ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : หัวขโมยในราชวัง
          ลมเย็นพัดโชยนำพาใบไม้ปลิดปลิวหล่นจากกิ่งผ่านหน้าต่างเข้ามาด้านในห้อง  เมฆฝนปกคลุมอยู่ทั่วฟ้าแสดงถึงลมพายุที่
เข้าใกล้มาทุกที  สายฝนที่ค่อยๆโปรยปรายตกลงมาในตอนแรกเริ่มหนักขึ้นทุกที  ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาของสาวน้อยผู้ซึ่งได้
แต่นั่งอยู่ในห้องเพราะถูกสั่งห้ามออกไปเพ่นพ่านด้านนอก  นัยน์ตาคู่ฟ้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  แสงฟ้าแลบแปลบปลาบ
ปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราวเป็นปกติยามฝนฟ้าคะนอง
          “เปรี้ยง !!”  เสียงฟ้าคำรามดังขึ้น  ทำเอาเหล่านางกำนัลบริเวณนั้นกรีดร้องด้วยความตกใจระคนกลัว  ไม่เว้นแม้แต่ดอร์
ร่าซึ่งอยู่ในห้องกับตัวเธอเองด้วย
          “อะไรกันกัน   ดอร์ร่า  แค่ฟ้าร้องเอง ”  ซาย่าพูดพลางกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นสภาพนางกำนัลประจำตัวเธอนั่งตัวสั่นงันงกจาก
ฟ้าร้องเมื่อครู่  เจ้าหล่อนค้อนใส่นายหญิงของตนพลางพูดขึ้น
          “ไม่ใช่แค่ฟ้าร้องธรรมดานะเพคะ  เสียงออกดังขนาดนั้น  แสดงว่าฟ้าผ่าลงมาด้วยนะเพคะ ”  ดอร์ร่าค้านเบาๆแล้วต้องกรีด
ร้องพร้อมเอามือปิดหูอีกเมื่อเสียงฟ้ายังคงดังขึ้นต่อไป  ในขณะที่องค์หญิงนายของเจ้าหล่อนไม่มีความกลัวอยู่ในสีหน้าเลย  แถม
ยังขำกับความกลัวของเจ้าหล่อนเสียอีกต่างหาก
          “งั้นก็แค่ฟ้าผ่า  มันไม่ผ่ามาด้านในนี้หรอกน่า ”  เสียงหวานใสจากองค์หญิงผู้ไม่เหมือนใครดังขึ้นเหมือนจะเพื่อปลอบนาง
กำนัลของเธอ  แต่เจ้าตัวรู้สึกเหมือนกำลังถูกประชดอยู่ชอบกล
          “งั้นองค์หญิงไม่กลัวหรือเพคะ”  ดอร์ร่าถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในตัวนายหญิงของตน  ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว  แต่คำตอบที่
ได้กลับคาดไม่ถึง
          “ใครว่าล่ะ ”  คำตอบดังขึ้นอย่างแผ่วเบาซึ่งดอร์ร่าจ้องมองไปยังคนตอบอย่างไม่เชื่อหูในคำตอบที่ได้  แต่เมื่อคนตอบยังคง
ยิ้มร่าอยู่เช่นนั้น  คำตอบนั้นก็คงล้อเล่นอย่างเหมือนเช่นเคย  นางกำนัลถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะรีบลุกขึ้นและบอกนายหญิง
ของตน
          “ได้เวลาเสวยแล้วเพคะ  เชิญเสด็จเพคะ”  คนฟังพยักหน้ารับรู้อย่างเซ็งๆแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป  พร้อมด้วยทหาร
ราชองครักษ์และนางกำนัลผู้เป็นเหมือนพี่สาวของเธอ
===========================================
          “คนร้าย..!!!”  เสียงทหารคนหนึ่งดังก้องเข้ามาถึงระเบียงทางเดินที่ซาย่ากำลังจะเดินไปยังห้องทานอาหาร  เสียงที่เรียกให้
เหล่าทหารคนอื่นๆต่างพากันรีบรุดไปยังต้นเสียง  ในจำนวนนั้นบุรุษผมดำสนิทผู้ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งรอซินยอลได้กำลังเดินไปดูด้วย
ตนเองด้วย  ซาย่าเห็นเช่นนั้นเลยออกวิ่งตามไปดูด้วยทำให้เพื่อนทั้งสองต้องวิ่งตามไปติดๆ
          ที่ประตูด้านนอก  มีเด็กชายคนหนึ่งถูกคุมตัวให้นั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางสายฝนที่สาดกระหน่ำลงมา  ผมสีเงินเปียกชุ่มไป
ด้วยหยาดน้ำตกปรกหน้า  ใบหน้าเปรอะเปื้อนโคลนที่ดูเหมือนจะโดนทหารยามลงโทษไปบ้างแล้ว  นัยน์ตาสีดำซึ่งเริ่มมีน้ำตาคลอ
เบ้าเต็มไปด้วยแววแห่งการวิงวอนร้องขอ  หากแต่ที่นี่  ทหารทุกคนรู้ว่ากฏไม่เคยได้รับการลดหย่อน  ได้เพียงแค่จ้องมองโดยไม่
สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น  เมื่อผู้คุมกฏได้มาที่นี่ด้วยตนเองแล้ว
          “ยังเด็กอยู่เลย  มาเป็นขโมยเสียแล้ว ”  เสียงดุๆดังขึ้นจากปากเฟรเดคริกซ์  สีหน้าเรียบเฉยที่เป็นปกติของเจ้าตัวไม่มี
แววแห่งความปราณีปรากฏขึ้นมาเลยยิ่งทำให้เด็กน้อยตรงหน้าตัวสั่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
          “ผมแค่อยากได้ผลไม้สักสองสามผล  แม่ที่บ้านผมไม่สบาย  ไม่มีอะไรกินมาหลายวันแล้ว ”  เด็กชายพูดพลางสะอื้น
ไห้  เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถูกสายตาสีหมอกมองปราม  ก่อนที่จะเอ่ยต่อไป
          “ถึงอย่างนั้น  แต่ข้าไม่เคยสอนให้พวกเจ้ามีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย  มีอะไรมาบอกกันตรงๆ ” เฟรเดคริกซ์พูดเสียง
เข้ม  แต่ก่อนจะได้ทันทำอะไรไปมากกว่านี้  ก็มีร่างหนึ่งเข้ามาขวางเสียก่อน  ชายหนุ่มมองร่างสาวน้อยตรงหน้าที่ตอนนี้เปียกฝน
ไปด้วยเพราะก้าวออกมาด้านนอกอย่างอ่อนใจ
          “องค์หญิง  ถอยไป ”  น้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าชายหนุ่มรู้สึกเช่นไร  แต่ซาย่าส่ายหัวพร้อมๆกับจ้องเขม็งไปยังหน้าของฝ่าย 
ส่วนเด็กชายเมื่อเห็นว่าเธอจะเป็นที่พึ่งได้ก็เข้ามาเกาะหลบอยู่ด้านหลังเรียบร้อยแล้ว
          “เด็กคนนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะขโมย  เขาแค่จะหาของไปให้แม่เขาทานอย่างนี้ผิดด้วยหรือ”  เสียงซาย่าดังขึ้นท่ามกลางสายฝน
ที่ยังตกลงมาไม่ขาดสาย  ฝ่ายเฟรเดคริกซ์ได้แต่จ้องมองไปยังร่างสาวน้อยและร่างเด็กชายตัวปัญหาด้านหลังตัวเธอ  ก่อนจะพูดทำ
ความเข้าใจ
          “หากทุกคนมีข้ออ้างว่าทำเพื่อที่บ้านกันเสียหมด  แล้วจะมีกฏไว้เพื่ออะไร  ในเมื่อทำแล้วไม่มีความผิด”  เฟรเดคริกซ์
พูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังออกว่าพยายามทำใจเย็นเต็มที่  หากแต่สาวน้อยตรงหน้าเขายังไม่ยอมรับเหตุผลตัวนี้
          “กฏแต่ละข้อต้องมีการลดหย่อนกันได้บ้าง    กฏข้อเดียวใช่จะบังคับใช้ได้ทุกที่”  ซาย่ายังคงพูดต่อพร้อมกับแววตาที่แข็ง
กร้าว  หากแต่สายตาที่จ้องกลับมาที่เธอนั้นไม่ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย  ยังคงเป็นแววตาเย็นชาและพร้อมที่จะทำตามกฏ
เกณฑ์ทุกเมื่อ
          “ถ้าองค์หญิงว่าเช่นนั้น  กระหม่อมก็คงต้องขอร้องด้วย ” เสียงช่วยเธอดังขึ้นจากฝูงชนที่ยืนออกันอยู่บริเวณนั้น  เอริคเดิน
ออกมาปรากฏตัวให้เห็น  ซาย่ามองกลับไปยังคนที่สุดแสนจะรักษากฏพร้อมกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
          “ทีนี้  ฉันก็มีเสียงสนับสนุนแล้ว  จะยอมปล่อยเด็กคนนี้ได้หรือยัง..??”  เสียงหวานใสดังขึ้นด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย  ชาย
หนุ่มมองร่างตรงหน้าแล้วถอนใจพลางเอ่ยปากพูดขึ้น
          “ตามใจท่าน  แต่ท่านต้องรับผิดชอบในตัวเด็กคนนั้นเองด้วย”  เมื่อพูดจบเขาก็เดินกลับเข้าไป  ซาย่ามองหน้าเด็กชายที่
หลบอยู่หลังตนด้วยรอยยิ้ม  ก่อนที่จะหันไปขอบคุณเอริคที่ช่วยพูดให้เธอ  เมื่อเธอจะพาตัวเด็กชายไปส่งที่หน้าประตูก็โดน
เอริคขวางไว้
          “องค์กษัตริย์ไม่อนุญาตให้เด็กคนนี้กลับไปได้  พระองค์บอกให้อยู่ในความรับผิดชอบของท่าน”  ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับรอย
ยิ้มที่เห็นจนชินตา  ซาย่าหันกลับมามองเด็กน้อยด้านหลังเธอที่ยังคงมีแววตาแห่งความหวาดกลัวแล้วถอนใจก่อนจะพยักหน้ารับคำ
แล้วเดินฝ่าสายฝนกลับเข้าด้านในโดยมีเด็กชายเดินตามไป
          “เธอชื่อว่าอะไรหรือ  ฉันจะได้เรียกถูก”  องค์หญิงถามเด็กชายข้างกาย  นัยน์ตาคู่ดำที่มีแฝงแววแห่งความดีใจของเขามอง
ตอบก่อนจะเอ่ยปากตอบคำถาม
          “แรนดัลครับ  ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผมไว้เมื่อครู่”  เด็กชายพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูใสซื่ออย่างที่เด็กชาวบ้านทั่วไปเป็น
กัน  สาวน้อยยิ้มรับคำตอบของเขา
          “แรนดัล  ต่อจากนี้เธอก็อยู่ที่นี่สักพักไปจนกว่าฉันจะส่งเธอออกไปด้านนอกได้ละกันนะ”  คำพูดที่คนฟังพยักหน้าหงึกๆรับ
คำสั่งพร้อมกับตอบกลับ
          “ครับ..”
=====================================
          เมื่อเธอกลับมาถึงห้องแล้วก็จัดแจงสั่งให้ดอร์ร่าหาเสื้อผ้าให้เด็กชายผู้ที่เธอนำกลับเข้ามาด้วย  ถึงแม้จะไม่เต็มใจกับคำสั่ง
นี้นักแต่เจ้าหล่อนก็ยอมทำตามแต่โดยดีถึงแม้จะบ่นออกมาบ้าง  ในขณะที่เอทัวล์มองหน้าเด็กชายตรงหน้าอย่างติดใจสงสัยอะไร
บางอย่างในตัวของเขา  สำหรับเธอเขาเป็นคนที่เธอรู้สึกบางอย่างที่ไม่ดีในใจ  ดังนั้นเมื่อดอร์ร่าพาตัวแรนดัลออกไปด้านนอกเจ้า
ตัวจึงถามองค์หญิงทันที
          “ทำไมเธอถึงช่วยเด็กคนนั้นเสียล่ะ”  เสียงที่มีแววแห่งความสงสัยฉายชัด  สาวน้อยตรงหน้ากำลังเช็ดผมเนื่องจากเปียกฝน
เมื่อครู่หันกลับมามองเธออย่างสงสัยชั่วครู่ก่อนที่จะตอบกลับ
          “หรือเธอจะยอมให้เขาโดนลงโทษ  เพียงแค่ต้องการหาของกลับไปฝากแม่ที่ไม่สบายที่บ้าน  มันไม่ยุติธรรมเลยไม่ใช่
หรือ..??”  เสียงหวานใสที่ตอบกลับมีแฝงแววว่าหากมีการถามกลับคงได้มีเรื่องกันบ้างล่ะ  เอทัวล์มองหน้าบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น
น้องสาวบุญธรรมของตนอย่างหน่ายใจก่อนพูดขึ้นอีก
          “แล้วเธอเชื่อเรื่องที่เด็กคนนั้นพูดทั้งหมดหรือไง..?”  คำพูดนี้เรียกอารมณ์โกรธของสาวน้องพุ่งสูงขึ้นในทันทีก่อนที่จะ
พยายามระงับอารมณ์พูดตอบกลับไป
          “งั้นเธอคิดว่าเด็กคนนี้โกหกอย่างนั้นหรือ    พอทีเถอะ  ฉันจะเปลี่ยนชุด ”  สาวน้อยตัดบทสนทนาให้จบลงในทันที  อีกฝ่าย
ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินออกจากห้องนี้ไป
========================================
          ในขณะที่อีกด้าน  เฟรเดคริกซ์นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  เบื้องหน้าของเขาคืออเล็กซ์ซึ่งมีสีหน้าเครียดอยู่ไม่แพ้
กัน  ก่อนที่บุคคลผู้สูงศักดิ์กว่าจะเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนในที่สุด
          “เด็กคนนั้น ”  เจ้าตัวพูดทิ้งค้างไว้แค่นี้  อีกฝ่ายก็หันมาสบตาอย่างรู้กันก่อนจะพูดต่อประโยคนั้นให้จบ
          “น่าสงสัย  ใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”  ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องกลับไปยังหน้าองค์กษัตริย์ผู้ที่ตอนนี้มีรอยยิ้มเผยขึ้นที่มุมปาก  หาก
แต่สีหน้ายามนี้ยังคงดูไม่ออกเช่นเคยว่าคิดสิ่งใดอยู่ในใจ
                    เป็นคนที่ไม่สมควรจะเป็นศัตรูด้วยมากที่สุด
          อเล็กซ์คิดในใจพลางยืนรอคำสั่งของคนตรงหน้า  ก่อนที่คำสั่งจะถูกกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบาด้วยต้องการให้ได้ยินกันอยู่
เพียงเท่านั้น
          “จับตาดูเอาไว้  และอย่าให้องค์หญิงอยู่คนเดียว”  คำสั่งที่คนรับพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ  ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง
นั้นไปทิ้งให้ชายหนุ่มอีกคนในห้องนั้นนั่งคิดอะไรเพียงคนเดียวต่อไป
                    หากเมื่อสิบปีก่อนเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงแล้ว
                    ในครั้งนี้จะต้องไม่มีเกิดขึ้นอีก . จะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ .
============================================
          “อัดชิ้ว ”  เสียงจามดังลั่นขึ้นในห้องบรรทมขององค์หญิงโซมารีน่า  เด  แซคซิฟริจ    เอทัวล์มองหน้าสาวน้อยผู้ไม่เจียมตัว
ออกไปตากฝนเมื่อคืนส่งผลให้วันนี้เจ้าตัวเป็นหวัดอย่างช่วยไม่ได้  ดอร์ร่าต้องวิ่งวุ่นหาโอสถให้นายหญิงของหล่อนเสวยอยู่พักใหญ่
          “เนี่ย เพราะออกไปตากฝนเมื่อวานแท้ๆ  แถมเข้ามาแล้วไม่รู้จักรีบทำตัวให้แห้ง ”  เสียงพูดยั่วให้โกรธดังแว่วมาจากปาก
เอทัวล์  ซาย่าจ้องกลับไปยังคนพูดโดยยังไม่กล่าวว่าอะไร  ตรงปลายเตียงของเธอ  เด็กชายผู้ที่เธอช่วยไว้เมื่อวานยังคงนั่งมองมา
ที่ตัวเธอด้วยสายตาสำนึกผิด
          “ขอโทษฮะ  เป็นเพราะผมแท้ๆ  ถึงทำให้องค์หญิงต้องประชวร”  เด็กน้อยพูดด้วยสายตาละห้อย  ซาย่าส่ายหัวพลางยิ้ม
ปลอบใจ  ก่อนจะพูดขึ้น
          “ไม่เป็นไรหรอก  แค่หวัดแค่นี้เองเดี๋ยวก็หายแล้ว”  สิ้นคำพูดประโยคนี้สาวน้อยก็หันไปทางเอทัวล์ก่อนพูดต่อ  “เธอก็พูด
มากไปแล้ว  ฉันไม่นอนซมเพราะเป็นแค่ไข้หวัดเท่านั้นหรอก ”  พูดจบก็จามออกมาอีกครั้ง  โดยที่อีกฝ่ายจ้องมองกลับด้วยสายตา
ที่อ่านได้ว่านี่น่ะหรือไม่หนัก
          “งั้นวันนี้องค์หญิงก็เสด็จไปเสวยกับองค์กษัตริย์ไม่ได้สิเพคะ”  ดอร์ร่าพูดด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความเหนื่อยใจ  หรือว่านี่เป็น
แผนขององค์หญิงกันที่จะเลี่ยงไม่ไปเสวยที่โต๊ะ  เจ้าตัวคนป่วยยิ้มร่าเริงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตอบกลับไป
          “ไม่ได้น่ะสิ  งั้นรบกวนดอร์ร่ายกอาหารมาด้วยนะ”  คำพูดที่ทำให้เจ้าหล่อนคนรับคำสั่งถึงกับเดินบ่นพึมพำออกจากห้องไป
          “งั้นฉันออกไปด้วยแล้วกัน  เธอพักผ่อนไปก่อนเถอะ”  เอทัวล์พูดพลางเริ่มสาวเท้าเดินไปที่ประตู  ซาย่ามองตามไปแต่ไม่
ได้พูดว่าอะไรออกมาและล้มตัวนอนลงบนเตียงและหลับตาลง  แรนดัลเปลี่ยนที่นั่งของตนมาอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้างเรียบร้อยแล้ว 
เอทัวลมองภาพตรงหน้าอย่างครุ่นคิดบางอย่างเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวออกจากห้องไป
=========================================
          ขณะที่เอทัวล์กำลังเดินอยู่ในระเบียงด้านนอก  อเล็กซ์ก็ได้วิ่งเข้ามามาเธออย่างรีบร้อนพร้อมกับสีหน้าตื่นตระหนก
          “ซาย่าล่ะ ??”  เสียงถามอย่างร้อนรนเรียกให้บุรุษหนุ่มอีกคนที่เดินอยู่ตรงนั้นหันมามองด้วยความสงสัยเล็กน้อย  ก่อนจะ
ก้าวเข้ามาร่วมบทสนทนานี้ด้วย  เอทัวล์จ้องมองอเล็กซ์ด้วยสีหน้าแปลกใจก่อนที่จะตอบกลับ
          “นอนอยู่ในห้องไง  เธอเป็นหวัดน่ะ ”  เอทัวล์ตอบแต่ตอนนี้อเล็กซ์เริ่มมีสีหน้าปั้นยากขึ้นมา  ซึ่งทำให้หญิงสาวแปลกใจ
เล็กน้อย  ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนยังคงยืนฟังอย่างสงบ  อเล็กซ์มองหน้าเพื่อนสาวของตนและมองกลับมายังที่เอริคอย่างไม่ค่อยไว้
วางใจในตัวอีกฝ่ายนัก  แต่ก็พูดออกมาในที่สุด
          “เด็กนั่น   อยู่กับเธอ..??”  อเล็กซ์ถามทั้งๆที่พอจะเดาในคำตอบออก  เอทัวล์ไม่ว่าอะไรแต่รับรู้ในความหมายขึ้นมาทันที 
ในตอนนี้สิ่งที่เธอสงสัยเริ่มมีเค้าแห่งความจริงขึ้นมาบ้างแล้ว  หญิงสาวรีบหันหลังกลับวิ่งกลับไปยังห้องของซาย่าทันทีพร้อมๆกับ
อเล็กซ์  และบุคคลอีกคนผู้บังเอิญฟังบทสนทนานั้นด้วย  เอริค
          ทันทีที่เปิดประตูห้องนั้น  แสงสะท้อนจากใบมีดเป็นประกายวาววับเข้าตาของทุกคนขึ้นมาทันที  อเล็กซ์จับดาบขึ้นหากแต่
บุคคลผู้เร็วกว่าได้เข้าไปจับมือของผู้ถือมีดนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว  ภาพเบื้องหน้าของทั้งคู่ตอนนี้คือภาพเด็กชายที่ถูกเอริคดัดแขน
ไขว้หลัง  เสียงมีดในมือตกลงกระทบพื้นทำให้สาวน้อยผู้นอนซมอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้น..
เข้าใกล้มาทุกที  สายฝนที่ค่อยๆโปรยปรายตกลงมาในตอนแรกเริ่มหนักขึ้นทุกที  ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาของสาวน้อยผู้ซึ่งได้
แต่นั่งอยู่ในห้องเพราะถูกสั่งห้ามออกไปเพ่นพ่านด้านนอก  นัยน์ตาคู่ฟ้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  แสงฟ้าแลบแปลบปลาบ
ปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราวเป็นปกติยามฝนฟ้าคะนอง
          “เปรี้ยง !!”  เสียงฟ้าคำรามดังขึ้น  ทำเอาเหล่านางกำนัลบริเวณนั้นกรีดร้องด้วยความตกใจระคนกลัว  ไม่เว้นแม้แต่ดอร์
ร่าซึ่งอยู่ในห้องกับตัวเธอเองด้วย
          “อะไรกันกัน   ดอร์ร่า  แค่ฟ้าร้องเอง ”  ซาย่าพูดพลางกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นสภาพนางกำนัลประจำตัวเธอนั่งตัวสั่นงันงกจาก
ฟ้าร้องเมื่อครู่  เจ้าหล่อนค้อนใส่นายหญิงของตนพลางพูดขึ้น
          “ไม่ใช่แค่ฟ้าร้องธรรมดานะเพคะ  เสียงออกดังขนาดนั้น  แสดงว่าฟ้าผ่าลงมาด้วยนะเพคะ ”  ดอร์ร่าค้านเบาๆแล้วต้องกรีด
ร้องพร้อมเอามือปิดหูอีกเมื่อเสียงฟ้ายังคงดังขึ้นต่อไป  ในขณะที่องค์หญิงนายของเจ้าหล่อนไม่มีความกลัวอยู่ในสีหน้าเลย  แถม
ยังขำกับความกลัวของเจ้าหล่อนเสียอีกต่างหาก
          “งั้นก็แค่ฟ้าผ่า  มันไม่ผ่ามาด้านในนี้หรอกน่า ”  เสียงหวานใสจากองค์หญิงผู้ไม่เหมือนใครดังขึ้นเหมือนจะเพื่อปลอบนาง
กำนัลของเธอ  แต่เจ้าตัวรู้สึกเหมือนกำลังถูกประชดอยู่ชอบกล
          “งั้นองค์หญิงไม่กลัวหรือเพคะ”  ดอร์ร่าถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในตัวนายหญิงของตน  ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว  แต่คำตอบที่
ได้กลับคาดไม่ถึง
          “ใครว่าล่ะ ”  คำตอบดังขึ้นอย่างแผ่วเบาซึ่งดอร์ร่าจ้องมองไปยังคนตอบอย่างไม่เชื่อหูในคำตอบที่ได้  แต่เมื่อคนตอบยังคง
ยิ้มร่าอยู่เช่นนั้น  คำตอบนั้นก็คงล้อเล่นอย่างเหมือนเช่นเคย  นางกำนัลถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะรีบลุกขึ้นและบอกนายหญิง
ของตน
          “ได้เวลาเสวยแล้วเพคะ  เชิญเสด็จเพคะ”  คนฟังพยักหน้ารับรู้อย่างเซ็งๆแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป  พร้อมด้วยทหาร
ราชองครักษ์และนางกำนัลผู้เป็นเหมือนพี่สาวของเธอ
===========================================
          “คนร้าย..!!!”  เสียงทหารคนหนึ่งดังก้องเข้ามาถึงระเบียงทางเดินที่ซาย่ากำลังจะเดินไปยังห้องทานอาหาร  เสียงที่เรียกให้
เหล่าทหารคนอื่นๆต่างพากันรีบรุดไปยังต้นเสียง  ในจำนวนนั้นบุรุษผมดำสนิทผู้ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งรอซินยอลได้กำลังเดินไปดูด้วย
ตนเองด้วย  ซาย่าเห็นเช่นนั้นเลยออกวิ่งตามไปดูด้วยทำให้เพื่อนทั้งสองต้องวิ่งตามไปติดๆ
          ที่ประตูด้านนอก  มีเด็กชายคนหนึ่งถูกคุมตัวให้นั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางสายฝนที่สาดกระหน่ำลงมา  ผมสีเงินเปียกชุ่มไป
ด้วยหยาดน้ำตกปรกหน้า  ใบหน้าเปรอะเปื้อนโคลนที่ดูเหมือนจะโดนทหารยามลงโทษไปบ้างแล้ว  นัยน์ตาสีดำซึ่งเริ่มมีน้ำตาคลอ
เบ้าเต็มไปด้วยแววแห่งการวิงวอนร้องขอ  หากแต่ที่นี่  ทหารทุกคนรู้ว่ากฏไม่เคยได้รับการลดหย่อน  ได้เพียงแค่จ้องมองโดยไม่
สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น  เมื่อผู้คุมกฏได้มาที่นี่ด้วยตนเองแล้ว
          “ยังเด็กอยู่เลย  มาเป็นขโมยเสียแล้ว ”  เสียงดุๆดังขึ้นจากปากเฟรเดคริกซ์  สีหน้าเรียบเฉยที่เป็นปกติของเจ้าตัวไม่มี
แววแห่งความปราณีปรากฏขึ้นมาเลยยิ่งทำให้เด็กน้อยตรงหน้าตัวสั่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
          “ผมแค่อยากได้ผลไม้สักสองสามผล  แม่ที่บ้านผมไม่สบาย  ไม่มีอะไรกินมาหลายวันแล้ว ”  เด็กชายพูดพลางสะอื้น
ไห้  เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถูกสายตาสีหมอกมองปราม  ก่อนที่จะเอ่ยต่อไป
          “ถึงอย่างนั้น  แต่ข้าไม่เคยสอนให้พวกเจ้ามีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย  มีอะไรมาบอกกันตรงๆ ” เฟรเดคริกซ์พูดเสียง
เข้ม  แต่ก่อนจะได้ทันทำอะไรไปมากกว่านี้  ก็มีร่างหนึ่งเข้ามาขวางเสียก่อน  ชายหนุ่มมองร่างสาวน้อยตรงหน้าที่ตอนนี้เปียกฝน
ไปด้วยเพราะก้าวออกมาด้านนอกอย่างอ่อนใจ
          “องค์หญิง  ถอยไป ”  น้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าชายหนุ่มรู้สึกเช่นไร  แต่ซาย่าส่ายหัวพร้อมๆกับจ้องเขม็งไปยังหน้าของฝ่าย 
ส่วนเด็กชายเมื่อเห็นว่าเธอจะเป็นที่พึ่งได้ก็เข้ามาเกาะหลบอยู่ด้านหลังเรียบร้อยแล้ว
          “เด็กคนนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะขโมย  เขาแค่จะหาของไปให้แม่เขาทานอย่างนี้ผิดด้วยหรือ”  เสียงซาย่าดังขึ้นท่ามกลางสายฝน
ที่ยังตกลงมาไม่ขาดสาย  ฝ่ายเฟรเดคริกซ์ได้แต่จ้องมองไปยังร่างสาวน้อยและร่างเด็กชายตัวปัญหาด้านหลังตัวเธอ  ก่อนจะพูดทำ
ความเข้าใจ
          “หากทุกคนมีข้ออ้างว่าทำเพื่อที่บ้านกันเสียหมด  แล้วจะมีกฏไว้เพื่ออะไร  ในเมื่อทำแล้วไม่มีความผิด”  เฟรเดคริกซ์
พูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังออกว่าพยายามทำใจเย็นเต็มที่  หากแต่สาวน้อยตรงหน้าเขายังไม่ยอมรับเหตุผลตัวนี้
          “กฏแต่ละข้อต้องมีการลดหย่อนกันได้บ้าง    กฏข้อเดียวใช่จะบังคับใช้ได้ทุกที่”  ซาย่ายังคงพูดต่อพร้อมกับแววตาที่แข็ง
กร้าว  หากแต่สายตาที่จ้องกลับมาที่เธอนั้นไม่ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย  ยังคงเป็นแววตาเย็นชาและพร้อมที่จะทำตามกฏ
เกณฑ์ทุกเมื่อ
          “ถ้าองค์หญิงว่าเช่นนั้น  กระหม่อมก็คงต้องขอร้องด้วย ” เสียงช่วยเธอดังขึ้นจากฝูงชนที่ยืนออกันอยู่บริเวณนั้น  เอริคเดิน
ออกมาปรากฏตัวให้เห็น  ซาย่ามองกลับไปยังคนที่สุดแสนจะรักษากฏพร้อมกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
          “ทีนี้  ฉันก็มีเสียงสนับสนุนแล้ว  จะยอมปล่อยเด็กคนนี้ได้หรือยัง..??”  เสียงหวานใสดังขึ้นด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย  ชาย
หนุ่มมองร่างตรงหน้าแล้วถอนใจพลางเอ่ยปากพูดขึ้น
          “ตามใจท่าน  แต่ท่านต้องรับผิดชอบในตัวเด็กคนนั้นเองด้วย”  เมื่อพูดจบเขาก็เดินกลับเข้าไป  ซาย่ามองหน้าเด็กชายที่
หลบอยู่หลังตนด้วยรอยยิ้ม  ก่อนที่จะหันไปขอบคุณเอริคที่ช่วยพูดให้เธอ  เมื่อเธอจะพาตัวเด็กชายไปส่งที่หน้าประตูก็โดน
เอริคขวางไว้
          “องค์กษัตริย์ไม่อนุญาตให้เด็กคนนี้กลับไปได้  พระองค์บอกให้อยู่ในความรับผิดชอบของท่าน”  ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับรอย
ยิ้มที่เห็นจนชินตา  ซาย่าหันกลับมามองเด็กน้อยด้านหลังเธอที่ยังคงมีแววตาแห่งความหวาดกลัวแล้วถอนใจก่อนจะพยักหน้ารับคำ
แล้วเดินฝ่าสายฝนกลับเข้าด้านในโดยมีเด็กชายเดินตามไป
          “เธอชื่อว่าอะไรหรือ  ฉันจะได้เรียกถูก”  องค์หญิงถามเด็กชายข้างกาย  นัยน์ตาคู่ดำที่มีแฝงแววแห่งความดีใจของเขามอง
ตอบก่อนจะเอ่ยปากตอบคำถาม
          “แรนดัลครับ  ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผมไว้เมื่อครู่”  เด็กชายพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูใสซื่ออย่างที่เด็กชาวบ้านทั่วไปเป็น
กัน  สาวน้อยยิ้มรับคำตอบของเขา
          “แรนดัล  ต่อจากนี้เธอก็อยู่ที่นี่สักพักไปจนกว่าฉันจะส่งเธอออกไปด้านนอกได้ละกันนะ”  คำพูดที่คนฟังพยักหน้าหงึกๆรับ
คำสั่งพร้อมกับตอบกลับ
          “ครับ..”
=====================================
          เมื่อเธอกลับมาถึงห้องแล้วก็จัดแจงสั่งให้ดอร์ร่าหาเสื้อผ้าให้เด็กชายผู้ที่เธอนำกลับเข้ามาด้วย  ถึงแม้จะไม่เต็มใจกับคำสั่ง
นี้นักแต่เจ้าหล่อนก็ยอมทำตามแต่โดยดีถึงแม้จะบ่นออกมาบ้าง  ในขณะที่เอทัวล์มองหน้าเด็กชายตรงหน้าอย่างติดใจสงสัยอะไร
บางอย่างในตัวของเขา  สำหรับเธอเขาเป็นคนที่เธอรู้สึกบางอย่างที่ไม่ดีในใจ  ดังนั้นเมื่อดอร์ร่าพาตัวแรนดัลออกไปด้านนอกเจ้า
ตัวจึงถามองค์หญิงทันที
          “ทำไมเธอถึงช่วยเด็กคนนั้นเสียล่ะ”  เสียงที่มีแววแห่งความสงสัยฉายชัด  สาวน้อยตรงหน้ากำลังเช็ดผมเนื่องจากเปียกฝน
เมื่อครู่หันกลับมามองเธออย่างสงสัยชั่วครู่ก่อนที่จะตอบกลับ
          “หรือเธอจะยอมให้เขาโดนลงโทษ  เพียงแค่ต้องการหาของกลับไปฝากแม่ที่ไม่สบายที่บ้าน  มันไม่ยุติธรรมเลยไม่ใช่
หรือ..??”  เสียงหวานใสที่ตอบกลับมีแฝงแววว่าหากมีการถามกลับคงได้มีเรื่องกันบ้างล่ะ  เอทัวล์มองหน้าบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น
น้องสาวบุญธรรมของตนอย่างหน่ายใจก่อนพูดขึ้นอีก
          “แล้วเธอเชื่อเรื่องที่เด็กคนนั้นพูดทั้งหมดหรือไง..?”  คำพูดนี้เรียกอารมณ์โกรธของสาวน้องพุ่งสูงขึ้นในทันทีก่อนที่จะ
พยายามระงับอารมณ์พูดตอบกลับไป
          “งั้นเธอคิดว่าเด็กคนนี้โกหกอย่างนั้นหรือ    พอทีเถอะ  ฉันจะเปลี่ยนชุด ”  สาวน้อยตัดบทสนทนาให้จบลงในทันที  อีกฝ่าย
ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินออกจากห้องนี้ไป
========================================
          ในขณะที่อีกด้าน  เฟรเดคริกซ์นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  เบื้องหน้าของเขาคืออเล็กซ์ซึ่งมีสีหน้าเครียดอยู่ไม่แพ้
กัน  ก่อนที่บุคคลผู้สูงศักดิ์กว่าจะเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนในที่สุด
          “เด็กคนนั้น ”  เจ้าตัวพูดทิ้งค้างไว้แค่นี้  อีกฝ่ายก็หันมาสบตาอย่างรู้กันก่อนจะพูดต่อประโยคนั้นให้จบ
          “น่าสงสัย  ใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”  ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องกลับไปยังหน้าองค์กษัตริย์ผู้ที่ตอนนี้มีรอยยิ้มเผยขึ้นที่มุมปาก  หาก
แต่สีหน้ายามนี้ยังคงดูไม่ออกเช่นเคยว่าคิดสิ่งใดอยู่ในใจ
                    เป็นคนที่ไม่สมควรจะเป็นศัตรูด้วยมากที่สุด
          อเล็กซ์คิดในใจพลางยืนรอคำสั่งของคนตรงหน้า  ก่อนที่คำสั่งจะถูกกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบาด้วยต้องการให้ได้ยินกันอยู่
เพียงเท่านั้น
          “จับตาดูเอาไว้  และอย่าให้องค์หญิงอยู่คนเดียว”  คำสั่งที่คนรับพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ  ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง
นั้นไปทิ้งให้ชายหนุ่มอีกคนในห้องนั้นนั่งคิดอะไรเพียงคนเดียวต่อไป
                    หากเมื่อสิบปีก่อนเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงแล้ว
                    ในครั้งนี้จะต้องไม่มีเกิดขึ้นอีก . จะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ .
============================================
          “อัดชิ้ว ”  เสียงจามดังลั่นขึ้นในห้องบรรทมขององค์หญิงโซมารีน่า  เด  แซคซิฟริจ    เอทัวล์มองหน้าสาวน้อยผู้ไม่เจียมตัว
ออกไปตากฝนเมื่อคืนส่งผลให้วันนี้เจ้าตัวเป็นหวัดอย่างช่วยไม่ได้  ดอร์ร่าต้องวิ่งวุ่นหาโอสถให้นายหญิงของหล่อนเสวยอยู่พักใหญ่
          “เนี่ย เพราะออกไปตากฝนเมื่อวานแท้ๆ  แถมเข้ามาแล้วไม่รู้จักรีบทำตัวให้แห้ง ”  เสียงพูดยั่วให้โกรธดังแว่วมาจากปาก
เอทัวล์  ซาย่าจ้องกลับไปยังคนพูดโดยยังไม่กล่าวว่าอะไร  ตรงปลายเตียงของเธอ  เด็กชายผู้ที่เธอช่วยไว้เมื่อวานยังคงนั่งมองมา
ที่ตัวเธอด้วยสายตาสำนึกผิด
          “ขอโทษฮะ  เป็นเพราะผมแท้ๆ  ถึงทำให้องค์หญิงต้องประชวร”  เด็กน้อยพูดด้วยสายตาละห้อย  ซาย่าส่ายหัวพลางยิ้ม
ปลอบใจ  ก่อนจะพูดขึ้น
          “ไม่เป็นไรหรอก  แค่หวัดแค่นี้เองเดี๋ยวก็หายแล้ว”  สิ้นคำพูดประโยคนี้สาวน้อยก็หันไปทางเอทัวล์ก่อนพูดต่อ  “เธอก็พูด
มากไปแล้ว  ฉันไม่นอนซมเพราะเป็นแค่ไข้หวัดเท่านั้นหรอก ”  พูดจบก็จามออกมาอีกครั้ง  โดยที่อีกฝ่ายจ้องมองกลับด้วยสายตา
ที่อ่านได้ว่านี่น่ะหรือไม่หนัก
          “งั้นวันนี้องค์หญิงก็เสด็จไปเสวยกับองค์กษัตริย์ไม่ได้สิเพคะ”  ดอร์ร่าพูดด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความเหนื่อยใจ  หรือว่านี่เป็น
แผนขององค์หญิงกันที่จะเลี่ยงไม่ไปเสวยที่โต๊ะ  เจ้าตัวคนป่วยยิ้มร่าเริงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตอบกลับไป
          “ไม่ได้น่ะสิ  งั้นรบกวนดอร์ร่ายกอาหารมาด้วยนะ”  คำพูดที่ทำให้เจ้าหล่อนคนรับคำสั่งถึงกับเดินบ่นพึมพำออกจากห้องไป
          “งั้นฉันออกไปด้วยแล้วกัน  เธอพักผ่อนไปก่อนเถอะ”  เอทัวล์พูดพลางเริ่มสาวเท้าเดินไปที่ประตู  ซาย่ามองตามไปแต่ไม่
ได้พูดว่าอะไรออกมาและล้มตัวนอนลงบนเตียงและหลับตาลง  แรนดัลเปลี่ยนที่นั่งของตนมาอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้างเรียบร้อยแล้ว 
เอทัวลมองภาพตรงหน้าอย่างครุ่นคิดบางอย่างเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวออกจากห้องไป
=========================================
          ขณะที่เอทัวล์กำลังเดินอยู่ในระเบียงด้านนอก  อเล็กซ์ก็ได้วิ่งเข้ามามาเธออย่างรีบร้อนพร้อมกับสีหน้าตื่นตระหนก
          “ซาย่าล่ะ ??”  เสียงถามอย่างร้อนรนเรียกให้บุรุษหนุ่มอีกคนที่เดินอยู่ตรงนั้นหันมามองด้วยความสงสัยเล็กน้อย  ก่อนจะ
ก้าวเข้ามาร่วมบทสนทนานี้ด้วย  เอทัวล์จ้องมองอเล็กซ์ด้วยสีหน้าแปลกใจก่อนที่จะตอบกลับ
          “นอนอยู่ในห้องไง  เธอเป็นหวัดน่ะ ”  เอทัวล์ตอบแต่ตอนนี้อเล็กซ์เริ่มมีสีหน้าปั้นยากขึ้นมา  ซึ่งทำให้หญิงสาวแปลกใจ
เล็กน้อย  ในขณะที่ชายหนุ่มอีกคนยังคงยืนฟังอย่างสงบ  อเล็กซ์มองหน้าเพื่อนสาวของตนและมองกลับมายังที่เอริคอย่างไม่ค่อยไว้
วางใจในตัวอีกฝ่ายนัก  แต่ก็พูดออกมาในที่สุด
          “เด็กนั่น   อยู่กับเธอ..??”  อเล็กซ์ถามทั้งๆที่พอจะเดาในคำตอบออก  เอทัวล์ไม่ว่าอะไรแต่รับรู้ในความหมายขึ้นมาทันที 
ในตอนนี้สิ่งที่เธอสงสัยเริ่มมีเค้าแห่งความจริงขึ้นมาบ้างแล้ว  หญิงสาวรีบหันหลังกลับวิ่งกลับไปยังห้องของซาย่าทันทีพร้อมๆกับ
อเล็กซ์  และบุคคลอีกคนผู้บังเอิญฟังบทสนทนานั้นด้วย  เอริค
          ทันทีที่เปิดประตูห้องนั้น  แสงสะท้อนจากใบมีดเป็นประกายวาววับเข้าตาของทุกคนขึ้นมาทันที  อเล็กซ์จับดาบขึ้นหากแต่
บุคคลผู้เร็วกว่าได้เข้าไปจับมือของผู้ถือมีดนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว  ภาพเบื้องหน้าของทั้งคู่ตอนนี้คือภาพเด็กชายที่ถูกเอริคดัดแขน
ไขว้หลัง  เสียงมีดในมือตกลงกระทบพื้นทำให้สาวน้อยผู้นอนซมอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้น..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น