ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Princess of Rossignol

    ลำดับตอนที่ #3 : องค์หญิงจอมยุ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 47




              ซาย่าเดินออกมาจนถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่หลังบ้าน   เหลียวมองรอบตัวก่อนทิ้งตัวนั่งลงอย่างไม่ใส่ใจกับสิ่งใดอีกแล้ว   ดวง



    ตาสีฟ้าคู่นี้ยังฉายแววแห่งความหงุดหงิดอยู่ภายใน   ระหว่างที่เธอกำลังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปนั้นก็มีอะไรบางอย่างชื้นๆมา



    สัมผัสกับมือเธอ





              “หือ…  ลูริเองหรือ”  ซาย่าเอ่ยทักหมาขนาดกลางตัวหนึ่งที่กระดิกหางรับเมื่อได้ยินชื่อตัวจากปากเธอ   คนที่อารมณ์ดีขึ้นมา



    หน่อยจากการที่มีเพื่อนมาอยู่ด้วยเอามือเกาที่หลังหูอย่างที่มันชอบให้ทำประจำ







                        อีกไม่นานก็จะครบรอบอีกครั้งแล้วสินะ   วันที่แสนโหดร้ายเมื่อคราวนั้น…







              “ลูริว่าไหม  เอทัวล์นี่นิสัยไม่ดีเลย…” เสียงหวานใสเอ่ยพึมพำให้เจ้าหมาข้างกายได้ยิน   มันทำเพียงแค่กระดิกหางริกๆ



    เพราะเธอเกาหูได้ถูกที่คันเท่านั้น   แต่เสียงที่ดังขึ้นต่อจากนี้ได้ทำให้องค์หญิงปากดีสะดุ้งสุดตัว





              “ว่าฉันนิสัยไม่ดีงั้นเหรอ   งั้นเธอก็เป็นสุดยอดแห่งเด็กเอาแต่ใจตัวเองล่ะนะ”  เสียงเข้มๆดังมาจากด้านหลังของเธอ   ซาย่า



    กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากแล้วค่อยๆหันกลับไปหาอีกฝ่ายที่มาอยู่ด้านหลังโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยสักนิด     เจ้าตัวยิ้ม



    หวานอย่างเอาอกเอาใจไว้ก่อนทั้งๆที่ในใจหวาดหวั่นว่าจะโดนอะไรต่อไป  แต่ฝ่ายที่ถูกนินทาเมื่อครู่ไม่ได้ว่าอะไรหากแต่นั่งลง



    ข้างๆตัวเธอ





              “อเล็กซ์มาชวนไปเที่ยวงานในเมืองอีกสามวันข้างหน้าน่ะ   เธอสนใจจะไปไหม” คำถามหลุดออกมาจากปากเอทัวล์ที่ทำให้



    ซาย่าหันกลับไปมองคนด้านข้าง







                        ครั้งนี้จะมาไม้ไหนกันแน่







              “ไม่อยากไปหรือไง”  เอทัวล์ถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นฝ่ายถูกถามเงียบไป  ซาย่ายังคงเงียบต่อไปจนคนถามต้องหันมา



    ประเมินท่าทางของเธออีกครั้ง   หลังจากเห็นท่าทางของซาย่าเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยขึ้น





              “หรือเพราะเรื่องสมัยก่อน   ยังเป็นเด็กจริงๆด้วยนะเธอเนี่ย”  คำพูดนี้แทงใจตำของเด็กสาวด้านข้างเต็มที่  ซาย่าหันกลับ



    มาจ้องคนตรงข้างด้วยสายตาแห่งความโกรธ





              “มันจะเป็นเพราะอะไรก็เรื่องของฉัน  เธอไม่เกี่ยวนี่…” คนถูกอ่านใจจากกิริยาท่าทางเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้   ฝ่าย



    ถูกว่ากลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และยังคงพูดต่อไปอีก





              “งั้นเธอก็จะไปใช่ไหมล่ะ   งานในครั้งนี้น่ะ”  อีกฝ่ายก้มหน้างุดด้วยว่าติดกับของคนด้านข้างเข้าเต็มเปา  ก่อนจะ



    ประกาศกร้าวขึ้นมาด้วยความโมโห





              “ไปสิ   ไปแน่   และไม่ใช่แค่ไปเที่ยวงานเท่านั้นนะ   ฉันจะลอบเข้าวังไปด้วย”  สิ้นคำประกาศของซาย่า  เอทัวล์หันกลับไป



    มองเธออย่างไม่เชื่อหู   ซาย่าเองก็ดูตกใจกับคำประกาศเมื่อครู่ของเธอ







                        ตายล่ะ   เล่นประกาศไปอย่างนี้  แล้วจะทำอย่างไรดี





                        ซวยแล้วไหมล่ะ   พูดออกไปไม่ทันคิดแท้ๆ   เพราะใครบางคนก็ไม่รู้มาพูดยั่วให้เธอโกรธ







              เอทัวล์ยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น   ยิ่งทำให้ซาย่ารู้สึกแย่ขึ้นไปอีก  ก่อนที่เอทัวล์จะลุกขึ้นพร้อมกับถอนสายบัวให้กับเธอ



    พร้อมกับเอ่ยเบาๆด้วยว่าต้องการให้ซาย่าได้ยินเพียงคนเดียวเท่านั้น





              “ถวายพระพรองค์หญิงโซมารีนา เด  แซคซิฟริจ   ขอทรงสำเร็จกิจที่หวังไว้นะเพคะ”  เมื่อพูดจบก็เดินจากไปทิ้งให้ซาย่านั่ง



    กลุ้มกับสิ่งที่เธอประกาศดังออกไปเมื่อครู่





              “ลูริ  สรุปแล้วฉันคงเป็นคนปากเร็วที่สุดใช่ไหม”  องค์หญิงที่ตอนนี้นั่งกลุ้มอยู่เปรยคำถามให้หมาข้างกายเธอได้ยิน  ก่อนที่



    จะ…





              “โฮ่ง” ลูริเห่าตอบพร้อมกับกระดิกหาง   ทำให้คิ้วเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้ามันขมวดเข้าหากันเกือบจะทันทีก่อนพูดกลับไป “ไม่



    ต้องมาตอบรับคำฉันแบบนี้ก็ได้”  เจ้าหมายังคงกระดิกหางระริกระรี้อย่างน่าหมั่นไส้เหลือเกินสำหรับเธอ  ก่อนที่เธอจะอดใจไม่ไหว



    เอามือขยี้ไปบนหัวมันอย่างแรงก่อนจะลุกขึ้นแล้วปัดเศษหญ้าที่ติดกับชายกระโปรงของเธอแล้วเดินเข้าบ้านทั้งๆที่คิ้วทั้งคู่ยังคง



    ขมวดตึงเข้าหากัน   เมื่อเธอเดินกลับเข้าบ้านก็พบสีหน้าที่ยิ้มแย้มของอเล็กซ์กับเอทัวล์อยู่ด้านใน  สิ่งเหล่านี้ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิด



    ในใจของเธอขึ้นสูงจนถึงขีดสุด







                        ยิ้มอะไรกันหนักหนานะพวกนี้   น่าหมั่นไส้ชะมัดเลย   แย่ที่สุด







              “อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนี้สิ   ซาย่า  เอ๊ะ..ไม่ใช่สิ  ต้องอย่าทรงขมวดคิ้วเช่นนี้สิเพคะ  องค์หญิงโซมารีนา เด  



    แซคซิฟริจ”  คำพูดที่ยิ่งฟังยิ่งสะกิดอารมณ์หงุดหงิดของคนฟังให้เพิ่มสูงยิ่งขึ้น  เจ้าตัวคนพูดยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะหันไปคุย



    อะไรบางอย่างกับชายหนุ่มเพียงคนเดียวในนั้น   ซึ่งถึงตอนนี้ซาย่าก็ไม่ได้สนใจจะฟังอะไรแล้ว  เธอรีบเดินตรงไปยังบันไดหมายจะ



    รีบขึ้นห้องของตนโดยเร็วที่สุด  แต่ก่อนที่เท้าของสาวน้อยจะก้าวไปถึงบันไดนั้น  มือใครบางคนในที่นั้นก็คว้าหมับไปที่ไหล่ของเธอ



    เสียก่อน





              “จะไปไหน   คนเค้าอุตส่าห์ช่วยวางแผนให้อยู่แท้ๆ   เป็นตัวต้นเรื่องหัดยืนฟังให้จบเสียบ้าง”  เสียงเอทัวล์ดังขึ้นพาให้เจ้าตัว



    องค์หญิงจอมก่อเรื่องสังหรณ์ใจถึงคำพูดที่อีกฝ่ายบอก







                        แผน…??   อะไรกันอีกล่ะเนี่ย…  คงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องบ้าๆเมื่อครู่หรอกนะ…







              เธอแอบหวังอยู่ในใจก่อนจะหันหน้ากลับไปเผชิญกับคนวางแผนที่ยังคงเอามือจับอยู่ที่ไหล่  เอทัวล์ยิ้มให้แต่ในความรู้สึก



    ของเธอตอนนี้รู้สึกเหมือนรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยเล่ห์กลอย่างไรชอบกล





              “แผนอะไรล่ะ…”  ลองถามออกไปทั้งๆที่เจ้าตัวก็พอจะเดาออกได้ลางๆ  เอทัวล์ยิ้มรับด้วยรอยยิ้มที่พาเอาองค์หญิงแสนยุ่ง



    องค์นี้ขนลุกขึ้นมาทันทีก่อนที่จะเอ่ยตอบคำถาม





              “ก็แผนส่งองค์หญิงจอมวุ่นองค์นี้เข้าไปในวังไงล่ะ” คำตอบที่พาเอาหัวใจเต้นแรงก่อนจะร้องตะโกนออกไป





              “หา…!!”  เจ้าตัวต้นเรื่องยังไม่ยอมทำความเข้าใจ  แถมยังหน้ามุ่ยขึ้นกว่าเดิมเสียอีก





              “มาหาเหออะไรอีกเล่า   งานคราวนี้น่ะเหมาะที่จะลงมือที่สุดแล้วนะ   หรือเธอไม่อยากจะหาตัวคนที่แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไป



    จากเธอเมื่อคราวนั้นหรือไงกัน”  เอทัวล์พูดแหย่เธอเข้าอีกจนได้  เจ้าตัวแยกเขี้ยวกลับไปพลางครุ่นคิดอย่างหนัก







                        ไอ้อยากจะไปหาตัวคนคนนั้นน่ะก็อยากอยู่หรอก   จะได้ถึงเวลาล้างแค้นอย่างสาสมกับสิ่งที่มันทำไว้กับเธอ   แต่อีก



    ใจหนึ่ง…





                        หากพลาดขึ้นมา   กลัวตายงั้นหรือ…??





                        ไม่สิ….ความจริงเธอน่าจะตายไปตั้งแต่ในกบฏเมื่อสิบปีที่แล้วมากกว่า…ถ้าพ่อเธอไม่ผลักเธอตกลงจากหน้าผาเพื่อ



    ให้พ้นเงื้อมือคนใจโหดครั้งนั้น





                        แต่…เธอรู้สึกไม่อยากกลับคืนสู่ฐานันดรของเธอเท่าไรนัก   เธอชอบชีวิตที่สุขสงบอย่างธรรมดาในเมืองนี้มากกว่าที่



    จะต้องกลับไปอยู่ในวัง  





                        กลับไปอยู่อย่างสบายแต่โดดเดี่ยวไร้ซึ่งคนยืนเคียงข้างด้วยใจจริง…





                        เหงา…??





                        ก็คงแบบนั้น  ถ้ากลับไปเธอคงไม่ได้มีโอกาสที่จะมาที่นี่อีก…







              คิดพลางถอนใจมองภาพเบื้องหน้า  บ้านร้านอาหารเล็กๆที่เธออยู่มาตลอดสิบปี  มันถึงเวลาที่จวนจะต้องบอกลาสภาพที่นี่



    แล้วหรืออย่างไรกัน  ก่อนจะหันหน้าไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างกายทั้งคู่  ก่อนจะเงยหน้า  ดวงตาสีฟ้าคู่นี้ซึ่งบัดนี้มีแววมุ่งมั่นเข้ามาแทนที่





              “เอา…บอกมาสิ  แผนของเธอน่ะ” เสียงหวานใสที่แฝงไปด้วยความเข้มแข็งของเจ้าตัว   เอทัวล์ยิ้มรับก่อนที่จะเริ่มอธิบาย



    แผนการของตนให้องค์หญิงผู้ดีแต่ก่อเรื่องฟัง   อเล็กซ์มองสภาพเบื้องหน้าด้วยอย่างยินดีในใจ







                        ของขวัญสิ่งเดียวที่เขาจะมอบให้ซาย่าในปีนี้คือการนำเธอกลับคืนสู่ที่ๆเธอควรจะอยู่  สิ่งที่เธอควรจะได้นี่แหละ   แต่



    ตอนแรกเขายังไม่คิดถึงแผนการนักหรอก





                        เอทัวล์ไปทำอะไรกับเจ้าตัวถึงทำให้ซาย่าฮึดสู้ขึ้นมาถึงขนาดนั้นกันนะ   แต่ไม่บอกเขาก็พอจะเดาออก…





                        แต่ถ้าซาย่ากลับคืนเป็นองค์หญิงที่ร้านนี้คงเงียบเหงาน่าดูสินะ







              คิดก่อนจะถอนหายใจเบาๆด้วยความรู้สึกแปลกๆบางอย่างภายในใจของตน   ซึ่งทำให้เพื่อนสาวทั้งคู่ของเขาหันกลับมา



    มองด้วยความแปลกใจ  ทำให้เจ้าตัวต้องยิ้มแห้งๆกลับไป   ซึ่งทำให้คนหนึ่งมีสีหน้าแปลกใจกับอีกคนหัวเราะขบขันกับท่าทางของ



    ชายหนุ่มที่มีความรู้สึกสับสนในใจก่อนจะเอ่ยปากขึ้น





              “นี่แน่ะ   ซาย่า  เธอลองไปฝึกฝีมือดาบกับอเล็กซ์อีกสิ   ถึงเธอจะฟันดาบได้ยอดเยี่ยมแล้ว  แต่เธอยังไม่เคยฝึกอย่างจริงจัง



    กับอเล็กซ์เลยนี่”  คำพูดกลั้นหัวเราะดังขึ้นจากปากเอทัวล์   ทำให้ชายหนุ่มที่ถูกเอ่อยชื่อหันกลับไปมองเพื่อนสาวที่ดีแต่วางแผนให้



    คนอื่นด้วยความตกใจระคนเคืองเล็กน้อย   แต่ในเมื่อสายตาอีกคู่จ้องมองอย่างสนใจจึงทำอะไมากไม่ได้นอกจากแยกเขี้ยวขาวใส่เ



    จ้าตัวเล็กน้อย   ก่อนจะถูกซาย่าลากออกไปพร้อมกับหยิบดาบอาวุธคู่ใจของเธออออกไปด้วย





              เดินออกไปจนถึงลานกว้างที่พวกเธอเคยเอาไว้ฝึกดาบตั้งแต่สมัยเด็ก   ซาย่าชักดาบขึ้นจากฝักและยกขึ้นท้ากับอเล็กซ์ก่อน



    จะแย้มยิ้มพร้อมขยับฝีปาก





              “ไม่ต้องออมมือหรอกนะ  อเล็กซ์   ตัดสินกันโดยกติกาเดิม”  คำพูดท้าเกินตัวดังออกมาจากปากสาวน้อยร่างบางที่ยกดาบ



    เรียวบางจ่อไปที่หน้าชายหนุ่ม  เขาขยับรอยยิ้มก่อนเอามือปัดดาบออกและชักดาบของตนขึ้นเป็นการรับคำท้าสาวน้อยตรงหน้า  



    โดยมีเอทัวล์ยืนเป็นคนดูและกรรมการอยู่ด้านนอกเขต







                        ฝีมือพัฒนาขึ้นเยอะเลย  และยังมีแววจะพัฒนาได้สูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆเสียอีก







              ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวของอเล็กซ์หลังจากประดาบไปสองสามครั้งกับสาวน้อยตรงหน้า   ถึงความแรงของตัวเธอจะ



    มีมากสู้ตัวเขาไม่ได้   แต่ความเร็วของร่าวเพรียวบางนั้นมีมากกว่าตัวเขาเอง  แถมไม่ตกลงง่ายๆเสียด้วย  ที่ผ่านเขายังทำได้เป็น



    เพียงแค่ฝ่ายรับเท่านั้น  รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเจ้าหล่อนก่อนจะมีคำพูดดังแว่วเข้าหูของเขา





              “เป็นอะไรไปล่ะ   นักดาบฝีมือเยี่ยมพอที่จะเป็นราชองครักษ์ได้สบายๆ  หากไม่เอาจริงเดี๋ยวก็แพ้ฉันคนนี้หรอกนะ”  สิ้นคำ



    พูดดาบในมือที่ดูบอบบางแต่เข้มแข็งนั้นก็ฟาดลงมาหาเขาอีก  ถึงเขาจะรับได้หวุดหวิดแต่ก็พลันมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของ



    ตน







                        นั่นสิ…หากไม่เอาจริงแล้วจะทำให้สาวน้อยตรงหน้าเขาบรรลุตามจุดประสงค์ของเจ้าหล่อนได้อย่างไร







              เขาเริ่มจับกระชับดาบให้แน่นยิ่งขึ้น   เมื่ออีกฝ่ายเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มหวานอย่างถูกใจ     หลังจากนี้การต่อสู้ที่เอาจริงเอาจังจะ



    เริ่มขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว  ดาบในมือของฝ่ายชายเริ่มฟาดลงอย่างรวดเร็วและตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น  ถ้าซาย่าไม่ใช้ความเร็วที่ยิ่ง



    กว่าของเธอหลบล่ะก็คงได้เจ็บตัวเพราะดาบเล่มใหญ่นั้นแน่  แต่ยิ่งอีกฝ่ายเอาจริงมากเท่าไรยิ่งเร่งเร้าให้เธอที่ไม่ชอบยอมแพ้ใคร



    อยากเอาชนะคนที่อยู่ตรงหน้านี้มากขึ้น  ดาบด้ามเรียวเล็กถูกฟาดลงไปปะทะกับดาบใหญ่ด้านหน้า   ทำให้ฝ่ายรับถอยไปเล็กน้อย



    ก่อนที่จะฟันกลับไปที่ร่างตรงหน้า  ซึ่งควรจะโดนตรงๆหากในเสี้ยววินาทีสุดท้ายเขาไม่ชะงักมือหยุดไปชั่วครู่เนื่องด้วยเกรงใจเจ้า



    ของร่างเบื้องหน้า  และด้วยความเร็วของเธอทำให้ในชั่วพริบตานั้นเธอหลบและเข้ามาอยู่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้  ดาบเรียว



    บางถูกทาบที่ต้นคอชายหนุ่ม  ทำอะไรไม่ได้เพราะผลการตัดสินเห็นอยู่เบื้องหน้า







                        เผลอประมาทไปจนได้สิน่า…







              แล้วเสียงหวานใสแสดงถึงความไม่พอใจก็ดังขึ้นมาจากปากสาวน้อยที่เอาดาบทาบคอชายหนุ่มไว้





              “นายชะงักการลงดาบเมื่อครั้งสุดท้ายทำไม   กลัวฉันจะหลบไม่ได้หรือไง  ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องการให้ออมมือให้



    น่ะ   ชนะด้วยการออมมือมันไม่ทำฉันดีใจหรอกนะ”  พูดจบเธอก็เอาดาบที่ทาบอยู่นั้นออกไปและเก็บลงฝักดาบข้างตัว  ก่อนที่เจ้า



    ตัวจะหันมาเผชิญหน้าชายหนุ่มคู่ต่อสู้เมื่อครู่และเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง





              “พรุ่งนี้มาฝึกดาบกันใหม่ด้วย   แล้วคราวนี้ต้องไม่มีคำว่าออมมือให้ฉันแล้วนะ”  คำพูดนี้ทำให้ชายหนุ่มคนเดียวในที่นั้น



    สะดุ้งโหยงสุดตัวก่อนหันไปยิ้มแห้งๆกับกรรมการยืนดูการต่อสู้เมื่อครู่อย่างขอความช่วยเหลือ  แต่เจ้าเพื่อนสาวตัวดีของเขาคนนั้น



    กลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางขยับริมฝีปากให้อ่านได้ว่า  เรื่องนี้จัดการเอาเองละกัน







                        เอาล่ะว้า…เพื่อซาย่า  เพื่อแผนการในอีกสามวันข้างหน้า  เอาไงเอากัน…







              คิดก่อนพยักหน้ารับคำสาวน้อยฝีมือดาบดีไม่สมตัวตรงหน้า  ทำให้เจ้าตัวยิ้มหวานออกมาเต็มที่ให้ตัวเขาใจเต้นก่อนจะสลัด



    หัวไล่ความรู้สึกบ้าๆนี้ออกไปจากใจ  ซึ่งทำให้คนที่ทำให้คนอื่นรู้สึกแปลกๆมองกลับมาด้วยสายตางุนงง  แต่อีกคนกลับหัวเราะออก



    มาอย่างอดไม่ไหว







                        งานในอีกสามวันข้างหน้าจะเป็นตัวชี้ชะตาให้ตัวเธอแล้ว  ถ้าพลาดอย่างมากสุดก็ตาย ถ้าสำเร็จเธอก็ต้องกลับไปอยู่



    อย่างที่เคยเป็น







              เจ้าตัวครุ่นคิดอย่างหนักตลอดทั้งสามวันที่เหลือ  ทั้งอยากและไม่อยากให้มันมาถึง   ยิ่งรู้ว่ามันใกล้มาเท่าไรในหัวก็แทบจะ



    ระเบิดไปด้วยสาระพันความคิด   การฝึกดาบกับอเล็กซ์ก็พอให้ลืมเรื่องวุ่นๆในหัวไปได้ชั่วครู่เพราะต้องตั้งสมาธิกับมัน   แต่เธอ



    พ่ายไม่เป็นท่าไปเสียหลายหนเพราะไอ้ความคิดบ้าๆแต่ละอย่างมันลอยเข้ามาในหัวนี่สิ







                        น่าเจ็บใจที่สุด…







              จนในที่สุดวันนั้นก็มาถึงจนได้  ซาย่ามองสภาพรอบๆห้องของเธอที่ต่อจากนี้ไม่ว่าจะจุดจบจะลงเอยอย่างไรเธอก็คงไม่เห็น



    อีกแล้ว    เมื่อลงมาข้างล่างเธอก็กอดกับป้าเมเรียร่ำลาด้วยความเศร้า   เมเรียน้ำตาคลอเบ้าระหว่างยืนส่งเธอออกจากบ้าน   เธอ



    มองไปรอบๆ  สภาพเมืองเล็กๆที่ตอนนี้ประดับประดาไปด้วยธงทองริ้วแดงเพื่อสำหรับงานฉลองวันนี้   เธอวิ่งไปยังที่ๆเอทัวล์กับ



    อเล็กซ์ยืนรอเธออยู่   และเร่งฝีเท้าตามทั้งคู่ไปตามถนนที่นำพวกเธอออกจากเมืองไฮบีซคัสและตรงเข้าสู่เมืองหลวง   ก่อนจะก้าว



    ขาออกจากเมืองไปซาย่าได้หันกลับมามองเมืองนี้ด้วยความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย







                        ลาก่อน…เมืองที่เธออยู่มาตลอดสิบปี







              คิดได้แค่นี้เอทัวล์ก็ตะโกนเร่งเธอเสียแล้ว  จึงต้องรีบเร่งเดินทางเข้าตัวเมืองก่อนที่จะสายไปกว่านี้



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×