ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) BTS | KookV Yoonmin | Another World : Bleeding Heart #ฟิคต่างภพกุกวี

    ลำดับตอนที่ #6 : Another World : Bleeding Heart | Chapter 6 [100%] ♫

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.67K
      132
      9 ธ.ค. 61




    Another World : Bleeding Heart
    - Chapter 6 -


    แจ็กสันรู้สึกกระวนกระวายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เขาเดินไปเดินมารอบๆห้องเพื่อหาวิธีว่าทำไมเจเรมี่ถึงไม่ยอมตอบและไม่ยอมพูดอะไรด้วยเลย


    เขาทั้งพยายามเชื่อมต่อกับหูฟังอีกหลายๆครั้ง ทุกครั้งที่เขาทำนั้นก็ยังคงไม่ได้ยินเสียงของเจเรมี่ที่ดังเข้ามาเลย ถ้าหากคิดในแง่ดี เจเรมี่นั้นอาจจะกลัวจนเป็นลมไปเลยก็ได้


    แต่แล้วเขาเองก็นึกขึ้นมาได้ ว่าเจเรมี่นั้นเป็นแวมไพร์ที่กล้าหาญในระดับหนึ่ง ถึงไม่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตามหาวินเซนต์ไปเพียงคนเดียวในท่ามกลางความมืดและอันตรายรอบด้านแบบนี้หรอก


    เขารู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถห้ามเจเรมี่ที่ทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้ตั้งแต่แรก พลางตำหนิตนเองในใจว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้วินเซนต์และเจเรมี่นั้นขาดการติดต่อไป แล้วหลังจากนี้เขาควรที่จะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะว่าตอนนี้เขารู้แล้วว่าแวมไพร์กลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้แก่ไลแคนท์เสียแล้ว



    เสียหมากสำคัญไปสองรายแล้ว



    แจ็กสันรู้สึกอยู่ไม่สุขเป็นอย่างมาก จะยืนจะนั่งก็รู้สึกว่าเหมือนมีไฟมาแผดเผาร่างกายของเขาให้มอดไหม้แล้วกลายเป็นเถ้าธุลีสีดำที่ปลิดปลิวไปตามสายลม 


    "เราจะทำยังไงต่อไปดี วินเซนต์ก็ถูกจับตัวไป แล้วเจเรมี่ก็ติดต่อไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น พวกไลแคนท์ฆ่าพวกเขาแล้วเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก"


    ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความวิตกกังวลของแจ็กสันนั้นเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น เขาพยายามใช้ตำแหน่งของเทคโนโลยีในการตามหาตัวของแวมไพร์ทั้งสอง แต่ก็คว้าน้ำเหลวทุกครั้ง


    "ใช่แล้ว! เราแกะตำแหน่งของหูฟังเจเรมี่ก็ได้นี่!"


    เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเมื่อมีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในสมองของเขาอย่างรวดเร็ว แจ็กสันรีบนั่งหน้าจอคอมพ์อีกครั้งและลงน้ำหนักมือทั้งสิบนิ้วลงบนแป้นพิมพ์อย่างบ้าคลั่ง


    บนหน้าจอปรากฏแผนที่แห่งหนึ่งในลอนดอน จุดสีแดงซึ่งเป็นตำแหน่งของหูฟังได้ปรากฏอยู่ในแผนที่ด้วย แจ็กสันรีบซูมเข้าไปใกล้ๆและเปลี่ยนไปใช้ภาพของจริงแทน ภาพของมุมตึก ตรอก แสงไฟและฟุตบาธนั้นก็ได้ค่อยๆปรากฏออกมาอย่างช้าๆ


    เขารีบซูมเข้าไปดูในตรอกซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาและเจเรมี่ตรวจพบว่ามีร่อยรอยของไลแคนท์เช่นรอยเล็บตามผนัง แจ็กสันซูมไปเรื่อยๆและพบว่ามีรอยเลือดมากมายเลอะทั้งบนผนังและบนพื้นซีเมนต์อันเปียกชื้นเนื่องจากฝนตก รอยเลือดนั้นจากมากๆจนแทบดูไม่ออกว่าเป็นเลือดของใคร


    แจ็กสันกลืนน้ำลายหนึ่งครั้งเพื่อกลบความกลัวของตนเอง มือเองก็กดซูมเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาพบกับหูฟังสีขาวของเจเรมี่ที่ตกอยู่บนพื้น ในตอนแรกเขาเองก็คิดว่าร่างเล็กอาจจะทำตกเอาไว้ก็ได้ แต่เมื่อดูให้ดีๆแล้วมันกลับไม่ใช่ เพราะข้างๆหูฟังสีขาวนั้นมีรอยเท้าสีดำของไลแคนท์ และรอยเลือดจางๆปะปนอยู่ด้วย



    ตอนนี้เขาเชื่อเต็มอกเลยว่า เจเรมี่ถูกลักพาตัวไปอีกคนแล้ว



    "ไม่นะ! เจเรมี่!"



    อีกด้านหนึ่ง วินเซนต์ที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงและเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ยามราตรีกาลนั้นเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบมากที่สุด เพราะจะได้ไม่ต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดด ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด หากยี่สิบสี่ชั่วโมงนั้นมีแต่กลางคืนล่ะก็คงจะดีกว่านี้


    ร่างบางหวนคิดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าพวกเขาทั้งสองนั้นเคยรักกันมาก่อน อีกทั้งเป็นการรักข้ามสายพันธุ์ระหว่างแวมไพร์และไลแคนท์ คนตัวเล็กเองก็คิดในใจว่าทำไมถึงกลายเป็นเช่นนั้นไปได้ การรักข้ามสายพันธุ์นั้นเป็นเรื่องได้ยากมากจริงๆ



    เพราะตั้งแต่ที่เขาตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปหนึ่งร้อยปี เขาก็ไม่เชื่อเรื่องการรักข้ามสายพันธุ์อีกเลย แถมยังมองว่านั่นเป็นเรื่องผิดธรรมชาติอีกด้วย



    หรือสิ่งที่เขากำลังเชื่อนั้น มันกำลังทำร้ายเขาอยู่อ้อมๆกันแน่นะ



    "อะไรของเราเนี่ย จะเชื่อเรื่องรักข้ามสายพันธุ์ไปได้ยังไง มันผิดธรรมชาตินะ" ร่างบางยกมือขึ้นมานวดขมับขวาของตนเองเบาๆ พลางตำหนิตนเองในใจว่าทำไมถึงเริ่มเชื่อว่าการรักข้ามสายพันธุ์ระหว่างแวมไพร์และไลแคนท์นั้นมันเป็นไปได้ ทั้งๆที่มีใครสันคนหนึ่งกล่าวมาว่า



    ความรักไม่มีพรมแดน ไม่ได้เป็นตัวแบ่งว่าแวมไพร์และไลแคนท์รักกันไม่ได้



    วินเซนต์เองก็ต้องการที่จะรู้เรื่องราวทั้งหมดเองเช่นกัน ว่าสิ่งที่เจเดนพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แล้วเป็นเพราะเหตุใดเขาถึงหลับไปร้อยปีแล้วก็จำเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยสักนิด เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็ได้รับความทรงจำใหม่แล้วว่าเขาคือนักรบที่เก่งที่สุดของแวมไพร์เพียงเท่านั้น



    แต่ถ้าหากว่าเขามัวแต่หลบซ่อนอยู่แต่ในห้องนี้ เขาก็คงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น



    ร่างบางตัดสินใจที่จะหนีออกจากที่นี่ไปอย่างเงียบๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าการอยู่ที่นี่นั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย เขาต้องค้นหาความจริงทั้งหมดว่าเรื่องราวที่มาที่ไปนั้นเป็นอย่างไรบ้าง นี่มันไม่ใช่สำหรับตัวเขาเอง แต่เป็นตัวเจเดนอีกด้วย


    เขาไม่ใช่แวมไพร์อ่อนปวกเปียกที่ต้องมานั่งร้องไห้แล้วทำตัวอ่อนแอแบบนี้ เขาต้องลุกขึ้นยืนให้ไหวแล้วต้องค้นหาความจริงด้วยตัวเอง ไม่ใช่จะต้องมานั่งรอข้อมูลลอยมาหาแบบนี้


    แต่ไม่ทันที่ร่างบางจะก้าวข้ามขอบหน้าต่างและกระโดดลงไปยังด้านล่าง ก็ได้ยินเสียงของใครสักคนดังมาจากด้านหลังเสียก่อน และนั่นทำให้คนตัวเล็กนั้นทั้งผวาและตกใจเป็นอย่างมาก


    "เจ้าจะไปไหน?" เจเดนยืนกอดอกถาม "เจ้ายังไม่หายจากการบาดเจ็บเลยนะ"


    "ข้าต้องรู้ความจริงให้ได้" วินเซนต์ตอบโดยที่ไม่หันกลับมามองเจเดน "ว่าเรื่องราวก่อนหน้านั้นมันเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมข้าถึงหลับไปร้อยปีแล้วจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แทบไม่ได้เลย แล้วที่สำคัญ ผู้อาวุโสแวมไพร์นั้นกำลังปกปิดเรื่องอะไรบางอย่างกับข้า ข้าต้องรู้ให้ได้ ว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันคืออะไรกันแน่"


    ร่างบางเตรียมตัวที่จะกระโดดลงไปยังด้านล่าง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายที่ไวกว่านั้นคว้าตัวเอาไว้ได้ทันเวลา ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายนั้นจะรวดเร็วถึงเพียงนี้



    ถ้าถามว่าเขินไหม



    ก็แน่นอนล่ะ



    "อะ...อะไรเนี่ย...?" วินเซนต์พูดอย่างตะกุกตะกัก สติสัมปัชชัญญะก็เริ่มที่จะเลอะเลือน ไม่รู้ว่าต้องมีสีหน้าแบบไหน และต้องทำอะไรต่อไป "ทะ ทำไมจู่ๆถึงมากอดล่ะ?"


    "ก็เจ้าจะหนีข้า" เจเดนตอบ


    "ข้าไม่ได้หนี ข้าแค่อยากจะไปค้นข้อมูลเฉยๆ"


    ร่างบางตอบไปตามความจริง เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าโกหกนั้นเจเดนก็จับได้อยู่ดี แค่เรื่องที่ตัวเขานั้นไม่ชอบดื่มเลือดมนุษย์ก็รู้แล้ว นับประสาอะไรกับการโกหกหน้าตายแบบนี้ล่ะ


    "อย่างนั้นเหรอ"


    วินเซนต์หันหลังกลับไปมองอีกฝ่ายพลางขมวดคิ้วเป็นปม ตอบแค่นี้สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วจะมีความหมายมากกว่านั้นหรือเปล่านะ


    เจเดนเม้มปากพลางพยักหน้าเบาๆเหมือนเข้าใจ แต่มือเองก็ยังคงไม่ปล่อยจากเอวบางของคนตัวเล็กเลยสักนิด "ว่าแต่ข้อมูลอะไร ไม่ใช่ว่าเจ้าจะเอาเหตุผลล้านแปดมาอ้างข้าที่จะหนีไปหรอกนะ ข้าบอกแล้วว่าข้าจับโกหกเจ้าได้"


    คนตัวเล็กหรี่ตามองด้วยความหมั่นไส้ พูดความจริงแบบนี้แล้วยังจะบอกอีกว่าโกหก "หากเจ้าไม่เชื่อก็ตามใจเจ้าเถอะ ข้าเองก็เบื่อที่จะบอกความจริงเต็มทีแล้ว ว่าข้า..." วินเซนต์เว้นคำพูด ก่อนจะคำรามออกมาเสียงดัง "ไม่ได้โกหกเจ้าเลยโว้ย!!"


    ร่างสูงมีสีหน้านิ่งและไม่ได้ตอบโต้อะไร "อือฮื้อ แล้วไงต่อ?"


    "ข้าพูดแค่นี้เจ้าน่าจะเข้าใจแล้วมั้ง" คนตัวเล็กพูดผ่านไรฟัน "ถ้าหากว่าเจ้าจะเอาคืนข้าเรื่องที่ข้ายิงเจ้าซะอ่วมก่อนหน้านั้นน่ะ เอาไว้คืนทีหลังนะ เจเดน! เจ้าไม่เข้าใจข้าเลยหรือไง!"


    "ก็ข้าคิดถึงเจ้านี่" เจเดนเอาคางเกยไหล่ของวินเซนต์ "ไม่อยู่ต่อหน่อยเหรอ?"


    "ข้าก็อยากจะรู้เรื่องราวความเป็นมานี่นา"


    "จะรู้อะไรอีกล่ะ แบบนี้ก็น่าจะรู้แล้วมั้ง?" ร่างสูงเลื่อนมือไปหยิกหน้าท้องของร่างบางเบาๆ "ว่าเราสองคนเคยอยู่ในสถานะแบบไหนมาก่อน :)"


    "เจเดน ข้าขอร้องล่ะ ปล่อยให้ข้ากลับคฤหาสน์ก่อนได้ไหม? ข้ารู้สึกว่าผู้อาวุโสจะเก็บความลับอะไรกับข้าอยู่ ข้ารู้สึกแปลกๆ"


    มือบางทั้งสองพยายามแกะมือหนาที่กำลังโอบนัดเอวบางของคนตัวเล็กแน่นออก เพราะถ้าหากว่าปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้แล้วมีหวังได้เลยเถิดแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์


    คนที่กำลังกอดนั้นแอบยิ้มกับสีหน้าเหวอๆของร่างบางที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้อ้อน กอดแล้วก็แกล้งคนตัวเล็กแบบนี้ พอมาคิดอีกทีแล้วรู้สึกว่ามันนานเหลือเกิน ร้อยปีที่ผ่านมาที่เขาไม่ได้ทำแบบนี้กับคนที่เขารักเลยสักครั้ง โหยหาสัมผัสและความอบอุ่นจากแวมไพร์ตนนี้มาโดยตลอด



    แค่ได้ใกล้กันเพียงเท่านี้ มันก็วิเศษที่สุดแล้ว



    แต่ถ้าหากว่าคนรักของเขานั้นอยากจะล่วงรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น เขาจะยอมให้ไปก่อนก็ได้ อย่างน้อบเขาเองก็พอใจแล้วว่าวินเซนต์นั้นยังจำคำสัญญาที่ให้กันไว้ได้



    "ก็ได้วินเซนต์ ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน" เจเดนพูด "แต่เจ้าต้องสัญญากับข้านะ ว่าเจ้าจะกลับมาหาข้าอีกครั้ง"


    ร่างสูงปล่อยมือที่โอบรัดเอวบางออกอย่างช้าๆ ทำให้แวมไพร์ที่กำลังแกะมือออกเนื่องจากจักจี้นั้นก็งงเป็นไก่ตาแตก นึกว่าจะยื้อให้อยู่แบบนี้ไปอีกนานเสียอีก


    วินเซนต์หมุนตัวกลับมามองหน้าเจเดน "ข้าไม่แน่ใจว่าข้าจะทำได้ไหม เพราะการที่เราทั้งสองมาเจอกันอีกครั้งนั้นก็เสี่ยงมากแล้ว ไหนจะพวกแวมไพร์ของข้า แล้วพวกไลแคนท์ของเจ้าล่ะ แล้วเราสองคนจะเจอกันได้ยังไง"


    "ก็แอบไปเจอกันอย่างลับๆสิ" เจเดนตอบ "ที่ๆพวกเราชอบไปอยู่ด้วยกันสองคน"


    คนตัวเล็กหลับตา พยายามนึกถึงสถานที่ที่อีกฝ่ายบอกว่าเป็นที่ที่เขาและร่างสูงนั้นมักจะไปอยู่ด้วยกันทั้งสองคน สถานที่แห่งนั้น...สถานที่ที่มีความทรงจำระหว่างเขาและเจเดน มันคือที่ไหนกันนะ



    สถานที่ที่เขานึกออกเพียงสิ่งเดียว มันเป็นที่ที่สวยงามอยู่ในเบื้องลึกของความทรงจำทั้งหมด ที่แห่งนั้นก็คือ



    "น้ำตกหลังเขา...ใช่ไหม?"


    คนตัวสูงเบิกตากว้าง "เจ้าจำได้แล้วเหรอ?"


    ร่างบางส่ายหน้า


    "ที่ที่ข้านึกออกก็มีที่แห่งนั้นแหละ ข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมข้าถึงนึกออกแล้วก็จำได้ว่ามัยคือที่แห่งนั้น" วินเซนต์ยกมือขึ้นมากุมขมับของตนเอง "หากข้าจำสถานที่แห่งนั้นได้ ทำไมข้าถึงจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้"


    เจเดนปราม "เจ้าอย่าเพิ่งคิดมาก ข้าให้เจ้ากลับคฤหาสน์ก่อนก็ได้ เพื่อที่เจ้าจะลองไปค้นหาเอกสารหรือว่าไปล้วงข้อมูลต่างๆก่อน เจ้าจะพบข้าเวลาไหนก็ได้ แต่ข้าขอเพียงสิ่งเดียว" เขาเว้นคำพูด



    "อย่าได้บอกกับใครว่าเจ้าจำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว"



    วินเซนต์เงียบไป พลางคิดถึงคำพูดของเจเดนเมื่อกี้ว่าอย่าได้บอกใครหากเขาจำเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว ร่างบางเองก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่นักว่าเป็นเพราะเหตุใดถึงกำชับห้ามแบบนี้ แต่ก็เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดและรับปากไว้ก่อนว่าจะยังไม่บอกใคร


    "ข้าสัญญา"


    จบประโยคนี้ ร่างสูงก็ก้มตัวลงทันทีโดยที่คนตัวเล็กยังสงสัยว่ากำลังจะทำอะไรกันแน่ แต่ที่เขารู้ก็คือตอนนี้เกิดเดดแอร์ไปเกือบยี่สิบวินาทีแล้วหลังจากที่เจเดนก้มตัวลงเอามือทั้งสองยันไว้กับพื้นแบบนั้น


    "เจ้ากำลังยืดเส้นเหรอ?" วินเซนต์ถาม "หรือว่ากำลังจะกลายเป็-"


    ไม่ทันที่จะได้กล่าวอะไรต่อไป ขนสีเงินและเทาก็ขึ้นมาตามร่างกายของเจเดน ทั้งแขน ขา ใบหน้าแล้วก็ตามลำตัว หูทั้งสองของเขานั้นก็ชี้แหลมขึ้นและมีขนขึ้นอีกด้วย รู้เลยว่ากลายร่างเป็นไลแคนท์แน่นอน


    พอหลังจากที่เจเดนนั้นกลายร่างเป็นไลแคนท์เสร็จ วินเซนต์รู้สึกว่าตนเองขนลุกขึ้นมาอย่างดื้อๆ คิดไม่ผิดจริงๆด้วยว่าเจเดนนั้นจะต้องเปลี่ยนร่างกลายเป็นไลแคนท์


    วินเซนต์กระโดดขึ้นขี่หลังเจเดน ก่อนที่เท้าหลังของร่างสูงนั้นจะดีดตัวไปยังด้านหน้าและดิ่งลงหน้าต่างไป ลมเย็นๆพัดผ่านใบหน้าของร่างบางจนรู้สึกเย็นไปทั้งตา ราวถึงลูกตาทั้งสองของเขาด้วยเช่นกัน


    ไลแคนท์ตัวใหญ่นั้นวิ่งไปตามตึกรามบ้านช่องที่อยู่รอบๆ คนตัวเล็กหันกลับไปมองยังด้านหลังของตนเองนั้นพบว่า เขาอยู่บนตึกใหญ่ซึ่งเป็นฐานของพวกไลแคนท์ เมื่อเขาเริ่มไปไกลอีกนิดเขาก็เห็นป้ายที่เขียนอยู่บนตึกอีกฝั่งว่า



    'Antigen Copperation'



    ร่างบางหรี่ตาลงก่อนจะหันกลับไปมองด้านหน้าอีกครั้ง ลมเย็นๆพัดกระแทกใบหน้าของเขาอีกครั้ง ผมสีบลอนด์นั้นปลิวไปตามแรงลมที่พัดผ่านร่างของเขา ขนสีน้ำตาลของเจเดนนั้นก็ปลิวไปตามแรงลมเหมือนกัน มือเล็กที่กำขนสีน้ำตาลแน่นนั้นก็ยิ่งกำแน่นมากขึ้นไปอีก เมื่อทุกๆครั้งที่ร่างสูงนั้นกระโดดลงจากตึกสูงข้ามผ่านไปยังอีกตึกบ้าง


    ตอนนี้ก็เป็นเวลาใกล้เช้าแล้ว แสงอาทิตย์เริ่มที่จะขึ้นมาจากทางทิศตะวันออก ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีจากสีดำเป็นสีน้ำเงิน คนตัวเล็กคิดในใจว่าตนเองอยู่ในตึกที่มีแต่พวกไลแคนท์ค่อนข้างนานมาก อีกอย่างเขาเองก็ไม่ค่อยได้หลับได้นอนด้วย


    ใบหน้าของคนตัวเล็กซบลงบนแผ่นหลังที่มีแต่ขนสีเงินและเทาของร่างสูง พลางปล่อยให้น้ำใสๆที่เอ่อล้นจากดวงตานั้นไหลอาบแผ่นหลังไป ในขณะที่ร่างสูงนั้นยังคงวิ่งไปข้างหน้าโดยที่ไม่รู้ถึงความรู้สึกของร่างบางในตอนนี้


    วินเซนต์นั้นรู้สึกอบอุ่นเหลือเกินที่ได้ซบลงบนแผ่นหลังของอีกฝ่ายแบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอุ่นใจและอบอุ่นถึงเพียงนี้ เสียงเพลงที่เขาเคยได้ยินนั้นลอยเข้ามาในความคิดทันที



    แล้วเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนด้วย



    未来の前にすくむ心が

    มิราอิ โนะ มาเอนิ ซุคุมุ โคะโคโระ กะ

    หัวใจที่หวาดหวั่นต่ออนาคตข้างหน้านี้


    いつか 名前を思い出す

    อิซุกะ นามาเอะ โวะ โอโมอิดาสุ

    จะจดจำชื่อนี้ได้ภายในสักวันหนึ่ง


    叫びたいほど愛しいのは

    ซาเคบิ ทาอิ โฮโตะ อิโตโอะชิอิ โนะ วะ

    มันเป็นสิ่งที่มีค่าจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา


    一つの命

    อิโตะซุ โนะ ฮิโนะชิ

    ชั่วชีวิตหนึ่งเดียวนี้


    帰りつく場所

    คาเอริ ซุคุ บาโชว

    จะกลับไปในที่ของมัน


    私の 指に 消えない 夏の日

    วาตาชิ โนะ ยูบินิ คิเระนาอิ นัตซุโนะ ฮิ

    บนปลายนิ้วของฉัน ฤดูร้อนในวันนั้นจะไม่มีทางจางหายไป*





















    วินเซนต์สะลึมละลือตื่นขึ้นมา พลางมองซ้ายมองขวาแล้วพบว่าตนเองนั้นไม่ได้อยู่บนหลังของเจเดนแล้ว เขาตื่นขึ้นมาบนพื้นหญ้าแห่งหนึ่งในคฤหาสน์ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าแวมไพร์ซ่อนตัว


    มือบางยกขึ้นมาขยี้ตาทั้งสองเพื่อไล่ความง่วงงุนออกไปให้หมด พลางลุกขึ้นอย่างช้าๆ และเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังจากมองซ้ายมองขวาเพื่อหาเจเดนแล้วก็ไม่เจอ


    ร่างบางเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างเชื่องช้าเนื่องจากเพิ่งตื่น แวมไพร์ทุกตนที่เห็นนักรบแวมไพร์ที่เก่งที่สุดรอดกลับมาได้แล้วก็ดีใจกันยกใหญ่ แล้วก้กรูเข้ามาถามว่าเขารอดมาได้อย่างไรทั้งๆที่ถูกจับตัวไปแบบนั้น


    "วินเซนต์! เจ้าปลอดภัยใช่ไหม!" แวมไพร์ตนหนึ่งบอก "พวกเราเป็นห่วงเจ้าแทบแย่!"


    "รู้ไหมว่าหลังจากที่เจ้าถูกจับตัวไป ผู้อาวุโสอยู่ไมาสึจเลยนะจะบอกให้!"


    วินเซนต์มีสีหน้านิ่งๆแล้วก็เฉยๆเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินแวมไพร์ตนหนึ่งพูดถึงผู้อาวุโสของเหล่าแวมไพร์ พยายามฉีกยิ้มกว้างออกมาว่าสบายดีแต่ก็ไม่ใช่


    "เอ่อ...ข้าขอตัวก่อนนะ" ร่างบางรีบกล่างตัดบทก่อนจะแทรกตัวผ่านแวมไพร์ทั้งหลายที่กรูเข้ามาถามนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว พลางวิ่งไปยังห้องทดลองของแจ็กสันทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องของเหล่าแวมไพร์ที่ซักไซร้ถามไถ่ถึงสิ่งที่เขาหนีออกมาได้


    "ท่านแจ็กสัน!"


    "วินเซนต์! เจ้าปลอดภัยดี!" แจ็กสันรีบวิ่งเข้ามาจับไหล่บางของวินเซนต์ด้วยความดีใจ "ข้าตกใจไปหมดเลย นึกว่าเจ้าจะได้รับอันตรายเสียแล้ว"


    "คือว่าข้าเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว" ร่างบางตอบพลางหันซ้ายแลขวา "แล้วเจเรมี่ล่ะ? เขาอยู่ที่ไหนแล้ว? ปกติจะเห็นออกมากอดข้าแน่นเลยนี่?"


    "วินเซนต์! เจ้าอยากจะกินอะไรก่อนไหม?"


    "เอ่อ...ไม่ล่ะ ขอบคุณ" คนตัวเล็กตอบ "เจเรมี่"


    "ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะไม่รอดเสียแล้ว" แจ็กสันพูดรัวลิ้นด้วยความตื่นเต้น "พวกนั้นทำอะไรเจ้าบ้าง เอายาฉีดให้เจ้าไหม? เค้นความลับจากเจ้าไหม?"


    "เปล่า" วินเซนต์ตอบ "แล้วเจเรมี่"


    "ข้าก็กลัวว่า..."


    "ท่านแจ็กสัน!" ความอดทนของร่างบางพุ่งจนปรอทแตก ก่อนจะเรียกชื่องของอีกฝ่ายเสียงดังก้วยความรำคาญ "ข้าถามท่านมาหลายรอบแล้วนะ! เจเรมี่อยู่ไหนแล้ว!"


    แจ็กสันอ้ำอึ้งเพราะกลัวว่าไม่รู้จะหาคำพูดอะไรมาพูดเพื่อไม่ให้วินเซนต์โกรธ แต่สายตากดดันของวินเซนต์นั้นกลับมองเขาให้เค้นความจริงออกมา ก่อนที่แจ็กสันจะโกหกออกมาว่าเจเรมี่นั้นยังไม่อยู่มี่คฤหาสน์นั้น ผู้อาวุโสก็โผล่ออกมาทันที


    "ถูกจับไปแล้ว" เขาตอบ "ก็เพราะว่าไปช่วยเจ้ายังไงล่ะ?"


    แจ็กสันยกมือขึ้นมากุมขมับของตนเอง


    วินเซนต์หันกลับไปมอง พลางถามเสียงสูง


    "อะไรนะ?"







    #ฟิคต่างภพกุกวี







    ___________________________

    *Inochi no Namae (Name of Life) (OST. Spirited Away)



    TBC. [06:10:2018]


    สอบเสร็จแล้วเว้ยยยยยยย ดีจายยยยยยยย

    ฮืออออ กว่าจะสอบเสร็จ ทำเราซะอ่วมจนแทบไปไม่ถูกเลยค่ะ เอาตัวแทบไม่รอด น้ำตาก็แทบจะนองหน้ากระดาษ 555555 จริงๆแล้วเราสอบเสร็จผ่านไปตั้งแต่วันจันทร์แล้วค่ะ ถ้าถึงตอนนี้ก็เกือบๆจะอาทิตย์นึงนี่แหละค่ะ ฮือออออ อยากจะจัดโต๊ะเลี้ยงชาบูมากกก

    เจเดนโหมดอ้อนนี่มันรู้สึกเขินยังไงก็ไม่รู้เนอะ อิสสานุ้งวินมอไซต์มากที่แฟนน่ารักน่าหยักบับเน้ ;-; (ชื่อวินเซนต์โว้ยยยยย!! // วินเซนต์ตะโกนมาแต่ไกล)


    คือว่าช่วงนี้เราอาจจะมาต่อช้าหน่อยนะคะ เพราะเนื่องจากว่าคุณยายของเราเสียค่ะ (ไม่ใช่ยายแท้ๆ แต่เป็นญาติที่มีศักดิ์เป็นยาบค่ะ) ทำให้เราต้องไปช่วยงานสีดำ ประกอบกับงานขนของ เสิร์ฟน้ำและขนมให้แขกนั้นค่อนข้างเยอะพอสมควร หากเราอัพฟิคเรื่องอื่นๆช้าก็ขอให้ทุกคนได้ทราบนะคะ


    มาเอาใจช่วยความรักข้ามสายพันธุ์ระหว่างแวมไพร์และไลแคนท์กันต่อในตอนหน้านะคะ ว่าจะเกิดเรื่องราวที่ทดสอบความรักของทั้งสองนั้นอย่างไรบ้าง แล้วสุดท้ายเรื่องราวนั้นจะลงเอยอย่างไร อย่าลืมเฟบ โหวต แชร์ กดให้กำลังใจ สกรีมฟิคในทวิตเตอร์หรือว่าคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ ถ้าฟีดแบคดีเท่ากับไรเตอร์ได้กำลังใจและอัพตอนต่อๆไปนะคะ :)


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×