรับสั่งถึงแม้จะไม่มีความพอใจแต่ก็โดนบังคับมางานจนได้\"  เธอหยุดคิดไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง  \"แล้วราสเอลจะบอกกับฉันว่าที่แท้จริงแล้วเป็นองค์ชายจากประเทศไหนสักแห่งปลอมตัวออกมาพเนจรเร่ร่อนไปทั่วหรือ..??\"  คำพูดที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆเลยจากชายหนุ่มคนนี้นอกจากรอยยิ้มที่มุมปาก  และแล้วก็มีคนๆหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน  บุคคลที่แดสจำได้ว่าเธอได้พบเห็นเขาเมื่อครู่  องค์กษัตริย์  เธอจึงต้องคุกเข่าทำความเคารพอย่างเสียไม่ได้  หากแต่ชายหนุ่มผู้ยืนอยู่ด้านข้างเธอกลับไม่มีทีท่าว่าจะคุกเข่าให้บุคคลตรงหน้าเลย  และแล้วสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อบุคคลที่แต่งกายเต็มยศในชุดราชพิธีของกษัตริย์กลับก้มลงคุกเข่าให้กับ  ราสเอล ?!?
        \"พระองค์ทรงพอพระทัยแล้วหรือไม่พะย่ะค่ะ  ได้โปรดอย่ารับสั่งให้กระหม่อมต้องรับหน้าที่เช่นนี้อีกเลยพะย่ะค่ะ\"  คำพูดที่ได้ยินยิ่งทำให้เธอรู้สึกแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีก  จนเมื่อหันไปเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าของราสเอล  หรืออีกทีที่เธอเข้าใจโดยทันที  องค์กษัตริย์ราดิเออแห่งประเทศรอซินยอล...
============================================
          \"ผมขอโทษ  แดส  ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอนะ...\"  เสียงขอโทษดังมาตลอดทางที่หญิงสาวเดินกลับบ้านโดยทันทีหลังจากได้ยินเรื่องที่ไม่คาดคิดอย่างนั้น  คงเป็นภาพที่ดูแปลกตาหากมีใครแถวนั้นที่รู้จักองค์กษัตริย์อย่างแท้จริงเห็นพระองค์วิ่งตามหญิงสาวเพื่อเอ่ยขอโทษโดยที่เจ้าตัวไม่คิดแม้เพียงหันมาฟัง
          \"ไม่ทรงหลอกแล้วที่ผ่านมานี่คืออะไร  ไม่ได้เรียกว่าทรงสวมหน้ากากเช่นกันหรอกหรือ\"  เธอตะโกนพูดขึ้นมาในที่สุดโดยไม่ทันสังเกตว่าด้านหลังมีเงาคนคนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น  และแล้วก็มีมือหนึ่งมาจับไหล่เธอแน่นราวกับคีม
          \"วันนี้ใส่ชุดเสียสวยเชียววว...น้อง..สาววว...\"  เสียงที่ดังขึ้นมีท่วงทำนองแปลกหู  กลิ่นเหล้าที่ฟุ้งไปทั่วบ่งบอกว่ากลุ่มอันธพาลพวกนี้เพิ่งไปกินเหล้ามาและกำลังเมาได้ที่  แดสพยายามจะสลัดออกแต่เพราะชุดของเธอวันนี้ทำให้เธอเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องเช่นทุกที  แม้ว่าจะพยายามเท่าไรแต่ก็ไม่หลุดจากมือนั้น
          \"ปล่อยเธอซะ...\"  เสียงคำรามดังขึ้นทำให้พวกมันหันไปมองต้นเสียง  ก่อนที่จะระลึกได้ว่าคนตรงหน้าคือบุคคลที่เคยมีเรื่องกันเมื่อคราวก่อนแต่ยังคงไม่ปล่อยมือออกจากเดแอส  จนในที่สุด...
          เปรี้ยง..!!
          อยู่ๆสายฟ้าก็ฟาดลงมาตรงหน้าของกลุ่มอัธพาลนั้นทำให้พวกมันกลัวหัวหดลงทันที  ก่อนที่จะมองหน้าชายตรงหน้าเมื่อเห็นสีหน้าที่บ่งบอกว่าเอาจริงแน่ในคราวนี้พวกมันจึงรีบเผ่นไปโดยไม่คิดจะแม้แต่จะหันกลับมา  ราดิเออถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปหาเดแอสซึ่งตอนนี้เข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้นเรียบร้อยแล้วเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่  ดวงตาสีน้ำตาลซึ่งตอนนี้เบิกกว้างด้วยความกลัว  เมื่อราดิเออพยุงเธอลุกขึ้นมาน้ำตาหยดแรกก็ไหลออกมาก่อนจะร้องไห้ออกมาทันที
===========================================
          เวลาล่วงเลยไปหลายเดือน  ก็มีงานเลี้ยงฉลองครั้งยิ่งใหญ่จัดขึ้นที่ราชวังอีก  หากแต่คราวนี้เป็นงานอภิเษกสมรส  โดยที่ว่าที่องค์ราชินีให้พวกชาวบ้านทั้งหลายมาร่วมงานเป็นส่วนใหญ่ของบรรดาผู้ที่ได้รับเชิญทั้งหมด  ซึ่งเป็นที่ยินดีของเหล่าประชาชนเป็นอย่างยิ่งและเป็นที่กล่าวขวัญกันต่อๆมาถึงเรื่องราวเมื่อองค์ราชินียังคงเป็นสามัญชนธรรมดาๆ  แล้วทั้งคู่ก็ลงเอยอย่างมีความสุข
          แล้วคิดว่านิทานเรื่องนี้จบลงหรือยัง..??
        วันเวลาผ่านไปเมื่อองค์หญิงองค์น้อยประสูติขึ้นมาโดยแลกกับชีวิตขององค์ราชินี  องค์กษัตริย์ทรงโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง  และตั้งพระทัยไว้ว่าจะเลี้ยงธิดาของตนให้ดีและเลิกสนใจเรื่องราวภายนอกอีกต่อไป  เรื่องบริหารบ้านเมืองก็เริ่มปล่อยให้บรรดาเสนาอำมาตย์ดูแลไปเพราะไม่มีพระทัยสนใจในเรื่องเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว
                    เมื่อดวงพระทัยหายจากไป...สิ่งใดก็ไม่สำคัญอีกต่อไป...
                            ******************
                    ได้ตระหนักแล้วว่าใครคือคนที่รักที่สุด
                    ทุกวัน...ความรักที่เพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ
                    ทีละเล็กทีละน้อย...จนมีเธอเพียงคนเดียว
                    เรียกหาได้เสมอ...เพราะฉันเชื่อในตัวเธอ
                            ******************
===============The End====================
คุยกันๆ...^ ^
แหะๆ  ในที่สุดก็แต่งออกมาจนจบ...^ ^!!  ออกมาแล้วรู้สึกว่าหวานเลี่ยน(หรืออาจปนน้ำเน่า)กว่าที่คิดแฮะ...TT TT!!  ตอนแรกไม่คิดว่ามันจะยาวขนาดนี้  พอแต่งไปๆ..แหงะ..จบไม่ลง...^ ^!!  เลยยืดมาเรื่อยๆแบบนี้แหละ  กลอนก็ออกมาทะแม่งๆ..ขอโทษค่า  แต่งไม่ออกง่ะ..^ ^!!  ราชาศัพท์ก็ห่วย..คือเราไม่เก่งภาษาไทยอ่ะนะ..^ ^!!  ขอโทษค่ะ >
หากเรื่องนี้ใครสังเกตดีๆก็จะรู้ถึงสาเหตุส่วนหนึ่งที่จะทำให้เกิดกบฏในอีก6ปีถัดจากนี้นะคะ... ^ ^
ส่วนเรื่องกลอนนั้น  ภาคภาษาอังกฤษเราเอามาจากคำแปลของเพลงการ์ตูนญี่ปุ่นเพลงหนึ่งค่ะ ^ ^ (Hitosudake จาก Card Capter Sakura ค่ะ)  ส่วนภาษาไทยนั้นนั่งแปลเองค่ะเลยดูประหลาดแบบนั้น...^ ^!! ถ้านั่งทำภาคภาษาไทยเสร็จทั้งเพลงน่าทำคาราโอเกะเนอะ...(ใครจะทำทำนองให้ล่ะเนี่ย...^ ^!!)
ก็อย่างที่เห็นกันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของอดีตกษัตริย์แห่งรอซินยอลซึ่งก็คือพ่อของซาย่านั่นเอง  กับเดแอสผู้เป็นแม่ของซาย่า..(แล้วรู้กันหรือยังว่าทำไมซาย่ามีนิสัยแบบนี้...?? ^ ^)  คราวนี้เราคงหยุดแต่งภาคพิเศษไปได้พักหนึ่ง... เพราะว่าจะเปิดเทอมแล้ว(เตรียมตัวกะชีวิต...ซะเมื่อไหร่  ยังไม่ได้แตะอะไรเลย...)  เรื่องหลักก็ยังไม่ก้าวหน้า  ไปแต่งเรื่องหลักดีกว่าเนอะ..^ ^\'  เรื่องคุยกันคราวนี้ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่  ไว้คิดออกแล้วจะมาเพิ่มให้นะคะ...^ ^  แล้วเจอกันใหม่ค่ะ...
p.s. มะมีใครแสดงความคิดเห็นในบอร์ดเพิ่มเหรอ...TT TT  ขอมั่งเถอะนะๆๆๆ  แล้วท่านผู้ใดสนใจความบ้าเพิ่มเติม  กรุณาหาอ่านได้ที่บอร์ดนะคะ  โพสต์ไว้ให้แล้ว..^ ^
p.p.s. to inu  เราแต่งแบบนี้ง่ะ  มีความเห็นอะไรบอกด้วย  (รู้สึกมันจะเลี่ยนอ่ะ...ขอโทษที..^ ^!!)
          From  tsukasa
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น