กำลังใจของชายพิการ
trumpboyz
สายลมพัดผ่านใบหน้า และร่างกายของเขา เม็ดเหงื่อไหลลงโทรมกาย เสื้อกล้ามสีแดง ขอบสีขาว มีตราสัญลักษณ์รูปธงชาติไทยติดอยู่ที่หน้าอก กำลังพัดปลิวไปด้านหลัง กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขากำลังตื่นตัวทุกสรรพางค์กาย หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการก้าว มือทั้งสองข้างสับเปลี่ยนข้างกันอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อขาอันสมบูรณ์กำลังก้าวหน้าต่อไปอย่างเร็ว เขาสูดหายใจถี่และหนัก เขากำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มแรง
    ขณะนี้รอบตัวของเขา ปกคลุมไปด้วยความมืดมิด แต่กลับมีปลายทาง เป็นแสงสีขาวส่องสว่างอยู่ไกลออกไป เขาต้องการวิ่งให้เร็วที่สุด เพื่อจะออกไปจากความมืดมิดอันน่ากลัวนี้ เขาต้องการแสงสว่าง เขาต้องการทางออก
    ประตูสีขาวสาดแสงเข้ามา ทำให้รู้สึกแสบตา แต่เขาไม่คิดจะย่อท้อต่อมัน ความกล้าผสมปนเปกับความกลัวผลักดันให้เขามีกำลังเพื่อจะวิ่งต่อไป เขาวิ่งตรงไปที่ทางออก ทางออกใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับความเร็วที่ค่อยๆลดลง
    แต่แล้วเขาก็รู้สึกแปลกใจ ทั้งที่เขาวิ่งอย่างสุดแรง แต่มันแทบไม่เกิดผล ความเร็วของเขาค่อยๆลดลงจนหยุด เขายังคงก้าวขาต่อไป แต่ความพยายามนั้นกลับไม่ก่อให้เกิดสิ่งใด เขาก้มลงมอง ขาของเขาจางหายไป หายไป จนแทบมองไม่เห็นแล้ว บัดนี้มีเพียงต้นขาเท่านั้นที่ยังคงขยับไปมา ถัดจากนั้นลงไป กลับกลายเป็นความมืดมิดสุดจะหยั่ง
    “อ้าาาาาาาาาาา!!” เขาแผดเสียงร้องออกมา
++++++++++++++++++++++++
    ร่างของเขาขยับไปมาด้วยแรงผลักกับแรงดึงสลับกัน พร้อมกับเสียงของหญิงสาวผู้หนึ่ง ที่กำลังร้องเรียกเขาอย่างเป็นห่วง
    “พี่พายคะ พี่พาย เป็นอะไรไปคะ” เสียงของวารี ศรีภรรยาของพายร้องอย่างตื่นตระหนก
    พายลืมตาตื่นขึ้น ใบหน้าของเขาถูกประพรมไปด้วยเม็ดเหงื่อ ร่างกายถูกจัดให้นอนหงาย ลมหายใจถูกสูดเข้าออกอย่างเร็วไม่เป็นปกติ สายตาของเขาทอดไปเบื้องบน วารีชะโงกหน้าอยู่เหนือตัวเขา ใบหน้าของเธอแสดงความเป็นห่วงที่ออกมาจากใจ ไม่มีวี่แววของการเสแสร้งแต่อย่างใด
    “พ
.พี่
.ฝันร้ายน่ะ” พายตอบอย่างยากเย็น
    “ฝันเรื่องเดิมอีกหรือคะ” น้ำเสียงของวารี เต็มไปด้วยความกังวล
    “อืม
..ใช่  แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ไม่มีอะไรมากหรอก นอนเถอะ” พายพยายามพูดให้วารีคลายกังวล เขาไม่ต้องการให้ภรรยาของเขาต้องมาคิดมาก แล้วนอนไม่พอ กับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้
++++++++++++++++++++++++
    ค่ำคืนผ่านเลยไป ดวงตะวันโผล่หน้ามาจากริมขอบฟ้าฝั่งตะวันออก แสงสีทองซัดสาดแผ่ผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ให้กลายเป็นสีทองแห่งรุ่งอรุณ กลุ่มเมฆสีเทาที่กระจายเป็นก้อนเต็มท้องฟ้า ถูกแสงสีทองปะปนเข้าไป ภาพบนท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ จึงดูสวยงามราวกับสรวงสวรรค์ก็มืปาน
    พายค่อยๆเผยอเปลือกตาขึ้น แสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างบานใสเข้ามา พายยันกายลุกขึ้น แล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อย พลางมองหน้าภรรยาสาว ซึ่งกำลังนอนหลับสนิท ใบหน้าของเธอดูมีความสุข ราวกับเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา เมื่อเทียบกับเขาที่ถูกความเครียดรุมเร้า จนรอยเหี่ยว รอยย่น เกิดขึ้นเร็วกว่าวัยอันควร ทั้งที่เขาอายุเพียงยี่สิบเก้าปี แต่ใบหน้าราวกับสามสิบห้าได้ ต่างกับภรรยาของเขาอย่างสิ้นเชิง ปีนี้วารีอายุครบยี่สิบห้าปี แต่ใบหน้าราวกับเด็กวัยรุ่นอายุสิบเก้า จนเพื่อนๆพากันล้อเขาว่า มีเมียเด็ก
    พายคิดไปเรื่อย โดยไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้า กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่วารีลืมตาตื่นขึ้นแล้วทักว่า
    “เป็นอะไรคะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” เสียงของเธอช่างไพเราะเหลือเกิน
    พายเลือกที่จะก้มลงจุมพิตเบาๆที่หน้าผากของเธอ แทนคำตอบ เพราะจุมพิตนี้แฝงความหมายไว้มากมายมหาศาลเหลือจะพรรณนาเป็นคำพูดได้ สัมผัสอันอบอุ่น และความรักถ่ายทอดจากริมฝีปากเข้าสู่ผิวกายบริเวณหน้าผาก พายหวังเหลือเกินว่าความรู้สึกทั้งหลายทั้งมวลในจิตใจของเขา รวมกับความรักที่ไม่อาจเปรียบเทียบกับสิ่งใด จะส่งผ่านไปถึงวารีได้ทั้งหมด
    วารีผละออกมา แล้วยิ้มให้เขา ยิ้มของเธอทำให้โลกอันมืดมัวของพาย สดใส ราวกับแสงอาทิตย์ส่องผ่านหมู่เมฆหมอกที่มืดครึ้ม สร้างความอบอุ่นแก่หัวใจที่เหี่ยวเฉาของพาย
    “ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะค่ะ เดี๋ยวรีจะเตรียมอาหารเช้าให้” วารีเอ่ย พลางเอื้อมไปหยิบไม้ค้ำมาให้พาย พายรับมาแล้วกระเถิบไปที่ข้างเตียงแล้วพยายามลุกขึ้นยืน โดยมีวารีประคองอยู่ข้างๆ
    พายพาร่างของเขาเข้ามาในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าออก แล้วเปิดน้ำฝักบัวให้ราดรดลงบนศรีษะ พลางพิจารณาดูร่างกายอันสมบูรณ์แข็งแรง หน้าอก หน้าท้องที่ประกอบขึ้นจากกล้ามเนื้อเป็นมัด ร่างกายของนักกีฬา ร่างกายของนักวิ่งทีมชาติไทย เพียงแต่บัดนี้ ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว นั่นคือ ร่างกายของผู้พิการคนหนึ่ง
    พายมองต่ำลงเพื่อพิจารณาขาข้างซ้ายของเขา ต้นเหตุแห่งความท้อแท้ในจิตใจของเขา ขาที่ไร้เรี่ยวแรง และไร้ความรู้สึก ราวกับมันไม่ใช่ขาของเขาอีกต่อไป พายคิดถึงวันเวลานั้น วันที่เขาต้องเสียขาข้างนี้ไป สายน้ำไหลลงกระทบศรีษะของเขา ชโลมเส้นผมให้ชุ่มไปด้วยน้ำ สายน้ำดูจะช่วยรื้อฟื้นความเจ็บปวดได้ง่ายนัก ความทรงจำอันเจ็บปวดจึงค่อยๆหวนคืนกลับเข้ามาในสมอง ความทรงจำของวันนั้น
.
++++++++++++++++++++++++
    สองปีที่แล้ว
    “พาย วันนี้แล้วสินะ” ไม้ เพื่อนรักของพายพูดให้กำลังใจเขา “วันนี้คือวันที่เรารอคอย”
    “ใช่ เราตรากตรำ ฝึกซ้อมกันมานานก็เพื่อวันนี้” พายพูดอย่างฮึกเหิม “ถ้าวันนี้เราชนะ เราได้ไประดับโลกแน่นอน”
    “เตรียมตัวให้พร้อมเถอะ อีกสองชั่วโมงจะถึงรายการของเราแล้วนะ” เปลว เพื่อนรักอีกคนของพายเอ่ยขึ้น
    “แล้ววารีล่ะ มาใช่ไหม” ปฐพี เพื่อนรักอีกคนแซวเขา “หวานกันจังนะ เพื่อนชักอิจฉาแล้วนะ”
    พายได้แต่ยิ้มอย่างเก้อเขิน ในขณะที่เพื่อนอีกสามคนหัวเราะครืน
    วันนี้เป็นการแข่งขันวิ่งแข่งโอลิมปิกรอบสุดท้าย เพื่อนรักทั้งสี่คนลงวิ่งแข่งผลัดสี่คูณร้อย พวกเขาหวังไว้มากกับการแข่งขันครั้งนี้ เพราะเป็นครั้งแรกของนักกีฬาไทยที่ได้เข้าแข่งรอบสุดท้ายของโอลิมปิก ประชาชนชาวไทยหลายสิบล้านคนฝากความหวัง และส่งกำลังใจมาให้พวกเขาทั้งสี่
    หลายเดือนหลายปีมานี้ เขาซ้อม แล้วลงวิ่งแข่งในระดับชุมชน ระดับจังหวัด จนถึงระดับประเทศ พวกเขาทั้งสี่ ฝึกซ้อมและฝ่าฟันกันมาด้วยกัน จนในที่สุดความพยายามของเขาก็สัมฤทธิ์ผล ทั้งสี่กลายเป็นนักกีฬาวิ่งแข่งทีมชาติไทยที่ฝีเท้าดีที่สุด ทั้งการวิ่งผลัด ความสามัคคี การรู้ใจกัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่นักวิ่งทุกคนต้องมีร่วมกัน บางครั้งสิ่งเหล่านี้กลายเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่ แต่ไม่ใช่สำหรับทั้งสี่ ทั้งสี่คนเป็นเพื่อนรักกันมานาน ทำให้คุณสมบัติทั้งสองข้อนี้ ไม่เป็นปัญหากับพวกเขาแม้แต่น้อย
++++++++++++++++++++++++
    ก่อนการแข่งขันสิบห้านาที สหายทังสี่กำลังทาน้ำมันมวยและนวดขาให้เกิดกำลัง และความพร้อม
    “ฉันชักไม่ค่อยมั่นใจแล้วน่ะ” เปลวพูดเสียงอ่อยๆ ความกังวลเริ่มเกาะกินจิตใจของเขา
    “เฮ้ย! คิดอย่างนั้นได้ไง พวกเราต้องทำได้ซี” ไม้โพล่งขึ้น “ไอ้พี แกไหวใชไหม” ไม้ทัก ปฐพี เมื่อเป็นเพื่อนของเขาหน้าซีดๆชอบกล
    “ไหวๆ ไหวสิ ฉันแค่ตื่นเต้นมากไปหน่อย เดี๋ยวก็หาย ถามไอ้พายดีกว่า นายผลัดแรกไม่ใช่หรือ” ปฐพีหันมาถามพาย
    “แน่นอน ฉันพร้อม” พายพูดอย่างมั่นใจ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “ใครมาน่ะ” พายเอ่ยถาม
    “ฉันไปดูเอง” ไม้พูดพลางลุกขึ้นไปที่ประตู ทันทีที่ประตูเปิดออกก็เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง
    “เฮ่อ! แฟนใครมาเนี่ย” เปลวแซว “อย่าหวานให้มากนะ” เปลวพูดพร้อมกับที่พายยิ้มให้ในขณะที่เดินไปหาวารี
++++++++++++++++++++++++
    พายพาวารีมาเดินเล่นข้างนอก เขาคิดว่าการมาเดินเล่นกับวารี คงจะคลายความตื่นเต้นไปได้ ซึ่งนั่นก็ไม่ผิด ความตื่นเต้นหายไปมากทีเดียว
    “พี่พาย พร้อมไหม รีจะเชียร์พี่อยู่ข้างบนอัฒจันทร์นะ” วารีพูดพลางยิ้มกว้าง
    “พี่จะทำให้ดีที่สุด เพื่อรีจ๊ะ” พายพูดพลางโบกมือขึ้นเหนือหัว “ดูสิ วันนี้สายลมพัดเป็นกำลังใจให้กับพี่ พี่ต้องทำได้แน่นอน เพราะพี่เป็นลูกของพระพาย พ่อพี่เป็นคนตั้งชื่อนี้เอง”
    “ถ้าอย่างนั้น รีก็เป็นลูกของสายน้ำสิ“ วารีพูดแล้วหัวเราะคิกคัก ท่าทางของเธอช่างน่ารักเหลือเกิน พายไม่เคยรักผู้หญิงคนใดเท่านี้มาก่อนเลย
    พายก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของวารี วารีหลับตาลงเพื่อจะรับเอาความรู้สึกของพายไปให้มากที่สุด พายก็พยายามส่งความรู้สึกไปทั้งหมดเช่นกัน
    “พี่พาย รีจะรอดูพี่อยู่ข้างบนนะ” วารีพูดแล้วยิ้มกว้าง “ทำให้ดีที่สุดนะจ๊ะ”
    “จ๊ะ” พายตอบสั้นๆ พลางมองดูวารีวิ่งข้ามถนนไป เพื่อจะขึ้นบนอัฒจันทร์ ทันใดนั้นพายก็เหลือบไปเห็น
    “รี!! ระวัง!” พายไม่หยุดคิด เขาวิ่งตรงไปที่วารี แล้วพุ่งรวบตัวเธอพุ่งออกจากทางเดินของรถยนต์คันหนึ่งที่วิ่งตรงมาอย่างเร็ว โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆทั้งปวง
    พายก้มหน้าลง ร่างของวารีอยู่ใต้ร่างของเขา เขายิ้มให้วารี วารีทำหน้าราวกับจะร้องไห้
    “ไม่เป็นไร ใช่ไหม” พายพูดยิ้มๆ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา ความรู้สึกแปลกๆปกคลุมไปทั่วร่าง ในขณะที่เขาพยายามลุกขึ้น วารีลุกขึ้นมาเห็นก่อนเขา
    “กรี๊ด!!!” วารีแผดร้องเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า “พี่พาย ขาของพี่”
    พายเหลือบไปมองขาซ้ายของเขา ที่บัดนี้ชุ่มไปด้วยเลือด ราวกับถูกเทราดด้วยสีแดง ไม่มีความรู้สึกใดๆเกิดขึ้น ในบริเวณนั้นอีก แม้แต่ความเจ็บปวดก็ตาม
++++++++++++++++++++++++
    การแข่งขันวิ่งคราวนั้น ทีมชาติไทยจำต้องสละสิทธ์การวิ่งผลัดไป เพราะนักกีฬาไม่ครบ หลังจากอุบัติเหตุพายต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที วารีตามเขาไปทุกที่ ไม่ห่างจากเขาเลย และเธอก็ไม่หยุดร้องไห้เช่นกัน
    วารีเอาแต่โทษตัวเอง เธอคิดว่าเป็นความผิดของเธอที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ เขาต้องบาดเจ็บ ทั้งยังต้องพลาดการแข่งขันที่สำคัญ และยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต แต่พายกลับไม่เคยคิดโทษวารีเลยสักครั้งเดียว เขารู้สึกดีใจมากกว่า ที่ได้ช่วยรักษาชีวิตของวารีไว้ เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา คือ วารี อย่าว่าเพียงแค่ขาข้างเดียวเลย ต่อให้ชีวิตเขาก็มอบให้วารีได้
    หลังจบการแข่งขัน เพื่อนรักทั้งสามของเขามาเยี่ยม พวกเขาไม่โทษ และไม่โกรธพายเลย เพื่อนทั้งสามเห็นว่า พายทำในสิ่งที่ดีแล้ว ถูกแล้ว พวกเขาพยายามพูดปลอบใจพายให้ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องกังวล ทำให้พายรู้สึกซาบซึ้งและรักเพื่อนทั้งสามขึ้นอีกมาก และรู้สึกไม่เสียใจเลยที่ได้สหายอันประเสริฐทั้งสามคนนี้
    จากอุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้เขาเสียขาซ้ายไป เกือบจะสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีโอกาส โอกาสที่ขาของเขาจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม หมอบอกว่า เขาจำเป็นต้องรับกายภาพบำบัด ซึ่งจะหนักและใช้เวลาพอสมควร คงจะใช้เวลาประมาณสองถึงห้าปี ขึ้นอยู่กับความพยายามและความอดทนของพายเอง
    ซึ่งแน่นอนพายตกลงรับการเข้ารับการรักษาทันที ด้วยเหตุผลเพียงประการเดียว วารี เขาไม่ต้องการให้วารีรู้สึกเหมือนเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต ไม่ต้องการให้วารีรู้สึกผิด ไม่ต้องการให้วารีรู้สึกไม่สบายใจ ที่เขาต้องการคือ มอบความสุขให้กับเธอต่างหาก
    ในขณะที่เขานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เขาตัดสินใจขอเธอแต่งงาน เธอตอบตกลงทั้งน้ำตา เขาบอกเธอว่า ต้องการให้เธอแต่งงานกับเขา เพราะรักเขา ไม่ใช่เพราะความรู้สึกรับผิดชอบ แต่เธอยืนยันว่าเธอรักเขาจากใจจริง ขณะนั้นพายมีความสุขที่สุดในชีวิต
    ในวันงานแต่งงานทั้งคู่มีความสุขกันมาก แขกเหรื่อต่างมาอวยพรกันมากมาย เขารู้สึกไม่ดีที่วารีต้องมีสามีเป็นคนพิการ แต่วารีไม่เคยคิด และกังวลในเรื่องนั้นเลย ซึ่งครอบครัวของเธอก็ยอมรับเขาทั้งนั้น ทั้งยังเป็นห่วงเป็นใย คอยช่วยเหลือเขาอีกต่างหาก เขาจึงรู้สึกตื้นตันใจ และตั้งปณิธานว่า เขาต้องกลับมาเดินเป็นปกติให้ได้ เพื่อเธอคนนี้ วารี
++++++++++++++++++++++++
    พายยื่นมือไปหมุนก๊อกน้ำ เพื่อปิดมัน สายน้ำหยุดไหล เขาเอื้อมหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดตามส่วนต่างๆของร่างกายให้แห้ง อีกหนึ่งชั่วโมง เขาต้องไปถึงโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับกายภาพบำบัด ซึ่งสาหัสไม่น้อย แต่เขาก็ไม่เคยคิดย่อท้อ เขาพยายามอดทน เหตุผลเดียวคือ เธอ
    “พี่พายคะ อาบน้ำเสร็จหรือยัง”
    “เสร็จแล้วจ๊ะ” พายตอบกลับไป เขาเปิดประตู ออกไปหาภรรยาสาว ที่เตรียมอาหารเช้าให้เขาแล้ว
++++++++++++++++++++++++
    หนึ่งชั่วโมงต่อมาวารีพาเขามาส่งที่โรงพยาบาลก่อนที่เธอจะเลยไปทำงาน
    “ตั้งใจนะคะ” วารีเอ่ยกับพาย พลางหอมแก้มพายหนึ่งทีก่อนเดินไปขึ้นรถ เพื่อจะขับไปทำงาน เพียงแค่นี้พายก็มีกำลังใจที่จะทนรับกายภาพบำบัดอันสุดแสนทรมานอีกหนึ่งวัน
    พายเดินเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยจิตใจกล้าหาญ กำลังใจเปี่ยมล้น พายนั่งรอแพทย์ประจำของเขาที่หน้าประชาสัมพันธ์ ด้วยว่าวันนี้แพทย์ประจำของเขานัดให้มาเร็วกว่าปกติเล็กน้อย เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นว่าจะมีเหตุการณ์อะไร
    ไม่นานนักเสียงฝีเท้าหลายคู่ก็มาหยุดลงที่ข้างหลังพาย โดยที่เขาไม่รู้สึกตัว จนผู้มาเยือนยื่นมือมาแตะที่บ่าของเขา พายหันไปมอง
    “ไงเพื่อน” ไม้ทัก เป็นเพื่อนทั้งสามของเขานั่นเอง
    “คือ วันนี้ไม่มีซ้อมน่ะ เลยว่างมาเยี่ยม” ปฐพีเอ่ย
    “ขอบใจนะ ฉันคิดถึงพวกนายแทบแย่” พายยิ้มกว้างให้ทั้งสาม
    “ดีขึ้นมากแล้วนี่ เดือนที่แล้วยังเดินไม่ได้เท่านี้เลยนะ” ไม้สังเกต
    “ใช่แล้วล่ะ พักนี้เริ่มเดินได้แล้ว ไม่นานคงเป็นปกติแล้วล่ะ” พายตอบ “บางครั้งไม่ต้องใช้ไม้ค้ำแล้วนะ”
    “นั่นเป็นข่าวดีมากเลยนะ” เปลวยิ้มตอบ “ไว้กลับมาวิ่งด้วยกันอีกนะ”
    ทั้งสี่หัวเราะพร้อมกัน ความสัมพันธ์ของเพื่อนไม่เคยแปรเปลี่ยน และจางหายไปแต่อย่างใด ตรงกันข้ามนับวันยิ่งเหนียวแน่นมากขึ้นด้วยซ้ำ
++++++++++++++++++++++++
    ไม่นานนักแพทย์ประจำของพายก็เดินมาหาเขา
    “สวัสดีครับ หมอวิท” พายยกมือไหว้แพทย์ที่ให้การรักษาเขา พวกเพื่อนของเขาทั้งสามก็ยกมือไหว้เชนเดียวกัน หมอวิทยกมือไหว้ตอบพลางยิ้มให้
    “คุณพายครับ วันนี้ผมมีข่าวดีมาบอกคุณล่ะ” คำนี้ทำให้พายถึงกับออกอาการฉงนเล็กน้อย
    “ข่าว
.ข่าวดีหรือครับ”
    “ใช่ครับ คือดูจากอาการของคุณตอนนี้ หมอมั่นใจว่า อีกไม่เกินสองเดือนคุณจะต้องหายเป็นปกติแน่ๆเลยครับ” ได้ยินเพียงแค่นั้น พายอยากจะลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นให้รู้แล้วรู้รอด สิ่งที่เขาพยายามอดทนมาตลอดสองปี ในที่สุดมันก็ให้ผลตอบแทนกับเขาแล้ว
    “จริงหรือครับ” พายถามอย่างตื่นเต้น
    “อ้าว! หมอจะโกหกไปทำไมล่ะครับ” หมอวิทยิ้มให้เขา
“ดีใจด้วยนะเพื่อน” เปลวพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ เพื่อนๆต่างพากันตบไหล่พาย
“ถ้าอย่างนั้น อดทนอีกสักหน่อยนะครับ อีกแค่สองเดือนคุณจะหายแล้ว วันนี้ไปทำกายภาพบำบัดต่อนะครับ” หมอวิทเอ่ย
   
“ได้ครับ คุณหมอ” พายพูดอย่างเต็มใจ
++++++++++++++++++++++++
    ห้าโมงเย็น พายโทรศัพท์ไปหาวารี แจ้งข่าวดีของเขาให้เธอฟัง น้ำเสียงของเธอดูตื่นเต้นไม่แพ้เขา เขาบอกให้เธอมารับ แล้วจะบอกรายละเอียดให้ฟังทีหลัง
    พายวางหูโทรศัพท์ แล้วไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าประชาสัมพันธ์ ทุกครั้งวารีจะมาเจอกับเขาที่นี่ ซึ่งจากที่ทำงานของเธอ เธอใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็จะมาถึงโรงพยาบาล พายจึงรอวารีอย่างใจจดใจจ่อ
    และแล้วครึ่งชั่วโมงผ่านไป วารีก็ยังไม่มา พายไม่คิดอะไร คิดว่าวารีคงจะติดงาน หรือรถติดจึงทำให้ล่าช้า เขาจึงยังคงนั่งรอต่อไป
    หกโมงเย็นผ่านไปวารีก็ยังไม่มา งานของเธอคงจะมาก หรือรถติดหนักแน่ๆ เขาลองลุกขึ้นไปโทรศัพท์ไปที่ทำงานของเธอ เพราะเธอไม่มีโทรศัพท์มือถือ ที่บริษัทบอกว่า เธอออกไปตั้งแต่ห้าโมงเย็น
.
    หนึ่งทุ่ม พายเริ่มกระสับกระส่าย วารีเป็นอะไรไป
    สองทุ่ม พายทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับวารีกันแน่!!!
    เขาเดินไปที่โทรศัพท์ เพื่อโทรบอกเพื่อนทั้งสามของเขา คนที่รับสายคือไม้ พายเล่าให้ไม้ฟังถึงความล่าช้าอันน่ากังวลของวารี ทั้งๆที่เธอออกจากบริษัทมาในเวลาปกติ ไม้สัญญาว่า จะพยายามสืบหาให้ พายจึงค่อยวางใจไปเล็กน้อย พายกลับมานั่งที่ประชาสัมพันธ์เหมือนเดิม
    สามทุ่ม พายคิดกังวลไปต่างๆนาๆ เกิดอะไรขึ้นกับวารี เธอเป็นอะไรไป เพื่อนของเขาหาเธอพบหรือยัง พายอึดอัดจนอกแทบจะระเบิด ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับวารี เขาจะทำอย่างไร เขาจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีเธอ วารี
.วารี
.วารี
    สี่ทุ่ม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นประชาสัมพันธ์สาวรับโทรศัพท์ วินาทีต่อมาเธอประกาศออกลำโพง
    “คุณพายคะ คุณพายคะ โทรศัพท์ค่ะ”
    พายเดินตรงไปที่ประชาสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์สาวยื่นโทรศัพท์ให้โดยไม่พูดอะไร
    “พายครับ” พายพูด
    “พายเหรอ นี่ไม้นะ เอ่อ
คือ
.เอ่อ
..นายตั้งใจฟังนะ
.เอ่อ
.”
    “อย่าอ้ำอึ้งได้ไหม มีอะไรก็พูดมาเถอะ” พายภาวนาในใจ อย่าให้มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับวารีเลย
    “เอ่อ
.นายทำใจดีๆนะ
.คือว่า
.วารี
วารีประสบอุบัติเหตุรถชนน่ะ”
    สายฟ้าอันรุนแรง ฟาดลงกลางอกของพาย ราวกับจะพยายามแยกอกของพายให้กระจายออกจากกัน
    “วารีเป็นอะไรบ้างไหม” พายพูดรัวเร็ว
    “เอ่อ
เธอบาดเจ็บสาหัส
..ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล”
    ราวกับสายฟ้านับร้อยนับพันสาย รุมกระหน่ำใส่ทั่วทั้งร่างกายของพาย สายฟ้าฟาดลงกลางดวงใจ ทำให้ดวงใจของเขาแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ความโศกเศร้าเสียใจเกินจะประมาณได้ถาโถมซัดเข้าใส่เขา น้ำตาลูกผู้ชายที่หยุดไหลมากว่าสิบปี กลับไหลอาบลงมาโดยไม่สามารถหยุดยั้งได้ พายทิ้งหูโทรศัพท์ลงข้างตัว แล้วเดินออกจากโรงพยาบาลไปราวกับศพที่ไร้วิญญาณ โทรศัพท์ยังคงส่งเสียงของไม้มาตามสาย
    “พาย พาย แกอย่าทำอะไรบ้าๆนะ พาย ได้ยินไหม พายยยย
..”
++++++++++++++++++++++++
    พายเดินไปบนถนน เดินขึ้นไปบนสะพานกรุงเทพ รถมากมายวิ่งสวนไปมาขวักไขว่ แสงไฟหน้ารถสาดใส่กัน เสียงบีบแตรดังสนั่น แต่พายไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ประสาทสัมผัสเขาด้านชา การรับรู้เป็นอัมพาต
    วารี
.วารี
..วารี
    เพียงคำเดียวที่จิตใจของเขาพร่ำคิดอยู่เสมอ หัวสมอง จิตใจ ของเขาว่างเปล่าจากสิ่งอื่น นอกจากวิ่งเดียวเท่านั้น วารี
    เขาคิดถึงใบหน้าของเธอ ร่างกายของเธอ น้ำเสียงของเธอ รอยยิ้ม การกระทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ ภาพความทรงจำที่เกี่ยวกับเธอไหลผ่านหัวสมองของเขาราวกับฉายภาพจากแผ่นฟิล์ม เธอคือ ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ที่เขาทนอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อเธอ เขาทิ้งความฝันก็เพื่อเธอ เขาทนกายภาพบำบัด ก็เพื่อเธอ เขาพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อเธอ
    วารีก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง เธอเป็นกำลังใจของเขา เธอเป็นแรงกาย แรงใจของเขา เธอเป็นแสงอาทิตย์ให้ความอบอุ่นในจิตใจของเขา เธอเป็นแสงจันทร์นุ่มนวลโอบอุ้มเขา เธอคือสายน้ำที่ช่วยชีวิตเขาจากเพลิงผลาญอันร้อนแรง เธอคือสายลม ที่ช่วยต่อลมหายใจของเขา ถ้าขาดเธอเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เธอคือดวงใจของเขา ไม่มีร่างกายใดที่อยู่ได้โดยปราศจากดวงใจ เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
    พายเหม่อมองออกไปบนผิวน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสะท้อนแสงระยิบระยับกับดวงจันทร์กลมโตที่ส่องสว่างอยู่เหนือน่านฟ้ายามค่ำคืน สายลมพัดโบกพัดเอาเสื้อของเขาปลิวไปด้านหลัง แม่น้ำเจ้าพระยะที่เปรียบเสมือนสายเลือดที่หล่อเลี้ยงชีวิตของประชาชนคนไทยมาช้านาน ก็เปรียบเหมือนวารีที่เป็นสายเลือดหล่อเลี้ยงให้เขามีกำลังใจจะอยู่ต่อไป บัดนี้ไม่มีเธอแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปเพื่ออะไร
    พายปีนขึ้นไปบนขอบสะพานในใจของเขาไม่คิดสิ่งใดอีกต่อไป ขาของเขาหมดแรงอย่างกระทันหัน ทิ้งร่างอันอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ทั้งแรงกาย แรงใจ ลงสู่พื้นน้ำสีดำเบื้องล่าง
    ขณะที่พายลอยอยู่กลางอากาศนั้น ภาพสุดท้ายแวบเข้ามาในจิตใจ ภาพที่เขามอบจุมพิต ประกบปากกับวารีด้วยความรัก ความทะนุถนอม บัดนี้เขาจะไปอยู่กับเธอ ตลอดกาล วารีเบื้องล่างกำลังอ้าแขนรอรับเขาอยู่ พื้นน้ำสีดำดูจะต้อนรับเขาไปอยู่ด้วยกัน สายลมพัดผ่านเขาไปอย่างเร็ว เสียงสายลมกระทบเข้าสู่โสตประสาท คล้ายกับเสียงคร่ำครวญ เสียงคร่ำครวญของพระพาย ผู้เป็นบิดาของพายเอง เสียงคร่ำครวญของพ่อที่จะต้องเสียลูกไป พายรู้สึกอุ่นใจ วิญญาณเขาจะไปอยู่กับสายลม และวิญญาณของวารีบนสรวงสวรรค์ ร่างกายของเขาจะทิ้งลงสู่พื้นน้ำ ร่างกายของเขาก็จะกลับไปอยู่กับวารีเช่นเดียวกัน
..
    ความหวัง กำลังใจ คือ พลังงานของมนุษย์ ไม่มีมนุษย์ใดที่อยู่ได้โดยปราศจากความหวังและความรัก ถ้ามนุษย์สูญเสียสองอย่างนี้ไป ชีวิตจะหมดค่า และหมดความหมายทันที ถ้าท่านคิดถึงความรักของคู่ชีวิต ท่านก็ต้องไม่ลืมความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกด้วย การกระทำของพายในครั้งสุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านลองคิดดูว่า เป็นสิ่งที่ถูกหรือไม่ การเสียสละชีวิตเพื่อคนที่รักโดยไร้ประโยชน์นั้น เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วอย่างนั้นหรือ การทีชีวิตอยู่เพื่อคนที่เรารักต่างหาก แม้คนรักของเราจะจากไป แต่คนรักของเราไม่ได้มีเพียงคนเดียว พ่อแม่ ครอบครัว ญาติมิตร สหาย โปรดอย่าทำให้เขาเสียใจ ถ้าท่านยังเห็นเขาเป็น “คนรัก” อยู่
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น