คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : - คลังคำศัพท์ในเรื่องด้ายแดงป๋อจ้าน -
คลังคำศัพท์ในเรื่อง
อัพเดตล่าสุด 2023.01.01
คลังคำศัพท์และข้อมูลต่างๆ ในเรื่องด้ายแดงป๋อจ้าน ทั้งตัวละคร ตระกูลทั้งห้า สถานที่ พลังปราณ สิ่งของต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมายในเรื่อง หากใครอยากทราบข้อมูลสามารถหาอ่านได้ในตอนนี้ได้เลยนะคะ ข้อมูลอัพเดตเรื่อยๆ ค่ะ
*หากใครอ่านในมือถือ แนะนำให้ตั้งค่าการอ่านเป็นแบบแนวนอนนะคะ เพราะจะได้เห็นดีเทลของข้อมูลอย่างชัดเจนด้วยค่ะ
หมวดหมู่
ตัวละครทั้งหมด
• ตัวละครหลัก
• ฝ่ายห้าตระกูลปราบมาร
• พันธมิตรของห้าตระกูลปราบมาร
• ฝ่ายมารทมิฬ
• ตัวละครอื่นๆ
ข้อมูลทั้งหมดในเรื่อง
• ห้าตระกูลปราบมาร
• ตระกูลอื่นๆ
• พลังปราณ
• สิ่งของ & อาวุธ
• การนับเวลาของจีนโบราณ
• ศัพท์ที่เกี่ยวกับเวลา
• หน่วยวัดความยาว
• เหตุการณ์สำคัญในเรื่อง
• ตำนานด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ตัวละครหลัก
นามของเซียน |
เนื้อเรื่อง |
รู้จักในนาม |
เซียวจ้าน |
เซียนหนุ่มที่มีชีวิตล่องลอยและอ้างว้างได้สิ้นชีวิตอยู่
ณ เนินเขาอย่างเดียวดาย ทว่าได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เขาได้สิ้นชีวิตไปหนึ่งปี
อีกทั้งยังได้รับความสามารถที่มองเห็นด้ายแดงของคนอื่นรวมไปถึงตัวเอง เป็นคนร่าเริง
มองโลกในแง่ดี ชอบดื่มสุรามาก แต่ลึกๆ แล้วเป็นคนที่มีน้ำใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ชอบช่วยเหลือและเป็นคนขี้กังวลด้วยเช่นกัน
เซียวจ้านมักจะสวมหน้ากากเพื่อปิดบังใบหน้าของตนเองเอาไว้ตลอดเวลา
เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าเคยถูกใส่ร้ายจนต้องหนีออกจากวัง
และกลัวว่าจะถูกสังหารตามข่าวที่ได้ยินมา
แต่จะถอดออกก็ต่อเมื่ออยู่กับหวังอี้ป๋อและหลิวเหวินจินเท่านั้น ทว่าภายหลังเซียวจ้านไม่สวมหน้ากากอีกต่อไปเพราะหลิวเหวินจินตัดหน้าม้าให้ |
• ชิงซีจวิน 清溪君 (สมญานาม) • คุณชายเซียว (เจิ้งฝานซิง, หวังจื่ออี้, หวังอี้โจว,อนุชนสกุลหวัง,
ประมุขสกุลอื่นๆ) • อดีตองครักษ์เซียวจ้าน (ขุนนาง, เสนาบดี, บัณฑิต, ชาวบ้าน) • เจ้าคนแซ่เซียว (ผู้อาวุโสสกุลหวัง) • เจ้าศิษย์โง่เง่า / เจ้าศิษย์งี่เง่า (หลิวไห่ควาน) • ซือจุน (เมิ่งเหม่ยฉี) |
หวังอี้ป๋อ |
รองผู้นำเซียนแห่งตระกูลหวัง
เนื้อคู่ของเซียวจ้าน เป็นคนหน้านิ่ง เย็นชา เจ้าระเบียบ พูดน้อย
มักจะใช้สายตาในการสื่อสารผู้อื่นโดยส่วนมาก เข้าหาคนอื่นไม่เก่ง แต่ลึกๆ แล้วเป็นคนที่โหยหาความรักและความเอาใจใส่ของคนรอบข้างมาก เก่งศิลปะการต่อสู้
การใช้มนตร์ใช้ปราณในการปราบมาร
จนหลายคนต่างก็นับถือเขาว่าเป็นเซียนที่เป็นเลิศทางด้านการปราบมารมาก
หวังอี้ป๋อมักจะพกกระบี่ยาวที่มีนามว่ากระบี่หมิงเยว่เอาไว้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันตัว |
• หย่งเต๋อจวิน 勇德君 (สมญานาม) • ท่านหวังเถียนเถียน (เซียวจ้าน) • คุณชายรอง (เจิ้งฝานซิง, อนุชนสกุลหวัง) |
หลิวเหวินจิน |
สหายของเซียวจ้าน นักบุ๋นจากตระกูลหลิวที่เซียวจ้านชุบชีวิตขึ้นมาหลังจากที่ถูกสังหารโดยใครบางคน
เป็นคนที่มีวาทะศิลป์ ตามใจคนอื่นมากจนเกินไป ชอบดื่มสุราเช่นเดียวกับเซียวจ้าน เป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ร้อนของตนเองไม่ได้เมื่อมีใครมากล่าวว่าร้ายสหาย
แต่จริงๆ แล้วหลิวเหวินจินเป็นคนที่มั่นคงในความรู้สึกของตนเอง ซื่อสัตย์
รักสหายและยึดมั่นในอุดมการณ์มาก มักจะพกพัดขนนกชิงหลิงเอาไว้ตลอดเวลา |
• ชิงเสวียหนี่ว์ 清雪女 /
นารีหิมะว้าง (สมญานาม) • เสี่ยวเหวิน (เซียวจ้าน) • อาเหวิน (หลิวไห่ควาน) • แม่นางหลิว (หวังจื่ออี้, หวังอี้โจว, เมิ่งเหม่ยฉี,
อนุชนสกุลหวัง, ผู้อาวุโสสกุลหวัง, ประมุขสกุลอื่นๆ) |
เจิ้งฝานซิง |
ศิษย์และอนุชนแห่งตระกูลหวัง เป็นหนึ่งในกลุ่มอนุชนที่มิใช่คนในตระกูล เนื่องจากว่าพลัดพรากจากครอบครัวมาตั้งแต่ยังเด็ก แล้วถูกคนในตระกูลหวังรับเลี้ยงและฝึกฝนจนได้เป็นหนึ่งในกลุ่มอนุชนของตระกูลหวัง เป็นคนนอบน้อมถ่อมตนมาก มีวาทะศิลป์ ใจเย็น แต่พูดและปฏิเสธคนอื่นไม่ค่อยเก่ง
จึงมักจะถูกเอาเปรียบและถูกแกล้งอยู่บ่อยๆ ทว่าลึกๆ ในใจแล้วเป็นคนที่เข้มแข็ง
ซื่อสัตย์และมีความเป็นผู้นำ |
|
ฝ่ายห้าตระกูลปราบมาร
ตระกูลหวังแห่งหวายหนาน
นามของเซียน |
สถานะ |
อื่นๆ |
หวังจื่ออี้ |
ผู้นำเซียนและประมุขแห่งสกุลหวัง พี่ชายของหวังอี้ป๋อ |
|
หวังเจี้ยนเฉิง |
อนุชนแห่งสกุลหวัง |
|
หวังเยี่ยนเฉิน |
อนุชนแห่งสกุลหวัง |
|
หวังฮ่าวเซวียน |
อนุชนแห่งสกุลหวัง |
|
หวังจวิ้นข่าย |
อนุชนแห่งสกุลหวัง |
|
หวังหยวน |
อนุชนแห่งสกุลหวัง |
|
อี้หยางเชียนซี |
อนุชนแห่งสกุลหวัง |
เป็นหนึ่งในกลุ่มอนุชนที่มิใช่คนในตระกูลเช่นเดียวกับเจิ้งฝานซิง |
หวังอี๋เหริน |
อนุชนแห่งสกุลหวัง หมอหญิงแห่งสำนักแพทย์ |
|
หวังเคอ |
อนุชนแห่งสกุลหวัง หมอหญิงแห่งสำนักแพทย์ |
|
หวังอี้โจว |
สมญานาม : เซิ่งเทียนจวิน (圣天君) อดีตผู้นำเซียนและประมุขแห่งสกุลหวัง บิดาของหวังจื่ออี้และหวังอี้ป๋อ |
|
ผู้อาวุโสสกุลหวัง |
ชื่อจริง: - ไม่ปรากฏนาม - |
|
ตระกูลเฉินแห่งเสียนหยาง
นามของเซียน |
สถานะ |
อื่นๆ |
เฉินเหว่ยถิง |
ประมุขแห่งสกุลเฉิน |
|
เฉินจั๋วเสวียน |
อนุชนแห่งสกุลเฉิน |
|
ตระกูลหยางแห่งเกาซาน
นามของเซียน |
สถานะ |
อื่นๆ |
หยางมี่ |
ประมุขแห่งสกุลหยาง ประมุขหญิงหนึ่งเดียวของสกุลหยาง |
|
หยางหยาง |
อนุชนแห่งสกุลหยาง พี่ชายของหยางจื่อ |
|
หยางจื่อ |
อนุชนแห่งสกุลหยาง น้องสาวของหยางหยาง |
|
ตระกูลโจวแห่งซื่อชวน (เสฉวน)
นามของเซียน |
สถานะ |
อื่นๆ |
โจวเจี๋ยหลุน |
ประมุขแห่งสกุลโจว บิดาของโจวเจิ้นหนาน |
|
คุนหลิง (โจวฮูหยิน) |
ภริยาของโจวเจี๋ยหลุน
มารดาของโจวเจิ้นหนาน |
|
โจวเจิ้นหนาน |
อนุชนแห่งสกุลโจว บุตรของโจวเจี๋ยหลุนและโจวฮูหยิน |
|
ตระกูลเมิ่งแห่งไฉอี้
นามของเซียน |
สถานะ |
อื่นๆ |
เมิ่งลี่เจิน |
ประมุขแห่งสกุลเมิ่ง บุตรของเมิ่งเยี่ยนจวินและเมิ่งฮูหยิน |
|
เมิ่งเจีย |
อนุชนแห่งสกุลเมิ่ง พี่สาวของเมิ่งจื่ออี้ |
|
เมิ่งจื่ออี้ |
อนุชนแห่งสกุลเมิ่ง น้องสาวของเมิ่งเจีย |
|
เมิ่งเหม่ยฉี |
อนุชนแห่งสกุลเมิ่ง ศิษย์ของเซียวจ้าน |
|
พันธมิตรของห้าตระกูลปราบมาร
นามของเซียน |
สถานะ |
อื่นๆ |
อวี๋ปิน |
อัครเสนาบดีของราชสำนัก ผู้นำกลุ่มบัณฑิตเฟิงหย่งเจิ้ง
(สายลมแห่งความกล้าและถูกต้อง) สหายของเซียวจ้าน |
|
จูจ้านจิ่น |
เสนาบดีของราชสำนัก หนึ่งในสมาชิกกลุ่มบัณฑิตเฟิงหย่งเจิ้ง |
|
กัวเฉิง |
บัณฑิตของราชสำนัก หนึ่งในสมาชิกกลุ่มบัณฑิตเฟิงหย่งเจิ้ง สหายของเจิ้งฝานซิง |
อายุน้อยที่สุดในสมาชิกกลุ่มบัณฑิต |
หลิวไห่ควาน |
อดีตหัวหน้าอัครมหาเสนาบดีของราชสำนัก และอดีตผู้นำกลุ่มบัณฑิตเฟิงหย่งเจิ้ง อาจารย์ของหวังอี้ป๋อและเซียวจ้าน ลุงของหลิวเหวินจิน |
|
ฝ่ายมารทมิฬ
นามของเซียน |
สถานะ |
อื่นๆ |
อัครมหาเสนาบดีเหอเสวี่ยตง |
หัวหน้าอัครมหาเสนาบดีของราชสำนัก |
เป็นผู้ที่คิดอยากจะกุมอำนาจทั้งหมดไว้ในมือ
จึงใส่ร้ายเหล่าขุนนางรวมไปถึงเซียวจ้านจนหนีออกจากวังและการจับกุมของเหล่าทหารเมื่อหนึ่งปีก่อน |
เจ้าแห่งมารทมิฬฉีลา |
จอมมารทมิฬ สหายสนิทของอัครมหาเสนาบดีเหอเสวี่ยตง |
ทำการตกลงกับอัครมหาเสนาบดีเหอเสวี่ยตงเพื่อที่จะยึดอำนาจของราชสำนักและยุทธภพ |
เหอซื่อเหลียน |
บุตรชายคนโตของอัครมหาเสนาบดีเหอเสวี่ยตง เจ้าเมืองซือโฉว แม่ทัพหลวงของราชสำนัก |
|
สมเด็จพระจักรพรรดิซีฉาง |
นามเดิม : เหอซื่อเยี่ยน บุตรชายคนรองของอัครมหาเสนาบดีเหอเสวี่ยตง ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน |
|
กุ่ยซานโยวหมิง |
หัวหน้าของเจ้าแห่งมารทมิฬฉีลาที่หลับใหลอยู่ในนรกมากว่าสิบล้านปี |
|
ตัวละครอื่นๆ
ชื่อตัวละคร |
สถานะ |
อื่นๆ |
เมิ่งเยี่ยนจวิน |
อดีตประมุขแห่งสกุลเมิ่ง บิดาของเมิ่งลี่เจิน |
ปัจจุบันได้สิ้นชีวิตไปแล้ว |
เสี่ยวอิงเถา |
ม้าของเซียวจ้าน |
แปลว่าเชอร์รี่น้อย |
ห้าตระกูลปราบมาร
ตระกูลหวังแห่งหวายหนาน (淮南王氏) ตระกูลแห่งสายลม
สถานที่ตั้ง : หวายหนาน (สมญานาม : อ่าวจันทรา) อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ บรรยากาศโดยรอบจะมีสายลมพัดผ่านตลอดเวลา มีแม่น้ำชื่อว่าซินเหอไหลผ่าน มีหมู่แมกไม้และดอกไม้เป็นจำนวนมาก
จุดเด่นคือยึดถือกฎระเบียบห้าร้อยข้อเป็นหลัก ทำให้ตระกูลหวังนั้นขึ้นชื่อด้านการปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัดและการปราบมาร ถนัดการใช้กระบี่ มนตร์และลมปราณต่างๆเป็นหลัก ตระกูลหวังนั้นเป็นตระกูลเดียวที่ฝึกฝนเหล่าอนุชนให้เป็นเซียน อนุชนแห่งตระกูลหวังจะสวมอาภรณ์สีขาว เพื่อแสดงให้เห็นถึงสายลมที่พร้อมจะปัดเป่าเมฆหมอกแห่งหายนะออกไป
เรือนพิรุณ : เป็นเรือนขนาดใหญ่ ภายในเรือนเป็นห้องโถงที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมหรือพิธีกรรมต่างๆ โดยส่วนมากแล้วจะเป็นห้องทำงานของผู้อาวุโสสกุลหวังเสียมากกว่า
หอสกุณา : หอฝึกจิตและหอน้ำชาของสกุลหวัง
ห้องสุคนธมารุต : ห้องทำงานและห้องนอนของหวังอี้โจว
เรือนนิลปัทม์ : ห้องนอนของหวังอี้ป๋อ
เรือนมังกรหยก : ห้องนอนของหวังจื่ออี้
เรือนพิสุทธิ์ : ห้องนอนของเซียวจ้าน
ตระกูลเฉินแห่งเสียนหยาง (咸阳陈氏) ตระกูลแห่งแมกไม้
สถานที่ตั้ง : เสียนหยาง (สมญานาม : ป้อมเกาทัณฑ์) อาศัยอยู่ทางตอนกลาง บรรยากาศโดยรอบของตระกูลนั้นรายล้อมไปด้วยป่าใหญ่ ทำให้บ้านเรือนของตระกูลเฉินนั้นเป็นสีเขียวและน้ำตาลเสียส่วนใหญ่
เป็นตระกูลที่ขึ้นชื่อด้านการใช้ธนูเป็นอาวุธ ตระกูลเฉินนั้นเป็นตระกูลเดียวที่ฝึกฝนเหล่าอนุชนให้เป็นนักธนู อนุชนแห่งตระกูลเฉินนั้นจะสวมอาภรณ์สีเขียวเข้ม
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ
ตระกูลหยางแห่งเกาซาน (高山杨氏) ตระกูลแห่งน้ำและสายฟ้า
สถานที่ตั้ง : เกาซาน (สมญานาม : ดรรชนีวชิระ) อาศัยอยู่ทางตอนกลางและที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับตระกูลเฉิน ทว่าที่ตั้งของตระกูลหยางนั้นอยู่บนภูเขาสูงและมีน้ำตกใหญ่
ขึ้นชื่อด้านการใช้พลังน้ำ กระบี่และไม้เท้าเป็นอาวุธเพื่อร่ายมนตร์อัญเชิญสายฟ้า ตระกูลหยางนั้นเป็นตระกูลเดียวที่ฝึกฝนเหล่าอนุชนให้เป็นนักอัญเชิญสายฟ้า อนุชนแห่งตระกูลหยางจะสวมอาภรณ์น้ำเงินและม่วง แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนตามกระแสน้ำที่ไหลวน อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงการชำระสิ่งที่แปดเปื้อน หายนะและมลทินต่างๆ ให้ออกไปอีกด้วย
ตระกูลโจวแห่งซื่อชวน (四川周氏) ตระกูลแห่งดิน
สถานที่ตั้ง : ซื่อชวน (เสฉวน) (สมญานาม : ภูผาวิหค) อาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ มีแม่น้ำสามสายบรรจบกัน คือแม่น้ำว่านหลี่ แม่น้ำเจียงอี และแม่น้ำหลินอัน
ขึ้นชื่อด้านการใช้ทวนและพลังแห่งอสูร ตระกูลโจวนั้นเป็นตระกูลเดียวที่ฝึกฝนเหล่าอนุชนให้เป็นนักรบ อนุชนแห่งตระกูลโจวจะสวมอาภรณ์สีน้ำตาล ดำและเทา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหนักแน่นในคำสัตย์สาบานดั่งขุนเขาที่จะกวาดล้างมารทมิฬออกไปจากยุทธภพ
ตระกูลเมิ่งแห่งไฉอี้ (才艺孟氏) ตระกูลแห่งไฟ
สถานที่ตั้ง : ไฉอี้ (สมญานาม : แดนอัคคีเผาล้าง) อาศัยอยู่ทางตอนใต้ ตระกูลเมิ่งนั้นมีจุดเด่นก็คือสภาพโดยรอบนั้นจะมีลาวาอยู่รอบๆ เนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับภูเขาไฟที่ปะทุตลอดเวลา
ขึ้นชื่อด้านการใช้ร่ม สนับมือกรงเล็บและมีดสั้นเป็นอาวุธ เนื่องจากว่าตระกูลเมิ่งนั้นเป็นตระกูลเดียวที่ฝึกฝนเหล่าอนุชนให้เป็นนักฆ่า อนุชนแห่งตระกูลเมิ่งจะสวมอาภรณ์สีแดงเป็นหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร้อนแรงของเพลิงที่จะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้ย่อยยับ โดยเฉพาะเหล่าอธรรม อีกทั้งเหล่าอนุชนแห่งตระกูลเมิ่งยังต้องสวมผ้าปิดหน้าสีม่วงเพื่อซ่อนเร้นใบหน้าของตนเองเอาไว้ด้วย
หออนธการ
: หอประชุมและห้องโถงใหญ่ของสกุลเมิ่ง
ตระกูลอื่นๆ
ตระกูลหลิวแห่งเสวี่ยนหยวน (烜园刘氏) ตระกูลแห่งหิมะและความหนาวเย็น
สถานที่ตั้ง
: เสวี่ยนหยวน
(สมญานาม : วิหารว้างนภา)
อาศัยอยู่ทางตอนเหนือสุดของยุทธภพ มีหิมะปกคลุมตลอดปี
เป็นตระกูลที่มีขนาดใหญ่พอๆกับห้าตระกูลปราบมาร แต่ไม่นับว่าเป็นหนึ่งในห้าตระกูลปราบมาร เนื่องจากว่าประมุขของตระกูลหลิวนั้นมิต้องการให้ตระกูลของตนนั้นมีชื่อเสียง
เพราะตระกูลหลิวมีการเก็บรักษาดาบไร้ฆาตเอาไว้
หากมีชื่อเสียงมากขึ้นก็จะทำให้เหล่ามารทมิฬบุกโจมตีเพื่อชิงดาบก็เป็นได้
ทว่าสุดท้ายแล้วตระกูลหลิวก็ล่มสลายลงเนื่องจากถูกลอบโจมตีและถูกชิงดาบไร้ฆาตไป
เหลือเพียงหลิวเหวินจินเท่านั้นที่รอดชีวิต
โดยตระกูลหลิวนั้นขึ้นชื่อด้านการฝึกฝนเป็นนักบุ๋นและใช้พัดขนนกเป็นอาวุธ ตระกูลหลิวนั้นเป็นตระกูลเดียวที่มีการฝึกให้เป็นนักบุ๋น อนุชนแห่งตระกูลหลิวจะสวมอาภรณ์สีฟ้าเป็นหลัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นตามสภาพอากาศของเสวี่ยนหยวน และพลังบุ๋นของเหล่าอนุชนที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูล นอกเหนือจากนี้คนในตระกูลหลิวล้วนมีความเชื่อว่า พัดขนนกซึ่งเป็นอาวุธประจำกายนั้นจะผูกเข้ากับจิตวิญญาณของเหล่าอนุชน ซึ่งเรียกว่า "ผูกมัดด้วยพันธสัญญาแห่งจิตวิญญาณสกุลหลิวและพลังบุ๋น" จึงมีข้อห้ามว่าห้ามทำพัดขนนกหาย หรือเสียหายเป็นอันขาด เพราะมิเช่นนั้นดวงวิญญาณของอนุชนผู้นั้นจะแตกสลายไปด้วย
พลังปราณ
ชื่อพลังปราณ |
สถานะเมื่อร่ายออกมา |
อื่นๆ |
ม่านวารี |
มีลักษณะเป็นกำแพงน้ำ
สามารถกักขังศัตรูมิให้หนีรอดไปไหนได้ |
ทว่าปราณที่ร่ายออกมานั้นจะไม่แข็งแรงและมีสถานะเป็นของเหลว
ไม่สามารถกักขังศัตรูเอาไว้ได้เป็นระยะเวลานาน
สามารถกักขังเอาไว้ได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น |
ปราณสดับวิญญาณ |
สามารถมองเห็นภาพเหตุการณ์ก่อนตายของคนผู้นั้นได้
หากสัมผัสเข้าที่ข้าวของเครื่องใช้ของผู้ตาย หรือจุดที่เสียชีวิต |
|
จิตอัสนีคลั่ง |
มีพลังอานุภาพในการทำลายเป็นจำนวนมาก
ต้องใช้พลังกายหรือกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ในการรวบรวมพลังปราณออกมา
มีความกึ่งร้ายแรงกึ่งไม่ร้ายแรง หากใช้ในทางที่ถูกต้องและดีก็จะสูญเสียพลังกายจนอ่อนเพลียเท่านั้น
หากใช้ในทางที่ผิดพลาดก็ถึงอาจแก่ชีวิตได้ |
พลังปราณนี้ถือว่าเป็นพลังปราณขั้นสูง
ต้องเป็นเซียนระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่จะใช้ได้ |
ปราณประสานชีพ |
คนที่จะร่ายปราณนี้ออกมาต้องเจาะจงว่าจะดึงวิญญาณของผู้ใดกลับเข้าร่างไร้ที่วิญญาณ
อาจเป็นเจ้าของร่างหรือเป็นวิญญาณเร่ร่อนก็ได้ |
คนที่จะร่ายปราณออกมานั้นต้องรอบรู้เรื่องพลังปราณเหลือล้น
เพราะต้องใช้กำลังในการดึงวิญญาณที่ล่องลอยกลับเข้าร่าง
หากไม่ได้ฝึกพลังปราณหรือมีพลังไม่มากพอ
การดึงวิญญาณก็จะไม่เป็นผลและจะทำให้สูญเสียพลังปราณเป็นอย่างมาก |
ปราณชีพทมิฬ |
เมื่อร่ายปราณออกมาแล้วจะเกิดพลังสีดำและลอยเข้าสู่ร่างไร้วิญญาณ
ซึ่งจะทำให้ร่างนั้นกลับมาเหมือนมีชีวิตอีกครา แต่ว่าไม่ใช่เป็นการดึงวิญญาณกลับเข้าสู่ร่าง
เป็นการร่ายพลังปราณทมิฬเข้าสู่ร่างแทนวิญญาณ อีกทั้งยังไม่เจาะจงอีกด้วยว่าต้องเป็นคนเดียว
อาจเป็นหลายๆ คนภายในเวลาเดียวก็ได้ |
ผู้ที่ร่ายปราณนั้นจะต้องฝึกวิชานอกรีตหรือวิชาผีวิถีมาร |
เคล็ดวิชากระบี่เวหา |
เป็นเคล็ดวิชากระบี่ที่หวังอี้โจวเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา
เคล็ดวิชานี้มีพลังในการทำลายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับจิตอัสนีคลั่ง
หากร่ายออกมาจะสามารถแยกกระบี่ของผู้นั้นออกเป็นสิบหรือร้อยเล่ม ซึ่งเหมาะแก่การสังหารฝ่ายตรงข้ามที่มีจำนวนมากให้ลดน้อยลงได้ |
ผู้ที่ร่ายปราณออกมานั้นต้องครอบครองกระบี่เท่านั้น อาวุธอื่นมิสามารถใช้ได้ ผู้ที่สามารถใช้พลังปราณนี้ได้มีเพียงแค่คนในสกุลหวังแห่งหวายหนานเท่านั้น |
สิ่งของ & อาวุธ
ชื่อสิ่งของและอาวุธ |
ผู้ครอบครอง |
ประเภท |
คำแปล |
อื่นๆ |
ดาบไร้ฆาต |
อดีต : - ตระกูลหลิวแห่งเสวี่ยนหยวน - เหอซื่อเหลียน ปัจจุบัน : เซียวจ้าน |
อาวุธ (ดาบยาว) |
|
เป็นดาบที่มีคมดาบยาวสีแดงและมีไอสีแดงเปลวออกมาจากคมดาบ
เป็นดาบที่ตระกูลหลิวเก็บรักษามาตั้งแต่ครั้นบรรพกาล สามารถใช้สังหารเหล่ามารทมิฬได้พริบตา
คนธรรมดาไม่ได้ฝึกวิชาเซียนนั้นจะไม่สามารถแตะต้องได้
เนื่องจากไอแห่งความตายและอาคมของดาบไร้ฆาตนั้นมีมาก เพียงแตะแค่ปลายเล็บก็ทำให้ร่างของผู้นั้นมอดม้วยเป็นเถ้าธุลีได้ |
กระบี่หมิงเยว่ |
หวังอี้ป๋อ |
อาวุธ (กระบี่ยาว) |
แสงจันทรา |
มีคมดาบและด้ามจับเป็นสีเทาส่องไสวดั่งแสงของจันทรา
จึงเป็นที่มาของชื่อนี้ ในตอนแรกกระบี่หมิงเยว่เป็นกระบี่ไร้นาม เซียวจ้านตั้งชื่อให้ |
กระบี่เหลี่ยวเจี๋ย |
เซียวจ้าน |
อาวุธ
(กระบี่ยาว) |
จบสิ้น |
|
กระบี่ไป๋เสวี่ย ฉินลู่เหวิน |
หวังจื่ออี้ |
อาวุธ
(กระบี่ยาว) สิ่งของ (กู่ฉินเจ็ดสาย) |
หิมะขาว หยกลายเมฆา |
|
กระบี่เฟิงเฉิน |
เจิ้งฝานซิง |
อาวุธ
(กระบี่ยาว) |
สลาตันแห่งรุ่งอรุณ |
|
พัดขนนกจื๋ออวี่ กระบี่เยว่เลี่ยง |
หลิวไห่ควาน |
อาวุธ (พัดขนนก) อาวุธ
(กระบี่ยาว) |
ขนนกม่วง จันทร์กระจ่าง |
|
กระบี่จิ่วเหลียน |
หวังอี้โจว |
อาวุธ (กระบี่ยาว) |
นพบงกช |
|
พัดขนนกชิงหลิง |
หลิวเหวินจิน |
อาวุธ (พัดขนนก) |
จิตวิญญาณแห่งความถ่อมตน |
|
ร่มกระดาษเจินหรง |
เมิ่งเหม่ยฉี |
อาวุธ
(ร่มกระดาษ) |
ความรุ่งโรจน์อันพิสุทธิ์ |
|
สุราฉางเอ๋อร์ |
|
สิ่งของ (สุรา) |
|
เป็นสุราที่เซียวจ้านและหลิวเหวินจินชอบดื่ม ชื่อของสุรามาจากเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ตามความเชื่อปรัมปราของจีน |
ถังหูลู่ |
|
สิ่งของ (ขนมหวาน) |
|
เป็นขนมหวานที่หวังอี้ป๋อชอบทาน ชื่อขนมหวานเคลือบน้ำตาลชนิดหนึ่ง ใช้ผลไม้ เช่น สตรอว์เบอร์รี พุทราจีน ฯลฯ เสียบไม้ไผ่เป็นแท่งเหมือนลูกชิ้นแล้วจุ่มลงในน้ำเชื่อม |
หมายเหตุ
*สาเหตุที่เซียวจ้านสามารถครอบครองดาบไร้ฆาตได้มีอยู่ 3 ประการ ดังนี้
• ดาบไร้ฆาตเลือกเจ้าของคือเซียวจ้าน
• เนื่องจากว่าเซียวจ้านเคยเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งครั้ง เมื่อฟื้นขึ้นมาจึงมีไอความตายเป็นไอสีดำติดตัว ซึ่งดาบไร้ฆาตเองก็มีไอแห่งความตายด้วยเช่นกัน พลังสามารถเชื่อมเข้าหากันได้
• จินตาน (พลังฝึกปรือ) ของเซียวจ้านไม่ได้ถูกทำลายเมื่อตอนที่เลือกจบชีวิต อีกทั้งวิญญาณกลับเข้าร่างเดิม จินตานไม่สลายไป กระบี่จดจำเจ้าของได้ ทำให้เซียวจ้านสามารถใช้จินตานขับเคลื่อนทั้งกระบี่ประจำตัวของตัวเองและดาบไร้ฆาตได้
การนับเวลาของจีนโบราณ
ชื่อยาม |
ช่วงเวลาเมื่อเทียบกับปัจจุบัน |
ยามจื่อ |
ช่วงเวลาระหว่าง
23.00 - 00.59 น. |
ยามโฉ่ว |
ช่วงเวลาระหว่าง
01.00 - 02.59 น. |
ยามอิ๋น |
ช่วงเวลาระหว่าง
03.00 - 04.59 น. |
ยามเหม่า |
ช่วงเวลาระหว่าง
05.00 - 06.59 น. |
ยามเฉิน |
ช่วงเวลาระหว่าง 07.00 - 08.59 น. |
ยามโหย่ว |
ช่วงเวลาระหว่าง 17.00 - 18.59 น. |
ยามซวี |
ช่วงเวลาระหว่าง 19.00 -
20.59 น. |
ยามไฮ่ |
ช่วงเวลาระหว่าง 21.00 -
22.59 น. |
ศัพท์ที่เกี่ยวกับเวลา
ชื่อเวลา |
ช่วงเวลาเมื่อเทียบกับปัจจุบัน |
หนึ่งเค่อ / เค่อ |
เทียบเท่าได้กับช่วงเวลา
15 นาที |
ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป |
เทียบได้ราวๆ 15
นาที หรือ 30 นาที
ซึ่งขึ้นอยู่กับความยาวของก้านธูป |
หน่วยวัดความยาว
ชื่อหน่วยวัดความยาว |
ความหมาย |
จั้ง |
หน่วยมาตรฐานวัดความยาวของจีน 1 จั้ง เท่ากับ 3.33 เมตร |
ชุ่น |
มาตราวัดความยาวของจีน 10 ชุ่น เท่ากับ 1 ฉื่อ
หรือมีความยาวราวๆ 1 ฟุต |
หลี่ (ลี้) |
เป็นหน่วยวัดระยะทางของจีน 1 หลี่ (ลี้) เท่ากับ 500 เมตร |
เหตุการณ์สำคัญในเรื่อง
เหตุการณ์ |
สถานที่ |
สาเหตุ |
อื่นๆ |
การดักสังหารที่เส้นทางบนเขา |
เส้นทางบนเขา |
ฝ่ายมารทมิฬดักสังหารสกุลหลิวแห่งเสวี่ยนหยวน
และชิงดาบไร้ฆาต |
|
ศึกยุทธนาวีอี้หาน |
ทะเลสาบอี้หาน
ซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่กั้นเมืองเหลียวหนิงเอาไว้ |
สกัดกั้นกองกำลังของมารทมิฬที่จะบุกแย่งชิงเมืองเหลียวหนิง |
เป็นการปะทะครั้งแรกระหว่างห้าตระกูลปราบมารและเหล่ามารทมิฬ |
ยุทธการที่วัดทิพยวิหาร |
วัดทิพยวิหาร ทางตะวันตกเฉียงเหนือของไฉอี้ |
สกุลหวังแห่งหวายหนานปราบฝ่ายมารทมิฬ |
|
เหตุการณ์ชิงดาบไร้ฆาตที่เมืองสวี่หลิว |
เมืองสวี่หลิว |
ปราบเหอซื่อเหลียนและชิงดาบไร้ฆาต |
|
โศกนาฏกรรมวางเพลิงเผาหวายหนาน |
เมืองหวายหนาน |
สกุลหวังแห่งหวายหนานถูกมารทมิฬเข้าโจมตี
และหวายหนานถูกเผาจนวายวอด |
|
ตำนานด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ตำนานด้ายแดงแห่งโชคชะตา (จีนตัวเต็ม : 紅線 จีนตัวย่อ : 红线 พินอิน : hóng xiàn / หงเซี่ยน) เป็นตำนานความเชื่อในด้านความรักของชาวจีนและญี่ปุ่น มีคำกล่าวว่าในชีวิตของเรานั้นจะมีด้ายแดงเส้นหนึ่งผูกเอาไว้ที่ข้อเท้าหรือนิ้วก้อยข้างใดข้างหนึ่งของเรา แล้วด้ายแดงนี้จะยาวประมาณสองรอบโลก ซึ่งด้ายแดงนี้จะนำทางเราไปหาคู่ชีวิต หรือเนื้อคู่ของเราที่ถูกลิขิตมา
ถึงแม้ว่าเส้นด้ายจะยุ่งเหยิงมากแค่ไหนและอยู่ใกล้ไกลแค่ไหน สุดท้ายแล้วเส้นด้ายจะไม่มีวันตัดขาดออกจากกันและสั้นลงเรื่อยๆ ให้เรามาพบเจอกับคู่ชีวิตในที่สุด ถ้าหากว่าเราไม่ได้อยู่เคียงคู่กัน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจากกันไปโดยที่ไม่ได้ครองรักกัน เส้นด้ายก็จะขาดไปเอง
มีตำนานได้กล่าวไว้ว่าในสมัยราชวงศ์ถัง มีเด็กชายคนหนึ่งมานามว่า เหวยกู่ เห็นชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ โดยที่เหวยกู่นั้นไม่รู้ว่าชายชราคนนั้นเป็น เฒ่าจันทรา หรือเยว่เซี่ยเหลา (月下老) โดยเฒ่าจันทรานั้นมีหน้าที่ผูกด้ายแดงไว้ที่ข้อเท้าหรือนิ้วก้อยข้างใดข้างหนึ่งของชายหญิงที่เป็นเนื้อคู่กัน และเมื่อผูกกันแล้วก็จะได้ครองรักกัน ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามมากมายเพียงใดก็ตาม มีเพียงเฒ่าจันทราเท่านั้นที่มองเห็นด้ายแดง อาจจะมีการผูกปมเพื่อให้พบรักกันเร็วขึ้นหรือช้าลง หรือถ้าหากว่าเฒ่าจันทราเห็นว่าความรักนี้ไม่เหมาะสมก็จะใช้ "กรรไกรตัดวาสนา" ตัดด้ายแดงออกเพื่อให้หมดสิทธิ์รักกัน
ด้วยความสงสัยเหวยกู่เอ่ยปากถามเฒ่าจันทราว่าอ่านหนังสืออะไรอยู่ เฒ่าจันทราบอกว่าเป็นตำราการแต่งงานของชาวโลก เหวยกู่รู้สึกสนใจในเรื่องนี้จึงเอ่ยปากถามเฒ่าจันทราว่าเนื้อคู่ของตนนั้นมีลักษณะเป็นเช่นไร เฒ่าจันทราบอกกับเหวยกู่ว่าจะพาไปหาเนื้อคู่ของตนและเดินไปที่ตลาดเก่าๆ แห่งหนึ่ง เฒ่าจันทราพาเหวยกู่มาหยุดลงตรงหน้าเด็กหญิงหน้ามอมแมมคนหนึ่ง และบอกกับเหวยกู่ว่านี่คือเนื้อคู่ของเขา พร้อมกับหายตัวไป ทำให้เหวยกู่รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากที่ถูกล้อว่าเด็กหญิงเนื้อตัวมอมแมมคนนี้เป็นเนื้อคู่ของเขา หลังจากที่เหวยกู่กลับบ้านก็สั่งให้คนรับใช้ไปสังหารเด็กหญิงคนนั้นเสีย
เวลาผ่านไปหลายปีเหวยกู่เติบโตขึ้นและสอบได้เป็นจอหงวน พร้อมกับเจ้าเมืองที่ยกลูกสาวของตนให้แต่งงานกับเขา หลังจากที่ครองคู่กันไปได้สักพักหนึ่ง เหวยกู่ก็สังเกตเห็นว่าหน้าผากของภรรยานั้นมีสัญลักษณ์บางอย่างอยู่ จึงถามนางว่าคืออะไร นางก็เล่าให้ฟังว่าแท้จริงแล้วนางนั้นมิใช่ลูกของเจ้าเมืองแต่อย่างใด หากแต่เป็นลูกของแม่ค้าจนๆ ในวัยเด็กมีชายคนหนึ่งใช้มีดกรีดหน้าของตนแล้วจากไป และเจ้าเมืองผ่านมาเห็นพอดีจึงรับอุปการะเป็นบุตรสาว
เมื่อฟังจบแล้วเหวยกู่ได้ตามคนรับใช้ที่ให้จ้างไปสังหารมา คนรับใช้ได้สารภาพว่าแท้จริงแล้วเขาไม่อาจทำใจสังหารเด็กน้อยคนนั้นได้ลงคอ จึงเพียงใช้มีดกรีดหน้าผากเป็นรอยสัญลักษณ์เท่านั้น หลังจากที่เหวยกู่ทราบเรื่องทั้งหมดแล้วจึงรู้ว่าสิ่งที่เฒ่าจันทรากล่าวเอาไว้นั้นเป็นความจริง เหวยกู่จึงขอขมาภรรยาและแม่ของนาง ก่อนที่จะครองรักกันไปอย่างมีความสุข
เพิ่มเติม : ตำนานของจีนและญี่ปุ่นจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยค่ะ ฝั่งชาวจีนเชื่อว่าคนเรามีด้ายแดงผูกอยู่ที่ข้อเท้า ส่วนญี่ปุ่นเชื่อว่าด้ายแดงผูกอยู่ที่นิ้วก้อยข้างใดข้างหนึ่งของเราค่ะ ซึ่งเรื่องนี้เรายึดถือตำนานของจีนเป็นหลักนะคะ เพราะว่าโลเคชั่นในเรื่องนี้ดำเนินอยู่ในประเทศจีนค่ะ
ความคิดเห็น