ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) BTS | AllV | Lareina Seven Wings #ลาเรียน่าออลวี

    ลำดับตอนที่ #18 : #ลาเรียน่าออลวี | CHAPTER XVIII [100%] ♫

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 387
      28
      7 ธ.ค. 62

     BGM : Final Fantasy XV OST - The Hydraean's Wreath


    18





    ช่วงหนึ่งในชีวิตของเรานั้นย่อมมีฝนตก หรือลมพายุพัดโหมกระหน่ำ ความแรงของพายุนั้นทำให้สิ่งปลูกสร้างต่างๆพังทลายลงมาจนย่อยยับ เมื่อมันหายไป ย่อมทิ้งเศษซากที่มันได้ทำลงไปเอาไว้ให้ผู้คนจดจำ อีกทั้งยังต้องเก็บกวาดเศษซากเหล่านั้นอีกด้วย

    เธอเองก็เคยจมอยู่ท่ามกลางบาดแผลเหล่านั้นมาก่อน คนเหล่านั้น ปัญหาเหล่านั้นที่เข้ามาย่อมไม่มีทางสนใจเธอ มันโหมกระหน่ำเข้ามาอย่ารุนแรงโดยไร้ซึ่งความปรานี เธอเจ็บปวดสุดหัวใจ เธอต้องทนทุกข์ทรมานเพราะมันมากแค่ไหน เธอร้องไห้ เธอร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด แต่ก็ไม่มีผู้ใดหันมาสนใจเธอเลยแม้แต่คนเดียว พอมันหายไป มันย่อมทิ้งบาดแผลที่เหลือเอาไว้ให้เธอเสมอ

    ทว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปจนหัวใจที่บอบช้ำของเธอได้รับการเยียวยา เมื่อเธอหันกลับมามองสิ่งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ยากสำหรับเธอแล้ว มันเป็นอดีตที่เธอจดจำมันและเตือนใจเอาไว้เสมอ ว่าเธอเคยเผชิญกับมันมาก่อนและผ่านมาได้ เธอเข้มแข็งขึ้น เธอแข็งแกร่งขึ้นและเติบโตขึ้นเพื่อที่จะเผชิญโลกกว้างต่อไป

    เธอคือคนนั้น คนที่ฉันเห็นหัวใจอันบอบช้ำของเธอ

    ฉันยอมที่จะปกป้องเธอ และโอบกอดเธอในวันที่ยากลำบากให้เธอเอง





    คลื่นของน้ำทะเลกระทบฝั่งจนเกิดเสียงกระแทกของน้ำและพื้นดินดังลั่น กระแสลมจากฝั่งทะเลพัดผ่านร่างของสโนว์ไวต์จนทำให้ผมของนางปลิวไสวลู่ลมตาม เบื้องหน้าของทุกคนนั้นเป็นปราสาทสีดำที่สะท้อนแสงของพระอาทิตย์


    ความสงบนิ่งและไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว มิอาจต่อต้านกระแสน้ำที่ถาโถมเข้าฝั่งและสายลมที่พัดผ่านร่างไป เสียงหัวใจเต้นรัวและเป็นจังหวะจนแทบจะทำให้ทุกคนได้ยินมัน บัดนี้คือช่วงเวลาที่สำคัญที่ชี้เป็นชี้ตายของแผ่นดิน ว่าใครเหนือกว่าใคร



    ทว่าสิ่งเหล่านั้นมิอาจทำให้พวกเขาต้องครั่นคร้ามเลยแม้แต่น้อย



    ทัพของสโนว์ไวต์มีกลยุทธ์วิธีในการบุกเข้าโจมตีปราสาทของโรเวนนามีดังนี้ คือหนึ่ง ส่งเหล่าคนแคระทั้งหกบุกเข้าไปทำลายทหารที่ประจำการประตูเมือง สอง ทัพของวิลเลี่ยมจะบุกเข้าโจมตีทางด้านทิศใต้ของปราสาท โดยผ่านท่อระบายน้ำ และทัพสุดท้ายคือทัพของสโนว์ไวต์ หรือทัพหลวง จะบุกเข้าโจมตีหลังจากที่เหล่าคนแคระเปิดประตูเมืองได้สำเร็จ


    ซึ่งในตอนนี้ทุกคนต่างก็รอเวลาที่เหล่าคนแคระจะส่งสัญญาณมาให้กับทัพของสโนว์ไวต์ จะช้าหรือเร็วอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเหล่าคนแคระทั้งเจ็ดเท่านั้น


    "จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน" เบ็ธกล่าว


    "เดินไปสิเจ้าทึ่ม!" มูเออร์กล่าวเสียงดังพลางผลักนีออนให้เดินไปข้างหน้า


    "เจ้าก็อย่าดันข้าสิ! ข้าเองก็รีบอยู่เนี่ย!" นีออนสวนกลับ


    บัดนี้เหล่าคนแคระทั้งหกต่างก็อยู่ด้านในของท่อระบายของปราสาทโรเวนนา ในคราแรกนั้นพวกเขาวางแผนเอาไว้ว่าจะปีนข้ามกำแพงด้านหน้าของปราสาทและเปิดประตูให้ แต่ดูจากสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่น่าเหมาะสมเสียเท่าไหร่ เพราะทหารเวรยามประตูนั้นมีการเฝ้ายามที่แน่นหนามาก หากปีนข้ามกำแพงจากด้านหน้าของปราสาทนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการเดินไปให้เสือขย้ำเลยล่ะ


    สโนว์ไวต์ได้ออกความคิดเห็นว่า การที่จะเข้าไปข้างในและจัดการกับทหารที่มีหน้าที่เฝ้าเวรยามประตูนั้นต้องผ่านทางท่อระบายน้ำ ถึงแม้ว่ารูท่อระบายน้ำนั้นจะมีขนาดเล็ก ทว่าก็ทำให้เหล่าคนแคระทั้งหกสามารถเข้าไปข้างในได้โดยไม่ต้องบุกป่าฝ่าดง ปีนกำแพงหรือต้องถูกเหล่าทหารไล่ฆ่า และนั่นอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว


    "ข้าล่ะอยากจะร้องไห้ เกิดมาแคระเตี้ยแล้วยังจะมีชีวิตที่ตกต่ำอีก!"


    "เกิดมาเป็นคนแคระก็ลำบากเช่นนี้แหละหนา" ฟินน์พูดอย่างใจเย็นและคมคาย คำพูดของเขานั้นสุดแสนจะสวยหรูจนทำให้หลายๆคนต่างก็เงียบไปพร้อมๆกัน "จะกระทำสิ่งใดแต่ละคราก็ล้วนแล้วแต่ลำบากไปหมด"


    "ตรงนี้แหละ!" กัสร้องออกมาเสียงดัง "ถือให้ข้าที!"


    กัสยื่นจอบไปให้ฟินน์ ก่อนที่จะถูกมูเออร์กับกอธพยุงแขนทั้งสองข้างและดันสะโพกกับเท้าขึ้นไป จนทำให้ร่างของกัสสูงมาพอที่จะมองเห็นด้านในของปราสาทผ่านช่องขนาดเล็ก เหล่าทหารสวมชุดเกราะสีดำวิ่งขวักไขว่ไปมาอย่างอลหม่านราวกับผึ้งแตกรัง บ้างก็วิ่งไปพร้อมกับอาวุธ บ้างก็วิ่งขึ้นบันได บ้างก็ควบม้าตรงไปที่ไหนสักที่


    บทสนทนาของเหล่าทหารที่กัสไม่สามารถจับใจความได้ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ถึงแม้ว่าบทสนทนาเหล่านั้นจะฟังไม่ออกและไม่รู้เรื่อง ทว่าเขาเองก็รู้ว่าเสียงเหล่านั้น


    เมื่อกัสดูลาดเลาข้างในของปราสาทเรียบร้อยแล้วจึงโบกมือไปมาเพื่อให้มูเออร์กับกอธนำร่างของเขาลงมา เบ็ธรีบเอ่ยปากถามกัสทันทีที่เห็นว่าเขาดูลาดเลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว


    "เป็นเยี่ยงไรบ้าง"


    "ประตูอยู่ห่างจากพวกเราไปประมาณห้าสิบหลา แต่บริเวณนั้นมีกองทหารอยู่เต็มไปหมดเลย" กัสเอ่ย "แล้วหากเป็นเช่นนี้พวกเราควรทำเยี่ยงไรต่อไปดี"


    "ข้าว่าพวกเราได้เปรียบนะ" กอธกล่าว "ใครเล่าที่กล่าวว่าคนแคระทำอะไรไม่ได้น่ะ"


    เหล่าคนแคระต่างก็มองหน้ากันไปมาอย่างงงๆเพียงชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้าพร้อมกันหนึ่งครั้งราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างออก พวกเขาค่อยๆปีนขึ้นไปบนกำแพงและมุดออกจากรูของท่อระบายน้ำที่กัสสอดส่องความปลอดภัยเมื่อกี้


    เรียกได้ว่าเป็นโชคของเหล่าคนแคระเลยก็ว่าได้ ร่างกายแคระแกร็นของพวกเขานั้นไม่อาจทำให้เหล่าทหารต้องสังเกตเห็น ประกอบกับสถานการณ์ในตอนนี้ที่สุดแสนจะวุ่นวายและวิ่งไปวิ่งมาเหมือนผึ้งแตกรัง เหล่าคนแคระวิ่งผ่านและไปหลบด้านหลังกล่องไม้บ้าง หลังม้าบ้าง หรือไม่ก็ประมือกับทหารบางนายเล็กน้อยเพื่อจัดการกับเสี้ยนหนามที่มาขวางทาง


    พวกเขากวัดแกว่งอาวุธในมือไปมาอย่างไม่ยอมแพ้ จนทำให้เหล่าทหารล้มระเนระนาดเกลื่อนพื้นไปหมด เมื่อจัดการกับเสี้ยนหนามเรียบร้อยแล้วจึงรีบเดินขึ้นบันไดไปยังจุดที่จะเปิดประตูให้กับทัพของสโนว์ไวต์เข้ามาในปราสาท


    "โฮ่โฮ่! ก็ไม่ได้ยากนี่หว่า!"


    กอธกล่าวพลางยกมือขึ้นมาเท้าเอวอย่างมีชัย ก่อนที่เหล่าคนแคระคนอื่นๆจะรีบเข้ามาในห้องพลางปิดประตูเสียงดัง ต่างคนต่างก็จับจองที่ว่างของวงล้อกันอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อเปิดประตูเมืองขนาดใหญ่



    ครึกๆ



    เสียงการทำงานของเชือกและวงล้อขนาดเล็ก กลางและใหญ่ที่เชื่อมต่อกันกับวงล้อที่เหล่าคนแคระกำลังหมุนต่างก็ดังสนั่น อีกทั้งยังเคลื่อนไหวตามการทำงานของมันไปด้วย ประตูเมืองถูกลดความสูงต่ำลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาพาดกับแผ่นดินที่อยู่ตรงหน้าของมัน บัดนี้ทัพของสโนว์ไวต์สามารถเคลื่อนพลเข้าไปในปราสาทได้แล้ว


    "เคลื่อนทัพ!"


    สโนว์ไวต์ชักดาบออกมาจากฝักพร้อมกับชี้ปลายดาบไปข้างหน้า ก่อนที่เสียงกีบม้าจะดังขึ้น ตัวที่เหลือจึงดังตาม ความรวดเร็วของพวกมันยามที่ควบทะยานตรงไปยังข้างหน้านั้นแทบมองไม่เห็นฝุ่นเลย เสียงเฮลั่นของเหล่าทหารดังกึกก้องไปทั่ว เหล่าคนแคระผละออกจากวงล้อเปิดประตูปราสาทและตั้งท่าที่จะเดินออกไป


    "นีออน! ระวัง!"


    เบ็ธร้องเสียงดังเพื่อเตือนนีออน บัดนี้มีทหารทมิฬตนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องหมายที่จะทำร้ายนีออน คนที่ถูกร้องเตือนเสียงดังนั้นจึงหันไปมองข้างหลัง บัดนั้นเองเขาก็ชักมีดสั้นออกมาและแทงเข้าไปที่บริเวณขมับของทหารทมิฬตนนั้นที่จะเข้ามาทำร้าย หลังจากที่คมมีดสั้นเสียงทะลุเนื้อแล้ว ร่างของมันก็แตกสลายหายไปดุจดั่งอากาศธาตุ


    "ไปช่วงองค์หญิงกัน! เร็วเข้า!" กอธร้องบอกก่อนจะพุ่งออกไปจากนอกห้อง เบ็ธและนีออนพยักหน้าหนึ่งพร้อมกับก่อนจะวิ่งตามคนที่เหลือเพื่อไปช่วยสโนว์ไวต์เข้าไปข้างในของตัวปราสาท


    เหล่าทหารมารทมิฬต่างก็ชัดอาวุธออกมาเพื่อต่อสู้กับทัพทหารของสโนว์ไวต์ รายแล้วรายเล่าล้มลงไปนอนกับพื้นพร้อมร่างไร้วิญญาณ โดยที่แต่ละคนนั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนที่ล้มนอนอยู่บนพื้นนั้นเป็นผู้ใด เป็นคนในพรรคพวกเดียวกันกับตนเองหรือไม่ มิมีผู้ใดรู้


    ความโกลาหลบังเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ทัพของสโนว์ไวต์บุกเข้ามาในปราสาท พรานป่าเอริคและวิลเลียมกวัดแกว่งอาวุธในมือไปมาเพื่อกำจัดศัตรูที่จะเข้ามาทำร้ายพวกเขา ร่างของมันแตกสลายกลายเป็นควันสีดำเเช่นเดียวกันกับนีออนลงมือสังหารมารที่เข้ามาทำร้าย บ้างก็ล้มลงไปพร้อมกับร่างไร้วิญญาณ ก็มี


    สโนว์ไวต์กวัดแกว่งดาบสีเงินในมือไปมาเพื่อกำจัดทหารมารทมิฬ นางรีบกระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว เร่งฝีเท้าทั้งสองวิ่งเข้าไปข้างในของตัวปราสาทอย่างไม่คิดชีวิต พรานป่าเอริค วิลเลียมและเหล่าคนแคระต่างก็วิ่งตามนางไปเพื่อคุ้มกันความปลอดภัย


    "คุ้มกันองค์หญิงให้ได้!" เบ็ธตะโกนบอก "อย่าให้ไอ้พวกน่าขยะแขยะเหล่านี้ทำร้ายองค์หญิงแม้แต่ปลายเล็บ! นี่คือคำสั่ง!"


    "สู้ตายถวายแด่องค์ราชันย์!"


    เหล่าคนแคระยกอาวุธที่อยู่ในมือสุดแขน ก่อนจะวิ่งตามสโนว์ไวต์ที่วิ่งเข้าหปข้างในปราสาทเพื่อประมือกับโรเวนนาที่อยู่ด้านใน พวกเขาวิ่งตามนางไปอย่างรวดเร็วและไม่คิดชีวิต ขณะนั้นเองก็แกว่งอาวุธในมือเพื่อประมือกับเหล่าทหารมารทมิฬที่พุ่งออกมาเพื่อหมายทำร้ายพวกเขาไปด้วย


    โรเวนนาที่อยู่ด้านในของท้องพระโรงรู้สึกหวาดหวั่นใจเพียงชั่วครู่ บัดนั้นรอยยิ้มมุมปากก็เผยออกมาให้เห็นแทน นางเกร็งมือทั้งสองและยกขึ้นมาเหนือศีรษะของนาง ปรากฏให้เห็นถึงกิ่งไม้สีดำที่ผุดออกมาจากพื้น มันกวัดแกว่งไปมาราวกับว่ามันมีชีวิตให้เคลื่อนไหวได้


    ราชินีทมิฬจับจ้องสายตาไปยังประตูสีขาวที่ทำมาจากหินอ่อนที่ปิดสนิทอย่างไม่ละสายตา ก่อนที่นางจะกวาดมือทั้งสองจากไปด้านหลังและดันมือทั้งสองออกไปให้สุดแขน พร้อมกับเหล่ากิ่งไม้สีดำที่พุ่งออกไปข้างหน้าอย่างแรงจนทำให้กำแพงที่โอบล้อมประตูหินอ่อนกลายเป็นรูขนาดใหญ่



    ปัง!!



    "องค์หญิง! ระวังพะย่ะค่ะ!"


    เบ็ธตะโกนร้องบอกสโนว์ไวต์เสียงดัง นางชะงักทันทีที่มองเห็นกิ่งไม้ที่ดำพุ่งมาจากข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ต่างคนต่างก็หลบแรงกระแทกของกิ่งไม้สีดำเหล่านั้นกันไปคนละทิศคนละทาง จนทำให้เหล่าทหารมารทมิฬถูกลูกหลงจากกิ่งไม้ที่พุ่งมาจากข้างหน้าทันที


    "โรเวนนา..." สโนว์ไวต์พูดเบาๆเพียงวลีเดียว นางรีบยันกายให้ลุกขึ้นจากพื้นและก้มหยิบดาบสีเงินที่ตกอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว เร่งฝีเท้าของตนเองให้ไวขึ้น บัดนี้นางรู้แล้วว่าโรเวนนาอยู่ส่วนไหนของปราสาท นางจึงสับเท้าของตนเองตรงไปที่นั่นอย่างรวดเร็วโดยไม่สนสใจพรานป่าเอริค วิลเลียมและเหล่าคนแคระ


    กว่าที่พวกเขาจะตั้งสติและลุกขึ้นวิ่งตามนางต่อไปก็ใช้เวลาไปชั่วครู่หนึ่งแล้ว หากนางชักช้าพิพี้พิไรอาจทำให้พลังของโรเวนนาแข็งแกร่งขึ้น และอาจไม่สามารถกำราบนางได้ กิ่งไม้สีดำนั้นปัดกวัดแกว่งไปมาจนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทะลายและอยู่ในความเสียงหาย ไอสีขาวที่ตกหล่นลงมาได้ปกคลุมร่างของพวกเขาไปหมด


    "องค์ราชินีพะย่ะค่ะ!" มหาดเล็กคนหนึ่งที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมไปทั้งตัววิ่งเข้ามาถามโรเวนนาด้วยความเร่งรีบ "ทัพของดยุกแฮมมอนส์ทำลายกองทัพของพวกเราย่อยยับเลย บัดนี้สโนว์ไวต์ก็เข้ามาข้างในปราสาทและพร้อมที่จะประมือกับพระองค์แล้ว! พวกเราควรทำเยี่ยงไรหรือพะย่ะค่ะ!"


    "ให้พวกมันบุกเข้ามา" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงคับแค้นใจ "ให้พวกมันมาเอากระโหลกของมัน มันจะได้รู้ไปถึงรากเหง้าของมันว่าเล่นกับใครไม่เล่น"


    ไม่นางนักสโนว์ไวต์ก็มาถึงที่หมายของตนเอง นางเปิดประตูพร้อมกับเดินเข้าไปในท้องพระโรงพร้อมกับดาบในมือ เบื้องหน้าของนางนั้นเป็นบุคคลที่นางเกลียดชังและไม่อยากจะเห็นหน้ามากที่สุด


    คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีดำซึ่งตัดกับผมสีบลอนด์ทอง ดวงตาเล็กทั้งสองจับจ้องมองมาที่นางด้วยความเกลียดชังประดุจดั่งความแค้นได้สะสมมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ซึ่งสโนว์ไวต์เองก็หาได้หวาดกลัวไม่ เพราะบัดนี้หัวใจของนางแข็งแกร่งมากพอที่จะกำจัดอธรรมให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินนี้


    โรเวนนาเกร็งมือทั้งสองด้วยความโกรธแค้นที่มองเห็นศัตรูของนางที่ยืนถือดาบอยู่เบื้องหน้า แต่ก็ยังมิวายที่จะฉีกยิ้มร้ายส่งให้กับสโนว์ไวต์ และกล่าวคำทักทายประดุจดั่งมิไได้พบเจอหน้ากันมานาน


    "สวัสดี สโนว์ไวต์"





    ++





    วิเวียนเอ๋ย เธอจงตื่นขึ้นมาเถิด



    วิเวียน ตื่นขึ้นมาจากหลับใหลนี้เถิด



    วิเวียน ลาเรียน่า



    วิเวียน ลาเรียน่า...



    "อือ..."


    แทฮยองส่งเสียงในลำคออย่างช้าๆก่อนจะลืมตื่นขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่งที่ขาวโพลนไปหมด พยายามขยับกายให้ลุกขึ้นมาจากพื้นที่ตนเองกำลังนอนอยู่ในตอนนี้ ร่างบางคิดในใจว่าสถานที่แห่งนี้มันคือที่แห่งใด สวรรค์หรือ นรกใช่ไหม หรือว่าเป็นจิตใต้สำนึกที่อยู่ในใจของเขาก่อนที่จะตายกันนะ เขาไม่อาจหาข้อสรุปได้เลยแม้แต่น้อย แทฮยองขยับแขนและขาทั้งสองอย่างช้าๆ ก่อนจะยันร่างของตนเองยืนขึ้นมา พร้อมกับมองไปรอบๆเพื่อดูว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่


    สิ่งที่เขาเห็นเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะมืดไปหมด เขาจำได้ว่าเห็นภาพของจองกุกกับชองฮาถูกลากออกไป โดยที่ตัวเองถูกกระจกของโลงแก้วกักขังเอาไว้โดยมิให้ออกไปไหน มือทั้งสองตะกุกตะกายโลงแก้วพร้อมกับพยายามทุบมันให้แตกเพื่อที่ตนเองจะได้หนีออกไป ทว่าอากาศภายในโลงแก้วนั้นกลับมีอยู่น้อยหรือแทบไม่เหลือเลย หมอกในหัวและความง่วงงุนเริ่มเกิดขึ้นกับแทฮยอง มันสะกดให้เขาต้องอ่อนแรงลง มือทั้งไร้ซึ่งเรี่ยวแรงทั้งหมด หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆปิดตาลงพร้อมกับดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา



    ที่แห่งนี้คือที่ไหน เหตุไฉนเขาถึงไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย



    คนตัวเล็กย่นคิ้วลงเมื่อเห็นว่าที่แห่งนี้ไม่คุ้นหูคุ้นตาเอาเสียเลย หมอกในศีรษะของตนเองเริ่มจางลงอย่างช้าๆและเริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆที่อยู่รอบกายของตนเอง รอบกายของเขาเป็นต้นไม้สีขาวโพลน ใต้ฝ่าเท้าของเขาเป็นหิมะนุ่มนิ่ม ลมพัดผ่านพาหิมะสีขาวผ่านร่างบางไป ทว่ากลับมิได้ให้ความรู้สึกเหน็บหนาวจับขั้วหัวใจเลยแม้แต่น้อย แน่นอน เพราะที่แห่งนี้คือจิตใต้สำนึกของเขาเอง ความร้อนหรือหนาวเหน็บมากแค่ไหนเขาก็มิอาจรู้สึกถึงมันเลย


    แทฮยองเดินไปเรื่อยๆจนมาเห็นแอปเปิลสีแดงฉานผลหนึ่งที่ถูกกัดจนแหว่งตกลงบนพื้นหิมะ มันเรียกร้องให้เขานั้นต้องเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา แทฮยองพลิกไปพลิกมาก็รู้ทันทีเลยว่าแอปเปิลผลนี้เป็นผลเดียวกันกับที่เขากัดมันไปก่อนหน้านี้ ร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆเมื่อมองดูมัน


    ขณะเดียวกันนั้นเองก็มีใครสักคนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ข้างขวาของเขา ร่างบางเองก็รับรู้ด้วยความรู้สึกของตนเองว่ามีใครสักคนกำลังมองดูเขาจากตรงนั้น ทำให้เขาต้องรีบหันไปดูทันทีอย่างไม่รีรอสิ่งใดให้มากกว่า พบว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีผมสีดำขลับดุจดั่งไม้มะเกลือ ริมฝีปากแดงฉานดั่งโลหิต และยังมีผิวกายเรียบเนียนอีกทั้งยังขาวราวหิมะที่กำลังพัดผ่านเขาในตอนนี้ หญิงผู้นั้นสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆแทฮยองอย่างช้าๆ ทว่าแทฮยองนั้นไร้ซึ่งการขยับหนีไป เพราะคนๆนี้เป็นคนที่เขารู้จักดี นอกจากจะมองเห็นในความฝันของตนเองแล้ว ยังเป็นบรรพบุรุษของตนเองเมื่อพันกว่าปีที่ผ่านมาแล้ว หญิงสาววัยดรุณีผู้นี้มิใช่ใครที่ไหน


    "สโนว์ไวต์..." แทฮยองพูดด้วยเสียงเบา


    "ดีใจจังที่ได้พบเธอ" สโนว์ไวต์กล่าวตอบ "เธอนั้นเหมือนฉันเหลือเกิน ทั้งรูปร่างและเรื่องราวที่เกิดขึ้น เว้นเสียแต่ว่าเธอเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงเหมือนอย่างฉัน"


    "ที่นี่คือที่ไหนเหรอฮะ" แทฮยองเอ่ยปากถามพร้อมกับมองไปรอบๆ


    "จิตใต้สำนึกของเธอเอง วิเวียน" สโนว์ไวต์ตอบ "เป็นภาพที่เธอเห็นก่อนที่จะหมดสติไป มันเป็นความทรงจำที่เธอลืมไปไม่ได้ มันฝังแน่นอยู่ใต้จิตใจของเธอและยากที่จะลืมเลือนไปได้ ถึงมันอาจจะไม่ดีมากนัก แต่ว่ามันเป็นเครื่องหมายที่บอกกับเธอว่าอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอผ่านมันมาได้"


    แทฮยองไม่สามารถเอื้อนเอ่ยประโยคใดๆออกมาจากปากของตนเองได้เลยแม้แต่น้อย มันจุกอยู้ในลำคอและบังคับให้เขาไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ สโนว์ไวต์ส่งยิ้มบางๆให้เขาพร้อมกับเดินไปเดินมาราวกับรอบางสิ่งบางอย่าง คนตัวเล็กอยากจะไถ่ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้เหลือเกิน ทว่าเขาเองก็กำลังตกอยู่ในภวังค์ของความสับสนอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถเรียบเรียงสิ่งที่อยู่ในความคิดออกไปได้เลย


    สโนว์ไวต์พูดต่อ "ฉันรู้ว่าเธออยากจะรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดแต่เธอไม่สามารถถามอะไรออกได้ ฉันเข้าใจว่าตอนนี้เธอกำลังสับสนอยู่ในเขาวงกต แต่ตอนนี้เธอจงวางใจได้เลย เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ที่เธอทำตามหัวใจของเธอมาตลอด มันกำลังจะตอบแทนเธอภายในไม่ช้านี้"


    "ทำไมผมต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วยครับ" แทฮยองถามเสียงอ่อย "ผมผิดเหรอครับที่เกิดมาบนโลกใบนี้ เกิดมาเป็นสายเลือดของคุณและกำลังจะถูกสังเวยเลือดแด่ราชินีโรเวนนา ผมผิดเหรอครับ"


    "ไม่ใช่ความผิดของเธอ วิเวียน" สโนว์ไวต์กล่าว "คนที่ผิดจริงๆก็คือโรเวนนา พวกเราเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในหมากเกมกระดานของนางเท่านั้น ทั้งเธอและฉันต่างก็มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เหมือนกัน เธอคือฉัน และฉันคือเธอ เธอก็คือฉันที่กลับมาเกิดในชาตินี้ และเธอเป็นผู้เดียวที่จะมาปลดปล่อยทุกๆคนให้หลุดออกจากห้วงนรกที่โรเวนนาสร้างขึ้นมา"


    แทฮยองเงียบและหายใจได้ไม่เต็มปอด ตอนนี้เขากำลังจมอยู่ในภวังค์แห่งความสับสนจนทำอะไรไม่ถูก สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือการนิ่งเงียบและฟังในสิ่งที่สโนว์ไวต์พูดเท่านั้น


    สโนว์ไวต์พูดต่ออีกครั้ง "บางครั้งบางคราวที่คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เธอสามารถเลือกในสิ่งที่เธออยากจะเป็นได้ ใช้ความกล้าของเธอในการปลิดชีพของโรเวนนาเสีย บัดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะดับสูญไปเอง เธอเป็นคนเดียวเท่านั้นที่จะตอกตะปูปิดเรื่องราวเหล่านี้ที่ดำเนินมาตลอดพันปี พันปีที่ฉันเฝ้ามองลูกหลานของฉันที่ตายไปแต่ละคน ฉันเจ็บปวดมากจริงๆที่ไม่สามรถช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้เลย"


    แทฮยอง "..."


    "ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนที่สังหารโรเวนนากับมือ แต่นางกลับรอดไปได้สิงสู่อยู่ในกระจกวิเศษ ฉันทำพลาดอย่างมหันต์ ทำให้ฉันรอเวลานี้มาเกือบพันปีจนฉันเวียนว่ายมาเกิดเป็นเธอ นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนที่สืบเชื้อสายของโรเวนนาแต่ละคนบอกว่าเลือดของเธอนั้นบริสุทธิ์มาก"


    แทฮยอง "..."


    "เธอกับฉัน เราสองมาช่วยกันปิดเรื่องนี้ให้จบกันเถอะ เพื่อตัวเธอและคนที่เธอรักสุดหัวใจ" สโนว์ไวต์ยื่นมือไปด้านหน้าของแทฮยองเพื่อรอให้ร่างบางจับมือของนาง "จับมือฉัน และก้าวข้ามผ่านเรื่องราวนี้ไปด้วยกันเถอะนะ วิเวียน"


    คนตัวเล็กมองมือของสโนว์ไวต์อย่างชั่งใจ หากเขาจับมือนี้จะกลับไปสู่โลกของเขาที่อยู่หรือไม่ และเรื่องราวหลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว เขาเองก็ไม่อาจจะล่วงรู้ได้เลยว่าชีวิตหรือเหตุการณ์หลังจากนี้จะเป็นเช่นไร จะดี จะร้าย จะดำทมิฬหรือจะจมอยู่ในห้วงแห่งความทรมานนี้ไปมากแค่ไหน แต่ที่แน่ชัดก็คือตอนนี้ร่างจริงๆของเขานอนอยู่ในโลงแก้ว อีกทั้งจะหมดลมหายใจไปในไม่ช้านี้


    แทฮยองย่นคิ้วลง ตัวเลือกสองทางเกิดขึ้นในความคิดและวนไปวนมาเป็นวงกลม หากเขาจะเลือกหรือไม่เลือกอย่างน้อยมันก็ดีในแบบของมัน หากเขาไม่เลือกที่จับมือของสโนว์ไวต์และปล่อยให้ตนเองหมดลมหายใจไปอย่างช้าๆ ผลสุดท้ายคนที่เสียใจที่สุดก็จะเป็นตัวเขาเอง และไม่ใช่เพียงแค่เขาที่เสียใจ แม่ของเขาต่างที่จะเสียใจเป็นที่สุด หากจับมือของนาง เหตุการณ์หลังจากนี้เขาก็จะเผชิญหน้ากับโรเวนนา ตัดสินเรื่องราวและการแข่งขันทั้งหมดเพื่อดูว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ


    ร่างบางสูดลมหายใจของตนเองเข้าปอดอย่างช้าๆพร้อมกับปิดตาทั้งสองอย่างช้าๆ เวลาของตนเองเริ่มหมดลงแล้ว สองตัวเลือกนี้ที่เขายังเลือกไม่ได้ยังคงวนไปวนมาอยู่ในความคิด สุดท้ายแล้วแทฮยองก็ตัดสินใจเปิดดวงตาทั้งสองของตนเองออก ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



    และจับเข้าไปที่มือของสโนว์ไวต์



    สโนว์ไวต์เผยยิ้มออกมาอย่างช้าๆ "เธอเป็นนักสู้มาโดยตลอด วิเวียน การที่เธอเลือกตัวเลือกนี้แสดงให้เห็นว่าเธอเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป และพร้อมที่จะก้าวข้ามผ่านเรื่องราวเหล่านั้นไปอย่างภาคภูมิ ฉันเชื่อว่าสิ่งที่เธอเลือกตัวเลือกนี้เธอจะไม่มีวันเสียใจในภายหลังแน่นอน เธอเป็นคนดี วิเวียน เธอเป็นคนที่แสนดีต่อคนรอบข้างมาโดยตลอด แม่ของเธอต้องภูมิใจในตัวเธอมากแน่นอน"


    แทฮยองมองหน้าสโนว์ไวต์ด้วยสายตาอันแน่วแน่


    "กลับบ้านกันเถอะนะ วิเวียน"


    หลังจากนั้นก็เกิดแสงสีขาวบังเกิดขึ้นกับเขาและสโนว์ไวต์ ลมที่พัดพาหิมะนั้นปั่นป่วนและวนรอบร่างทั้งสองไปมา แทฮยองหลับตาทั้งสองลงอย่างช้าๆ ภาพแห่งความทรงจำระหว่างคนรอบข้างของเขาอย่างแม่ ชายทั้งหกและเพื่อนๆได้ลอยเข้ามาในความคิด ก่อนที่จะกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงตามตัวเลือกที่เขาได้เลือกเอาไว้



    เขาจะไม่เสียใจ



    เขาจะไม่ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว



    หลังจากนี้เป็นต้นไป เขาจะเข้มแข็งขึ้น แข็งแกร่งขึ้นในโลกอันแสนโหดร้ายนี้ต่อไป




    โรเวนนารู้สึกฉุนเฉียวเป็นอย่างมากที่จองกุกบังอาจเรียกนางว่านางราชินีลูกหมา ตั้งแต่ที่นางกำเนิดมาก็มิมีผู้ใดที่อายุน้อยกว่าเรียกนางด้วยคำเช่นนี้มาก่อนเลย นางถือว่าคำๆนี้เป็นคำที่นางเกลียดมากที่สุด นางไม่เคยคิดที่จะอยากจะได้ยินเลยแม้แต่น้อย นางชิงชังมันเหลือเกิน ทันทีที่นางได้ยินคำที่จองกุกเรีบกนาง นางก็ชี้หน้าใส่จองกุกทันทีด้วยอารมณ์โกรธ


    "ลูกหมาอย่างนั้นหรือ! รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดกับใคร! กล้าดียังไงที่คิดคดทรยศต่อสายเลือดตัวเอง! เจเค! แอนนี่!"


    "แอนนี่คือชื่อพี่เหรอครับ"


    จองกุกหันมาถามชองฮาโดยไม่สนใจคำถามของโรเวนนา


    "อะ...เอ่อ ใช่ ชื่อพี่เอง" เธอตอบในขณะที่กำลังงงงวยกับสิ่งที่จองกุกถามอยู่ "ทำไมเหรอ"


    "ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่สงสัยเฉยๆว่าแอนนี่คือใคร"


    "อ๋อ"


    "ไม่สนใจในสิ่งที่ข้าถามเลยหรือไง!" โรเวนนาเริ่มหัวเสียมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อนางเห็นว่าทั้งจองกุกและชองฮาไม่ได้สนใจคำถามของนาง ซ้ำยังหันมาสนทนากันทั้งสองคนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งยังมิเกรงกลัวความตายเลยแม้แต่น้อย


    "อ้อ เมื่อกี้เจ้าถามว่ากระไรนะ" จองกุกถามอย่างยียวน "ข้าได้ยินไม่ค่อยชัด"


    "เจเค! เจ้าคิดที่จะกวนประสาทข้าหรืออย่างไร"


    จองกุกไม่ตอบ หากแต่มองหน้าของโรเวนนาด้วยสีหน้านิ่งๆโดยไร้ซึ่งการแสดงสีหน้าทางอารมณ์ความรู้สึก เขาเกลียดหญิงผู้นี้เป็นอย่างมากที่ริบังอาจมายุ่มย่ามกับแทฮยองของเขา หากเขาสังหารนางได้ในพริบตานั้นเขาก็จะทำ ทว่าในเมื่อตอนนี้มีผู้สืบสายเลือดคนอื่นๆที่จ้องจะเล่นงานเขาอยู่มีมากเหลือเกิน รอจังหวะดีๆก่อนแล้วค่อยประมือกับนาง


    โรเวนนาย่างก้าวเข้ามาใกล้ๆจองกุก นางยกมือขึ้นมาไล้ไปตามกรอบหน้าของเขาเพื่อพินิจพิเคราะห์ถึงบางอย่าง ซึ่งร่างสูงเองก็เบือนหน้าหันไปทางอื่น เพราะเขาไม่คิดอยากที่จะมองเห็นใบหน้าของนางที่เขาเกลียดชังหนักหนา


    "อายุก็ยังน้อย เหตุใดจึงต้องเลือดทางผิดจนตัวต้องมาหาความตายเยี่ยงนี้"


    "เจ้าเอาสิ่งใดมาพูดว่าข้ากำลังจะตาย" จองกุกเลิกคิ้ว "ถึงข้าจะตาย เจ้าก็ต้องตายไปก่อนเป็นคนแรก"


    "วาจาช่างร้ายกาจ แต่คงไม่รู้หรอกนะว่าถ้าหากเด็กอมมือเช่นเจ้ามาพูดจาเช่นนี้กับผู้ใหญ่จะเกิดสิ่งใดขึ้น"


    "เหอะ! คนอย่างเจ้าน่ะหรือเป็นผู้ใหญ่" ชองฮาที่เงียบไปนานจึงโผล่งขึ้นพร้อมกับแค่นหัวเราะในสิ่งที่โรเวนนาพูดออกมาเมื่อกี้ ราวกับว่าสิ่งที่นางพูดนั้นมันเป็นสิ่งที่น่าหัวร่อยิ่งนัก "ยังเป็นเด็กที่เอาแต่ใจเหมือนเดิม แม้นว่ากาลเวลาจะผ่านไปเป็นพันๆปี เจ้าก็ยังคงงอแงและแสนเอาแต่ใจเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต เหอะ! ช่างน่าขันยิ่งนัก! สมกับเป็นราชินีลูกหมาโรเวนนา"


    "หุบปาก!"


    ชองฮาอ้าปากเมื่อนึกบางอย่างออก "โอ้! เจ้ามิชื่นชอบให้ผู้อื่นเรียกเจ้าว่าลูกหมาหรือ ราชินีลูกหมาโรเวนนา นางราชินีใจหมาโรเวนนา"


    บัดนี้โรเวนนาทนคำดูถูกเหยียดหยามต่อไปไม่ไหวแล้ว นางละความสนใจจากจองกุกพุ่งเข้ามาตบหน้าของชองฮาอย่างแรงจนใบหน้าของเธอหันขวับ จองกุกเบิกตากว้างที่เห็นภาพเช่นนั้นแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ไฟโทสะของโรเวนนาปะทุจนมิอาจห้ามได้ นางรีบคว้าเข้าที่คอของชองฮาทันทีหลังจากที่สะบัดข้อมือกระทบแก้มของเธอ เพราะนางรับไม่ได้กับสิ่งที่เธอพูดออกมาจึงต้องใช้กำลังเช่นนี้ เพื่อบีบบังคับให้ชองฮาต้องพูดออกมาอีกครั้ง


    "เจ้า! นางเด็กสารเลว!" ราชินีทมิฬเกร็งข้อมือของตนเองพร้อมกับออกแรงยกร่างของชองฮาขึ้นด้วยความเคียดแค้น "กล้าดียังไงถึงมาพูดจาเช่นนี้กับข้า!"


    "รับไม่ได้ล่ะสิ รับความจริงไม่ได้ล่ะสิว่าเจ้าเป็นคนพรรค์นั้น" ชองฮาแสยะยิ้มพร้อมกับคราบเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก ก่อนจะกระแทกเสียงออกมาอย่างเน้นๆ ย้ำๆ เพื่อให้โรเวนนารู้สึกเจ็บใจ "ไอ้ขี้แพ้"


    "ถอนคำพูดบัดเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าฆ่าเจ้าแน่!"


    "ก็เอาสิ ให้คนทั้งโลกได้รู้เลยว่าเจ้ามันขี้แพ้ เถียงสู้ไม่ได้ก็เลยต้องใช้กำลัง นางราชินีลูกหมาเอ้ย เมื่อไหร่จะรู้จักโตเสียที พ่อกับแม่ของเจ้าไม่ได้ต้มตำราหนังสือให้เจ้ากินหรืออย่างไรกันนะ ช่างสงสัยเหลือเกิน"


    ชองฮาถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าของโรเวนนาพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างมีชัย ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอถือไพ่เหนือกว่านางเป็นอย่างมาก การปั่นหัวปั่นสติของนางเล่นแบบนี้มันแสนจะสนุกเหลือเกิน


    โรเวนนากรีดร้องเสียงดัง นางออกแรงบีบคอของชองฮาอีกครั้งจนเธอเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับอ้าปากกว้างเพื่อขออากาศหายใจ มือทั้งสองของเธอยกขึ้นมาบีบข้อมือของโรเวนนาอย่างแรงหงเพื่อหมายที่จะให้นางปล่อยมือออก แต่มันก็ทำได้ยากยิ่งนัก เพราะแรงบีบของนางยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ ชองฮารู้สึกว่าลูกตาทั้งสองของเธอแทบจะถลนออกมาเบ้าตาได้ทุกเมื่อ


    จองกุกพยายามสะบัดแขนของตนเองให้ออกจากการจับกุมของชายร่างกำยำที่จับร่างของเขาเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน แต่การที่เขาดิ้นไปดิ้นมานั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ จองกุกพยายามบอกกับตนเองว่าเขาต้องหลุดออกไปให้ได้ มิเช่นนั้นชองฮาไม่รอดแน่นอน


    "ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้! แอนนี่! มิเช่นนั้นเจ้าตาย!"


    "อะ...อั่ก! ไม่"


    "พี่ชองฮา!" ร่างสูงตะโกนเมื่อเห็นใบหน้าของชองฮาที่แดงไปหมด


    "ต่อให้ตาย...ข้าก็ไม่ถอนคำพูดหรอก" ชองฮาพูดออกมาอย่างยากลำบาก "ราชินีใจหมาเช่นเจ้า ต้องตายอย่างทรมานในปรโลก"


    โรเวนนาออกแรงบีบมากขึ้นไปอีก จนตอนนี้ชองฮาเริ่มรู้สึกว่าลมหายใจของตนเองเริ่มหมดลงเรื่อยๆ สติของเธอเริ่มพร่าเลือน ดวงตาเริ่มจับภาพไม่ได้ ร่างกายที่กำลังอ่อนลงอย่างช้าๆ มือทั้งสองของเธอที่จับข้อมือของโรเวนนานั้นก็ผล็อยลงจนร่วงลงมาแนบกับลำตัว เสียงที่ดังระงมก้องหูของเธอเริ่มเบาลง ชองฮารู้สึกว่าในอีกไม่ช้าเธอก็จะหมดลมหายใจ แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่เสียดายชีวิตเลย เพราะเธอเองก็ได้ตายอย่างมีเกียรติเพื่อเพื่อนของเธอไปแล้ว



    ฟึ่บ!!



    "โอ้ย!"


    ทันใดนั้นเองก็มีบางสิ่งบางอย่างพุ่งเข้ามาปักบนต้นแขนข้างขวาของโรเวนนางอย่างแรงจนนางเผลอปล่อยร่างของชองฮาลง เธอร่วงลงไปนอนกับพื้นราวกับใบไม้ที่ปลิดปลิวจากกิ่งของมัน ชองฮาไอและหายใจเข้าออกมาเสียงดังเพื่อรับอากาศเข้าไปในปอด ชั่วขณะที่เธอกำลังสติพร่าเลือนเพราะออกซิเจนไม่พอนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นลูกธนูที่ปักอยู่บนต้นแขนของโรเวนนา ก่อนที่จะหันไปมองรอบๆจนกระทั่งมาพบกับเพื่อนคนที่เหลือของเธอที่อยู่ด้านบนคานของโบสถ์


    "ปล่อยแทฮยองเดี๋ยวนี้เลยนะ!" ยูคยอมตะโกนลั่น ก่อนที่ทุกคนจะกระโดดลงมาจากคานด้วยเชือกสีน้ำตาลลงมายังด้านล่าง ผู้คนที่อยู่ด้านล่างทั้งหมดต่างก็แตกตื่นกันเป็นแถบ ทว่าก็ไม่มีผู้ใดที่ออกจากโบสถ์แห่งนี้แม้แต่คนเดียว ทันทีที่ทุกคนลงมาด้านล่างแล้ว นัมจุนรีบชี้หน้าใส่โรเวนนาและประกาศกร้าวทันทีอย่างไม่รีรอให้มากความ


    "โรเวนนา! ปล่อยวิเวียน ลาเรียน่าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นพวกเราจะต้องใช้กำลังกับเจ้า!"


    "กล้าหาญมากเหล่าองครักษ์ของสโนว์ไวต์ พวกเจ้าล้วนทำให้เขาโมโหมาก" นางพูดขึ้นมาหลังจากที่ลูกธนูออกมาจากข้อมือของตนเองได้สำเร็จ โลหิตสีดำไหลออกมาจากบาดแผลและไหลลงมาตามนิ้วมือของนางจนหยดลงบนพื้นไม้ไปสามหยด โรเวนนาขยับศีรษะของตนเองสองสามครั้งก่อนจะกล่าวออกมาอย่างโหดเหี้ยม "ถ้าหากอยากพบเจอกับสโนว์ไวต์นัก ข้าก็จะจัดให้ตามความประสงค์ของพวกเจ้า นำตัวมา!"


    สิ้นสุดคำสั่งของนาง โลงแก้วที่ประดับไปด้วยเหล่าดอกไม้สวยงามที่จองกุกกับชองฮาเจอในตอนแรก็ถูกเคลื่อนเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ เรียกความสนใจทั้งหมดของทุกคนหันไปมองอย่างรวดเร็ว และพบว่าบุคคลที่อยู่ภายในโลงแล้วกำลังนอนหลับใหลราวกับสโนว์ไวต์ที่เฝ้ารอเจ้าชายรูปงามเข้ามาจุมพิศเพื่อให้ตื่นจากฝันร้ายและห้วงนิทรานี้ ทันทีที่โลงแก้วถูกเข็นเข้ามา โรเวนนากางแขนทั้งสองออกพร้อมกับกิ่งไม้สีดำผุดออกมาจากพื้นที่กวัดแกว่งไปมาอย่างมีชีวิต


    ทั้งจองกุกและชองฮาต่างก็รีบขยับกายหนีทันทีที่เห็นภาพนั้น จีมินกับมินกยูต่างก็วิ่งเข้าไปพยุงทั้งสองให้ลุกขึ้นมาจากพื้นเพื่อเตรียมการต่อสู้ ในตอนนี้สายตาทั้งสองของทุกคนต่างก็จับจ้องมองไปที่โรเวนนาเพียงผู้เดียว ไม่คาดไม่ฝันเลยว่าจะได้มาประมือกับนางอย่างจริงจัง เฉกเช่นในตอนนี้


    "อยากจะคุ้มครองปกป้องนักใช่ไหม! ได้! ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็จงมาประมือกัน!!" โรเวนนาประกาศกร้าว "หลังจากนี้พวกเจ้าทุกคนจะได้ไปรับใช้นางสารเลวสโนว์ไวต์ในขุมนรก! สมใจอยาก!!"


    สุดเสียงนั้น โรเวนนาวาดมือจากศีรษะลงมายังลำตัวก่อนจะสะบัดมือยื่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทันทีที่นางสะบัดมือให้ยื่นไปข้างหน้า เหล่ากิ่งไม้สีดำที่อยู่ด้านหลังของนางก็พุ่งเข้ามาที่เด็กๆทั้งเก้าคน ต่างคนต่างก็หลบแรงปะทะนั้นไปคนละทิศคนละทาง ขณะเดียวกันนั้นเองก็ต้องประมือกับกลุ่มคนที่สืบเชื้อสายโรเวนนาอีกด้วย ร้อยต่อเก้านั้นไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะชนะอยู่แล้ว ทำให้โรเวนนานั้นมีความมั่นใจว่านางต้องชนะเด็กทั้งเก้าคนนี้อย่างแน่นอน


    ในเมื่อกลุ่มเด็กทั้งเก้าคนต่างก็ตกอยู่ในท่าทีที่เสียเปรียบอย่างแน่นอนแล้ว ทำให้ทุกคนต่างก็เอาหลังชนหลังเพื่อเตรียมพร้อมกับการต่อสู้ครั้งนี้ ในมือแต่คนมีอาวุธขนาดแค่หยิบมือ สิ่งที่จะสามารถเอาชนะโรเวนนาได้นั้นก็ต้องอาศัยความคิด พลังกาย ใจ ความว่องไวและไหวพริบมากพอสมควร


    "เอายังไงดีครับพี่นัมจุน" มินกยูหันไปถามนัมจุน "พวกมันมีเยอะเหลือเกิน"


    "ตามแผนของเราเลย"


    "พี่ยังไม่ได้บอกผมกับพี่ชองฮาเลยนะครับ" จองกุกกระซิบ "แผนเป็นไง"


    "จองกุก นายหาทางไปที่โลงแก้วและทุบให้กระจกแตกซะ จีมินกับชองฮาเข้าไปคุ้มกันจองกุก แล้วก็และพาแทฮยองขึ้นรถรางหนีออกไปจากที่นี่ เราต้องตามหากระจกวิเศษให้ได้และทำลายมันซะ เพราะโรเวนนาสิงสู่อยู่ในกระจกวิเศษเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว หากเราทำลายกระจกซึ่งเป็นที่สิ่งสู่ของนางก็อาจจะสังหารนางได้"


    "แล้วคนที่เหลือล่ะคะ" ชองฮาถาม


    "อัดให้เรียบ"


    จบประโยคของนัมจุน ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางตามหน้าที่ตนเองได้รับมอบหมายเอาไว้ ต่างคนต่างก็เข้าตะลุมบอนกลุ่มคนที่สืบเชื้อสายโรเวนนาที่พุ่งเข้ามาหมายที่จะเข้ามาทำร้ายอย่างดุเดือด ส่วนทางด้านจองกุก จีมินและชองฮาต่างก็พุ่งเข้าไปที่โลงแก้วที่แทฮยองกำลังนอนสลบไสลอยู่


    "อึก!"


    "ชองฮา!"


    จีมินร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าชองฮาถูกกิ่งไม้สีดำของโรเวนนาปัดกระเด็นไปอีกทาง เธอไอออกมาเสียงดังหลังจากที่แผ่นหลังของเธอกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรงด้วยความจุกเสียด มือทั้งสองกำแน่นเพื่อฝืนยันร่างของตนเองให้ลุกขึ้นมาแต่ก็ทำได้ยากยิ่งนัก เพราะตอนนี้โรเวนนาได้เดินเข้ามาเหยียบแผ่นหลังของเธอไม่ให้ลุกขึ้นมา


    "พวกเจ้าทั้งสองจงหยุดบัดเดี๋ยวนี้!" โรเวนนาตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้ไปที่จองกุกกับจีมิน "หากคิดแม้แต่จะทุบโลงให้แตก ข้าจะฆ่าแอนนี่เสีย!"


    "จีมิน! นายทุบเลย! ไม่ต้องห่วงเรา! ช่วยแทฮยองก่อน!"


    ชองฮาตะโกนเสียงดัง


    "หุบปากไปนางเด็กสารเลว" โรเวนนากระทืบเท้าลงบนแผ่นหลังของชองฮาอย่างแรงจนเธอร้องออกมาเสียงดังด้วยความจุกแน่น "คิดหรือว่าองครักษ์คุ้มครองสโนว์ไวต์เช่นพวกเจ้าทั้งหมดจะคุ้มครองคนที่รักสุดหัวใจได้ นี่คือบาปของพวกเจ้าที่บังอาจทรยศต่อสายเลือดตัวเอง พวกเจ้าทั้งหมดต้องได้รับกรรมอย่างสาสม"


    "ข้าว่านั่นควรเป็นเจ้ามากกว่านะ โรเวนนา" จองกุกตอบ "เจ้าฆ่าคนไปมากมายเป็นเวลาพันๆปี วิญญาณของคนเหล่านั้นไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ก็เพราะอาฆาตแค้นเจ้า พวกเขาตายอย่างไม่เป็นธรรม เช่นนั้นคนที่ควรรับโทษไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นเจ้าต่างหาก"


    "จากนี้ ผลกรรมที่เจ้าได้ลงมือทำเอาไว้มันจะกลับมาสนองคืนเจ้า เจ้าไม่มีวันหลุดออกจากห้วงนรกนี้ไปได้"


    จบประโยคของจีมิน เขารีบคว้าก้อนหินที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาและลงน้ำหนักทุบลงไปที่โลงแก้วอย่างแรงจนกระจกแตกดังลั่น โรเวนนกรีดร้องเมื่อเห็นว่ากระจกของโลงแก้วแตกแล้ว อีกทั้งตอนนี้แทฮยองก็เป็นอิสระและกำลังจะหนีไป ไฟโทสะของนางพุ่งพรวดอย่างห้ามไม่ได้ กิ่งไม้สีดำที่อยู่ด้านหลังของนางก็พุ่งเข้ามาที่จองกุกกับจีมินอย่างรวดเร็ว


    "เงา! จับไอ้เด็กพวกนี้เร็วเข้า! อย่าให้หนีไปได้!"


    "รับทราบพะย่ะค่ะ"


    ทันใดนั้นเองเงาที่อยู่ด้านหลังของราชินีโรเวนนาก็พุ่งเข้ามาหาจองกุกอย่างรวดเร็วพร้อมกับมีดสั้นในมือ ร่างสูงเบี่ยงหลบอย่างรวดเร็วก่อนที่ใบมีดเข้าพุ่งเข้าเสียบร่าง เขากำหมัดและสวนเข้าไปที่ท้องของเงาอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเงาเองก็เบี่ยงหลบได้ทันเช่นกัน ในขณะที่จองกุกกำลังชะงักนั้น เขายกเท้าขึ้นมาพร้อมกับเตะไปที่สีข้างของเงาอย่างแรงจนเงาปลิวกระเด็นไปไกล


    "พี่จีมินครับ! รีบพาพี่แทฮยองหนีไปเร็ว" จองกุกตะโกนบอกจีมิน ทันใดนั้นเองเงาที่ลุกขึ้นมาจากพื้นได้พุ่งเข้ามาหาจองกุกอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองคว้าเข้าที่เอวพร้อมกับวิ่งเร็วๆหมายที่จะทุ่มร่างของเขาให้กระแทกกับพื้น ซึ่งมันก็เป็นดั่งที่เงาได้คาดการณ์เอาไว้ แผ่นหลังของร่างสูงกระแทกเข้าที่พื้นอย่างแรง


    "เก่งมากสำหรับองครักษ์ของคิมแทฮยอง" เงาตอบพลางดึงผ้าปิดหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าปิดหน้าสีดำ


    "ครูฮาซองแทก" ร่างสูงพูดเสียงเบาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ "ผมนึกไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นครู"


    "มึงบังอาจมากที่แย่งหน้าที่คุ้มครองแทฮยองของกูไป" ฮาซองแทกกล่าว "พวกมึงทั้งหกคนเป็นหนามยอกอกของกูมาโดยตลอด กูแค่อยากจะรักและอยากจะปกป้องคิมแทฮยอง แต่พวกมึงทั้งหกแย่งหน้าที่ของกูไป ซ้ำยังแย่งความรักไปจากกูด้วย พวกมึงมันหน้าด้าน"


    "ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับว่าคนเป็นครูเขาพูดคำหยาบกับเด็กนักเรียนได้ด้วย" จองกุกแค่นหัวเราะพร้อมกับฝืนยันร่างของตนเองให้ลุกขึ้นมา "เป็นครูที่ดีไม่ชอบสินะ ชอบสะกดรอบตามคนอื่นจนทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปหมด"


    "มึงอย่ามาทำเป็นรู้ดี!" ฮาซองแทกชี้หน้า "กูแค่อยากจะให้แทฮยองอยู่ในสายตา กูพยายามทำมาโดยตลอด แต่พวกมึงทั้งหกกลับแย่งหน้าที่เหล่านั้นไปจากกูหมด! ทั้งหมด! กูจะฆ่ามึง! จอนจองกุก!"


    ทันใดนั้นเองฮาซองแทกก็พุ่งเข้ามาหาจองกุกอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ทว่าตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้าและหมายที่จะฉีกร่างของจองกุกเป็นชิ้นๆ ให้สมกับที่กลุ่มเด็กทั้งหกได้แย่งความรักไปจากเขา เขากวัดแกว่งมีดสั้นในมือไปมา ทว่าจองกุกเองก็หลบได้ทุกกระบวนท่าเช่นกัน


    ทั้งหมัดทั้งลูกเตะต่างพุ่งเข้าหาจองกุกโดยไม่ทันให้เขาได้พักหายใจ ฟันบนล่างกัดแน่นจนเป็นสันนูนเนื่องจากสะกดกลั้นความเหนื่อยของตนเองเอาไว้ ขณะนั้นเองใบมีดแหลมเล็กได้พุ่งกรีดเข้าที่ต้นแขนซ้ายของจองกุกอย่างรวดเร็ว โลหิตสีแดงไหลออกมาจากบาดแผลและไหลออกมาตามท่อนแขนแกร่งของเขา มืออีกข้างที่ว่างรีบยกขึ้นมาปิดบาดแผลของตนเองทันทีเพื่อไม่ให้โลหิตไหลออกมามาก


    "จองกุก!"


    ชองฮาร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นภาพนั้น เธอรีบหมุนตัวอย่างรวดเร็วในขณะที่โรเวนนาเผลอ นางร้องออกมาเสียงดังเมื่อนางได้คืนสติ ตวัดสายตาหนึ่งครั้งและพบว่าชองฮารอดพ้นจากการจับกุมไปแล้วและกำลังวิ่งตรงไปหาจองกุก ทันใดนั้นเองนางก็รับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่บริเวณเอวขวาของนางอย่างแรง



    มีดสั้น



    "แอนนี่!!" โรเวนนาร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นมีดสั้นปักอยู่ที่เอวของนาง มือข้างขวารีบดึงมีดสั้นออกมาอย่างรวดเร็ว เล็งไปที่แผ่นหลังของชองฮาก่อนจะปาออกไปอย่างรวดเร็ว


    โชคดีที่ชองฮารับรู้ถึงเหตุการณ์ต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอ เธอรีบคว้าตัวของคนที่สืบสายเลือดโรเวนนาที่กำลังจะทำร้ายซอกจินกับนัมจุนที่บาดเจ็บเข้ามาอย่างรวดเร็ว ปลายมีดพุ่งเข้าไปที่ลำคอของเขาอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นส่งเสียงในลำคอออกมาอย่างยากลำบากก่อนจะแน่นิ่งไป ชองฮาปล่อยมือออกและทิ้งให้ชายคนนั้นนอนจมกองเลือดของตนเอง


    "ขอบคุณนะชองฮา!"


    ชองฮาชูนิ้วโป้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกเท้าทั้งสองขึ้นมาพร้อมกับพุ่งเตะเข้าไปที่สีข้างของฮาซองแทกจนเขานั้นกระเด็นไปไกล ชองฮารีบเข้าไปพยุงร่างของจองกุกให้ลุกขึ้นจากพื้น


    "เป็นอะไรหรือเปล่าจองกุก" เธอถาม "เดี๋ยวพี่ทำแผลให้นะ"


    เด็กสาวคว้าเอาผ้าสีขาวที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกางออกและมัดเข้าไปปิดบาดแผลของจองกุกให้เลือดหยุดไหล ถึงแม้ว่าจะปฐมพยาบาลให้เลือดหยุดไหลไม่ค่อยได้ แต่อย่างน้อยก็ขอให้เลือดมันไหลออกมาไม่มากเหมือนเมื่อกี้ก็แล้วกัน


    "ขอบคุณครับพี่ชองฮา" จองกุกกล่าวก่อนที่จะถูกชองฮาพยุงให้ลุกขึ้นจากพื้นและพาไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆเพื่อตั้งหลักก่อน


    ขณะเดียวกันนั้นเองโรเวนนาตวัดสายตามองไปที่โลงแก้วที่แตกไปเรียบร้อย พบว่าจีมินกำลังพยุงร่างไร้สติของแทฮยองขึ้นมาจากโลงแก้วและกำลังพาหนีออกไป นางยกมือทั้งสองขึ้นพร้อมกับสะบัดมือยื่นไปข้างหน้า กิ่งไม้สีดำพุ่งเข้าไปหาจีมินกับแทฮยองอย่างรวดเร็ว จีมินเบิกตากว้างทันทีที่เห็นภาพนั้น เขารีบพุ่งเข้าไปกอดร่างของแทฮยองที่กำลังสลบไสลอยู่นั้นจากด้านข้าง เพื่อใช้ร่างของตัวเองเป็นเกราะขวางกั้นเพื่อไม่ให้ร่างบางต้องได้รับอันตราย แม้ว่าเขาอาจจะไม่รอดแล้วก็ตาม


    "ไม่นะจีมิน!" ยุนกิร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นภาพนั้น จีมินหลับตาและกอดร่างของแทฮยองแน่น อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ตายอย่างไร้ค่า อย่างน้อยเขาก็ได้ช่วยแทฮยองเอาไว้ ต่อให้เขาต้องหมดลมหายใจด้วยน้ำมือของโรเวนนา เขาก็ไม่ได้เสียดายชีวิตเลย


    "ไม่!!!" ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน


    "ย้ากกกก!!"



    ฟึ่บ!!



    ฉึก!!



    "กรี๊ดดดดดด!!"


    เสียงกรีดร้องแหลมๆของโรเวนนาดังขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของทุกคนต่างก็เบิกกว้างเมื่อเห็นภาพนั้น ภาพของมีดที่พุ่งปักเข้าที่อกข้างซ้ายนาง ราชินีทมิฬดีดดิ้นไปมาอย่างทรมาน มือทั้งสองก็พยายามดึงมีดออก ทันใดนั้นเองนางก็ถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้าที่ปลายคางอย่างแรงจนหลังกระแทกกับพื้น ร่างนั้นหมุนตัวลงบนพื้นสามครั้งก่อนจะยืนขึ้นมาอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    "เฉินเลี่ยงหลิน!" มินกยูร้อง


    "มาไฟต์กันแบบนี้แต่ไม่นัดกันเลย" เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับดึงมีดออกมา ก่อนที่จะหันหลังชนกับคนอื่นๆ "นิสัยไม่ดีเลยนะพวกนายนี่"


    "ก็เห็นว่าวันนี้เธอช่วยป๊าทำงานนี่นา ก็เลยไม่อยากจะรบกวน"


    "ป๊าเราเพิ่งมาบอกเมื่อวานว่าวันนี้ร้านหยุด เราก็เลยนอนยาว"


    "แล้วรู้ได้ไงว่าพวกเรามาที่นี่น่ะ"


    "ยูคยอมส่งข้อความมาหาเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วว่าแทฮยองกำลังตกอยู่ในอันตราย แล้วเราไม่ได้อ่านเพราะหลับอยู่ หลังจากที่กินข้าวเสร็จก็เปิดข้อความก็มาอ่าน แล้วเราก็รีบบึ่งมาที่นี่"


    "โห นึกว่ามือสังหารของพวกเราจะไม่มาแล้วซะอีกนะเนี่ย" ยูคยอมแซว "อุตส่าห์ส่งไปชวนเพื่อมาตีม่อน ถ้าไม่มานี่คือเสียดายแย่เลยอะ"


    "เปรียบเทียบได้เห็นภาพเลยนะนายนี่" เฉินเลี่ยงหลินกล่าว เธอยกมือทั้งสองขึ้นมาตั้งการ์ดเพื่อเตรียมประมือกับฝ่ายตรงข้าม "มีใครพอจะรู้ไหมว่ากระจกวิเศษอยู่ที่ไหน"


    "เราต้องนั่งรถรางไป มันอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโบสถ์" นันจุนกล่าว


    "ถ้างั้น เรามาตีม่อนในชีวิตจริงกันเถอะ ดูท่าทางแล้วจะสนุกกว่าในเกมอีก"


    "สนุกแน่นอนเพื่อนพ้องน้องพี่ เอาเลย!"


    จบประโยคนั้นของยูคยอม ทุกๆคนต่างก็เข้าตะลุมบอนกับฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับเป็นครั้งที่มีขวัญกำลังใจมากที่สุดเพราะมีเฉินเลี่ยงหลินเป็นผู้นำในการประมือ เนื่องจากว่าในตอนเด็กของเธอนั้นได้ฝึกฝนร่างกายเพื่อเป็นศิลปะป้องกันตัวและเอาไว้ใช้ในยามคับขัน แล้วในตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เธอรอคอยมานแสนนานเหลือเกิน


    โรเวนนาที่มองเห็นทุกอย่างเป็นดาวเป็นเดือนที่ยังไม่ได้สติ นางลุกขึ้นและเดินเซไปเซมาเพราะแรงกระแทกเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงจนล้ม นางดึงมีดสั้นที่ปักอยู่ตรงอกข้างซ้ายออกอย่างรวดเร็วและปาลงบนพื้น ก่อนจะชี้ไปที่กลุ่มเด็กทั้งหมดและประกาศกร้าว ขณะเดียวกันนั้นเองนางก็เหลือบไปเห็นจีมินที่พยุงแทฮยองเดินออกไปแล้ว "ฆ่าไอ้เด็กพวกนี้ให้ได้! แล้วก็รีบไปจับตัววิเวียนด้วย! วิเวียนหนีไปแล้ว!"


    "อย่าคิดแม้แต่จะแตะตัวเขาแค่ปลายเล็บนะ! นางราชินีลูกหมา!" ชองฮาตะโกนลั่นพร้อมกับชี้หน้าใส่โรเวนนาอย่างโกรธเคือง ตอนนี้เธอเก็บความโกรธของตนเองเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ซ้ำยังปะทุราวกับภูเขาไฟระเบิดทุกครั้งที่เธอเห็นโรเวนนากำลังยุ่มย่ามกับเพื่อนของเธอ


    "พวกมึงเป็นอะไรทำไมชอบด่าคนอื่นว่าลูกหมา ทั้งๆที่พวกมึงก็ชอบลูกหมา!"


    โรเวนนาหัวเสียเป็นอย่างมาก นางสะบัดมือยื่นไปข้างหน้าอีกครั้งพร้อมกับกิ่งไม้สีดำพุ่งเข้าหาจองกุกกับชองฮา เด็กทั้งสองหลบได้อีกครั้งก่อนจะวิ่งผ่านโรเวนนาไปอย่างรวดเร็ว นางรู้ทันทีเลยว่าเป้าหมายที่เด็กทั้งสองวิ่งไปหานั้นคือแทฮยองนั่นเอง นางรีบหมุนตัวหนึ่งครั้งก่อนจะกลายเป็นเหล่านกกาและบินออกไปอย่างรวดเร็ว


    "จองกุก! ชองฮา! รีบไปช่วยจีมินและขึ้นรถรางไปหากระจกวิเศษเร็วเข้า" โฮซอกตะโกนบอก


    "แล้วพี่ล่ะครับ!"


    "ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา! เดี๋ยวตามไป!" มินกยูตะโกนตอบอีกเสียงหนึ่ง ทำให้ชองฮาต้องรีบคว้าข้อมือของจองกุกและวิ่งออกจากโบสถ์ทางด้านหลังทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา


    ส่วนทางด้านจีมินที่พยุงร่างไร้สติของแทฮยองและพยายามวิ่งผ่านทางเดินแคบๆ ก่อนจะออกมาทางด้านหลังของโบสถ์ มือทั้งสองก็พยายามพยุงร่างของแทฮยองขึ้นรถรางอย่างทุลักทุเล ถึงแม้ว่าตนเองจะรู้สึกเหนื่อยแต่ก็ต้องข่มเอาไว้ในใจ เขาจับร่างของคนตัวเล็กพิงเข้ากับแผ่นไม้ของรถรางและเอื้อมมือที่จะไปสับคันโยกเพื่อให้รถวิ่งออกไป ทว่าขณะนั้นเองจองกุกกับชองฮาที่วิ่งตามมาก็เข้ามาพอดี ก่อนกระโดดขึ้นรถรางไปด้วยกันเพื่อตรงไปยังที่ซ่อนของกระจกวิเศษ


    "จีมิน สับคันโยกเลย เราต้องรีบไปแล้ว" ชองฮาบอก


    จีมินเอื้อมมือไปสับคันโยกของรถรางหลังจากที่จองกุกกับชองฮาขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่มันจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆก่อนจะเพิ่มความเร็วมากขึ้น ภาพของโบสถ์ที่ใช้ทำพิธีสังเวยเลือดนั้นเล็กลงเรื่อยๆจนสุดสายตา ตรงไปยังแสงสีเหลืองซึ่งเป็นบริเวณที่กระจกวิเศษถูกเก็บเอาไว้อย่างที่นัมจุนได้บอกไว้ก่อนหน้านี้





    #ลาเรียน่าออลวี





    TBC. [07.12.2019]

    เราได้ย้ายพาร์ทของสโนว์ไวต์มารวมอยู่ในตอนนี้แล้วนะคะ เพื่อที่ว่าตอนต่อไปทุกคนจะได้อ่านฉากบู๊แบบทั้งตอนเลยค่ะ รับรองได้เลยว่าต้องสนุกและมันแน่นอนค่ะ เชื่อใจเราในการเขียนฉากบู๊ได้เลย ระดับมือโปร (ยักคิ้ว) (หลงตัวเองแบบนี้ก็ได้เหรอวะ55555555555)

    อีกไม่กี่ตอนก็จะถึงบทสรุปของเรื่องนี้แล้วนะคะว่ามันจะเป็นยังไง อย่าลืมติดตามตอนจบของเรื่องนี้ไปด้วยกันนะคะ ไปส่งทุกคนให้ถึงฝั่งฝันด้วยกันแล้วก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนก่อนน้า จับมือแล้วพาพวกเขาไปถึงตอนจบของเรื่องนี้ด้วยกันนะคะ


    ท้ายสุดแล้วเราก็ขอฝากติดตามเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ อย่าลืมเฟบ โหวต กดให้กำลังใจ สกรีมฟิคในทวิตเตอร์และคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะค้าาาา ฟีดแบคดีเท่ากับเรามีกำลังใจและตอนต่อไปน้า อยากบอกว่าเรานี๊ดเมนต์ของทุกคนมากๆเลย สักเมนต์หนึ่งเราก็มีกำลังใจในการทำงานและเขียนฟิคต่อไปแล้วค่า เมนต์ให้เราหน่อยนะคะ TT


    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×