ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ร้านอาหารยูโทเปีย
                    ที่นี่ที่ไหนกัน  ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างมันมืดไปหมดเลย
          สาวน้อยจ้องมองหาแสงสว่างที่จะทำให้เธอสามารถมองสิ่งต่างๆในความมืดมิดนี้ได้  ทันใดนั้นเบื้องหน้าของเธอก็มีภาพ
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งหนีอะไรบางอย่างเข้ามา  มือของเขากุมมือเด็กน้อยซึ่งวิ่งอย่างเต็มฝีเท้าตามมาด้วย  เบื้องหลังเขามีแสง
ประกายวาวขึ้นมาและมีเสียงอะไรบางอย่างแหวกผ่านอากาศลงมาลงมาที่กลางหลังชายผู้นั้น
          “ฉั๊วะ !!”  ชายคนนั้นชะงักงันไปชั่วครู่ก่อนที่จะค่อยๆทรุดล้มลงกับพื้น  ลมหายใจรวยรินบ่งบอกถึงความตายที่คืบคลานเข้า
มาใกล้ทุกขณะจิต  แต่เขายังคงใช้พลังเฮือกสุดท้ายผลักเด็กหญิงตกลงหน้าผาเบื้องหน้าไป  ด้านหลังชายหนุ่มผู้ลงดาบเมื่อครู่ก้าว
เข้ามาพร้อมกับเงื้อดาบขึ้นสูงก่อนจะแทงอีกร่างให้หมดลมหายใจ
          “เสด็จพ่อ !!!”  เสียงตะโกนดังไปทั่วห้องนอนชั้นสองของร้านอาหารยูโทเปียแห่งเมืองไฮบีซคัส  สาวน้อยเจ้าของเสียงนั่ง
หอบอยู่บนเตียงของตน  ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกับความฝันเมื่อครู่  เหงื่อกาฬไหลเต็มทั่วใบหน้า  แต่ก่อนที่เธอจะได้ทัน
คิดอะไรไปกว่านั้นก็มีน้ำสาดโครมเข้าหาเธอเต็มๆ  เธอมองหาที่มาของน้ำผ่านปอยผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ  ที่ประตูห้องนั้นมี
หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่พร้อมกับถังน้ำในมือ  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเจ้าหล่อนบ่งบอกถึงความระอาเต็มทน  ซึ่งตอนนี้สาวน้อยใน
ชุดที่เปียกชุ่มเพราะน้ำในถังนั้นก้าวลงจากเตียงและจ้องมองมาที่หล่อนด้วยสายตาที่มีแววแห่งความไม่พอใจฉายชัด
          “เอทัวล์  เธอทำอะไรของเธอน่ะ”  เสียงหวานใสที่แฝงไปด้วยอารมณ์โกรธเอ่ยถามบุคคลที่ทำให้ตัวเธอต้องอยู่ในสภาพเช่น
นี้  อีกฝ่ายเอามือปัดเล่นผมสีทองของตนอย่างไว้ท่าก่อนที่จะตอบกลับไป
          “ก็ใครไม่รู้  นอนไม่ยอมตื่น  แถมยังตะโกนอะไรลั่นห้องอีก  นี่น่ะตะวันโด่งแล้วนะ  รีบๆแต่งตัวแล้วลงไปช่วยงานด้านล่าง
ได้แล้ว”  เมื่อพูดจบก็เดินออกจากห้องไป  ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนอารมณ์เสียเนื่องด้วยเถียงไม่ขึ้นก่อนที่จะหันไปเก็บข้าวของและเปลี่ยน
เสื้อเตรียมลงไปช่วยงานร้านอาหารด้านล่าง
          ร้านอาหารยูเทเปียเป็นร้านอาหารขนาดเล็กแต่ขึ้นชื่อของเมืองไฮบีซคัส  เจ้าของร้านเป็นหญิงสาววัยกลางคนชื่อเม
เรีย  เธอเป็นคนอัธยาศัยดีทุกๆคนจึงชอบที่จะมาทานอาหารที่นี่  เธอมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนซึ่งนั่นก็คือเอทัวล์นั่นเอง  สามีของเธอ
เสียไปนานแล้ว  ส่วนสาวน้อยอีกคนที่อาศัยอยู่กับเธอที่ทุกๆคนรู้กันว่าเป็นหลานสาวคนหนึ่งของเธอ
          “เอ้า  ซาย่าจ๊ะ  ช่วยเอาถาดนี้ไปเสิร์ฟที่โต๊ะเจ็ดทีนะจ๊ะ”  เมเรียพูดกับสาวน้อยตรงหน้าที่ตอนนี้ลงมาช่วยงานเรียบร้อย
แล้ว  ผมของเธอถูกรวบไว้ด้านหลังเพื่อให้สะดวกในการทำงาน  เมื่อซาย่ารับถาดเดินไปลูกค้าที่อยู่โต๊ะใกล้ๆกันนั้นก็พูดขึ้นว่า
          “หนูซาย่านี่เป็นเด็กดีจังนะคะ  ช่วยงานตั้งหลายอย่าง  เอทัวล์เองก็เป็นเด็กดี  ทั้งคู่ต้องช่วยบริหารงานร้านในอนาคตได้ดี
เยี่ยมแน่ๆค่ะ”  เมเรียยิ้มรับกับคำพูดนี้  และเธอก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งตั้งแต่ซาย่าเข้ามาอยู่ที่นี่ 
          เรื่องมันผ่านไปราวๆสิบปีได้แล้ว  ตั้งแต่เมื่อครั้งที่สามีของเธอนำเด็กหญิงที่ตกลงมาจากหน้าผามาที่บ้าน  น่าแปลกที่ตาม
เนื้อตัวเธอไม่มีบาดแผลแสดงถึงว่าตกลงมาจากหน้าผาที่สูงออกปานนั้นให้เห็นเลย  แต่มานึกดูตอนนี้ก็ไม่แปลกถ้าเป็นซาย่า  ต่อ
ให้บาดเจ็บเพียงใดบาดแผลนั้นจะหายได้รวดเร็วเสมอ  เด็กน้อยที่ยืนสะอื้นไห้ตลอดคนนั้นใส่เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นไปบ้างจากการเกี่ยว
กระแทกแต่ก็ยังบ่งบอกว่าเป็นอาภรณ์อย่างดี  มีแม้กระทั่งตราของราชวงศ์พกซ่อนอยู่ด้านในเสื้อของเธอ  จนถึงวันนี้เด็กหญิงคน
นั้นเติบโตขึ้นกลายเป็นสาวน้อยน่ารักอยู่ตรงนี้
          “คุณเมเรียคะ  อีกสามวันก็จะถึงงานฉลองครบรอบการครองราชย์ขององค์กษัตริย์แล้วนะคะ”  ลูกค้าคนเดิมพูดขึ้น  เมเรีย
พยักหน้ารับรู้คำพูดนั้น  “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ  ว่าตั้งแต่กบฏเมื่อครั้งนั้นก็ผ่านมาสิบปีแล้ว  แต่กษัตริย์องค์นี้ก็ครองราชย์ด้วยดีนะ
คะ  ไม่เรียกภาษีแพงด้วย  ดีสำหรับพวกเราจริงๆค่ะ”  น้ำเสียงชื่นชมด้วยความจริงใจ  แต่เมเรียนึกอยากให้ซาย่ายังไม่เดินเข้ามา
ฟังบทสนทนานี้
                    เธอจะนึกอย่างไรกัน  ในเมื่อกษัตริย์องค์ก่อนน่ะเป็นพ่อแท้ๆของเธอ
          “จะว่าไปนะคะ  ไม่รู้ว่าธิดาของกษัตริย์องค์ก่อนเป็นอย่างไรบ้าง  ฉันว่าเธอก็น่ารักดีแท้ๆ  ถึงแม้พ่อของเธอกษัตริย์องค์
ก่อนจะรีดไถภาษีมากไปหน่อย  แต่เธอยังเล็กอยู่แท้ๆ  ไม่น่าจะโดนเอี่ยวเข้าไปในการกบฏหนนั้นด้วยเลย  แต่เห็นว่าไม่มีการยืน
ยันว่าเธอตายจริงๆ  บางทีตอนนี้อาจจะเติบโตเป็นสาวอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้นะคะ  ว่าไหมคะคุณเมเรีย”  ลูกค้าช่างพูดคนนี้ยังคง
พูดต่อไปด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว  เมเรียพยักหน้ารับคำพร้อมกับรอยยิ้ม
                    แน่สิ  เติบโตเป็นสาวน้อยและน่ารักอีกด้วย  แถมยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนนี่แหละ  องค์หญิงรัชทายาทเพียงองค์เดียว
แห่งราชวงศ์แซคซิฟริจที่หายสาบสูญไปเมื่อครั้งกบฏเมื่อสิบปีที่แล้ว
          “คุณป้าเมเรียคะ  เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงหวานเอ่ยทักทำให้เมเรียตื่นจากภวังค์  เธอมองมาที่เจ้าของเสียงหวานใสที่
เอ่ยทักเธอเมื่อครู่  ซาย่ามีแววตาแปลกใจเมื่อเห็นเธอดูผิดปกติ  เมเรียยิ้มและเอ่ยบอกซาย่าว่า
          “ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ  ป้าเผลอหลับในไปหน่อยน่ะ  เราไปทำงานต่อดีกว่าเนอะ..”  ซาย่ายิ้มหวานรับคำพูดของเธอและนำถาด
อาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะอื่นต่อไป
                    องค์รัชทายาทเพียงองค์เดียวของราชวงศ์แซดซิฟริจ
                    เธอต้องทวงเอาบัลลังค์ของเธอคืนจากบุคคลที่แย่งเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากตัวเธอเมื่อสิบปีที่แล้ว
                    อีกไม่นานก็จวนถึงเวลาแล้ว
                    เวลาที่องค์หญิงจะต้องกลับคืนสู่สิ่งที่พระองค์ควรจะเป็น
          เมเรียคิดในใจ  ส่วนหนึ่งเธอก็ยินดีที่จะให้ซาย่ากลับคืนสู่สภาพเดิมของเธอ  นั่นก็คือองค์หญิงผู้สูงศักดิ์  แต่สิ่งที่สร้างความ
แปลกใจให้เจ้าตัวเล็กน้อยนั่นคือ  เธอรักซาย่าเช่นลูกแท้ๆของเธอ  ถ้าเธอต้องจากไปคืนสู่ฐานะเดิม  คงสร้างความเศร้าใจให้กับ
คนที่ยืนอยู่ตรงนี้แน่
          เย็นนั้น  เมื่อร้านอาหารชั้นล่างของบ้านได้ปิดลงแล้ว  ซาย่ากับเอทัวล์ต่างก็เก็บกวาดและจัดโต๊ะเก้าอี้ให้เข้าที่  ระหว่างที่
แต่ละคนกำลังทำงานของตนอยู่นั้น  เอทัวล์ก็เอ่ยถามซาย่าขึ้น
          “เมื่อเช้าเธอฝันถึงอะไรกันแน่  ซาย่า”  สิ้นเสียงคำถามซาย่าหันกลับไปมองบุคคลที่มีศักดิ์เป็นพี่เธอในที่นี้  ชั่งใจว่าควรจะ
ตอบกลับไปด้วยความเป็นจริงที่เป็นหรือไม่  คนถามเห็นเจ้าตัวเงียบไปจึงเงยหน้าจากงานที่ทำมามองท่าทีของเธอ  สายตา
จากดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีแววครุ่นคิดโดยการอ่านท่าทางของอีกฝ่าย  ก่อนที่ซาย่าจะได้เอ่ยปากตอบอะไรไปนั้น  ฝ่ายที่อ่านภาษา
ท่าทางของคนที่ยังไม่ตอบคำถามทะลุปรุโปร่งได้พูดขึ้นก่อน
          “ฝันเรื่องสมัยก่อนอีกแล้วล่ะหรือ  โธ่เอ๋ย  เด็กน้อย ” เจ้าหล่อนไม่พูดเฉยหากแต่ยังเดินตรงเข้ามากอดแล้วเอามือลูบๆ
หัวอีกฝ่ายที่ยังอ้ำอึ้งกับการกระทำนี้ก่อนที่จะรีบผลักพี่สาว(?!?)ออกไปอย่างแรงแล้วจ้องกลับไปด้วยแววตาไม่พอใจ
          “อย่าทำอย่างกับฉันเป็นเด็กทารกเช่นนี้สิ”  คำประกาศกร้าวดังขึ้นจากปากคนที่ถูกกระทำเมื่อครู่
          “มีแต่เด็กน้อยเท่านั้นแหละ  ที่ฝันร้ายแล้วร้องโยเยเสียงลั่นแบบนั้น”  อีกฝ่ายยังไม่ลดละ  การเถียงกันของสองพี่น้อง(?!?)คู่
นี้คงยืดยาวไปอีกนาน  และเนื่องด้วยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีไม้ถูพื้นเป็นอาวุธ(?!?)อยู่ในมือ  ฝ่ายที่เถียงแพ้นั้นเป็นฝ่ายที่จับไม้ขึ้นมา
สู้ก่อน  ไม้ถูพื้นในมือของซาย่าถูกจับกระชับและฟาดลงไปตรงที่ๆเอทัวล์ยืนอยู่
          “โป๊ก..!!”
                    เอ๋   โป๊กงั้นเหรอ ?
          เอทัวล์ที่หลบการโจมตีของซาย่าเมื่อครู่ทันหันกลับไปจ้องมองภาพด้านข้างตัวเธอด้วยความแปลกใจระคนตกใจเล็กน้อย 
เพราะไม้ถูพื้นที่ซาย่าตั้งใจจะฟาดลงมาหาเธอนั้น  ตอนนี้กลับถูกฟาดลงบนหัวสีทองเป็นประกายของชายหนุ่มผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่
เปิดประตูเข้ามา  เจ้าตัวคนฟาดเองก็ยืนชะงักงันตกใจนิ่งไปพักหนึ่ง  จ้องมองภาพบุคคลที่ถูกเธอน็อคลงไปกับพื้นเบื้องหน้า
          “อเล็กซ์..!!!”
==================================================
          “ความเย็นแห่งวารี  ความอ่อนโยนแห่งพฤกษา  ขอจงช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของบุคคลตรงหน้าด้วยเถิด”  สิ้นเสียงร่าย
เวทย์ของซาย่า  ก็บังเกิดแสงสว่างเรืองรองห่อหุ้มร่างกายของชายหนุมที่สลบไปด้วยแรงฟาดเมื่อครู่  เอทัวล์จ้องมองภาพตรงหน้า
ด้วยความเฉยชินเสียแล้ว
                    เวทย์แห่งการรักษาเป็นสิ่งแสดงว่าเป็นสายตรงของเหล่าราชวงศ์แซคซิฟริจ
                    เวทย์ที่ไม่มีผู้อื่นใช้ได้อีกในรอซินยอลนี้
                    แต่ทุกสิ่งทุกอย่างของซาย่าถูกเก็บเป็นความลับอย่างสุดยอด  มีเพียงน้อยคนที่จะรู้ที่มาที่ไปของเธอ  สำหรับที่เมืองนี้
มีเพียงแค่พ่อแม่ของเธอ  ตัวเธอเอง  และชายหนุ่มที่ถูกน็อคอยู่
          เมื่อแสงเรืองที่ห่อหุ้มร่างเบื้องหายไปพร้อมกับนำรอยแผลที่ศีรษะหายไปด้วย  เจ้าตัวค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วเอามือคลำ
บริเวณท้ายทอยป้อยๆ  ดวงตาคู่เขียวมรกตฉายแววแห่งความสงสัยเล็กน้อยและครุ่นคิดเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ก่อนพูดขึ้น
          “ซาย่าครับ  ไม่น่าเล่นแรงขนาดนี้เลยนะครับ” เสียงชายหนุ่มว่าตัดพ้อถึงการกระทำที่ทำให้เขาต้องเจ็บตัวเมื่อครู่ของเพื่อน
สาว  เจ้าตัวต้นเรื่องอึกอักอยู่ชั่วครู่ก่อนจะโยนความผิดให้เขา
          “เมื่อกี้ฉันตั้งใจจะให้เอทัวล์นี่  แล้วนายเข้ามารับเองทำไมล่ะ”  คนถูกโบ้ยความผิดให้สะดุ้งกับคำพูดนี้ก่อนหันมามองคนที่
แสร้งทำเป็นว่าตนเองไม่ผิด  เจ้าตัวยังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปก่อนความผิดจะถูกโยนระลอกสองให้คนที่เหลือในห้อง
          “แล้วเมื่อกี้เอทัวล์ก็หลบด้วย  ถ้าไม่หลบก็ไม่โดนอเล็กซ์หรอก”  คนที่ถูกโยนความผิดระลอกสองหันกลับมามององค์หญิง
ตัวดี
                    ถ้ายัยนี่กลับคืนเป็นองค์หญิงเมื่อไร มีหวังที่วังได้วุ่นตาย
          “ถ้าไม่หลบฉันก็โดนฟาดน่ะสิ  จะมีใครบ้าไปยืนรอรับไม้ที่ถูกฟาดมาเต็มแรงบ้างล่ะ”  คนถูกโบ้ยความผิดไม่ยอมรับข้อ
หา  คนถูกว่าเองก็ยังคงไม่ยอมรับผิดพูดย้อนกลับไป
          “ก็ อเล็กซ์ไง  มารอรับเต็มที่เลย”  คนโดนลูกหลงเมื่อครู่สะดุ้งสุดตัวกับคำพูดที่ลากเขาไปเอี่ยวอีกเข้าจนได้ก่อนจะส่าย
หัวด้วยความปลงตกกับนิสัยไม่ยอมแพ้ใครของเพื่อนของเขาคนนี้
          “นั่นเขาเปิดประตูเข้ามารับลูกหลงไปเต็มๆโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต่างหากล่ะ”  เอทัวล์ย้อนกลับ  อเล็กซ์ก็พยักหน้าหงึกหงัก
ด้วยว่าเห็นด้วย  ทิ้งให้คนก่อเรื่องฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งเนื่องด้วยเถียงไม่ขึ้น  ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์เสีย  ทิ้งให้สองคน
ที่เหลือนั่งถอนใจอยู่ในห้องอย่างรู้กันแล้วว่าต้องจบในรูปแบบนี้  ก่อนที่อเล็กซ์จะพูดทำลายความเงียบขึ้น
          “นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะครับ  ซาย่าเนี่ย..” อเล็กซ์เปรยขึ้นเบาๆ  เอทัวล์หันกลับมามองเพื่อนชายของเธอชั่วครู่  ก่อนที่จะ
เอ่ยปากถามขึ้น
          “แล้วนายมาทำอะไรที่นี่น่ะ อเล็กซ์  คงไม่ได้มาเพียงเพื่อให้ซาย่าเอาไม้ฟาดใส่หัวแน่” คนถูกถามยิ้มในช่วงแรกของคำ
ถามแต่ก็ม่อยลงไปกับวรรคสุดท้าย  คนถามยังคงยิ้มที่มุมปากรอคอยคำตอบจากชายหนุ่ม  เขาถอนหายใจกับนิสัยของเพื่อนสาว
ทั้งคู่ของเขา
                    คนหนึ่งไม่ชอบยอมแพ้ใครง่ายๆ  กับอีกคนหนึ่งที่อ่านท่าทางของอีกฝ่ายได้ทะลุปรุโปร่งด้วยการมองเพียงแวบเดียว
          “ก็เรื่องงานฉลองในอีกสามวันข้างหน้าน่ะสิครับ  ทั้งคู่ไม่คิดจะเข้าไปเที่ยวในตัวเมืองบ้างหรอกหรือครับ”  สิ้นคำพูดของ
ชายหนุ่ม  สาวเจ้าจ้องมองหน้าคนตรงหน้าชั่วครู่ก่อนเอ่ยแหย่อีกฝ่ายเล่น
          “ทำไมนายไม่ไปชวนซาย่าเอาล่ะ”  เอทัวล์กล่าวยิ้มๆก่อนจะนั่งดูหน้าชายหนุ่มที่ค่อยๆเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเรื่อๆ  ก่อนที่เจ้า
ตัวจะรีบดึงสติกลับมาและพูดต่อ
          “อย่ามาล้อเล่นแบบนั้นสิครับ  ผมตั้งใจจะชวนพวกเธอไปทั้งคู่นั่นแหละ  แต่สำหรับซาย่าวันนั้นออกจะเป็นวันครบรอบใน
หลายๆเรื่องของเธอ”  เอทัวล์มองหน้าอีกฝ่ายและนึกทบทวนคำพูด
                    วันฉลองครบรอบการครองราชย์ของกษัตริย์องค์ปัจจุบันนี้  นั่นหมายถึงวันครบรอบการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์องค์
ก่อนซึ่งเป็นพ่อของซาย่าด้วย
                    และยิ่งกว่านั้นยังเป็นวันครบรอบวันเกิดของเจ้าตัวเสียด้วย  กบฏเมื่อสิบปีก่อนเลือกเอาวันฉลองครบรอบราชสมภพ
ของเธอเองด้วย
          “ผมตั้งใจแค่ว่าจะชวนไปเดินเที่ยวงานเท่านั้น  แต่ไม่รู้ว่าซาย่าจะยอมออกไปเที่ยวด้วยกับพวกเราหรือไม่  ก็เลยบอกพี่สาว
ที่แสนดีก่อนนี่ไงครับ” เจ้าตัวพูดพร้อมกับยิ้มให้พี่สาวที่แสนดีคนนั้นค้อนขวับเข้าให้ก่อนที่เอ่ยปากรับคำขึ้น
          “ได้  แล้วฉันจะทำให้ซาย่าตกลงใจไปเอง  คอยดูนะ” คำพูดมุ่งมั่นถูกเอ่ยขึ้นมาจากปากของหญิงสาวโดยที่ชายหนุ่มด้าน
ข้างงุนงงกับคำพูดที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวต้องการสื่อความหมายว่าอย่างไร  เขามองเพื่อนสาวของตนเองอย่างสงสัยว่าเธอมีแผนการณ์
อะไรในใจ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น