ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Princess of Rossignol

    ลำดับตอนที่ #10 : หัวขโมยในราชวัง

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 47


              ลมเย็นพัดโชยนำพาใบไม้ปลิดปลิวหล่นจากกิ่งผ่านหน้าต่างเข้ามาด้านในห้อง   เมฆฝนปกคลุมอยู่ทั่วฟ้าแสดงถึงลมพายุที่



    เข้าใกล้มาทุกที   สายฝนที่ค่อยๆโปรยปรายตกลงมาในตอนแรกเริ่มหนักขึ้นทุกที  ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาของสาวน้อยผู้ซึ่งได้



    แต่นั่งอยู่ในห้องเพราะถูกสั่งห้ามออกไปเพ่นพ่านด้านนอก  นัยน์ตาคู่ฟ้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง   แสงฟ้าแลบแปลบปลาบ



    ปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราวเป็นปกติยามฝนฟ้าคะนอง





              “เปรี้ยง…!!”  เสียงฟ้าคำรามดังขึ้น  ทำเอาเหล่านางกำนัลบริเวณนั้นกรีดร้องด้วยความตกใจระคนกลัว  ไม่เว้นแม้แต่ดอร์



    ร่าซึ่งอยู่ในห้องกับตัวเธอเองด้วย





              “อะไรกันกัน…  ดอร์ร่า   แค่ฟ้าร้องเอง…”  ซาย่าพูดพลางกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นสภาพนางกำนัลประจำตัวเธอนั่งตัวสั่นงันงกจาก



    ฟ้าร้องเมื่อครู่   เจ้าหล่อนค้อนใส่นายหญิงของตนพลางพูดขึ้น





              “ไม่ใช่แค่ฟ้าร้องธรรมดานะเพคะ  เสียงออกดังขนาดนั้น  แสดงว่าฟ้าผ่าลงมาด้วยนะเพคะ…”  ดอร์ร่าค้านเบาๆแล้วต้องกรีด



    ร้องพร้อมเอามือปิดหูอีกเมื่อเสียงฟ้ายังคงดังขึ้นต่อไป  ในขณะที่องค์หญิงนายของเจ้าหล่อนไม่มีความกลัวอยู่ในสีหน้าเลย  แถม



    ยังขำกับความกลัวของเจ้าหล่อนเสียอีกต่างหาก





              “งั้นก็แค่ฟ้าผ่า  มันไม่ผ่ามาด้านในนี้หรอกน่า…”  เสียงหวานใสจากองค์หญิงผู้ไม่เหมือนใครดังขึ้นเหมือนจะเพื่อปลอบนาง



    กำนัลของเธอ  แต่เจ้าตัวรู้สึกเหมือนกำลังถูกประชดอยู่ชอบกล





              “งั้นองค์หญิงไม่กลัวหรือเพคะ”  ดอร์ร่าถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในตัวนายหญิงของตน  ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว  แต่คำตอบที่



    ได้กลับคาดไม่ถึง





              “ใครว่าล่ะ…”  คำตอบดังขึ้นอย่างแผ่วเบาซึ่งดอร์ร่าจ้องมองไปยังคนตอบอย่างไม่เชื่อหูในคำตอบที่ได้  แต่เมื่อคนตอบยังคง



    ยิ้มร่าอยู่เช่นนั้น  คำตอบนั้นก็คงล้อเล่นอย่างเหมือนเช่นเคย  นางกำนัลถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะรีบลุกขึ้นและบอกนายหญิง



    ของตน





              “ได้เวลาเสวยแล้วเพคะ  เชิญเสด็จเพคะ”  คนฟังพยักหน้ารับรู้อย่างเซ็งๆแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป  พร้อมด้วยทหาร



    ราชองครักษ์และนางกำนัลผู้เป็นเหมือนพี่สาวของเธอ





    ===========================================





              “คนร้าย..!!!”  เสียงทหารคนหนึ่งดังก้องเข้ามาถึงระเบียงทางเดินที่ซาย่ากำลังจะเดินไปยังห้องทานอาหาร  เสียงที่เรียกให้



    เหล่าทหารคนอื่นๆต่างพากันรีบรุดไปยังต้นเสียง  ในจำนวนนั้นบุรุษผมดำสนิทผู้ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งรอซินยอลได้กำลังเดินไปดูด้วย



    ตนเองด้วย   ซาย่าเห็นเช่นนั้นเลยออกวิ่งตามไปดูด้วยทำให้เพื่อนทั้งสองต้องวิ่งตามไปติดๆ





              ที่ประตูด้านนอก   มีเด็กชายคนหนึ่งถูกคุมตัวให้นั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางสายฝนที่สาดกระหน่ำลงมา  ผมสีเงินเปียกชุ่มไป



    ด้วยหยาดน้ำตกปรกหน้า  ใบหน้าเปรอะเปื้อนโคลนที่ดูเหมือนจะโดนทหารยามลงโทษไปบ้างแล้ว  นัยน์ตาสีดำซึ่งเริ่มมีน้ำตาคลอ



    เบ้าเต็มไปด้วยแววแห่งการวิงวอนร้องขอ   หากแต่ที่นี่  ทหารทุกคนรู้ว่ากฏไม่เคยได้รับการลดหย่อน  ได้เพียงแค่จ้องมองโดยไม่



    สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น  เมื่อผู้คุมกฏได้มาที่นี่ด้วยตนเองแล้ว





              “ยังเด็กอยู่เลย   มาเป็นขโมยเสียแล้ว…”  เสียงดุๆดังขึ้นจากปากเฟรเดคริกซ์   สีหน้าเรียบเฉยที่เป็นปกติของเจ้าตัวไม่มี



    แววแห่งความปราณีปรากฏขึ้นมาเลยยิ่งทำให้เด็กน้อยตรงหน้าตัวสั่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม





              “ผมแค่อยากได้ผลไม้สักสองสามผล  แม่ที่บ้านผมไม่สบาย   ไม่มีอะไรกินมาหลายวันแล้ว…”  เด็กชายพูดพลางสะอื้น



    ไห้  เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถูกสายตาสีหมอกมองปราม   ก่อนที่จะเอ่ยต่อไป





              “ถึงอย่างนั้น  แต่ข้าไม่เคยสอนให้พวกเจ้ามีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย   มีอะไรมาบอกกันตรงๆ…” เฟรเดคริกซ์พูดเสียง



    เข้ม  แต่ก่อนจะได้ทันทำอะไรไปมากกว่านี้   ก็มีร่างหนึ่งเข้ามาขวางเสียก่อน   ชายหนุ่มมองร่างสาวน้อยตรงหน้าที่ตอนนี้เปียกฝน



    ไปด้วยเพราะก้าวออกมาด้านนอกอย่างอ่อนใจ





              “องค์หญิง   ถอยไป…”  น้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าชายหนุ่มรู้สึกเช่นไร  แต่ซาย่าส่ายหัวพร้อมๆกับจ้องเขม็งไปยังหน้าของฝ่าย  



    ส่วนเด็กชายเมื่อเห็นว่าเธอจะเป็นที่พึ่งได้ก็เข้ามาเกาะหลบอยู่ด้านหลังเรียบร้อยแล้ว





              “เด็กคนนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะขโมย   เขาแค่จะหาของไปให้แม่เขาทานอย่างนี้ผิดด้วยหรือ”  เสียงซาย่าดังขึ้นท่ามกลางสายฝน



    ที่ยังตกลงมาไม่ขาดสาย  ฝ่ายเฟรเดคริกซ์ได้แต่จ้องมองไปยังร่างสาวน้อยและร่างเด็กชายตัวปัญหาด้านหลังตัวเธอ  ก่อนจะพูดทำ



    ความเข้าใจ





              “หากทุกคนมีข้ออ้างว่าทำเพื่อที่บ้านกันเสียหมด   แล้วจะมีกฏไว้เพื่ออะไร   ในเมื่อทำแล้วไม่มีความผิด”  เฟรเดคริกซ์



    พูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังออกว่าพยายามทำใจเย็นเต็มที่  หากแต่สาวน้อยตรงหน้าเขายังไม่ยอมรับเหตุผลตัวนี้





              “กฏแต่ละข้อต้องมีการลดหย่อนกันได้บ้าง    กฏข้อเดียวใช่จะบังคับใช้ได้ทุกที่”  ซาย่ายังคงพูดต่อพร้อมกับแววตาที่แข็ง



    กร้าว  หากแต่สายตาที่จ้องกลับมาที่เธอนั้นไม่ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย  ยังคงเป็นแววตาเย็นชาและพร้อมที่จะทำตามกฏ



    เกณฑ์ทุกเมื่อ





              “ถ้าองค์หญิงว่าเช่นนั้น  กระหม่อมก็คงต้องขอร้องด้วย…” เสียงช่วยเธอดังขึ้นจากฝูงชนที่ยืนออกันอยู่บริเวณนั้น  เอริคเดิน



    ออกมาปรากฏตัวให้เห็น  ซาย่ามองกลับไปยังคนที่สุดแสนจะรักษากฏพร้อมกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะ





              “ทีนี้  ฉันก็มีเสียงสนับสนุนแล้ว  จะยอมปล่อยเด็กคนนี้ได้หรือยัง..??”  เสียงหวานใสดังขึ้นด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย  ชาย



    หนุ่มมองร่างตรงหน้าแล้วถอนใจพลางเอ่ยปากพูดขึ้น





              “ตามใจท่าน   แต่ท่านต้องรับผิดชอบในตัวเด็กคนนั้นเองด้วย”  เมื่อพูดจบเขาก็เดินกลับเข้าไป  ซาย่ามองหน้าเด็กชายที่



    หลบอยู่หลังตนด้วยรอยยิ้ม  ก่อนที่จะหันไปขอบคุณเอริคที่ช่วยพูดให้เธอ  เมื่อเธอจะพาตัวเด็กชายไปส่งที่หน้าประตูก็โดน



    เอริคขวางไว้





              “องค์กษัตริย์ไม่อนุญาตให้เด็กคนนี้กลับไปได้  พระองค์บอกให้อยู่ในความรับผิดชอบของท่าน”  ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับรอย



    ยิ้มที่เห็นจนชินตา  ซาย่าหันกลับมามองเด็กน้อยด้านหลังเธอที่ยังคงมีแววตาแห่งความหวาดกลัวแล้วถอนใจก่อนจะพยักหน้ารับคำ



    แล้วเดินฝ่าสายฝนกลับเข้าด้านในโดยมีเด็กชายเดินตามไป





              “เธอชื่อว่าอะไรหรือ  ฉันจะได้เรียกถูก”  องค์หญิงถามเด็กชายข้างกาย   นัยน์ตาคู่ดำที่มีแฝงแววแห่งความดีใจของเขามอง



    ตอบก่อนจะเอ่ยปากตอบคำถาม





              “แรนดัลครับ   ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผมไว้เมื่อครู่”  เด็กชายพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูใสซื่ออย่างที่เด็กชาวบ้านทั่วไปเป็น



    กัน  สาวน้อยยิ้มรับคำตอบของเขา





              “แรนดัล   ต่อจากนี้เธอก็อยู่ที่นี่สักพักไปจนกว่าฉันจะส่งเธอออกไปด้านนอกได้ละกันนะ”  คำพูดที่คนฟังพยักหน้าหงึกๆรับ



    คำสั่งพร้อมกับตอบกลับ





              “ครับ..”





    =====================================





              เมื่อเธอกลับมาถึงห้องแล้วก็จัดแจงสั่งให้ดอร์ร่าหาเสื้อผ้าให้เด็กชายผู้ที่เธอนำกลับเข้ามาด้วย  ถึงแม้จะไม่เต็มใจกับคำสั่ง



    นี้นักแต่เจ้าหล่อนก็ยอมทำตามแต่โดยดีถึงแม้จะบ่นออกมาบ้าง  ในขณะที่เอทัวล์มองหน้าเด็กชายตรงหน้าอย่างติดใจสงสัยอะไร



    บางอย่างในตัวของเขา   สำหรับเธอเขาเป็นคนที่เธอรู้สึกบางอย่างที่ไม่ดีในใจ  ดังนั้นเมื่อดอร์ร่าพาตัวแรนดัลออกไปด้านนอกเจ้า



    ตัวจึงถามองค์หญิงทันที





              “ทำไมเธอถึงช่วยเด็กคนนั้นเสียล่ะ”  เสียงที่มีแววแห่งความสงสัยฉายชัด  สาวน้อยตรงหน้ากำลังเช็ดผมเนื่องจากเปียกฝน



    เมื่อครู่หันกลับมามองเธออย่างสงสัยชั่วครู่ก่อนที่จะตอบกลับ





              “หรือเธอจะยอมให้เขาโดนลงโทษ   เพียงแค่ต้องการหาของกลับไปฝากแม่ที่ไม่สบายที่บ้าน  มันไม่ยุติธรรมเลยไม่ใช่



    หรือ..??”  เสียงหวานใสที่ตอบกลับมีแฝงแววว่าหากมีการถามกลับคงได้มีเรื่องกันบ้างล่ะ  เอทัวล์มองหน้าบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น



    น้องสาวบุญธรรมของตนอย่างหน่ายใจก่อนพูดขึ้นอีก





              “แล้วเธอเชื่อเรื่องที่เด็กคนนั้นพูดทั้งหมดหรือไง..?”  คำพูดนี้เรียกอารมณ์โกรธของสาวน้องพุ่งสูงขึ้นในทันทีก่อนที่จะ



    พยายามระงับอารมณ์พูดตอบกลับไป





              “งั้นเธอคิดว่าเด็กคนนี้โกหกอย่างนั้นหรือ    พอทีเถอะ   ฉันจะเปลี่ยนชุด…”  สาวน้อยตัดบทสนทนาให้จบลงในทันที   อีกฝ่าย



    ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินออกจากห้องนี้ไป





    ========================================





              ในขณะที่อีกด้าน  เฟรเดคริกซ์นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  เบื้องหน้าของเขาคืออเล็กซ์ซึ่งมีสีหน้าเครียดอยู่ไม่แพ้



    กัน   ก่อนที่บุคคลผู้สูงศักดิ์กว่าจะเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนในที่สุด





              “เด็กคนนั้น…”  เจ้าตัวพูดทิ้งค้างไว้แค่นี้  อีกฝ่ายก็หันมาสบตาอย่างรู้กันก่อนจะพูดต่อประโยคนั้นให้จบ





              “น่าสงสัย  ใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”  ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องกลับไปยังหน้าองค์กษัตริย์ผู้ที่ตอนนี้มีรอยยิ้มเผยขึ้นที่มุมปาก  หาก



    แต่สีหน้ายามนี้ยังคงดูไม่ออกเช่นเคยว่าคิดสิ่งใดอยู่ในใจ







                        เป็นคนที่ไม่สมควรจะเป็นศัตรูด้วยมากที่สุด







              อเล็กซ์คิดในใจพลางยืนรอคำสั่งของคนตรงหน้า  ก่อนที่คำสั่งจะถูกกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบาด้วยต้องการให้ได้ยินกันอยู่



    เพียงเท่านั้น





              “จับตาดูเอาไว้   และอย่าให้องค์หญิงอยู่คนเดียว”  คำสั่งที่คนรับพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ   ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง



    นั้นไปทิ้งให้ชายหนุ่มอีกคนในห้องนั้นนั่งคิดอะไรเพียงคนเดียวต่อไป







                        หากเมื่อสิบปีก่อนเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงแล้ว…





                        ในครั้งนี้จะต้องไม่มีเกิดขึ้นอีก…. จะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้….






    ============================================





              “อัดชิ้ว…”  เสียงจามดังลั่นขึ้นในห้องบรรทมขององค์หญิงโซมารีน่า  เด  แซคซิฟริจ    เอทัวล์มองหน้าสาวน้อยผู้ไม่เจียมตัว



    ออกไปตากฝนเมื่อคืนส่งผลให้วันนี้เจ้าตัวเป็นหวัดอย่างช่วยไม่ได้   ดอร์ร่าต้องวิ่งวุ่นหาโอสถให้นายหญิงของหล่อนเสวยอยู่พักใหญ่





              “เนี่ย… เพราะออกไปตากฝนเมื่อวานแท้ๆ  แถมเข้ามาแล้วไม่รู้จักรีบทำตัวให้แห้ง…”  เสียงพูดยั่วให้โกรธดังแว่วมาจากปาก



    เอทัวล์   ซาย่าจ้องกลับไปยังคนพูดโดยยังไม่กล่าวว่าอะไร   ตรงปลายเตียงของเธอ  เด็กชายผู้ที่เธอช่วยไว้เมื่อวานยังคงนั่งมองมา



    ที่ตัวเธอด้วยสายตาสำนึกผิด





              “ขอโทษฮะ  เป็นเพราะผมแท้ๆ  ถึงทำให้องค์หญิงต้องประชวร”  เด็กน้อยพูดด้วยสายตาละห้อย  ซาย่าส่ายหัวพลางยิ้ม



    ปลอบใจ  ก่อนจะพูดขึ้น





              “ไม่เป็นไรหรอก  แค่หวัดแค่นี้เองเดี๋ยวก็หายแล้ว”  สิ้นคำพูดประโยคนี้สาวน้อยก็หันไปทางเอทัวล์ก่อนพูดต่อ  “เธอก็พูด



    มากไปแล้ว  ฉันไม่นอนซมเพราะเป็นแค่ไข้หวัดเท่านั้นหรอก…”  พูดจบก็จามออกมาอีกครั้ง  โดยที่อีกฝ่ายจ้องมองกลับด้วยสายตา



    ที่อ่านได้ว่านี่น่ะหรือไม่หนัก…





              “งั้นวันนี้องค์หญิงก็เสด็จไปเสวยกับองค์กษัตริย์ไม่ได้สิเพคะ”  ดอร์ร่าพูดด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความเหนื่อยใจ  หรือว่านี่เป็น



    แผนขององค์หญิงกันที่จะเลี่ยงไม่ไปเสวยที่โต๊ะ  เจ้าตัวคนป่วยยิ้มร่าเริงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตอบกลับไป





              “ไม่ได้น่ะสิ   งั้นรบกวนดอร์ร่ายกอาหารมาด้วยนะ”  คำพูดที่ทำให้เจ้าหล่อนคนรับคำสั่งถึงกับเดินบ่นพึมพำออกจากห้องไป





              “งั้นฉันออกไปด้วยแล้วกัน  เธอพักผ่อนไปก่อนเถอะ”  เอทัวล์พูดพลางเริ่มสาวเท้าเดินไปที่ประตู  ซาย่ามองตามไปแต่ไม่



    ได้พูดว่าอะไรออกมาและล้มตัวนอนลงบนเตียงและหลับตาลง  แรนดัลเปลี่ยนที่นั่งของตนมาอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้างเรียบร้อยแล้ว  



    เอทัวลมองภาพตรงหน้าอย่างครุ่นคิดบางอย่างเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวออกจากห้องไป





    =========================================





              ขณะที่เอทัวล์กำลังเดินอยู่ในระเบียงด้านนอก   อเล็กซ์ก็ได้วิ่งเข้ามามาเธออย่างรีบร้อนพร้อมกับสีหน้าตื่นตระหนก





              “ซาย่าล่ะ…??”  เสียงถามอย่างร้อนรนเรียกให้บุรุษหนุ่มอีกคนที่เดินอยู่ตรงนั้นหันมามองด้วยความสงสัยเล็กน้อย  ก่อนจะ



    ก้าวเข้ามาร่วมบทสนทนานี้ด้วย  เอทัวล์จ้องมองอเล็กซ์ด้วยสีหน้าแปลกใจก่อนที่จะตอบกลับ





              “นอนอยู่ในห้องไง   เธอเป็นหวัดน่ะ…”  เอทัวล์ตอบแต่ตอนนี้อเล็กซ์เริ่มมีสีหน้าปั้นยากขึ้นมา   ซึ่งทำให้หญิงสาวแปลกใจ



    เล็กน้อย  ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนยังคงยืนฟังอย่างสงบ  อเล็กซ์มองหน้าเพื่อนสาวของตนและมองกลับมายังที่เอริคอย่างไม่ค่อยไว้



    วางใจในตัวอีกฝ่ายนัก  แต่ก็พูดออกมาในที่สุด





              “เด็กนั่น…  อยู่กับเธอ..??”  อเล็กซ์ถามทั้งๆที่พอจะเดาในคำตอบออก  เอทัวล์ไม่ว่าอะไรแต่รับรู้ในความหมายขึ้นมาทันที  



    ในตอนนี้สิ่งที่เธอสงสัยเริ่มมีเค้าแห่งความจริงขึ้นมาบ้างแล้ว   หญิงสาวรีบหันหลังกลับวิ่งกลับไปยังห้องของซาย่าทันทีพร้อมๆกับ



    อเล็กซ์  และบุคคลอีกคนผู้บังเอิญฟังบทสนทนานั้นด้วย  เอริค







              ทันทีที่เปิดประตูห้องนั้น   แสงสะท้อนจากใบมีดเป็นประกายวาววับเข้าตาของทุกคนขึ้นมาทันที   อเล็กซ์จับดาบขึ้นหากแต่



    บุคคลผู้เร็วกว่าได้เข้าไปจับมือของผู้ถือมีดนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว   ภาพเบื้องหน้าของทั้งคู่ตอนนี้คือภาพเด็กชายที่ถูกเอริคดัดแขน



    ไขว้หลัง  เสียงมีดในมือตกลงกระทบพื้นทำให้สาวน้อยผู้นอนซมอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้น..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×