ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : องค์หญิงจอมยุ่ง
          ซาย่าเดินออกมาจนถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่หลังบ้าน  เหลียวมองรอบตัวก่อนทิ้งตัวนั่งลงอย่างไม่ใส่ใจกับสิ่งใดอีกแล้ว  ดวง
ตาสีฟ้าคู่นี้ยังฉายแววแห่งความหงุดหงิดอยู่ภายใน  ระหว่างที่เธอกำลังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปนั้นก็มีอะไรบางอย่างชื้นๆมา
สัมผัสกับมือเธอ
          “หือ   ลูริเองหรือ”  ซาย่าเอ่ยทักหมาขนาดกลางตัวหนึ่งที่กระดิกหางรับเมื่อได้ยินชื่อตัวจากปากเธอ  คนที่อารมณ์ดีขึ้นมา
หน่อยจากการที่มีเพื่อนมาอยู่ด้วยเอามือเกาที่หลังหูอย่างที่มันชอบให้ทำประจำ
                    อีกไม่นานก็จะครบรอบอีกครั้งแล้วสินะ  วันที่แสนโหดร้ายเมื่อคราวนั้น
          “ลูริว่าไหม  เอทัวล์นี่นิสัยไม่ดีเลย ” เสียงหวานใสเอ่ยพึมพำให้เจ้าหมาข้างกายได้ยิน  มันทำเพียงแค่กระดิกหางริกๆ
เพราะเธอเกาหูได้ถูกที่คันเท่านั้น  แต่เสียงที่ดังขึ้นต่อจากนี้ได้ทำให้องค์หญิงปากดีสะดุ้งสุดตัว
          “ว่าฉันนิสัยไม่ดีงั้นเหรอ  งั้นเธอก็เป็นสุดยอดแห่งเด็กเอาแต่ใจตัวเองล่ะนะ”  เสียงเข้มๆดังมาจากด้านหลังของเธอ  ซาย่า
กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากแล้วค่อยๆหันกลับไปหาอีกฝ่ายที่มาอยู่ด้านหลังโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยสักนิด    เจ้าตัวยิ้ม
หวานอย่างเอาอกเอาใจไว้ก่อนทั้งๆที่ในใจหวาดหวั่นว่าจะโดนอะไรต่อไป  แต่ฝ่ายที่ถูกนินทาเมื่อครู่ไม่ได้ว่าอะไรหากแต่นั่งลง
ข้างๆตัวเธอ
          “อเล็กซ์มาชวนไปเที่ยวงานในเมืองอีกสามวันข้างหน้าน่ะ  เธอสนใจจะไปไหม” คำถามหลุดออกมาจากปากเอทัวล์ที่ทำให้
ซาย่าหันกลับไปมองคนด้านข้าง
                    ครั้งนี้จะมาไม้ไหนกันแน่
          “ไม่อยากไปหรือไง”  เอทัวล์ถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นฝ่ายถูกถามเงียบไป  ซาย่ายังคงเงียบต่อไปจนคนถามต้องหันมา
ประเมินท่าทางของเธออีกครั้ง  หลังจากเห็นท่าทางของซาย่าเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้น
          “หรือเพราะเรื่องสมัยก่อน  ยังเป็นเด็กจริงๆด้วยนะเธอเนี่ย”  คำพูดนี้แทงใจตำของเด็กสาวด้านข้างเต็มที่  ซาย่าหันกลับ
มาจ้องคนตรงข้างด้วยสายตาแห่งความโกรธ
          “มันจะเป็นเพราะอะไรก็เรื่องของฉัน  เธอไม่เกี่ยวนี่ ” คนถูกอ่านใจจากกิริยาท่าทางเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้  ฝ่าย
ถูกว่ากลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และยังคงพูดต่อไปอีก
          “งั้นเธอก็จะไปใช่ไหมล่ะ  งานในครั้งนี้น่ะ”  อีกฝ่ายก้มหน้างุดด้วยว่าติดกับของคนด้านข้างเข้าเต็มเปา  ก่อนจะ
ประกาศกร้าวขึ้นมาด้วยความโมโห
          “ไปสิ  ไปแน่  และไม่ใช่แค่ไปเที่ยวงานเท่านั้นนะ  ฉันจะลอบเข้าวังไปด้วย”  สิ้นคำประกาศของซาย่า  เอทัวล์หันกลับไป
มองเธออย่างไม่เชื่อหู  ซาย่าเองก็ดูตกใจกับคำประกาศเมื่อครู่ของเธอ
                    ตายล่ะ  เล่นประกาศไปอย่างนี้  แล้วจะทำอย่างไรดี
                    ซวยแล้วไหมล่ะ  พูดออกไปไม่ทันคิดแท้ๆ  เพราะใครบางคนก็ไม่รู้มาพูดยั่วให้เธอโกรธ
          เอทัวล์ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น  ยิ่งทำให้ซาย่ารู้สึกแย่ขึ้นไปอีก  ก่อนที่เอทัวล์จะลุกขึ้นพร้อมกับถอนสายบัวให้กับเธอ
พร้อมกับเอ่ยเบาๆด้วยว่าต้องการให้ซาย่าได้ยินเพียงคนเดียวเท่านั้น
          “ถวายพระพรองค์หญิงโซมารีนา เด  แซคซิฟริจ  ขอทรงสำเร็จกิจที่หวังไว้นะเพคะ”  เมื่อพูดจบก็เดินจากไปทิ้งให้ซาย่านั่ง
กลุ้มกับสิ่งที่เธอประกาศดังออกไปเมื่อครู่
          “ลูริ  สรุปแล้วฉันคงเป็นคนปากเร็วที่สุดใช่ไหม”  องค์หญิงที่ตอนนี้นั่งกลุ้มอยู่เปรยคำถามให้หมาข้างกายเธอได้ยิน  ก่อนที่
จะ
          “โฮ่ง” ลูริเห่าตอบพร้อมกับกระดิกหาง  ทำให้คิ้วเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้ามันขมวดเข้าหากันเกือบจะทันทีก่อนพูดกลับไป “ไม่
ต้องมาตอบรับคำฉันแบบนี้ก็ได้”  เจ้าหมายังคงกระดิกหางระริกระรี้อย่างน่าหมั่นไส้เหลือเกินสำหรับเธอ  ก่อนที่เธอจะอดใจไม่ไหว
เอามือขยี้ไปบนหัวมันอย่างแรงก่อนจะลุกขึ้นแล้วปัดเศษหญ้าที่ติดกับชายกระโปรงของเธอแล้วเดินเข้าบ้านทั้งๆที่คิ้วทั้งคู่ยังคง
ขมวดตึงเข้าหากัน  เมื่อเธอเดินกลับเข้าบ้านก็พบสีหน้าที่ยิ้มแย้มของอเล็กซ์กับเอทัวล์อยู่ด้านใน  สิ่งเหล่านี้ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิด
ในใจของเธอขึ้นสูงจนถึงขีดสุด
                    ยิ้มอะไรกันหนักหนานะพวกนี้  น่าหมั่นไส้ชะมัดเลย  แย่ที่สุด
          “อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนี้สิ  ซาย่า  เอ๊ะ..ไม่ใช่สิ  ต้องอย่าทรงขมวดคิ้วเช่นนี้สิเพคะ  องค์หญิงโซมารีนา เด 
แซคซิฟริจ”  คำพูดที่ยิ่งฟังยิ่งสะกิดอารมณ์หงุดหงิดของคนฟังให้เพิ่มสูงยิ่งขึ้น  เจ้าตัวคนพูดยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะหันไปคุย
อะไรบางอย่างกับชายหนุ่มเพียงคนเดียวในนั้น  ซึ่งถึงตอนนี้ซาย่าก็ไม่ได้สนใจจะฟังอะไรแล้ว  เธอรีบเดินตรงไปยังบันไดหมายจะ
รีบขึ้นห้องของตนโดยเร็วที่สุด  แต่ก่อนที่เท้าของสาวน้อยจะก้าวไปถึงบันไดนั้น  มือใครบางคนในที่นั้นก็คว้าหมับไปที่ไหล่ของเธอ
เสียก่อน
          “จะไปไหน  คนเค้าอุตส่าห์ช่วยวางแผนให้อยู่แท้ๆ  เป็นตัวต้นเรื่องหัดยืนฟังให้จบเสียบ้าง”  เสียงเอทัวล์ดังขึ้นพาให้เจ้าตัว
องค์หญิงจอมก่อเรื่องสังหรณ์ใจถึงคำพูดที่อีกฝ่ายบอก
                    แผน ??  อะไรกันอีกล่ะเนี่ย   คงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องบ้าๆเมื่อครู่หรอกนะ
          เธอแอบหวังอยู่ในใจก่อนจะหันหน้ากลับไปเผชิญกับคนวางแผนที่ยังคงเอามือจับอยู่ที่ไหล่  เอทัวล์ยิ้มให้แต่ในความรู้สึก
ของเธอตอนนี้รู้สึกเหมือนรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยเล่ห์กลอย่างไรชอบกล
          “แผนอะไรล่ะ ”  ลองถามออกไปทั้งๆที่เจ้าตัวก็พอจะเดาออกได้ลางๆ  เอทัวล์ยิ้มรับด้วยรอยยิ้มที่พาเอาองค์หญิงแสนยุ่ง
องค์นี้ขนลุกขึ้นมาทันทีก่อนที่จะเอ่ยตอบคำถาม
          “ก็แผนส่งองค์หญิงจอมวุ่นองค์นี้เข้าไปในวังไงล่ะ” คำตอบที่พาเอาหัวใจเต้นแรงก่อนจะร้องตะโกนออกไป
          “หา !!”  เจ้าตัวต้นเรื่องยังไม่ยอมทำความเข้าใจ  แถมยังหน้ามุ่ยขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
          “มาหาเหออะไรอีกเล่า  งานคราวนี้น่ะเหมาะที่จะลงมือที่สุดแล้วนะ  หรือเธอไม่อยากจะหาตัวคนที่แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไป
จากเธอเมื่อคราวนั้นหรือไงกัน”  เอทัวล์พูดแหย่เธอเข้าอีกจนได้  เจ้าตัวแยกเขี้ยวกลับไปพลางครุ่นคิดอย่างหนัก
                    ไอ้อยากจะไปหาตัวคนคนนั้นน่ะก็อยากอยู่หรอก  จะได้ถึงเวลาล้างแค้นอย่างสาสมกับสิ่งที่มันทำไว้กับเธอ  แต่อีก
ใจหนึ่ง
                    หากพลาดขึ้นมา  กลัวตายงั้นหรือ ??
                    ไม่สิ .ความจริงเธอน่าจะตายไปตั้งแต่ในกบฏเมื่อสิบปีที่แล้วมากกว่า ถ้าพ่อเธอไม่ผลักเธอตกลงจากหน้าผาเพื่อ
ให้พ้นเงื้อมือคนใจโหดครั้งนั้น
                    แต่ เธอรู้สึกไม่อยากกลับคืนสู่ฐานันดรของเธอเท่าไรนัก  เธอชอบชีวิตที่สุขสงบอย่างธรรมดาในเมืองนี้มากกว่าที่
จะต้องกลับไปอยู่ในวัง 
                    กลับไปอยู่อย่างสบายแต่โดดเดี่ยวไร้ซึ่งคนยืนเคียงข้างด้วยใจจริง
                    เหงา ??
                    ก็คงแบบนั้น  ถ้ากลับไปเธอคงไม่ได้มีโอกาสที่จะมาที่นี่อีก
          คิดพลางถอนใจมองภาพเบื้องหน้า  บ้านร้านอาหารเล็กๆที่เธออยู่มาตลอดสิบปี  มันถึงเวลาที่จวนจะต้องบอกลาสภาพที่นี่
แล้วหรืออย่างไรกัน  ก่อนจะหันหน้าไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างกายทั้งคู่  ก่อนจะเงยหน้า  ดวงตาสีฟ้าคู่นี้ซึ่งบัดนี้มีแววมุ่งมั่นเข้ามาแทนที่
          “เอา บอกมาสิ  แผนของเธอน่ะ” เสียงหวานใสที่แฝงไปด้วยความเข้มแข็งของเจ้าตัว  เอทัวล์ยิ้มรับก่อนที่จะเริ่มอธิบาย
แผนการของตนให้องค์หญิงผู้ดีแต่ก่อเรื่องฟัง  อเล็กซ์มองสภาพเบื้องหน้าด้วยอย่างยินดีในใจ
                    ของขวัญสิ่งเดียวที่เขาจะมอบให้ซาย่าในปีนี้คือการนำเธอกลับคืนสู่ที่ๆเธอควรจะอยู่  สิ่งที่เธอควรจะได้นี่แหละ  แต่
ตอนแรกเขายังไม่คิดถึงแผนการนักหรอก
                    เอทัวล์ไปทำอะไรกับเจ้าตัวถึงทำให้ซาย่าฮึดสู้ขึ้นมาถึงขนาดนั้นกันนะ  แต่ไม่บอกเขาก็พอจะเดาออก
                    แต่ถ้าซาย่ากลับคืนเป็นองค์หญิงที่ร้านนี้คงเงียบเหงาน่าดูสินะ
          คิดก่อนจะถอนหายใจเบาๆด้วยความรู้สึกแปลกๆบางอย่างภายในใจของตน  ซึ่งทำให้เพื่อนสาวทั้งคู่ของเขาหันกลับมา
มองด้วยความแปลกใจ  ทำให้เจ้าตัวต้องยิ้มแห้งๆกลับไป  ซึ่งทำให้คนหนึ่งมีสีหน้าแปลกใจกับอีกคนหัวเราะขบขันกับท่าทางของ
ชายหนุ่มที่มีความรู้สึกสับสนในใจก่อนจะเอ่ยปากขึ้น
          “นี่แน่ะ  ซาย่า  เธอลองไปฝึกฝีมือดาบกับอเล็กซ์อีกสิ  ถึงเธอจะฟันดาบได้ยอดเยี่ยมแล้ว  แต่เธอยังไม่เคยฝึกอย่างจริงจัง
กับอเล็กซ์เลยนี่”  คำพูดกลั้นหัวเราะดังขึ้นจากปากเอทัวล์  ทำให้ชายหนุ่มที่ถูกเอ่อยชื่อหันกลับไปมองเพื่อนสาวที่ดีแต่วางแผนให้
คนอื่นด้วยความตกใจระคนเคืองเล็กน้อย  แต่ในเมื่อสายตาอีกคู่จ้องมองอย่างสนใจจึงทำอะไมากไม่ได้นอกจากแยกเขี้ยวขาวใส่เ
จ้าตัวเล็กน้อย  ก่อนจะถูกซาย่าลากออกไปพร้อมกับหยิบดาบอาวุธคู่ใจของเธออออกไปด้วย
          เดินออกไปจนถึงลานกว้างที่พวกเธอเคยเอาไว้ฝึกดาบตั้งแต่สมัยเด็ก  ซาย่าชักดาบขึ้นจากฝักและยกขึ้นท้ากับอเล็กซ์ก่อน
จะแย้มยิ้มพร้อมขยับฝีปาก
          “ไม่ต้องออมมือหรอกนะ  อเล็กซ์  ตัดสินกันโดยกติกาเดิม”  คำพูดท้าเกินตัวดังออกมาจากปากสาวน้อยร่างบางที่ยกดาบ
เรียวบางจ่อไปที่หน้าชายหนุ่ม  เขาขยับรอยยิ้มก่อนเอามือปัดดาบออกและชักดาบของตนขึ้นเป็นการรับคำท้าสาวน้อยตรงหน้า 
โดยมีเอทัวล์ยืนเป็นคนดูและกรรมการอยู่ด้านนอกเขต
                    ฝีมือพัฒนาขึ้นเยอะเลย  และยังมีแววจะพัฒนาได้สูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆเสียอีก
          ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวของอเล็กซ์หลังจากประดาบไปสองสามครั้งกับสาวน้อยตรงหน้า  ถึงความแรงของตัวเธอจะ
มีมากสู้ตัวเขาไม่ได้  แต่ความเร็วของร่าวเพรียวบางนั้นมีมากกว่าตัวเขาเอง  แถมไม่ตกลงง่ายๆเสียด้วย  ที่ผ่านเขายังทำได้เป็น
เพียงแค่ฝ่ายรับเท่านั้น  รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเจ้าหล่อนก่อนจะมีคำพูดดังแว่วเข้าหูของเขา
          “เป็นอะไรไปล่ะ  นักดาบฝีมือเยี่ยมพอที่จะเป็นราชองครักษ์ได้สบายๆ  หากไม่เอาจริงเดี๋ยวก็แพ้ฉันคนนี้หรอกนะ”  สิ้นคำ
พูดดาบในมือที่ดูบอบบางแต่เข้มแข็งนั้นก็ฟาดลงมาหาเขาอีก  ถึงเขาจะรับได้หวุดหวิดแต่ก็พลันมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของ
ตน
                    นั่นสิ หากไม่เอาจริงแล้วจะทำให้สาวน้อยตรงหน้าเขาบรรลุตามจุดประสงค์ของเจ้าหล่อนได้อย่างไร
          เขาเริ่มจับกระชับดาบให้แน่นยิ่งขึ้น  เมื่ออีกฝ่ายเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มหวานอย่างถูกใจ    หลังจากนี้การต่อสู้ที่เอาจริงเอาจังจะ
เริ่มขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว  ดาบในมือของฝ่ายชายเริ่มฟาดลงอย่างรวดเร็วและตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น  ถ้าซาย่าไม่ใช้ความเร็วที่ยิ่ง
กว่าของเธอหลบล่ะก็คงได้เจ็บตัวเพราะดาบเล่มใหญ่นั้นแน่  แต่ยิ่งอีกฝ่ายเอาจริงมากเท่าไรยิ่งเร่งเร้าให้เธอที่ไม่ชอบยอมแพ้ใคร
อยากเอาชนะคนที่อยู่ตรงหน้านี้มากขึ้น  ดาบด้ามเรียวเล็กถูกฟาดลงไปปะทะกับดาบใหญ่ด้านหน้า  ทำให้ฝ่ายรับถอยไปเล็กน้อย
ก่อนที่จะฟันกลับไปที่ร่างตรงหน้า  ซึ่งควรจะโดนตรงๆหากในเสี้ยววินาทีสุดท้ายเขาไม่ชะงักมือหยุดไปชั่วครู่เนื่องด้วยเกรงใจเจ้า
ของร่างเบื้องหน้า  และด้วยความเร็วของเธอทำให้ในชั่วพริบตานั้นเธอหลบและเข้ามาอยู่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้  ดาบเรียว
บางถูกทาบที่ต้นคอชายหนุ่ม  ทำอะไรไม่ได้เพราะผลการตัดสินเห็นอยู่เบื้องหน้า
                    เผลอประมาทไปจนได้สิน่า
          แล้วเสียงหวานใสแสดงถึงความไม่พอใจก็ดังขึ้นมาจากปากสาวน้อยที่เอาดาบทาบคอชายหนุ่มไว้
          “นายชะงักการลงดาบเมื่อครั้งสุดท้ายทำไม  กลัวฉันจะหลบไม่ได้หรือไง  ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องการให้ออมมือให้
น่ะ  ชนะด้วยการออมมือมันไม่ทำฉันดีใจหรอกนะ”  พูดจบเธอก็เอาดาบที่ทาบอยู่นั้นออกไปและเก็บลงฝักดาบข้างตัว  ก่อนที่เจ้า
ตัวจะหันมาเผชิญหน้าชายหนุ่มคู่ต่อสู้เมื่อครู่และเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
          “พรุ่งนี้มาฝึกดาบกันใหม่ด้วย  แล้วคราวนี้ต้องไม่มีคำว่าออมมือให้ฉันแล้วนะ”  คำพูดนี้ทำให้ชายหนุ่มคนเดียวในที่นั้น
สะดุ้งโหยงสุดตัวก่อนหันไปยิ้มแห้งๆกับกรรมการยืนดูการต่อสู้เมื่อครู่อย่างขอความช่วยเหลือ  แต่เจ้าเพื่อนสาวตัวดีของเขาคนนั้น
กลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางขยับริมฝีปากให้อ่านได้ว่า  เรื่องนี้จัดการเอาเองละกัน
                    เอาล่ะว้า เพื่อซาย่า  เพื่อแผนการในอีกสามวันข้างหน้า  เอาไงเอากัน
          คิดก่อนพยักหน้ารับคำสาวน้อยฝีมือดาบดีไม่สมตัวตรงหน้า  ทำให้เจ้าตัวยิ้มหวานออกมาเต็มที่ให้ตัวเขาใจเต้นก่อนจะสลัด
หัวไล่ความรู้สึกบ้าๆนี้ออกไปจากใจ  ซึ่งทำให้คนที่ทำให้คนอื่นรู้สึกแปลกๆมองกลับมาด้วยสายตางุนงง  แต่อีกคนกลับหัวเราะออก
มาอย่างอดไม่ไหว
                    งานในอีกสามวันข้างหน้าจะเป็นตัวชี้ชะตาให้ตัวเธอแล้ว  ถ้าพลาดอย่างมากสุดก็ตาย ถ้าสำเร็จเธอก็ต้องกลับไปอยู่
อย่างที่เคยเป็น
          เจ้าตัวครุ่นคิดอย่างหนักตลอดทั้งสามวันที่เหลือ  ทั้งอยากและไม่อยากให้มันมาถึง  ยิ่งรู้ว่ามันใกล้มาเท่าไรในหัวก็แทบจะ
ระเบิดไปด้วยสาระพันความคิด  การฝึกดาบกับอเล็กซ์ก็พอให้ลืมเรื่องวุ่นๆในหัวไปได้ชั่วครู่เพราะต้องตั้งสมาธิกับมัน  แต่เธอ
พ่ายไม่เป็นท่าไปเสียหลายหนเพราะไอ้ความคิดบ้าๆแต่ละอย่างมันลอยเข้ามาในหัวนี่สิ
                    น่าเจ็บใจที่สุด
          จนในที่สุดวันนั้นก็มาถึงจนได้  ซาย่ามองสภาพรอบๆห้องของเธอที่ต่อจากนี้ไม่ว่าจะจุดจบจะลงเอยอย่างไรเธอก็คงไม่เห็น
อีกแล้ว    เมื่อลงมาข้างล่างเธอก็กอดกับป้าเมเรียร่ำลาด้วยความเศร้า  เมเรียน้ำตาคลอเบ้าระหว่างยืนส่งเธอออกจากบ้าน  เธอ
มองไปรอบๆ  สภาพเมืองเล็กๆที่ตอนนี้ประดับประดาไปด้วยธงทองริ้วแดงเพื่อสำหรับงานฉลองวันนี้  เธอวิ่งไปยังที่ๆเอทัวล์กับ
อเล็กซ์ยืนรอเธออยู่  และเร่งฝีเท้าตามทั้งคู่ไปตามถนนที่นำพวกเธอออกจากเมืองไฮบีซคัสและตรงเข้าสู่เมืองหลวง  ก่อนจะก้าว
ขาออกจากเมืองไปซาย่าได้หันกลับมามองเมืองนี้ด้วยความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
                    ลาก่อน เมืองที่เธออยู่มาตลอดสิบปี
          คิดได้แค่นี้เอทัวล์ก็ตะโกนเร่งเธอเสียแล้ว  จึงต้องรีบเร่งเดินทางเข้าตัวเมืองก่อนที่จะสายไปกว่านี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น