ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) BTS | AllV | Lareina Seven Wings #ลาเรียน่าออลวี

    ลำดับตอนที่ #7 : #ลาเรียน่าออลวี | CHAPTER VII [100%] (KookV / NC)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.08K
      81
      3 ส.ค. 62

    07





    วันนี้แทฮยองรู้สึกฟุ้งซ่านไปทั้งวัน


    เมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านั้นหลังจากที่ได้รับข้อความอันน่ากลัวจากเงา จนทำให้แทฮยองต้องวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อสำรอกเอาอาหารและน้ำย่อยออกมาด้วยความหวาดกลัว เขาไม่เคยพบเจอกับใครคนไหนที่ล่วงรู้อดีตของเขาได้แจ่มชัดถึงเพียงนี้เช่นเงามาก่อนเลยจริงๆ แถมยังคุกคามความเป็นส่วนตัวจนน่ากลัวอีกด้วย


    แทฮยองเรียนหนังสือไปด้วยความรู้สึกหวาดระแวงเป็นอย่างมาก ยาระงับอาการแพนิคก็เหมือนจะใช้ไม่ได้ ระยะเวลาที่เขาอยู่ในรั้วโรงเรียนนั้นมันช่างยาวนานเหลือเกิน เขาก็เฝ้ารอและตั้งคำถามในใจอยู่ซ้ำๆเพียงสองประโยคคือ 'เมื่อไหร่โรงเรียนจะเลิก' และ 'เมื่อไหร่จะหลุดออกจากช่วงเวลานี้เสียที' แบบนี้ไม่หยุด


    พอหลังจากที่ช่วงเวลาแห่งความทรมานสิ้นสุดลง ซอกจินก็มารับเด็กทั้งสามเพื่อกลับไปที่บ้าน คนแรกที่โผล่พราดเข้าไปในรถก็คือแทฮยอง ถึงแม้ว่าซอกจินจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามคนตัวเล็ก แล้วก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามตอบเรื่องในโรงเรียนวันนี้ด้วย ทำให้บรรยากาศในรถนั้นอึมครึมราวกับเมฆดำทะมึนๆที่ฝนใกล้จะตกในไม่ช้านี้


    ส่วนจีมินเองรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับแทฮยองกันแน่ เพราะอาการตื่นกลัวของร่างบางนั้นมันรุนแรงมากกว่าครั้งไหนๆ หลังจากที่แอบถามจองกุกหลังจากที่กลับมาบ้านและหลังจากที่แทฮยองวิ่งขึ้นไปบนห้องแล้ว เขาก็เข้าใจทันทีเลยว่าเป็นเพราะเหตุใดทำไมแทฮยองถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้


    "เกิดอะไรขึ้นน่ะ" นัมจุนถาม "ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลยนี่"


    จองกุกไม่ได้ตอบอะไร แต่เขายื่นกระดาษที่แทฮยองให้เขาอ่านแต่แรกให้กับนัมจุนแทน เพื่อเป็นการบอกกลายๆว่าลองอ่านกระดาษนี่ดูสิ แล้วจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น


    นัมจุนรับมันมาอย่างรวดเร็วและลงมืออ่านข้อความที่อยู่ในนั้น คนอื่นๆที่ยังไม่รู้สาเหตุนั้นก็กรูเข้ามาอ่านอย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติ เวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบวินาทีทุกคนก็มีสีหน้าที่ตกใจมาก เช่นเดียวกับจองกุกที่เห็นข้อความนี้ในตอนแรก


    "แม่งเอ้ย!" โฮซอกสบถ "ไอ้คนที่แทนตัวเองว่าเงานี่มันคือใครกันวะ!"


    "ไม่ใช่แค่พวกเราที่รู้อดีตของแทฮยอง" นัมจุนยกกระดาษขึ้นมาและเขย่าไปมาอย่างเบาๆ "คนที่สืบเชื้อสายของโรเวนนารู้หมดทุกคน รู้ว่าคนไหนที่สืบเชื้อสายของสโนว์ไวต์และมีอดีตเป็นอย่างไร เพื่อที่จะรับมือกับเหยื่อเพื่อให้การสังเวยนั้นสัมฤทธิ์ผล หากไม่มีวิธีรับมือหรือทำให้ยอมจำนน เหยื่อย่อมรู้ตัวและจะหนีไปได้ แล้วตอนนี้แทฮยองเริ่มตกที่นั่งลำบากแล้ว"


    "เป็นวิธีที่สกปรกสิ้นดี" ซอกจินพูด "ทำให้เหยื่อรู้สึกแย่และไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ก่อนที่จะทำการสังเวยเหยื่อ เกลียดวิธีนี้ชะมัด"


    ยุนกิอ่านข้อความในกระดาษที่นัมจุนยกขึ้นมา "หมายความว่าไงที่เงามันเขียนบอกว่า คงไม่ลืมเรื่องของพี่สาวอะไรนั่นน่ะ มันคืออะไรกันแน่เนี่ย แล้วแทฮยองเคยมีพี่สาวด้วยเหรอ"


    จองกุกย่นคิ้วลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดให้ยุนกิได้รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด



    "พี่แทฮยองเคยมีพี่สาว แต่เธอตายไปแล้ว"



    แทฮยองนอนคลุมโปงอยู่บนเตียงและนอนร้องไห้อยู่เพียงคนเดียวในห้อง อดีตที่เขาไม่อยากจะจำนั้นได้หวนกลับมาอีกแล้ว ทำไมเรื่องราวในตอนนั้นมันถึงย้อนกลับมาทำร้ายเขาเช่นนี้ จะผลักไสไล่ส่งก็ทำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งลืมกลับยิ่งจำ ยิ่งพยายามลืมมันก็ยิ่งเจ็บปวดและทรมาน ราวกับมีมีดมากรีดทิ่มแทงหัวใจ ราวกับมีกระสุนพุ่งตัดผ่านก้อนเนื้อจนธารน้ำสีแดงไหลออกมา


    เรื่องราวของพี่สาวที่เกิดขึ้นนั้นมันฝังลึกอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ เพราะภาพที่เขาเห็นและมันเกิดขึ้นนั้นติดตาเขา ยากแก่การลืมมันออกไปจากสมองได้ ภาพของเธอ ภาพในวันนั้น วันที่เขาต้องสูญเสียเธอไปอย่างไม่มีวันหวนคืนกลับมา


    กี่พรุ่งนี้ กี่วัน กี่ปีที่เขาจะลืมเธอได้ ลืมใบหน้าของเธอ ลืมรอยยิ้ม ลืมท่าทางอันอ่อนโยนของเธอ ลืมภาพติดตาของวันนั้นได้ เขาไม่มีทางลืมมันได้หรอก



    น้ำตาที่ไหอาบแก้ม หลั่งออกมาแด่มือที่เปื้อนเลือดของเธอในวันนั้น



    "พี่แทฮยองครับ พี่โอเคไหมครับ" จองกุกเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องนอนและเรียกชื่อของแทฮยองด้วบน้ำเสียงแผ่วเบา อีกทั้งไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง คนที่ถูกเรียกนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลยแม้แต่คำเดียว


    ร่างสูงก้าวเดินเข้าไปใกล้ที่เตียงอย่างช้าๆ หย่อนร่างนั่งลงบนฟูกอย่างช้าๆจนมันยุบลงไป ทางด้านแทฮยองเองก็รู้ตัวว่าจองกุกมานั่งบนฟูกใกล้กับเขาแล้ว แต่ก็ยังนอนอยู่นิ่งๆ ไม่ส่งเสียงสะอื้นออกมาและไม่ขยับร่างอะไรใดๆเลย


    มือหนาเอื้อมไปจับต้นแขนบางของคนตัวเล็ก เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เขารู้ดีว่าตอนนี้สภาพจิตใจของแทฮยองในตอนนั้นมันย่ำแย่มาก หากถามหรือทำอะไรที่ทำให้แทฮยองคิดมากนั้น นับเม็ดยาแก้อาการแพนิคได้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย


    "พี่ลืมวันนั้นไม่ได้เหรอครับ"


    "ไม่ได้..." แทฮยองตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา "พี่ลืมมันไม่ได้..."


    "พี่ลุกขึ้นมานั่งคุยกับผมหน่อยได้ไหมครับ"


    จบประโยคนั้นร่างบางค่อยๆขยับร่างขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างช้าๆ มือทั้งสองกอดเข่าแน่นและก้มหน้าลง ไม่ยอมสบตาของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียวเขารู้ดีว่าสภาพของตนเองในตอนนี้ในย่ำแย่และอ่อนแอมากเพียงใด เพียงแค่การมองหน้านั้นก็ทำได้ยากแล้ว



    ทันใดนั้นเองแทฮยองก็รู้สึกถึงบางอย่างกำลังโอบกอดเขาเอาไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าอีกฝ่ายได้ใช้แขนแกร่งโอบกอดร่างแน่น มือข้างหนึ่งลูบหลัง อีกข้างก็เลื่อนไปลูบผมอย่างแผ่วเบา หลังจากที่ได้รับสัมผัสอันอ่อนโยนนี้ แทฮยองก็ได้ปล่อยโฮออกมาในที่สุด



    "ร้องออกมาได้เลยนะครับ" จองกุกบอก "ร้องออกมาเท่าที่ความเจ็บปวดของพี่จะหายไป ร้องออกมาจนกว่าพี่จะรู้สึกดี ผมจะกอดพี่เอาไว้แบบนี้แหละครับ"


    มือบางทั้งสองที่กอดเข่าอยู่นั้นก็คลายออกอย่างรวดเร็วและเลื่อนไปกอดอีกฝ่าย ใบหน้าซบลงบนไหล่หนาอีกทั้งปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา เสียงสะอื้นดังขึ้นมาเป็นระลอกๆเนื่องจากความอัดอั้นตันใจที่เก็บเอาไว้นาน



    ความอ่อนโยนและการรับฟัง



    คือสิ่งที่แทฮยองอยากจะได้ยินมากที่สุดในตอนนี้



    เวลาผ่านไปนานพอสมควรแต่แทฮยองก็ยังไม่หยุดร้องไห้ เขาร้องไห้จนแก้มและขอบตาของเขาได้กลายเป็นสีแดงไปเสียแล้ว แถมในตอนนี้เขาก็รู้สึกแสบตรงขอบตาด้วย เขารู้ดีว่าน้ำตานั้นมันเป็นกรดจนทำให้ขอบตารู้สึกแสบ แต่อย่างน้อยก็ขอให้ความเจ็บปวดนี้ถูกบรรเทาด้วยการร้องไห้และส่งเสียงสะอื้นออกมาเถอะ


    "ผมรู้ว่าพี่พบกับเรื่องอะไรมาบ้าง" จองกุกกล่าวปลอบประโลม "มันหนักหนาสาหัสมากใช่ไหมครับ ตอนนี้ได้เวลาที่พี่ต้องระบายออกมาบ้างแล้ว เพื่อที่พี่จะได้สบายใจมากขึ้น พี่แบกรับความเจ็บปวดนี้มามากพอแล้ว ตอนนี้ได้เวลาที่พี่ต้องระบายและปล่อยวางแล้วครับ อย่าเจ็บปวดเพราะมันไปมากกว่านี้อีกเลย"


    "จองกุก..." คนตัวเล็กเรียก "ขอบคุณ...ฮึก...ขะ ขอบคุณมากๆเลยนะ..."


    "ไม่เป็นไรครับพี่ ร้องออกมาเถอะ ร้องออกมาได้เลย ผมจะอยู่กับพี่ตรงนี้แหละ"


    หัวใจด้วยน้อยของคนตัวเล็กนั้นรู้สึกดีขึ้นมาเป็นกองหลังจากที่ได้รับคำปลอบโยนของอีกฝ่าย นานแค่ไหนแล้วนะที่เขากอดร่างของตนเองและบอกกับตัวเองเพียงคนเดียวด้วยถ้อยคำซ้ำๆเหล่านี้ว่า สู้ๆ ไม่เป็นไรและต้องเข้มแข็งแบบนี้



    ชีวิตนี้ของร่างบางไม่ต้องการอะไรนอกเหนือจากนี้อีก เขาเพียงแค่ต้องการคนๆหนึ่งที่อยู่เคียงข้างเขา เข้าใจเขาและยอมรับเขาผู้ที่มีอดีตอันเจ็บปวดและมืดมนเหล่านี้ได้



    "จองกุก..." แทฮยองเอ่ย มือทั้งสองก็กำเสื้อของอีกฝ่ายแน่นด้วยความทรมาน "ช่วยทำให้พี่ลืมมันที...ได้โปรดเถอะนะจองกุก พี่ทรมาน พี่อยากลืมมันจริงๆ ช่วยจูบพี่ที..."


    จบประโยคนั้นริมฝีปากทั้งสองก็บดจูบแน่น แทฮยองรู้สึกว่าริมฝีปากของตนเองนั้นถูกกดลงมา มันทั้งหอม ทั้งหวาน ทั้งน่าหลงใหลจนไม่อาจต้านทานความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นได้เลย เนื้อแนบเนื้อ กายทั้งสองแอบอิงกัน ดุจดั่งโซ่เหล็กผูกมัดร่างทั้งสองไม่ให้ขยับหนีหายไปไหน


    มือหนาทั้งสองก็เลื่อนต่ำลงไปยังชายเสื้อทันที ในระยะเวลาไม่กี่วินาทีเสียงหอบหายใจของแทฮยองก็ดังขึ้นมาหลังจากที่รู้สึกว่าร่างกายกำลังหลอมละลายไปกับสัมผัสอันเย้ายวนชวนหลงใหลจากอีกฝ่าย ถึงมันจะทำให้มีความสุขและลืมอดีตของตนเองได้เพียงชั่วขณะ เขาก็ยอม


    ร่างทั้งสองโอบกอดแน่น ดวงตาทั้งสองของร่างบางปิดเพื่อดื่มด่ำสัมผัสนี้เข้าไปในส่วนลึกของหัวใจ ยิ่งระยะเวลานานเท่าใดทั้งสองก็ยิ่งถลำลึกลงไปมากขึ้นเท่านั้น ร่างกายเริ่มร้อนรุ่ม ตัณหาเองก็พุ่งขึ้นสูงมากเช่นกัน


    แทฮยองคิดว่าสถานภาพของตัวเองในตอนนี้ตกเป็นทาสอารมณ์ของอีกฝ่ายไปเสียแล้ว หลังจากที่ได้สติว่าแผ่นหลังของตนเองถูกเอนให้สัมผัสกับพื้นเตียงอย่างแผ่วเบา



    ไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ ปล่อยให้สัมผัสทางกายเป็นผู้สานต่อเรื่องราวนี้ต่อไป







    CUT
    ฉากไม่เหมาะสม








    ++
















    "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องเป็นเด็กดีของแม่นะแทฮยอง"



    หลายสิบปีตั้งแต่ตอนที่แทฮยองยังเป็นเด็ก ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ที่เมืองคอชัง ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆอยู่ในจังหวัดแดกู บ้านหลังเล็กที่มีคนอาศัยอยู่สี่คน โดยมีพ่อ แม่ พี่สาวและตัวแทฮยองเอง ดูเผิ่นๆคิดว่าเป็นบ้านอันอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักใคร่ของคนในครอบครัว แต่หาใช่เช่นนั้นไม่


    "แทยอน หนูช่วยดูแลน้องในขณะที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ด้วยนะจ้ะ อย่าเล่นมีดและของมีคมนะ ถ้าหิวก็เอาแยมสตรอเบอร์รี่กับขนมปังในตู้เย็นมาทาน แล้วก็อย่าดื้ออย่าซน เป็นเด็กดีนะจ้ะ"


    พ่อกับแม่ของเด็กทั้งสองนั้นกลับบ้านดึกเนื่องจากหน้าที่การงานที่ต้องทำ ส่งผลให้เด็กทั้งสองนั้นต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความผูกพันระหว่างพี่สาวกันน้องชายนั้นมีมากล้น เนื่องจากตัวพี่สาวเองก็ทำหน้าที่เป็นพี่ที่ดีด้วย ไม่ตีน้องและไม่ดุน้อง แต่จะกล่าวตักเตือนน้องเมื่อทำผิดแทน ทำให้แทฮยองนั้นรักพี่สาวของตนเองเป็นอย่างมาก


    บ้านของเด็กทั้งสองนั้นมีพี่สาวข้างบ้านมาช่วยดูแลทุกครั้งเมื่อพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านเสมอ ทั้งแทยอนและแทฮยองต่างก็เข้ากับเธอได้ดีด้วย เด็กทั้งสองเองก็นับถือเธอเป็นพี่แท้ๆ


    แต่บางครั้งบาวคราวในขณะที่เธอมาช่วยดูแลเด็กทั้งสองที่บ้าน เธอก็มักจะโทร.หาเพื่อนๆของเธอผ่านโทรศัพท์มือถือของเธอและบ่นต่อหน้าเด็กทั้งสองอยู่เสมอ ทำให้แทฮยองนั่นจำคำศัพท์ที่ไม่สุภาพเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ แล้วก็มักจะมาถามแทยอน พี่สาวของตนเองอยู่เสมอ


    "โอ้ย! ยายมินอานั่นน่ะเหรอ! ฉันล่ะอยากจะบ้าตายกับยายนั่นจริงๆ เป็นอีตัวล่าแต้มอยู่ได้!"


    "พี่แทยอน" แทฮยองเรียกพี่สาว "อีตัวมันคืออะไรเหรอ"


    "คนที่นอนกับคนอื่นไปเรื่อยๆน่ะ" เธออธิบาย "แต่เราอย่าไปพูดที่ไหนมั่วซั่วนะ มันไม่ดี แล้วก็คนอื่นไม่ชอบด้วย"


    แทฮยองพยักหน้า หันกลับไปฟังพี่สาวข้างบ้านบ่นกับเพื่อนของเธอในโทรศัพท์ต่อไป


    "เด็กๆ พี่ออกไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ อยากกินอะไรก็อยู่ในตู้เย็นนะ แล้วก็อย่าเล่นของมีคมด้วยล่ะ" เธอหันมาพูดกับเด็กทั้งสองหลังจากที่เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองพูดคำพูดที่ไม่ดีๆออกไป กลัวว่าเด็กๆจะจำคำเหล่านี้ไปพูดกับคนอื่น เธอจึงหันมาบอกเด็กทั้งสองก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัว เด็กทั้งสองก็มองเธอเดินออกไปจนไม่เห็นแล้ว


    "แทฮยอง กินขนมปังทาแยมไหม เดี๋ยวพี่ทำให้"


    คิมแทยอน พี่สาวของเขาที่มีอายุมากกว่าเขาสามปีเอ่ยปากชักชวนน้องชายทำอาหารอย่างง่ายที่เด็กๆสามารถทำได้ แทฮยองเงียบกริบและไม่ตอบว่าอะไร ฟากแตาพยักหน้าบอกพี่สาวแทน เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปที่ตู้เย็น มือก็คว้าเข้าที่ที่จับก่อนจะดึงออกมา ไอเย็นๆจากด้านในของตู้เย็นนั้นกระทบร่างของเธอ


    ทั้งแทยอนและแทฮยองชอบขูดน้ำแข็งที่เกาะอยู่ฝนช่องแช่แข็งของตู้เย็นมาทานอยู่เสมอ บางครั้งก็ชอบเปิดตู้เย็นและยืนอยู่ตรงนั้นนานเป็นนาที จนเสียงเตือนของมันดังขึ้นเพราะไอเย็นออกจากตู้เย็นมากเกินไป แล้วก็จะถูกแม่บ่นอยู่บ่อยๆ แต่ก็หาได้สนใจไม่


    แทยอนหยิบถุงขนมปังและโหลแยมสตรอเบอร์รี่ออกมาจากตู้เย็น มือทั้งสองของเธอโอบสิ่งของที่หยิบออกมาจนมันเกือบจะตกลงมา เธอเหยียบลงบนเก้าอี้และวางของเหล่านั้นลงบนโต๊ะเสียงดัง


    แทฮยองมองตามพี่สาวที่กำลังทำขนมปังทาแยมให้กับเขา เด็กหญิงหยิบขนมปังออกมาจากถุงสองแผ่น หลังจากนั้นเธอก็เปิดฝาโหลแยมออกมา ใช้ช้อนตักแยมออกมาและทาลงบนขนมปังจนมันเป็นสีแดงเต็มแผ่น มือเล็กๆของเธอก็ยื่นขนมปังที่ทาแยมเสร็จแล้วให้กับน้องชายที่กำลังนั่งรออยู่


    "แทฮยอง กินขนมปังซะสิ" เด็กหญิงบอก "เราจะได้โตไวๆไง"


    "ผมยังไม่อยากกิน"


    "น่าๆ กินเถอะ พี่ทำสุดฝีมือเลยนะ"


    ร่างบางหยิบขนมปังจากมือของเด็กหญิงและกัดด้วยคำโตๆ รสชาติของแยมสตรอเบอร์รี่ที่เขาชื่นชอบนั้นละลายในปากอย่างช้าๆ จริงอยู่ที่ว่าขนมปังทาแยมนั้นอร่อยที่สุด แต่ถ้าพี่สาวของเขาไม่ใส่แยมมากเกินไปจนมันล้นและหกลงบนโต๊ะไปหมดเท่านั้นเอง


    "พี่แทยอน" เขาเรียก "แยมเยอะเกินไป"


    "เราชอบแยมไม่ใช่เหรอ พี่ก็เลยใส่ให้เยอะเลย" แทยอนบอกน้องชายด้วยน้ำเสียงร่าเริงตามฉบับของเด็กผู้หญิง "หากไม่ชอบที่แยมเยอะเกินไป เดี๋ยวพี่กินให้นะ"


    แต่คนเป็นน้องก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หากแต่กัดขนมปังต่อไปจนหมด ถึงแม้ว่าแยมมันจะมากเกินไปแต่เขาเองก็ชอบ อีกอย่าง พี่สาวก็อุตส่าห์ทำมาให้ ใจจะปฏิเสธมันก็กระไรอยู่หรอก


    ใช้เวลาไม่นานแทฮยองก็ทานขนมปังทาแยมที่พี่สาวทำให้จนหมด น้องชายยิ้มแฉ่งให้กับพี่สาว ทั้งมือทั้งพื้นก็เลอะไปด้วยแยมสตรอเบอร์รี่ ถึงจะดูสกปรกแต่ก็ไม่ได้ทำให้เด็กทั้งสองสนใจสักเท่าไหร่นัก แล้วก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องเก็บกวาดและทำความสะอาดอีกด้วย อย่างมากที่เด็กทั้งสองทำก็คือใช้ไม้กวาดมากวาดพื้นเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆยังทำไม่เป็น แล้วก็ไม่กล้าทำด้วย


    "แทฮยอง" แทยอนเรียก "มาเล่นเกมกับพี่ไหม"


    "เกมอะไร"


    "เกมพระราชา" เธอบอกน้องชาย "ถ้าพี่สั่งให้ทำอะไรเราก็ทำตามพี่นะ ตอนนี้พี่จะเป็นพระราชาก่อน"


    "พี่แทยอน พี่ขี้โกงนี่" แทฮยองบอกพี่สาวด้วยน้ำเสียงงอน "ให้ผมเป็นก่อนไม่ได้เหรอ"


    "เอาเถอะน่า ดูพี่ก่อน" เธอมองซ้ายมองขวาและพูดงึมงำราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง "การเป็นพระราชาจะต้องมีไม้เท้า"


    จบประโยคนั้น แทยอนยกเก้าอี้มาวางอยู่ด้านหน้าของลิ้นชักที่สูงกว่าเธอนิดหน่อย เท้าเหยียบลงบนพื้นเก้าอี้และดีดตัวใช้เท้าอีกข้างเหยียบอย่างชำนาญ แทฮยองมองดูพี่สาวที่เปิดลิ้นชักและหยิบมีดแหลมๆออกมาจากตรงนั้น


    "พี่แทยอน" เขาเรียกพี่สาว "แม่กำชับไว้ว่าอย่าเล่นของมีคมนี่"


    "เอาน่าๆ แค่แป๊บเดียวเอง" แทยอนบอกน้องชายและลงมาจากเก้าอี้อย่างช้าๆด้วยความระมัดระวัง เธอถือมีดแหลมๆเอาไว้ตรงอกของตนเอง ในความคิดเธอบอกกับตัวเองว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แค่เอาออกมาเล่นแค่เดี๋ยวเดียวก็เก็บแล้ว


    ทันใดนั้นเอง เท้าของเด็กหญิงก็เผลอเหยียบแยมสตรอเบอร์รี่ที่ทำหกเอาไว้นั้นล้มลงไปกับพื้น ปลายมีดแหลมๆนั้นทะลุเข้าร่างเล็กๆของเธออย่างรวดเร็ว แทยอนไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้เลยแม้แต่น้อย จะเรียกน้องชายก็ทำไม่ได้


    เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอนั้นมีน้ำอุ่นๆไหลออกมาจากร่างมาปะทะกับแบมสตรอเบอร์รีที่เธอทำหกเอาไว้ เธอคิดว่ามันเป็นสีเดียวกันเลย เพียงแต่ว่ามันต่างกันตรงอุณหภูมิเท่านั้น แยมสตรอเบอร์รี่นั้นเย็น ส่วนเลือดของเธอนั้นอุ่น เมื่อมันออกมาปะทะกับพื้นกระเบื้อง มันจึงเย็นตาม


    แทฮยองที่ยืนหันหลังให้กับพี่สาวนั้นได้ยินเสียงล้มจึงรีบหันมาอย่างรวดเร็ว ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็คือร่างของแทยอนกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ เธอนิ่งมาก ไม่ส่งเสียง ไม่ขยับและไม่มีปฏิกิริยาอะไรทั้งนั้น เขาเดินเข้าไปหาเธอและเขย่าร่างเบาๆเพื่อให้เธอตื่น แต่กลับไม่มีสิ่งใดตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย ทั้งเรียกทั้งเขย่าก็ยังไม่ตอบกลับมา


    มือทั้งสองจับพลิกร่างของแทยอนขึ้น แทฮยองเห็นว่าดวงตาของเธอปิดแน่น สงสัยคงหลับอยู่กระมัง แล้วเป็นเพราะเหตุใดทำไมร่างของเธอมีแต่น้ำสีแดงๆเต็มไปหมดและมีบาดแผลใหญ่อยู่เล่า แทฮยองใช้มือเขย่าร่างของพี่สาวอีกครั้งแล้วก็ไม่ได้รับการตอบกลับเลยแม้แต่น้อย


    เขาเห็นบาดแผลใหญ่ที่อยู่ตรงอกของเธอ จึงเดินออกไปจากห้องครัวตรงไปยังตู้ยาสามัญประจำบ้าน แทยอนเคยบอกเขาว่าถ้าหากมีบาดแผลใหญ่หรือเล็กก็ใช้พลาสเตอร์ปิดแผลมาปิดเสีย เลือดจะได้ไม่ต้องไหลอีก


    ร่างบางเชื่อพี่สาวอย่างสุดหัวใจและเชื่อว่าเธอพูดถูก มือบางหยิบเอาพลาสเตอร์ใสๆรูปกระต่ายสีขาวที่เธอชอบออกมาห้าแผ่น เขาคิดว่าน่าจะปิดบาดแผลได้อย่างสนิท เมื่อหยิบพลาสเตอร์กระต่ายสีขาวที่พี่สาวชอบแล้วจึงเดินกลับมาที่ห้องครัว แกะซองออกและแปะพลาสเตอร์เหล่านั้นรอบๆบาดแผลของเธอ โดยเว้นจุดที่ที่มีโลหะฝังอยู่แล้วนั่งชันเข่ารอเธอฟื้นขึ้นมา


    "เด็กๆ ทานขนมปังหรือยัง..." พี่สาวข้างบ้านเดินเข้ามาในห้องครัวหลังจากที่พูดคุยกับเพื่อนเสร็จแล้ว ทันทีที่เห็นร่างของเด็กหญิงที่ถือมีดที่ฝังอยู่ในอก เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ "พระเจ้าช่วย! แทยอน!"


    "พี่แทยอนชวนผมเล่นเกมอะไรก็ไม่รู้" แทฮยองชี้ไปที่แทยอน "เกมนี้งี่เง่า ผมไม่ชอบ"



    หลังจากนั้นแทฮยองถูกพี่สาวข้างบ้านแจ้งความว่าเขาฆ่าแทยอน ทำให้พ่อกับแม่กลับมาที่บ้านรวดเร็วหลังจากที่ได้รับสายจากเธอ พวกเขาก็ต้องทรุดนั่งลงร้องไห้กับพื้นเพราะเห็นร่างไร้วิญญาณของลูกสาว ทางด้านแทฮยองเองก็ถูกส่งตัวไปโรงพักและถูกสอบสวน ร่างบางเองก็ตอบได้เพียงไม่กี่คำหลังจากที่เหล่าตำรวจถาม เขาตอบว่าแทยอนงี่เง่าและชวนเล่นเกมงี่เง่าอยู่อย่างนั้น


    พ่อกับแม่ของเขานั้นตามมาที่สถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม อีกทั้งได้ซักถามลูกชายคนเล็กว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่ถูกถามนั้นก็ตอบได้เพียงคำเหล่านี้ว่าแทยอนงี่เง่าและชวนเล่นเกมงี่เง่าวกไปวนมาแบบนี้ ผลสรุปจากทางตำรวจก็คือเขาไม่ได้ฆ่าพี่สาว หากเป็นอุบัติเหตุเท่านั้น


    พอหลังจากที่พ่อ แม่และแทฮยองกลับมาจากสถานีตำรวจมาที่บ้าน เขาก็ไม่พบร่างที่เปื้อนไปด้วยเลือดของพี่สาวแล้ว ทั้งร่างของเธอ และทั้งเลือดที่ไหลเจิ่งนองไปบนพื้น ถามใครก็ไม่มีใครรู้ ยิ่งเป็นทางรถพยาบาลกับรถมูลนิธิเก็บศพก็แล้วใหญ่ ไม่มีใครรู้สักคน ต่างคนต่างก็ให้เหตุผลเหมือนกันว่าตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่ก็ไม่เห็นร่างของแทยอน แล้วเธอหายไปไหน เธอกำลังเล่นเกมงี่เง่าเหล่านั้นกับพวกเขาอยู่ใช่หรือไม่


    ไม่มีใครสามารถหาคำตอบเหล่านี้ได้เลยสักคน เขาจำได้เลยว่าทั้งพ่อและแม่ของเขาต่างก็ร้องไห้จนล้มขาแข็งไปทั้งสองหลังจากตามหาร่างของลูกสาวไม่พบ ทั้งการสูญเสียลูกสาวคนโตและร่างของเธอก็หายไปเช่นนี้มันช่างหนักหนาสาหัสเหลือเกิน แทฮยองทรุดนั่งร้องไห้อยู่บนพื้นเช่นเดียวกัน เขาส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและทรมานที่พี่สาวหายตัวไป


    "พี่แทยอน! พี่นี่งี่เง่าที่สุดเลย!" ร่างบางตะโกน "เล่นเกมงี่เง่า! แล้วนี่ก็ซ่อนตัวไปอยู่ไหนก็ไม่รู้! พี่แทยอนงี่เง่า! งี่เง่าที่สุดเลย!"



    แทยอนเสียชีวิตและร่างของเธอหายไปตอนอายุหกปี ซึ่งในตอนนั้นแทฮยอง ผู้เป็นน้องชายของเธอถูกครหาว่าฆ่าพี่สาวตั้งแต่อายุสามปี



    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นประมาณสองวัน ครอบครัวของเขาก็ได้เก็บของย้ายออกจากบ้านหลังนั้นไปที่อินชอน เพื่อหลบหนีเสียงครหาและการใส่ร้ายลูกชายคนเล็กของตนเอง คำพูดเหล่านั้นของคนข้างบ้านได้ทิ่มแทงหัวใจอันไร้เดียงสาของแทฮยองจนมันหยุดเต้น และได้กลายเป็นหัวใจอันด้านชาและไร้ชีวิตในที่สุด อีกทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้แทฮยองต้องหวาดกลัวต่อสิ่งรอบข้างอย่างรุนแรง


    ในตอนเด็กนั้นก็หนักหนาอยู่มากพอแล้ว พอตอนที่เขาขึ้นมัธยมต้น เสียงนินทาจากผู้ที่รู้เรื่องราวในอดีตของเขานั้นก็กลับมาอีกครั้ง สามปีที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานจากการเรียนหนังสือในโรงเรียนแห่งนั้นมันพุ่งสูงมากขึ้น มันมากเกินจนทำให้แทฮยองต้องไปที่คลินิกเพื่อรักษา ในที่สุดก็ได้ยาต้านโรคแพนิคมาทานเพื่อระงับความตื่นกลัวต่อสิ่งรอบข้างของตนเองที่มากเกินไป


    ทั้งอดีต ทั้งความทรงจำ ทั้งความสุขของเขาที่ได้อยู่กับพี่สาวได้ถูกทิ้งให้อยู่ในเมืองคอชัง อยู่ในบ้านอันโดดเดี่ยวหลังนั้น เขาจำได้ว่าหลังจากที่รถขนย้ายขับออกไป เขามองเห็นเธอยืนอยู่ที่หน้าบ้าน เธอมองมาที่ตนเองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม แทฮยองรับรู้ถึงข้อความที่เธออยากจะบอกเขา



    "อย่าทิ้งพี่ไป ได้โปรด อย่าทิ้งพี่ไปเลยนะแทฮยอง พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวตรงนี้"



    แทฮยองไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย เขามองไปที่เธอจนกระทั่งภาพของเธอเลือนหายไปพร้อมกับความทรงจำอันดำมืดที่ได้จมอยู่ในมหาสมุทรแห่งความโศกเศร้า ซุกซ่อนอดีตที่ดำดั่งไม้มะเกลือนี้เอาไว้ในส่วนลึกของชีวิต ที่ใครจะเข้ามารุกรานไม่ได้ เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่น่าขมขื่นโดยไร้พี่สาวที่เมืองอินชอน บ้านใหม่ของเขา



    กาลครั้งหนึ่งเขาเคยมีพี่สาว แล้วเธอก็มีชื่อว่าคิมแทยอน







    #ลาเรียน่าออลวี







    TBC. [18/04/2019]

    และนี่คืออดีตอันมืดมนของแทแทค่ะทุกคน ตอนนี้ไม่มีพาร์ทของสโนว์ไวต์และสั้นหน่อย คงไม่ว่ากันน้าาา แต่ฉากตัดจัดเต็มนะเออ...

    สงสารยัยแทง่าาา ;-; น้องโดนกล่าวหาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเลย ทำให้น้องฝังใจและหวาดกลัวจากสิ่งรอบข้างรุนแรงจนกลายเป็นโรคแพนิค ต้องทานยาตามที่หมอสั่งและแอบทานยาโดยไม่ให้แม่รู้ เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของแทแทนั้นมืดมนและเต็มไปด้วยเรื่องราวเลวร้ายมาก นี่คือเหตุผลว่าทำไมแทแทถึงอยากลืมมันแต่ก็ลืมไม่ได้เลย เพราะฝังใจกับเหตุการณ์นั้นนั่นเองค่ะ แล้วเราก็อยากจะบอกว่าตอนนี้เราเองแต่งไปแล้วรู้สึกดาวน์กับหดหู่ไปกับยัยแทจริงๆค่ะ อีกทั้งตอนนี้เราแต่งไปร้องไห้ไปด้วย (นี่คือเรื่องจริงค่ะ อายจริงๆ 555555555)

    คิดๆไปก็รู้สึกว่ายัยแทผ่านอะไรมามากมายจริงๆ และแทแทเองก็มีเหตุผลที่สร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อเลี่ยงการพบปะกับเหตุการณ์ที่อาจส่งผลเหมือนกับอดีตอันเลวร้าย ทั้งการย้ายมาเรียนที่โรงเรียนใหม่ในมัธยมปลาย ใช้ชีวิตอย่างเงียบๆและไม่เป็นจุดสนใจของเพื่อนๆในห้อง แต่ลึกๆในใจแล้วก็อยากจะให้ใครสักคนรับฟังเรื่องของน้องและคอยปลอบโยนน้องให้ผ่านแต่ละวันไปได้ด้วยดี

    หากคนรอบตัวของทุกคนมีแนวโน้มว่าจะมีลักษณะเหมือนกับยัยแทหรือมีแนวโน้มมีอาการซึมเศร้า อย่าลืมเข้าไปให้กำลังใจและปลอบโยนเขาด้วยนะคะ เพราะว่าอย่างน้อยก็ให้เขารู้สึกสบายใจและมีกำลังใจในการสู้ต่อไป

    ส่วนคนที่เข้ามาอ่านแล้วมีความรู้สึกซึมเศร้า หรืออยากได้กำลังใจ เราก็อยากจะบอกว่าสู้ๆนะคะ คุณทำได้ค่ะ อย่าเพิ่งยอมแพ้ตอนนี้ ไม่มีสิ่งใดที่ยากสำหรับคุณแน่นอน จงเข้มแข็งและเชื่อมั่นในตัวเองนะคะ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเพื่ออนาคตที่จะมาถึงก็พอแล้วนะคะ เราเชื่อว่าคุณทำได้ค่ะ ฟ้าหลังฝนย่อมแจ่มใสเสมอ เราเองก็ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่าาาา \^0^/


    ยังไงก็อย่าลืมช่วยเป็นกำลังใจให้น้องแทด้วยนะคะทุกคน เป็นกำลังใจให้น้องผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากและอันตรายนี้ไปได้ สิ่งที่น้องจะต้องเจอในไม่ช้านั้นมันรุนแรงมาก อีกทั้งโรคแพนิคที่น้องกำลังประสบอยู่ในตอนนี้ด้วย น้องยืนตัวคนเดียวไม่ไหว มาเป็นกำลังใจให้น้องได้ผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกันนะคะ

    ท้ายที่สุดแล้วเราก็ขอฝากติดตามเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ อย่าลืมเฟบ โหวต กดให้กำลังใจ สกรีมฟิคในทวิตเตอร์และคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ

    ฟีดแบคดีเท่ากับเรามีกำลังใจและตอนต่อไปนาจา...

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×